พิมพ์หน้านี้ - ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => ห้องฝึกเขียนกลอนตามฉันทลักษณ์ => ข้อความที่เริ่มโดย: @free ที่ 19 เมษายน 2020, 06:55:PM



หัวข้อ: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 19 เมษายน 2020, 06:55:PM
  

  MASLRM0vuHs

วจีกลอนอ่อนหัดช่างขัดเขิน
หรือจะเชิญครูช่วยด้วยเลื่อมใส
วจีกล่าวราวท้อหนอเจียมใจ
หรือจะใช่คำเพื่อนก็เหมือนครู
.....

  
เปิดกระทู้ ขอเริ่มที่กลอนหนึ่งบท ประเดิมก่อนครับ
ผมเคยถามครู"เพรางาย"ครับ ว่ากลอนแปดควรจะเขียนกี่บท ท่านบอกประมาณนี้ครับ
เขียนบทเดียวก็ให้ไพเราะเถอะ บทเดียวยังเขียนให้ดีไม่ได้ จะเขียมากๆไปทำไม ทนมานคนอ่าน  ขำแต่จำครับ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 20 เมษายน 2020, 07:35:AM
   

 กล่าวเกลี้ยงคำหวานล้ำน้ำตาลอันโอชา
อันว่ารสวาจาย่อมมาพลาดพลั้งน้ำใจ
รสน้ำตาลอันหวานฉ่ำจะเปรียบด้วยน้ำคำก็ไม่ได้
อารมณ์ก็อาลัยที่ในถ้อยคำหวานเอย...
เนื้อเพลงคำหวาน

uWVl-jUeCWE

กลอนหนึ่งบทพจน์พร้อยค่อยกล่อมใจ
.....

 

หรือจะใช่คำเพื่อนก็เหมือนครู
.....
เขียนกลอนกานท์นานหนอพอนับเนื่อง
จิตรับเรื่องจินตนาพาอดสู
เขียนกลอนเกินเพลินพจน์ผิดบทครู
จิตรับรู้ไม่สุภาพหรือหยาบคาย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 21 เมษายน 2020, 06:30:AM
   

   

งาม ยาวหน่อยครับ แต่ครบรสบำเรออารมณ์ เรื่องของอารมณ์มนุษย์ เยอะเสมอ ถ้าจะพูดถึงชมเป็นประสบการณ์ ถือว่าคุ้มค่าเวลา กระบวนรบ กระบวนรำ แนะนำครับ

xX1roTx4JcE

วิสัยสัตว์ บ้าง มีเสียง สี มีขน ปีก ไพเราะสวยงาม
มีเขา เขี้ยว งา พิษ ตะละอย่างต่างๆกัน เพื่อดำรงชีวิต
มนุษย์สิ มีที่ว่ามาครบทุกอย่างแถมด้วยมายา เพื่อแสดงตัวตนให้รู้ว่ามนุษย์เป็นอย่างไร ต้องการอะไร ทุกอย่างอารมณ์สร้าง ฝีกฝนให้ช่ำชอง ใช้กระทำการแทน มีทั้ง เทพ นักบุญ ยักษ์ ผี พระเอก นางเอก ตัวขบขัน
ทั้งหมดถูกกำหนด ส่ง  ออกไป เพื่อทำลายหรือยึดครอง นั่นคือบทที่อารมณ์สร้าง
เมื่อยังไม่ได้ส่งออกไปแสดงบท
ทุกตัวถูกเก็บสะสมไว้ในใจ นั่นคือมล สื่งที่หม่นใจ
.....

   จิตรับรู้ไม่สุภาพหรือหยาบคาย
.....
อารมณ์ส่ายร้ายนักรักโกรธหลง
เหตุที่ปลงไม่วางที่กลางสาย
อารมณ์สอดวอดมิตรจิตทำลาย
้เหตุที่ปลายแผดผลเผากมลเอง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 22 เมษายน 2020, 06:33:AM
   

 
กลอนควรเป็นเช่นไร
   
xmwlgue0qe4

เพื่อน คนธรรมดาคนหนึ่งเคยบอกกับข้าพเจ้า ขณะนั้นว่า ถ้าเขาไม่มีความสุขเขาจะไม่แต่งกลอน เพราะว่ากลอนเป็นเรื่องความสุข เพื่อความสุข แต่งโดยคนทึ่มีความสุข ข้าฯก็ไม่ได้จำ แต่ก็ไม่ลีม
มาสำนึกได้ในขณะนี้ ที่กำลังเขียนกระทู้อยู่นี่เอง
่อ่อ ผู้อ่านไม่เพียงอ่านงานศิลป์ ผู้แต่งเองก็เช่นกัน ต่างสื่อสารกันอันประกอบด้วยตัวตนเจืออารมณ์ รัก โกรธ หลง ด้วยกัน จึงไม่เพียงชอบไม่ชอบ อาจถึง รัก เกลียด รับ ไม่ยอมรับ อ่าวเนาะ เหมือนการค้านี่  อยู่หรือเจ๊ง
ขณะหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยบอกกับตัวเองว่า กลอนคือสิ่งที่ข้าฯเรียกเองว่าเป็น จิตศิลป์(จิตที่ไม่มีตัว ร)
เช่นนี้แล้ว ข้าฯหวังเพียงขออภัย หากข้าฯไม่มีความสามรถแต่งกลอนกล่อมจิตผู้ใดได้ ขอเพียงได้แต่งกลอนเกลาจิตตน
ที่ทนเจ๊งอยู่ ฉะนั้น
.....
 

   
เหตุที่ปลายแผดผลเผากมลเอง
.....
กานท์กลอนเลิศเกิดในใจพิสุทธิ์
ฝีกก้าวรุดพรหมวิหารญาณคนเก่ง
กานท์กลอนล้ำคำสวรรค์สรรค์รื้นเครง
ฝึกก้าวเร่งค่าศิลป์ถวิลตน

.....
หมดขัันตอนแนะนำ   หลังจากนี้จะเป็นการดำเนินเรื่อง
 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 23 เมษายน 2020, 06:31:AM
   

 
งามพร้อมพรึ่บ ราวกับฝึกทหาร จิตเราควรฝึกได้เช่นนี้ แล
mEMyPsYDZjI

กาพย์ยานี๑๑ แต่งล้อวรรคโคลง๔สุภาพ เป็น กาพย์ห่อโคลง
ขณะนี้ เพิ่งรู้ว่าต้องแต่งล้อกันวรรคต่อวรรค และแต่งกาพย์ขี้นก่อนโคลง
.....
กระทู้นี้ ตั้งขึ้นเพื่อฝึกเขียนกลอนให้ถูกต้องตามฉันทลักษ์ ดำเนินเรื่องโดยมีแกนเรื่อง คือ นาฏยศิลป์ หรือ สังคีตศิลป์
ในฐานะลูกศิษย์ ย่อมผิดพลาดบ้าง มิใช่วิชาการ หรืออ้างอิงได้ ผิด ถูก ควรพิจารณาประกอบโดย คำท้วงติง แก้ไขจากผู้รู้ท่านอื่น

เมื่อข้าพเจ้าเข้ามาเป็นสมาชิก ได้รับคำต้อนรับว่า ให้สนุกเขียนกลอน อะแน่ แปลว่าชวน
กระทู้นี้จึงเป็นไปเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก จริ๊ง

   
ฝึกก้าวเร่งค่าศิลป์ถวิลตน
.....
ศิษย์รู้ครูสอนไว้   
"บ้านกลอนไทย"ประสิทธิ์ผล
ครูเคร่งเก่งหลายคน
ศิษย์ครู"เพรา"เข้าเรียนฟรี

ศิษย์มีครูอยู่นี้     เกรงไย
เรียนที่เว็บกลอนไทย     จึ่งรู้
มากมายท่านขานไข     ครูเก่ง
ศิษย์หนึ่งพึงเพียรสู้     อยู่เฝ้าเพรางาย   
.....
ไหว้ครูนะครับ เนี่ย

เพิ่มเติม   มีผู้จัดให้กาพย์เห่เรือ
อยู่ในประเภทกาพย์ห่อโคลง โดยแต่งโคลงสี่สุภาพขึันก่อน ตามด้วยกาพย์ยานี11
   


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 24 เมษายน 2020, 06:24:AM
   

   
   FVWEJLpeb1U

พระ เด็ก ครู ร่วมสร้างดนตรีไทย ถึงพร้อมทางโลกทางธรรม ที่วัดบางประทุนนอก เข่นนี้แล้วผู้มีดนตรีกล่อมเกลาจิตใจ
.....

ศิษย์หนึ่งพึงเพียรสู้     อยู่เฝ้าเพรางาย   
.....
ไวรัสหวัดโคหวิด
ระบาดฤทธิ์ส่ำระสาย
ใกล้ชิดติดเชื้อร้าย
พระเด็กครูอยู่ดีรา

โคหวิดพาแพร่เชื้อ   เบือตาย
ระส่ำจิตคิดหมาย   มุ่งแคล้ว
หากมิห่างทางกาย   กรรมก่อ
เด็กว่าแลพระแล้ว   ร่วมผู้ครูชรา       


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 25 เมษายน 2020, 06:53:AM
   

 
จะเต้นจะรำ   และร้องนำพิไล
เพี่อว่าจะกล่อมใจ   ให้เจ้าสำเริงแรง

เทวานั้น อยู่รอบตัวเรา ไกล้กันนี้เอง

tFPvwJsUVUc

เด็กว่าแลพระแล้ว   ร่วมผู้ครูชรา       
.....
ชาวไทยไม่ยอมแพ้
เรารักแก้หมอรักษา
ไทยชนะพระเมตตา
เทวาช่วยอวยพรชัย

ระบือไทยไม่แพ้   รารอ
 เราร่วมนำคำหมอ   ต่างสู้ 
กรรมหนุนว่าบุญพอ   พระช่วย
เทพยิ่งสดับรับรู้   ร่วมร้องเริงรำ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 26 เมษายน 2020, 06:22:AM
   

   fq3qxdMzK-E

คราวนี้ไม่ใช่กาพย์ห่อโคลง
คือกาพย์ ดอกแคร่วง พ่วงโคลงสี่สุภาพ แห็ม
ยังไม่จบโคลงสี่สุภาพ เพราะยังแต่งได้ไม่ครบถ้วน
ทีนี้งานเยอะ
โคลงสี่สุภาพไม่ใช่แค่แต่งเรียบง่ายตามฉันทลักษณ์เท่านั้น
ขณะแต่งไปเปิดตำราไป ข้าพเจัาก็เพิ่งรู้
โคลงสึ่สุภาพแต่งกันหลายลีลา เยอะเลย
ก็เลยต้องแต่งตามไป ค่อยสอดแทรกแถมไปบ้าง
ด้วยฝีมือระดับข้าพเจ้าใช้เวลาไม่น้าน
แค่หมดเท่าที่มีทั้งชีวิต ไม่เกินนี่

     zdX0ChJISNY

เทพยิ่งสดับรับรู้   ร่วมร้องเริงรำ
.....
เล่นเพลงเคร่งคำ   
ครูแจงแบ่งนำ   จุนเจือ

สองแขนแน่นเนื้อ   
ก้าวตรงลงเรือ   พายไป

เห่ฉ่าฮ้าไฮ้
ร่วมลำ นำไทย   ช่วยกัน

คละทุกข์สุขสันต์
มีสิบสี่วัน   ทุเลา   

ใครเขารือเท่าพ้อง    สนองนาน
ชนอื่นฝืนพบพาน     แพร่เชื้อ
กักสิบสึ่วันวาร          วอนอยู่ ดูรา
เราช่วยอวยเองเอื้อ   เพื่อฟื้นคืนเมือง



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 27 เมษายน 2020, 06:30:AM
   

   
uMEK6kv0FX0

เราช่วยอวยเองเอื้อ   เพื่อฟื้นคืนเมือง
...
พูดไยไพเฟื้อง   
คร้านเล่าเปล่าเปลือง   ปากคำ

อย่าแหนงแคลงหนำ   
ขุ่นแค้นแทนทำ   แผดผลาญ

 มิซึ้งถึงการณ์
ประมาทประมาณ   อันตราย

กฏขาดการ์ดหาย
โคหวิดพิษตาย   คือผล

ตนแลเตือนเพื่อนรู้     ดูรา
ระส่ำโศกโรคา     ครั่นคล้อย
รือควรคร่ำครวญหา   โหยห่วง ดวงเอย
จิตสู่จิตพิศพร้อย   เร่งให้ใจเหิม


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 28 เมษายน 2020, 06:25:AM

   
  d875sujleD0

จิตสู่จิตพิศพร้อย   เร่งให้ใจเหิม
.....
แว่วหวานสานเสริม
ซอไหวไทยเดิม   กล่อมใจ

ยิ้มแย้มแจ่มใส
รุดหน้ากว่าใคร   แพทย์เรา

รักษ์หายคลายเศร้า
ดีกว่าอัตราเก่า   เกินคาด

ประโคมประกาศ
ล้วนนานาชาติ   รับรอง

ตรองสดับรับข่าวปั้ง   ฟังเถิด
ลือเรื่องนามความเลิศ   เหล่าผู้
พลแพทย์แกร่งทวยเทิด   ไทยเก่ง เฮงเอย
ปากต่อปากเรียนรู้   เร่งเร้าเอาตาม


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 29 เมษายน 2020, 08:53:AM
   

            
กาพย์ฉบัง
ขณะเมื่อหัดแต่งใหม่ๆ ข้าพเจ้า จึงเปิดตำราศึกษาจากผู้รู้ในกูเกิล
มีผู้กล่าวว่า กาพย์ฉบัง มีลักษณะ ดุดัน แข็งกร้าว
เพราะมักใช้บรรยายถึงความรุนแรง การบ สงคราม
ข้าฯก็ยึดแบบตามนั้นมาจนชิน
วันนี้เอง จึงค่อยคิดว่า ไม่ดีกว่า
เพราะต่อมาก็ไม่ค่อยจะพบใครแต่งกาพย์ฉบังออกมาแข็งกร้าว ดุดัน
วันนี้จึงแต่งกาพย์ฉบัง16(646)ประกอบการพย์ฉบัง18(648)กาพย์ฉบัง18(756)
โดยมีกลอน8เป็นบทนำและบทสรุป เพื่อให้ดูนุ่มนวลขึ้น
   

   


HzTq6zXRHuI

ปากต่อปากเรียนรู้   เร่งเร้าเอาตาม
.....
ใจที่ร้าวคราวแหลกแก้วแตกง่าย
ดูว่าคล้ายแก้วเนื้อเมื่อยอกหนาม
ใจที่รานผลาญสุขทุกเมื่อยาม
ดูว่าคร้ามเปราะบางกลางดวง
มาน

รู้เท่าไม่ซึ้งถึงการณ์   โทสะบันดาล
สุดวิสัยนัยว่าเกิดอารมณ์ (ฉบัง648)

ขาดยั้งพลั้งหลุดสุดบ่ม   ขอโทษสังคม
วอนขอรอลงอาญา (ฉบัง646)

ยินยอมน้อมคำพิพากษา   ยกเหตุว่าเมตตา
มิเห็นเป็นบทจดจำ (ฉบ้ง756)

เกรงแตกแยกหนคนทำ   รออยู่ผู้นำ
ผู้กล้าผู้ชนะสละตน (ฉบัง646)

ขณะหนึ่งพึงรู้มีผู้กล้า
รู้คุณค่าความคิดประสิทธิ์ผล
ขณะนี้มีแล้วแก้วใจชน
รู้คุณคนอาสาหมอพยาบาล

   


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 เมษายน 2020, 07:22:AM
   

   UXYr7wjMffI

รู้คุณคนอาสาหมอพยาบาล
…..
หนุ่มสาวคราวสมัครรักสมาน    ลืมวันลืมวาร
มวลไออุ่นโอบกอดยอดสุขเฮอ

คู่เรียงเคียงขวัญมั่นเสมอ   ใกล้ชิดจิตเพ้อ
ใครเลยเคยเหงาเศร้านอ

ถวิลใฝ่ใคร่ครองใจร้องขอ   หนุ่มเคล้าสาวเจ้า
คลอ
ห่างนิดจิตอุกทุข์แล
 
 สิบสี่วี่วารนานแท้   ใดสุขทุกข์แน่
ความรักหนักจิตคิดไป


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 01 พฤษภาคม 2020, 06:40:AM
     

   oI3ViJQAQwg

ความรักหนักจิตคิดไป
…..
เป็นหญิงสาวคราวรุ่นวุ่นฉะนี้
ทำนองทีชายหนุ่มกลุ้มไฉน
เป็นหญิงสวยด้วยจริตควรคิดไว้
ทำนองไทยหนุ่มสาวถนัดสวัสดิ์มิตร

พลังรุ่นหนุนตั้งพลังจิต    ทวงทำย้ำสิทธิ์
ด้วยวัยนี้ที่ตอบมอบความหวัง

ก้าวแรกแบกตนซนจัง   ล้มลุกทุกครั้ง
เจ็บหน่อยบ่อยเข้าเจ้าจำ

เอิงเอยเคยร้องทำนองคร่ำ   เร่งรู้คือผู้นำ
คนเก่งเร่งลัดคัดตัว

ทุกขบวนล้วนซึ่งพึ่งหัว   ผู้กล้าอย่ากลัว
วิถีนี้เล่าเยาวชน
…..
จบห้วนหน่อย ขออภัย
ขณะแต่ง ร่างกายไม่ค่อยสบาย และก็ยังไม่ค่อยดีเต็มร้อย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 พฤษภาคม 2020, 06:26:AM
   

   กาพย์สุรางคนางค์ 28   

บทหนึ่งมี 28 คำ แบ่งเป็น 7 วรรค วรรคละ 4 คำ ลักษณะการส่งสัมผัสมี 3 แบบ ดังนี้

แบบที่ 1 บังคับเฉพาะสัมผัสระหว่างท้ายวรรคที่ 1 -2, ท้ายวรรคที่ 3 กับท้ายวรรคที่ 5 - 6 และสัมผัสระหว่างบท จากท้ายบทแรกไปยังท้ายวรรค 3 ในบทต่อไป พบในวรรณกรรมยุคแรก ๆ
…..
จากวิกิพีเดีย
   

     hjkReQPVdJQ                           

 วิถีนี้เล่าเยาวชน
…..
                             
กำเนิดเกิดจาก
สืบเก่าเหง้าราก   ผลิดอกออกผล
ฟุ้งเฟื่องเรืองรัตน์   ตระการตระกล
ตรองตรึกฝึกฝน   สืบสรรค์มรรคา

ชู้ยักษ์รักลอง
กรุ้มกริ่มยิ้มย่อง   หน้าผ่องทองทา
หมายปองครองนาง   เทวีสีดา
เคราะห์หนักยักษา   ทศกัณฐ์บรรลัย   


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 พฤษภาคม 2020, 06:48:AM
   

   กาพย์สุรางคนางค์ 28
แบบที่ 2 เพิ่มสัมผัสระหว่างวรรค 4 กับวรรค 5 ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง พบในงานยุคสมัยต่อมา

vaBnJP0XAzY

…..ทศกัณฐ์บรรลัย
…..
ยังเยาว์เราสนุก
แก่เฒ่าเหงาทุกข์   คล้ายคนพ้นสมัย
รู้คุณรู้ค่า   ปรารถนาหลักชัย
วิสุทธิ์วิสัย   ควรแท้แม่เอ๋ย

วารวันพรรษา
อคติอวิชชา   ชวนหลงคงเคย
พลาดยั้งพลั้งคิด   ถูดผิดจิตเฉย
ไม่เรียนรู้เลย   เหตุว่าอารมณ์

ปล่อยชีวิตผิดเค้าเอาสนุก
เพียงเสพสุขหวานจิตไม่คิดขม
ปล่อยชีวาพาสนองของนิยม
เพียงเสพสมหมดเวลาไร้ค่าแล   


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 04 พฤษภาคม 2020, 06:58:AM
   

  กาพย์สุรางคนางค์ 28
แบบที่ 3 เพิ่มสัมผัสจนครบทุกวรรค ปรากฏในงานของสุนทรภู่ และงานยุคหลัง ๆ

T3tuhU5nWUg

หวังเสพสมหมดเวลาไร้ค่าแล
…..
เริ่มต้นชนปลาย
ถึงจุดสุดท้าย   มากมายผันแปร
ล้มลุกทุกยาม   ไปตามกระแส
ใครย่อท้อแท้   ถึงแพ้หนอคน

สุดท้ายชายหญิง
พูดคล้ายง่ายจริง   เอ่ยอิงขอผล
หวังนุชสุดท้าย   หวังชายหนึ่งคน
จึงถามงามกมล   กี่หนแล้วมา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 05 พฤษภาคม 2020, 06:32:AM
   

   

zCwbOYPeKB0

กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒ - วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร

จึงถามงามกมล   กี่หนแล้วมา
…..
บุรุษสุดเสน่ห์   แพ้เล่หฺ์สตรี
ราวดุจฤดี   ต้องดลมนตรา
ร้ายนักรักน้อง   สนิทต้องเสน่หา
มากมวลมายา   วัยเยาว์เฝ้าครวญ

รสลิ้มชิมชม   ของขมว่าหวาน
อิ่มด้วยดวงมา(ลย์)น   คติอันผันผวน
รักเกลียดเคียดใคร่   จากใจเย้ายวน   
แรงฤทธิ์จิตล้วน   โมหะโทสา                 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 พฤษภาคม 2020, 07:33:AM
   

  กาพย์สุรางคนางค์36

   แบบคำประพันธ์คล้าย สุรางคนางค์ แต่มี ๙ วรรค วรรคละ ๔ คำ เช่น

จักแสดงพระเดช องค์ไทนฤเบศร ปิ่นเกล้ากรุงศรี
 
ผ่านเทพอยุธยา  เรืองเดชเดชา ทั่วทั้งธรณี

 อันตรายไพรี บ่อาจราวี ด้วยพระสมภาร

สำหรับขับประสานกับบัณเฑาะว์ ใช้ในการพระราชพิธีต่างๆ.  (เปลื้อง ณ นคร)

teU1pGwtgV8

สุรางคนางค์อย่างนี้   กวียก
คำแต่งสามสิบหก   เห่ไฮ้
จบบทส่งตรงตก   บาทหนึ่งพึงเฮย   
เรียกชื่อกาพย์ขับไม้   ใฝ่เฝ้าเอาถวาย

กาพย์สุรางคนางค์สามสิบหก
กวียกขับไม้ได้เรียกขาน
สี่คำเท่าเก้าวรรคแน่แต่โบราณ
ใช้เพื่อการโอกาสราชพิธี


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 07 พฤษภาคม 2020, 06:58:AM
   

   
rHr-uPaIosU

มีบัญชาว่าให้   หนุมาน   
สืบข่าวลงกาสถาน   ที่ตั้ง
สีดาคู่ขวัญสคราญ   คราคร่ำครวญนอ
ถึงที่ระวังพลั้ง   เพ่งรู้ดูการณ์

ชาญสมรร้อนรุ่ม   กุมพล
ถึงด่านแรกประจญ   จึ่งแจ้ง
ยักษ์ปักหลั่นขวางหน   ตนใหญ่ใครฤๅ
ถูกฆ่าคลายสาปแสร้ง  สู่ฟื้นคืนวรรค์   
   


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 08 พฤษภาคม 2020, 06:55:AM
   

   9Q6jLxjJ9qM

ถูกฆ่าตายคลายสาปแสร้ง   สู่ฟื้นคืนสวรรค์
…..
พลันถึงเมืองใหญ่ร้าง   นางนรี
หญิงชื่อบุษมาลี   เล่าอ้าง
กลางระหว่างวิถี   รออยู่คอยเนอ
หวังเพื่อหนุมานล้าง   ไถ่สิ้นสาปนาง.         


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 09 พฤษภาคม 2020, 07:35:AM
   

   
     DRhx62uUqlc

หวังเพื่อหนุมานล้าง   ไถ่สิ้นสาปนาง
…..
       
      ด่านที่สามนามว่าสัมพาที
พญาปักษีไร้ขนบนปีกหาง
จักคืนขนตนตัวทั่วสรรค์พางค์
เมื่อนำทางลงกาสามลาโห่พลัน

สัมพาทีชี้ท่า   ชลาลัย
พบหนึ่งนางชาญชัย    เชี่ยวเชืัอ
ผิดแผกต่างวิสัย   สูงใหญ่ ยักษ์นอ
จึงฆ่านางผีเสื้อ   สมุทรม้วยมรณา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 09 พฤษภาคม 2020, 02:26:PM
   

   น่ารักจัง นังอังกาศตะไล
               
  7JoVP463HHw

จึงฆ่านางผีเสื้อ   สมุทรม้วยมรณา
…..

เหาะเหินฟ้าท่าทะนงช่างองอาจ
อีอังกาศตะไลไขว้ขวางหน้า
ต่างฝ่ายตัองจ้องจบรบทายท้า
หนุมานว่าหนึ่งแน่หนึ่งแพ้พัง

อังกาศนางอย่างคล้าย   อายเกิน
ลิงล่วงหลอกหยอกเอิน   อั่งอั้น     
ถูกลูบคลำร่างนางเขิน    เคืองยิ่ง จริงนอ
ถึงที่เหตุสติสั้น   ส่งสิ้นวิญญาณ

กรุงลงกาครานั้นทศกัณฐ์เจ้า
เตรียมองค์เข้าพบสีดาแปลงหน้าหวาน
รัญจวนจิตคิดหลงแต่นงคราญ
สรงสนานหน้าผ่องดังทองทา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 10 พฤษภาคม 2020, 06:45:AM
   

   สวยสง่า งามสมสีดา แม่เอย

     Y2wYtzw4YY0

สรงสนานหน้าผ่องดังทองทา
…..
เตรียมเสด็จเสร็จชำระสระสรง
ฉลององค์สีสันด้วยหรรษา
เยื้องปรากฏลดเลี้ยวเกี้ยวสีดา
อสุราเจ้าชู้ยักษ์นักทศกัณฐ์

บันดลเชียวเกรี้ยวก่น   ลนลาน
วจีเอ่ยอธิษฐาน   เที่ยงไท้
สีดาพึ่งบุญดาล   ดลช่วยอวยเทอญ
หากว่ายักษ์ชิดได้   ดั่งไหม้ไฟผลาญ

ครั้นทศกัณฐฺ์ผันผายย่างย้ายลับ
นึกอาภัพอดสูอยู่สังสาร
สีดาผูกศอขอคิดปลิดวิญาณ
หนุมานช่วยได้ไม่วางวาย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 10 พฤษภาคม 2020, 06:34:PM
   

   อย่างนี้นี่เอง เด็กอังกฤษสามขวบยังชอบ
zDNz48uEM40

9RzT1hT1FGo

หนุมานช่วยได้ไม่วางวาย
…..
ลูกพระพายแจ้งข่าว   คราวคลา
กุมไพร่พหลพลมา   มุ่งแม้น
รุกรบฆ่ายักษา   สูญเสื่อมสลายแล
ชะร่ำชำระแค้น   โค่นล้างลงกาพงษ์

 ทรงทราบเหตุแห่งต้น   กลการณ์
รออยู่ยังสถาน   ที่นี้
สีดาแม่เยาวมาลย์   มิหม่นหมองแล
นับต่อตามยามชี้   แน่ย้ำคำแหง

แผลงฤทธิ์โจมจู่เข้า   เอามลาย
ยักษ์เท่าถึงพันตาย   แต่ต้น
สวนขวัญป่าเสียหาย   หักโค่นโอนนอ
รบยิ่งเหลือกำลังล้น   ร่อยแล้แดดิน

อินทรชิตยื่นหน้า  มาผจญ
กระบี่พรางวางกล   กึ่งแพ้
ถูกรัดร่างตัวตน   ตามแต่ใจรา
จับส้่งโทษโดยแท้   ท่านท้าวทศกรรณฐ์           


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 10 พฤษภาคม 2020, 09:44:PM
   

  กาพย์สุรางคนางค์ 28
แบบที่ 3 เพิ่มสัมผัสจนครบทุกวรรค ปรากฏในงานของสุนทรภู่ และงานยุคหลัง ๆ

T3tuhU5nWUg

หวังเสพสมหมดเวลาไร้ค่าแล
…..
เริ่มต้นชนปลาย
ถึงจุดสุดท้าย   มากมายผันแปร
ล้มลุกทุกยาม   ไปตามกระแส
ใครย่อท้อแท้   ถึงแพ้หนอคน

สุดท้ายชายหญิง
พูดคล้ายง่ายจริง   เอ่ยอิงขอผล
หวังนุชสุดท้าย   หวังชายหนึ่งคน
จึงถามงามกมล   กี่หนแล้วมา

ตอบความถามชาย
ปรับปรุงมุ่งหมาย    ซาบซึ้งตรึงตรา
หลายหลากมากมี    เห็นดีทีท่า
คบไปใฝ่มา    บอกลาถอยลับ

ต่อหน้าว่าฟัง   
อีนุงตุงนัง    ลับหลังสับปลับ
มากมีถี่ห่าง    บนล่างเกินนับ
ยักย้ายพ่ายยับ    ขอกลับที่เดิม

เนิน จำราย   

   




หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 พฤษภาคม 2020, 08:31:AM
   

   
  zJB160ogUVo
   
จับส้่งโทษโดยแท้   ท่านท้าวทศกรรณฐ์
…..
ทศกรรณฐ์สั่งให้   สังหาร
ดาบไม่ปลงสังขาร   ฆ่าได้
แผนกระบี่มีการ   กลเพื่อผลแล
หลอกว่าสังหารได้    ดั่งด้วยไฟเผา

เจ้าลงกาหลงการบันดาลโกรธ
เพลิงพิโรธสุมใจพานให้เขลา
ขุนกระบี่ดีใจไฟแรงเร้า
เผ่นโผนเข้าทั่ววังเผาทั้งเมือง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 พฤษภาคม 2020, 07:40:AM
   

   

    7JhaqS4VwxU

สุดสงวนสวนรื่นล้วน   ชวนชม
คำหว่านขานเริงรมย์   เร่งเร้า
ชิงกอช่อลอยตม   ตูมเต่งเองเอย
บานทั่วบัวตึงเต้า   ต่างต้องครองคราว

สาวเด็ดเสร็จสร่างสิ้น   รินโรย
ชลพรำฉ่ำปรอยโปรย   ปริ่มแปล้
ปราศแรงแปร่งเหือดโหย   หายห่างรางฤๅ
สุดข่มสมสุขแท้   ถั่งท้นชนชาว
…..

โบราณเชียะ










หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 13 พฤษภาคม 2020, 08:05:AM
   

   
    vYWsPJmdc_o

สาวมอญสอนหน่อยน้อง   ลองรัก
กอดนุ่มกุมคึกคัก   เข่นเขี้ยว
รำมอญร่อนยึกยัก   ยียั่วยวนนอ
สมกล่าวสาวสมัยเปรี้ยว   ปล่อยพ้นพันธนา

มาวอนมอญแม่เม้ย   เอยอิง
รักแน่แลใจจริง   แจ่มเจ้า
ออดพลอดพร่ำยอดหญิง   ยากหย่ารานอ
รอแจ่มจันทร์ฝันเฝ้า   ใฝ่ฟ้าถลาดิน
…..
เก่า เอาน่า มันจะดีกว่านี้. 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 14 พฤษภาคม 2020, 06:43:AM
   

      T3tuhU5nWUg

ยินความยามเอ่ยอ้อน  งอนงาม
เฉลยเอ่ยเรียงเคียงความ   ไขว่คว้า
แรกรักหมั่นติดตาม  ตรึงต่อ พนอเนอ
รักอย่าราทายท้า   ทั่วหล้าพาพยาน

รักหวานวางต่างถ้อย   พลอยพราว
คำซื่อคือควรคราว   คู่คล้าย
คะนึงหนุ่มนะสาว   ใสซื่อ ฮือฮา
รวยแต่แลฤดีร้าย   เร่งลี้หนีรา         


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 15 พฤษภาคม 2020, 06:58:AM
   

 
   6I6tjO4pliQ
 
ฉันอยู่เพื่อเยื่อใยใจมนุษย์       
บริสุทธิ์สอดผสานงานผสม
เป็นเกลียวมั่นขันแกร่งแรงกลืนกลม       
พายุร้ายสายลมมิอาจรอน….

อุชเชนี ศิลปินแห่งชาติ
…..

ภุชงคประยาตฉันท์ 12

มีผู้กล่าวว่า…..  ท่านอุชเชนีรจนาบทกวี “พลังรัก” ด้วยภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ ลีลาฉันท์เป็นไปตามขนบคัมภีร์วุโตทัยอย่างเคร่งครัด แต่เสน่ห์ซึ่งท่านสอดซ้อนเข้าไป นั่นคือ สัมผัสใน ….

หาตัวอย่างคำประพันธ์ไม่พบ ลองแต่งตามคำบอกเล่า
…..
รวยแต่แลฤดีร้าย   เร่งลี้หนีรา
.....


ประวัติการณ์ประสานต่อ มิรีรอแสวงหา
ระเบียบครบระบบครา   จะชมชื่นจะรื่นรมย์

จะอยู่เพื่อสิเยื่อใย   พิสุทธิ์ใสมนุษย์สม
สมัครสานสมานกลม และมั่นเหนียวเพราะเกลียวการ

สตรีผุดบุรุษผ่อง   ประคับคองเพราะกล้าหาญ
สลายวาตมิอาจราญ   ฉะนี้มั่นฉะนั้นแล


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 16 พฤษภาคม 2020, 07:43:AM
   

   
dL6ytENR4mE
   
ฉันอยู่เพื่อความฝันอันเพริศแพร้ว       
เมื่อโลกแผ้วหลุดพ้นคนหลอกหลอน
เมื่ออามิสฤทธิ์แรงแท่งทองปอนด์       
มิอาจคลอนใจคนให้หม่นมัว
…..
อุชเชนี   ศิลปินแห่งชาติ
…..
   ภุชงคประยาตฉันท์ 12
 
 สลายวาตมิอาจราญ  ฉะนี้มั่นฉะนั้นแล
…..
ประจงจิตจะคิดฝัน  ไสวนั้นสว่างแข
ประชาพ้นทุชนแพ้ พิภพเลิศก็เพริศแพรว

ผิว์ค่าจ้างและรางวัล  ทุศิลอันจะควรแคล้ว
ผิว์อามิสบ่คิดแล้ว   มิว่าใดบ่ใจมัว


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 17 พฤษภาคม 2020, 07:09:AM
   

     y05t6enWTdM

ฉันอยู่เพื่อยุคทองของคนยาก       
ที่เขาถากทรกรรมซ้ำปั่นหัว
เพื่อความถูกที่เขาถมจมทั้งตัว       
เพื่อความกลัวกลับบ้าบั่นอาธรรม

เพื่อโลกใหม่ใสสะอาดพิลาศเหลือ       
เมื่อคนเอื้อไมตรีอวยไม่ขวยขำ
เพื่อแสงรักส่องรุ่งพุ่งเป็นลำ       
สว่างนำน้องพี่มีชัยเอย
…..
อุชเชนี  ศิลปินแห่งชาติ
……


ผิว์อามิสบ่คิดแล้ว  มิว่าใดบ่ใจมัว
…..



ณ.วันหนึ่งผิว์ทึ้งถาก  จะทุกข์ยากประชาทั่ว
เคราะห์สุมซ้ำกระหน่ำหัว เพราะถูกปั่นประหวั่นตรม

อดีตกาลก็นานคิด สิถูกผิดก็ถูกถม
ชะคนทุกข์จะรุกล้ม  ชิกลับกล้าจะท้าทำ

ณ.ว้นวารสถานที่  สอาดศรีพิลาศธรรม
มนุษย์เอื้อกรุณกรรม ประจักษ์ได้เพราะไมตรี

สนองจิตสนิทแรง ประดุจแสงสว่างชี้
ประชาผองและน้องพี่  พลังรักพิทักษ์เอย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 17 พฤษภาคม 2020, 01:52:PM
   

     
กลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ

พี.พูนสุข 
๑๐  กรกฎาคม  ๒๕๕๖

ถึงยุพิน.. ถวิลร่ายพร่างพรายฟ้า
ถึงยุพา.. ใจรักษ์ทรงศักดิ์ศรี
ไม่ท้อถอยสร้อยคล้อง.. สองบุรี
สานไมตรีสมสนอง.. สองบุรินทร์
…..

