Re: ด้วยจิตคารวะ (ฉันท์ชั้นเอก จาก ชิต บุรทัต)
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
08 พฤษภาคม 2024, 02:59:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ด้วยจิตคารวะ  (อ่าน 147416 ครั้ง)
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2012, 06:15:AM »

      เสียงสิงคาล

        ชิต  บุรทัต

(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
๏ ดำเนินนิทานพรร              ณนะฉันทะดำเนิน
โดยนัยประหนึ่งเชิญ             กวิชาติวิจารณ์ฉันท์
๏ สังเขปสรุปข้อ                 นยะย่อและพอยัน
เย้าให้หทัยหัน                    คติแห่งมิถูกเหิน
๏ หวนหาวิถีธรรม                และมิพลำเพราะจำเริญ
รอยปราชญ์ฉลาดเดิน           ดุจะธีระมีหวัง
๏ วุฒิ์ว่องสนองสม               กะนิยมนิยายยัง
กล่าวด้วยฤดีฝัง                  พจิฝาก บ เฟือนเฝือ
๏ ผิดบ้างผิพลั้งหน่อย           ผลน้อยก็เนื่องเจือ
จริงเจตน์ณเหตุเหลือ            จะแถลงเฉลยความ
๏ หากเพลงมิแกล้งพลาด       ก็ บ ขาดประคองนาม
"ศรีกรุง" พยุงพยายาม          ปฏิสนธิสืบเสริม ฯ

(ฉบัง ๑๖)
๏ เรื่องนี้มีนัยมาเดิม             อินเดียราชย์เฉลิม
พระนามไฉนไม่แถลง
๏ สอบสมนิยมอย่างแฝง        พระนามตามแสดง
ที่เล่าคือเค้าคำเฉลย
๏ ธโง่งมโมหะเปรย              ปรารมภ์ชมเชย
แต่เรื่องล้วนเหลวเลวเขลา
๏ ตีขลุมพลุ่มพล่ามยามเอา     โทษผิดสะกิดเกา
มิรู้ดำริพิจารณ์
๏ เหตุเป็นเช่นนี้เนื่องนาน      เนื่องถึงซึ่งกาล
จะเกิดอุบาทว์บัดดล
๏ ท้าวกลุ้มโกรธรุมรึงกมล       คืนค่ำคำรน
ตระหนักสำเนียงเสียงหอน
๏ ราชฐานปานทิพย์อมร         แมนสถิตถึงตอน
ราตรีฉะนี้น่าเสบย
๏ แต่ไรกาลไหนไม่เคย          จู่จู่อยู่เฉย
ชิพวกอ้ายหมามารุม
๏ ราชวังพรั่งชนชุมนุม           นระทั่วมั่วสุม
สะพรั่งและพร้อมล้อมวัง
๏ เพียงสุนัขจักไล่ไม่ฟัง         เหลือพละประทัง
และฤๅอมาตย์อาจหาญ
๏ อำมาตย์สนองราชโองการ    แด่พระนฤบาล
ณ นามสรณะคมนีย์
๏ ขอเดชบารเมศภูมี             มากรวมสรวมศี 
ระทวยทุคคตะเต็มเข็ญ
๏ คือพรรคสุนัขพันธุ์นั้นเป็น    สัตว์ต่ำบำเพ็ญ
พิธีคะนองของมัน
๏ ที่แท้แพร่ทราบศัพท์สรรพ์    ครวญคร่ำรำพัน
และหวนเพราะโหยโดยหนาว
๏ จึ่งราช ธ ประภาษในราว     เรื่องคดีมี่ฉาว
ฉะนี้ไฉนใคร่ฟัง
๏ หมาเห่าเหล่านั้นมันหวัง      เหตุใดให้ดัง
ฤดีด้วยมีปรารถนา
๏ เจ้ารู้อยู่จงบ่งมา               บอกหมายมาดหา
เห็นได้ก็ได้ดุจประสงค์
๏ อำมาตย์แจ้งราชจำนง        ทูลพนอขอจง
ทราบใต้ฝ่าเบื้องบทธุลี
๏ แท้จริงสิงคาลมานสรี-       ระหนาวร้าวนี-
ระสุขสยองเย็นครัน
๏ ใคร่สบความอบอุ่นอัน        มีแห่งเหมันต์
ฤดูระดมลมหนาว
๏ ผ้าเสื้อเพื่อใช้ในคราว        น้ำค้างพร่างพราว
จะห่อจะหุ้มคลุมกาย
๏ เทวะ! พระอย่าดูดาย         มิฉะนั้นมันตาย
จะต้องบาปข้องบทมาลย์

