Re: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
18 เมษายน 2024, 10:00:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์  (อ่าน 151289 ครั้ง)
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 99
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 579



« เมื่อ: 15 เมษายน 2020, 10:43:AM »

   

 

อักษรา รังสรรค์
ของสองพี่น้อง นักเล่าเรื่อง
ผู้พี่  เทพศิริ สุขโสภา  ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2560
ผู้น้อง   ประทีป สุขโสภา   เป็นผู้สุดท้ายแต่เพียงผู้เดียวที่ขับเพลงพื้นบ้าน โดยใช้เครื่องดนตรีประเภท"กรับกลม"ที่ได้สูญหายไปประมาณ 40 ปี



“ย่างเข้าฤดูฝน ต้นอะไรๆ ก็พากันรีบงอก แตกใบอ่อนๆ ออกมาจนดินไม่มีที่ว่าง หลังจากฝนสาดซัดพื้น ปลุกเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ที่นอนฝังดินให้ตื่นมาโป่งหน่อแตกใบ ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยลูกพืชแย่งกันขึ้น พวกลูกมะขามเทศ ทั้งมะขามเปรี้ยวก็เขียวพรึบเป็นลานอยู่เต็มใต้ต้นแม่ของมัน ต่างพากันหยั่งรากใสๆ ลงไปให้ลึกตอนที่ดินยังอ่อนนุ่มอยู่ด้วยน้ำฝน แล้วม้วนตัวอายๆ ขึ้นมาชูเม็ดเปิดเหมือนปีก

พวกเถาวัลย์ที่ชูต้นตรงกับเขาไม่เป็น ก็เลื้อยทอดยอดออกไปไม่ยอมหยุด อยากให้แมลงปอเกาะ ทุกข้อแตกใบไม่บกไม่พร่อง เข้าคลุมกิ่งไม้ใจแห้งและต้นไม้ตายให้ดูเป็นพุ่มสีเขียว คืนกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่”
“ฤดูไฟน่ะหรือ อะไรๆ ก็จะติดไฟ ไฟจะลุกไปทั่ว มีไฟทุกสี สีเขียวตองอ่อน สีฟ้า สีดำ สีคราม สีม่วง สีลายๆ ไม่ใช่มีแต่ไฟสีส้มๆ แดงๆ อย่างเดี๋ยวนี้ แล้วก็ไม่ใช่มีแต่ไฟร้อนๆ เท่านั้น ยังมีไฟเย็น ไฟหนาว ไฟอุ่น ก็แล้วแต่ว่าใครจะอยากใช้ไฟแบบไหน หน้าหนาวก็ใช้ไฟอุ่น หน้าร้อนก็ใช้ไฟเย็น เปลวของมันก็มีหลายแบบ ลุกเป็นฝอยๆ เป็นแผ่นบิดพันเหมือนเลื้อยช้าๆ ม้วนเป็นเกลียวไปมา บ้างก็ลุกปลายแหลม บ้างก็ลุกปลายบาน เดี๋ยวนี้เหลือแต่ไฟร้อนๆ สีแดงๆ สะบัดเปลวพรึ่บๆ อยู่แบบเดียว ฉันไม่อยากจะเอ่ยถึง เมื่อก่อนมีไฟอยู่ทั่วไป ในดิน ในน้ำ ก้อนกรวด ก้อนหินติดไฟได้ทั้งนั้น... เมื่อก่อนฤดูไฟเคยช่วยให้ลูกไม้สุก อย่างมันเทศ ฟักทอง ข้าวโพด พอมันแก่แล้วก็สุกหอมคาต้น ที่เหนียวก็จะนิ่ม ที่แข็งก็จะนุ่ม มันเทศจะเนื้อร่วนซุย ฟักทองจะเหลืองหวานอร่อย แล้วเดี๋ยวนี้เป็นไง เราต้องเสียเวลามาต้มไฟก่อนถึงจะกินได้”

“ฤดูฝนอันสดใสปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา ให้ลิ้มรสความลี้ลับแห่งเม็ดฝนเมื่อยามตกต้องแผ่นดิน เพื่อการเกิดใหม่ของพฤกษามาทำให้โลกนี้เป็นอุทยานสีเขียวประดับดอกไม้ ใครหนอจะนึกเชื่อว่าฤดูร้อนเคยมาอยู่ที่นี่ อากาศอุ่นๆ ไม่มีแล้ว ฤดูฝนปัดควันมัวๆ ไปเสียจากฟ้า หน้าฝนกวาดผืนพสุธาเสียใหม่จนไม่เหลือฝุ่น สายน้ำในลำแควไหลเร็วกว่าหน้าแล้ง และเอ่อขึ้นมาถึงครึ่งค่อนฝั่ง ใครจะยั้งเท้าไว้ได้ ใครจะยั้งใจไว้อยู่ ‘ต้นไม้ ต้นไม้’ ผมตะโกน แกกินน้ำฝนอร่อยไหม

บึงหญ้าป่าใหญ่
ผู้เขียน เทพศิริ สุขโสภา
- 1 ในหนังสือดี 100 เล่มที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน
- หนังสือเล่มนี้เป็น 1 ใน วรรณกรรม 50 เรื่องที่ต้องอ่านก่อนโต สนับสนุนโดยสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมและประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)..........

อย่าถามหามากกว่านี้ ข้าพเจ้าไม่รู้ ไม่มี





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

พี.พูนสุข, เนิน จำราย, โซ...เซอะเซอ, Mr.music, สุวัฒน์ ไวจรรยา, muneenoi, Montree Pratoom

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s