=======================================
คิดถึงครูไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน
=======================================
คิดถึงครูไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน
=======================================
ก. คิดถึงครูไทยในอดีต
แสนคิดถึงครูไทยในอดีต
มีจารีตจรรยาน่าสรรเสริญ
กายกรรม วจีกรรม ล้วนจำเริญ
มโนกรรม ดำเนินตาม พระสัมมาฯ
เขาจึงเปรียบครูเป็นเช่นประทีป
เปรียบเป็นหีบสมบัติพัสถาน์
เป็นแม่พิมพ์ควรเชิดชูควรบูชา
เป็นนาวาขนศิษย์ไม่คิดตังค์
ครูคือผู้เปิดประตูทางความคิด
เฝ้าสอนศิษย์ทุกคนจนสมหวัง
ให้ความรู้ทุกชนิดไม่ปิดบัง
เพียรปลูกฝังให้ศิษย์ดีมีวิชา
แม้เหนื่อยยากเพียงใดไม่เคยบ่น
ครูอดทน เงินเดือนน้อย ด้อยยศฐาน์
บางวันต้องขอข้าวจากหลวงตา
พอประทังชีวา มาโรงเรียน
แสนคิดถึงครูไทยในอดีต
สอนประณีตน้ำจิตล้นจนเกษียณ
ร้อยมาลีอักษรามาเยี่ยมเยียน
ยกเหนือเศียรน้อมบูชา..ค่าของครู.
ข. คิดถึงครูไทยในปัจจุบัน
หวนคิดถึงครูไทยสมัยนี้
ยังพอมีสิ่งใดให้อ้างถึง
คุณธรรมข้อใดให้คำนึง
พอจะซึ้งจดจำกับความดี
มิอาจเอ่ยเหมือนเคยยกมาเปรียบ
มิกล้าเทียบเมื่อกล่าวถึงซึ่งศักดิ์ศรี
มิกล้ายกให้เป็นปูชนีย์
ตราบใดที่ไม่เป็นครูด้วยวิญญาณ
มาเป็นครูด้วยเห็นเป็นอาชีพ
บ้างอยากถีบฐานะตนให้คนขาน
บ้างอยากได้ชื่อว่า “ข้าราชการ”
จึงมาเป็นครู-อาจารย์ สอนนักเรียน
ที่แสดงความเห็นมาเช่นนี้
หาใช่มีอคติแล้วขีดเขียน
เพียงอยากเห็นครูเป็นเช่นแสงเทียน
ส่องนักเรียนให้สว่างทางวิญญาณ์
เพราะความจริงยังมีครูผู้รักศิษย์
ยอมอุทิศตนเพื่องานการศึกษา
ไม่อยากเห็นครูยุคนี้ถูกตีตรา
“เป็นพ่อค้า-แม่ค้า ขายความรู้”.
...ส.เชื้อจันทร์...
๑๖ มกราคม ๒๕๕๕
แสนคิดถึงครูไทยในอดีต
มีจารีตจรรยาน่าสรรเสริญ
กายกรรม วจีกรรม ล้วนจำเริญ
มโนกรรม ดำเนินตาม พระสัมมาฯ
เขาจึงเปรียบครูเป็นเช่นประทีป
เปรียบเป็นหีบสมบัติพัสถาน์
เป็นแม่พิมพ์ควรเชิดชูควรบูชา
เป็นนาวาขนศิษย์ไม่คิดตังค์
ครูคือผู้เปิดประตูทางความคิด
เฝ้าสอนศิษย์ทุกคนจนสมหวัง
ให้ความรู้ทุกชนิดไม่ปิดบัง
เพียรปลูกฝังให้ศิษย์ดีมีวิชา
แม้เหนื่อยยากเพียงใดไม่เคยบ่น
ครูอดทน เงินเดือนน้อย ด้อยยศฐาน์
บางวันต้องขอข้าวจากหลวงตา
พอประทังชีวา มาโรงเรียน
แสนคิดถึงครูไทยในอดีต
สอนประณีตน้ำจิตล้นจนเกษียณ
ร้อยมาลีอักษรามาเยี่ยมเยียน
ยกเหนือเศียรน้อมบูชา..ค่าของครู.
ข. คิดถึงครูไทยในปัจจุบัน
หวนคิดถึงครูไทยสมัยนี้
ยังพอมีสิ่งใดให้อ้างถึง
คุณธรรมข้อใดให้คำนึง
พอจะซึ้งจดจำกับความดี
มิอาจเอ่ยเหมือนเคยยกมาเปรียบ
มิกล้าเทียบเมื่อกล่าวถึงซึ่งศักดิ์ศรี
มิกล้ายกให้เป็นปูชนีย์
ตราบใดที่ไม่เป็นครูด้วยวิญญาณ
มาเป็นครูด้วยเห็นเป็นอาชีพ
บ้างอยากถีบฐานะตนให้คนขาน
บ้างอยากได้ชื่อว่า “ข้าราชการ”
จึงมาเป็นครู-อาจารย์ สอนนักเรียน
ที่แสดงความเห็นมาเช่นนี้
หาใช่มีอคติแล้วขีดเขียน
เพียงอยากเห็นครูเป็นเช่นแสงเทียน
ส่องนักเรียนให้สว่างทางวิญญาณ์
เพราะความจริงยังมีครูผู้รักศิษย์
ยอมอุทิศตนเพื่องานการศึกษา
ไม่อยากเห็นครูยุคนี้ถูกตีตรา
“เป็นพ่อค้า-แม่ค้า ขายความรู้”.
...ส.เชื้อจันทร์...
๑๖ มกราคม ๒๕๕๕
ปล.
เนื้อหาในกลอนข้อ ข. อาจมองดู "แรง" ไปหน่อย แต่ผู้เขียนไม่ได้เหมารวมครูทั้งประเทศหรอก
แค่เคยเห็นเคยพบในบางส่วนเท่านั้น ทีระบายออกมาเช่นนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตือนสติตนเอง(ซึ่งเป็นครูด้วยเหมือนกัน)
อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อระบายความในใจให้ครูด้วยกันฟัง
หากว่า ทำให้ครูท่านใดรู้สึกไม่ดีก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ในใจลึกๆ แล้วผู้เขียนคิดถึงครูที่สอนเมื่อสมัยที่ตนเองยังเรียนชั้นประถมมาก
เพราะอะไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่รู้สึกคิดถึงครูสมัยนั้นจริงๆ บางทีอาจเพราะครูสมัยนั้นเป็นครูด้วยจิตวิญญาณจริงๆมั้ง
ส่วนครูในระดับมัธยมและระดับอุดมศึกษา คิดถึงเพียงบางท่านเท่านั้น....
อันที่จริงจะว่าไปแล้ว ผู้เขียนเองก็ยังไม่สามารถประพฤติให้เป็นครูได้ดีเท่าครูในอดีต..