ฝันร้ายสุนทรียชน .... !
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
29 เมษายน 2024, 02:22:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฝันร้ายสุนทรียชน .... !  (อ่าน 7238 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
03 ธันวาคม 2010, 10:15:PM
ปู่โต้ง
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 26


เราจากมา ด้วยการก้าวย่าง .... !


เว็บไซต์
« เมื่อ: 03 ธันวาคม 2010, 10:15:PM »
ชุมชนชุมชน









สิ้นบริบทงดงาม นิยามโลก

แม้ลำนำทุกข์โศก ก็สิ้นไร้

บทกวีแห้งผาก เหือดจากใจ

จากครั้งหนึ่งเคยรับใช้ สุนทรียชน


ไม่มีเสียงพร่ำเพ้อ จากดอกไม้

ภาพดาวเดือนเกลื่อนไหม้แลหมองหม่น

ท่ามเสียงกร้าวประชันแข่งโหมแรงรน

พาผู้คนรีบร้อน ไม่อ่อนงาม
 

ผ่านเผินไปบนทาง อย่างมักง่าย

กวีบทสุดท้าย ถูกมองข้าม

สิ้นคุณค่าเปล่ากลวง นิรนาม

เป็นเช้าชามเย็นชาม ทุกสังคม


เร่งไปกับความรีบร้อน ยุคสมัย

สิ้นดอกเชื้อเนื้อใบ ใดเพาะบ่ม

แม้สุนทรียภาพทางอารมณ์

ก็ถูกจมสู่ก้นถ้วยอย่างป่วยการ


ไม่มีใครฟังใคร ในแนวคิด

ไร้พันธะถูกผิด สมมติฐาน

ความขัดแย้งแข่งขันปลูกสันดาน

พอใจไม่พอใจคืองาน คือชีวิต


แสวงหาสุขสบายเพียงขายซื้อ

ต่างสันดานต่างด้านดื้อต่างจริต

สวมหน้ากากเปล่าดายสหายมิตร

สารทิศบ่งเห็นอยู่เช่นนั้น


ไม่เหลือแล้วศรัทธาใด ในพระเจ้า

คาบคัมภีร์กล่วงเปล่า อำนาจ ฝัน

สังคมอยู่ที่ใคร มีกว่ากัน

อารยธรรมเพียงสืบพันธุ์ แล้วเข่นฆ่า
 

วูบแสงไฟผ่านร่างก็ล้มร่วง

กัมปนาทเซ่นสรวง ทรามตัณหา

เสียงของความมืดบอดเล็ดลอดมา

บอกโลกถึงกาลเวลา วิบัติแล้ว


ไม่มีความละมุนสุนทรียภาพ

ประโลมเมืองคนบาปเพียงลมแผ่ว

แลอนาถศาสตร์ศิลป์สิ้นหน่อแนว

คงแต่แววอาวุธ ประทุษร้าย


ไม่มีความตื่นตระหนก

แม้นรกก็ไร้ซึ่งความหมาย

ทุกชีวิตกำซาบ แต่หยาบคาย

เมื่อกล้ากวีต้นสุดท้าย ตายไปแล้ว

………………………

โดยคำ ลานเทวา





 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ถ้าเราไม่เขียน แล้วใครจะเขียนอย่างที่เราเขียน ... !
04 ธันวาคม 2010, 11:30:AM
ปู่โต้ง
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 26


เราจากมา ด้วยการก้าวย่าง .... !


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2010, 11:30:AM »
ชุมชนชุมชน




'' กล่อม ''



