Re: ๐๐๐มุมกาแฟ๐๐๐
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
06 พฤษภาคม 2024, 07:34:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ๐๐๐มุมกาแฟ๐๐๐  (อ่าน 1277538 ครั้ง)
กาแฟดำ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 241
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,021



« เมื่อ: 28 สิงหาคม 2013, 10:37:AM »




ขอบคุณพันทองนะครับที่มาร่วมแจม..
กาแฟไปเจอกระทู้สุดโรแมนติคจากเวปพันทิปมาล่ะ
ขออนุญาติเอามาเก็บในกระทู้..แชร์ให้ได้อ่านกันครับ

"ขอแต่งงานในวันครบรอบคบกัน 7 ปี ที่ร้านอาหาร Zense (Central World)"

พี่งสมัครและเล่นพันทิป และนี่เป็นกระทู้แรกของผม

อยากจะแชร์ประสบการ์ณความทรงจำดีๆครั้งหนึ่งในชีวิต
เป็นการขอแฟนแต่งงานในโอกาสครบรอบที่คบกัน 7 ปี


ขอเริ่มเรื่องตั้งแต่สมัยมัธยม
ผมเรียนอยู่โรงเรียนชายล้วน ส่วนเธอเรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วน ทั้ง 2 โรงเรียนอยู่ไม่ห่างกัน
เธอมาช่วยแม่ของเพื่อนขายน้ำที่โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่  ที่โรงเรียนจะมีร้านน้ำ 2 ร้าน เรียกว่า
ร้านแก้วสีเหลืองและร้านแก้วสีฟ้า เธอมาช่วยแม่เพื่อนเธอขายน้ำที่ร้านแก้วสีฟ้า

ปกติผมจะกินร้านน้ำแก้วสีเหลือง แต่หากเธอมาช่วยแม่เพื่อนขายน้ำเมื่อไหร่ ผมจะเปลี่ยนร้าน
กินน้ำเป็นร้านแก้วสีฟ้าทันที เพราะผมอยากมองเธอ คนอื่นหลายๆคน ก็คงคิดเหมือนผม เพราะ
เป็นธรรมดาของโรงเรียนชายล้วน เห็นสาวเมื่อไหร่ ฮือฮากันตลอดๆ

ด้วยผมคนขี้อาย ไม่กล้าจีบผู้หญิง วันๆเล่นแต่ฟุตบอล และก็กลับบ้าน ดังนั้นเวลาเจอผู้หญิง ผมจะไม่กล้าเข้าหา
สุดท้ายก็ได้แต่มอง จนเรียนจบมัธยม 6

ผมเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่อยู่ต่างจังหวัด ปิดเทอมก็จะกลับมาบ้าน ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ผมเดินกับเพื่อนอีก 2 คนอยู่หน้าโรงเรียนเก่า เธอเดินสวนกับพวกผม แต่สิ่งที่เกิดคือ เพื่อนผมทักกับเธอ มันทำให้ผมประหลาดใจ
มันทำให้ผมคิดว่าน่าจะมีโอกาสแล้วเรา

และโอกาสก็มาถึง ในระหว่างปิดเทอมนั้นเองผมก็โทรคุยกับเพื่อน และก็รู้ว่าเพื่อนผมมีนัดซึ่งในกลุ่มมีเธอไปด้วย ผมไม่รอช้า ขอไปด้วยทันที

เราไปรถคันเดียวกัน เป็นรถเพื่อนผม โดยเพื่อนผมเป็นคนขับ ผมนั่งด้านหลังทางซ้าย ส่วนเธอนั่งหลังเหมือนกัน แต่เป็นทางขวา
โดยมีเพื่อนอีกคนนั่งคั่นกลาง  ความขี้อายและความกลัวของผมยังติดตัวผมอยู่ ไม่กล้าแม้แต่จะชวนคุย ได้แต่แกล้งหลับ ฟังพวกเพื่อนผม
คุยกับเธอ เมื่อหมดวันผมก็ยังไม่ได้ทำความรู้จักกับเธอเลย

กลับมาบ้านรู้สึกถึงความเสียดายที่ไม่ได้ทำอะไร ตัดสินใจขอเบอร์โทรศัพท์กับเพื่อนของผมในคืนนั้น
ผมรวบรวมความกล้าอยู่นาน สุดท้ายจึงกดโทรศัพท์ติดต่อไปหาเธอ แนะนำตัวและเริ่มคุย ไม่เคยจีบใคร
ก็พูดไม่ค่อยถูกตะกุกตะกัก สุดท้ายลองชวนเธอไปดูหนังด้วยกัน

ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าชวนเธอไปดูหนัง แต่ที่ไม่น่าเชื่อกว่าคือเธอตอบตกลง โดยในวันต่อมาผมไปดูหนังกับเธอ ยังจำได้ดี
ผมใส่เสื้อสีขาวลายดอกกับกางเกงยีน แบบว่าคิดว่าหล่อ แต่ตอนนี้กลับไปคิดอีกที ไม่น่าจะใช่น่ะ

ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเจอกันของผมกับเธออย่างเป็นทางการ แต่ผมก็ยังต้องกลับไปเรียนที่ต่างจังหวัดต่อ
กลับไปก็คิดถึงเธอ และเริ่มโทรคุยกันวันละหลายชั่วโมง

แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อยู่ดีเธอหายไป ผมโทรหาเธอแล้วเธอไม่รับสาย ผมเป็นคนไม่ตื้อคน เมื่อโทรหาเธอ 3 ครั้ง
ไม่มีการติดต่อกลับ ผมก็ไม่โทรไป เราขาดการติดต่อไปนาน แต่ด้วยที่เราคุยกันและเข้ากันได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผมตั้งตารอ
ดูโทรศัพท์ว่าเธอจะโทรมาเมื่อไหร่

ในที่สุดเธอก็โทรมาหลังจากหายไปหลายเดือน  ตัวผมไม่รู้สึกโกรธเธอแต่กลับดีใจที่เธอโทรมา และเราก็เริ่มโทรคุยกันใหม่
โดยยังคุยกันเหมือนเดินวันละหลายชั่วโมง

คุยกันและไปเที่ยวด้วยกันบ้างจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็เริ่มทำงาน โดยที่ทำงานผมอยู่ต่างจังหวัด
แต่เธออยู่ที่กรุงเทพฯ แต่เราก็ยังคุยกันไปเที่ยวด้วยกัน จนในที่สุดเราตัดสินใจคบกัน ตอนนั้นผมทำงานได้ 1 ปี

มาถึงวันสำคัญครบรอบคบกัน 7 ปี ผมคิดว่าถึงเวลาที่จะใช้ชีวิตคู่กับเธอ ผมต้องการเซอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงาน
ในวันครบรอบคบกัน 7 ปีนี้ ปกติเมื่อถึงวันครบรอบคบกัน เราจะไปกินข้าวด้วยกัน ครั้งนี้เหมือนเดิม แต่ผมเป็นคนเลือก
ร้านอาหาร ผมหาข้อมูลจากพันทิปจริงจังครั้งแรกก็ครั้งนี้ จนสุดท้ายผมได้ร้านอาหารที่จะไปฉลองกัน โดยโจทย์ผม
คือร้านอาหารที่โรแมนติค และทำให้เธอประหลาดใจ ดังนั้นครั้งนี้ผมไม่บอกว่าผมจะไปร้านอาหารอะไร ถึงแม้เธอจะพยายามถามผม

เมื่อมาถึงวันสำคัญของเรา เป็นวันครบรอบคบกัน 7 ปี ผมเตรียมแหวน ดอกไม้ และเพลงโปรดของเธอที่ผมเคยเล่นกีตาร์ให้ฟัง
เพื่อเซอร์ไพรส์

ผมทำงานในช่วงเช้า พอเที่ยงผมก็เดินทางมาร้านอาหาร Zense ที่ Central World ซึ่งมีการจองล่วงหน้าก่อนแล้วเพื่อเตรียมการ
โดยระหว่างทางที่ผมขับรถเข้ากรุงเทพฯ ผมโทรหาทางร้าน เพื่อขอให้ทางร้านช่วยเซอร์ไพรส์ด้วย ซึ่งทางร้านก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
เธอบอกผมว่าเธอจะทำให้ดีที่สุด เป็นคำที่ผมประทับใจ และมีความหวังว่าวันนี้ต้องผ่านไปด้วยดี