MdiS37zf43E

ประชาผองและน้องพี่  พลังรักพิทักษ์เอย
…..
คิดถึงครูอยู่ดีนี่ไฉน
คิดถึงใคร่อยากอ้อนวอนอย่าเฉย
เห็นกลอนสร้อยสลับคู่วู้ชอบเลย
ครูพีเคยคอยตอบวู้ชอบลอง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 18 พฤษภาคม 2020, 09:42:AM
   

   
       



ถึงยุพิน.. ถวิลร่ายพร่างพรายฟ้า
ถึงยุพา.. ใจรักษ์ทรงศักดิ์ศรี
ไม่ท้อถอยสร้อยคล้อง.. สองบุรี
สานไมตรีสมสนอง.. สองบุรินทร์
…..
บทสร้อยสลับคู่สะคราญ

พี.พูนสุข
๑๐  กรกฎาคม  ๒๕๕๖
…..
qOOXNWM3HPE

เรียมฟังสารอ่านอ้าง    อันผจง กล่าวนา
ถนัดดั่งเรียมเห็นองค์    อะเคื้อ
สองศรีสมบูรณ์บง    กชมาศ กูเอย
นอนแนบสองข้างเนื้อ    แนบเชื้อชมเชย
…..
ลิลิตพระลอ



RqjEuqxdmPY
คู่คอง   ก้อง ห้วยไร่...คองหมายถึง รอ คอย



ครูพีเคยคอยตอบวู้ชอบลอง
…..
หนึ่งบุรีมีลอหน่อองค์อินทร์
หนึ่งบุรินทร์เพื่อนแพงแห่งเมืองสอง
แรงรักรุมสุมใจใฝ่คู่คอง
สองพี่น้องโฉมตรูใฝ่คู่เคียง

ฟังคำเล่าเฝ้าหลงพะวงชื่อ
ฟังคำลือหญิงชายหลายปากเสียง
ยอยศลอพะนอความตามสำเนียง
เพื่อนแพงเพียงเลิศล้ำตามสำนวน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 19 พฤษภาคม 2020, 07:59:AM
   

   
CNpkLTuizXY


เพื่อนแพงเพียงเลิศล้ำตามสำนวน
…..

สาวยุพินถิ่นนุชอยุธยา
สาวยุพาอยู่นนท์สนไม้ผวน
คนกรุงเก่าเข้าวัดเธอนัดชวน
ทุเรียนสวนยุพาจัดเธอนัดชิม

รักคนดีมีสัจศีลชัดเจน
รักคนเด่นสวยเฉียบแต่เงียบติ๋ม
บอกรักเน้อเธอหลบตาผินหน้ายิ้ม
ชมแก้มอิ่มยุพินผินหน้าแย้ม

สาวสวนนนท์คนสวยอวยใจฝัน
สาวสวนนันท์แก้มแดงไม่แต่งแต้ม
สวยหน้าขาวพราวพร่างกระจ่างแรม
ยุพาแจ่มสกาวร่างกระจ่างเรือง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 20 พฤษภาคม 2020, 10:49:AM
   

   
เกศสุริยงค์ จากเรื่อง สุวรรณหงส์

     4P2uGw8dsDY

สาธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรนา
พ่อแม่แลครูบา เทวดาในราศี

ข้าเจ้าเอา ก ข เข้ามาต่อ ก กา มี
แก้ไขในเท่านี้ ดีมิดีอย่าตรีชา

จะร่ำคำต่อไป พอฬ่อใจกุมารา
ธระณีมีราชา    เจ้าภาราสาวะถี
…..
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา  ของ สุนทรภู่
…..


กลอนสุภาพ ไม่ใช่กลบทสร้อยสลับคู่สคราญ
…..
ขออภัยครับ ผมเข้าใจผิด
กลอนนี้ผิดตลอดสำนวนต้องแก้ไขทุกวรรค
ขอค้างสำนวนไว้ก่อนครับ ต้องลบทิ้งทั้งหมด ถ้าสามารถแก้ไขได้จะเอามาแทน
ก้ ุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุขอโทษผมอวดรู้


สาธุสะจะไหว้องค์ไตรรัตน์
อริยสัจสรนะละโกรธหลง
สาธุสาข้าฯไหว้ครูอยู่ยืนยง
อริยสงฆ์และพ่อแม่แลเทวดา

ข้าฯจะตั้งอักษราว่ากอขอ
พึงให้พอจำเรียงเพียงภาษา
ข้าฯจะต่อขอไว้ไม่ตรีชา(ตำหนิ)
พึงให้พากอกาว่าตามมี

จะร่ายคำนำมาสารพัน
เมืองหนึ่งนั้นนามว่าสาวะถี
จะร่ายความตามใจกุมารี
เมืองหนึ่งนี้ราชาเจ้าเข้า
ปกครอง
.....



แก้ไขครับ ผิดครั้งนี้เจ็บ
ขอเก็บส่วนที่ผิดไว้เตือนใจ จริงจริง

.....








สาธุสะจะไหว้ไตรรตนา
เหล่าเมธาคณะอาจารี
สาธุสาข้าฯไหว้ครูปูชนีย์
เหล่าเมธีพ่อแม่เทวาแล

ข้าฯจะย้ำคำมาว่ากอขอ
แปรไปต่อกอกาน่าดีแน่
ข้าฯจะย่อรอทำคำใดแท้
แปรไปแต่ตรีชาค่าพอดี

มาเล่าคำจำวจีมีสาระ
ณ.บุระชื่อว่าสาวะถี
มาเล่าแค่แน่ใจใช่แค่นี้
ณ.บุรีลือไกลนี่ใหญ่โต



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 21 พฤษภาคม 2020, 08:52:AM
   

      เกศสุริยงค์ จากเรื่อง สุวรรณหงส์

      FW2mbJoYh3c


ชื่อพระไชยสุริยา   มีสุดามะเหสี
ชื่อว่าสุมาลี   อยู่บูรีไม่มีภัย

สุรางคะนางค์ ๒๘

๏ ขึ้นใหม่ใน กน
ก กา ว่าปน    ระคนกันไป
เอ็นดูภูธร    มานอนในไพร
มณฑลต้นไทร    แทนไพชยนต์สถาน
๏ ส่วนสุมาลี
วันทาสามี    เทวีอยู่งาน
เฝ้าอยู่ดูแล    เหมือนแต่ก่อนกาล
ให้พระภูบาล    สำราญวิญญาณ์
๏ พระชวนนวลนอน
เข็ญใจไม้ขอน    เหมือนหมอนแม่นา
ภูธรสอนมนต์    ให้บ่นภาวนา
เย็นค่ำร่ำว่า    กันป่าภัยพาล
…..
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา  ของ สุนทรภู่
…..



กลอนสุภาพนี้ กอกา กอกน
ไม่ใช่กลบทสร้อยสลับคู่สคราญ
…..

กลอนกานท์อันขั้นใหม่ในแม่กน
ก กาว่าปนผสานการกันไป
กลอนกานท์อ้อนภูธรมานอนไพร
ก กาว่าไปไทรแทนสถานยนต์ยาน

วันวารคราสุมาลีนี้ผจญ
บุญบันดลเทวีรู้อยู่สถาน
วันวารครันภรรยาสามีสราญ
บุญบันดาลเฝ้าอยู่อย่าดูแคลน

พระชวนนวลนอนหนุนทุ่นไม้ขอน
มั่นเหมือนหมอนแม่นอพานพอแผน
พระชวนนั้นสรรเสริญเชิญมนต์แทน   
มั่นเหมือนแม้นภาวนากันประดาพาล


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 22 พฤษภาคม 2020, 07:54:AM
   

   พระรามตามกวาง
   
     qZ3X9npIud8

ฉะบัง ๑๖

๏ขึ้นกงจงจำสำคัญ    ทั้งกนปนกัน
รำพันมิ่งไม้ในดง   
๏ ไกรกร่างยางยูงสูงระหง    ตลิงปลิงปริงประยงค์
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง   
๏ มะม่วงพวงพลองช้องนาง    หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน   
๏ เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน    เหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง   
๏ เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง    เริงร้องก้องเสียง
สำเนียงน่าฟังวังเวง

…..
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา  ของ สุนทรภู่
…..



กลอนสุภาพนี้ กอ กน กอ กง
ไม่ใช่กลบทสร้อยสลับคู่สคราญ

ครั้นขึ้นกงจงจำค่าสำคัญ
กนปนกันเห็นไม้มิได้หลง
ครั้นขึ้นกนด้นป่าฟันฝ่าดง
กนปนกงถึงแผ่นแดนเดินดิน

กิ่งไกรกร่างยางยูงสูงระคน   
ไม่มีฝนคันทรงยังส่งกลิ่น
กิ่งไกรแกร่งแซงฝางพร่างธรณิน(แซง,ฝาง=ไม้)
ไม่มีฝิ่นแต่ตลิงปลิงประยงค์ปริง

มะม่วงผองพวงพลองทั้งช้องนาง 
หล่นเกลื่อนทางมองเห็นเป็นอย่างยิ่ง
มะม่วงผลหล่นดินน่ากินจริง
หล่นเกลื่อนทิ้งเดินพลางกินหว่างเนิน
   
เห็นกวางย่างเหยาะเยื้องชำเลืองเบือน
แม้นนางเชือนเชื่องช้าท่าขันเขิน   
เห็นกวางย่องมองจังระวังเดิน
แม้นนางเชิญแสงสำอางข้างเคียง
   
ยังเขาสูงฝูงหงส์ลงเริงร้อง
ประดังพร้องแข่งกันประชันเสียง
ยังเขาซึ่งพึงจินต์ยินสำเนียง
ประดังเพรียงน่าฟังกึ่งวังเวง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 23 พฤษภาคม 2020, 08:54:AM
   

    เพลินจัง ฟังไม่อยากให้จบ จบแล้วฟังซ้ำ

   YYlyp7ON9Ds

ยานี ๑๑
๏ขึ้นกกตกทุกข์ยาก      แสนลำบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ    กินผลไม้ได้เป็นแรง
๏ รอนรอนอ่อนอัสดง    พระสุริยงเย็นยอแสง
ช่วงดังน้ำครั่งแดง  แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
๏ ลิงค่างครางโครกครอก    ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน 
ชะนีวิเวกวอน      นกหกร่อนนอนรังเรียง
๏ ลูกนกยกปีกป้อง    อ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
แม่นกปกปีกเคียง     เลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร
…..
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา  ของ สุนทรภู่



กลอนสุภาพนี้ แม่ ก กา กน กง กก
……

ขึ้นแม่กกตกทุกข์ยุคลำบาก
กินผลหมากมันเผือกเลือกไฉน
ขึ้นแม่กามาพรากจากเวียงไชย
กินผลไม้พรรณเผาได้เอาแรง

เย็นรอนรอนอัสดงสุริยงลา
เลือนฟากฟ้าคราค่ำย่ำยอแสง
เย็นรอนล่วงช่วงดังน้ำครั่งแดง 
เลือนฟากแฝงเมฆเขาเงาเมรุธร

ฝูงลิงค่างครางหลอกโครกครอกขู่
นกหกรู้รังบินถิ่นรังบ่อน
ฝูงลิงคละชะนีวิเวกวอน   
นกหกร่อนจิ้งจอกเห่าเร้าเสำเนียง

ลูกนกยกคอกลัวรัวเสียงร้อง
แม่นกพองปีกแผ่ป้องแซ่เสียง
ลูกนกอยากปากอ้าท่าคอเอียง   
แม่นกเพียงป้อนอาหารจานลูกกิน
…..

บทต่อไป เพิ่มมาตราต้วสะกด มากขึ้น หลายแม่สะกด
ก็ยิ่งใกล้เป็นคำประพันธ์ปกติตามฉันทลักษณ์ ก็หยุดเพียงนี้


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 24 พฤษภาคม 2020, 07:39:AM
       

   
เพลงราตรีประดับดาว เป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ที่ ๗ แห่งราชวงศ์จักรี กล่าวกันว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดดนตรีไทยเป็นอย่างยิ่ง และทรงมีพระปรีชาสามารถในการบรรเลงเครื่องดนตรีไทย โดยเฉพาะการทรงซอ ทรงศึกษาดนตรีไทยจากหลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยชีวิน) และหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ซึ่งเป็นครูดนตรีไทยที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น
…..
ขอบคุณข้อมูล จากวิกิพีเดีย

    FTSiXVAWdk4


ยุพาแจ่มสกาวร่างกระจ่างเรือง
…..
ดาวประดับระยับแสงแข่งจันทรา
สกาวฟ้ารุ่งรางสว่างเสือง(เสิง รุ่ง แจ้ง)
ดาวประดาคลาคล่ำประจำเมือง
สกาวเฟื่องฟุ้งฟ้าพาพร่างพราว

ดาราเลือนเดือนลาฟ้าหดหู่
คนไร้คู่ร้างใคร่เหน็บใจหนาว
ดาราลับอับแสงเดือนแล้งดาว
คนไร้คาวหวานหมดสับปะรดใด

ยามคืนค่ำร่ำรินกลิ่นชวนดอม
ราตรีหอมพิศวงจิตหลงใหล
ยามคืนคล้อยพลอยขาดสวาทใจ
ราตรีให้กลิ่นเจือเรื่อรางราง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 25 พฤษภาคม 2020, 07:56:AM
   

   D34Rqn1Op_A



ราตรีให้กลิ่นเจือเรื่อรางราง

พระประแดงแจ้งรู้อยู่มีมอญ
ตัองถอยถอนรักยากเกินถากถาง
พระประดำจำไว้ดำใจนาง
ต้องถอยทางออกทะเลว้าเหว่จริง

รักแม่มอญอ่อนเอวเปลวไฟเผา
หวังจะเอาใจถอดทูนยอดหญิง
รักแม่เม้ยเคยเผลอเธอเลยทิ้ง
หวังจะอิงอกนางเธออ้างอาย

ย้อนฝั่งดินถิ่นปทุมชุมมอญสวย
มองอ้อนอวยชดช้อยข้อยใจหาย
ย้อนฝั่งแดนแฟนใหม่ใจห่างกาย
มองอ้อนอายสบตาคว้ามือกุม

ดิ้นไม่รอดจอดสนิทจิตสนอง
รักแรกร้องคราวเนี้ยเสียความหนุ่ม
ดิ้นไม่หลุดสุดคาดสวาทปทุม
รักแรกรุ่มเอวตุ่มงามสามโคกมอญ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 26 พฤษภาคม 2020, 07:56:AM
       

   
      dL6ytENR4mE

แม่สาวเม้ยเผยใจมิใช่หมวย
เสมือนอวยเพื่อนผายสายสมร
แม่สาวม่านพานพาฝันครานอน
เสมือนอ้อนเอียงอายชม้ายชวน

เสน่ห์มอญใหม่ใคร่ชิดสนิทสม
ผิวน้ำนมต้องสงบน้องสงวน
เสน่ห์มอญเม้ยเฉยกระบิดจิตกระบวน
ผิวน้ำนวลฟูมฝันฟายหมายโลมลอง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 27 พฤษภาคม 2020, 09:02:AM
   

    ยาวหน่อยแต่ฟังเพลิน จะว่าสนุกสาระก็ดี 

  VxQrkOa-z6A

มนตรีคือชื่อหน้า  ตราโมท สกุลนอ
เพลงแต่งเพราะเสนาะโสต  สื่อสร้าง
ศิลปินแห่งชาติโชติ  ชาญเชี่ยว เทียวเฮย
"โสมส่องแสง"นภากว้าง  เก่งทั้งทางกวี

คีตศิลปินเด่นล้ำ  ชำนาญ
"โสมส่องแสง"เพลงผสาน  ส่องฟ้า
ดนตรีร่วมกลอนกานท์  กลมกล่อม รมย์แล
รวมผ่านรัชการกล้า  แกร่งห้ารัชสมัย         


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 28 พฤษภาคม 2020, 08:15:AM
   

     เพลงเอกและภาคภูมิใจ โดย อ.มนตรี ตราโมท

เพลงโสมส่องแสง

ช่างงามแท้แข(เอย)ยามเพ็ญ                ส่องแสงเย็นยวนอารมณ์
           
แสงเจิดเฉิดฉวี                                   ส่องแสงศรีสีชวนชม

บ่มีแสงใดสวยสม                               ใฝ่นิยมเยี่ยงรัชนี

กระนี้หนอกระต่ายน้อย                       จึงเฝ้าชมม้อยมุ่งศศี

กระต่ายชะแง้แข (เอย) บ่มี
จิตไมตรีตอบเลยเอย

ยาวหน่อย เผื่อฟังก่อนนอนหลับสบาย ฝันดีครับ

    Z69zn9gQ37w

แต่งโคลงสี่สุภาพเมื่อวาน รู้สึกผิดที่แต่งใหีมีคำสร้อยในบาทที1 แม้ว่าจะยินยอมให้มีได้ ก็ยังคิดว่าไม่ควร
จึงขอแก้ไข โคลงที่แต่งไว้เมื่อวาน
…..

มนตรีคือชื่อหน้า  เสนาะโสต
สกุลว่าขาน"ตราโมท"   เมื่ออ้าง
ศิลปินแห่งชาติโชติ  ชาญเชี่ยว เทียวเฮย
"โสมส่องแสง"นภากว้าง  เก่งทั้งทางกวี


เดือนลอยดวงสรวงพร่างสว่างแวม
คืนเดือนแรมดาวค้างเดือนร้างหนี
เดือนลอยเด่นเช่นลวงดวงใจนี้
คืนเดือนหรี่น้อยเนื้อเหลือน้อยใจ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 29 พฤษภาคม 2020, 12:31:PM
   

 
ฆ้องมอญจากเมาะตะมะ สู่ สยามประเทศ

ศิลปะการดนตรีที่มีอยู่เดิมในเมืองมอญสมัยที่มอญเรืองอำนาจนั้นเป็นเครื่องบ่งบอกในความเจริญทางวัฒนธรรมอารยธรรมเป็นอย่างมาก ต่อมาภายหลังได้มีศึกสงครามกับพม่าหลายครั้ง และในครั้งสุดท้ายไม่สามารถต้านทานพม่าได้จึงได้อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสยามประเทศซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบามสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย. รัชกาลที่ 2

นายสี ชาวมอญอพยพเมืองเมาะตะมะ ผู้ที่หวงแหนสมบัติทางดนตรีแม้จะอพยพมาเมืองสยาม ก็มิวายที่แบกฆ้องมอญประจำตระกูลมาด้วย ฆ้องมอญเก่าแก่มีชื่อว่า "จุว่าง" ฆ้องมอญวงนี้สามารถถอดออกได้เป็น 3 ท่อน ท่อนตัว ท่อนกลาง ท่อนหาง ส่วนลูกฆ้องก็ใส่กระบุงแบกเข้ามา. ครอบครัวชาวมอญตระกูลของนายสีเมื่อมาถึงสยามประเทศแล้ว ได้พำนักพักพิงที่เมืองปทุมธานี
 
นายสี ชื่อเดิมของท่านมีชื่อเป็นภาษามอญ แต่เมื่อมาอยู่เมืองไทย ชาวบ้านละแวกนั้นเรียกว่า "สี "นายสี มีบุคนตรชื่อ นายเจิ้น (เจิ้น ภาษามอญแปลว่า ช้าง ) ตระกูลนายสีเป็นตระกูลนักดนตรีตั้งแต่อยู่เมาะตะมะ ทำให้นายเจิ้น เป็นนักดนตรีเหมือนกับบิดา
…..
ขอบคุณข้อมูลจาก รามัญคดี  https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=877368382338015&id=612365295504993

ฟ้อนม่านมงคล สมบูรณ์แบบ เนื้อร้อง ทำรองโดย ครูมนตรี ตราโมท  ไพเราะ  ท่ารำสวยงาม  น่าจะเป็นไปได้ที่ไทยประดิษฐ์ท่ารำขึ้น  โดยอาศัยท่ารำของภาคเหนือ  และมีท่ารำของภาคกลางปนด้วย  โดยอาศัยเค้าโครงเรื่องราชาธิราช
…..
บ้างว่า ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทยและศิลปินแห่งชาติ นางลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย และนางมัลลี คงประภัสร์ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำ
อันนี้ก็แปลกอยู่ ทั้งสามท่าน ล้วนเป็นสุดยอดบรมครู ผู้ประดิษฐ์ท่ารำทั้งสิ้น เพียงท่านใดท่านหนึ่งก็สามารถเพียงพอ หากเป็นผลงานร่วมของทั้งสามม่าน ต้องว่ายิ่งใหญ่เป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี ไม่ทราบว่าจะอ้างอิงจากที่ใด

    k8N_kzHh3VQ


ในตอนมอญแพ้พม่า  ผวาพราก
มอญใหม่อกตกยาก  ย่างย้าย
ชวนชาวหมู่มวลมาก  เมาะตะมะแล
นึกรี่หนีภัยร้าย  หลั่งเข้าแดนสยาม

มอญแปลงไทยไม่ห้าม  นามสี
มอญกลุ่มปทุมธานี  นั่นพ้อง
ตระกูลเก่าดนตรี  ตราแต่  เดิมนา
อุตส่าห์แบกขนฆ้อง  เขื่องเข้าเอามา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 พฤษภาคม 2020, 10:37:AM
 

   โดยบังเอิญพบในyoutube ฟังแล้วชอบเลย เพราะมาก

เปษณนาทฉันท์ ๑๖…ครูสุภร ผลชีวิน เป็นผู้รจนาฉันท์ชนิดนี้ขึ้นในปี ๒๔๙๑

   SowojS9vBQU

อุตส่าห์แบกขนฆ้อง  เขื่องเข้าเอามา
…..

สหายชายหญิงมิจริงจงเฉย
มิกล้าอย่าเลยสิสิ้นนินทา
สหัสขัดคั่นผิว์พันปุจฉา
มิกลัวทั่วท้าผิว์พ้นมลทิน

ประสบพบการณ์มิคร้านเคร่งผัน
ผิว์เกียจเดียดฉันท์สิเศร้าเขาหมิ่น
ประสิทธิ์วิชาผิว์พาเสริมสิน
ผิว์กาจปราชญ์ปริญ(ญ์)สิหาญชาญชัย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 31 พฤษภาคม 2020, 07:57:AM
   

     พรึบพรับ แกระแกร็กกรับกับ สะพรั่งพร้อม สง่างาม

  spRHDk0ToZY


ผิว์กาจปราชญ์ปริญสิหาญชาญชัย
.…..
สะพรั่งดังเดียวก็เชี่ยวชาญสม
ประจงกงกลมประดามาลัย
สะพรึบกรึบกรับมิคับข้องขัย
ประเจิดเลิศวัยพิสุทธิ์ผุดพรรณ

ระบายฝ่ายฟ้อนฉะอ้อนอ่อนช้อย
สุพจน์รสถ้อยผิว์พร่ำจำนรรจ์
ระบำรำร่ายชม้ายคล้ายสรรค์
สุภางค์ปางบรรพ์สวรรค์ส่งมา

วิจัยภัยพิษพิชิตไวรัส
ประดังสังกัดสุรางค์นางฟ้า
วิจารณ์งานชัดถนัดรักษา
ประดุจเมธาพิฆาตโควิด

สหายรายรอบผิว์ชอบชั่วดี
พิทักษ์ศักดิ์ศรีสิใคร่ครวญคิด
สหัสหยัดยันสิพันโควิด
พิถีชีวิตสิสุขปันกัน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 01 มิถุนายน 2020, 09:03:AM
   

 
     e_KbeGQx_B8


พิถีชีวิตสิสุขปันกัน
…..
 เพราะนานาชาติประกาศสรรเสริญ
เพราะแพทย์ก้าวเกินพิทักษ์รักษ์ทัน
เพราะนี่ชี้ว่าประชาเชื่อมั่น
เพราะแผนชื่อชั้นระดับเด่นดัง

AzHC7S9EhFM
มุทิงคนาทฉันท์ ๑๔ ผู้ประดิษฐ์ฉันท์นี้คือ ครูสุภร  ผลชีวิน…..

ประดุจบุรุษสตรีไทย  ประมาณผิว์ได้ประเมินหวัง
ประดาประชาผิว์พลาดพลั้ง  ประมาทมิยั้งกระนั้นฤๅ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 มิถุนายน 2020, 08:54:AM
   

   ยาวหน่อย นะคร้า  คลิปหน้าจะยาวกว่า

 jNSzyRgO0cQ


สรรเสริญค่าสาธารณสุขไทย
ประกาศไชยเลิศเหลือน่าเชื่อถือ
สรรญเสริญคุณหนุนเนื่องถึงเลื่องลือ
ประกาศชื่อพิชิตโควิดวาย

สู้งานเหนื่อยเรื่อยไปไม่ผัดผ่อน
พันภัยร้อนด้วยว่ารักษาหาย
สู้งานหนักคนป่วยน้อยไม่ค่อยตาย
พ้นภัยร้ายรอเชียวเดี๋ยวเปิดบาร์


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 มิถุนายน 2020, 07:56:AM
   

อาจจะมีคลิปยาวกว่านี้ อาจจะ

   V-zjKhxGbB8


มนุษยชนพลวัตขจัดโควิด
เปรียบมหิทธิ์สามัคคีฤดีหรรษา
มนุษยชาติฉลาดเสริมเฉลิมท้า
เปรียบมหาดุริยางค์ช่างน่าดู

ครู"ประสิทธิ์"ชื่อนี้  มีมา
สกุลท่านวงศ์"เทวา"  ว่านเชื้อ   
ดุริยางค์ร่วมคณา  ขนาดใหญ่  นักนอ
หลายท่านคือครูเกื้อ  ก่อตั้งรวมวง

มหาสังคีตจารีตว่าสามัคคี
ไม่เลือนลี้ร่วมสร้างทางประสงค์
มหาสังคมกลมเกลียวเดี่ยวจำนงค์
ไม่เลือนหลงสำเนียงเลี่ยงทำนอง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 04 มิถุนายน 2020, 09:55:AM
 
   

    ์หลงรักยอพยาบาล
หวานน่ารักยอยักษิณี

   e2MNmBx-J3M

ไม่เลือนหลงสำเนียงเลี่ยงทำนอง
…..

อยู่บ้านอนงอนหนอหมอสั่งไว้
อยู่บ้านไหนอย่าแตกแยกเราสอง
อยู่บ้านนั่งฟังเพลงครื้นเครงร้อง
อยู่บ้านน้องพยาบาลสราญตับไต

น่ารักหนอยออาพยาบาล
ทำหน้าหวานในมือถือไซริงค์ใหญ่
น่ารักนักยักรูปสูบเลือดไป
ทำหน้าไหว้ยักคิ้วเอวกิ่วงาม

น่ารักหนอยอยักษิณี
นับสิบสี่ยึกยักเธอกักห้าม
น่ารักน้องลองทักเชื้อรักลาม
นับสิบสามวันแล้วกลัวแคล้วกัน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 05 มิถุนายน 2020, 01:07:PM
   

   c515sBpkJXA

.พยาบาลงานดี มีคนรัก
ก็นึกจะทัก จับจองของฉ้น
จะไปอยู่กับเธอ สิบสี่วัน
ตรวจนี่ตรวจนั่น เจาะลึกหัวใจ

เจ็บฉีดยากี่หน พอทนทาน
สองคนอยู่บ้าน ยิ้มแย้มแจ่มใส
จะจิ้มเคาะเจาะเลือด ให้เชือดชม
จับเหวี่ยงเอียงก้ม ภายนอกภายใน

ขยับจับถนัด วัดความดัน
ตาจ้องมองกัน  ชีพจรอ่อนไหว
สะกิดจริตอ้อน ป้อนหยูกยา
บริการคุณค่า ประทับตับไต
       


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 มิถุนายน 2020, 07:22:PM
   

   
      iHX9LpTjLTM

รักษาหายตายน้อย คอยสักนิด
โรคาโควิด เอาอยู่สู้ไหว
ห้าทุ่มนอนตอนดึก อย่านึกหนี
นอ.สามตามที่ ลุงบอกล๊อคไว้

อยากไปมาหากัน ความดันขึ้น
เมื่อยตัวหัวมึน หนาวเย็นเป็นไข้
พยาบาลวานช่วย ผมป่วยแน่
ภูมิด้อยพลอยแพ้ เรียกหายาใจ

ยิ้มหน่อยจ้าพยาบาล หน้าหวานเจี๊ยบ
เฉยจังนั่งเงียบ งานเรื่อยเหนื่อยไหม
อยากไปเยี่ยมเตรียมขนม มะยมดอง
ยิ้มแย้มแก้มป่อง ซิจ๊าว่าไง

มีเพลงฝากจากจิต ที่คิดถึง
เสียงค่อยคำนึง ตักตึกนึกไป
ต็อกติ๊กต๊อกบอกว่า คว้าสโคปฟัง
ทุกคราวทุกครั้ง นะจังหวะใจ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 07 มิถุนายน 2020, 03:52:PM
   

   


มนุษย์คือ "ธรรมชาติ" ปะ
       
     tKGDSywuB_c

ธรรมชาติสร้างต่างรู้จงดูเถิด
ทุกสิ่งเกิดตั้งอยู่สู่ดับได้
ธรรมชาติสรรพรรณเลิศเกิดตายไว้
ทุกสิ่งไกลเกินมนุษย์ฉุดฝืนธรรม

มนุษย์สร้างอ้างบทกำหนดขาน
กฏแห่งการสูงสุดฉุดลงต่ำ
มนุษย์สรรค์วาทะ"ปกติ"นำ
กฏแห่งกรรมกูแก้สรรพร้ายกลับดี

ถึงวันหนึ่งพึ่งรู้สู่ไม่ไหว
บอกไฉนแย่กว่าเก่าไม่เข้าที่
ถึงวันนั้นดั้นจริตคิดวจี
บอกฉะนี้"ปกติใหม่"ใช่ปะเฮ้ย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 08 มิถุนายน 2020, 07:50:AM
   

   "ปกติใหม่" ไม่ใช่ แนวคิดใหม่ เพิ่งเกิดหลังวิกฤ(ต)ติการณ์โควิด

ปกติใหม่ถูกแปล-แปร ออกไปเป็น2แนวคิด

1 เมื่อไม่นานมานี้ ราชบัณฑิตยสภา ได้บัญญัติศัพท์ "New Normal" เพิ่มเข้ามา โดย รศ.มาลี บุญศิริพันธ์ คณะกรรมการบัญญัติศัพท์นิเทศศาสตร์ราชบัณฑิตยสภา ได้อธิบายคำนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก Malee Boonsiripunth เอาไว้ว่า New Normal แปลว่า ความปกติใหม่ , ฐานวิถีชีวิตใหม่ หมายถึงรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากอดีต อันเนื่องจากมีบางสิ่งมากระทบ จนแบบแผนและแนวทางปฏิบัติที่คนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็นปกติและเคยคาดหมายล่วงหน้าได้ ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

รูปแบบวิถีชีวิตใหม่นี้ ประกอบด้วยวิธีคิด วิธีเรียนรู้ วิธีสื่อสาร วิธีปฏิบัติและการจัดการ การใช้ชีวิตแบบใหม่เกิดขึ้นหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงและรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าจะธำรงรักษาวิถีดั้งเดิมหรือหวนหาถึงอดีต


2 New Normal เริ่มมีครั้งแรกเมื่อไร?

มีข้อมูลจากนิตยสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนพฤษภาคม 2015 (โดย เขมรัฐ ทรงอยู่) ระบุว่า "New Normal" หรือ "ความปกติในรูปแบบใหม่" เป็นคำศัพท์ที่ถูกใช้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2008 โดย Bill Gross นักลงทุนในตราสารหนี้ชื่อดัง และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Pacific Investment Management (PIMCO) โดยให้นิยาม "New Normal" ในบริบทเศรษฐกิจโลกเอาไว้ว่า เป็นสภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีอัตราการเติบโตชะลอตัวลงจากในอดีต และเข้าสู่อัตราการเติบโตเฉลี่ยระดับใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม ควบคู่ไปกับอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังเกิดวิกฤติทางการเงินในสหรัฐฯ

อีกทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจจะไม่ได้เป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจเดิมแบบที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวกำหนดการเติบโตทางเศรษฐกิจมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปหรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในลักษณะที่แตกต่างจากในอดีต
แนวคิดเรื่อง "New Normal" ของ Bill Gross ในช่วงแรกไม่ได้รับความสนใจ และยังถูกปฏิเสธโดยนักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งที่เชื่อว่า การชะลอตัวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการถดถอย (recession) ตามวัฏจักรเศรษฐกิจเดิมเท่านั้น และในไม่ช้าเศรษฐกิจและการจ้างงานก็จะกลับมาเติบโตได้ที่ค่าเฉลี่ยดังเดิม แต่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่ Bill Gross ได้พูดไว้ตั้งแต่ปี 2008 นั้นมีส่วนที่ถูกอยู่ไม่น้อย

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.google.com/url?sa=t&source=web&rct=j&url=https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/882508&ved=2ahUKEwi9oZuFofDpAhVW9nMBHcmwCVQQFjAAegQIBhAB&usg=AOvVaw2sVnwpOvyVcp3PKfkWNsmo (https://www.google.com/url?sa=t&source=web&rct=j&url=https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/882508&ved=2ahUKEwi9oZuFofDpAhVW9nMBHcmwCVQQFjAAegQIBhAB&usg=AOvVaw2sVnwpOvyVcp3PKfkWNsmo)


นั่นคือ 1 การคิดที่อธิบายถึง "ผล"
และ    2 การคิดที่อธิบายถึง "เหตุ"
…….