(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
๏ ทราบโดยสดับเส            วกะเจตนาการ
ทูลแสร้งแถลงสาร              ปริยายขยายสม
๏ จอมภูมิผู้โง่                   พหุโมหะงงงม
แต่ราชะปรารมภ์                มุทิตาและการุณ
๏ ทรงโปรดประสิทธิ์พาท      อนุญาตเพราะเจตน์จุน
จำนงประสงค์สุน-              ทรสุขณสิงคาล
๏ ตรัสสั่งกะเสวก               ธุระตกพนักงาน
โดยฉันทะบรรหาร              ดุจะเผือประภาษไข
๏ เบิกทอง ณ ท้องคลัง        เถอะจะรั้งจะรอไย
เร็วเรียกสิรีบไป                 ณตลาดตลอดหา
๏ ซื้อสรรพะภัณฑ์พัต-         ถะและวัตถุนานา
ส่วนนวมสนอบอา-             ทระสร้างกุฎีเสริม
๏ เพื่อสานติภาพคราว         อุตุหนาวสุนัขเดิม
เย็นเยือกเพราะเหตุเหิม        หิมะนั้นจะพลันหาย ฯ

(มาณวกฉันท์ ๘)
๏ ชอบหฤทัย              ใครบมิปาน
สมมนะมาน                มุ่ง ณอุบาย
ดำริและหวัง               ดั่งปริยาย
เสวกะหมาย               เจตนะหมุน
๏ เบิกธนทรัพย์           นับคณะถ้วน
กาญจนะล้วน             ทองนพคุณ
ค้าผลโดย                โปรยปริภุญช์
เพื่อเฉพาะขุน             อาตมะเอง
๏ อีกก็เฉลี่ย              เกลี่ยเพราะฉลาด
แบ่งกะอมาตย์            เล่นกลเพลง
อวยสหมิตร               ปิดมุขะเกรง
กร้าวภยะเยง              ย่อมจะมิเผย ฯ

(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)
๏ ล่วงกาละมามิจิระนับ             สรศัพท์สุนัขเคย
เห่าหอนกระฉ่อนก็บมิเฉย          และกระโชกกระชั้นฉาว
๏ บางรัตติมัชฌิมะก็หวน           ระยะคราวญ ณ ค่ำคราว
พึงเยือกระย่อหทยะราว             ทะลุโสตสยองเย็น
๏ จึ่งไท้ผทมกษณะหลับ           ธสดับสะดุ้งเป็น-
เหตุตื่นพระฟื้นนยะประเด็น        คติดั่งอดีตความ
๏ พรุกรุ่งพระเรียกมุขะอมัจจ์       พจนัตถะตรัสถาม
เยียใดสุนัขนิยมนะนาม            ทุรสัตว์ติรัจฉาน
๏ ชุมร้องและซร้องสรสดับ         สุรศัพทะกังวาน
ทุกหน ณ มณฑิระสถาน           บริเวณ บ วายมี
๏ อันประกาศิตะณเรา              เฉพาะเจ้าก็แจ้งดี
คือจุ่งผดุงธุระพะลี                  อุปการะหมาผอง
๏ สูไป่กระทำและผิวะทำ           ก็มิทำ ณ ทำนอง
ตูสั่งกระมัง, เอะก็และทอง         ขณะนี้น่ะอยู่หรือ
๏ เสวก บ ตกจิตะสนอง           นยะคล่องจะควรฤๅ-
ไป่ควรก็ทรงกรุณะคือ               กิจะข้อวโรงการ
๏ เผือพร้อมกระทำประดุจะราช     พจนาตถะบรรหาร
ทั้งผองมิผิดอุทิศะทาน              ทะนุซึ่งสุนัขสรรพ์
๏ ทรงหล้า ธ ปรารภะประหลาด    มนะราชประภาษพลัน
หากแน่ไฉนก็คณะมัน                เอะอะเห่าจะเอาใด ฯ