เขียนสุขโศก โลกรู้สึก

ฝากเป็นคำบันทึก อารมณ์สรรค์

สรรพสิ่งร่ายร้อย ถ้อยรำพัน

เขียนคืนวันบทเรียน เขียนหัวใจ


สะพายย่ามลำนำมิรู้จบ

ร้อยความฝันบรรณภพ บำเรอไว้

ผลิดอกดาวห่มห้วง หฤทัย

เขียนโลกงามละไม ละมุนคำ


แม้จะอยู่กันคนละหลืบโลก

แต่ความเศร้าเหงาโศก แห่งคืนค่ำ

คล้ายกู่ก้องบริบท ให้จดจำ

ประหนึ่งถ้อยลำนำ มิรู้สิ้น


มธุรสใดเล่า ปรารถนา

บรรณาการชีวา ครุ่นถวิล

ดังสายธารหวานคำ จะฉ่ำริน

ดับเวลาอาจิณ แห่งโศกา


ก่อนจะนอน หลับฝันดี

อ่านเถิดบทกวี ผู้ห่วงหา

ขีดเขียนถ้อยความฝัน แบ่งปันมา

คลี่ห่มห้วงนิทรา เยาวมาลย์


หลับเอย จงหลับฝัน

สบตาดาวดวงนั้น เถิดแววหวาน

งามประหนึ่งมวลนางฟ้า ราตรีวาร

ผู้ขับกล่อมกลอนกานท์ รติรมย์

……………………

โดยคำ ลานเทวา





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ถ้าเราไม่เขียน แล้วใครจะเขียนอย่างที่เราเขียน ... !
05 ธันวาคม 2010, 07:11:PM
ปู่โต้ง
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 26


เราจากมา ด้วยการก้าวย่าง .... !


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 05 ธันวาคม 2010, 07:11:PM »
ชุมชนชุมชน









พราวหยดชื้นน้ำค้างจะแตะแต้ม
เป็นหยาดเพชรเก็จแซมแสงจันทร์ฉาย
แผ่วเพลงขลุ่ยวังเวงบรรเลงพราย
กล่อมเห่โลกเดียวดายทุกอณู

หลับใหลเถิดความห่วงหา
ซ่อนนัยน์ตาโศกสลดยามอดสู
เย็นสายลมอ้างว้างจะพร่างพรู
เป็นความหนาวกราวกรูสะท้านใจ

ฤาจักเปลื้องห้วงเหงาอันเปล่าเปลี่ยว
ฝ่ากระแสทรามเชี่ยวมาห่มใคร่
ก่อนหุบห้วงเสน่หานิราลัย
เถอะ โอบกอดโลกละไมอุ่นชีวา

คราบหวานของน้ำผึ้งพระจันทร์
จะโลมฝันที่วาดปรารถนา
ให้เจ้าล่วงว้าเหว่โลกเอกา
อยู่ในห้วงนิทราอันภิรมย์

หลับเถิดจงหลับฝัน
สู่ห้วงนิจนิรันดร์แห่งสุขสม
ลืมเหน็บหนาวอ้างว้างที่พร่างพรม
หลับใหลจากความระทมในชีวิต

ฝันเจ้าจะข่มข้าม
สิ่งชั่วร้ายเลวทรามวิปริต
ลำนำแห่งความจริงจากมิ่งมิตร
จะบอกทิศบอกทางกระจ่างใจ

เพื่องดงามแห่งฝันในวันพรุ่ง
แสงตะวันจักจรุงชีวิตใหม่
วิถีอันทอถักจักอำไพ
ให้คนกล้าก้าวไปถึงสิ่งหวัง
………………………
โดยคำ  ลานเทวา




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ถ้าเราไม่เขียน แล้วใครจะเขียนอย่างที่เราเขียน ... !
06 ธันวาคม 2010, 02:03:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #3 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2010, 02:03:PM »
ชุมชนชุมชน



ฝันในตน..



อันความฝันบรรเจิดก่อเกิดได้

ฝังจิตใจดั้นด้นให้ค้นหา

ตั้งแต่เล็กเติบใหญ่ติดกายมา

หลอมหล่อเลี้ยงกายาให้เนิ่นนาน


พบหลักธรรมคำสอนตอนเป็นเด็ก

แม้ยังเล็กยึดมั่นฝันผสาน

เชื่อผู้ใหญ่พ่อแม่แลอาจารย์

ท่านกล่อมมานขัดเกลาเฝ้าดูแล


แม้เติบใหญ่ห่างไกลจากอ้อมอก

เหมือนดังนกจากรังห่างดวงแข

สู้ชีวิตต่อไปไร้เหลียวแล

ขอจงแน่ในคำสอนกาลก่อนมา


ดังบันไดที่ใช่ก้าวทีละขั้น

สู้บากบั่นอดทนจนเชี่ยวหนา

แม้ต้องเหนื่อยยากลำบากทั้งชีวา

เพื่อค้นหาคำว่า"ในตัวตน"




ฉันเอง..