ที่ใช้คำว่า New Normal ก็เพราะเดิมวิกฤตเศรษฐกิจจะมีรูปแบบค่อนข้างชัดเจนคือ เมื่อเติบโตไปได้ระยะหนึ่งจะมีปัจจัยทำให้เกิดฟองสบู่ จากนั้นวิกฤตเศรษฐกิจจะตามมา


หลังวิกฤตผ่านพ้นไป เศรษฐกิจก็จะเริ่มฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในเวลาไม่นาน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ หรือ Normal
แต่หลังจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่สามารถกลับไปเติบโตได้ดีแบบเดิมอีก เนื่องจากปัจจัยต่างๆ อาทิ การพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไปทั้งที่บางประเทศมีหนี้สาธารณะสูงมาก

จากนั้นมาคำว่า New Normal จึงถูกนำมาใช้เรียกการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ถดถอยลง และอาจไม่มีทางกลับไปเติบโตได้ในระดับเดิมอีกแล้ว
……
"ปกติใหม่" ที่ผมเอ่ยในกลอน หมายถึง แบบที่2


ในความคิดผม กลอนสุภาพ ยากที่สุด กฏเกณฑ์ มากที่สุด จนเมื่อวานนี้ก็ได้เห็นกฏใหม่ที่ผมไม่รู้มาก่อน ซึ่งยากกว่าที่เคยว่ายากแล้วเพิ่มขึันอีก ก็จึงได้รู้ว่า ที่เขียนกลอนมาถึงเมื่อวานนี้ ยังมีผิด ไม่น่าจะถูกฉันทลักษณ์ครบถ้วน หรือ อาจไม่ใช่เคร่งครัดต่อกฏกลอนสุภาพ

เมื่อวานเขียนกลอน เกี่ยวกับ "ปกติใหม่" วันนี้ต้องขออภัย กลอนไม่สุภาพ
อันเนื่องจาก ความอ่อนหัด และด้อยความรู้ความสามารถ เขียนกลอนไม่ได้ดังใจคิด เป็นได้แค่กลอนพาไป

นับจากพรุ่งนี้ นักเรียนน้อย จะพยายามมากชึ้นตามที่ได้
ความรับรู้เพิ่มเติม ครับ

        7MeeUMj5E-U

นักเรียนน้อยด้อยความตามจริต
ต่างก็คิดตามครูรู้ผ่าเผย
นักเรีบนน้ันชั้นนี้ชี้เจ้าเอย
ต่างก็เคยรอวันฝันเป็นจริง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 08 มิถุนายน 2020, 09:44:PM


“ปกติใหม่”ไขข้อแกล้งต่อความ
“ปกติยาม”เปลี่ยนผันทุกวันเคลื่อน
“ปกติแปลก”แตกต่างย่างเข้าเดือน-
-มิถุนายน เกลื่อน น้ำฟ้า มิถุนายน

เนิน จำราย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 09 มิถุนายน 2020, 06:50:AM
     
   เมื่อยามอาทิตย์ลอยคล้อยต่ำ
ย่ำยามท้องฟ้าเลือน
ยังหวังเชยชิดกันฉันเพื่อน
ติดเตือนตรึงใจ
สุดประพันธ์บรรเลงให้ครบครัน
วันอาจจะผ่านเวียนผันไป
รักนั้นจะเนาแน่นแฟ้นใน
ดวงใจนิรันดร์
…..
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๓๗ ทรงนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๕๐๘ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระราชนิพนธ์ คำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เองเป็นเพลงแรก ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ประพันธ์คำร้องภาษาไทยถวาย
….ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
         
         M24JA_yZCHc






“ปกติใหม่”ไขข้อแกล้งต่อความ
“ปกติยาม”เปลี่ยนผันทุกวันเคลื่อน
“ปกติแปลก”แตกต่างย่างเข้าเดือน-
-มิถุนายน เกลื่อน น้ำฟ้า มิถุนายน

เนิน จำราย

     

     ปกติเหรอเธอขอคำต่อความ
รอเฝ้ายามเวียนผันวันละหน
ปกติหรือคือแปลกแผกพิกล
รอเฝ้ายลเธอเลื่อนเกลื่อนน้ำตา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 10 มิถุนายน 2020, 07:06:AM
     
     
เขียนกลอนมาทั้งชีวิต หรือว่าผิดมาตลอด

สงสัยมาตลอดว่าตัวเองเขียนกลอนผิดฉันทลักษณ์ตรงไหนบ้างไหม อาจจะผิดแล้วยังไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะว่าเผลอ แต่ไม่มีความรู้พอ

ล่าสุุด หลังวันที่เพิ่งเขียนกลอนเรื่อง"ปกติใหม่" สดๆร้อนๆนี่เอง
กลายเป็นว่าไม่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ ละมั้ง พูดให้ถูก ถูกคือผิด ผิดมาตลอดเวลาตั้งแต่เรื่มเขียนกลอนมา เป็นความรู้ใหม่ จากที่แหล่งหนึ่ง แหล่งเดียวซึ่งแตกต่างจากทุกสำนักตามที่เคยรับรู้มา
ส่วนตัวเองก็ไม่ได้เก่งพอจะบอกได้ว่าอะไร ถูก ผิด  แต่ก็จะฝึกฝนเอาตามทั้งหมด ทั้งยึดหลักความรู้เก่าที่เรียนรู้มา และที่ได้อ่านเจอมาใหม่ๆ ถ้าไม่ถือว่าเป็นกฏข้อบังคับ ก็ถีอว่าเป็นเงื่อนไข ก็ออกต้วไว้ก่อน เคร่งเงื่อนไข ฉันทลักษณ์ มากๆ เนื้อความอาจจะแปร่งๆ……

ตามนี้ครับ ก็อปมาทั้งดุ้น ไม่มีแก้ไขต่อเติม…….


การแต่งกลอนที่ถูกวิธี
เมื่อ 14 เม.ย. 07, 09:37
,.,....................
๑. กลอนสลับ ได้แก่ กลอนวรรคต้น คำสุดท้าย ใช้คำเต้น คือนอกจากเสียงสามัญ แต่ถ้าจะใช้ ก็ไม่ห้าม
๒. กลอนรับ ได้แก่ กลอนวรรคที่สอง คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงจัตวา ห้ามใช้เสียงโท, สามัญ, ตรี, และวรรณยุกต์เอกมีรูป วรรณยุกต์เอกไม่มีรูป ไม่ห้าม แต่ต้องให้คำสุดท้าย ของกลอนรอง เป็นเสียงตรี
๓. กลอนรอง ได้แก่ กลอนวรรคที่สาม คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงจัตวา หรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์
๔. กลอนส่ง ได้แก่ กลอนวรรคที่สี่ คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตาย และคำที่มีรูปวรรณยุกต์ จะใช้คำตายเสียงตรี บ้างก็ได้
……..
ไม่ลงที่มานะครับ ผิดถูกหรือไม่ เชื่อหรือไม่ แล้วแต่วิจารณญาณและจริต ส่วนบุคคล ไม่มีดราม่า……

อย่างนี้แล้วกลอนสุภาพ ยากที่สุด จริงไหมครับ  นี่ยังไม่รวม ข้อที่ไม่ควร อีกมาก ปานจะเอาให้ผิดให้ได้ ประเภทว่า จ่าจราจร หรือ เมีย (ก่อนแต่งงานแพงจริงๆ) ถูกเสมอ

       

     
     ugEFXzjTdg4

กลอนสุภาพปราบปรับขยับขยาย
จะละลายเล่นคำลำบากเหวย
กลอนสุพจน์จดคำจำให้เคย
จะละเลยแปดเก้าไม่เข้าที

เสียงท้ายวรรคมักข้องทำนองหวาน
จำเพาะชาญเชิงเด่นเช่นวิถี
เสียงท้ายวัดชัดเพราะเสนาะดี
จำเพาะชี้รูปผันวรรณยุกต์

วรรคสลับจับจบรูปครบถ้วน
งามสมส่วนคำเต้นเล่นสนุก
วรรคสรวยด้วยใจใคร่ประยุกต์
งามสมสุขยอมค่าคำสามัญ
…..

"คำเต้น"= ใช้คำเต้น คือนอกจากเสียงสามัญ แต่ถ้าจะใช้ ก็ไม่ห้าม


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 มิถุนายน 2020, 08:00:AM
     

   
ต่อ...การแต่งกลอนที่ถูกวิธี
เมื่อ 14 เม.ย. 07, 09:37

สรุปตามความเข้าใจ คำท้ายวรรค

๑ วรรคสลับ ไม่ห้ามรูป และ เสียงวรรณยุกต์ใด
๒ วรรครับ
อนุญาตเสียงจัตวา(ไม่ห้ามรูป) คำตายเสียงเอก
ห้ามเสียงสามัญ โท ตรี รูปวรรณยุกต์เอก เท่ากับห้ามรูปวรรยุกต์ โท ตรีไปในตัว
เช่น "ค่า" ผิดรูปวรรณยุกต์เอก เสียงโท ผิดสองเด้ง "ชี้"ผิดเสียงตรี   "รัก"ผิดเสียงตรี
๓ วรรครอง
อนุญาตเสียงสามัญ เสียงตรี ที่เป็นคำตาย ห้ามเสียงจัตวาและคำที่มีรูปวรรยุกต์ เช่น"ค้า"เสียงตรี ผิดที่มีรูปวรรณยุกต์โท "อก"ผิดที่เป็นคำตายเสียงเอก
๔ วรรคส่ง จำง่ายๆว่าเหมือนวรรครอง มี่เคยส่งด้วย "จิต" "หยุด" และที่บ่อยครั้งส่งด้วยเสียงตรีที่มีรูปวรรณยุกต์ เช่น "แล้ว"  ถือว่าผิด

   PlwOFDPmJzg

ท้าย"วรรครับ"คับข้องเหลือสองเสียง
ยอมให้เพียงจัตวาพาสร้างสรรค์
ท้ายวรรคเลี่ยงเสียงอื่นท่านยืนยัน
ยอมให้ผันเสียงเอกเลขคำตาย

ท้าย"วรรครอง"พ้องเสียงเลี่ยงรูปไม้
ผ่อนผันใคร่สามัญนั่นเฉิดฉาย
ท้ายวรรคเรียงเสียงอื่นฝืนว่าอาย
ผ่อนผันคลายตรีเสียงเลี่ยงรูปนะ

ท้ายวรรคสื่อถือคำสัมผัสผัน
ก็เช่นกันยึดหลักอักขระ
ท้าย"วรรคส่ง"คงไว้ไม่เลยละ
ก็เหมือนกะคลับคล้ายท้าย"วรรครอง"


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 มิถุนายน 2020, 08:29:AM
     

    มาตรฐานความไพเราะ "กลอน8สุภาพ"

หลังจากที่นึกสนุกลองแต่งกลอนตามผังบังคับที่มีคนเสนอแตกต่างไป พอจะ
ได้ข้อสรุปแน่ใจว่าฉันทลักษณ์กลอน ที่เรียกกันว่า "กลอนสุนทรภู่" ไพเราะสมบูรณ์แบบที่สุด กลมกล่อมชนิดมากน้อยกว่านี้ไม่มี ไม่ได้อีกแล้ว อันที่จริงยอมรับนับถือเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มหัดเขียนกลอนแล้วครับ
นับแต่เขียนกลอนบทแรกอวดฝีมือ ก็โป๊ะ ได้รับคำแนะนำก่อนจะเขียนกลอนต่อไป ให้ไปอ่านกลอนสุนทรภู่ก่อน จึงได้ถึงบางอ้อ
ส่วนความคิดทื่แต่งกลอนรูปแบบต่างๆเป็นการนึกสนุกชั่วคราวครับ
ไม่มี"ปกติใหม่" สำหรับ "กลอน8สุภาพ

      n13IURf3ENk

ละลอกซัดกัดกร่อนเว้าค่อนแหว่ง
จิตเจ้าแรงเกินกว่าแผดพาผล
ละลอกเซาะเลาะล้ำด้วยน้ำดล
จิตเจ้าล้นแก่นกรรมล้วนทำลาย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 มิถุนายน 2020, 12:24:PM

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1646563982166442&id=257468244409363&sfnsn=mo&d=n&vh=e
 (https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1646563982166442&id=257468244409363&sfnsn=mo&d=n&vh=e)


   


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 13 มิถุนายน 2020, 07:53:AM
     

          HUUYzOKd4YA

คุกเข่าลงคงขอนะต่อหน้า
เพียงพบตามุ่งเหมาะมั่นเพราะหมาย
กรเกี่ยวกุมนุ่มนวลช่างยวนชาย
องค์เอียงอายเยื้องหยาดเวียนวาดวน

รอดวงเดือนเลื่อนเรียงเดือนเคียงดาว
หนุ่มรอสาวเคียงหมอนวอนอีกหน
รอดวงดับหลับล่วงทรวงนฤมล
หนุ่มรอซนรับแสงแจ้งสุริยา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 14 มิถุนายน 2020, 12:48:PM
   

   

รอดวงเดือนเลื่อนเรียงเดือนเคียงดาว
หนุ่มรอสาวเคียงหมอนวอนอีกหน
รอดวงดับหลับล่วงทรวงนฤมล
หนุ่มรอซนรับแสงแจ้งสุริยา
.....

เขมรชมจันทร์

    EoUxK2EoIs8

จิตรปทาฉันท์ ๘


เริงรติรมย์  ปิติสมสา
รื่นภวพา  สะระรื่นจินต์

รัตติวิกล  มิละยลยิน
รวยฤดิริน  อรไทมาลย์

ลุ่มหลงชิมลิ้มเล่นฤๅเว้นไหว
ระเริงไฟรมย์รื่นคืนหวิวหวาน
เสน่ห์คิดสนิทคงใคร่นงคราญ
รัตติกาลรติสิอิ่มเอม


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 15 มิถุนายน 2020, 09:59:AM
     

   
เมื่อวาน แต่ง"จิตรปทา"  บอกไม่ได้ว่า ผิดสัมผัสระหว่างบท หรือไม่ เพราะ มีสองฉันทลักษณ์ ต่างกัน ไม่รู้ใครผิดใครถูก

"จิตจปทา"ว่านี่ มีแตกต่าง
สองแหล่งอ้างผิดกันฉันท์แบบแผน
บาทต่อบทกฏสำคัญอันเป็นแกน
ต่างแบบแผนสี่หรือสองต้องงงัน

     GScIF4PUReA
 
๑  จิตรปทา” แปลว่า “คาถาที่มีครุต่างจากกุมารลลิตา”เป็นฉันท์ที่มี ๔ บาท รวม ๓๒ คำมีสูตรว่า  “จิตฺรปทา ยทิ ภา คา”  แปลว่า “คาถาที่มี ภ คณะ ภ คณะ และ ครุลอย ๒ คำ ชื่อว่า “จิตรปทา”
ในการบัญญัติฉันท์ไทยนั้น ท่านนำเอาสูตรดังกล่าวมาเป็นสูตร โดยกำหนดนำมาทั้ง ๔ บาท แล้วปรับปรุงให้บทหนึ่งมี ๔ บาท ๆ ละ ๒ วรรค เพราะบาทหนึ่งมี ๘ คำ จึงเรียกว่า “ฉันท์ ๘”

   หรือ

๒ จิตระปทาฉันท์    ๑  บท ประกอบด้วยคณะและพยางค์  ดังนี้
มี ๒ บาท  วรรคหน้ามีจำนวน  ๔  คำ/พยางค์   และวรรคหลังมีจำนวน  ๔  คำ/พยางค์  เช่นเดียวกัน
จิตระปทาฉันท์   ๑  บทมีจำนวนทั้งสิ้น  ๑๖  คำ/พยางค์
แต่ง"จิตรปทา"  บอกไม่ได้ว่า ผิดสัมผัสระหว่างบท


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 16 มิถุนายน 2020, 12:25:PM
   

   
ได้เห็น กระทู้ของคุณ tochare บอกว่า จิตรปทา บทหนึ่งมี๔บาท  ส่งสัมผัสระหว่างบทแบบวิชชุมมาลา
ขอบคุณ คุณtochareครับ
.....

อัศวเต้น..ฮิฮิเผ่นโผน
จังหวะจะโคน..เสนาะขบขัน
เตร๊งต๊ะตุเรง..ประจุเพลงพลัน
นางกระแดะนั้น..ก็จะเข้าวัง

แต่งกวะสวย..สิจะอวยผัว
สรงชำระตัว..เพราะสะใจหวัง
นางปิติแท้..พระกระแสสั่ง
ราชดำริตั้ง..วรชายา

เกิดอาภัพอัปลักษณ์นักนางเอ๋ย
ไฉนเหวยเคราะห์แล้วแก้วใจจ๋า
เกิดอาเพศเหตุเบือนหน้าเหมือนม้า
ไฉนว่าคุณโทษโหดร้ายจัง


    Urbj_qpoP4M


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 17 มิถุนายน 2020, 06:57:PM
   

   
แต่เดิมนั้นสังข์ศิลป์ชัยแต่งขึ้นโดยเจ้าปางคำแห่งราชวงศ์เชียงรุ่งแสนหวีโบราณซึ่งได้อพยพไพร่พลครัวเรือนหนีจีนฮ่อมาแต่เชียงรุ่ง และได้เข้ามาพึ่งโพธิสมภารอาณาจักรล้านช้าง

เพราะเราอยู่บ้านต้านโควิด จึงขอเสนอความสนุกสนาน บันเทิงเพื่อคลายเครียด ลองชมคลิปไม่ยาวมากก่อน ต่อไปจะนำเสนอที่ยาวมากกว่านี้ ขออภัยหากท่านไม่ชอบ ยังไงก็ยังมีทางเลือกอื่น อะไรนะ ใช่แกรมมี่ ปะ หรือเวอรคพัอย มั้ง ไม่รู้สิ
นึ่ก็ว่าจะดูสตาร์วอร์ล่าสุด ก็เผลอมั่ง ขื้เกียจมั่ง เฉยๆ
.....

เชิญชมฟังอยู่บ้าน..สนานนัยน์
ราวเรื่องสังข์ศิลป์ชัย..ชื่อชี้
ตามเหตุห่างเภทภัย..พานแพร่ พิษนอ
สรรส่ำนำเสนอนี้..แน่แท้ชมฟรี

มีคำเขาเล่าไว้..ไทยลาว
ความแต่งพรรณนาคราว..คลั่งแค้น
จีนรุกไล่ชนชาว..เชียงรุ่ง รานแล
ปานว่าชะตาแม้น..ไม่เอื้อเครือครัว
…..

บัดนี้ข้า จักปุนแต่งตั้งไขชาติแปธรรมก่อน

แล้วเป็นที่ยุแยงฝูงพ่ำเพงพายช้อย

ควรที่อัศจรรย์ล้ำโลกา

โลกเฮานี้มีในห้าสิบชาติ

แท้เที่ยวใช้ส่งเวร แท้แล้ว
…..
แปลเอาเองแบบไม่มีความรู้ แต่ อวดรู้เดาๆ ประมาณว่า โลกนี้ที่แท้ ตามแต่ชดใช้เวร
... 
ขอบคุณ ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
        An8JKo9G7us
     
/color]


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 18 มิถุนายน 2020, 07:09:PM
   

     
       yrjVnZIOKck

เดินรุดเรื่อยเหนื่อยไหมไปจากหลัง
สมใจตั้งอย่าไห้จะได้หัว
เดินรุดรายกรายหนมิก่นกลัว
สมใจตัวถึงหมายที่ปลายทาง

ถามตอบมากปากเบาเอาไขแก้
ทุกสิ่งแย่ยิ่งถามตามสะสาง
ถามตอบหมดขดไส้มิไว้วาง
ทุกสิ่งอย่างถากแถแน่หนอคน

นอนน้อยหนอพอหายคลายสมอง
เคอร์ฟิวผองกักตัวทั่วทุกหน
นอนน้อยนั้นฝันยากลำบากทน
เคอร์ฟิวผลเยี่ยมยอดพารอดตาย
......
อยู่บ้าน ชวนฟังเพลงไทย
ขออภัย กลอนไม่เพราะ แต่เพลงเพราะ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 19 มิถุนายน 2020, 03:31:PM
   
  กลอนเสนาะ เพลงไพเราะ ท่ารำสวยงาม ตัวพระอ้อนอรชรน่ารัก

ifRv1dWAjqs


ชวนเชิญผู้อยูบ้านต้านโควิด
สนานกิจบันเทิงเริงหลากหลาย
ชวนเชิญผองสนองกลอนมาผ่อนคลาย
สนานกายจินต์สรวลมวลนาฏกวี
…..
แต่งได้บทเดียว รู้สีกไม่เพราะกลัวเสียรสบทกลอนในละคร คืดว่าหยุดก่อนดีกว่า เอหรือว่าหยุดปรับปรุง วันสองวัน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 20 มิถุนายน 2020, 07:34:PM
   

   
      
        -pgga4N_rIs
สาวประทุมฯจุ๋มจิ๋มยิ้มแก้มป่อง
มอญใหม่น้องอวบอ้๋นพรรณผ่องศรี
สาวประเทืองเคืองจิตโควิดมี
มอญใหม่นี่ หมออ้างให้ห่างกัน

สิบสี่วันผันผล้ดนัดแจ่มแจัง
คืนไร้แสงเดือนดาวราวเลือนฝัน
สิบสี่วารกาลนี้ที่ห้างฯนั้น
ไร้สีสันดวงดาวพราวดวงไฟ

ปกติใหม่ในห้างฯทางหนุ่มสาว
เสรีราวสวรรค์สร้างสว่างไสว
ปกติเหมือนเยือนเหย้าเฝ้านัดไป
เสรีไร้ขอบเขตแห่งเพศวัย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 22 มิถุนายน 2020, 01:23:PM
   

                                        XVkOfHJSf4Y

ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2357 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อชาวมอญไม่พอใจที่ถูกพม่าเกณฑ์แรงงานก่อสร้างเจดีย์ ได้ก่อกบฏที่เมืองเมาะตะมะ ถูกพม่าปราบ ต้องหนีเข้าไทยเป็นระลอกใหญ่มาก ราว 40,000 คนเศษ เจ้าฟ้ามงกุฎ (ต่อมาคือรัชกาลที่ 4) เสด็จเป็นแม่กองพร้อมด้วยกรมหลวงพิทักษ์มนตรี ออกไปรับถึงชายแดน พวกนี้มาตั้งรกรากที่สามโคก (ปทุมธานี), ปากเกร็ด และพระประแดง มอญที่อพยพเข้ามาครั้งนี้เรียกกันว่ามอญใหม่…. ขอยคุณข้อมูล วิกิพีเดีย……

ปี่พาทย์มอญ ชุดพระยาน้อยชมตลาด ฉบับเต็มเรื่อง

เผยแพร่เมื่อ 2 ก.ย. 2015
บรรเลงโดย คณะศิษย์เอราวัณ/ควบคุมคุมโดย สายชล กายจริต
ขับร้องโดย น.ส.ทัศนีย์วรรณ คำศิริ  ชนุดิส เกตุชรา  ประสิทธิ์ วงษ์นิล
เพลงที่ใช้ในการบรรเลงรับร้อง
รัวมอญ
หงส์ทองมอญ
เสมอมอญ
พญาลำพอง
ม้าโขยก
พญาแปร
ผ้าโผก (ชั้นเดียว)
เสภามอญ
เพลงมอญเร็ว
มอญอ้อยอิ่ง
เสภามอญ
มอญชมจันทร์
มะลิซ้อน
รัวมอญ
รามัญรันทด
พม่าระทม
โอดมอญ
เดี่ยวปี่

         
       p-pC9myZA9s

ภัยเภทเหตุพ่ายแพ้...แปรปราย
พม่ามอญยอมตาย...ต่อสู้
สูญเสียสิ่งมวลหมาย...มอพ่าย
เพ นอ
เคืองขุ่นคราวเรียนรู้...เรื่องร้าย ผายเผย

ยินดีด้วยข่วยกันรับขวัญผอง
ชวนฉลองเพื่อนใหม่ใช่เมินเฉย
ยินดีโดยโปรยใจให้มอญเม้ย
ชวนเฉลยหัวใจใคร่เกี่ยวดอง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 24 มิถุนายน 2020, 04:51:PM
   

   
 อ.สมเจตน์ ภู่นา สมสง่า สมจินตนาการ พระอภัยมณี   ทุกอากัปกริยา ทุกกระเบียดนิ้ว งามสง่า ตามความรู้สึกของผมว่า นี่เป็นแบบฉบับ ตัวพระนาฏศิลป์ไทย


วาระวันเฉลิมฉลอง รำลึกบรมครูสุนทรภู่ ขอเสนอ ปี่พระอภัยมณี เกี้ยวนางละเวง เสนาะบทกลอน ไพเราะทำนอง สวยสง่าท่ารำ
สนุกจัง อยากบอกว่า ม้าไทยคือม้ากว่า ม้าชาติไหนๆ เห็นม้าขาวของนางละเวง น่ารักสุดๆ


     fZsapxO8nmo

น้อมใจฉลองตรองคิดจิตสรรเสริญ
เทิดกวีเทินหนึ่งนี้ไม่มีสอง
น้อมใจเฉลิมเสริมสนิทพินิจทำนอง
เทิดกวีทองแห่งชาติปราชญ์ของไทย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 27 มิถุนายน 2020, 09:29:AM
   

   ว่าทุกข์สุขชั่วดีทั้งสี่สิ่ง    ให้ชายหญิงหยั่งคิดเป็นปริศนา
กับข้อหนึ่งซึ่งเกิดกำเนิดมา    มีหูตาปากจมูกสิ้นทุกคน
ที่ต้องใจนัยนาก็พาชื่น    ดูอื่นอื่นเห็นแจ้งทุกแห่งหน
ที่คิ้วตาหน้าผากปากของตน    ถ้าแม้คนใดเห็นจะเป็นบุญ
แม้ไม่เห็นเป็นกระบือทั้งดื้อดุ    มุทะลุเลโลโมโหหุน
ไม่เห็นผลประโยชน์ที่โทษคุณ    ย่อมหมกมุ่นเมามัวว่าตัวดี
เมื่อใครไม่เห็นหน้าหากระจก    จะช่วยยกเงาส่องให้ผ่องศรี
อนึ่งนั้นตัณหาตาไม่มี    ไม่เห็นที่ทางสวรรค์เป็นสันดาน

อนึ่งว่าตาบอดสอดตาเห็น ให้คิดเป็นทางธรรมพระกรรมฐาน
สืบกุศลผลผลาปรีชาชาญ    ตามโบราณรักษาสัจจาใจ ….
...พระอภัยมณี...สุนทรภู่



รายการศรีสุขนาฏกรรม วันศุกร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๑
รายการแสดง
๑. ระบำสด๊กก๊อกธม
๒. ฉุยฉายเพลงปี่
๓. ละครนอก เรื่องพระอภัยมณี ตอน "พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเเวง"
๔. ฟ้อนจันทราพาฝัน
๕. ละครเบิกโรง เรื่องนารายณ์สิบปาง "ปางวราหะวตาร"
๖. ละครแนวตลก เรื่องพระอภัยมณี ตอน "สุดสาครจับม้ามังกร - บวชสุดสาคร"
เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ โรงละครแห่งชาติ


   Ft2BctdGYWk

ประวัติศาสตร์ชาติภพรบฆ่าเข่น
ผงาดเด่นฟันกระบี่ตีขับไส
ประวัติศึกฝึกกระบองครองกรุงไกร
ผงาดได้ด้วยกำราบปราบไพรี

ประวัติศิลป์จินต์กวีศรีสุนทร
คมดังศรแหลมเฉียบเทียบวิถี
ประวัติศานต์กานท์กล่อมน้อมฤดี
คมดังศรีคีตชนะใจ

   a0mbvmLi4do


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 18 สิงหาคม 2020, 12:36:PM
     

     
            JFX3IkDSyAs

มีเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2436(รศ.112) เริ่มจาก ทูตฝรั่งเศสประจำไทย เสนอรายงานที่ทำให้รัฐบาลกรุงปารีสตาลุก เขาบรรยายว่า ล้านช้างซึ่งเป็นดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงของไทย เป็นแหล่งพลอยซัฟไฟร์ เหมืองแร่ทองคำขนาดมหึมา
มีเหมืองทองแดงและเหมืองเหล็ก มีพลวง กำมะถัน ถ่านหิน และแหล่งน้ำแร่เป็นอันมากอยู่ทั่วไป ทั้งมีไม้สักและป่าไม้เบญจพรรณที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

         dD1-EzP_r9A


         

     

สุวรรณภูมิปูมหลังยังสับสน
แหล่งชุมชนเข้าครองปองเป็นใหญ่
สุวรรณภาคมากสินเหนือดินใด
แหล่งชุมใช้นามถิ่นแผ่นดินทอง

ชีวิตงามตามกรรมธรรมชาติให้
ทุกข์หม่นไหม้ถึงหมดสยดสยอง
ชีวิตงอกดอกผลคนธรรมครอง
ทุกข์หม่นหมองทุรชนปล้นแย่งชิง

สินเป็นทรัพย์นับค่าพามั่งคั่ง
สะสมสั่งสร้างรัฐสวัสดิ์ยิ่ง
สินเป็นสื่อถือเวียนแลกเปลี่ยนจริง
สะสมสิ่งสืบสรรค์ความมั่นคง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 19 สิงหาคม 2020, 04:47:PM
       

   

โอ๋...ขอโทษค่ะ   อย่าโกรธนะ


ฉันคือเค้กเอนกรสสีสดสวย
กลิ่นหอมด้วยอร่อยมากหากประสงค์
ชวนเธอชิมลิ้มประจักษ์รักนะอนงค์
พูดตามตรงหอมเค้กนำคำหวานปอง

เลิกกันแล้วแว่วสำเนียงเสียงหวนหา
วอนเธอมาเริ่มใหม่ใจสนอง
คำสัญญาว่ามั่นฉันรับรอง
มิให้ต้องเธอน้อยจิตคิดเสียใจ



            F2EVh_f-XdE

            K2OxHPWHPUY

             rxaaaZFcVfw


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 27 สิงหาคม 2020, 09:18:AM
     

     

                           93wGaGFUnTs

คว้าธนูคู่มือถือลูกศร
หอกดาบค้อนแกล้วกล้าน่าเลื่อมใส
เผ่าสุดท้ายตายก็ยังชนฝังใจ
ผู้มาใหม่กระหายหื่นเอาปืนยิง

ร่างทับร่างต่างจมถมสลาย
ทั้งร่างกายดวงจิตสถิตสิง
แผ่นดินพ่อต่อถิ่นแม่แท้ความจริง
ลูกหลานอิงอาศัยอาลัยจินต์

      z1oAJobeMYA
เนื้อเพลงเดิมของ El Condor Pasa ที่Daniel Alomia Robles แต่งไว้ในปี 1913 นั้น เป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้แรงงานทำเหมืองชาวพื้นเมืองMachu Picchuกับเจ้าของเหมืองชาวต่างชาติ (อังกฤษ)
     


วิถีแร้งแห่งชีวิตติดปีกหาง
นำสู่ทางเสรีที่โผผิน
วิถีรู้สู้เพียงเลี้ยงชีวิน
นำสู่ถิ่นอิสระเคหะเรา

QD4j3jF0TAk
วงเวียนแห่งชีวิต


วิถีชนทนฝืนมีขื่นขม
สุขและสมสู้ชนะจะเทียมเท่า
วิถีชาติวาดวางสร้างลำเนา
สุขและเศร้าเวียนวนคนอย่าแพ้


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 สิงหาคม 2020, 03:55:PM
         

     
สวยงาม ไพเราะ  ทีสุดในโลก
สมพระเกียรติ พระยศ ทีสุดในโลก

     
   WEpa-XIIatQ


     zByUIhrDDdg

 
         
น้อมบังคมศิระกรานพิศาลนฤบดี
จงรักพระจักรี   กษัตริย์

รัชกาลที่เก้า   เราเฉลิม
ราชที่สิบทรงเสริม   ส่วนสร้าง
ประดาพ่อประเดิม   โดดเด่น ดังนา
กาลเก่าเอากิจอ้าง เอ่ยเอื้ออิงเสนอ

กราบประณมก้มกายถวายพระพร
มั่นสมรถิ่นผไทมิได้เผลอ
กราบประณตพจน์สนองรองบำเรอ
มั่นเสมอมอบใจในพระราชวงศ์


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 กันยายน 2020, 10:26:AM
     

   

สิ่งที่ฉันทำเพื่อตัวเอง มีแค่ ๒ อย่างคือ ‘กินกับเรียนหนังสือ’ นอกนั้น “ทำเพื่อคนอื่นหมดเลย”

(......ระหว่างรอรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร วันที่ 20 มกราคม 2560…)

   iHdg78mkl30

ขอจุ่งทรงพระสำราญพระราชหฤทัย
ทวยเทิดพระทรงชัย   สิรินธรฺ์

ดินแดนผืนแผ่นฟ้า     นาเนา
ราบลุ่มรายขุนเขา     เขื่องขั้น
แตกพวกต่างพรรคเรา     รือร่วมแรงรา
คิดแต่คาดกาจกั้น     เก่งแล้วฤๅไฉน

"สยามบรมราชกุมารี"บารมีครอง
แผ่นดินทองยืนยงคงอยู่ได้
สยามบรมรัฐชัยพัฒนามาก่อนไกล
แผ่นดินไทเราเสรีรื่นสราญ
…..

เห็น กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงดนตรีแล้ว ดีใจ อยากเห็นพระองค์ฯทรงพระเกษมสำราญ

อยากเห็นพระองค์ฯ"ทรงฟุ่มเฟือย"บ้าง

อยากเห็นพระอค์ฯ"ทรงแว้นซ์" "พระเฟอรารี"บ้าง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 กันยายน 2020, 07:40:PM
   

   
     9osX7KUNBiY

       


  BlYwWQzeQgM


       xTam3j7FbgU

การอ่าน สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ 19
 
หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 5 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 2 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
 ครุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ  ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ    ลหุ-ครุ

น้อมจิตนบปิยะปราชญ์พระราชปณิธาน
เพื่อพัฒนาการ   เจริญ

เทินบุญพระทั่วฟ้า   บารมี
ปลดปล่อยทาสทาสี   เสื่อมสิ้น
อิสระหนึ่งธานี   เหนียวแน่นผนึกนอ
หลุดต่างชาติลมลิ้น   ล่าล้างดินแดน

มหามิตรอิศรามาป้องศักดิ์
ใจร่วมภัคดิ์วัลลภนบแห่แหน
มหามวลล้วนภัคดีพลีชีพแทน
ใจร่วมแผนพิทักษ์รักราชวงศ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 07 กันยายน 2020, 08:15:PM
   

      ไทยสี่ภาค ภัคดี


          w5JU6cBULns

รวมไทยภัคดิ์จตุทิศประสิทธิ์วิริยะผล
ป้องปัดสกัดคน   อุบาทว์

ชาติประชาหน่วยหน้า   สถาบัน
ศาสน์ส่องดุจดวงจันทร์   แจ่มแจ้ง
กษัตริย์เยี่ยงสุริยัน   ยศยิ่งแรงแล
สามสิ่งฤๅขัดแย้ง   ยั่วย้ำแยกไฉน

ภัคดีเด่นเช่นคนจริงหญิงมู่หลาน
รักถิ่นฐานศึกบุกลุกขับไล่
ภัคดีด้วยช่วยผจญคนจุดไฟ
รักถิ่นไทยระวังเฝ้าคนเผาเมือง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 08 กันยายน 2020, 04:56:PM
     

 
เคืองคำคนบ่นบ้า   ถาโถม
แซะส่อเสียดลวงโลม   ล่อล้าง
ยุแยกแบ่งญาติโยม   ยากอยู่ เย็นเฮย
คิดต่างเขาเราบ้าง   บ่งให้ หาหน

   
T3tuhU5nWUg


คำกลอนกานท์หวานแหววแล้วลืมหรือ
เหตุเพราะคือฝืนฟังยังสับสน
คำกลอนกรองตรองตริพิการกล
เหตุเพราะคนเมื่อสมัยต่างวัยวาร

jhZOvmQmJ3U


เบื่อคำกลั่นฉันชั่งยังคงเขียน
หากฉันเกรียนก็เมินมองอย่าข้องขาน
เบื่อคำกลอนพรอภัยหทัยทาน
หากฉันกรานทอนโทษโปรดชิดเชย

 EtGCPP8_3u4


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 กันยายน 2020, 09:16:AM
     

     -zA70pts0y4

CkQPzDhR6aE


นี่คือกานท์ คุรุสั่ง ประดัง วจนสอน
มอบมิตร ประดิษฐ์กลอน   ประโลม

โหมโรงโยงเริ่มต้น   ชนปลาย
สานเก่าเราสืบสาย   สื่อสร้าง
กานท์กวีเก่งมากหลาย   หลากรุ่งเรืองเฮย
พจน์แต่งตามบทอ้าง   เอ่ยโอ้ฉันเอง

กลอนเสนะเหมาะความตามคำสนอง
เป็นนักลองทายท้าอย่าข่มเหง
กลอนสนานกานท์คีตะประพันธ์เพลง
เป็นนักเลงกลอนศิษย์ภู่ครูสุนทร


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 15 กันยายน 2020, 12:08:PM
     

     
งามไทย ไทยงามทีสุดในโลก
ไทยไพเราะ เพราะที่สุดในโลก
แนะนำ ชวนชม

  q9ugrz9Dd_4




  8jDWYDLffeg

เลิศลักษณ์อักขระฉันท์ ประพันธ์ วจะเฉลิม
พูนยิ่งพระยศเพิ่ม   อนันต์

วัลลภแหนแห่ป้อง   สนองบาท
เนาหนึ่งเราเอกราช   ร่วมด้าว
เสรีแห่งธรรมศาสน์   สัจสื่อ ศีลเนอ
จงอย่าแยกแตกร้าว   ร่วมรู้ไทยภัคดิ์

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
พัชรสุธาภิมลลักษณ์
พระบรมราชินีผู้มีศักดิ์
ทรงพิทักษ์ราชันเป็นราชวัลลภ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 25 กันยายน 2020, 08:48:AM
     
   

    เป็นนักเลงกลอนศิษย์ภู่ครูสุนทร


   

   
      fy2jTb-2tkc

แสนแหนแห่ วิระชน พหล พละนิกร
ไททาสอุทาหรณ์   ประกาศ

ชาติชนตนต่อสู้   ชูไท
เห็นต่างพรางพาทไย   อย่าอ้าง
เท็จจริงแน่ฤๅไฉน  นะเพื่อน เผยรา
วาดแต่หวังมลายม้าง   เมื่อได้มีเสีย

เพื่อนเอ๋ยพร้อมย่อมอาจพลาดเสมอ
ใจที่เผลอผิดได้จงไกล่เกลี่ย
เพื่อนเอ๋ยพลั้งดั่งไฟไหม้ลามเลีย
ใจที่เพลียแพ้ผองทั้งสองทาง

    UXYr7wjMffI


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 27 กันยายน 2020, 01:02:PM

ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ
จะรบรับสารพัดให้ขัดสน
เอาปี่เป่าเร้าโลมน้ำใจคน
ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ

คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส
เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร
ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ
จึงคิดอ่านเอาชัยเหมือนใจจง
.....
สุนทรภู่

        fccFlhkFhAE

       whOiSoxV8xE

        .



