![](http://www.oknation.net/blog/home/album_data/917/30917/album/44395/images/399817.jpg)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.oknation.net/blog/somchoke101/2010/10/26/entry-1
บุก
พร่างพราวช่อล้อลมพรมผืนป่า
อร่ามตาดอกแดงแมลงหมาย
หัวฝังดินหรือรอหน่อกระจาย
เมื่อยามสายฝนลงฉ่ำพงไพร
ต้นบุกเป็นอาหารชาวบ้านทุ่ง
คนต่างมุ่งมองหาจากป่าใหญ่
เห็นคุณค่าขุดเอาอย่างเข้าใจ
ทั่วถิ่นไทยรู้บุกเกือบทุกทาง
หมู่นกน้อยคอยวนจิกผลบุก
แท่งเหลืองสุกสดใสมิไกลห่าง
ล้วนหลากหลายเมล็ดรสเด็ดวาง
สุขสันต์กลางธรรมชาติวิลาสลักษณ์!ฯ
อริญชย์
๒๔/๑๑/๒๕๕๖
![อายจัง](https://www.klonthaiclub.com/Smileys/default/zzzeye.gif)
ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99/
"บุก” พืชป่าล้มลุกที่พบทั่วไปในทุกภาคของ ประเทศไทย แม้จะเกิดขึ้นได้ในทุกสภาพดิน แต่บุกจะเจริญเติบโตได้ดีและให้หัวขนาดใหญ่ในดินที่ร่วนซุย น้ำไม่ขังและดินที่มีอินทรียวัตถุสูง
ทั่วโลกมีบุกมากกว่า 45-50 ชนิด แต่ที่นำมาใช้จริง ๆ มีเพียงไม่กี่ชนิด กระนั้น ปริมาณความต้องการบุกก็มีสูงถึง 12,000 ตันต่อปี ขณะที่ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ผลิตได้เพียง 5,000 ตันต่อปีเท่านั้น อย่างไรก็ดี ผลผลิตบุกที่ได้ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 90-95 ถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยนำเข้าเงินตราต่างประเทศนับพันล้านบาทแล้ว ยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยลดการนำเข้าสินค้าประเภทเส้นใยจากต่างประเทศอีกเป็นจำนวนมาก
คุณสมบัติของบุก นั้นมีสารสำคัญที่เรียกว่า “กลูโคแมนแนน” ซึ่งมีองค์ประกอบเป็นน้ำตาล “กลูโคส” และ “แมนโนส” เมื่อสกัดแยกออกมาจะได้เป็น “ผงแห้ง” หากนำผงแห้งที่ว่านี้ไปละลายน้ำจะได้ “วุ้นใยอาหารธรรมชาติ” หรือที่รู้จักกันในนาม “วุ้นบุก” ซึ่งสามารถพองตัวและดูดน้ำได้มากถึง 200 เท่าที่อุณหภูมิปกติและเพราะวุ้นบุกให้พลังงานต่ำ หรือไม่ให้พลังงานหากเป็นสารสกัดที่บริสุทธิ์ จึงเหมาะสำหรับเป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยบางประเภท
วุ้นบุกยังมีคุณสมบัติที่คงทนต่อน้ำย่อยในกระเพาะ จึงเหมาะสำหรับผู้เริ่มมีอาการของโรคกระเพาะ ซึ่งมักจะเกิดปัญหาเมื่อรับประทานอาหารผิดเวลา อีกทั้งหากรับประทานวุ้นบุกก่อนเวลาอาหารปกติประมาณครึ่งชั่วโมง การพองตัวของมันจะช่วยให้การรับประทานอาหารได้น้อยลง แต่อิ่มได้นาน ขึ้น จึงเหมาะสำหรับใช้เป็นอาหารสำหรับ ลดความอ้วน
นอกจากนี้ วุ้นบุกยังช่วยดูดซับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินจากอาหาร ควบคู่ไปกับเคลือบผนังกระเพาะหรือลำไส้ ลดการดูดซับไขมันและน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคความดันสูง เบาหวาน น้ำตาลและไขมันในเลือดสูง เมื่อรับประทานพร้อมดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น เพราะเมือกวุ้นจะเข้าไปห่อหุ้มกากอาหาร ทำให้เกิดการขับถ่ายของเสีย หรือสารพิษที่ตกค้างในระบบทางเดินอาหารออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
นอกจากประโยชน์ข้างต้นแล้ว บุกยังจัดเป็นไม้ประดับที่สวยงาม โดยนักจัดสวนมักนิยมนำมาประดับตามใต้ร่มเงาของไม้ยืนต้นหรือนำมาลงกระถางเป็นไม้ประดับโดยเฉพาะบุกชนิดที่มีหัวเล็ก ใบกว้าง และมีจุดแบบไข่ปลาด้านบน ซึ่งนักนิยมว่านมักเรียกบุกชนิดนี้ว่า “บุกเงินบุกทอง” เพราะมีทั้งต้น สีเขียวและสีแดง ดังนั้นหากเกษตรกรจะหันมาปลูกบุกชนิดนี้ สำหรับขายให้นักนิยมว่าน หรือพวกที่ชอบตกแต่งสวนก็อาจสร้างรายได้ให้อย่างน่าพอใจ อย่างไรก็ดี เกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรจะหันมาศึกษาเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มกับตัวบุกให้มากขึ้น โดยเฉพาะการนำไปแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และอาหารเสริมสุขภาพ เพื่อการจำหน่ายในประเทศและ ส่งออกไปขายต่างประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากกระแสของโลกในปัจจุบันยังต้องการผลิตภัณฑ์ที่ได้จากบุกเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิต จึงอาจกล่าวได้ว่า ยุคนี้ถือเป็น “ยุคทอง” ของ “บุก” จากประเทศไทยเลยทีเดียว
วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะหันมาดูของดีในบ้านเรา หลายสิ่งหลายอย่างที่เราหลงทางไปนิยมชมชอบกับต่างชาติ ยังไม่สายเกินไปที่เราจะหันมาใช้ประโยชน์จาก "บุก" ที่ปลูกง่ายโตไว ทนทานต่อโรค มีประโยชน์หลากหลาย สามรถปลูกไว้เป็นพืชเศรษฐกิจที่จะทำรายได้ให้กับเรา