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
06 ธันวาคม 2010, 11:16:PM
หนุ่ม นิยมไพร
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย.
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 34



« ตอบ #4 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2010, 11:16:PM »
ชุมชนชุมชน

เสียงความตายใคร่ลี้หลีกหนีห่าง
เสียงสวรรค์ลางๆ มีใคร่เห็น
สิ่งยั่วยุเร้นกายใคร่ให้เป็น
สิ่งดีๆ มีให้เห็นไม่สนใจ

บทลำนำคำกล่าวเขาสอนสั่ง
ไม่ฮอนฟังไม่เคยสนว่าหนไหน
แต่สิ่งเน่ารูปเหี้ยมักสนใจ
มองเห็นไหมว่ามันหอมว่ามันงาม

บทเน่าเฟะเอามาแดกแทนอาหาร
บทสวยงามกลับประหารจากใจฉัน
บทดีๆ ไม่สนใจรู้จักกัน
บทห้ำหั่นนั่นดีกว่าเป็นไหนๆ

คนเตือนภัยว่าไปว่าไอ้บ้า
มิใคร่หาความจริงเป็นไฉน
มองความกันเขาว่าเป็นอย่างไร
คนส่วนใหญ่ก็โงหัวตามๆ กัน

มันกลายเป็นสิ่งแล้วเสียอย่างนี้
จะให้กลับมาเป็นดีเหมือนความฝัน
ให้ตายไปกลับชาติสักหมื่นพัน
ก็มิเห็นว่ามันเปลี่ยนไปทางดี
ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

อุดมการณ์ ปรัชญา พงพนา และศิลปะ คือ โลก
10 ธันวาคม 2010, 01:20:PM
พระจันทร์สีน้ำเงิน
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 66



« ตอบ #5 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2010, 01:20:PM »
ชุมชนชุมชน









สิ้นบริบทงดงาม นิยามโลก

แม้ลำนำทุกข์โศก ก็สิ้นไร้

บทกวีแห้งผาก เหือดจากใจ

จากครั้งหนึ่งเคยรับใช้ สุนทรียชน


ไม่มีเสียงพร่ำเพ้อ จากดอกไม้

ภาพดาวเดือนเกลื่อนไหม้แลหมองหม่น

ท่ามเสียงกร้าวประชันแข่งโหมแรงรน

พาผู้คนรีบร้อน ไม่อ่อนงาม
 

ผ่านเผินไปบนทาง อย่างมักง่าย

กวีบทสุดท้าย ถูกมองข้าม

สิ้นคุณค่าเปล่ากลวง นิรนาม

เป็นเช้าชามเย็นชาม ทุกสังคม


เร่งไปกับความรีบร้อน ยุคสมัย

สิ้นดอกเชื้อเนื้อใบ ใดเพาะบ่ม

แม้สุนทรียภาพทางอารมณ์

ก็ถูกจมสู่ก้นถ้วยอย่างป่วยการ


ไม่มีใครฟังใคร ในแนวคิด

ไร้พันธะถูกผิด สมมติฐาน

ความขัดแย้งแข่งขันปลูกสันดาน

พอใจไม่พอใจคืองาน คือชีวิต


แสวงหาสุขสบายเพียงขายซื้อ

ต่างสันดานต่างด้านดื้อต่างจริต

สวมหน้ากากเปล่าดายสหายมิตร

สารทิศบ่งเห็นอยู่เช่นนั้น


ไม่เหลือแล้วศรัทธาใด ในพระเจ้า

คาบคัมภีร์กล่วงเปล่า อำนาจ ฝัน

สังคมอยู่ที่ใคร มีกว่ากัน

อารยธรรมเพียงสืบพันธุ์ แล้วเข่นฆ่า
 

วูบแสงไฟผ่านร่างก็ล้มร่วง

กัมปนาทเซ่นสรวง ทรามตัณหา

เสียงของความมืดบอดเล็ดลอดมา

บอกโลกถึงกาลเวลา วิบัติแล้ว


ไม่มีความละมุนสุนทรียภาพ

ประโลมเมืองคนบาปเพียงลมแผ่ว

แลอนาถศาสตร์ศิลป์สิ้นหน่อแนว

คงแต่แววอาวุธ ประทุษร้าย


ไม่มีความตื่นตระหนก

แม้นรกก็ไร้ซึ่งความหมาย

ทุกชีวิตกำซาบ แต่หยาบคาย

เมื่อกล้ากวีต้นสุดท้าย ตายไปแล้ว

………………………

โดยคำ ลานเทวา





 