เตือนตนเอง ภวจิต พินิจ  อคติขวาง
ควรที่จะปล่อยวาง   นะกู

ดูจิตคิดใคร่โอ้   อัตตา
โกรธส่อเกลียดโทสา   สื่อเศร้า
ฤๅเราโง่โมหา   เหตุจ่อม จมนอ
ทุกข์เท่าไฟรุมเร้า   รุ่มร้อนเองรา

อคติสี่มิดีแน่แก่ฝ่ายไหน
ควรคิดไกลอย่าลำเอียงเยี่ยงทาสขัา
อคติส่อถูกล่อหลอกกลอกมายา
ควรคิดกล้าทั้งทาสาขี้ข้านาย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 กันยายน 2020, 12:31:PM
     

   
ระบำเทพบันเทิง เป็นระบำที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙ เพื่อแทรกในละครในเรื่องอิเหนา ตอน ลมหอบ เป็นระบำเทพบุตร และนางฟ้า ฟ้อนรำบำเรอองค์ปะตาระกาหลา ประดิษฐ์ท่ารำโดย หม่อมศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก (หม่อมต่วน) และอาจารย์ลมุล ยมะคุปต์ ประพันธ์คำร้องประกอบเพลงแขกเชิญเจ้าและยะวาเร็วโดย ศาสตราจารย์มนตรี ตราโมท
…..
อัปสรฟ้อนส่ายกรีดกรายออกมา
ฝ่ายฝูงเทวาทำท่ากางกั้น (ซ้ำ)
เข้าทอดสนิทไม่บิดไม่ผัน (ซ้ำ)
ผูกพัน ผูกพันสุขเกษม
ปลื้มเปรมปลื้มเปรมปรีดา
…..

พอรุ่งอรุณก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เทวดาฝ่ายฟ้อนร่อนรำถวายเป็นพุทธบูชา
…..
คำฝ่ายฟ้อน ค้นไม่พบคำแปล แต่พบเห็นมีที่ใช้ในหลายแห่ง ผมว่าเพราะดี จึงอยากใช้คำนี้
…….



     Emqbi6RgoeM

ควรคิดกล้าทั้งทาสาขี้ข้านาย


     

    เมฆหมอกเลือน สิสว่างนภางค์ สุริยะฉาย
จึงฟ้อนระบำร่าย   ระเริง

เทพบันเทิงฝ่ายฟ้อน   กรกราย
ทรงเครื่องเคราเพราพราย   พรั่งพร้อม
อัปสราช่างชวนชาย  ชมชื่น นวลนา
นามหนึ่งนคราน้อม   แน่นั้นเฉลิมชัย

เชิญประชามาพร้องร้องประชัน
ชวนทุกวันรำเล่นเช่นนิสัย
เชิญประชุมกุมสมานสานวินัย
ชวนทุกวัยนับญาติชาติเดียวรา
….. 


สวยอ้ะ อย่างนี้สิ อัปสรา ที่อยากเห็น ทั้ง แต่งหน้า ระบำ ห้ามเถียง


     -kDZfqqhEek


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 ตุลาคม 2020, 03:10:PM
     

         o2m08iaBj1k


ปฏิปทา 4 (แนวปฏิบัติ, ทางดำเนิน, การปฏิบัติแบบที่เป็นทางดำเนินให้ถึงจุดหมายคือความหลุดพ้นหรือความสิ้นอาสวะ — Paṭipadā: modes of practice; modes of progress to deliverance)
ทุกฺขา ปฏิปทา ทนฺธาภิญฺญา (ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า เช่นผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะแรงกล้า ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นอยู่เนืองๆ หรือเจริญกรรมฐานที่มีอารมณ์ไม่น่าชื่นใจ เช่น อสุภะ เป็นต้น อีกทั้งอินทรีย์ก็อ่อน จึงบรรลุโลกุตตรมรรคล่าช้า พระจักขุบาลอาจเป็นตัวอย่างในข้อนี้ได้ — Dukkhā paṭipadā dandhābhiññā: painful progress with slow insight)
ทุกฺขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญา (ปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะแรงกล้า ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นอยู่เนืองๆ หรือเจริญกรรมฐานที่มีอารมณ์ไม่น่าชื่นใจ เช่น อสุภะ เป็นต้น แต่มีอินทรีย์แก่กล้า จึงบรรลุโลกุตตรมรรคเร็วไว บาลียกพระมหาโมคคัลลานะเป็นตัวอย่าง — Dukkhā paṭipadā khippābhiññā: pleasant progress with slow insight)
สุขา ปฏิปทา ทนฺธาภิญฺญา (ปฏิบัติสบาย แต่รู้ได้ช้า เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะไม่แรงกล้า ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นเนืองนิตย์ หรือเจริญสมาธิได้ฌาน 4 อันเป็นสุขประณีต แต่มีอินทรีย์อ่อน จึงบรรลุโลกุตตรมรรคล่าช้า — Sukhā paṭipadā dandhābhiññā: pleasant progress with slow insight)
สุขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญา (ปฏิบัติสบาย ทั้งรู้ได้ไว เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะไม่แรงกล้า ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นเนืองนิตย์ หรือเจริญสมาธิได้ฌาน 4 อันเป็นสุขประณีต อีกทั้งมีอินทรีย์แก่กล้า จึงบรรลุโลกุตตรมรรคเร็วไว บาลียกพระสารีบุตรเป็นตัวอย่าง — Sukhā paṭipadā khippābhiññā: pleasant progress with quick insight)
….
ที่มา: พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม — พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)


คำทีผสมด้วยสระ ำ บางกรณีอาจเป็นได้ ทั้งคำ ครุ และคำ ลหุ
แต่ผมบังเอิญได้อ่านพบว่าฉันทลักษณ์ คำลหุแบบเคร่งครัดที่ใช้ในการตัดสินประกวดแต่งร้อยกรอง  ไม่รับ สระ  ำ เป็นคำลหุ

ส่วนคำ"ก็" เป็นคำลหุ ผมก็บังเอิญอ่านพบเช่นกันว่า บางคนเลี่ยงไป ว่า ก็เป็นคำ ครุ ได้ โดยอ้างตามหลักการอ่านออกเสียงเป็นสระเสียงหนัก (ผมนี่ไงก็ด้วยคิดจะอ่านออกเสียง"ก็"เป็นสระเสียงยาวอ่านว่า ก้อ)
ภายหลังผมจำได้ว่าคุณ สุวัฒน์ ไวจรรยา บอกว่า ก็ เป็นสระเสียงสั้น คือ เก้าะ
ฉะนั้นจากนี้ผมจะวาง " ำ" ตรงตำแหน่ง ครุ และวาง "ก็" ตรงตำแหน่ง ลหุ เท่านั้น ในทุกกรณี


 aHVNU0dqlwY




     

     
ชวนทุกวัยนับญาติชาติเดียวรา
….. 

ทุกคำถาม ก็จะนำ ก็จำ ปฏิปทา
ไม่รู้ก็ศึกษา   ก็ทำ

นำวิถีท่วงท้าย   สายกลาง
เกาะมั่นก็มิหมาง   หม่นไหม้
สุขทุกข์ถ่วงทิศทาง   ถึงเท่าหลงนา 
มีแต่มัชฌิมได้   เด่นด้วยพอพียง

เดินถูกทางห่างราคะละโมหา
ทุกข์สุขพายากง่ายคล้ายไม่เที่ยง
เดินถูกทนพ้นโทสาอย่าลำเอียง
ทุกข์สุขเพียงอคติสี่นี่มายา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 10 ตุลาคม 2020, 09:27:AM
         

     
  ZvOE3ZZ0IZk

เราคือเพื่อน สหชาติ นิวาส ปะเหมาะประสา
ชวนชิด สุมิตรา   นิรันดร์

สัมพันธ์เหมือนเพื่อนพ้อง   มองเมียง
มิแบ่งแยกแตกเสียง   ส่อเศร้า
มีมากแบ่งปันเพียง   พออยู่ ดูรา
มิตรเท่าเทียมมือเท้า   ที่แท้กายเรา

ฟังเพลงร้องต้องใจมอบให้เพื่อน
ทั้งผู้เยือนมาถึงพึงอย่าเหงา
ฟังเพลงรำนำศิลป์ถิ่นของเรา
ทั้งผู้เหย้าพักผ่อนก่อนก้าวไกล               


      9T5G7kiWAVk


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 ตุลาคม 2020, 06:34:AM
     

     
        jSCAZ8DXeAA

พรุ่งนี้ ๑๓ ตุลา.

คล้ายวันสวรรคต “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” รัชกาลที่ ๙
ใส่เสื้อสีเหลืองกันนะครับ
ใส่ให้โลกรู้ ทุกคนรู้…….
ว่ากาลเวลาไม่เคยทำให้ทุกหยาดพระเสโทของพ่อที่หลั่ง ทุกย่างพระบาทที่พ่อย่ำทั่วแดนทุรกันดาร เหือดหายไปจากใจสำนึก-รำลึก-ภักดี ของลูกๆ ที่มีต่อพ่อบนฟ้าเลย

ประเทศชาติร่มเย็นเป็นปึกแผ่น ประชาชนมีที่อยู่ ที่ทำมาหากิน มีลมหายใจอิสระเสรี ถึงทุกวันนี้
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ด้วยพระบารมีพ่อบนฟ้าโดยแท้
ด้วยจิตกตัญญู-รู้คุณนี้…….
ข้าพระพุทธเจ้า กราบเบื้องพระบาท สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนั้น ตลอดไป
…..
เปลว สีเงิน แห่ง "ไทยโพสต์"
…..


หมอบราบกราบ มนะหมาย ถวาย มธุรวาท
สมเด็จชนกนาถ   กษัตริย์

วัดวังยังคู่บ้าน   ทานทน
กษัตริย์อยู่ในใจชน   ชั่วฟ้า
แดนดินทั่วทุกหน   หวนห่วง แหนเฮย
ผันผ่านกาลภพหน้า   แน่น้อมนิรันดร์

รำลึกคำนำผลชี้หนทาง
แดนสว่างประชาชนล้นสุขสันต์
รำลึกคุณบุญกุศลดลราชัน
แดนสวรรค์ธ.สถิตเนานิตย์พิมาน   


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 13 ตุลาคม 2020, 10:34:AM
   

   เพลินๆฟังเพลง  สลับฉาก
คลายความเครียด

     
      mrl0isTkunA

  พึงทราบ กาพย์ยานี
จังหวะดี ด้วยสิบเอ็ด
วรรคสี่ นี่คือเคล็ด
วรรคแรกเริ่ม เติมตอนท้าย

กลอนดี มีไม้เด็ด
วรรคเดียวเสร็จ สำราญหมาย
อาหาร สารมากมาย
เนื้อสัตว์ดี ที่ผักแนม



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 13 ตุลาคม 2020, 06:44:PM
     

     

ฟังเพลงสลับฉากไปอีก สองสามวันครับ ยังไม่ได้อารมณ์กลอน
เขียนถึงกาพย์ยานี11 ก็บังเอิญเห็นกาพย์ยานี โดยผู้หนึ่ง ซี่งข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เขียนไว้ให้กำลังใจดีมากและไพเราะด้วย
จึงเอามาฝากนักสู้ เพื่อนของเรา


   
     u8Mw5p383cM

     6B_F9fEdc6o

   "ล้มลุก"

พ่ายแพ้มากี่ครั้ง
จะพ่ายพังสักกี่หน
ดื้อด้านและทานทน
จะก้าวย่างบนทางเดิม

ล้มแล้วก็ลุกใหม่
ด้วยแรงใจที่ฮึกเหิม
หนึ่งล้มใช่หนึ่งเริ่ม
เพราะก้าวย่างมายาวนาน

บาดแผลใช่แพ้พ่าย
ไม่ถึงตายยังอาจหาญ
มั่นคงอุดมการณ์
ที่ฝังลึกจนสุดใจ

ก้าวไปดั่งใจหวัง
ถึงพลาดพลั้งไม่หวั่นไหว
หมุดหมายคือเส้นชัย
จะไปยืนเพื่อชูธง

เติมไฟให้พลัง
เพื่อความหวังไม่หลุดหลง
เป้าหมายยังมั่นคง
แม้เนิ่นนานกาลเวลา

หวังไว้สักวันหนึ่ง
คงถึงซึ่งปรารถนา
เชื่อมั่นและศรัทธา
บนเส้นทางที่ทอดยาว

พ่ายแพ้มากี่ครั้ง
เคยพลาดพลั้งกี่ร้อนหนาว
รอยทางคือเรื่องราว
การต่อสู้ของผู้คน...

 อัคระ ธิติถาวร

กาพย์ยานี ๑๑ บทประพันธ์ของคุณอัคระ ธิติถาวร มีความไพเราะมาก อ่านแล้วมีกำลังใจฮึกเหิมในการลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ดีทีเดียวค่ะ

ขอบพระคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ Pixabay.com
[/size]


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 14 ตุลาคม 2020, 12:55:PM
   

         
      
        d64BZC-f-bI

แต่งเฉพาะกิจ ไม่ได้ต่อกลอนเดิม
.....

เพลงบรรเลง ก็จะโหม ประโคม คุพละเหิม
ดนตรีพิธีเริ่ม แสดง

แจกแจงเจิมเริ่มแล้ว   แหววเหวย
ลืมเรื่องเคืองเราเคย   ขุ่นข้อง
กลองตีปี่ออดเอย   อึงโห่ อลฮา
ฉันพี่ชวนพวกน้อง   แน่โน้มโหมหาญ

ละครเก่าเล่าเฟื่องเรื่องแต่หลัง
ถึงวันหวังหยุดรบพบสันติศานต์
ละครก่อล่อตัณหามายาวนาน
ถึงวันวารจบหมดบทสุดท้าย…(ฤๅตกตามกัน)



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 16 ตุลาคม 2020, 03:36:PM
     
       

         
f0vDJpDzAp0

มาเถิดเย้อมาเย่อ มาเยือนเฮือนหมู่เฮา

 6a2XlEU9K7E

ละครเก่าเล่าเฟื่องเรื่องแต่หลัง
ถึงวันหวังหยุดรบพบสันติศานต์
ละครก่อล่อตัณหามายาวนาน
ถึงวันวารจบหมดบทสุดท้าย
……

อยู่แดนใด พสุธา เวหา ผิว์จระหาย
คืนจิตและสู่กาย   นะขวัญ

แสงแดดสาดส่องฟ้า   คราคราว
ฝนร่ำพรำยืดยาว   อย่าสู้      (ร่ำ=หลายความหมายที่นี้แปลว่ากระหน่ำ พรำ=ฝนเล็กน้อยเรื่อยไป)
เจ็บเจียนป่วยเหน็บหนาว   นึกหน่ายหนักนอ
มาเย่อะมิตรเมืองผู้   ผ่องแผ้วขวัญเอย

ต้อนรับมิตรคิดประโลมโน้มจิตมอบ
เพื่อนผู้ชอบยามยากออกปากเผย
ต้อนรับหมู่สู่ขวัญฉัน(เสมือน)คุ้นเคย
เพื่อนผู้เชยชื่นคำเช็ดน้ำตา

 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 21 ตุลาคม 2020, 09:09:AM
     

     คิดมาก็เป็นน่าอนิจจัง
ด้วยกรุงเป็นที่ตั้งพระศาสนา
ทั้งอารามเจดีย์ที่บูชา
ปฏิมาฉลององค์พระทรงญาณ

ก็ทลายยับยุ่ยเป็นผุยผง
เหมือนพระองค์เสด็จดับสังขาร
ยังไม่สิ้นศาสนามาอรธาน
ทั้งเจดีย์วิหารก็สูญไป...

ปรากฏใน
"สุดยอดแห่งการเป็นนักรบของพระองค์ท่าน สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้ารัชกาลที่ 1"
จากเพจ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1928574020512300&id=702874366415611&sfnsn=mo

TwGKOLXQ9Gs

เพื่อนผู้เชยชื่นคำเช็ดน้ำตา
…..

กรุงเทพไท้ อมเรศนิเวศน์ อภิบุรา
ยิ่งยศดิลกฟ้า   พิมาน


สถานสถิตเทพแห่งฟ้า   ธานินทร์
เฉลิมแด่นครินทร์   ร่มเกล้า
กรุงนามว่าโกสินทร์   สวยยิ่ง เลิศแล
เถลิงสู่จักรีเจ้า   จึ่งป้องครองผไท

กรุงเทพฯสมคมคำนำเล่าขาน
เมืองของท่านพสกปกอยู่ไหว
กรุงเทพฯสวยด้วยยิ้มพิมพ์ประไพ
เมืองของไทยสมเด็จพ่อก่อตั้งมา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 29 ตุลาคม 2020, 07:51:AM
       

   
 fo5sWEywjNo


ระบำชุดไทยพระราชนิยม

เผยแพร่เมื่อ 8 ก.ย. 2016
การแสดงนาฏศิลป์จากโครงการ ศิลปิน ศิลปะ ศิลปากร วันที่6 กันยายน พ.ศ.2559 ณ โรงละครแห่งชาติ
ระบำชุดไทยพระราชนิยมเป็นผลงานสร้างสรรค์ของวิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ที่ได้คิดประดิษฐ์ระบำชุดนี้ขึ้นมาใหม่ โดยมีจุดประสงค์ในการนำเสนอชุดไทยในแบบต่างๆในยุครัตนโกสินทร์ ตามแนวพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงให้นำชุดไทยแบบต่างๆ มาเป็นเครื่องแต่งกายสำหรับสตรีไทย อันควรค่าแก่การอนุรักษ์และเผยแพร่ รวม 8 ชุด ได้แก่ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอัมรินทร์ ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยจักรี ชุดไทยดุสิต ชุดไทยจักรพรรดิ และชุดไทยศิวาลัย จัดแสดงครั้งแรกเนื่องในงานศิลปวัฒนธรรมของสถานศึกษาในสังกัดกรมศิลปากร เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2536 โดยมี ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ แต่ทำนองเพลง อ.เฉลิม ม่วงแพรศรี อ.รัตรวี ยลปราโมทย์ และอ.วารี ไตรเพิ่ม ประพันธ์บท อ.ปราณี สำราญวงศ์ และม.ร.ว.อรฉัตร ซองทอง แก้ไขปรับปรุงบท อ.เรวดี สายาคม ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย ประดิษฐ์ท่ารำ

7KiotE9uuZM

    ร่าย สุภาพ



พัสตราภรณ์แห่งชาติ ชุดพระราชนิยม
พระบรมราชชนนี ทรงมีดำริการ ประทานประดิษฐ์ย้ำ
เลิศล้ำลายผ้าปัก เลิศลักษณ์
ผ้าถักทอ
ลออองค์ทรงเครื่องรับ เรืองระยับทับทิม ถนิมพิมพาภรณ์
ราวอัปสรร่ายรำ ชุดประจำชาติไทย

วิไลเลอแหล่งหล้า   เริงรื่นลอยเลิศฟ้า
ทั่วแคว้นแดนใด   เฉลิมรา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 21 พฤศจิกายน 2020, 08:02:PM
       

     
    iMp30vLhjr4

ผลอยผลอยผงภาสดารา
ศศิรวิมิตินภา
พลันแตะปากกา
สลักรอย

จากคุณ jasmine แห่ง jasmine,ink

สัทธราฉันท์” เป็นชื่อที่เรียกตามแบบไทย แต่ในคัมภีร์วุตโตทัย ในสมวุตตินิเทศ ท่านเรียกว่า “สัทธราคาถา” เป็นปกติฉันท์ ฯ “สัทธรา” แปลว่า “คาถาที่ก่อให้เกิดความพึงพอใจในการฟัง”

จากเพจ วัดโมลีโลกยาราม
….

กล่าวกันว่า สัทธราฉันท์ เป็นฉันท์ที่ มีลีลาวิจิตร เหมือนหญิงงามประดับด้วยพวงมาลัย

จากคุณ jasmine แห่ง jasmine,siam ink
…..


สัทธราฉันท์  ไม่มีความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  เมื่อพินิจภาษาดูให้ดีแล้ว จะพบว่าคำนี้มาจากคำว่า  สัท  รวมกับคำว่า  ธรา   เป็นคำมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต  ซึ่ง  สัท  หมายถึง  เสียง   ธรา  เป็นคำโบราณ  หมายถึง  แผ่นดิน

สัทธรา  จึงน่ามีความหมายว่า  “ฉันท์ที่มีลีลาประดุจเสียงร้องจากแผ่นดิน (ดินพิโรธ)”    ซึ่งฉันท์ประเภทนี้ใช้สำหรับดำเนินเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความแตกแยก  โดยเฉพาะเรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์  ซึ่งใช้เป็นบทดำเนินเรื่องตอนที่กษัตริย์ลิจฉวีแตกสามัคคี

จาก ครูปิยะฤกษ์ บุญโกศล - WordPress.com



 gh4xIvgZGAE
       

      วิไลเลอแหล่งหล้า   เริงรื่นลอยเลิศฟ้า
ทั่วแคว้นแดนใด   เฉลิมรา
…..

รวยรินกลิ่นหอมก็น้อมใจ
นยฤดิปิติใคร่
รูปและรสใด
ก็ชวนเชย

เคยชิดคิดไขว่คว้า   มาหมาย
ยลร่างยวนชวนชาย   ชื่นล้ำ
จำเรียงเยี่ยงจำราย   เริงร่า
เสนาะนา   
รสรื่นกลืนกลมกล้ำ   กลิ่นแกล้มแซมสม

กลกามแรงแกล้งใจให้สะอื้น
เหตุมิขืนห้ามจิตสนิทสนม
กลกามรวนชนวนเศร้าเคล้าโศกตรม
เหตุมิข่มราร่ายพ่ายแย่งชิง



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 26 พฤศจิกายน 2020, 09:46:AM
     

     ศัทธราฉันท์ จาก สามคคีเภทคำฉันท์

๒๑ ลำดับนั้นวัสสการพราหมณ์    ธก็ยุศิษยะตาม
เล่ห์อุบายงาม    ฉงนงำ ฯ
๏ ปวงโอรสลิจฉวีดำ    ริหะวิรุธะและสำ
คัญประดุจคำ    ธเสกสัน ฯ
๏ ไป่เหลือเลยสักพระองค์อัน    มิละปิยะสหฉันท์
ขาดสมรรคพันธ์    ก็อาดูร ฯ
๏ ต่างองค์นำความมิงามทูล    พระชนกะอดิศูริย์
แห่ง ธ โดยมูล    ปวัตติ์ความ ฯ
๏ แตกร้าวกร้าวร้ายก็ป้ายปาม    ลุวระบิดระลาม
ทีละน้อยตาม    ณเหตุผล ฯ
๏ ที่เชื่อฟังพจน์อุรสตน    นฤวิเคราะหะเสาะสน
สืบจะหมองมล    เพราะฉันใด ฯ
๏ แลทั้งท่านวัสสการใน    ขณะยละจะเหมาะไฉน
เสริมเสมอไป    สดวกดาย ฯ
๏ หลายอย่างต่างกลธขวนขวาย    ระบิละยุปริยาย
วัญจโนบาย    บเว้นครา ฯ
๏ ครั้นล่วงสามปีประมาณมา    คณขัติยะประดา
ลิจฉวีรา    ชะทั้งหลาย ฯ
๏ สามัคคีธัมมะทำลาย    มิตระภิทนะกระจาย
สรรพะเสื่อมหายน์    ก็เปนไป ฯ
P๏ ต่างองค์ทรงแคลงระแวงใน    พระหฤทสวยยะนิสัย
ผู้พิโรธใจ    ระวังกัน ๚

 cTUvbFshCes

ส่วนกลอนสุภาพวันนี้ คิดอยู่นาน ขออณุญาต ใช้คำสัมผัส ไ ใ อัย รรม อำ
เพราะว่าต้องการ"เล่นคำ"ทั้งสี่วรรค จะไม่พยายามทำเช่นนี้อีก
…..
    เหตุมิข่มราร่ายพ่ายแย่งชิง
…..


ถ้อยคำล้ำเลิศประเสริฐสิ่ง
วจนะมธุรจริง
สัจจะเยี่ยงยิ่ง
ประไพผล

หลายกลหลากเล่ห์ร้าย  หมายหลอก
ยลส่อเสียดเหยียดยอก   อย่าข้อง
คำคนกล่าวกลับกลอก   กลาดเกลื่อน นรกรา
รังแต่มัวมลร้อง   เรี่ยร้ารำไร

วาทการสารนำธรรมนิเวศ
วาทเภทฤๅแตกแยกไฉน
วาทกรรมธรรมดีอยูที่ใจ
วาทภัยกรรมชั่วตัวกาลี


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 ธันวาคม 2020, 07:51:AM
     

   แม้ยาวมากหากพลาดอาจเสียดาย

      6USoW2BnJx8

มาด กริยา แปลว่ามุ่ง เช่นมาดหมาย , ฝ่ายฟ้อน คำที่ใช้ในบทกลอน หมายถึง ฟ้อน , วอน ในที่นี้หมายถึง รนหาที่
…….
วาทภัยกรรมชั่วตัวกาลี
……




ยั่วเย้าเจ้าเล่ห์นะเทวี
ผิวะปะทะอสุรี   
เมฆขลานี้   มิเกรงใคร

มาดใจหมายฝ่ายฟ้อน   วอนชาย
กวัดแกว่งกวดลวดลาย   ล่อแก้ว
แวววับส่องสลับสาย   แสงพร่าพรางแล
ครืนครั่นครึกโครมแล้ว   เลี่ยงเร้นเมฆา

ชอบหรือชังกังขาพาฉงน
ฟ้าพลอยฝนคลาคลาดคล้ายปราถนา
ชังหรือชอบตอบยากหากจำลา
ฝนพลอยฟ้าเธอไกลฉันฝันแกมเพ้อ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 08 ธันวาคม 2020, 03:44:PM
   

    ระบำไล่คว้า เมมขลา ไก่แก้ว สุพรรณมัจฉา ชอบครูเจี๊ยบแสดงไว้ เหมาะ ที่สุด สวยงามแก่นแก้วน่ารัก กวนโมโห   
คลิปนี้ แสดงโดยยอดครูศิลปินในดวงใจ
ไก่แก้ว-ครูเสาวรักษ์ ยมะคุปต์ ตัวนาง
พระลอ- ครูสมเจตน์ ภู่นา ตัวพระ
ปู่เจ้า- ครูคมสันฐ ห้วเมืองลาด อัตลักษณ์ความงามอย่างศิลป์ไทย

J5rtmDoLQJQ

ร่าย

๓๑๘ ปู่กระสัลถึงไก่ไพรพฤกษ์ ปู่ลำฦกไก่ไก่ก็มา …………..   
ครั้นถับถึงพระเลืองลอ ยกคอขันขานร้อง ตีปีกป้องผายผัน ขันเอื้อยเจื้อยไจ้ไจ้ แล้วไซ้ปีกไซ้หาง โฉมสำอางสำอาจ
ท้าวธผาดเห็นเปนตระการ ภูบาลบานหฤไทย งามพอใจพอตา มิทันทาธารทำรง ทรงมกุฎภูษาสรรพ จับพิไชยอาวุธราชพล บัดดลธลุกไล่ หวังได้ไก่ตัวงาม ยกทัพตามจอมราช ครั้นคลาศไก่อยู่ท่า เห็นธช้าไก่ขันเรียก ไก่กระเหวียกตาดู ครั้นภูธรจะทัน ไก่ค่อยผันค่อยผายระร่ายรายตีนเดิร ดำเนิรหงส์ยกย่าง ครั้นเห็นห่างไก่หยุด ครั้นจะสุดแดนป่า ครั้นจะผ่าแดนบ้าน ไก่ทำคร้านมารยา เห็นไก่ช้าธก็สราว ไก่เหิรหาวหายเนตร ภูเบตร์ดูอับทิศ บพิตรคิดพระองค์ โอ้กูมาหลงแก่ไก่ ไก่ผีไขว่เอากู ท้าวธเหลียวดูพี่เลี้ยง สองพี่กล่าวคำเกลี้ยง ถี่ถ้วนทั้งมวล ฯ
…..จาก ลิลิตพระลอ

มาลินีฉันท์ 15
ชื่อฉันท์แปลว่า ดอกไม้ เป็นฉันท์ที่แต่งยากแต่ทว่ามีความงามประดุจดอกไม้ ทำนองฉันท์สั้นกระชับในตอนต้น แล้วราบรื่นในตอนปลาย เป็นฉันท์ที่มีท่วงทำนองเคร่งขรึมน่ายำเกรง กวีมักใช้แต่งเพื่ออวดความสามารถในการใช้ศัพท์และเป็นเชิงกลบท
หนึ่งบทมี 15 พยางค์
ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ   ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ   ลหุ-ครุ-ครุ
…..วิกิพีเดีย
    

    ฝนพลอยฟ้าเธอไกลฉันฝันแกมเพ้อ
…..

ปิติมนะขณะผาดเจอ   คิดสนิทเน้อ   เสน่หา
สหจตุทวิบาทา   เล่ห์และมายา   ก็รู้กัน

ทันกลยลยิ่งล้วน   ชวนดู
ทำเล่ห์หยันขันคู     ขุ่นข้อง
รุกรับไก่กับงู   งกงุ่น งงเฮย
ฝักฝ่ายหมายตนต้อง   ต่างสู้เป็นไป

ชั่วหรือดีที่ใจใครจะรู้
ไก่เห็นงูย่อมเห็นเป็นไฉน
ดีหรือชั่วตัวบอกหลอกเอาไว้
งูเห็นไก่รู้ลับจับกลลวง



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 14 ธันวาคม 2020, 07:38:PM
     

      ครูเจี๊ยบ เสาวรักษ์ ยมะคุปต์     

     SKWJbZNk08w

ชี้แจงครับชี้แจง แจงชี้นะครับ
อนุรักษ์  คือการนำมาใช้ ภาษาถ้าไม่ใช้คือภาษาตาย
ข้าพเจ้าพยายามเขียนกาพย์กลอนให้ได้หลายชนิดที่สุด
มีบางครั้งที่เขียนแล้วลบทิ้งไม่กล้าโพส บางครั้งโพสแล้วก็กลัวว่าผิดข้อห้ามของเว็บ บางโพสก็กลัวว่าโพสแล้วจะมีคนเกลียด  ซึ่งถ้าพยายามว่าควบคุมดีแล้ว ยังจะมีความรู้สึกนั้นอยู่ บางครั้งก็เกิดความ คิดว่า เลิกเขียนกลอนเถอะ หรือ ไปเขียนในสถานที่ ของตัวเอง จะเลวร้ายก็เดือดร้อนไปเองเฉพาะตัว นี่เป็นคำตอบที่ชอบธรรมที่สุด
แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ขอชี้แจงอีกสักครั้งสุดท้ายและยินดียอมรับวิจารณญาณจากเว็บ และ ผู้เยี่ยมชมทุกท่าน
หลายครั้ง ข้าพเจ้าเขียน ฉันท์ โคลง โดย
ที่คำประพันธ์นั้น มักใช้คำ ประดิษฐ์วาทะกรรม ชึ่งปกติไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าพูดถึงฉันท์ ใครๆก็ตาม จะต้องยกแบบอย่างนายชิต บุรทัต และสามัคคีเภทคำฉันท์ ทั้งเนื้อหาและรสคำ เข้มขลัง แข็งกร้าวและไพเราะ
วาทกรรมนี่แหละที่โฉบเฉี่ยว เพราะไม่ค่อยใช้ในชีวิตประจำวัน แต่พบได้ใน ผู้พูดที่เป็นนักการเมืองหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผูัแสวงหาและเสนอสนองความเจ็บแสบเป็นอารมณ์
หากข้าพเจ้านำวาทกรรทเหล่านั้นมาใช้บ้าง ขอความเข้าใจว่าใช้เพราะเป็นภาษาวรรณกรรม ใช้เพื่ออนุรักษฺ์
ฉันท์ลักษณ์คำประพันธ์ มิใช่พูดแทนใคร มิใช่เป็นตัวแทนฝ่ายใด เด็ดๆ100%
แต่ถ้าตัวเลขจำนวนผู้เปิดอ่านน้อยลง นั่นคือ ไม่เป็นที่ต้องการ สมควรที่จะหยุดเขียน
ด้วยความ ขอโทษและขอบคุณบ้านฯไว้ล่วงหน้า ที่ให้โอกาสข้าพเจ้าได้สนุกกับการเขียนกลอน
ขอบคุณตลอดการ ไม่มีเงื่อนไข
…..
       

       

มาลินีฉันท์ ๑๕ - วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร
แบ่งจังหวะ
3 - 3 - 2   1-3   3
ลหุลหุลหุ ลหุลหุลหุ ครุครุ
ครุ ลหุครุครุ
ลหุครุครุ


งูเห็นไก่รู้ลับจับกลลวง
…..
หะอริ ผิว์ปะทะ จาบจ้วง
วาย จะเปล่าป่วง   เพราะโมหา
นิสย อคติ มายา
หวาด ก็อาจกล้า   มิเจียมตน

คนหลายหมายขู่ขั้น   คุกคาม
มากกว่าบุกลุกลาม   ไล่ท้า     
ทีสูย่ำทำหยาม   เหยียดข่ม ขืนเฮย
ทวงซึ่งถึงทีข้าฯ   ขี่ค้ำคอคา

แกล้วหรือกลัวหัวหมายอย่าหายหด
ปลากินมดเมื่อน้ำมากหลากผืนผา
กลัวหรือแกล้วแววน้ำแล้งแห้งคงคา
มดกินปลาคราวนั้นมันถึงที


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 20 ธันวาคม 2020, 07:47:PM
     

 อีกหนึ่งศิลปินทึ่ชอบมาก
อ.พิมพ์รัตน์ นวศิริ(เคยแสดงเป็นคาวี) เป็นกวางทอง  น่าจะได้รับถ่ายทอดท่ารำจาก อ.วันทนีย์ ม่วงบุญ(ซึ่งรับการถ่ายทอดจากท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี) รำสวย กวน ชอบทั้งสองท่าน

       KaarN3Rovco

การกำหนด คณะ ในการแต่งฉันท์ เท่ากับการแยกชนิดของฉันท์
…….

