วสวัตตีมาราธิราช(ภาคจบ) ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤษภาคม 2025, 02:59:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: วสวัตตีมาราธิราช(ภาคจบ) ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 15454 ครั้ง)
kapheetam
LV3 นักกลอนประจำบ้าน
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 13 สิงหาคม 2024, 08:05:AM »

วสวัตตีมาราธิราช (ภาคจบ)

กาลวันคร่า  พร่าผลาญ  ลาญทุกสิ่ง
กลบกลืนกิน  สิ้นซาก  ยากแก้ไข
ล้วนเกิดดับ  กลับเปลี่ยน  หมุนเวียนไป
พ้นวิสัย  ใครฉุด  ให้หยุดลง
พุทธกาล  ล่วงคล้อย  สองร้อยเศษ
เขตประเทศ  มัชฌิม  สิ้นสุขสม
เกิดข้าวยาก  หมากแพง  แก่งแย่งสะดม
ซ้ำฟ้าฝน  พิกลแกล้ง  แล้งเหลือใจ
ผลหมาก  รากไม้  ก็ตายสิ้น
ทรุดทาบดิน  อิงพาด  ยากฟื้นหาย
ภัยสงคราม  ตามซ้ำ  ระส่ำไป
มองทางไหน  ใจผาก  โลกขาดธรรม
ไฟกิเลส  เฉกพาล  เข้าผลาญจิต
เปลี่ยนความคิด  พลิกใจ  ให้กลายผัน
ความเมตตา  อารี  ที่มีกัน
พลันสะบั้น  บั่นไป  ไม่ไยดี
ญาติพี่น้อง  ผองเพื่อน  ก็เบือนจาก
ทิ้งรกราก  ยากทน  ซมซานหนี
พ่อจูงบุตร  ฉุดไป  ในพงพี
ปู่อุ้มหลาน  ตามรี่  ลี้หลบพลัน
กองทหาร  พาลโหด  โลดเล่นศึก
อึกทึก  ครึกโครม  โจนถลัน
พุ่งซัดแหลน  แทงหอก  หลอกล่อฟัน
ดาบพลิกผัน  ฟันฆ่า  ไม่ปรานี
ห่าธนู  พรูไป  ไฟลุกร่า
ตกหลังคา  หญ้าฟาง  ร้างบ้านหนี
เสียงแตรฆ้อง  กลองลั่น  สั่นธรณี
เสียงเกือกม้า  บดขยี้  ผงคลีคลุม
ไฟไหม้เรือน  เคลื่อนลาม  ฉางยุ้งข้าว
แสนปวดร้าว  เศร้าใจ  ดั่งไฟสุม
เห็นฝาบ้าน  สะท้านแตก  แหลกเป็นจุณ
เหมือนกระสุน  พุ่งกลาง  หว่างดวงใจ
หมู่วัวควาย  ตะกายโผน  กระโจนดะ
ส่ายเปะปะ  สะบัดขวิด  โลหิตไหล
ข้ามคอกได้  หงายกลิ้ง  วิ่งอ้าวไป
พริบตาหาย  ลับไกล  ไฟลามเลีย
พวยเมฆควัน  ดำครอบ  รอบผืนทุ่ง
ดั่งขยุ้ม  มือมาร  พานใจเสีย
ผัวนั่งทรุด  ทุกข์หนัก  พลัดพรากเมีย
ลูกสูญเสีย  พ่อไป  ไร้แม่พิง
ศพทับถม  เรียงราย  ตายอนาถ
บ้างไร้หัว  ตัวขาด  ปากบิดผิน
บ้างทะลัก  ไส้ไหล  หมาในกิน
บ้างนอนลิ้น  ปลิ้นปาก  อาบเปลวไฟ
เหล่าแร้งกา  เริงร่า  กระสากลิ่น
เกลือกกลิ้งดิน  กินศพ  หมกซุกไซ้
เจ้าคอแดง  แรงมาก  ลากไส้ไกล
กาดำไล่  ใคร่แบ่ง  แย่งแร้งกิน
ทั่วแผ่นดิน  สิ้นสุข  ทุกข์ครอบหมด
แสนรันทด  อกใจ  ให้ถวิล
อดีตวัน  ผันผ่าน  ช่างสุขจริง
ฤาจักทิ้ง  ทอดไป  ไม่คลายคืน

