Re: ชื่นชมจากใจ ให้ "นายขนมต้ม"
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
16 พฤษภาคม 2024, 11:24:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ชื่นชมจากใจ ให้ "นายขนมต้ม"  (อ่าน 13505 ครั้ง)
rit sriduang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 65
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 39



« เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2011, 09:16:AM »

ขอร่วมแจมด้วยครับ

นายขนมต้ม
๑.อโยธยาธานินทร์คงสิ้นแล้ว…….
ยินเสียงแผ่วกระพรวนกับตรวนโซ่   
เศษซากเรือนดำดั่งตอตะโก   
กับเสียงโห่เหยียดหยามอย่างย่ามใจ

เชลยเอ๋ยอกร้าวเมื่อคราวล้ม
ขนมต้ม..กล้ำกลืนสะอื้นไห้
มองวัดวาถูกเผาเป็นเถ้าไอ
จากจัญไรพม่าผู้สามานย์

เรือนที่สืบเชื้อสายแต่ยายย่า
กลับต้องมาสิ้นบุญในรุ่นหลาน
ตกเป็นข้ารามัญอันธพาล
จะเนิ่นนานแค่ไหนยังไม่รู้

ศพเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นขี้เถ้า
วันที่เราทั้งหมดต้องอดสู
วันหน้าแม้ถ้ามีเป็นทีกู
มึงทุกผู้ทั้งหมดต้องชดใช้….
…………………..............…

๒.ช่วงเวลาทารุณช่างหมุนช้า
อาจนำพาบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่
เมื่ออังวะกษัตริย์ยกฉัตรชัย
จึงโปรดให้เปรียบมวยไปด้วยกัน

ว่ามวยไทยขึ้นชื่อฝีมือกล้า
มวยพม่าชาติเสือก็เหนือชั้น
มาเถิดมาเฉลิมวางเดิมพัน
เลือกพนันพม่าหรือว่าไทย

เสียงโห่ร้องตะโกนดั่งโจรป่า
จนพลับพลาราชันย์สนั่นไหว
มวยพม่าเชิงคล่องและว่องไว
ได้เปรียบใหญ่ยืนกร่างกลางเวที

ขนมต้มเผยร่างที่บางกว่า
แต่ใช่ว่าสีเลือดจะเผือดสี
ยังแดงเข้มและมีอย่างเคยมี
ยังไหลปรี่แน่นอัดในมัดเนื้อ 

แล้วคาดเชือกสองแขนจนแน่นหนา
สองดวงตาคมดุประดุจเสือ
ภาพเพื่อนถูกฆ่าเข่นตายเป็นเบือ
ไม่เคยเจือจากฝันแม้วันเดียว

พม่าสาวหมัดสาดก็พลาดเป้า
ต้องคมเข่าจนเคล็ดแหละเข็ดเขี้ยว
เข่านี้แทนข้าวอุ่นแหละคุณเคียว
ข้าวที่เคี้ยวจนใหญ่แต่ไรมา

เพลงแม่ไม้มวยไทยของไพร่หนึ่ง
จะพรั่นพรึงพิศวงถึงหงสา
จะหยุดเสียงคุยโวและโห่ฮา
จะเยียวยาหัวใจที่ไร้รัง

อีกหนึ่งมวยพม่าจึงปรากฏ
หยาดเหงื่อหยดชุ่มแขนถึงแผ่นหลัง
ว่ามวยไทยรู้มือกูหรือยัง
อย่าโอหังมาท้าพญายม

แต่เชิงมวยที่ผิดกันลิบลับ
การโต้กลับของนายขนมต้ม
หมัดศอกสับกับเท้าและเข่าคม
โถมถล่มพม่าจนตาค้าง

แด่ซากศพสหายที่ตายเกลื่อน
แต่ซากเรือนเคยอยู่จนตรู่สาง
แด่วัดวาเทียนธูปสถูปปรางค์
แด่ความฝันเลือนลางและจางล้า

จากยอดมวยคนหนึ่งไปถึงสิบ
ชั่วตาพริบเอวังสิ้นกังขา
มิทันน้ำจะล้นรูกะลา
คาวเลือดปร่ากระเด็นจนเหม็นดิน

เจ้าอังวะจึงทรงตบพระหัตถ์
หยุดปะหมัดได้ไหมกูอายสิ้น
มึงขืนสู้มิใช่จะได้กิน
เพราะมึงหมิ่นศัตรูด้วยดูเบา

อ้ายคนไทยนี่หรือฝีมือนัก
พิษสงหนักรอบจัดทั้งหมัดเข่า
ชัยชนะสิบหนแก่คนเรา
หัวใจเจ้า..กษัตริย์ยังศรัทธา

ถ้าคนไทยรู้รักจะยากแพ้
มิใช่แค่คอยคิดแต่อิจฉา
สามัคคีคงเส้นและคงวา
อโยธยาจะอับปางได้อย่างไร
……….................…………


๓.อิสรภาพเมื่อสาบสิ้น
จะได้กลิ่นว่าหอมกว่าหอมไหน
จะเห็นค่าเมื่อวันเสียมันไป
และอาจไม่มีวันได้มันคืน

รอเพียงแสงสายรุ้งวันพรุ่งนี้
อาจจะมีคนกล้าลืมตาตื่น
เพื่อกู้กรุงย่อยยับให้กลับยืน
เพื่อจะฟื้นดินปู่เป็นผู้นำ

ฟ้ายามเย็นยามนี้เป็นสีส้ม
ขนมต้มบอกลาขอบฟ้าค่ำ
ปราบพม่าราบคาบจนหลาบจำ
เขาได้ทำหน้าที่อย่างดีแล้ว….
…………………….

กลอนเก่า ๑๑  ตุลาคม ๒๕๕๑
เกลาใหม่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

panthong.kh, Prapacarn ❀, Thammada, คนกันเอง.., รัตนาวดี, อริญชย์, รพีกาญจน์, พ่อค้าพเนจร, yaguza, พี.พูนสุข, hathaichanok, ธันวาคม, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s