…..จากเพจ ร้อยกรอง คะนองเพลงยาว
นอกจากคำครุและลหุแล้ว ยังมีวิธีจดจำเป็นกลุ่ม เรียกว่า "คณะ"(คือการจัดคำครุแลหลหุเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามเสียง)
…..


มาลินีฉันท์15

โดย
โชติช่วง นาดอน (ทองแถม นาถจำนง) จากเพจ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย…..

     “เสือโคคำฉันท์” ของพระมหาราชครูอ่านง่าย อ่านสนุก เพราะผู้ประพันธ์เลือกใช้ ฉันทลักษณ์ฉบัง 16 , สุรางคนางค์ 28 , อินทรวิเชียร 11 เสียมาก แต่งเป็นคำฉันท์ที่ยากๆ น้อยฉาก และในฉากนั้นๆ ก็เขียนสั้นๆ….
เรื่อง “เสือโคคำฉันท์” ยังมีฉันท์ อีกสองฉันทลักษณ์ คือ “สัทธราฉันท์ 21” และ “มาลินีฉันท์ 15”
 
   
      เมื่อท้าวมคธ จะปูนรางวัลยกราชธิดาให้คาวี ใช้ฉันทลักษณ์ “มาลินีฉันท์ 15” สั้นๆ เพียงแปดบทเท่านั้น ดังนี้


มคธพจนปูนปอง   
ซึ่งจะแทนสนอง    คุณาใน
๏ ตรุณวิบุลยมีไชย    ชลยักษไกษย    สรเสริญคุณ
๏ มหิทธิพิพิธอดุลย์    เดชสนองสุน    ทราภาพ
๏ มนุษประทุษฐอันอาบ    ทุกขแทรกทราบ    ก็เสบย
๏ ศิขรศิขรินทรก่ายเกย    เจ้าทั้งสองเผย    อุราราษฎร์
๏ อมรนิกรจักจากสาธุ์    ธุการแต่อาตม์    สองสมร
๏ อนงคองคธิดาอร    เราจักสวยมพร    พระคาวี
๏ บวรบรมบุตรี    เปนรางวัลศรี    สุโรพล
…..
    มดกินปลาคราวนั้นมันถึงที
…..
วสภ ผิว์จร ไพรศรี
พบ พยัคฆฺี ระวังภัย
สมถะ ปกติ นิสสัย
พึง พินิจนัย   กมลมาร

คนพาลแผลงหน้าใหญ่   ใจเสือ
ยลยิ่งยากมากเหลือ   เล่ห์ร้าย
ดูดีเด่นควรเขือ   คิดใคร่ แคลงเนอ
บุญว่ารับคลับคล้าย
   เคร่งแล้วคลับคลา

ชีวิตฝันวันวานผ่านแต่หลัง
ดูแต่หวังเสือโค ละโทสา
ชีวิตใฝ่ใจคนล้นเมตตา
ดูแต่ว่าหน้าเนื้อใจเสือร้าย




หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 22 ธันวาคม 2020, 07:58:PM

@ ปมยาก! ผลส่งให้......เหพลัน
หาใช่มักง่ายกัน............ก่นอ้าง
เยาวชนเด็กหมื่นพัน........พ้นห่าง  เรียนนา
เธอใช่จักแกล้งสร้าง........สื่อใช้ไม่สม



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 22 ธันวาคม 2020, 08:06:PM

….เกณฑ์กฎ ใช่สิ่ง ติดตาย
บัญญัติ เพื่อหมาย เหมาะสม
ปรับเปลี่ยน ตามกาล นิยม
สวย-คม คำนึง สงบเย็น

….เหมาะทั้ง เทศะ นำเสนอ
มิเผลอ ผุด-รุก ทุกข์เข็ญ
หยามเหยียด “ศักดิ์ศรี” อันเป็น
ดุจเพ็ญ อำไพ ใจฅน



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 25 ธันวาคม 2020, 05:42:PM
   

            WHQcJ1zhA-k


เกณฑ์กฎ ใช่สิ่ง ติดตาย
บัญญัติ เพื่อหมาย เหมาะสม
ปรับเปลี่ยน ตามกาล นิยม
สวย-คม คำนึง สงบเย็น

….เหมาะทั้ง เทศะ นำเสนอ
มิเผลอ ผุด-รุก ทุกข์เข็ญ
หยามเหยียด “ศักดิ์ศรี” อันเป็น
ดุจเพ็ญ อำไพ ใจฅน

…toshare….




ใครสร้างกฏ จดจาร วารหมุนเวียน
คราวคนเปลี่ยน ถางแถว แผ้วเห็นผล
กฏสร้างใคร ใจจาง ช่างจิตชน
คราวเปลี่ยนคน หาเห็น เพ็ญอำไพ

เกณฑ์คือกฏ งดงาม แต่งยามต้ด
ได้บัญญัติ กลการ ขานความไข
กฏคือเกณฑ์ เด่นดัง หวังเอาไว้
บัญญัติได้ สวยสม คมในคำ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 28 ธันวาคม 2020, 11:30:AM
   

   เนื้อเพลงลาวแพน (ลาวเป่าแคน ของเดิม) ไม่ทราบที่มา

 ฝ่ายพวกลาวเป่าแคนแสนเสนาะ มาสอเพาะเข้ากับแคนแสนขยัน เป็นใจความยามยากจากเวียงจันทน์ ตกมาอยู่เขตขัณฑ์อยุธยา อีแม่คุณเอ๋ยเฮาบ่เคยจะตกยาก ตกระกำลำบากแสนยากนี้หนักหนา พลัดทั้งที่ดินถิ่นฐาน พลัดทั้งบ้านเมืองมา พลัดทั้งปู่ พลัดทั้งย่า ทั้งยาย พลัดทั้งแม่ลูกเมีย พลัดทั้งเสียลูกเต้า พลัดทั้งพงศ์เผ่า ทั้งลูกเต้าก็หนีหาย บักไทยมันเฆี่ยนบักไทยมันขังจนไหล่จนหลังของข้อยนี่ลาย จะตายเสียแล้วหนาที่ในป่าดงแดน ผ้าทอก็บ่มีนุ่งผ้าถุงก็บ่มีห่ม คาดแต่เตี่ยวเกลียวกลมหนาวลมนี่เหลือแสน ระเหินระหกตกยากต้องเป็นคนกากคนแกน มีแต่แคนคันเดียวก็พอได้เที่ยวขอทานเขากิน ตกมาอยู่ในเมืองต้องถีบกระเดื่องกระด้อย สีซ้อมต่ำต้อยตะบิดตะบอยบ่ฮู้สิ้น ถือแต่เคียวหญ้าเอาไปให้ม้าของเพื่อนมันกิน เที่ยวซมซานไปทุกบ้านทุกถิ่นจะได้กินก็แต่เดน แสนอึด (อด) แสนจนเหมือนอย่างคนตกนาฮก (นรก) มืดมนฝนตกเที่ยวหยกๆถกเขมรถือข้องส่องคบจับกบทุ่งพระเมรุ เปื้อนเลนเปื้อนตมเหม็นขมเหม็นคาว จับทั้งอ่างท้องขึงจับทั้งอึ่งท้องเขียว จับทั้งเปี้ยวทั้งปู จับทั้งหนูท้องขาว จับเอามาให้สิ้น มาต้มกินกับเหล้าเป็นกรรมของเรา เพราะอ้ายเจ้าเวียงจันทน์เพื่อนเอย”

 

ลาวแพน ขิม ครูสุวิทย์ บวรวัฒนา

           
         fUlsWOQFQRo



“ปุปผิตัคคฉันท์ ๒๕”

3+4(1+3)    2+3
3+3+2   2+3


ชีวิตฝันวันวานผ่านแต่หลัง
ดูแต่หวังเสือโค ละโทสา
ชีวิตใฝ่ใจคนล้นเมตตา
ดูแต่ว่าหน้าเนื้อใจเสือร้าย
…..


     

   เจ้าเลือกบ่าวราวร้องครองจนครบ
นายเลือกกบไฉนนั่นผันพอผาย
บ่าวเลือกเจ้าเท่าทีชีว้นวาย
กบเลือกนายรอรวยซวยละซี
.
สุจิตะ สุนรชน     บ่ทนกะกดขี่
พจน วิสาสะ วิธี   ประนีประนอมกัน

ผิว์พณและบริวาร             ประะสารประศาสน์สันต์
มธุระสุพจน์เพราะกระนั้น   ประเสริฐ ฤว่าไร

ไฉนยากมากเรื่องร้าย   นายเรา
มากว่าหวังยังเยาว์         อย่าน้อย
ผิดพลาดว่าขลาดเขลา  ครวญใคร่ คิดรา
การเช่นกลกบต้อย         ตื่นเต้นเลือกนาย


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 28 ธันวาคม 2020, 11:47:AM

@ แนะสอนใคร อย่าเริ่ม ประเดิมยาก
เขาจักจาก ลี้ไป ไม่สมหวัง
โจทย์ยากนี้ มีเพื่อให้ "ชอบ ฤ ชัง?"
การศึกษา ภินท์พัง ควรโทษใคร



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 28 ธันวาคม 2020, 06:12:PM
     

    mAMiodt5-_k

ใจขอจำคำครูรู้สื่อสอน
กานท์แห่งกลอนโจทย์จินต์ถวิลหลงใหล
กลอนแห่งกานท์สานส่งจงเยื่อใย
จำขอใจลุ่มหลงคงรักเรียน



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 13 มกราคม 2021, 02:13:PM
     

        WEpa-XIIatQ

ไฉนยากมากเรื่องร้าย   นายเรา
มากว่าหวังยังเยาว์         อย่าน้อย
ผิดพลาดว่าขลาดเขลา  ครวญใคร่ คิดรา
การเช่นกลกบต้อย         ตื่นเต้นเลือกนาย
……….


ยากเสียน้อยค่อยค้นทนลำบาก
ง่ายเสียมากคาดขาดประมาทหมาย
น้อยเสียยากหลากเหลือเผื่อสบาย
มากเสียง่ายสมสาหน้ามัวเมา

พึงเราพอหล่อเลี้ยง    เพียงผล
มากเท่าหมายกายกมล  ไม่น้อย
ยากหากยิ่งฝึกฝน  ฝันง่ายดายรา
เสียหนึ่งมิถึงร้อย    เรื่องร้ายกลายดี
         LKkO35bcQzo
     
         y-D-lE4H8g0

เพลงลาวแพน ไม่ว่าเวอร์ชั่นไหน น่าฟัง ทั้งหมด




หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2021, 02:40:PM
         

   พึงเราพอหล่อเลี้ยง    เพียงผล
มากเท่าหมายกายกมล  ไม่น้อย
ยากหากยิ่งฝึกฝน  ฝันง่ายดายรา
เสียหนึ่งมิถึงร้อย    เรื่องร้ายกลายดี

ปล่อยม้าอุปการ วิทยาลัยนาฏศิลป์   สนุกจัง เอาละสิ เริ่มจะดูโขนเป็นละมั้ง
          No6iJXxadSA


ปุปผิตัคคาฉันท์ ๒๕
วัดโมลีโลกยาราม
  ลหุลหุลหุ ลหุลหุลหุครุ   ลหุครุลหุครุครุ
  ลหุลหุลหุ ลหุครุลหุุลหุครุ   ลหุครุลหุครุครุ

แต่พบในเพจหนึ่งวางผังลหุ ครู ต่างกัน
แต่ตัวอย่างคำประพันธ์  อ่านออกเสียงลหุ ครู ได้ทั้งต่างกัน และ และออกเสียงเหมือนกัน
นั่นคือใช้ฉันทลักษณ์เดียวร่วมกันของวัดโมลีโลกยารามได้
แล้วก็หาแหล่งอ้างอิง หรือค้นไม่เจอที่อื่นไหนๆ
ฉะนั้นต่อไปขอยึดตามแบบฉันทลักษณ์ ของวัดโมลีโลกยาราม เป็นหลักว่าถูกต้อง
     

    ระยะสิ จะวิเคราะห์วัด   กะสัตว์และพาชี
จระก็ ถนัดณ.วิถี   ผิว์คมนาคม

ปกติ พิเคราะห์มนุษย์   พิสุทธ์พิเศษสม
ก็ขณะ กะกาละนิยม  พิสูจน์พิสิฐพล

ทางวัดม้าท้าไวไกลต้องผ่าน
คนวัดกาลนับพรรษามากี่ฝน
ม้าวัดทางบางลำบากยากลำบน
กาลวัดคนเก่าไม่แก่แหมติดมัน
         
            อ.สมเจตน์ ภู่นา ขุนแผนคนที่4
          RHLaRXncpDU

ลักวันทองขี่ม้า   พาไป
ทีท่านทีเราไย   อย่าแย้ง
ขัดเคืองเรื่องขานไข   ขอสู่ ศาลรา
ตามแต่โจทกฺ์จัดแจ้ง   จึ่งเจ้าโจษ(จัน)จาร

* "จัน"คำส่งสำผัส ซ้ำกับ "มัน"ของบทก่อน ขอแก้เป็น โจษจาร ครับ



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2021, 04:19:PM
     

         OeoU3t6TMoc

ผู้ชนเสิบทิศ คลิปนี้ยาว เวอร์ชั่นใหม่ แต่ดูสนุกตลอด โดยไม่กระโดดข้าม ชอบมากเพลงเพราะ มังตรารับบทโดย อ.ธีรเดช กลิ่นจันทร์ นาฏศิลปินมากความสามารถรุ่นใหม่เก่งระดับรับบทรำได้สวยงามทุกบทตัวเอก พระราม อิเหนา พระลอ พระอภัย ขุนแผน พระอินทร์และระบำ ละครอื่นๆอีกมาก เก่งและแม่นท่ารำมากที่สุดเท่าทีผมเห็นจากหลายคลิปในยุคนี้ แต่ในความเห็นส่วนตัว หากเทียบ อ.สมเจตน์ ภู่นา ผมว่า อ.ธีรเดช เป็นที่หนึ่งตัวเอก อ.สมเจตน์ เป็นที่หนึ่งตัวพระ

พม่าปราบมอญถึงสิ้นชาติ
พม่าเก่งแต่รบชนะสิบทิศ แต่ไม่อาจรวมเชื้อรวมชาติให้มั่นคง เพื่อชนชาติอยู่ร่วมกันโดยสงบสุขได้ ยังรบกันไม่เลิก เก่งไปเพื่ออะไร
…..
     

     ปุปผิตัคคาฉันท์ ๒๕
ฉันทลักษณ์แบบ วัดโมลีโลกยาราม

ตามแต่โจทกฺ์จัดแจ้ง   จึ่งเจ้าโจษจาร
…..
         
ทุภวเพราะอริราช   ฉกาจ สิรุกราน
พยุุหะ พม่า ปะทะผลาญ    ก็หมาย สลายมอญ

ธ.ชนะ ลุ ทศะทิศ(อภิสิทธิ์)   ประสิธิ์(อุทิศ)อุทาหรณ์
อริยะนิเวศน์ พระนคร   ก็แต่ชะตานำ

(อยากได้คำ ทศทิศ แต่ให้อ่านทะศะทิศ ถ้าไม่ได้ เปลี่ยนเป็นอภิสิทธ์

พลภูมิฟูมฟักพิทักษ์ชาติ
ธรรมครองราชย์เย็นศิรพสกส่ำ
ภูมิพลหนสร้างเส้นทางกรรม
ราชครองธรรมอารยะสถาปนา

อาณาสยามอยู่ยั้ง   ยืนยง
ผองเหล่าราษฎร์พันธุ์พงศ์   พี่น้อง
มวลมิตรมั่นคนคง  เคียงคู่ ดูรา
ควรแต่งามความต้อง   แต่งแต้มกฏหมาย


แถม ระบำพม่ามอญ

          Leq5H9ERdHM



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2021, 10:23:AM
     

   Z4NLVJ-CD38
ศึกเก้าทัพ
ขออนุญาต ขอขอบคุณ ผู้สร้างและนักแสดง
เจ้าของลิขสิทธิ์ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการจัดทำคลิปนี้ขึ้นมา


ภุชงคประยาตฉันท์ 12 มีความหมาย "งูเลื้อย" มีทำนองที่สละสลวย มักใช้แต่งกับเนื้อหาที่มีการต่อสู้ บทสดุดี บทชมความงาม บทถวายพระพร และบทสนุกสนาน นอกจากนั้นยังสามารถใช้แต่งบรรยายความให้รวดเร็วได้

หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์

ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ

ตัวอย่างคำประพันธ
ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยล        คเนกลคนึงการ
กษัตริย์ลิจฉวีวาร        ระวังเหือดระแวงหาย
เหมาะแก่การจะเสกสัน        ปวัตติ์วัญจะโนบาย
มล้างเหตุพิเฉทสาย        สมัคคิ์สนธิ์สโมสร

 สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต
…..

อ.ชยุดี วสวานนท์    ขิมไฟบันลือโลก

         tAiWT5szXns


อ ทรงศักดิ์ เสณีพงษ์   ระนาดมนุษย์ไฟฟ้า

          BBTRYOcWuj4
 …..     

อาณาสยามอยู่ยั้ง   ยืนยง
ผองเหล่าราษฎร์พันธุ์พงศ์   พี่น้อง
มวลมิตรมั่นคนคง  เคียงคู่ ดูรา
ควรแต่งามความต้อง  แต่งแต้มกฏหมาย
…..
       

     
จะอยู่กับ ภุชงคประยาตฉันท์นี้มากหน่อยครับ
…..
พม่าหม่องคะนองนึก พิชิตศึกสยามพ่าย
กะเก้าทัพขยับย้าย ริรานรอนจะต้อนคน

ก็ถึงคราพม่าพลาด เสบียงขาดและขัดสน
หหลมามหาพล ก็เสียเปล่ากะเศร้าตรม

สงครามไฟไหม้นิวาสหวังกวาดต้อน
อารมณ์ร้อนเยี่ยงสัตว์มิตัดข่ม
ไฟสงครามลามผลาญราษฏร์ซานซม
ร้อนอารมณ์เยี่ยงคนตนดับเอง
.
เพลินเพลงไทยไขว่คว้า   หาหรรษ์
เชิดช่วงปวงประชัน   แช่มช้า
สานเสียงเช่นชำนัญ  นวลนุ่ม เนียนนอ
เทศทั่วเปรียบเทียบท้า  ที่แท้เทียมฤๅ
…..
โคลงวันนี้ คำอาจขัดตา
ขออนุญาตใช้ เพื่อทดลองฝึกฉันทลักษณ์  คาดว่าใช้เวลาฝึกชั่วชีวิตจะได้ดีกว่านี้สักวัน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 14 มีนาคม 2021, 03:24:PM
     

   ครูขวัญใจ คงถาวร ไม่น่าเชื่อ จาก เด็กนักเรียนร้อง และตั้งใจจะเป็นนักร้องเพลงสากล จะกลายเป็นนักนาฏศิลป์ไทยผู้รำไทยได้สง่างามอย่างไทยงาม สวยจนบรรยายไม่ถูก
เพิ่งเคยเห็นครูครั้งแรกจากคลิปนี้ รักเลย เอามาอวดเลย
และโดยส่วนตัว ยกให้ครู เป็นอิเหนาดีที่สุดในยุคปัจจุบัน  ผมจะเริ่มดูละครในเป็นก็อาจเป็นเพราะครูนี้เอง

อิเหนารำฝรั่งเดี่ยว
                             
    nnQy6gq-Wew

อิเหนาเคยต่อว่า จรกา กับ วิหยาสะกำ ว่าไปหลงรักนางบุษบา จนต้องมาทำสงครามกันได้อย่างไร แต่เมื่ออิเหนาได้พบนางบุษบา ตัวเองกลับหลงรักจนต้องทำอุบายเผาเมืองดาหา เพื่อชิงตัวนางบุษบาซะเอง
…..
     

    จะอยู่กับ ภุชงคประยาตฉันท์นี้มากหน่อยครับ
ยังใหม่ ขอฝึกทดลอง เน้นฉ้นทลักษณ์ รวมทั้งโคลงสี่ด้วย
ฉะนั้นเนื้อความอาจจะยังแปร่งอยู่ ต่อไปคงดีขึ้น


เทศทั่วเปรียบเทียบท้า  ที่แท้เทียมฤๅ
…..
     
ผไทคามสยามเขต   ประชาเจตน์พิสุทธิ์สื่อ
ละครย้ำระบำยื้อ   สยามเมืองประเทืองรมย์

อิเหนาท่าสง่าราชย์   สนานนาฏเสน่ห์สม
กระทำดีก็มีชม   มิว่าเขาอิเหนานำ

ว่าแต่คนตนค่อนอ่อนประสา
อิเหนาท้าทั่วทิศให้คิดขำ
ว่าแต่เขาเอาเรื่องเคืองตอกย้ำ
อิเหนาทำดีใช่ใส่ตัวเรา

อิเหนาองค์อ่าโอ้   วโรรส
หยาดเยี่ยงทรงยงยศ   ยิ่งย้ำ
งามเกินกว่าทิศทศ   เทพทั่ว เทียมนอ
คำร่ำลือเลิศล้ำ   แหล่งหล้าฤๅสวรรค์


จรการำฝรั่งจรกา

   
    03uoIN0_-_Y

   


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 22 มีนาคม 2021, 12:47:PM
     

     ครูเว ตัวพระละครในตลอดกาล อ.เวณิกา บุนนาค ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย) ปีพ.ศ.2558

ความเห็นส่วนตัว ท่านคือ อิเหนา สง่างามที่สุดในยุคนาฏศิลป์ราชสำน้กเริ่มถ่ายทอดสู่ส่าธารณะ

    xzWcc6CwXqk

ครูจูน อิเหนาสง่างามที่สุดยุคปัจจุบัน อ.ขวัญใจ คงถาวร
 สองศิษย์อาจารย์ งาม เหมือนถอดแบบกันมา เป๊ะๆ เก่งทั้งสองคน

    ZF2Af1wnQ5A

       

    ภุชงคประยาตฉันท์12
กลอนแปดสุภาพ
โคลงสี่สุภาพ
ยังคงเน้นฝึกฉันทลักษณ์ อาจจะยังด้อยเนื้อความ
คิดว่าจะอยู่ฝึกตรงนี้
มากหน่อย ต่อไปคงดีขึ้นเอง
…..


คำร่ำลือเลิศล้ำ   แหล่งหล้าฤๅสวรรค์
…..

สตรีผุดบุรุษผ่อง   สนิทจองเสน่ห์จรรย์
ถวายศิลป์ถวิลสรร   ระบำกรละครใน

ประณีตสมประณมสวย   พิสิษฐ์ด้วยพิสุทธิ์ใส
ถนอมจ้ดถนัดใจ   ระบิลชื่อระบือชน

ละครนอกออกแสดงแฝงเรื่องขัน
สามัญชั้นชาวบ้านทุกย่านหน
ละครในใคร่สนองผองชั้นบน
สามัญชนได้เห็นเป็นบุญตา

นาฏยาสง่าล้วน   รัญจวนใจ
รวมเหล่าสอางค์นางใน   แน่นั้น
ดุจดาวแห่งแดนใด   เดือนเด่น เรียงรา
ศิลป์แห่งตำหนักชั้น   เช่นเชื้อองค์อินทร์     
 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 เมษายน 2021, 09:03:PM
       

        cMYjlL6AjzM
มีผู้กล่าวไว้
อนุรักษ์ หมายถึงนำมาใช้ นำมาปฏิบ้ติ
เหมือน ภาษา วัฒนธรรม ย่อมเสื่อมสลาย สูญหาย หากไม่ใช้หรือไม่ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ชนชาติมอญพ่ายพม่า อพยพเข้าไทย เฉลิมฉลองวันชาติตน ฟื้นฟูวัฒนธรรม ภาษา แม้อยู่ในแผ่นดินไทย สิ้นแผ่นดินของตนเองยังไม่สิ้นชาติ วันใดสิ้นว้ฒนธรรม ภาษานั่นคือสิ้นชาติ

วรรณศิลป์ไทย ตามหลักการ อนุรักษ์นี้พูดได้ว่าเสื่อมถอยไปมาก ที่ยังแต่งกันอยู่บ้างก็ กาพย์ กลอน นอกนั้นน้อยลงถึงขั้นแทบไม่มี โดยเฉพาะน่าเสียดายคำประพันธ์ที่ไพเราะที่สุดในโลก คือโคลง ฉันท์ไทย
ฉันท์ไทยทุกครั้งที่ค้นคว้าศึกษา ก็มีหรืออ้างแต่ สามัคคีเภทคำฉันท์ของนายชิต บุรทัต
ศิลปินแห่งชาติยังไม่ หรือไม่ค่อยจะแต่ง นอกจากอวดฝีมือในวันสำคัญ ไม่ถึงขั้นงานวรรณกรรม
ภุชงคประยาตฉันท์ 12 ผมว่าเหมาะสำหรับ มือใหม่เริ่มหัดแต่งฉันท์ ฉันทลักษณ์ที่ไพเราะในตัวเองโดยอัตโนมัติ เพียงเพิ่มสัมผัสใน ลงตำแหน่งที่สามกับห้า ตามกฏการวางสัมผัสอย่างกลอนสุภาพเท่านี้ก็หวานสะบัด ไม่ต้องถึงกับเล่นคำจน รกสัมผัสจนสะบัดสะบิ้งเกินงาม อ้นนั้นผมทดลอง เล่น
เห็นบ้านฯชวนแต่งโคลง แต่งฉันท์ ขอร่วมเชิญชวนด้วยคน
แต่งอวดให้ ศปช.รำคาญ
อนุรักษ์คือใช้งาน มิใช่วิจิตรแต่ ในหอ

           

            _T9UDgf2pCw

ศิลป์แห่งตำหนักชั้น   เช่นเชื้อองค์อินทร์     
 .....
ประเพณีวิถีราษฎร์ ประวัติศาตร์วิทัศน์ศิลป์
ประเจิดธรรมประจำถิ่น สถิตย์พาสถาพร

ประชาสรรประชันศิลป์ อุทิศจินตน์อุทาหรณ์
ประพนธ์ฉ้นท์ประพันธ์กลอน ประเดิมบรรพประดับบรรณ

วรรณศิลป์ถิ่นนี้ มีมนต์
กาลเก่ากานท์กลอนกล แก่กล้า
กวีสานสื่อดาลดล ดีเด่น ดูรา
ควรส่อคืบสืบคว้า ไขว่ค้นสนทนา

กลอนกาพย์โคลงโยงกานท์สำราญจิต
ฉันท์ภาษิตแบบบทกฏสิกขา
กลอนกาพย์คล่องต้องลักษณ์อ้กษรา
ฉ้นท์ภาษานาย"ชิต"ศิษย์ยกครู


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 20 เมษายน 2021, 02:05:PM
     
     
ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ใช่หมายความว่าไม่มี

        1vxhNb7SYw4

หลังจากวันก่อนได้รู้จักโคลงหนึ่งสุภาพ
วีนนี้จึงเพิ่งรู้ว่ามี โคลงห้า

ลักษณะการแต่ง    โคลงห้า (โคลงมณฑกคติ)  เป็นคำประพันธ์ที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมไทยเพียงเรื่องเดียวคือ
                             ลิลิตโองการแช่งน้ำ พระโหราธิบดีได้กล่าวถึงลักษณะของชนิดโคลงนี้ไว้ในหนังสือจินดามณีว่า
                             ประกอบด้วย วรรคหรือบาทละ ๕ คำ บังคับเอกโท เช่นเดียวกับโคลงทั่วไป  แต่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้
                             และบอกไม่ได้ว่ามีการวางรูปแบบเป็นอย่างไร
   แผนผัง               ไม่มี  เนื่องจากไม่สามารถบอกได้ว่ามีการวางรูปแบบอย่างไร


ลักษณะโคลงห้าพัฒนา
พัฒนาโดย  จิตร ภูมิศักดิ์

กรุงเทพฯคลุ้ง                          คาวหืน
ควันกามกลืน                           กลบไหม้
คาวกลางคืน                             คลุมทาบ
เมืองร้องไห้                              เหือดขวัญ

น้ำฟ้าฟาด                               ฟองหาว
คือกามฉาว                               ชุ่มฟ้า
กลิ่นสาบสาว                            กำซาบ
กามย้อมหล้า                            แหล่งสยามตลาด

คณะ หนึ่งบทมีสี่บาท  หนึ่งบาทมีห้าคำ  แบ่งเป็นวรรคหน้าสามคำ วรรคหลังสองคำ

เอกโท หนึ่งบทมีเอกสี่ โทสี่ (ดูตำแหน่งตามแผนผังต่อไป)

สัมผัส เหมือนโคลงสี่สุภาพ

สร้อย เหมือนสร้อยโคลงดั้น

แผนผังโคลงห้าพัฒนา

O O่ O้                                  O O

O O O                                       O่ O้

O O O                                       O O่

O O้ O้                                   O่ O

หมายเหตุ

1)  เอกและโทในบาทที่หนึ่งสับที่กันได้เหมือนโคลงอื่นๆทั่วไป

2)  โทคู่ในบาทสี่   อาจอยู่แยกกันได้ดังนี้

O้ O O้                                              O่ O

เช่น  “ ฟ้าโรจน์ร้อง ร่ำหา “

3) สร้อยของบาทที่หนึ่งและที่สาม เหมือนสร้อยโคลงทั่วไป  แต่เฉพาะสร้อยของบาท ที่สี่   จะต้องเป็นสร้อยแบบโคลงดั้น กล่าวคือ เป็นคำสุภาพ (ไม่มีเอกโท, ไม่เป็นคำตาย) และต้องซ้ำพยัญชนะกับสองคำสุดท้ายของบาทที่สี่ โดยเฉพาะคำสุดท้ายจะต้องเป็นคำเดียวกัน ดังตัวอย่าง “ฟ้าโรจน์ร้อง  ร่ำหา  รนหา” หรือ  “กามร้อนไล้   ลูบเมือง  โลมเมือง”

และยังมีโคลงที่คล้ายโคลงสี่ ที่ต่่างสัมผัส ต่างเอกโท อีกนับสิบซึ่งข้าพเจ้าเพิ่งรู้ เพิ่งเหฺ็น

         
   

         YH0eybUJs70


โคลงหนึ่ง-สอง-สาม-สี่สุภาพ...โคลงห้าพัฒนา


มนลมุลอุ่นเอื้อ   เจือใจ

สานสายใยสื่อสร้าง   เสริมศิลป์

วิจิตรจินต์ฝ่ายฟ้อน   รำร่ายอายออดอ้อน
นี่แท้ไทยหรู   เลิศแล

นาฏบรมครูฝ่ายเจ้า   แบบอย่างวางโครงเค้า
เพื่อสร้างสถาน ศิลป์นอ

ปรมาจารย์กำหนด   แบบเกณฑ์กฏท่านสร้าง
รำแม่บทอวดอ้าง   แม่ไม้รำไทย

ขานไขใจประจักษ์   ราชสำนักหนึ่งผู้
สืบถ่ายทุกคนรู้   แจ่มแจ้งแสดงผล

เหลือกมลล้นค่า   คนาคุณ
นามท่านครู"ลมุล"   แม่-ละม้าย
"ยมะคุปต์"ชื่อสกุล   กาลก่อกำเนิดนอ
คำ"แม่" เสมือนคล้าย   เครื่องคล้องปองใจ
       
 ใครหนึ่งผู้   ปูชนีย์ 
ควรสดุดี    เด่นเหย้า
เสริมศักดิ์ศรี   ศิลป์สง่า
ดังแก้วเก้า   ก่องกมล


ก่อง   หมายถึง    ใส, สว่าง, งาม


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 พฤษภาคม 2021, 08:26:PM
   
       

     
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

 “สมเด็จครู” นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม

ปลายยุคศิลปวัฒนธรรมราชสำนัก เนื่องด้วยอิทธิพลตะวันตก
พระองค์ทรงปฏิรูปศิลปวัฒนธรรมผสมผสานแบบอย่างตะวันตกโดยยังคงความงามสง่าแบบไทยไว้ได้  จนปัจจุบันศิลปวัฒนธรรมแบบไทยยังเป็นที่ยอมรับ สนใจจากทั่วทุกมุมโลก


         aTYzqV5eft8


ในด้านละครทรงร่วมมือกับเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน  กุญชร) ในการจัดแสดงละครดึกดำบรรพ์ คือทรงช่วยในการแต่งและปรุงบท  ออกแบบฉาก  และควบคุมด้านศิลป์ทั่วไป  โดยประสานกับพระประดิษฐ์ไพเราะ (ตาด) ในทางดนตรี  หลวงเสนาะดุริยางค์ (ทองดี) ในทางขับร้อง และหม่อมเข็มในเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ในทางคิดท่ารำ และแต่งหน้าตัวละคร เป็นต้น
 สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2490 พระชนมายุได้ 84 ปี  ทรงเป็นต้นราชสกุลจิตรพงศ์
ในพ.ศ. 2506  เนื่องในวาระฉลองวันประสูติครบ 100  ปี องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ  (UNESCO)  ได้ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก
…. https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/cre_det.php?cr_id=64 (https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/cre_det.php?cr_id=64)



          ระบำครู  นาทีที่ 0.58.55 - 1.17.00

   
          Pc9b-o5g4WM

หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา (หม่อมเจ้าในพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์) เป็นผู้ควบคุมฝึกหัดคิดท่ารำ
…...

ขอยังอยู่กับโคลงนะครับ  ทุกฉันทลักษณ์ ผมจะฝึกเขียนติดต่อกันสามกระทู้                     

     

   
1)  โคลงหนึ่งสุภาพ   2)  โคลงสองสุภาพ   3)  โคลงสามสุภาพ   4)  โคลงสี่สุภาพ   5)  โคลงห้่าพัฒนา 
…..
ดังแก้วเก้า   ก่องกมล


1)...เหมือนเมฆฝนเคลื่อนคล้อย   ลอยลม
   ...ฝอยฝนพรมพร่างพร้อย   พรายพรำ
   ...คะนึงคำสื่อสร้อย   สรรเสริญ
   ...จึงเทิดเทินแซ่่ซ้อง   "สมเด็จครู"

2)...ศิลป์เลิศหรูค่าล้ำ   ศาสตร์เยี่ยมโยธาย้ำ
   ...ทั่วแคว้นแดนดิน

   ...นาฏศิลป์สง่าล้น   แนวใหม่ละครต้น
   ...ชื่อตั้ง"ดึกดำบรรพ์"

3)...วิจิตรสรรนาฏกรรม   ละครรำร่ายร้อง
   ...แบบอย่างสากลพ้อง   ไม่แพ้แดนใด

   ...ละครในปรับแปลง   นักแสดงต่างแก้   
   ...ขับร่ายเพลงเองแท้     ฝ่ายฟ้อนไปพลาง

4)...คำครูวางนี่น้ำ   พรำพรม
   ...เหมาะว่ามนต์เสกสม   สื่อสร้าง
   ...วัดวังยิ่งชวนชม   ชนชื่น เริงแล
  ...ศรีแห่งคามนามอ้าง   เอ่ยเอื้อน"องค์นริศราฯ"

5)...คราท่านสร้าง   ทางไทย
   …สากลไกล   (กึ่งแกล้ม แก้เป็น) กล่าวกล้า
   ...จึงขานไข  (คุณค่า แก้เป็น) ควรคู่
   ...องค์เจ้าฟ้า   "ช่างสยาม"
   

แก้ไขความผิด นี่แหละที่ต้องแต่งถึงสามครั้งติดต่อ
ครั้งแรกไม่รู้ ครั้งสองไม่จำ ครั้งสามอวดดี


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 พฤษภาคม 2021, 07:50:PM
       

              mEMyPsYDZjI

              dvY2fNpLGCc


คำ อัปสรา ถูกใช้ในหลายความหมาย...ในที่นี้หมายถึงนางงามบนสวรรค์ โดยมิได้เจาะจง หมู่หรือสถานะใดๆ หรืออาจหมายความนางฟ้าโดยรวม...เชื่อว่าใช้ได้ ไม่ผิด…
คำ...แช่มช้า...หมายความว่า  กิริยาเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ และสง่างาม เช่น นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า (โลกนิติ). เนิบ ๆ ว. แช่มช้า, ช้า ๆ อย่างมีจังหวะ เช่น เดินเนิบ ๆ พูดเนิบ ๆ.
อ.เสรี หวังในธรรมเคยกล่าวถึงความงามสง่าของนาฏศิลป์ไทย โดยใช้คำบรรยายว่า "แช่มช้า"...ผมชอบเลยจำมา

คำประพันธ์บทพากย์เอราวัณ. ผึ้งภู่หมู่คณา "เหมหงส์"
ขุนแผนลักนางวันทอง…..ไปเป็นเพื่อนพี่บ้างในกลางดง    ชม "หงส์เหม" เล่นให้เย็นใจ


ใครว่าสาวในบทชมความงามของผม สวยแปลก อย่าแปลกใจ แฟนผมสวยแปลกใคร
                 
                 pozltt9hrH4
               

  

    องค์เจ้าฟ้า   "ช่างสยาม"
…..