อนิจจัง  วันเวียน  หมุนเปลี่ยนผัน
ความระกำ  ช้ำทุกข์  สุดจักฝืน
ในที่สุด  ก็คลาย  ไม่กรายคืน
ความสดชื่น  ฟื้นมา  ผาสุกใจ
ผลหมาก  รากไม้  ที่ตายแห้ง
ต่างแตกแทง  หน่อเกิด  บรรเจิดใส
ฝนห่างหัน  พลันตก  กลบแล้งไป
มองทางไหน  ให้ระรื่น  ชื่นชีวัน
มวลพบู  ชูบาน  งามนักหนา
ต้องลมพา  เพลินเด่น  เปล่งสีสัน
สยายปริ  ผลิบาน  ประสานกัน
งามเฉิดฉัน  ประชันแข่ง  แกว่งลมไกว
เหล่าภมร  หนอนไหม  ที่ตายสิ้น
ก็กลับบิน  ผินว่อน  ร่อนซุกไซ้
ดูดน้ำหวาน  อานเปรม  เอมอิ่มใจ
กรีดเสียงใส  เริงไพร  ไปทั่วกัน
ฝูงวิหค  นกน้อย  เคยคล้อยจาก
หนีลำบาก  พรากถิ่น  บินเหหัน
ต่างคืนหวน  ชวนกลับ  ทับรวงรัง
เพลินสุขสันต์  ถ้วนหน้า  หาหนอนกิน
ฝ่ายแร้งกา  พาสลด  เริ่มอดอยาก
ต้องเหงาปาก  ยากแค้น  แสนถวิล
เคยอิ่มหนำ  พลันอด  ไร้ศพกิน
คงแดดิ้น  สิ้นใจ  ในไววัน

ณ  แว่นแคว้น  แดนมคธ  พสกศานต์
ภัยสงคราม  สร่างลง  ชนสุขสันต์
ธรรมบานแผ่  แพร่ไกล  ไปทั่วกัน
ทุกข์โศกศัลย์  พลันดับ  สงัดไป
องค์ธรรมา  โศกราช  ผู้อาจศึก
ทรงตรองตรึก  สำนึกผิด  คิดแก้ไข
ที่เคยพลั้ง  ผิดฆ่า  บ้างมงาย
ชนมากหลาย  ต้องมลาย  วายชีวัน
เคยก่อบาป  หาบกรรม  ประดังผิด
เคยครุ่นคิด  เข่นฆ่า  ให้อาสัญ
ก็ระงับ  ดับคลาย  หายไปพลัน
จิตสุขล้ำ  ได้ธรรม  ชี้นำใจ
จอมราชา  ศรัทธา  อุตสาหะ
ให้สลัก  หลักหิน  สิ้นมากหลาย
เป็นบทธรรม  นำสุข  ปลุกปลอบใจ
จารึกไว้  เสริมใจ  ให้ประเทือง
เพื่อผองชน  คนหลัง  ไม่พลั้งผิด
มีสติ  ดำริธรรม  นำฟูเฟื่อง
รวมแปดหมื่น  สี่พันหลัก  ปักรอบเมือง
เปรียบเสมือน  เครื่องเตือนใจ  ให้ระวัง

ครั้นสำเร็จ  เสร็จพร้อม  ฉลองใหญ่
แผ่บุญไป  ใกล้ไกล  ได้สุขสันต์
ทั่วถิ่นแคว้น  อโศก  สมโภชกัน
เช้ายันค่ำ  วันแลคืน  รื่นเริงใจ
กำหนดงาน  พิธี  มีต่อเนื่อง
เจ็ดปีเดือน  เจ็ดวันครบ  จึงจบได้
ร่วมเถลิง  เริงสราญ  ชื่นบานใจ
ให้ลือลั่น  สนั่นไกล  ไปทั่วแดน
ทรงบัญชา  เสนา  มหาอำมาตย์
มวลนักปราชญ์  ปราดเปรื่อง  กระเดื่องแคว้น
เข้าปรึกษา  หายาม  ตามสำแดง
ติดแถลง  แจ้งประกาศ  ให้ทราบกัน
แม้ยามนอน  มหิธร  ยังตรองกิจ
ปลื้มปีติ  ตริงาน  พลางสรวลสันต์
ฉับพลันภาพ  มารผุด  สะดุดพลัน
ให้ไหวหวั่น  พรั่นอก  หมดสำราญ