มิติหนึ่งในฝันร้ายแห่งสุนทรี
ณ.หย่อมย่านวรรณกวียังผ่องแผ้ว
โชนฉายฉายเมธัสระบัดแวว
เยี่ยงแก้วผลึกใสไสวเรือง

ผู้ถ่องทิศทางอย่างสันโดษ
ตอบโจทย์เขลาขลาดโดยปราชญ์เปรื่อง
ท่ามภาวะสงครามคุลามเมือง
ปลิดเปลื้องด้วยดอกคำพร่างล้ำลึก

บรรโลมอก สาว-หนุ่ม ผู้รุ่มร้อน
โผยผ่อนเปลวไฟในรู้สึก
กลั่นดำริล้างบาปละสำนึก
ย้ำตรึกปรารมภ์อุดมการณ์

ลุคาบเดียรถีย์กิเลสรุก
ปลอบปลุกหว่างชนผู้ร้าวฉาน
ชำระคราบตัณหาอันสามานย์
จดจาร ลวดลาย ด้วยปลายมือ

มาตรแม้นดับดวงบุปผาชน
ล่วงพ้นเส้นสายและลายสือ
จักเหลืองาม อจินต์ใด ให้เล่าลือ
ยาม แป-ขื่อ โค่นหัก เหมือนปักตม

แตกหน่อก่อรวงเถิดปวงปราชญ์
เพาะกล้า นรชาติ ผงาดฉม
เพื่อโลกแห่งเสรีภาพอาบคำคม
ห้อมห่มด้าวดินหนอศิลปี





มากราบคารวะท่าน อ.ลานเทวาค่ะ ทุกประพันธ์ของท่านจรรโลงใจจริงๆ











ไฟล์แนบถูกแก้ไขโดยผู้ดูแลระบบ
ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 ธันวาคม 2010, 03:03:PM
ดาวนำทาง
LV2 วัยเร่ร่อนผจญภัย
**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10



« ตอบ #6 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2010, 03:03:PM »
ชุมชนชุมชน



ดอกไม้ผลิดอกจากปากกา
สุนทรียะคงค่าเปี่ยมความหมาย
บริบทสังคมถ่มทำลาย
ฤ หักตายสั้นสั้นอันตรธาน

อณูเกลียดชังนั้นท่าวทบ
อาจลบเลือนค่าดอกไม้หว่าน
หากกลีบดอกไม้ยังเบ่งบาน
กี่มือสังหารย่อมพ่ายแพ้!






ไฟล์แนบถูกแก้ไขโดยผู้ดูแลระบบ
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ควรคงค่าศรัทธาวิญญาณ์ใคร!
04 มกราคม 2011, 06:53:PM
ปู่โต้ง
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 26


เราจากมา ด้วยการก้าวย่าง .... !


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 04 มกราคม 2011, 06:53:PM »
ชุมชนชุมชน













วางดอกไม้เทียนธูปแล้วลูบกราบ

บนกระดาษแผ่นราบเปื้อนอักษร

แต่ละบทอดตาหลับขับตานอน

กว่าเป็นกลอนส่งผ่าน ท่านบอกอ

 

หวังท่านจะเมตตาบรรดาคำ

ที่กร้านกรำสำนวนกระบ่วนก่อ

ดึกยังรุ่งพรุ่งยันค่ำเค้นคำคลอ

กว่าได้บทจดรอ จนเหี่ยวใจ

 

เขียนแล้วอ่าน อ่านแล้วครวญทวนซ้ำซ้ำ

สดับส่งลงคำผิดแก้ไข

บาทรองรับไม่เนียนอาจเพี้ยนไป

ลบเขียนใหม่วุ่นวายอยู่หลายครั้ง

 

จนคิดว่างามแล้วงานแนวนี้

งามเช่นงานกวีที่เข้มขลัง

ไล่ทุกสร้อยสำนวนทบทวนฟัง

น่าจะผ่านกระมัง งานชิ้นนี้

 

บรรจงพับใส่ซองใจพองคับ

ส่งท่านรับพิจารณาตามหน้าที่

หากไม่ผ่านเหมือนเก่าช่วยเกลาที

เผื่อเผื่อแววกวี….. ทอประกาย….