1...อ้ปสรางามแช่มช้อย   ลอยลง
  ...เทพสะอางองค์นิ่งน้อม   มานกมล
  ...พระภูมิพลสู่ฟ้า   เสวยสวรรค์
  .. สถิตย์นิรันดร์แน่ไซร้   ทรวงประชา

2...เพราพักตราพร่างแพร้ว   จรรเอื่อยจำเรียงแจ้ว
  ...ก่องแก้มเนียนนวล

 …ชายเชิงชวนยั่วยิ้ม   พรูพรั่งขจายพรายพริ้ม
แช่มช้ากรีดกราย

3...เผยเพียงผายจริตเจรียง   อายควรเอียงเบี่ยงแก้ม
   ...เสน่ห์สรวลยวนแย้ม   เช่นชั้นเหมหงส์

   …อรองค์อรชร   ผจงจีบกรถ่ายเท้า
   ...วาดส่งวงแขนเข้า   ย่างฃ้ายขวาตาม

4...หญิงสยามงามสง่าล้วน   ชวนชม
   ...กรก่งองค์เอวกลม   กล่อมกล้อง
   ...รูปรัดเครื่องทรงสม   สองสู่ สนิทนอ
   ...เพียงพี่เคียงควรน้อง   เสน่ห์โน้มโลมรา

5...หลงเสน่ห์น้อง   จองจิต 
   ...ขอสนิท   ไขว่คว้า
   ...สำนึกคิด   ผิดคู่
   ...เหลียวใต้ฟ้า   เปล่าอ้ปสร     



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 24 พฤษภาคม 2021, 07:33:PM
     

   








          UNipHrj6_2M

1...ภุชงคประยาตฉันท์12   2...โคลง4 สุภาพ   3...กลอน8 สุภาพ
…..


ฉ้นท์ภาษานาย"ชิต"ศิษย์ยกครู
…..


1...ประหนึ่งเพราจะเข้าพรุ่ง   อรุณรุ่ง ณ เช้าตรู่
วิสัยสัตว์อุบัติรู้   ก็ก้าวเดินเจริญวัย

สุรีย์ฉายประกายแสง   กระจ่างแรงวิศิษฐ์ขัย
ประจัญพลประจญภัย   ก็ใจหาญมิลาญสูญ

กะกาเรียนจะเขียนวาด   ประวัติศาสตร์และธรรม_นูญ
กะฤทธาพณาสูร   เฉลิมโอ้ ณ โลกา

ฤ ว่ารักสมัครปอง   สนิทน้องเสน่หา
เสนอต้องสนองตา   เพราะวัยฝันฉกรรจ์กาม


     ll4hqyspKUg

2...ยลยินยามผ่านเพี้ยน   เวียนวัย
แปรเปลี่ยนจนจบขัย   ค่ำเช้า
สองสาวหนุ่มพานภัย   พึงเพื่อน ผนึกนอ
สองสู่สมภิรมย์เร้า   ร่ำร้อง เริงเรียง

3...สองแขนเกี่ยวเฉลียวคาดฉลาดเฉลย
     สองจิตเผยพ้องพานประสานเสียง
     สองแขนกอดยอดขวัญมั่นครองเคียง
     สองจิตเพียงอย่าทำเสียน้ำตา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 มิถุนายน 2021, 09:17:PM
         

     




          xAJEvJNQCzU

ชวนชม
ละครพันทาง นาฏศิลป์พื้นบ้าน

ผศ.คมคาย กลิ่นภักดี นางพญาคำปิน ดูองศาท่าร่าง วงแขน วงจีบ งามคุ้มคุณค่าได้ชม
อ.นันทา น้อยนิตย์ สาวคำยวง  น้อยซะที่ไหน ฉอเลาะ ออดอ้อนเห็นแล้วรักเลย

          whVlSmkJHsg
   
1...ภุชงคประยาตฉันท์12     2...โคลง4 สุภาพ     3...กลอน8 สุภาพ

    สองจิตเพียงอย่าทำเสียน้ำตา…….


1...
สตรีหนึ่งมิพึงปอง   บุรุษสองเสน่หา
สตรีนั่นมิฉันทา   บุรุษทรามก็ลามลวง

เจริญวัยวิสัยสาว   จริตราวสุรางค์สรวง
เจริญวาร ณ กาลปวง   จริตเรืองประเทืองรมย์

ฉะอ้อนอายชม้ายเมียง   บุรุษเคียงจะครองสม
ฉะอ้อนออดเฉาะฉอดชม   บุรุษคิดจะชิดเชย

ถนอมน้องประคองนาน   ฉลองการวิวาห์เผย
ถนอมนางมิวางเลย   ฉลองกอดตลอดคืน

2...
ฝันสุดฝืนจ่อมจ้อง   กองกาม
สองต่างสนองสมความ   ไขว่คว้า
รักจริตแห่งหญิงงาม   สงวนค่า ควรนอ
งามกว่าแพรวแพรผ้า   ผ่องแผ้วพอพึง

3...
หญิงเอยงอนอ้อนอายเมื่อชายง้อ   ชายก็ท้อแท้จริงเมื่อหญิงหึง
หญิงเอยงามยามสง่าอย่าบึ้งตึง   ชายก็ถึงทีแย่แพ้ตลอดกาล















หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 14 มิถุนายน 2021, 09:02:AM
       

     

           CvIWcQGs-3c
          qxCbMGwvL8Q

แต่งกลอนรักไพเราะแปลกๆพรรค์นี้
เมียก็สวยแปลกๆพรรค์นั้น

1...ภุชงคประยาตฉันท์12    2...โคลง4 สุภาพ    3...กลอน8 สุภาพ.....
ชายก็ถึงทีแย่แพ้ตลอดกาล
.....

1.
มนุษย์สัตว์วิว้ฒน์ครบ   อุบัติภพมหาศาล
มนุษย์สาดวิวาทการณ์   อุบัติเภทเพราะเหตุชัง

สถานกว้างนภางค์โชน   วิหคโผน ณ ฝันฝั่ง
สถานไกลวิไลหวัง   วิหคเพลินจะเหินหาญ

พลังเริ่มประเดิมแรก  มิอาจแยกอุดมการณ์
พลังรักสิเสริมสาน   มิอาจหยุดมนุษย์เรา

วิวาห์สมนิยมแน่   เพราะรักแด่เสน่ห์เจ้า
วิวาห์สวยก็ด้วยเรา   เพราะรักดัดวิวัฒน์ตน

2.
ยลหญิงชายชื่นชู้   ดูดี
รักแต่แรกยวนยี   ยั่วยิ้ม
แลกรักซึ่งถึงที   เทียมเท่า เถิดรา
สง่าสกาวพราวพริ้ม   พร่างพริ้งหญิงชาย

3.
บ้านหลังเก่าเราสร้างกว้างเท่าฝัน
โลกถึงวันอิ่มรักไม่ฝักฝ่าย
บ้านหลังก่อนนอนคุ้นอุ่นสบาย
โลกถึงวายเมื่อร้างใจห่างกัน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 20 มิถุนายน 2021, 06:43:AM
       

      ภุชงคประยาตฉันท์12 ลองแต่งมาถึงจุดที่่ ยอมรับกับตัวเองว่า พอจดจำฉันทลักษณ์และเทคนิค แต่ ไม่สามารถแต่งให้ได้ คำไพเราะ เสนาะความได้แล้ว ขอพักฝึกใหม่
ก็น่าจะคาดคิดได้ ที่มีผู้กล่าวว่า ท่าน"อุชเชนี"เป็นผู้แต่งภุชงคประยาตฉันท์ได้ไพเราะเด่นมาก ข้าพเจ้าไม่เคยได้เห็น ก็เชื่อว่าสมแล้ว รู้สึกได้ว่าต้องเป็นระดับผู้"เจียรนัยเพชรแห่งภาษา" เช่นนี้แหละ

ผานอง1 a-QYbN0Bscw
ผานอง3 D0DhrT7zOdM

1...ภุชงคประยาตฉันท์12     2...โคลง4 สุภาพ     3...กลอน8 สุภาพ.....
โลกถึงวายเมื่อร้างใจห่างกัน .......


         

   
1.
สวัสดีวจีพร้อม คะครับน้อมจะรับขวัญ
นะน้องยิ้มประพิมพลัน พิชิตภพประสบผล

เจริญจิตพิชิตการ เจริญวารพิชิตกล
ประเทืองหล้าประชาชน ไผทเลิศก็เกิดคง

สวัสดิ์ศรีวิถึใหม่ วิวัฒน์ใจเจาะเจตน์จง
พิสุทธิ์สิทธิ์พิสิษฐ์พงษ์ ก็เห็นกรรมและธรรมมา

กระจี๊ดริดมิคิดสู้ หะเหยผู้ทุทาสา
กระจ้อยร่อยมิค่อยกล้า หะเหยพ่ายสลายจินต์

2.
ดินจรดแดนแผ่นฟ้า อาณาอนันต์
ทรงเสื่อมหานิร้นดร์ ร่อยร้าง
อาณาจิตใหญ่เกินฝัน ฝักใฝ่ ฝึกรา
มนุษย์ต่างสัตว์สรรค์สร้าง สื่อสิ้นจินตนา

3.
เพียงเธอพริ้มยิ้มนิดชีวิตผัน
โลกที่ฝันร่วมเจอเธอหรรษา
เพียงเธอพรายปรายโปรยโรยยิ้มมา
โลกที่ฝ่าคือฝันอันเป็นจริง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 27 กรกฎาคม 2021, 04:15:PM
         

                0pA2KHxKKW4
                YrrQgTRgS9k

                     ทรงพระเจริญ

     ถวายพระพรอ่อนน้อม     จอมจักรินทร์
      จอมแมทัพธรนินทร์        หนึ่งนี้
       ฉลองเริ่มเฉลิมศิลป์    เสริมส่ง องค๋เอย
       เทพช่วยอวยชัยชี้     ชื่นช้อยพลอยเกษม

       เฉลิมพระชนม์ล้นเกล้าเราฉลอง
       พระเกียรติก้องสูงส่งดั่งหงส์เหม
       พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทั่วปริ่มเปรม
        ด้วยใจเอมอวยองค์...ทรงพระเจริญ


      quote author=@free link=topic=30468.msg224267#msg224267 date=1587856936]
   

   fq3qxdMzK-E

คราวนี้ไม่ใช่กาพย์ห่อโคลง
คือกาพย์ ดอกแคร่วง พ่วงโคลงสี่สุภาพ แห็ม
ยังไม่จบโคลงสี่สุภาพ เพราะยังแต่งได้ไม่ครบถ้วน
ทีนี้งานเยอะ
โคลงสี่สุภาพไม่ใช่แค่แต่งเรียบง่ายตามฉันทลักษณ์เท่านั้น
ขณะแต่งไปเปิดตำราไป ข้าพเจัาก็เพิ่งรู้
โคลงสึ่สุภาพแต่งกันหลายลีลา เยอะเลย
ก็เลยต้องแต่งตามไป ค่อยสอดแทรกแถมไปบ้าง
ด้วยฝีมือระดับข้าพเจ้าใช้เวลาไม่น้าน
แค่หมดเท่าที่มีทั้งชีวิต ไม่เกินนี่

     zdX0ChJISNY

เทพยิ่งสดับรับรู้   ร่วมร้องเริงรำ
.....
เล่นเพลงเคร่งคำ   
ครูแจงแบ่งนำ   จุนเจือ

สองแขนแน่นเนื้อ   
ก้าวตรงลงเรือ   พายไป

เห่ฉ่าฮ้าไฮ้
ร่วมลำ นำไทย   ช่วยกัน

คละทุกข์สุขสันต์
มีสิบสี่วัน   ทุเลา   

ใครเขารือเท่าพ้อง    สนองนาน
ชนอื่นฝืนพบพาน     แพร่เชื้อ
กักสิบสึ่วันวาร          วอนอยู่ ดูรา
เราช่วยอวยเองเอื้อ   เพื่อฟื้นคืนเมือง

[/quote]


         

     โพสนี้ว่าจะเขียน กาพย์ดอกแคร่วง จึงไปค้นข้อมูลในกูเกิล เจอกระทู้นี้ของตัวเอง หน้าที่1 โพสทึ่8, 9,และ10
อ้าง
   ดูก็แต่งไว้ดีแล้ว เพราะแต่งใหม่อีกก็คงไม่ดีกว่า

และได้เห็นว่าติดค้างเรื่องจะฝึกหัดโตลงสึ่สุภาพอันหลากหลายฉ้นทลักษณ์ ลีลา ลึกลับซับซ้อน ถึงขนาดต้องชะงักติดในในค้างอยู่นาน
 วันนี้สมควรจะเริ่มเสียที  ซึ่งหากจะแต่งแต่โคลงสี่สุภาพอย่างเดียวก็ไม่ีู้จะจลเมื่อไร คนอ่านจะเบื่อ ฉะนั้นจะแต่งสลับกับคำประพันธ์ชนิดอื่น

          โคลงสี่สภาพ

บทความ "นวัตกรรมในโคลงของสุนทรภู่" ของ (ศาสตราจารย์ ดร.) ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต เป็นส่วนหนึ่งของผลการวิจัยเรื่อง
“นิราศสุพรรณ: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของสุนทรภู่ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ”
ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากฝ่ายวิจัย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปลายปี 2554 จนถึงต้นปี 2555

และผู้วิจัยได้ปรับจากการนําเสนอเรื่องนี้ ในที่ประชุมของสํานักศิลปกรรมแห่งราชบัณฑิตยสถาน เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2555.

สุนทรภู่สร้างนวัตกรรมด้านรูปแบบโคลงสี่สุภาพและนวัตกรรมด้านเนื้อหาของโคลงนิราศในนิราศสุพรรณ ในด้านรูปแบบ สุนทรภู่สร้างโคลงที่มีลักษณะเฉพาะของตนเองขึ้น ได้แก่ เพิ่มข้อบังคับพิเศษซึ่งเป็นสัมผัสใน 3แห่งและสัมผัสเสริมซึ่งเป็นสัมผัสข้ามวรรคในโคลงแต่ละบท ทำให้พบโคลง 30 แบบของสุนทรภู่ และโคลง 2 แบบที่สุนทรภู่ชอบแต่ง คือ โคลง “สพพพ” และ “พพพพ” นอกจากนี้ ยังพบว่าสุนทรภู่ได้แต่งโคลงกลบทเป็นจำนวนมากในนิราศเรื่องนี้ มีทั้งโคลงกลบทเดี่ยวและโคลงกลบทผสม 2 ชนิดในโคลงบทเดียวกัน


         

      เริ่มแรกลองแต่ง 1บท ตามแบบแผน ผสมผสานฉันทลักษณ์เท่าที่เห็น รวมลงใน 1บท
    

    เชิญไชโยโห่ก้อง    กรองกลอน
     สรรพสื่อนำคำสอน    แซ่ซ้อง
     ถวายร่ายพระพ่ร        พึงเพิ่ม เฉลิมรา
     สนานร่ำสำนวนร้อง    เร่งรู้ชูฉลอง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 กรกฎาคม 2021, 07:56:PM
       

                  โคลงสี่สุภาพ ของสุนทรภู่

ผลการวิจัยสรุปได้ว่าสุนทรภู่สร้างนวัตกรรมในโคลงดังต่อไปนี
  1.   นวัตกรรมด้านรูปแบบโคลง           สุนทรภู่สร้างรูปแบบโคลงสี่สุภาพของตนเองขึ้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1.1 รูปแบบโคลงสี่สุภาพทีไม่ใช่โคลงกลบท    โคลงสีสุภาพของสุนทรภู่ทีไม่ใช่โคลงกลบทมีคุณลักษณะสําคัญต่อไปนี
 
1.1.1 โคลงที่มี 32 คําในหนึ่งบท จากการศึกษาจํานวนคําในโคลงสี่สุภาพแต่ละบทของสุนทรภู่ พบว่าสุนทรภู่นิยมใช้โคลงที มีจํานวนคํา 32 คําในหนึ่งบทมากที่สุด คือ เป็นโคลงที่มีคําสร้อยเฉพาะท้ายบาทสาม พบมากถึง 456 บทจาก 462 บท คิดเป็นร้อยละ 98.7 ดังตัวอย่าง

   ๏เทียวสนุกทุกสนัดแท้  แต่เรา
          เร่ร่อนนอนป่าเขา   เค่าไม้        
หลงเลี้ยวเทียวเดินเดา   ดึกดื่น สอื้นเอย               
หาพระปรอทได้    เดือดร้อนอ่อนหู

นอกจากนี้มีโคลงสี่สุภาพที่มีจํานวนคํา 30 คําอยู่บ้าง คือ เป็นโคลงสี่สุภาพที่ไม่มีคําสร้อยเลย มีอยู่ 5 บท ได้แก่ โคลงบทที 22 88 90 142 และ 296 คิดเป็นร้อยละ 1.08
นอกเหนือจากนี้มีโคลงสี่สุภาพที่มีจํานวนคํา 34 คําด้วย คือ เป็นโคลงที่มีคําสร้อยทั้งท้ายบาทหนึ่งและท้ายบาทสาม แต่มีเพียง 1 บทเท่านั้น ได้แก่ บทที่ 73 คิดเป็นร้อยละ 0.22 เท่านั น   การจําแนกประเภทโคลงของสุนทรภู่โดยใช้จํานวนคําในบทเป็นเกณฑ์ ทําให้พบว่าสุนทรภู่นิยมใช้โคลงที มีจํานวนคํา 32 คําในบทมากที่สุด โดยใช้คําสร้อยในบาทสาม    ทําให้เห็นว่าเป็นโคลงทีแต่งอย่างเป็นระบบระเบียบมาก
1.1.2 โคลงที่เพิ่มข้อบังคับพิเศษให้มีสัมผัสใน 3 แห่งในโคลงบทเดียวกัน แม้ว่าประทีป วาทิกทินกร (เรื่องเดิม: 113)กล่าวว่า โคลงของสุนทรภู่มีสัมผัสสระ 4 แห่ง คือ ระหว่างคำที่2-3ของทุกบาท มีสัมผัสสระระหว่างคําสุดท้ายของบาทกับคําแรกของคําสร้อย มีสัมผัสสระระหว่างคําที 7-8 ในบาทสุดท้าย และมีสัมผัสสระระหว่างวรรคหน้าและวรรคหลังในบาทที 1  แต่ผู้วิจัยพบว่าในโคลงสุนทรภู่มิได้มีสัมผัสระหว่างวรรคในบาทที 1 อย่างสมํ าเสมอในโคลงทุกบท คือ มีในโคลงเพียง 231 บท  คิดเป็นร้อยละ 50 เท่านั น จึงไม่สามารถใช้โคลงจํานวนนี้เป็นตัวแทนโคลงของสุนทรภู่ได้

สุภาพร มากแจ้ง (2535:  270)  กล่าวว่าโคลงของสุนทรภู่มีสัมผัสใน 3 แห่ง คือ สัมผัสสระระหว่างคําที 2-3 หรือ 3-4 ของทุกบาทเหมือนดังที พบในโคลงของพระศรีมโหสถ รวมทั้งในโคลงพระราชนิพนธ์ของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และระหว่างคําที 7-8 ของบาท  
    ทั้งยังมีสัมผัสพยัญชนะระหว่างคําที 5-6 ของแต่ละบาทด้วย  แต่จากการ ศึกษาของผู้วิจัย พบว่าสัมผัสพยัญชนะระหว่างวรรคไม่ได้มีในทุกบาทของโคลงสุนทรภู่ และที มีก็พบในโคลงเพียง 100 บทเท่านั น  คิดเป็นร้อยละเพียง 21.64 จึงไม่สามารถนับเป็นตัวแทนของโคลงสุนทรภู่ได้เช่นเดียวกัน ผู้วิจัย (เรื องเดิม: 196) พบว่าแท้จริงแล้วสัมผัสในที เป็นข้อบังคับเพิ่มเติมในโคลงสี่สุภาพของสุนทรภู่มีเพียง 3 แห่ง เหมือนดังที รัตนา ศาลิกร (2545: 71-76) กล่าวไว้ ได้แก่ สัมผัสระหว่างคําที 2-3 ในวรรคหน้า ระหว่างคําที 7-8 ในวรรคสุดท้าย   และระหว่างคําท้ายบาทกับคําสร้อย แต่รัตนา ศาลิกร มิได้แสดงผลการเก็บข้อมูลดังกล่าวที เห็นเป็นระบบอย่างชัดเจน   ผู้วิจัยได้ศึกษารายละเอียดจากโคลงทุกบทของสุนทรภู่และได้ผลสรุป ดังนี .......
                         (ยังมีต่อ)



ถึงตรงนี ข้อบังคับสัมผัส บางฉันทลักษณ์บอกว่ามี บ้างบอกไม่มี ผมจึงขอสรุปเแบบแผนเพื่อใช้แต่งโคลงสี่สุภาพสำหรับส่วนตัวเองว่า  ข้อบังคับที่บอกวา "ไม่มีคือ มีก็ได้ไม่ ก็ไดิ"  ที่บอกว่า "มีคือต้องมี"
.....
ลองดู

มะลิซ้อน2ชั้น
               cJEZlYMIIPQ

เสมอนานาชาติ
                Xk8MV38rUxw
     เชิญไชโยโห่ก้อง    กรองกลอน
     สรรพสื่อนำคำสอน    แซ่ซ้อง
     ถวายร่ายพระพร        พึงเพิ่ม เฉลิมรา
     สนานร่ำสำนวนร้อง    เร่งรู้ชูฉลอง
..........


       

        ผองผินบินฟ่องฟ้า     ถลาเเถลิง
แถต่ำทำเชือนเชิง     แช่มช้อน
ภมรว่อนกระเจิง         กระนจายจู่ สูเอย
โรยกลิ่นรินมะลิซ้อน   ซ่านซ้ำรำไร

            เทิดไทยชูสู่ฟ้า     สากล
ชวนย่องเพลินเชิญยล     เยี่ยมเหย้า
ไปมาอย่าหายหน            เหินห่าง รางรา
เรือนหมู่เรียงเคียงเค้า       คู่คล้ายสหายเสมอ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 สิงหาคม 2021, 11:02:AM
    


[/size
บาทสกุณี    เพลงหน้าพาทย์ชั้นสูง แสดงจริยวัตร อากัปกริยา อัน นุ่มนวล งามสง่า อ่าองค์ ยงยศ ของ พระอินทร์ กษัตริย์ กษัตรี เป็นต้น
                6HzRK-BT-4k

สีดาลุยไฟ  ขบวนแห่สีดา เพลงหน้าพาทย์เสมอ สีดาลุยไฟ เพลงเชิดฉิ่ง...บันดาลเป็นโกสุมปทุมทอง                                                                         gOW9ysfhZj4

บทความ "นวัตกรรมในโคลงของสุนทรภู่" ของ (ศาสตราจารย์ ดร.) ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต เป็นส่วนหนึ่งของผลการวิจัยเรื่อง
“นิราศสุพรรณ: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของสุนทรภู่ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ”.....(ต่อ)

สัมผัสในแห่งที่1      เป็นสัมผัสในชนิดสัมผัสสระระหว่างคําที 2-3  ร้อยละ 90.31    เป็นสัมผัสในชนิดสัมผัสพยัญชนะระหว่างคําที 2-3   ร้อยละ  2.76         เป็นสัมผัสในชนิดสัมผัสพยัญชนะในตําแหน่งอื่น      ร้อยละ  6.44         (คือระหว่างคําที 3-4 บ้าง   คําที 1-3 บ้าง   หรือคําที 2-4 บ้าง)    ขาดสัมผัสชนิดนี 8 บาท ชํารุดจนอ่านไม่ได้ 1 บาท   ร้อยละ   0.48
      
สัมผัสในแห่งที่2
คือ สัมผัสระหว่างคําที 7-8 ในบาทสี่   ผู้วิจัยพบว่า                
เป็นสัมผัสสระ   ร้อยละ 97.62
เป็นสัมผัสพยัญชนะ     ร้อยละ   1.08                เป็นสัมผัสพยัญชนะในคําตําแหน่งอื่น ร้อยละ   0.43                ไม่มีสัมผัสชนิดนี้ ร้อยละ   0.87

สัมผัสในแห่งที่3
คือ สัมผัสระหว่างคําสุดท้ายของบาทกับคําแรกของคําสร้อย พบว่า    
เป็นสัมผัสสระ   ร้อยละ 88.74    เป็นสัมผัสพยัญชนะ      ร้อยละ   7.79    ไม่มีสัมผัสชนิดนี ร้อยละ   3.46
                ผลการศึกษาข้างต้นสรุปได้ว่าข้อบังคับการแต่งโคลงสี่สุภาพของสุนทรภู่ คือ เพิ่มสัมผัสใน 3 แห่งในโคลงสี่สุภาพทั่วไปและส่วนใหญ่เป็นสัมผัสสระ มีที่เป็นสัมผัสพยัญชนะน้อยมาก                 นวัตกรรมด้านรูปแบบโคลงที่สุนทรภู่สร้างขึ้นนี เป็นการต่อยอดรูปแบบโคลงสี่สุภาพที่กวีโบราณในสมัยอยุธยาตอนกลางได้คิดขึ้นซึ่งเป็นโคลงที่มีสัมผัสในชนิดสัมผัสสระขึ้น2แห่งในโคลงบทเดียวกัน คือ ระหว่างคําที 2-3 หรือ 3-4 ในวรรคหน้าของแต่ละบาท  และระหว่างคําที 7-8 ในวรรคสุดท้าย  ดังปรากฏในโคลงบทแรกของตัวอย่างโคลงที มีชื อว่า “สีหคติกํากาม นาคบริพันธฉันท” ในจินดามณี (วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม 2, 2530: 482)      และปรากฏอย่างเป็นระบบชัดเจนในโคลงอักษรสามหมู่เกือบทุกบทของพระศรีมโหสถ (เรื องเดิม: 645-649)
ดังตัวอย่าง

โคลงสีหคติกํากาม นาคบริพันธฉันท    
๏ ธ  วัวกลัวเมียเพี้ยง   กลัวเสือ          
โม  เมาเงางุนเยือ  กล่าวกล้า            
โอ  โถงโครงเปล่าเหลือ    ตัวแต่ง          
ปาก หากลากคําค้า คึ่งให้ใครขาม

โคลงอักษรสามหมู่            
๏ พรียพลรนร่นร้น       พลเขา        
ปีนป่ ายทลายทะลวงเผา    เผ่าเผ้า        
 สท้านท่านทานเรา           ดูยาก  
ลอมล่อมล้อมฟางเข้า    จ่อข้ายขจายลง

นอกจากนี้ สัมผัสในดังกล่าวยังพบในโคลงพระราชนิพนธ์บางบทของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศด้วย (วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม 3, 2531: 52-63) เช่น
   
๏ เสร็จชลอก่อแท่นขึ้น  รองรับ
รือเรือกเฝือกประดับ ทับไว้
เสมอนิทรกิจกลหลับ ลืมตื่น
ร้าวฉานสท้านไม้  แยกย้ายสลายลง

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยจึงสันนิษฐานว่าสุนทรภู่อาจพัฒนารูปแบบโคลงของตนเองมาจากโคลงสมัยอยุธยาตอนกลางหรือตอนปลายด้วยการเพิ่มสัมผัสสระะหว่างคําสุดท้ายของบาทกับคําแรกของคําสร้อยในบาทสามเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง  ทําให้มีสัมผัสในถึง3 แห่งในโคลงบทเดียวกัน

แสดงเป็นผังข้อบังคับการแต่งโคลงสี่สุภาพทั่วไปเปรียบเทียบกับข้อบังคับการแต่งโคลงสี สุภาพของสุนทรภู่ซึ่งมีข้อบังคับการแต่งเพิ่มขึ้น ดังนี้
ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพทั่วไป
ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพของสุนทรภู่  

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง   อันใด  พี่เอย      
(เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า  ดาดาว)
เสียงย่อมยอยศใคร           ทั่วหล้า          
(จรูญจรัดรัศมีพราว         ุ  พร่างฟ้า)
สองเขือพี หลับใหล          ลืมตื่น ฤๅพี่        
(ยามดึกนึกหนาวหนาว    เขนยแนบ แอบเอย)
สองพี่คิดเองอ้า            อย่าได้ถามเผือ  
(เยนฉ่ำนํำค้างย้อย         เยือกฟ้าพาหนาว)

อย่างไรก็ตามในกรณีเป็นโคลงที่ ไม่มีคําสร้อยก็จะขาดสัมผัสในระหว่างคําสุดท้ายของบาทกับคําสร้อยไป 1 แห่ง  แต่ลักษณะเช่นนี ก็มีน้อยมากในนิราศสุพรรณ.....ยังมีต่อ.....1.1.3 โคลงที่มีสัมผัสข้ามวรรค 1-4 บาท........

            เทิดไทยชูสู่ฟ้า     สากล
ชวนย่องเพลินเชิญยล     เยี่ยมเหย้า
ไปมาอย่าหายหน            เหินห่าง รางรา
เรือนหมู่เรียงเคียงเค้า      คู่คล้ายสหายเสมอ
..........



   

    
[/colorเลอทรงองค์ผ่านฟ้า     วรารัชช์...(วัฒน์)
งามท่านการจริยวัตร     ว่าไว้
งามเรืองเครื่องกษัตริย์  สูงส่ง องค์เอย
พสกถิ่นอินทราไซร้       แซ่ซ้องฉลองเฉลิม

เสริมสัตย์จัดสื่อสร้าง     ฟางไฟ
ลุยย่ำยำเยงไย              ยิ่งเย้ย
สีดาฝ่าเปลวไป              ปลอดเปล่า เผาเลย
กมลใฝ่ใครหะเฮ้ย          ห่อนห้ามทรามสมร

(ไม่พบคำทรามสมรอย่างเป็นทางการ แต่มีผู้ใช้อยู่บ้าง
จึง่ลือกใช้คำนี้เพราะชอบมากกว่าคำ ทรามสงวน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 07 สิงหาคม 2021, 03:03:PM
       

     
บทความ "นวัตกรรมในโคลงของสุนทรภู่" ของ (ศาสตราจารย์ ดร.) ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต เป็นส่วนหนึ่งของผลการวิจัยเรื่อง
“นิราศสุพรรณ: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของสุนทรภู่ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ”.....(ต่อ)

1.1.3 โคลงที่มีสัมผัสข้ามวรรค 1-4 บาท เมื่อศึกษาคําสัมผัสข้ามวรรคในโคลงของสุนทรภู่ ผู้วิจัยพบว่าสุนทรภู่ไม่ได้บังคับให้ใช้สัมผัสข้ามวรรคในการแต่งโคลงแบบสุนทรภู่ เพียงแต่สนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีเพื่อเพิ มเสียงไพเราะแก่โคลงที่แต่ง คือ ทําให้สัมผัสใน 3 แห่งที่ส่วนมากเป็นสัมผัสสระเด่นน้อยลง ผู้วิจัยพบว่าในการแต่งโคลงแต่ละบทนั้นสุนทรภู่นิยมใช้สัมผัสข้ามวรรคครบทั้ง 4 บาทมากที่สุด รองลงมาคือสัมผัสข้ามวรรค 3 บาท 2 บาท และ 1 บาทตามลําดับ คิดเป็นร้อยละ 77.71(359 บท) 18.18(84 บท) 3.68(17 บท) และ 0.43(2 บท)โดยลําดับ
ในกรณีที มีสัมผัสข้ามวรรคเพียง 1 บาท สุนทรภู่เลือกใช้สัมผัสดังกล่าวเป็นสัมผัสพยัญชนะ และใช้อยู่ในบาท 1 หรือบาท 4 เท่านั น

การศึกษาสัมผัสข้ามวรรคในโคลงของสุนทรภู่ส่งผลให้ผู้วิจัยพบว่าสุนทรภู่แต่งโคลงสี สุภาพไว้ถึง 30 แบบ แบบที ชอบใช้มากที สุด คือ “สพพพ” หมายความว่าเป็นโคลงที มีสัมผัสข้ามวรรคชนิดสัมผัสสระในบาทแรก และเป็นสัมผัสพยัญชนะใน 3 บาท ที่เหลือ โคลงแบบ “สพพพ” นี มีมากถึง 231 บทซึ่งคิดเป็นร้อยละ 50

โคลงอีกแบบหนึ่งที่ชอบใช้รองลงมาคือ “พพพพ” มีในโคลง 100 บท คิดเป็นร้อยละ 21.65 ทั งยังพบว่าโคลงแบบ “สพพพ” และ “พพพพ” นี มีลักษณะการแต่งที เป็นระบบระเบียบมากจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน
อนึ่งตามที่มีผู้กล่าวว่าโคลงของสุนทรภู่มีสัมผัสในมากเกินไป ทําให้โคลงมีลีลาช้าและอืดอาดนั้น ผู้วิจัยมีความเห็นว่าขึ้นอยู่กับผู้อ่านว่าจะอ่านให้ช้าหรือเร็วเป็นสําคัญ สัมผัสในชนิดสัมผัสสระช่วยให้อ่านโคลงได้รื่นไหลมากยิ่งขึ้น ไม่ได้ทําให้อ่านช้าลงแต่อย่างใดหากอ่านโดย ไม่หยุดเมื่อสิ้นสุดวรรคหน้าในแต่ละบาท ดังที่ พ. ณ ประมวญมารค กล่าวว่าให้อ่านโคลงแบบข้ามสัมผัสนอกไปเสีย (พ.ณ ประมวญมารค, 2519: 237) หมายความว่าอ่านคําตลอดทั้งบาทให้ต่อเนื่องกันไป ทําให้โคลงมีลีลาแบบกลอน เช่น

บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ ลําคลอง
 คนเหล่าชาวประมงมอง มุ่งข้า
 สุ่มซ่อนช้อนชนางปอง ปิดเรือก เฝือกแฮ
 เหม็นเน่าคาวปลาร้า เรียดคุ้งคลุ้งโขลง

พ.ณประมวญมารคกล่าวชมสุนทรภู่ว่าแต่งโคลงได้ดี มีความแน่นพอดีทุกบท หากอ่านได้ตามที สุนทรภู่ตั้งใจแต่ง นิราศสุพรรณก็จะไพเราะไม่แพ้โคลงของกวีอื่น เช่นโคลงนิราศนรินทร์ของนายนรินทร์หรือนิราศลําน้ำน้อยของพระยาตรัง (เรื่องเดิม: หน้าเดิม)

ผู้เขียนมีความเห็นว่าการใช้สัมผัสสระแต่งโคลงอย่างเห็นเด่นชัดมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางแล้ว เพียงแต่อาจไม่เป็นที นิยมแพร่หลายมากนัก เมื่อสุนทรภู่นํามาพัฒนาให้มีสัมผัสในเพิ่ มมากขึ้นในการแต่งโคลง ความไม่คุ้นเคยในการใช้สัมผัสสระแต่งโคลงในหมู่กวีส่วนใหญ่ ทําให้สุนทรภู่ถูกตําหนิ....(มีต่อ).. 1.2โคลงสี่สุภาพแบบสุนทรภู่ที่เป็ นโคลงกลบท
............