จึงเสด็จ  อาราม  ถามพระสงฆ์
เรื่องกังวล  ลนใจ  ให้เกรงขาม
จักเป็นดั่ง  นิมิต  พิศเห็นมาร
ฤาฟุ้งซ่าน  พล่านจิต  คิดไปเอง
องค์สงฆ์ใหญ่  ได้ฟัง  คำทรงภพ
จึงกำหนด  จดจิต  เพ่งพิศเห็น
พญามาร  พาลกล้า  น่ากลัวเกรง
ลอยมาเด่น  เป็นลางร้าย  กล้ำกรายงาน
จึงเอื้อนตอบ  บอกเอ่ย  เฉลยไข
ถึงมารภัย  ใจกล้า  น่าเกรงขาม
เข้ากวนแน่  วุ่นวายแท้  แต่เริ่มงาน
ยากพ้นผ่าน  ต่างต้องเห็น  เป็นแน่นอน
แล้วจึงเล่า  เรื่องราว  เท้าความหลัง
ครั้งเมื่อยัง  ท่านครู  อยู่สั่งสอน
โปรดเวไนย  ให้สลัด  ตัดทุกข์รอน
ขนรื้อถอน  ผองบาป  ให้ขาดใจ
มีอยู่หน  ทศพล  ทรงปรารภ
ถึงพยศ  กบดาน  มารวิสัย
ภายหน้าจัก  กลับมา  แก้ปราชัย
ที่แพ้ไว้  เพราะใจ  ไกลจากธรรม
เนื่องจากเหตุ  กิเลสหนุน  คุกรุ่นจิต
เฝ้าตรองตริ  เรื่องผ่าน  พล่านหุนหัน
ยิ่งกาลล่วง   ช่วงโชติ  โกรธครอบงำ
ล่วงถลำ  หันออก  นอกทางไป
แลครั้งนั้น  ท่านว่ามี  ศรีภิกษุ
อุปคุต  ลือนาม  หาญผลักไส
กำราบมาร  พาลพ่าย  ทั้งกายใจ
จนจิตคลาย  หน่ายบาป  เอิบอาบธรรม
องค์ภูมี  ปรีดิ์เปรม  เกษมสุข
ปลดเปลื้องทุกข์  หลุดไป  ใจสุขสันต์
เอ่ยดำรัส  ตรัสถาม  สมภารพลัน
อรหันต์  ล้ำเลิศ  ประเสริฐคุณ
ท่านจำวัด  พักค้าง  อารามไหน
ไม่เห็นใคร  พูดกล่าว  ราวสาบสูญ
ขออาจารย์  วานตอบ  บอกเอาบุญ
แม้นจักยุ่ง  วุ่นหา  จักฝ่าไป
องค์เถระ  ศักดิ์สูง  ประยูรสงฆ์
ก็เกินพ้น  สามารถ  มิอาจไข
จึงตรัสสั่ง  ยังศิษย์  ทั่วทิศไป
รีบรวมกลุ่ม  ประชุมใหญ่  โดยไวพลัน

ลำดับนั้น ธรรมสภา มากหน้าสงฆ์
มีหลายองค์ ทรงถึง ซึ่งอรหันต์
ต่างเพ่งฌาณ ควานหา ให้พัลวัน
จนกระทั่ง พลันรู้ ท่านอยู่ใด
สังฆราช ครั้นทราบ ไม่ยากสั่ง
ให้สองท่าน ลือลั่นฤทธิ์ ลูกศิษย์ใหญ่
จัดจีวร จรพลัน ในทันใด
อย่าไถล ไกลออก นอกเส้นทาง
สองเถระ รับฟัง คำโอวาท
ถอยหลังกราบ จากไป ไม่ท้วงถาม
กลับห้องหับ จัดเสบียง เตรียมเดินทาง
บาตรบริขาร ย่ามขัน พลันยาตรา
กำหนดทิศ คิดไป ไว้เป็นหลัก
ไม่เลี่ยงหัก ตัดตรง แม้นดงผา
อาคเนย์ ไม่เหออก นอกมรรคา
สองมหา ฝ่าเผชิญ ดำเนินไป

ผ่านตลาด มากร้าน ย่านการค้า
แผงเสื้อผ้า  ปลาผัก  สัตว์น้อยใหญ่
แถวถ้วยโถ  โอชาม  วางเรียงราย
ผลไม้ หลายหลาก  เห็นอยากชิม
เสียงพ่อค้า ร้องหา ลูกค้าเอะอะ
เสียงปี่กรับ ขับคลอ  ร้องขอสิน
เสียงตะโกน  ทโมนดัง  ฟังได้ยิน
เสียงคนทิ้ง อายสิ้น วิ่งขอทาน
จนเลยล่วง ช่วงปลาย ท้ายถนน
เริ่มเห็นดง ไม้ใหญ่ แผ่ไพศาล
ให้ระรื่น ชื่นตา พาชื่นบาน
บ้านเริ่มห่าง กว้างไกล ไม่ใกล้กัน
พอเย็นย่ำ ค่ำพลบ จุดคบไต้
หยุดพักกาย ชายชัฎ พักธาตุขันธ์
เข้าสมาธิ ตริตรึก ฝึกฝนธรรม
เช้าผลุนผลัน  พลันลุก บุกฝ่าไป


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

masapaer, Nok

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 มีนาคม 2025, 06:37:AM โดย kapheetam » บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s