รู้สึกหนาวทรวงในจนใจสั่น
รู้สึกความบีบคั้นกระชั้นถี่
รู้สึกลมหายใจเหมือนไม่มี
รู้สึกเกิดอย่างนี้ ณ เวลา
รู้สึกเปลี่ยวเดี่ยวโดดโสตประสาท
รู้สึกขลาดเกินคิดติดต่อหา
รู้สึกเบื่อเหนื่อยหน่ายปวดสายตา
รู้สึกพร่าเลือนรางสร้างมึนงง
รู้สึกคว้างว่างเปล่าเอาดื้อดื้อ
รู้สึกอื้ออึงอลบนประสงค์
รู้สึกย่างเท้าไปไม่มั่นคง
รู้สึกหลงความคิดจิตเลื่อนลอย
รู้สึกขมคอแห้งแรงเริ่มหมด
รู้สึกทดท้อพลุ่งกระทุ้งบ่อย
รู้สึกเหงาเคล้าคลุกทุกซอกซอย
รู้สึกถ้อยคำยากผ่านปากตน
รู้สึกเจ็บแปลบแปลบแบบเป็นริ้ว
รู้สึกว่าความหิวจะไม่สน
รู้สึกขื่นกลืนกล้ำต้องจำทน
รู้สึกล้นอัดแน่นคับแค้นใจ
รู้สึกต้อยต่ำคล้ายดั่งทรายกรวด
รู้สึกรวดร้าวหนักจักมิไหว
รู้สึกสูงแต่ว่ามิเห็นใคร
รู้สึกไร้ตัวตนบนความจริง
"กานต์ฑิตา"
๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖
(กลบทบัวบานกลีบขยาย)
ความรู้สึกทำไมไม่เหมือนก่อน
อารมณ์กร่อนอ่อนแอแพ้ทุกสิ่ง
หมดความหวังกำลังใจให้แอบอิง
เงียบเฉยนิ่งงงงันประหวั่นใจ
มองเข็มนาฬิกาเวลาเคลื่อน
ตาอยากเบือนหนีมันด้วยหวั่นไหว
วินาทีที่หมุนวุ่นทรวงใน
กลับเชื่องช้ากว่าใจที่หมุนวน
เหมือนสายน้ำลามไหลไปไม่กลับ
ไม่อยากรับรู้แน่แม้ปลายต้น
มีหลายครั้งร้างมิตรคิดอดทน
มีหลายหนไม่มีใครในความจริง
ช่างขมขื่นและข้นบนชีวิต
ไร้ซึ่งสิทธิ์คิดฝันสวรรค์นิ่ง
ความรู้สึกมากมายให้ประวิง
ฉันจะทิ้งไม่ให้เหลือเพื่อก้าวเดิน
-----@@@-----
พงศ์ภันฑ์
๑๙/๗/๕๖
ไม่มีความรู้เรื่องกลบทขอเป็นกลอนแทนครับ[/center
อารมณ์กร่อนอ่อนแอแพ้ทุกสิ่ง
หมดความหวังกำลังใจให้แอบอิง
เงียบเฉยนิ่งงงงันประหวั่นใจ
มองเข็มนาฬิกาเวลาเคลื่อน
ตาอยากเบือนหนีมันด้วยหวั่นไหว
วินาทีที่หมุนวุ่นทรวงใน
กลับเชื่องช้ากว่าใจที่หมุนวน
เหมือนสายน้ำลามไหลไปไม่กลับ
ไม่อยากรับรู้แน่แม้ปลายต้น
มีหลายครั้งร้างมิตรคิดอดทน
มีหลายหนไม่มีใครในความจริง
ช่างขมขื่นและข้นบนชีวิต
ไร้ซึ่งสิทธิ์คิดฝันสวรรค์นิ่ง
ความรู้สึกมากมายให้ประวิง
ฉันจะทิ้งไม่ให้เหลือเพื่อก้าวเดิน
-----@@@-----
พงศ์ภันฑ์
๑๙/๗/๕๖
ไม่มีความรู้เรื่องกลบทขอเป็นกลอนแทนครับ[/center