Re: นกขมิ้น
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
29 พฤษภาคม 2024, 05:08:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: นกขมิ้น  (อ่าน 14736 ครั้ง)
rit sriduang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 65
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 39



« เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2012, 07:15:PM »

สวัสดี คุณชลนา
ผมมีงานเขียนเรื่องนกอีกเรื่องเป็นงานเก่า อยู่ใน project รวมเล่ม "สามสหาย" ชื่อเรื่อง เรไร มาร่วมแจมครับ

เรไร
 ๑.เป็นค่ำคืนที่ฟ้ามีพายุ
กิ่งไม้ผุหล่นร่วงลงริมรั้ว
ลูกนกพลัดตกรังมาหนึ่งตัว
ดูหวาดกลัวหนาวสั่นกับฝันร้าย
 ซากรังนกฉีกเฉือนอยู่เกลื่อนพื้น
หวังเพียงตื่นทุกอย่างจะจางหาย
แต่พอตื่นทุกอย่างพังทลาย
ภาพความตายพ่อแม่และพี่น้อง
 โลกเบื้องล่างหดหู่ไม่รู้จัก
โลกเจ้าหักเมื่อคืนดุจปืนส่อง
เหลือเพียงขนเปียกน้ำจนฉ่ำนอง
จะประคองชีวีได้กี่วัน
 หลับเถิดหนอนกน้อยผู้เหนื่อยอ่อน
ชีพจรเบาเลือนจนเหมือนฝัน
ฝันว่าได้นอนหลับนับนิรันดร์
ในรังนั้นแม่นกได้กกเกย…


 ๒.พอรุ่งเช้าแสงฟ้าก็จ้าฟ้า
น้ำบนหญ้าฉ่ำเยิ้มเริ่มระเหย
เรไรเปิดตาน้อยค่อยค่อยเงย
เปิดหับเผยเห็นภาพอันพาบพัง
 เธอลุกขึ้นโผวิ่งสู่กิ่งไม้
เสียงหัวใจบอกบท..อย่าหมดหวัง
อุ้มลูกนกที่หลับอยู่กับรัง
บอกว่ายังไม่ตายให้ยายยิน
 เศษผืนผ้าห่มห่อพอกรุ่นกรุ่น
คงอบอุ่นพอใช้กันไรริ้น
หนอนตัวอ่อนป้อนให้เจ้าได้กิน
ปีกเคยบินชาเหน็บคงเจ็บร้าว
 ตัดตะไคร้จากกอมาห่อปีก
พันทับอีกด้วยผ้าขาวบางขาว
ดวงตาของเรไรประกายวาว
วางเศษข้าวเศษกล้วยในถ้วยชา
 ยายอมยิ้มหัวร่อ…ว่าหมอน้อย
เดี๋ยวอีกหน่อยแปลงร่างเป็นนางฟ้า
นกจะหายด้วยเหตุแห่งเมตตา
มิใช่ว่าใบตะไคร้ที่ใช้พัน

 เวลายังเดินทางเหมือนอย่างเก่า
ค่ำถึงเช้าวนเวียนและเปลี่ยนผัน
ย่อมเยียวยาแม้แต่แผลฉกรรจ์
เป็นเช่นนั้นตราบเท่านานเท่านาน….


๓.เช้าวันนี้อากาศสะอาดใส
ชีวิตใหม่ลืมตาอย่างกล้าหาญ
ปีกที่เคยบอบช้ำสีน้ำตาล
ก็โผผ่านละแวกแห่งแมกไม้
 พอเย็นย่ำค่ำชื้นก็คืนกลับ
บ้านเคยหลับผืนผ้าเคยอาศัย
มีข้าวเปลือกข้าวโพดรสละไม
รอรุ่งใหม่แดดโผล่จะโผบิน
 ยายมองดูหลานสาวยังเยาว์นัก
เธอหลงรักนกดงผู้หลงถิ่น
เพราะอยู่อย่างกำพร้าจนชาชิน
อยู่กลางดินแมมมอมและผอมเพรียว
 หากว่านกบินไปแล้วไม่กลับ
เธอพร้อมรับหรือเปล่า..ความเปล่าเปลี่ยว
โลกที่ไร้สหายจะดายเดียว
จะซีดเซียวหงอยเหงาอย่างยาวนาน
 แกจึงบอกเรไรออกไปว่า
ยายจะหากรงให้เป็นไผ่สาน
นกจะอยู่อิ่มหนำสุขสำราญ
เป็นเพื่อนหลานคุยเล่นไม่เว้นวัน..

 ๔.เด็กน้อยแหงนสบตาประสาเด็ก
ตาคู่เล็กบอบบางดูช่างฝัน
มองนกจิกข้าวเปลือกกับเผือกมัน
ก่อนผลุนผลันกระพือปีกไปอีกครั้ง
 เธอตอบยายช้าช้าบอกว่า..หนู-
ไม่ชอบดูนกพงในกรงขัง
เพราะว่ากรงไม้ไผ่มิใช่รัง
มันคงหวังบินท่องทั่วท้องฟ้า
 แม้วันหนึ่งบินไกลแล้วไปลับ
หนูยิ่งกลับสุขใจนะยายจ๋า
นกควรอยู่อย่างนกสกุณา
อยู่ในป่าใช่กักในกรงไม้

 ๕.ยายลูบผมนางฟ้าผู้ตาแป๋ว
หลานโตแล้วนะหนูหลานรู้ไหม
ใช่เติบโตที่ตัวหรอกเรไร
แต่หัวใจต่างหากที่เติบโต

๘ มกราคม ๒๕๕๕

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

yaguza, ชลนา ทิชากร, --ณัชชา--, สุวรรณ, ไพร พนาวัลย์, ...สียะตรา.., รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, รัตนาวดี, Music, ดุลย์ ละมุน, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s