ศกุนตลา ชมท่ารำ ครู คมคาย กลิ่นภักดี

ใช่แต่จะมีกำเนิดสูงส่งและมีความงามล้ำเลิศที่กล่าวถึงไปแล้วเท่านั้น ในด้านอุปนิสัยนางศกุนตลาก็ถือว่าเป็น “สตรีผู้เด็ดขาด” รวมถึงฉลาดในการเจรจาซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของนางกษัตริย์ กล่าวคือ เมื่อท้าวทุษยันต์ไม่มีทีท่าว่าจะระลึกได้ว่านางเป็นใคร นางก็กล้าบริภาษพระองค์กลางท้องพระโรงและตัดสินใจจากไปโดยไม่ร่ำไรขอร้อง

ท้าวทุษยันต์ -รศ.ดร.ศุภช้ย จันทรสุวรรณ ครูนาฏศิลป์ขั้นเทพ
นางศกุนตลา (แต่งเครื่องนางกษัตริย์) - ผศ.คมคาย กลิ่นภักดี นุ่มนวลที่สุด นุ่มจนนิ่มครับครู คลิปนี้เพราะต้องการเห็นครูรำ คุ้มสุดคุ้ม

            iZmfRAdwwP0



เสริมสัตย์จัดสื่อสร้าง ฟางไฟ
ลุยย่ำยำเยงไย ยิ่งเย้ย
สีดาฝ่าเปลวไป ปลอดเปล่า เผาเลย
กมลใฝ่ใครหะเฮ้ย ห่อนห้ามทรามสมร



แต่งโคลงสี่สุภาพ เพื่อ ฝึกฉันทลักษณ์


     

       จรจากมากปริ่มปลื้ม ลืมรือ
รักเริ่มเดิมหมายมือ มั่นเชม้น
รักรอก่อเทิดถือ ทัศน์เที่ยง เพียงพ่อ
รักซ่อนวอนวายเว้น ว่าไว้ไยผยอง…. (วอนคือ ส่อ, รน)


สองสม้ครรักใคร่ครั้ง ยังเยาว์
ครองป่าพนาเขตเขา คู่คุ้น
คนเคยเอ่ยลืมเรา ละเลี่ยง ละเลย
เคราะห์แค่นแหวนเตือนกระตุ้น แต่ต้องสองตา


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 10 สิงหาคม 2021, 01:38:PM
     

                  0Cm1rv2F1IM

อาศิรพระแม่เจ้า     เพราเพริศ
เฉลิมเปรื่องเรืองประเสริฐ     แซ่ซ้อง
ยงจริงยิ่งยศเลิศ     เลอร่ำ คำแล
พระก่อพระเกียรติก้อง     กว่ากว้างทางสกล

ชนสมชมชื่นร้อง     กรองกราน
ถวายช่วยอวยเคึยงขาน     คู่ข้าง
กรณีกี่กองการ     เกิดก่อ ลออเอย
สึบคู่ชูศาตร์สร้าง    สื่อสิ้นศิลป์สวย

       


     (....ต่อ)
บทความ "นวัตกรรมในโคลงของสุนทรภู่" ของ (ศาสตราจารย์ ดร.) ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต เป็นส่วนหนึ่งของผลการวิจัยเรื่อง
“นิราศสุพรรณ: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของสุนทรภู่ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ”........

  นวัตกรรมในโคลงของสุนทรภู่
1.2 โคลงสี่สุภาพแบบสุนทรภู่ที่เป็ นโคลงกลบท  

1.2.1 สุนทรภู่สร้างลักษณะใหม่ให้แก่โคลงกลบทที่มีมาแต่เดิม สุนทรภู่กล่าวชื่อโคลงกลบทที่ ตนเองแต่งไว้ในโคลงบทสุดท้ายของนิราศสุพรรณว่ามี 6 ชื่อ แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าโคลงกลบทแต่ละชื่อมีในโคลงบทใดบ้างในนิราศสุพรรณ ผู้วิจัยพบว่าทั้ง 6 ชื่อนี้ล้วนเป็นโคลงกลบทเดียวชนิดใดชนิดหนึ่ง ได้แก่ นาคบริพันธ์ กบเต้น สรล้วน (ซึ่งก็คืออักษรล้วน   มีทั้งชนิดที 1 ซึ่งเล่นคําที มีเสียงพยัญชนะเดียวกันตลอดบาท และชนิดที2ซึ่งเล่นคําทีมีเสียงพยัญชนะเดียวกันในคํา 3 คําที วางไว้ติดกัน) อักษรสาม สกัด แคร่ และซ้อนดอก    อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยพบว่าสุนทรภู่แต่งกลบทอีก 4 ชื่อโดยไม่ได้ระบุชื่อไว้ ได้แก่ โคลงกลบทอักษรสลับ ตะเข็บไต่ขอน บุษบงแย้มผกา และงูกระหวัดหาง อนึ่ง ตามที ผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตว่าโคลง “พพพพ” และ “สพพพ” ของสุนทรภู่มีวิธีการแต่งที เป็นระบบระเบียบมากแบบเดียวกับลักษณะการแต่งกลบท จึงน่าจะจัดโคลงทั้ง  2 ชนิดนี ไว้ในกลุ่มโคลงกลบทได้ด้วย  ผู้วิจัยขอเรียกชื่ อโคลง “พพพพ” ว่ากลบทงูกระหวัดหางชนิดที 2  โดยเรียกกลบทงูกระหวัดหางแบบเดิมว่างูกระหวัดหางชนิดที 1 และเรียกชื อโคลง “สพพพ” ว่ากลบทงูตวัดหางเพราะเล่นทั้งเสียงสัมผัสสระและพยัญชนะ  ขณะที่กลบทงูกระหวัดหางเล่นแต่เสียงสัมผัสพยัญชนะเท่านั น งูกระหวัดหางชนิดที 1  เล่นเสียงพยัญชนะทั้งที่ เป็นคําระหว่างวรรคและระหว่างบาท ส่วนงูกระหวัดหางชนิดที 2 เล่นแต่คําที มีเสียงสัมผัสพยัญชนะระหว่างวรรคในบาทเดียวกันเท่านั้น 

ดังตัวอย่างงูกระหวัดหางชนิดที่1                                                                          
๏ ดงมเกลือเหลือดกล้ำ  ดําเหลือ
เล่หม่อมย้อมมเกลือเจือ   กแจะให้  
ใจหม่อมย่อมเหมือนมเกลือ  กลิ่นร่ำ ดําเอย  
ดําเทือกเปลือกแก่นไสร้     ซิ่นต้นผลดํา

งูกระหวัดหางชนิดที่2

คนขี่ตีต้อนเร่ง         รันควาย
ถอนถีบกีบกอมตกาย      โก่งโก้
เหนื่อยนักชักเชือกหงาย  แหงนเบิ่ง เบือนแฮ    
คนหวดปวดป่วนโอ้    สอึกเต้นเผ่นโผน

ในโคลงกลบทงูกระหวัดหางชนิดที 1 ข้างต้นมีข้อบังคับการแต่ง คือ เล่นเสียงพยัญชนะเดียวกันทั้งในบาทและข้ามบาท    บาทแรกเล่นเสียงพยัญชนะในคํา “ดกลํ า-ดําเหลือ” และเล่นเสียงพยัญชนะระหว่างบาทแรกกับบาทสองในคําว่า “เหลือ-เล่”  ในบาทสองเล่นเสียงพยัญชนะในคํา “เจือ-(ก)แจะ” และเล่นเสียงพยัญชนะระหว่างบาทสองกับบาทสามในคํา “(ก)แจะ-ใจ”      ในบาทสามเล่นเสียงพยัญชนะในคํา “(ม)เกลือ-กลิ่น” และเล่นเสียงพยัญชนะระหว่างบาทสามกับบาทสี่ ในคํา “ดํา-ดํา”      ในบาทสี เล่นเสียงพยัญชนะในคํา “ไสร้-ซิ่น”  

ในโคลงกลบทงูกระหวัดหางชนิดที 2 แต่งง่ายขึ้น คือ เล่นแต่เสียงพยัญชนะข้ามวรรคในบาทเดียวกันเท่านั้น ได้แก่ เร่ง-รัน  (ต) กาย-โก่ง  หงาย-แหงน   โอ้-(ส) อึก

ด้วยเหตุนี้ โคลงกลบทที่ สุนทรภู่แต่งจึงมีรวมทั้งสิ้น 11 ชนิด เป็นโคลงกลบทที่มีมาแต่เดิม 9 ชนิด ได้แก่ นาคบริพันธ์ กบเต้น อักษรล้วน (ทั้งชนิดที่ 1  และชนิดที 2) อักษรสาม สกัดแคร่ อักษรสลับ ตะเข็บไต่ขอน บุษบงแย้มผกา งูกระหวัดหาง (ทั งชนิดที 1 และชนิดที 2)
โคลงกลบททั ง 9 ชนิดนี้ ล้วนมีข้อบังคับพิเศษแบบโคลงสุนทรภู่อยู่ด้วย คือ มีสัมผัสใน 3 แห่งในโคลงบทเดียวกัน ดังปรากฏในตัวอักษรดําเข้ม ในที นี ผู้วิจัยขอยกตัวอย่างกลบทอักษรล้วนชนิดที 1 และชนิดที 2 ดังนี้ โคลงกลบทอักษรล้วนชนิดที 1 เล่นคําที มีเสียงพยัญชนะเดียวกันตลอดทั้งบาท  พบในโคลงบทที 142    286   
ส่วนโคลงกลบทอักษรล้วนชนิดที่ 2 เล่นคําที มีเสียงพยัญชนะเดียวกันเพียง 3 คําที อยู่เรียงต่อกัน  ดังนี้

อักษรล้วนชนิดที่ 1    
                                                       
๏ เขาเฃียวโขดคุ่มขึ้น   เคียงเคียง                
ร่มรื่นรุกขรังเรียง  เรียบร้อย            
โหมหัดหิ่งหายเหียง   หันหาด แฮ่วแฮ     
ยางใหญ่ยอดยื่นย้อย   โยกโย้โยนเยน

อักษรล้วนชนิดที่ 2  

๏ จําร้างห่างน้องนึก  น่าสวน             
สองฝ่ายชายหญิงยวน    ยั่วเย้า 
หวังชายฝ่ายหญิงชวน   ชื่นเช่น เหนเอย
กลเช่นเล่นซักเสร้า      เสพเพื่อน เฟือนเกษม
..........(ยังมีต่อ)...


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 18 สิงหาคม 2021, 03:48:PM
       

     
(....ต่อ)
บทความ "นวัตกรรมในโคลงของสุนทรภู่" ของ (ศาสตราจารย์ ดร.) ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต เป็นส่วนหนึ่งของผลการวิจัยเรื่อง
“นิราศสุพรรณ: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของสุนทรภู่ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ”........

(43) อย่างไรก็ดีผู้วิจัยพบว่ามีโคลงกลบทของสุนทรภู่อยู่ 3 บท ทีเหลือข้อบังคับพิเศษที่ เป็นสัมผัสในแบบโคลงสุนทรภู่เพียง 2 แห่งเท่านั้น ได้แก่

โคลงกลบทอักษรล้วนชนิดที 1 เฉพาะในบท 142 โคลงกลบทอักษรบริพันธ์หรือที สุนทรภู่เรียกว่านาคบริพันธ์ในบทที 22 และโคลงกลบทสกัดแคร่ในบทที 296 (ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต เรื่องเดิม: 508) ทั้งนี้ เพราะข้อบังคับการแต่งกลบทเหล่านี้ ไม่เอื้อให้มีคําสร้อยได้ จึงขาดสัมผัสในไป 1 แห่ง เช่น

แจ้วแจ้วจักกระจั่นจ้า จับใจ
หริ่งหริ่งเรื่อยเรไร ร่ำร้อง
แซ้งแซวส่งเสียงไส ทราบโสท
แหนงนิ่งนึกนุชน้อง นิ่มเนื้อนวลนาง

จากทีกล่าวมาเห็นชัดเจนว่าแม้เป็นโคลงกลบทที มีมาแต่เดิม แต่เมื่อสุนทรภู่นํามาแต่งก็เพิ่ มสัมผัสในซึ่งเป็นข้อบังคับพิเศษแบบโคลงสุนทรภู่เข้าไปด้วย จึงสร้างลักษณะใหม่ให้แก่โคลงกลบทที่ มีมาแต่เดิม เช่น

โคลงกลบทอักษรล้วนของสุนทรภู่ต่างจากโคลงกลบทชื่อเดียวกันของเจ้าพระยาพระคลัง (หน)

บทอักษรล้วนของเจ้าพระยาพระคล ัง (หน)
และโคลงกลบทบุษบงแย้มผกาของสุนทรภู่ต่างจากโคลงกลบทบุษบงแย้มผกาในลิลิตพระลอ ดังนี

กลบทอักษรล้วนของเจ้าพระยาพระคล ัง (หน)

อังหมะลูกหลังล้วน   พลพาย
ขุนอินทร์นาวานาย    นั่งนั้น
หมู่แมงโห่หิวคลาย   คลาคลาด
กระทุ่มเสียงโห่หลั้น  กึกก้องกตุมภาง

กลบทอักษรล้วนของสุนทรภู่

จําร้างห่างน้องนึก  น่าสวน
สองฝ่ายชายหญิงยวน   ยั่วเย้า
หวังชายฝ่ายหญิงชวน   ชื่นเช่น
กลเช่นเล่นซักเสร้า  เสพเผื่อนเฟือนเกษม



44 กลบทบุษบงแย้มผกาในลิลิตพระลอ
(***ขอ***)
ขอลุสมสบสร้อย สองนาง
ขออย่าลุเล่ห์ทาง  เสน่ห์นั้น
ขอคิดอย่าใจจาง   คําแม่ สอนนา
ขอพ่อเร็วคืนกั้ง     ขอบแคว้นไกรกรุง

กลบทบุษบงแย้มผกาของสุนทรภู่
(***เสีย***)
เสียเทียรเสียทูบซ้ำ   เสียสัทา
เสียที่มีกระมลมา     โนศน้อม
เสียดายฝ่ายศาศนา สัมนะ พรเอย (...พร...สุนทรภู่ อ่านเป็นพระ)
เสียน่าตาหูพร้อม เพราะรู้ดูเหน

(...ยังมีต่อ...)


         QwP0YjhvrhA

พระลอ อ.เวณิกา บุนนาค
พระเพื่อน อ.ศรีเวียง จิ๋วพัฒนกุล
พระแพง ผศ.คมคาย กลิ่นภักดี



ฟัอนแพนเป็นระบำประกอบละคร"พระลอ"
แต่เดิมการฟ้อนแพนในเรื่องพระลอนั้น เป็นการรำคนเดียวคือฟ้อนเดี่ยว ต่อมานางลมุล ยมะคุปต์ ได้นำมาใช้ในการฟ้อนหมู่โดยเพิ่มเติมลีลาการฟ้อนให้มากขึ้น มีทั้งผู้แสดงหญิงล้วน และผู้แสดงชาย – หญิง โดยมีบทร้องประกอบ ซึ่งประพันธ์โดยพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ

ผมว่านาฏศิลป์ล้านนาสวยงามไพเราะ ก็ด้วยท่วงทำนอง
ผสมผสาน สำนวนสำเนัยงลาว กลมกลืน
               3UgYEUyOD0w


         
อวยเอยเคยโอ่อ้าง อันใด
ยศเยี่ยงเพียงภูวไนย หน่อเจ้า
ลือคำล่ำหลงใหล ลืมทั่ว มัวเฮย
"แพง""เพิ่อน"เหมือนรักเร้า ร่ำพ้อ "ลอ"พญา

ราตรีมีฝ่ายฟ้อน กรกราย
เพฺ็ญผ่องสองหญิงชาย ชื่นชู้
แขนเรียวเกี่ยวแพนผาย เผยเพื่อเผือรา
แคนเป่าเขาเรียนรู้ ร่วมร้องครองครัน

จันทรจรกระจ่างฟ้า ตราคราว
นวลเนื่องเรืองดวงดาว สะพรั่งพร้อม
เชิงชุุมหนุ่มชวนสาว สมเสน่่ห์ สนองเอย
คืนค่ำนำจันทร์น้อม กระหน่ำโน้มโลมใจ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 26 สิงหาคม 2021, 05:42:PM
       

          jSCAZ8DXeAA


จงรักจึงคนึงจิตคิดถึงพ่อ
ก้าวตามต่อเพราะพระองค์ทรงสถิต
จึงจงรักภักดีชั่วชีวิต
ก้าวตามติดรอยพระบาทราชดำเนิน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 18 กันยายน 2021, 08:02:AM
       

       




         mG4m_W84wtU

.ต่อ)
บทความ "นวัตกรรมในโคลงของสุนทรภู่" ของ (ศาสตราจารย์ ดร.) ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต เป็นส่วนหนึ่งของผลการวิจัยเรื่อง
“นิราศสุพรรณ: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของสุนทรภู่ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ”........



1.2.2 สุนทรภู่สร้างโคลงกลบทชนิดใหม่
   
1 สร้างโคลงกลบทชนิดใหม่ที่เป็นกลบทเดี่ยว ในจํานวนโคลงกลบท 11 ชนิดทีสุนทรภู่แต่งในนิราศสุพรรณ มีโคลงกลบทเดียวทีสุนทรภู่คิดสร้างสรรค์ขึนใหม่ 2 ชนิด ได้แก่ กลบทซ้อนดอก และงูตวัดหาง นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน  ยังไม่เคยมีนักวิชาการคนใดค้นพบว่ากลบทซ้อนดอกของสุนทรภู่มีลักษณะการแต่งเป็นเช่นใดและมีในโคลงบทใดบ้าง นักวิชาการหลายคน เช่น    พ.ณ ประมวญมารค (2510: 178) คิดว่ากลบทซ้อนดอกคือกลบทก้านต่อดอก ซึงไม่ถูกต้อง  ผู้วิจัยพบว่ากลบทซ้อนดอกมีอยู่ 11 บทในนิราศสุพรรณ ได้แก่ บทที 38  49  98  160  166  274  288  291  387  412  และ 426  และมีลักษณะการแต่งต่างจากกลบทก้านต่อดอกอย่างเด่นชัด ดัง
เช่นโคลงกลบทก้านต่อดอกที่คัดมาจากโคลงดั้นปฏิสังขรณ์        วัดพระเชตุพนฯ   ซึงเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระ ปรมานุชิตชิโนรส ดังนี


ก้านต่อดอกของกรมปรมาฯ                                       

 หอรฆังทรงสร้างใหม่  เหมือนเรือน           
 ในอุดรลานเถลอง            หลั่นนั้น                           
การประดับสรรพสรรพ์เหมือน  มีที่ เพรงพ่อ       
 สถานสถิตนอกชั้นหั้น       แห่งกระแพง       


กลบทซ้อนดอกของสุนทรภู่
                       
ข้างคลองสองฝังเฟือย  เฟือยแขม             
คาแฝกแซกเซียดแซม        ซับซ้อน           
ในพุ่มกุ่มกกแกม         กอย่า รย้าแฮ             
นกหกวกเวียรหว้อน     วิงเต้นเผ่นโผน
…..(ยังมีต่อ)


…...สุดยอด...อยากมากลองแต่ง….


       

       คืนค่ำนำจันทร์น้อม กระหน่ำโน้มโลมใจ
…….


บัวใบบังพรั่งพร้อย        ลอย(ละ)ลาน
ไหลเลื่อนเหมือนวันวาร   เหว่ว้า
ยางใยใช่พบพาน      เพียงเผื่อน เลือนเลย
นัยหนึ่งุถึงเชือนช้า    เช่นช้ำคำครวญ
   
ชวนชูดูฝ่ายฟ้อน          ลครโขน
ศิลป์ส่งคงอวยโอน       เอ่ยอ้าง
เรียนรำคร่ำโชกโชน             ชาญเชึ่ยว เจียวเฮย
แปรเปลี่ยนเวียนเสรืมสร้าง    สิ่งสร้อยพลอยเพลิน




    คำ "ฝ่ายฟ้อน"   "ลคร"   พบบ่อยในคำกลอนรุ่นเก่า น่าใช้ได้ ไม่ผิด เพียงแต่ปัจจุบันไม่นิยม


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 21 กันยายน 2021, 09:39:AM
     

       

(ต่อ)
บทความ "นวัตกรรมในโคลงของสุนทรภู่" ของ (ศาสตราจารย์ ดร.) ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต เป็นส่วนหนึ่งของผลการวิจัยเรื่อง
“นิราศสุพรรณ: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของสุนทรภู่ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ”........


(45)   จะเห็นได้ว่ากลบทก้านต่อดอกนั้นเล่นคําทีมีเสียงสระเดียวกันตรง 2 คําท้ายของบาท

แต่กลบทซ้อนดอกเล่นคําที่มีเสียงพยัญชนะเดียวกันในคําที 4 และ 5 ในแต่ละบาท   มีข้อสังเกตว่าในโคลงกลบทที่สุนทรภู่คิดสร้างสรรค์ขึ้นนี้ มีสัมผัสใน 3 แห่งและคําสัมผัสข้ามวรรคแบบโคลงสุนทรภู่ด้วย

 ส่วนกลบทงูตวัดหางนั้น  คือ โคลงแบบ “สพพพ” ของสุนทรภู่ พบว่ามีในนิราศสุพรรณรวม 231 บท เป็นชนิดของโคลงกลบททีมีมากทีสุดในนิราศสุพรรณนี้
ผู้วิจัยสรุปว่าเป็นรูปแบบโคลงทีเป็นโคลงในดวงใจของสุนทรภู่ เพราะมีใช้มากในช่วงท้ายของนิราศสุพรรณ
   
โคลงกลบทงูตวัดหางเป็นกลบททีสุนทรภู่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดยพัฒนามาจากกลบทฟองสมุทรในจินดามณีทียังแต่งไม่เป็นระบบ ทําให้ไม่ปรากฏลักษณะกลบทในทุกบาท คือ ขาดลักษณะการเล่นคําทีมีเสียงพยัญชนะเดียวกันตรงคําที 4 และ 5 ในบาทสาม (วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม 2: 466). ดังนี     

 ๏ ค่าไข้รรักอาจอ้าง   คณนา
ขรางปลัดพีธพา         เพกขวํ้า
ตกสมุทเทียงชลธา     ทูทุ่น ตีเนอ
สัตวมากมวนในนํ้ำ      คลั่งแค้นระเหหน
......(ยังมีต่อ)




      ราตรีประดับดาว
      FTSiXVAWdk4

               กากี
       GHtsGdgO73k

2โพส มีโคลงกลบท 3ชนืด
ผมจะผสมทั้ง 3ชนิดรวมเป็นกลบทใหม่ กลบทเดียว รวบๆไป แต่งทีดียวควบได้ 3ชนิด ไม่เสียเวลา

1กลบท งูตวัดหาง พพพพ
2 กลบท ก้านต่อดอก
3 กลบท ซ้อนดอก
   3.1 จากตัวอย่างคำประพันธ์ มิใช่ผมบังอาจไปแก้ไขนะครับเพียงเห็นว่า ช้อนดอกยังซ้อนไว้แบบ เว้นก็ไม่เว้น เต็มก็ไม่เต็ม  มีโหว่
(ถึงว่า ผู้วิจัยกล่าว….นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน  ยังไม่เคยมีนักวิชาการคนใดค้นพบว่ากลบทซ้อนดอกของสุนทรภู่มีลักษณะการแต่งเป็นเช่นใดและมีในโคลงบทใดบ้าง….)
ผมคงไม่ได้ทำอะไรผิด โดยซ้อนดอกลงไปอีก เป็น ซ้อนดอกสองชั้น
และกลบทที่ผมเขียนขึ้นใหม่ ควรจะปรับสัมผัสใน คำที่7และ8 เป็นสัมผัส พยัญชนะ ก็ยังไม่กล้า ถ้ามีโอกาสได้แต่งอีกคิดว่า คงจะเปลี่ยนเป็นสัมผัสพยัญชนะครับ  คาดว่ายังคงอยู่ใต้ฉันทลักษณ์บรมครูสุนทรภู่ ที่ยึดถือ ครับ




แปรเปลี่ยนเวียนเสรืมสร้าง    สิ่งสร้อยพลอยเพลิน
…..


     

       เยินยอลออแช่มช้อย   ชายหมาย
เหมือนเม่าเผาตัวตาย      ต่างอ้าง
พลางพลีนี่หลากหลาย   เหลือเชื่อ เฟือเอย
หลงเล่ห์เห ราร้าง        ร่ายคล้ายวายปราณ

เฉิดฉานเริดร่านร้อน   แรงแสง
แปรเปลี่ยนเลียนปรับแปลง  (ว่าง)..เปล่าเค้า
หลับไหลไพล่คลางแคลง   ครวญป่วน รัญจวนเฮย
ฝันใฝ่ในจันทร์เจ้า   จ่างค้างกลางนภา



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 ตุลาคม 2021, 11:49:AM
         

       

ละคร ทางล้านนามักประกอบเพลงสำเนียงลาว
         vN7lzB5Li88

         Jc_aQO-VEQc


(..ต่อ..)
2 สร้างโคลงกลบทผสม 2 ชนิดในโคลงบทเดียวกันขึ้นใหม่ 
เมื่อผู้วิจัยจัดโคลงของสุนทรภู่แบบ “พพพพ” และ “สพพพ” เป็นโคลงกลบท  เพราะมีวิธีการแต่งที่เป็นระบบระเบียบแบบกลบท ส่งผลให้เกิดมีโคลงกลบทผสม 2 ชนิดในโคลงกลบทหลายบทของสุนทรภู่ในนิราศสุพรรณ   เนื่องจากสุนทรภู่นําโคลงกลบทแบบ “พพพพ” ที่เรียกว่างูกระหวัดหางแบบที 2 หรือโคลงกลบทแบบ “สพพพ” ทีเรียกว่างูตวัดหางไปแต่งร่วมกับโคลงกลบทชนิดใดชนิดหนึ่ง   ผู้วิจัยแบ่งโคลงกลบทผสม 2 ชนิดข้างต้นออกได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

2.1 โคลงกลบทผสม 2 ชนิดที่เกิดจากการใช้โคลง “พพพพ” แต่งร่วมกับโคลงกลบทเดี่ยวชนิดใดชนิดหนึ่ง เกิดเป็นโคลงกลฟบทผสม 5 ชนิด ได้แก่

2.1.1 โคลงกลบทผสมอักษรล้วนแบบที่ 2 กับงูกระหวัดหางชนิดที่ 2 ได้แก่
                                         
      จําร้างห่าง"น้องนึก      น่า"สวน
สองฝ่ายชายหญิง"ยวน ยั่วเย้า"
หวังชายฝ่ายหญิง"ชวน ชื่นเช่น"  เหนเอย
กลเช่นเล่น"ซักเสร้า  เสพ"เผื้อนเฟือนเกษม
 
2.1.2 โคลงกลบทผสมอักษรสลับกับงูกระหวัดหางชนิดที่ 2                                   
 
ยนโศกยามเศร้า"ยิ่ง"   ทรวง"เยน"
คิดสุดขัดแสน"เขน"   
โศก"ไข้"
หวนหนาวหากนึก"เหน"   หน้า"แห่ง" น้องแฮ ฃ
ดวงจิตเด็จจาก"ได้"   จึง"ดิ้น"จําโดย

2.1.3 โคลงกลบทผสมซ้อนดอกกับงูกระหวัดหางชนิดที่ 2 ได้แก่                             

โพพญาท่าตลิ่งล้วน    ฬ้อเกวียร
โพไผ่ไม้เตงตเคียน   ตขบบ้าง
ซึกซากกระบากกระเบียน   กระเบากระแบก   กระบกแฮ
เสลาสลอดสลับสล้าง   เหล่าไม้ใกล้กระสิน

 2.1.4 โคลงกลบทผสมตะเข็บไต่ขอนกับงูกระหวัดหางชนิดที่2 ได้แก่ 

เสลาสลอดสลับสล้าง    สลัดได
สอึกสอะสอมสไอ   สอาดสอ้าน
มแฝ่มฟาบมเฟืองมไฟ      มแฟบมฝ่อ  พ่อเอย
ตขบตขาบตเคียนตคร้าน    ตคร้อตไคร้ตเคราตครอง

2.1.5 โคลงกลบทผสมสกัดแคร่กับงูกระหวัดหางชนิดที่ 2 ได้แก่                                 

 หนาวลมห่มผ้าห่อน    หายหนาว
ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราว     พร่างฟ้า
เด่นเดือนเกลือนกลาศดาว   ดวงเด่น
ใจเปล่าเศร้าซบหน้า   นึกน้องหมองใจ

มีข้อสังเกตว่าการใช้โคลงแบบ “พพพพ” แต่งร่วมกับโคลงกลบทชนิดใดชนิดหนึงนีส่งผลให้โคลงกลบทเดียวบางชนิดกลายเป็นโคลงกลบทผสม เช่น โคลงกลบทอักษรสลับ ตะเข็บไต่ขอน  และสกัดแคร่  (.ยังมีต่อ..)

พญาผานอง ตอนรักสามเส้า
          KlNMj3KOoQ8

       


       

     ฝันใฝ่ในจันทร์เจ้า    จ่างค้างกลางนภา……

1.โคลงกลบทผสม อักษรล้วนแบบที่ 2  ซ้อนดอก กับงูกระหวัดหางชนิด พพพพ.

พญายังหวังว่าไว้       วังวน
ผันผ่านกาลกามกล   ก่อเกื้อ
เชิดชิงยิ่งยามยล       ยึดแย่ง แสวงเฮย
สานส่งนงแนบเนื้อ   นิ่มน้องสองสม

2.โคลงกลบทผสม   อักษรสลับ  สกัดแคร่  กับงูกระหวัดหางชนิด พพพพ.

คมคราวคาวใคร่แค้น   ครวญคม
เกล้าเกี่ยวเกลียวแกนกลม   แก่เกล้า
ต่างใจไต่จมตม   จิตต่าง จางเฮย
สามร่างสางรอยเส้า   ร่ำเศร้าเราสาม

3.ตั้งใจจะแต่งกลบท ตะเข็บไต่ขอน ผสม งูกระหวัดหาง  พอเริ่มจะลงมือ ยอมแพ้พลัน จะพูดว่า ผมรู้ไม่จริง ก็ไม่ปฏิเสธ ไม่รู้ว่าจะแต่งอย่างไรให้ลงฉันทลักษณ์โคลงสี่ ในความเห็น เริ่มจาก จำนวนคำ ทั้งสล้บคำลหุ ครุ วางสัมผัส  ทั้งบังคับ เอก โท ยาก ตำแหน่งเคลื่อน  ถ้าจะต้องแต่งออกมาให้ได้ คงไม่ได้โคลงสี่ พญาผานองค้างไว้ก่อน


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 10 ตุลาคม 2021, 03:55:PM

        2.2 โคลงกลบทผสม 2 ชนิดที่เกิดจากการใช้โคลง “สพพพ” แต่งร่วมกับโคลงกลบทเดี่ยวชนิดใดชนิดหนึ่ง เกิดเป็นโคลงกลบทผสม 2 ชนิด ได้แก่

2.2.1 โคลงกลบทผสม  อักษรสามกับงูตวัดหาง ได้แก่                                    

รวังไพรร่ายร้องกร่อ กร๋อกรอ
แอ้แอ่แอ้แอ๊อุลอ   เลียบร้อง
พญาลอล่อล้อคลอ เคล้าคู่  อยู่แฮ
กรอดกรอดกร๊อดกร๋อดร้อง    กรอกเต้นเล่นกระแต

2.2.2 โคลงกลบทผสม  ซ้อนดอกกับงูตวัดหาง ได้แก่

เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย  เฟือยไสว
พงไผ่ไม้รําไร   รอบคุ้ง
แลขวาป่าแฝกไฟ   ฟอนเรี่ยน  เกรียนแฮ
ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง   ถิ่นกว้างวางเวง



ผู้วิจัยพบว่าสุนทรภู่แต่งโคลงกลบทเดี่ยวและโคลงกลบทผสมรวมกันถึง 354 บทในจํานวนโคลงทั้งสิ้น 462  บท  ซึ่งแสดงให้เห็นฝีมือการแต่งโคลงของสุนทรภู่อย่างชัดเจนเพราะลําพังแต่งโคลงสี่สุภาพธรรมดาก็แต่งยากอยู่แล้ว  แต่สุนทรภู่กลับสามารถแต่งโคลงที่มีลักษณะพิเศษแบบโคลงสุนทรภู่ได้มากถึง 462 บท ในจํานวนนี้เป็นโคลงกลบทที่มีวิธีการแต่งตามข้อบังคับพิเศษหรือข้อบังคับเฉพาะอีก 354 บท คิดเป็นร้อยละ 76.62  นิราศสุพรรณจึงเป็นโคลงนิราศที่สะท้อนให้เห็นความสามารถพิเศษของสุนทรภู่ในการแต่งโคลง ทั้งยังเป็นนิราศที่มีความยาวมากที่สุดและมีโคลงกลบทมากที่สุดในบรรดาโคลงนิราศที่กวีโบราณเคยแต่งกันมาก่อนนิราศสุพรรณของสุนทรภู่






ขอจบ   บทความวิจัยเรื่อง “นิราศสุพรรณ: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของสุนทรภู่ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ”  เแบบ ของสุนทรภู่  เพียงเท่านี้ หากมีควันหลงอาจนำมาเสนอในโอกาสต่อไป

ขอขอบคุณ และ ขออณุญาต เจ้าของงานวิจัย
        ศาสตราจารย์ ดร. ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต





                    ฝั่งโขง
           19MEXbTP4oI

                    นางครวญ
              nOal3amF75w


ส่วนตัวผมเองก็พอจะได้แบบแผนฉันทลักษณ์โคลงสี่สุภาพแบบสุนทรภู่ เป็นแบบหลัก  ส่วนที่เป็นกลบท บางบทน่านำมาใช้ บางบทก็อาจรู้ไว้ใช่ว่า เพราะบางบทก็ขัดกับฉันทลัษณ์ ที่ผมหวังว่าน่าจะเป็น

คมคราวคาวใคร่แค้น   ครวญคม
เกล้าเกี่ยวเกลียวแกนกลม   แก่เกล้า
ต่างใจไต่จมตม   จิตต่าง จางเฮย
สามร่างสางรอยเส้า   ร่ำเศร้าเราสาม




       

            ยามเยือนยังฝั่งน้ำ ลำโขง
ชมชื่นยืนหยัดโยง เยี่ยมเหย้า
โครมครืนคลื่นคลาโคลง เคลงเคลื่อน เลือนฤๆ
คุณค่าควรคิดเค้า ค่อนคุ้นเคยคำ

ลำโขงไหลขุ่นล้น คนคอย
รานเจื่อนเลือนใจลอย ร่ำร้อง
ฝากครวญฝ่าครืนฝอย ฟากฝั่ง ฟังรา
เคยร่ำคำรักน้อง แน่นั้นนิรันดร์รือ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 16 ตุลาคม 2021, 07:52:PM
     

       
          MZt8G2ToKts

          BccMfvCZzsQ




ลำโขงไหลขุ่นล้น คนคอย
รานเจื่อนเลือนใจลอย ร่ำร้อง
ฝากครวญฝ่าครืนฝอย ฟากฝั่ง ฟังรา
เคยร่ำคำรักน้อง แน่นั้นนิรันดร์รือ




โคลงกลบทผสม  4ชนิด


คือคำขอพ่อพ้อง ปรองดอง
เสมือนสม่ำเสมอเสนอสนอง แน่นแฟ้น
ฝักฝันเฟื่องเรืองรอง แรงแห่ง โหมเฮย
ชนชื่นชิดมิตรแม้น เมื่อเอื้อเองอวย


นับแต่นั้นวันเก่าคนเล่าขาน
สายน้ำซ่านไหลซ่าฟ้าสีสวย
นับแต่นี้ที่ฝันถึงวันรวย
สายน้ำสวยฟ้าใสใครเห็นมี

นับแต่นั้นขวัญดับลับลาหาย
สายรินรายน้ำตาฟ้ามืดสี
นับแต่ไหนไม่เคยขลาดหวาดฤดี
สายรินรี่ฟ้าคร่ำด้วยน้ำตา





หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 พฤศจิกายน 2021, 09:07:AM
       

       

ขับทุ้มหลวงพระบาง (ต้นฉบับ)
          tBkLS4WjGM8

       
ื         ฟ้อนแคน   
                
                   -FdzHMV20_0


แม่เอ๊ย  วันก่อนดูละครในเป็น
ว้นนี้ดูฉุยฉายเป็น   เพราะ
ครู จูน   อ. ขวัญใจ คงถาวร 

      ครู จูน...ฉุยฉายพราหมณ์
         
          VVKVn-aI9ow



โพสวันนี้มาช้า เพราะ ยากประดิษฐ์ คิดสรรค์ ประพันธ์อักษร
"กลอนห่อโคลง"

โพสก่อนๆ เรื่อง กาพย์ห่อโคลง ก่อนแต่งก็ค้นคว้าจากกูเกิล พบว่าหลายท่านอธิบายไว้ต่างๆกัน ที่ข้าพเจ้าโพสไปก่อนๆหน้านั้นก็เป็นหนึ่งจากหลายคำอธิบายที่ต่างกันในส่วนปลีกย่อย แบบแผนหลักถือว่าไม่ต่างกัน
ส่วนเรื่องห่อโคลงก็คล้ายเคยได้ยินว่ามี กลอนห่อโคลง และเหมือนจะมี ห่อหลายชนิดสลับกันห่อ ข้าพเจ้ามิอาจจะชี้ชัดว่าควรจะยึดตามแบบของท่านใด
ฉะนั้น หากข้าพเจ้าจะรับเอาแบบฉบับของทุกท่าน หลอมรวม ผสม ดัดแปลง เป็นแบบแผนผสม  ก็ไม่น่าจะผิด

    "กลอนห่อโคลงแบบผสม"
โคลงกลบทผสม4ชนิด กลอนกลบทสร้อยสลับคู่สคราญแปลง
_โคลงกลบทอักษรล้วนสามคำคำแปลงจากอักษรล้วนสลับ
_ โคลงกลบทซ้อนดอก
_ โคลงกลบทก้านต่อดอก
_ โคลงกลบทงูกระหวัดหางแบบ พพพพ.ของสุนทรภู่
.........