(อีทิสังฉันท์ ๒๐)
๏ เอกอมาตย์ฉลาดเฉลียวกระไร
พระราชะถาม บ คร้ามหทัย           และทูลความ
๏ ทรงพินิจเถอะผิดฤชอบก็ตาม
ไฉนจะคลาดพระราชคาม-           ภิโรบาย
๏ ข้าพระพทธเจ้าจะขอถวาย
วสัชนากถาภิปราย                    พระโปรดทราบ
๏ มันแสดงก็โดยนิสัยสภาพ
กตัญญุตาณกาละลาภ                ลุบรรสบ
๏ เนื่องเพราะพายุวาระพ้องกระทบ
กระทั่วจะวายสลายสลบ              และเหลือทน
๏ หนาวกระสับกระส่ายกระเสือกกระสน
ก็เหล่าและหอนเพราะเหตุทุรน       ทุรายครัน
๏ จึงพระองค์สิทรงกรุณากะมัน
พระราชทานอภัยและภัณ-            ฑะทั้งหลาย
๏ อาทิผ้าและเสื้อก็มากก็มาย
สฤษดิ์กุฎีประกอบสบาย               บ พานลม
๏ ด้วยสวามิภักดิรักบรม
กษัตริย์เสมือนมนุษย์นิยม             มิหย่อนคลาย
๏ เออก็กาละนี้แหละน่าจะหมาย
แสดงสดุดิ์ประดุจจะนาย              กะบ่าวทาส
๏ แม่นแหละหมายถวายชยาภิวาทน์
บมีอะไรจะไขประกาศ                 ก็เกริ่นเสียง
๏ สาธุการประสานกระแสเผดียง
เผดิมพระพรก็ไพเราะเพียง           กะเพลงพิณ
๏ ควรมิควรละล้วนประจักษ์พระจิน-
ตนาพินิจบพิตรก็ยิน                   ตลอดยาม ฯ

(ภุชงคประยาตรฉันท์ ๑๒)
๏ อะโห! โอ-กระนั้นแน่               แหละจริงแท้ถนัดความ
บมีสิ่ง ณ โลกสาม                     อะไรสิ่งจะจริงเหมือน
๏ พระราชาธปรารม-                   ภะเห็นสมคดีเตือน
ประโมทย์ปีติไป่เลือน                  ละลายลืมเพราะปลื้มเหลือ
๏ ระลึกบุญเหตุแห่ง                    พระองค์แจ้งและจุนเจือ
กรุณแรงบแฝงเฝือ                     กระทำใฝ่จะให้เห็น
๏ สุเมตธรรมะจรรยา                   นุวัตรฐานะบำเพ็ญ
อภัยทานพิทักษ์เป็น                   นิรันดร์ป้อง ณ สัตว์ปวง
๏ ประโยชน์อ้างนิยายอัน              แถลงสรรพ์เสนอดวง-
กมลผู้แสวงสรวง                       เสวยสานติ์สราญรมย์
๏ ผิไปถึงกระนั้นเพียง                 พิภภพเยี่ยงมนุษย์สม
ประสงค์สบสุโขดม                    ก็อาจได้และไป่สูญ
๏ แนะปัญหาสุภาษิต                  จะพึงคิด ณ เค้ามูล
นิทานนี้ก็เปรียบปูน                    ประหนึ่งเพชร ณ หินแล
                                          -(ตรองเทอญ) - ฯ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์, sunthornvit, รัตนาวดี, ♥หทัยกาญจน์♥, อริญชย์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, พี.พูนสุข, เมฆา..., บูรพาท่าพระจันทร์, Thammada, ไม่รู้ใจ, กาญจนธโร, ไร้นวล^^

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s