 



เข้ากลับเมฆกี่หนยังวนส่ง

คอยทำใจปลอบปลงความเงียบหาย

เดือนสองเดือนสามเดือนเลือนละลาย

คงจะกลายเป็นขยะเสียอีกครา

 

นี่ ก็ผ่านหลายเดือนเหมือนลืมแล้ว

ไร้วี่แววงานเราเฝ้าลุ้นหา

เล่มไหนไหนก็ไร้ชื่อ ‘ ลานเทวา ’

เหลียวเอื้อมหยิบปากกา อ่อนล้าแรง

 

เถอะ อีกสักบท อีกสักบาทลองวาดสู้

หากยังไม่เอ็นดูเหมือนกลั่นแกล้ง

จะฉี่ใส่ขวดเหล้าราคาแพง

ส่งแทนกลอนไปแสดง คำขอบคุณ

 



ยังมีอีกหลายบทที่จดเขียน

คอยส่งเวียนให้ท่านรับสนับสนุน

หวังสักงานท่านลงให้เป็นใบบุญ

พอเป็นทุนเป็นแรงโชนแสงเทียน

 

เก้อเก้อส่งงานเรา ให้เขาอ่าน

หวังบอกอหลับตาผ่านสักงานเขียน

จากคนโง่คนเก่าที่เฝ้าเพียร

ส่งกลอนเวียนมาให้…. หวังได้พิมพ์…

…………………………

โดยคำ ลานเทวา




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ถ้าเราไม่เขียน แล้วใครจะเขียนอย่างที่เราเขียน ... !
04 มกราคม 2011, 07:33:PM
Lจ้าVojกaoนบทนี้*
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 270
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 757



« ตอบ #8 เมื่อ: 04 มกราคม 2011, 07:33:PM »
ชุมชนชุมชน


        ลองใหม่

สู้แต่งกลอน  บอกรัก  ให้สาวอ่าน
หยอดคำหวาน  ซาบซึ้ง  ไปถึงหล่อน
ว่ารักเธอ   เท่าฟ้า  อุตส่าห์วอน
แม่งามงอน  อ่านแล้ว  คงชอบเรา

เขียนสั้นสั้น  ใจความ  ว่ารักมาก
และก็อยาก  นัดพบ  ในวันเสาร์
ไปดูหนัง   ทานข้าว   ดีไม่เบา
เธอจะว่า  อย่างไรเล่า  ตอบฉันที

พับใส่ซอง  ติดแสตมป์ เขียนที่อยู่
แล้วส่งตู้ ไปรษณีย์   จนถึงที่
กลับมารอ  ที่บ้าน  อารมณ์ดี
คิดว่ามี  ความหวัง  อยู่เหมือนกัน

ผู้หญิงสาว  คนนั้น  อยู่ไกลมาก
จึงต้องฝาก  ทางจดหมาย อย่างไรนั่น
ใจผมเฝ้า  รักเธอ  มานานวัน
"เก็บไปฝัน" เป็นชื่อเธอ ที่รอคอย

กลับมาบ้าน  ก็ชะเง้อ รอเธอตอบ
ชอบไม่ชอบ  บอกกัน  ให้รู้หน่อย
หวังว่าเธอ  ได้เห็น  คงเอ็นจอย
ชอบคำร้อย  กรองฉัน  ชักมั่นใจ

รอหลายวัน  เงี่ยบฉี่   ไม่มีข่าว
ไม่รู้ว่า  เรื่องราว  ไปถึงไหน
จากสามวัน ก็เกือบเดือน  เลื่อนออกไป
ต้องลองใหม่  อีกสักบท  ท่าจะดี

หวังว่าแต่ง  คราวนี้  เธอได้อ่าน
คงหน้าบาน ยิ้มได้  ไม่หน่ายหนี
จึงนั่งลง   อีกครั้ง  ด้วยยังมี
ความหวังที่  เปี่ยมล้น  ด้นกลอนไป.

      โดย Mayawin

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง, คุณไสย

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

04 มกราคม 2011, 08:01:PM
ดอกกระเจียว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 317
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,264


จินตนาการในความว่างเปล่า


« ตอบ #9 เมื่อ: 04 มกราคม 2011, 08:01:PM »
ชุมชนชุมชน






มนุษย์มีสุขโศกเพราะโลกมิสิ้น
คราบราคินฉายความอันต่ำต้อย
จงคำภีร์ด้วยหวังตั้งตาตาคอย
นับจากร้อยพันปีกาล..นั้นเหมือนเดิม







ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s