กลีบบุปผาหล่นวารีแล้วลี้ลับ แสงเดือนซับหยาดน้ำฟ้าคราหวนไห้ รัตติกาลแผ่วเพลงบรรเลงไพร ข้าฯผู้เดียวเปลี่ยวใดใครนำพา ยกจอกดื่มลืมอดีตยิ่งกรีดลึก ราดรู้สึกด้วยน้ำจัณฑ์หรือหรรษา เอื้อนบทกลอนกล่าวย้ำเพื่อร่ำลา มิอาจฝืนกำหนดฟ้าชะตาตน ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่ร้างเลิก ตะวันเบิกหาวห้วงสู่ร่วงหล่น พสุธาดังสุสานตำนานชน ลิขิตคนขีดเห็นล้วนเช่นกัน ตวัดปลายพู่กันสรรอักษร ก่อนอัมพรลาพรากจากบุหลัน อรุณแรกแทรกเยือนแล้วเพื่อนจันทร์ ต่างเราหันเหห่างหนทางตัว "Shumbala" | ศศิ...เสี้ยว เศษแสง แรงริบหรี่ ค่อนราตรี แล้วหนา หล้าเริ่มหลัว ลางเลือนล้า พาหวั่น ขวัญมืดมัว อกระรัว รานร้าว ทุกคราวไป รับรู้สึก ผูกพัน วันโศกเศร้า เพื่อนคลายเหงา เท่านั้น ที่จันทร์ได้ ปลอบประโลม โน้มแฝง แสงนวลใย รินลูบไล้ ใฝ่เพียง เคียงกมล แค่ได้เยือน เพื่อนรัก พักตร์มีสุข บรรเทาทุกข์ รุกไล่ ในทุกหน กี่ครั้งครา ลาผ่าน เอ๋ย..มานคน น้ำตาจันทร์ หลั่นหล่น จนทำใจ ศศิ...จร ก่อนหนา พร่าผ่อนแผ่ว อำลาแล้ว แคล้วจันทร์ อย่าหวั่นไหว ฝากโพยม โลมเยือน เพื่อนคนไกล ชอกฤทัย ให้นึกฝัง ยังมีจันทร์ "ดิน" |
โอ้..ศศิสิ้นแสงหรือแรงล้า
พสุธาคอยรับประทับขวัญ
หรือด้วยเจตน์จำนงจึงลงทัณฑ์
เพราะเจ้าปันแสงสู่ถึงผู้ใด
หากใจคงจงคืนมาชื่นหล้า
ซับน้ำตาธานินทร์สิ้นเหือดไห้
ทุกถ้อยคำอำลาแสนอาลัย
เพียงทอแสงแห่งใจมิไกลจันทร์
พสุธาคอยรับประทับขวัญ
หรือด้วยเจตน์จำนงจึงลงทัณฑ์
เพราะเจ้าปันแสงสู่ถึงผู้ใด
หากใจคงจงคืนมาชื่นหล้า
ซับน้ำตาธานินทร์สิ้นเหือดไห้
ทุกถ้อยคำอำลาแสนอาลัย
เพียงทอแสงแห่งใจมิไกลจันทร์