ขับรถมาถึงที่ห้าง Central World ต้องบอกว่ารถติดมากและใช้เวลานานกว่าจะหาที่จอดรถได้ โดยเดินทางไปถึงประมาณบ่ายสองครึ่ง
ผมหิ้วดอกไม้ แหวน และเพลงที่อยู่ใน Handy Drive ขึ้นลิฟท์เข้าห้าง Zen และต่อลิฟท์แล้วขึ้นไปร้านอาหาร
ลิฟท์เปิดออก ก็เป็นร้านอาหาร ผมเดินเข้าไปในร้านไปหา "คุณหม่อน" ซึ่งคอยดูแลร้าน เธอเดินเข้ามาหาและก็ได้พูดคุยกันอีกครั้ง
กับคุณหม่อน ผมบอกว่าวันนี้ผมต้องการมาขอแฟนแต่งงาน แต่ผมไม่อยากให้แฟนผมรู้ตัว โดยผมอยากเซอร์ไพรส์แฟนผม คุณหม่อน
น่ารักมากๆ ยินดีช่วยผมอย่างเต็มที่ เธอพาผมเดินไปดูโต๊ะที่ผมกับแฟนจะมานั่งในคืนนี้


ที่นั่งของผมกับแฟนอยู่ด้านนอก เป็นที่นั่งที่มีเหล็กดัดโต๊ะแรก ซึ่งเป็นที่นั่งที่มีความเป็นส่วนตัว ซึ่งคุณหม่อนสลับโต๊ะนี้มาให้พวกเราในค่ำคืนนี้

บรรยากาศในร้าน

และนี่คุณ หม่อน ตอนยังไม่แต่งตัวเริ่มทำงาน

หลังจากอยู่ในร้านเตรียมการเสร็จ ผมก็กลับมารอแฟนที่บ้านแถวบางนา ผมอาบน้ำแต่งตัวรอ จนกระทั่ง 6 โมงกว่าๆ แฟนผมเสร็จงาน
ก็มารวมรถกันเพื่อไปร้านอาหาร ซึ่งการเดินทางกลับไม่เหมือนช่วงบ่าย ถนนโล่ง เดินทางไปร้านประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง ผมยัง
บอกแฟนเลยว่าผมสั่งปิดถนนเองแหละ ฮุฮุ

ผมเป็นคนขี้ลืม และชอบหลง แต่วันนี้ผมพาเธอไปร้านอาหารแบบไม่งง ไม่หลง
แฟนผมยังบอกว่าจะพาไปถูกไหมเนี่ย แต่หารู้ไม่ หลงมาตอนบ่ายแล้วนั่น

ลิฟท์เปิดออกแฟนผมก็ประหลาดใจกับร้านอาหารแล้ว พอเดินเข้าไปในร้านอาหาร คุณหม่อน มารับ ผมบอกชื่อผมไป
เธอไม่ต้องดูรายชื่อเลย พาเดินไปที่โต๊ะในทันทีแบบเนียนๆ


ถึงโต๊ะแฟนผมก็จะนั่ง แต่ผมขอให้แฟนผมเปลี่ยนที่นั่งกับผม เพราะฝั่งที่แฟนผมจะนั่งเป็นฝั่งที่หันหน้าไปทางประตูที่จะเอาดอกไม้ออกมาให้
แฟนผมก็ยินยอมเปลี่ยนที่นั่งกับผม โดยไม่สงสัยอะไร

จากนั้นเราก็สั่งอาหาร และเธอก็ถ่ายรูปเล่น

บรรยากาศในร้านอาหารดีมากๆ เรานั่งอยู่ริมขอบตึก มองไปเห็นแสงสียามค่ำคืน สร้างความประทับใจให้ผมกับแฟนผมได้อย่างดี



เราสั่งอาหารกินกัน แฟนผมถามว่าทำไมผมกินน้อยจัง ผมบอกว่ามันอิ่มอ่ะ สงสัยอิ่มอกอิ่มใจ บวกตื่นเต้นเข้าไปด้วย

และแฟนผมก็หยิบการ์ดขึ้นมาให้ผม ข้อความในนั้นมันบรรยายความรู้สึกที่แฟนผมมีให้ผม พอผมอ่านแล้ว น้ำตาซึมทันที
แต่เธอไม่เห็นหรอกเพราะมันมืด มีแค่แสงเทียนและแสงตึก


[/color][/size][/font]


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

panthong.kh, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, รการตติ, เนิน จำราย, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s