ตลุยยุทธภพ ตอนที่สอง
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
08 พฤษภาคม 2024, 12:37:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ตลุยยุทธภพ  (อ่าน 36627 ครั้ง)
ดอกกระเจียว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 317
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,264


จินตนาการในความว่างเปล่า


« เมื่อ: 11 มกราคม 2011, 03:50:PM »




ตลุยยุทธภพ ตอนที่สอง 

ความเข้าใจต่อโลกของจางฟงยี่


งามตะวันรุ่งดั่งทองสาดแสงฉาย
มวลหมอกอายยามเช้าตรู่ใบไม้ว่อน
เมื่อลมพัดกรูกราวไก่ลาคอน
โก่งคอขันปลุกคนนอนให้ตื่นตัว

จางฟงยี่ผลักหน้าต่างออกรับอรุญ
ท่ามกลิ่นกรุ่นกระทะไฟโชยไปทั่ว
“คงโกวตี่เป็นแน่ที่เข้าครัว”
เธอเผลอตัวแอบยิ้มอยากลิ้มลอง

ผัดผักบุ้ง ผัดกวางตุ้งใส่เนื้อหมู
ให้คิดดูพลางเหยียดกายไม่เศร้าหมอง
เป็ดในเล้ามันจะไข่ได้กี่ฟอง
ไอ้หมูอ้วนมันคงร้องเมื่อหิวแย่

เอ..เมื่อคืนมีใครมาเข้าฝัน
หรือเพียงคิดเท่านั้นช่างแปลกแท้
คิดถึงท่านพ่อจัง..เคยขี้แย
คราวย่ำแย่ฝันร้ายได้ท่านช่วย

ทุ่งหญ้ามองไกลไกลเหมือนผืนพรม
จางฟงยี่นึกชื่นชมในความสวย
หยาดน้ำค้างเยียบเย็นกระชุ่มกระชวย
นกน้อยสยายปีกสวยส่งเสียงจอเเจ


“เอาล่ะ..อย่าช้าเปล่าไปได้แล้ว”
เธอเสียงแจ้วอยู่คนเดียวจึงแน่วแน่
สู่โรงเลี้ยงคอกเล้าเฝ้าดูแล
ชะเง้อแง้ฟังขี้เหล้าเอาแต่กรน

คาดว่าสายนายตุ้ยถึงจะตื่น
เพราะดึกดื่นกรอกเหล้าเหมือนน้ำฝน
เมื่อคิดดูตัวเราเองเฝ้าทน
ด้วยอับจนจะแรมร้างห่างบ้านนอน

เคยฟังความถามไถ่คนได้ดี
ไปมั่งมีเด่นดังไม่เดือดร้อน
ไปยิ่งใหญ่จากการที่จากจร
ใช่หมูตอนรอนายถึงได้กิน

...................................................
ตะวันขึ้นสูงโด่งสาดแสงสาย
อ้อเสี่ยวตุ้ยลุกบิดกายพลางถวิล
มันเงียบจังเสียงใครก็ไม่ยิน
เดินโผลเผลเปรี้ยวปากลิ้นหิวสุรา

อยากจะถอนสักเป๊กจึงเรียกบ๋อย
“ไวไวหน่อยอยู่ไหนให้รีบหา”
พอสักครู่โกวตี่จึงโผล่หน้า
ดูทีท่าพร้อมฟังคำสั่งนาย

“จัดเบรกฟัสให้ชุดแบบสุดยอด
และอย่าลืมยอดข้าวนะสหาย
เอาไหเล็กเบาๆแบบสบาย
เมื่อคืนแทบตายเพราะไหใหญ่ไม่สู้ดี”

“รอสักครู่นครับท่านชาย” โกวตี่ว่า
ก่อนบ่ายหน้าสู่ห้องครัวโดยเร็วรี่
อ้อเสี่ยวตุ้ยคิดเปลี่ยวใจกระไรดี
แม่นางยี่ไปไหนหนอไม่รอเรา

จนอาหารคำสุดท้ายจึงถามว่า
“นี่โกวตี่บอกหน่อยหนาว่านายเจ้า
เธอไปไหนจึงไร้แม้แต่เงา
ปล่อยให้เจ้าเฝ้าร้านทิ้งการเรือน”

โกวตี่ตอบว่า
“นางคงไปเดินเล่นแถวฝั่งน้ำ
เป็นประจำครับท่านชายนางไร้เพื่อน
นี่ก็สายให้เฝ้าอยู่แต่เรือน
คงแชเชือนจิตใจกระไรดี

ถ้านางอยู่ข้าคงไปหาไก่ป่า
หากระต่ายมากนักหนาในเขตุนี้”
“เอ” อ้อเสี่ยวตุ้ยคิด”งั้นเห็นที”
ข้าจะเดินดูพงพีแก้กลุ้มใจ

เมื่ออ้อเสี่ยวตุ้ยลับหายเมื่อสายโด่ง
แลทั้งโรงเตี้ยมแสนเปลี่ยวไฉน
โกวตี่นั่งเลื่อนลอยมองป่าไพร
ถึงแสนไกลหุบเขาดำทมึน

.........................................................
ใบไม้แห้งแต้มแผ่นดินเป็นสีน้ำตาล
เมื่อลมผ่านล่วงกรูกราวทั่วแผ่นพื้น
บางจังหวะเสียงลมฟังดั่งเสียงสะอื้น
กระต่ายป่าแตกตื่นกระโจนไหว

จางฟงยี่รักความสงบเช่นนี้
รักแห่งพงพีอันชิดใกล้
เหมือนพรมแห่งรักคลี่ห่มคลุมดวงใจ
มิให้นางสั่นไหวต่อโลกทั้งมวล

แม่น้ำหยางสงบนิ่งเป็นสีคราม
ยังงดงามเฉกเช่นรักอันหอมหวน
คลื่นเบาเบาไหลคืนฝั่งเหมือนใครครวญ
ว่ารักมิสิ้นอบอวลในหัวใจ


 ทหารจอมเก๊ก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์, Music, --ณัชชา--

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 มกราคม 2011, 08:24:PM โดย ดอกกระเจียว » บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s