นับแต่นั้นขวัญดับลับลาหาย
สายรินรายน้ำตาฟ้ามืดสี
นับแต่ไหนไม่เคยขลาดหวาดฤดี
สายรินรี่ฟ้าคร่ำด้วยน้ำตา

         

 ญาติยาเยือนเพื่อนพ้อง   พรรค์สรร
จิตจ่อจารวารวัน             ว่าช้า
หันเหินห่างพลางพลัน   พลอยพล่อย ผลอยนเอ
มิตรใหม่มวลควรค้า   คู่ผู้เคียงผอง

ญาติยายิ่งมิ่งเหมือนเพื่อนพึ่งพิง
จิตจ่อจรืงเนินนานสานเสริมสอง
ญาติยาหยันหันห่างร้างรับรอง
จิตจ่่อจ้องหมู่มิตรคิดคู่ควร

ชวนเฉิดฉายร่ายร้อน   รมย์สม
ทอดท่าทำขำคม    ค่อนอ้อน
เจียมจิตจ่อมตรอมตรม   ตราอย่า  ลาเลย
เพียงพี่พอยอย้อน   เยี่ยงเพี้ยงยุติพอ

ชวนเฉิดฉายร่ายคมรมย์ระบำ
เจียมจิตจำเอียงอายชายอ้อนขอ
ชวนเฉิดฉานหวานแหววแล้วพึงรอ
เจียมจิตจ่อเพียงนุชหยุดที่เธอ



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 พฤศจิกายน 2021, 10:25:AM
       

 

เพลงสำเนียงพม่า มอญ ใช้ในละครพันทาง "ราชาธิราช" "ผูัชนะสิบทิศ"
ผมโพสกระทู้นาฏศิลปฺ์ครั้งแรกด้วยละคร ผู้ชนะสิบทิศเพราะชอบเพลง "พม่าอะโก" แล้วถูกแซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งโดย "เพลง มอญทองกวาว"   จากโพสนั้นจึงเริ่มชอบ ตะลุยชมคลิปนาฏศิลป์เพิ่มขึ้นจนติด  เลิกดูหนังฟังเพลง การแสดงอื่นใดทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นของชาติใด จากนั้น มีแต่นาฏศิลป์ไทยเท่านั้นที่ผมเชื่อว่าลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนที่สุดในโลก
เชิญชมฟังกันเถิดครับ ผมว่าหมดจากอาจารย์นาฏศิลป์รุ่นนี้เราจะไม่ได้เห็นนาฏศิลป์ตามขนบแท้ดั้งเดิมอีกแล้ว

มอญกรงทอง  hvCNoXf8-2w
มอญ พญาแปร q7fruyMSo6A
พม่าอะโก        KqH46Z7oTVg



          อีกครั้ง กลอนห่อโคลง

โคลงกลบทผสม4ชนิด
_อักษรล้วนชนิดที่2(สามคำ)
_ซ้อนดอก
_ก้านต่อดอก
_งูกระหวัดหางชนิดที่2  พพพพ.
 กลอนกลบท2ชนิด
_อักษรล้วนสลับ แปลงเป็นแบบกลอน8
_สร้อยสล้บคู่สคราญ แปลง

.


     ฉุยฉายวันทอง   IvbPy_L3lxI

ขุนแผนร้องเพลงชวนวันทอง...ไปชม "หงส์เหม" เล่นให้เย็นใจ
คำ"หงสฺฺ์เหม" ค้นไม่เจอคำเขียน  ยินแต่ในเพลงร้อง

ชวนเฉิดฉายร่ายคมรมย์ระบำ
เจียมจิตจำเอียงอายชายอ้อนขอ
ชวนเฉิดฉานหวานแหววแล้วพึงรอ
เจียมจิตจ่อเพียงนุชหยุดที่เธอ


     

     เลอเลิศลอยอ่อยเอื้อน   เอมเกษม
ควรคู่คงหงส์เหม.  โห่โอ้
เอวองค์เอ่ยเปรยเปรม   ปรายฝ่าย ชายเฮย
ยังยั่วยลกลโก้   ก่อนย้อนกวนยวน

เลอเลิศลักษณ์อัครอรรถสัตย์เกษมเสียง
คงคู่เคียงแข่งแขแห่เหินหวน
เลอเลิศล้ำขำคมชายชมชวน
คงคู่ควรฝันใฝ่ใคร่ครอบครอง

สองสมสาร่าร้อน   เริงเพลิง
เด็ดเดี่ยวแดแลเหลิง   หลู่ผู้
ผิดผันพ่ายชายเชิง     ชังคั่ง เคียดเฮย
นางหนึ่งนุชสุดสู้   สู่ชู้สองชาย

สองสมสานการกามลามโลมหลั่ง
เด็ดเดี่ยวดังเชิดชวนมวลหมู่หมาย
สองสมสื่อยื้อแย่งแก่งกีดแกาย
เด็ดเดี่ยวดายนามนั้นว่า"วันทอง"



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 พฤศจิกายน 2021, 07:45:PM
     

     

มอญ ทองกวาว
         hMsFGGRMMsc

โคลงไฮกุ ของข้าพเจ้า
มีกฏ เพียงสั้นๆเรียบง่าย เพื่อให้ ใครๆ ก็แต่งไฮกุ ได้
และ เมื่อคุณแต่งออกมาแล้ว โคลงของคุณ แน่นอนว่าจะสร้างแรงบันดาลใจต่อนักกลอน นักคิดนักเขียน กระทั่งนักเรียน มากมายหลายระดับชั้น จะอธิบาย กฏ ข้อกำหนด อารมณ์กวี หลักปรัชญา อัตลักษณ์ การตีความอันเชื่อถือได้ว่า  โคลงที่คุณแต่งออกมานั้น   ไม่ใช่ ไฺฮกุ ประสาอะไรจะว่าเพราะหรือไม่

จึงเรียกได้เพียงว่า โคลงไฮกุ ของข้าพเจ้า

โคลงไฮกุ 3วรรค 17พยางค์
โคลงสองสุภาพ 3วรรค 14 (+2 )พยางค์
กาพย์ ฉบัง16  3วรรค 16พยางค์ ประชัน
.

ดีใจได้ชมละครพันทาง เรื่อง มหาราชวงค์พม่า  มองซูซอ แต่งกายแปลงเป็นหญิง เพื่อลอบเข้าหา องค์หญิง งวยบ๊วย เมนตรามี

         
          xO3Y6B_Km34

เป็นครั้งแรกครั้งเดียว ที่ได้เห็นท่ารำตัวละครหญิงเจือจริตกิริยาฝ่ายชาย ในผูัรำคนเดียวกัน เป็นการรำตีบท มิใช่ว่ารำไม่สวยหรือ ไม่ตามแบบแผน จริงๆแล้วก็สวย
จะพูดว่า ให้ หญิงรำเป็นชาย ชายรำเป็นหญิง ก็งั้นๆ ก็ไม่ใช่
มาตรฐาน ความงามนาฏศิลป์ไทย ตัวพระตัวนาง มาตรฐานเดียวกันไม่มีเพศ นาฏศิลปินไทยรำได้ทุกคน เป็นปกติ
(ครูบุญยังนักระนาดยังเคยรำเป็นตัวนาง)

ซูซอแต่งตัว
           0CInAFlG3X8

สองสมสานการกามลามโลมหลั่ง
เด็ดเดี่ยวดังเชิดชวนมวลหมู่หมาย
สองสมสื่อยื้อแย่งแก่งกีดแกาย
เด็ดเดี่ยวดายนามนั้นว่า"วันทอง"
.....
ส่งสัมผัส ไปที่ โคลงสอง



           

      รักเร้น จารใจเจียม
ค่ำคืนควร รสรัก วารวาย
รอรัก หนึ่งน้องนาง

มิหมองหมางห่างห้าม   เหินแห่งเหตุเขตข้าม
หนุ่มน้อย"ซูซอ"   รอฤๆ

ค่ำคืนฝืนฝันหยันย่อ  หาหดทดท้อ
"งวยบ๊วย"สวยสาค่าควร

แรงรักรุ่มหนุ่มนางสร้างกระแส
วันปราณแปรเป็นไปมิไห้หวน
แรงรักเร้าเย้ายิ่งชิงยั่วยวน
วันปราณปรวนวางวายตายตามกัน



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 19 ธันวาคม 2021, 07:43:PM
     

   
          S43ucObepFo
เดือนดาวพราย ปลายฝนหนาว : พม่าชมเดือน - วัชโรดม

"เดือนดาวพราย ปลายฝนหนาว" เป็นผลงานประพันธ์บทร้องและบรรจุทำนองเพลงไทย ของ ชัยทัต โสพระขรรค์

ผู้ประพันธ์ได้รับแรงบันดาลใจจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่เกี่ยวกับธรรมชาติและความรัก จำนวน 6 เพลง ได้แก่ "ลมหนาว" "สายฝน" "ดวงใจกับความรัก" "เมื่อโสมส่อง" "สายลม" และ "เตือนใจ" โดยนำคำร้องขึ้นต้นในวรรคแรกของแต่ละเพลงมาใช้เป็นต้นบท แล้วแต่งคำประพันธ์ต่อตามหลักฉันทลักษณ์ของกลอนสุภาพจนครบทั้ง 6 บท
เพลงที่เลือกมาใช้สำหรับบรรจุคำร้อง มีจำนวน 6 เพลง เพลงแรกคือ "สาลิกาชมเดือน สามชั้น" มีการสอดแทรกการเดี่ยวขลุ่ยเพียงออประกอบการขับร้อง ต่อด้วยเพลงสองชั้นในสำเนียงต่าง ๆ ได้แก่ "น้ำลอดใต้ทราย" "แขกปัตตานี" "พม่าชมเดือน" "นางครวญ" และ "สร้อยเพลง"



กำลังพล 5,613 นาย ฉุดชัก ‘ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ’ ถวายพระเกียรติยศ
          S8BU5s_efEU




พม่าเห่ การบรรเลงวงปี่พาทย์ไม้แข็ง โดย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร วงหญิง
ชมเถิด ชมแล้วรักไทย ภูมิใจไทย ไพเราะ ที่สุดในโลก
พูดไม่ได้ว่า วงผู้หญิงเล่น ก็เท่านี้ เก่งทุกคน น่ารักน่าจีบทุกคน จีบเป็น น้องนุ่ง พี่ป้าน้าอา
มิอฆ้อง ลักษณะผู้นำลอยเด่นขึ้นมา มือฉิ่ง ลักษณะผู้คุมกฏชัดไม่ยอมให้ใครผิดแน่
          P_asJDaNL-c



ผู้ชนะสิบทิศ ชอบเพลงเพราะ ท่ารำสวย ไม่เท่า พญาผานอง
ครู วันทนีย์ ม่วงบุญ ระดับครูแม่ผู้นึง รำสวยงาม ไม่ผิดแบบแผนแน่นอน รำสวยงามในเพลงพม่านิสา

          k_228e3VA7c


     

      แรมจิต แรมใจ ไม่พบคำแปล แต่ไพเราะคำไพเราะความ
จิรนันท์ พิตรปรีขา ยังเคยใช้คำ "เรือนรัก แรมใจ"

โคลงไฮกุ โคลงสองสุภาพ กาพย์ฉบัง16 กลอนสร้อยสลับคู่สคราญ
ขั้น ทดลอง ไม่บอกว่าทำอะไร





จันทร์นวลเสมือนขวัญ
ค่ำคืนเดือนดับขวัญสลาย
ขอขวัญสถิตใจ

จันทร์จรัสเรืองเฟื่องฟ้า จันทร์แจ่มเจิดเลิศหล้า
ร่มเกล้าองค์พรหม อินทร์เอย

ชายชาติกราดเกรี้ยวเขี้ยวคม พงศ์ภักดิ์ศักดิ์สม
ส่งสเด็จเสวยสวรรค์

ขอขวัญป้องสมองมนุษย์ที่สุดคิด
คืนแรมจิตร้าวใจให้โศกศัลย์
ขอขวัญปกอกเอื้อเกื้อชีวัน
คืนแรมจันทร์แสงสว่างสกาวกลางใจ




หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 25 ธันวาคม 2021, 07:33:PM
     

   

มอญช่อลูกหว้า
          P5JLkvt3SIE


บุหลันเถา ครูสุกัญญา กุลวราภรณ์
          SswoOX4JiqI
ติดใจเสียงร้องจากเพลง พม่าเห่ จากโพสก่อน ติดตามไป จึงรู้ อย่างนี้นี่ ร้องเพลงเพราะ เป็นน้องสาว ครูสมชาย ทับพ่ร เคยรับการถ่ายทอดทางร้องบ้าง จากครูเจริญใจ สุนทรวาทิน

โคลงไฮกุ โคลงสองสุภาพ กาพย์ฉบัง16 กลอนสร้อยสลับคู่สคราญ ตั้งใจจะแต่งห่อโคลง ไม่รู้จะแต่งยังไง ต้องห่อถึงสามชั้น ทดลองไปก็เห็นว่าอาจเป็นไปได้ ทดลองแต่งอีกสามโคลง น่าจะได้




ขอขวัญป้องสมองมนุษย์ที่สุดคิด
คืนแรมจิตร้าวใจให้โศก-ศัลย์ลาย
ขอขวัญปกอกเอื้อเกื้อชีวัน
คืนแรมจันทร์แสงสว่างวาวกลางใจ

สุธา = น้ำ พสุธา = ดิน เยาวมาลย์ เปรียบ ดอกไม้แรกผลิ




     

    ทางไกล แท้คดเคึ้ยว
เดินตามกัน มีคนสวนทาง
เงาจันทร์ พรรณผกาเฮย

ในทางเทียวเกี่ยวข้อง แยกหนึ่งพึงถูกต้อง
ใช่ซ้ายฤๅขวา

กีดแก่งแซงซ้ำนำหน้า ห่างหายทายท้า
ราวลาดพาดพกาสุธาหวาน

ใต้เงาจันทร์ฝันไปไกลสุดจิต
เยาวมิตรทั่วพสุธามหาศาล
ใต้เงาจิตพิศฟ้าร่าสำราญ
เยาวมาลย์หลงหายที่ปลายทาง


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 18 มกราคม 2022, 03:34:PM
         
   
      มอญรำดาบ 
          fk-U-iHuEYo

มู่เดินรำพึง   ไม่ทราบว่า มู่ หรือ มู่เดิน หาคำแปลคำอธิบายไม่พบ

เพราะมากนะ  ใครจะพูดว่าไม่เพราะ อยากให้ไปพูดใกล้ๆพี่บัวขาว จ้า
          uoyBsGbAgqc

ญี่ปุ่นรำพีง   
          6I1INXF-w8c






       
  ท้องทุ่งกว้าง ฟ้าสูง
ลมเอื่อย เมฆลอยไกล ไม่คืน
คนสวย เดินจากไป

          r1eCGHfkwWE?feature=share

กลางดินแดนแผ่นฟ้า
แปรเปลี่ยนเป็นพงหญ้า
ทุ่งร่างนางหาย

ลมพัดพาด ไม่ขาดสาย   ลอยเลื่อนเคลื่อนย้าย
เช่นผู้คน บนมรรคา

มยุราฟ้าสูงยูงบินไกล
งามเกินไขว่ชวดเชยเลยวาสนา
มยุรีที่เห็นเป็นบุญตา
งามเกินคว้าตนรู้มิคู่ควร 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 27 มกราคม 2022, 02:50:PM
           
 
จะจบสำเนียงพม่า มอญ ขาดไม่ได้ อย่าทำพี่บัวขาวโกรธ

ม่านมงคล
P2tHgMQo270

MmqerXDB3PU

โคลงไฮกุห่อสามชั้น
ทดลองแต่งหลายครั้งก็คิดว่าน่าจะเป็นไปไดั
โคลงนี้แต่งโดยยึดแบบแผนว่า โคลงไฮกุ เป็นโคลงบทเดียวและไม่ส่งสัมผัสกับบทกวีใดๆ
จึงคิดแต่งขยายในแบบห่อโคลง ด้วย โคลงสองสุภาพ กาพย์ฉบ้ง16 อันเป็นบทกวี สามวรรคเช่นเดียวกัน จำนวนคำใกล้เคียงกัน แล้ว ตัดจบด้วยกลอน8สุพาพ เพื่อให้ความไพเราะ นุ่มนวล แต่งต่ออีกสักสองครั้ง น่าจะได้แบบแผนที่คิดว่าใช้ไดั

โหมโรงอาทิตย์อุทัย
YxaCpnRdEhY

 

           
  สมรัก สมัครฝัน
รอรัก คืนน้ำผึ้ง พระจันทร์
เหลียวมองสนองรัก

ชวนเชยชิดคู่ข้าง
กามก่อเกิดเสริมสาัาง
เร่าร้อนวิวาห์

หอห้องรองเรืองเฟื่องฟ้่า แจ่มจันทร์เลิศหล้า
วาทแหววหวาน จานใจจัง
รองเรือง = งามสุกใส
ofVmfRnLaQo

ทุกคราเคยเงยหน้าตาประสบ
เธอหันหลบหันข้างช่างสิ้นหวัง
ทุกคราคอยอ่อยอวยว่าสวยจัง
เธอหันหลังแค่เกือบไม่เหลือบแล


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 กุมภาพันธ์ 2022, 12:52:PM
     
 
จูล่ง
          xNaPen-iwGk




เตียวเสี้ยน นายเขมวันต์ นาฏการจนดิษฐ์ (ไฑชนะ นวลละม่อม) : ประพันธ์บท/ประดิษฐ์ท่ารำ/ออกแบบเครื่องแต่งกาย. (ผู้ประพันธ์บทเสริม/ประดิษฐ์ท่ารำ ละครพันทาง เรื่องมหาราชวงศ์พม่า ตอน รักต้องห้าม
งวยบ๊วยเมนตรามี-มองซูซอ)
          Y57Q4IRNl_E


ไฮกุ ห่อสามชั้น
โคลงสองสุภาพ
กาพย์ฉบัง16
กลอนแปดสุภาพ




ภมรภู่ ว่อนเวียน
บุปผา ไกวก้าน เริงระบำ
สีสวย ล้วนเล่ห์ลวง


        https://vt.tiktok.com/ZSesjyCCN/
       

         
     
มากชายหมาย แย่งยื้อ
ชิงเด่นชวน ดวลดื้อ
เหนี่ยวโน้มโฉมฉาย

องเอวอ่อน กรกรีดกราย ชม้อยชม้าย
พาภัยเภท เหตุหึงหวง

เธอเลือกคู่สู่หมายปรายเสน่ห์
ชายแพ้เล่ห์กายใคร่ใจติดบ่วง
เธอเลือกเคียง่เรียงราวดาวเด่นดวง
ชายแพ้ลวงความสวยหมวยหลอกเรา
 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2022, 06:48:PM
     
  ส่วนหนึ่งของการแสดงหุ่นกระบอกเรื่องสามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ ของมูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต
ฉากที่5 จิวยี่ตรวจพล
- ปี่พาทย์ทำเพลงท้ายฮ่อแห่(ไม้แข็ง)-
-ปี่พาทย์ลง-รัวกลองจีนออกตัวแปลง-
- ปี่พาทย์ทําเพลงกราวจีน-
-ปี่พาทย์ทําเพลงต้นนาคราช(ไม้แข็ง)-
          QC3W72y0CkQ

ญี่ปุ่นรัญจวน โดย Sivalai Thai Dance Melbourne:
          OT8VQbi-jf8

ด้วยความขอบคุณและขออนุญาตเผยแพร่เพื่อเป็นการศึกษา


ไม่มีเซ็น ไม่มีไฮกุ
มีไฮกุ คือ ไม่มีไฮกุ
ข้าพเจ้าฝีกแต่งโคลงไฮกุด้วยจำนวนครั้งมากกว่าที่เคยฝึกคำประพันธ์ชนิดอื่น จึงรู้ว่า ฝึกไม่ได้ แต่งไม่ได้ด้วยการฝึก
อย่างที่เคยพูดว่า ฉันทลักษณ์ไฮกุมี สั้นๆ ง่ายๆ แต่มีข้อบังคับ แบบแผนมากมายทึ่กำหนดว่าโคลงทึ่แต่งออกมาไม่ใช่ ไฮกุ
โคลง กลอน ทุกชนิดในโลก ยึด จินตนาการแห่งอิสระภาพ ไม่ถูกบังคับยึดโยงรูปแบบใดๆ เป็นอิสระ กว้างไกลแห่งจักรวาล กว้างเท่าใจ
ไฮกุไม่ใช่เช้นนั้น โฮกุ ดำดิ่งลึกลงภายใน อันล้ำลึกไม่มีแม้คำว่าขอบเขต ไม่มีจุดที่สุด
ล้ำลึกแห่งความไม่มี ไม่มีเซ็นคือไม่มีไฮกุ ฝึกกันไม้ได้

มีบุรุษหนึ่งท่าน ไม่ใช่เซ็น คือมหาบุรุษพระพุทธเจ้า
ได้กล่าวไฮกุอันเป็น ที่สุด แห่งไฮกุ. ตลอดกาล

"เราหยุดแล้ว
ท่านสิ ยังไม่หยุด"

คิดแต่งไฮกุห่อสามชั้น ส่วนห่อจึงต้องพยายามแต่งให้เป็นไฮกุ ด้วย สังเกตุได้ว่า ไม่รอด




 


     
  แห่งหนี่ง ผาดผ่าวร้อน
แห่งนั้น อาบรัก สายน้ำเย็น
แห่งไหน ไม่มีเธอ

เพลิงแผลงผลาญรุ่มรัอน
หลอมหล่อเหล็กแกนก้อน
จึ่งแจ้งแรงพลัง

เยือกเย็นเป็นปานธารถั่ง. หล่อเลี้ยงอยู่ยัง
ชีพด้วย ดินน้ำลมไฟ

เธอ. https://vt.tiktok.com/ZSeG8ykTQ/
https://vt.tiktok.com/ZSetBbgXH/

เธอเริงเร่าเผามลายวายมหันต์
เธออยู่นั่นโลมลามวามวูบไหว
เธอเริงรื่นชี่นฉาบอาบรำไร
เธออยู่ไหนพบพาเมื่อมาเอง
 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2022, 10:51:AM
     


ส่งท้ายกับสำเนียงจีน ญี่ปุ่น
ปิดท้าย ไฮกุ

ครูชยุดี วสานนท์ ฉายา ไม้ขิมไฟบันลือโลก แป๊ะฮวยพัง
tAiWT5szXns


ญี่ปุ่นฉะอ้อน
PxM8f2SioFk



เวลาวาร ผ่านไป
ในใจของฉัน ยังมีเธอ
ในอ้อมกอด ว่างเปล่า

เยือนมาไยไม่ย้อน คนเก่าขานกานท์ค้อน
ว่าแล้วแววลา

เก็บภายใน ใจมิกล้า สงสารนักหนา
ขาดแม้แค่มิตรคิดหมาย

RO0Y4nTF6rs?feature=share

คิดถึงคำตำใจในอ้อมกอด
ฉะอ้อนออดเอวยึกนึกไ่ม่หาย
คิดถึงเคยเอ่ยเอียงเคียงข้างกาย
ฉะอ้อนอายเอวยักยิ่งรักเธอ



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 มีนาคม 2022, 07:10:PM
         

      นิดา.... ผู้ได้ผ่าน การอบรมมาดี

งามน้ำใจ จุติมา
คือนิดา ผ่านฟ้า หรือไฉน
ธิดา ของมหาชน


ชั่วชีวิตใครสักคนหนึ่ง จะได้คบเพื่อนเช่นนี้



สำเนียงแขก
Gbb2EaqTDFc
jPqvJwyX5pg

จบไฮกุ เรื่องไม่จบ
แต่งโคลงไทยห่อโคลงไฮกุ รู้สึกเสียศักดิ์
จึงไปค้นคำประพันธ์ไทย อันน่าจะศักดิ์เสมอไฮกุ
คือ ร่าย โคลง กาพย์ ฉันท์
พบหลายชนิด ที่จำนวนคำ จำนวนวรรค ใกล้เคียงกัน
วันนี้เริ่มด้วย


-ร่ายสุภาพ ตัดเฉพาะบทสุดท้าย ที่จบด้วยโคลงสองสุภาพรวม5วรรค
-มาลินีฉันท์๑๕ 3วรรค 15คำ
จังหวะ ลหุลหุลหุ ลหุลหุ ลหุครุครุ
ครุลหุครุครุ. ลหุครุครุ
-กาพย๋ ดอกแคร่วง 3วรรค 10คำ

เป็นการทดลอง เพื่อปรับแก้ต่อไป
เดิมกะว่าจะแต่ง ประเภทละสองบท
แต่รู้สึกว่าควรแต่งเป็นบทเดียว เพื่อรวบคำให้ล้ำลีกเหมือนไฮกุ

1XTAswWHLJg


https://vt.tiktok.com/ZSeTJvJL3/


   

        งามน้ำใจงามตา นิดาของมหาชน
มณฑาบานผ่านฟ้า โรยหล่นบนผืนหล้า
เพื่อพ้องปรองปรีดิ์

จริยะ ภว ประเสริฐศรี กัลยานี
ประโลมหรรษ์

คืนดุสิตสวรรค์ โกมุทผุดพรรณ
เทวี


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 เมษายน 2022, 04:59:PM
       

     


แขกกล่อมเจ้า
          TucAImREPmw

ประภัททกฉันท์ 15
หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ลหุ-ลหุ-ลหุ- ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ     ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ

ตัวอย่างคำประพันธ์


บทคณฉันทศาสตร์     นิกรปราชญ์
ประพฤติเพียร
พจนพิจิตรเรียน     อลสะเพียร
มโนวิจารณ์
วิบุลยปรีชญาณ     พลจะชาญ
ฉลาดนิพนธ์
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)



ตับนิทราชาคริต(อาบูฮาซัน)
          suMBeVHHCB8


     

   

     




ไฮกุ.....ลมละมุลอุ่นหนาว
พายุวนฝนฟ้าคำราม.
เช่นรัก มักแปรปรวน



ร่ายสุภาพ.....ฤดูกาลวารเวียน     ลมเปลี่ยนหมุนอุ่นหนาว
พัดพราวพานร่านร้อน     หายห่างเห็นเย็นย้อน
ค่ำเช้าเหงาจัง


ประภัททกฉันท์ 15 .....ปกติ ผิว์รักหะชัง     กวะพลัง
ลุพายุแรง

กาพย์ดอกแคร่วง.....เดือนลาฟ้าแจ้ง     ใจไม่เปลี่ยนแปลง
ยิ่งรัก

      แขก อาหรับ. 
https://vt.tiktok.com/ZSdY3YogD/


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 29 เมษายน 2022, 05:51:PM
     

    เทพบันเทิง.....6D466fP5290

ระบำเทพบันเทิง เป็นระบำที่อ.มนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติและผู้เชี่ยวชาญดุริยางคศิลป์ไทย กรมศิลปากร ประพันธ์บทร้องและบรรจุทำนองเพลง ประกอบการแสดงละครในเรื่องอิเหนา ตอนลมหอบ กล่างถึงองค์ปะตาระกาหลา ผู้ซึ่งเป็นบรมราชอัยการของอิเหนา และบุษบา เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วได้เสด็จไปอุบัติเป็นเทพราชาสถิตย์อยู่ ณ วิมาณเมฆ บนสวรรค์ มีเทพบุตรและเทพอัปสรฟ้อนรำนี้ต่อมาเรียกว่า ระบำเทพบันเทิง กรมศิลปากรจัดการแสดงให้ประชาชน ณ โรงละครศิลปากร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙ ผู้ประดิษฐ์ท่ารำคือ อ. ลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลปกรมศิลปากร นางมัลลี คงประภัศร์ และนางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก (หม่อมครูต่วน)
ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม เพลงที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดง ได้แก่ เพลงแขกเชิญเจ้า และเพลงยะวาเร็ว เครื่องแต่งกาย ผู้แสดงแต่งกายยืนเครื่อง พระสวมเสื้อแขนสั้น ศิราภรณ์ชฎายอดชัย นางศิราภารณ์มงกุฏกษัตรีย์



         
วาณินีฉันท์ 16
หนึ่งบทมี 16 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 5 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ      ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ

ตัวอย่างคำประพันธ์
นรนฤนาทภิบาล กลประมาณ
ประเล่ห์อุประมา
จะประพฤติราชกิจา นุกิจสา
ธุธรรม์บอาธรรม์
บุพบทวากยวรรณ วุดิฉัน
ทวณินีนาม
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

คิดถึงเสมอ รักความสง่างาม.    (อิเหนา) ครูขวัญใจ คงถาวร ZF2Af1wnQ5A

     

       ไฮกุ...รักคือโชคชะตา
เมื่อมา ถูกที่ถูกเวลา
ไม่นาน ก็จากไป

มา. https://vt.tiktok.com/ZSdJpnGcJ/
ร่ายสุภาพ...ความรักเยือนเสมือนลับ เกิดดับโชคโลกฝัน
พลันสบพบต่างต้อง จิตร่ำนำเรียกร้อง
หล่อเลี้ยงฤตี

วาณินีฉันท์ 16...สุริยะจรัสระวี กวะนรี
ประดับณเวลา

ไป...https://vt.tiktok.com/ZSdJp4bM3/
กาพย์ดอกแคร่วง.. ดอกสคราญบานช้า. ร่วงโรยโหยหา
คาใจ


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 25 พฤษภาคม 2022, 05:50:PM
     

แขกยิงนก.   2ziMMzHFFJE
แขกฮินดู      oWzkKsyJ6Jk

กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ 18 (กุสุมิตะละดาเวนลิตา )

หนึ่งบทมี 18 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 11พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ครุ-ครุ-ครุ- ครุ-ครุ-ลหุ- ลหุ-ลหุ-ลหุ- ลหุ-ครุ
ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ลหุ-ครุ-ครุ




     

      (โคลงไฮกุ .....)
โลกกว้าง ทางแคบนะ
หายใจ เข้าออก คิดถึงเธอ
ยี่สิบสี่ ชั่วโมง

(ร่ายสุภาพ ...)
รักคือก้าวกว้างไกล   ไวต้องทันไอที
มีรัก ทักต่อหน้า   ทันเท่า หะเราช้า
นั่งน้ำตานอง

(กาพย์ดอกแคร่วง..)
รักเหลือเผื่อสอง รักเล่นเช่นลอง
ตามยุค

(กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ 18 ...)
ส่องติ๊กต๊อก รักน้องเนาะ เหอะก็เพราะ สนุก
เพจและเฟสบุ๊ค ก็ติดตาม

อินเดีย. https://vt.tiktok.com/ZSdXXmmhK/

อินเดียแปลไทย     iw4AcXiOssw



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 25 มิถุนายน 2022, 06:00:PM
           

     แขก ถนอมนวล Ex6eaeHth70
เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ 19 ( เม-คะ-วิบ-ผุด-ชิ-ตา-)
หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ลหุ-ครุ-ครุ- ครุ-ครุ-ครุ- ลหุ-ลหุ-ลหุ- ลหุ-ลหุ-ครุ
ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ลหุ-ครุ-ครุ
๓-๓-๒-๔. ๑-๓ ๓

คำ"ครึง" ใช้แทน "คลึง" เช่น
ราชคลึงเครา บางทีสะกดครึงเคราก็มี หมายความถึงพระราชาลูบเครานั่นเอง


             

โคลงไฮกุ

ค่านวล ควรถนอม
รสรักแรก วารนั้น สั้นนัก
ไม่มีใคร เทียบเธอ

ร่ายสุภาพ

จิตตะนึงถึงเธอ ละเมอรูปรสรัก
สะโพกยักยั่วย้อน ุ เอวอ่อนกายอายอ้อน
ห่วงให้โหยหา

กาพย์ดอกแคร่วง

ครึงใคร่ใบหน้า มือไวไขว่คว้า
              คลั่งไคล้
     
เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ 19

ปทุมโฉม นวลเนื้อโนม สติ และ ฤดิไย
คล้อยระลึกไป                   ก็พียงเธอ

                 fyRyjkyzDbI



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 กรกฎาคม 2022, 12:04:PM
                 

         ช้าแขก
          Wrs2RJf3RXQ

ถ้าจะเอ่ยถึงคำฉันท์ ข้าพเจ้า จะนึกถีง "มัทนะพาธา"
การพรรณนาเรื่องของ สตรี ความรัก ฉันท์ คือคำประพันธ์ที่เหมาะ ไพเราะที่สุด
................
หนังสือที่แต่งได้โดยยาก
ลักษณะคำประพันธ์ของบทละครพูดคำฉันท์ เรื่องมัทนะพาธา
หากเพื่อน ๆ สังเกตดี ๆ ก็จะพบว่าวรรณคดีไทยหลาย ๆ เรื่องที่เราได้ศึกษากันในระดับชั้นมัธยมนั้นมีผลงานพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ อยู่มากมายทีเดียว และจากการที่ได้ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดละครพูดตามแบบตะวันตกมาก และได้พระราชนิพนธ์บทละครพูดเองอยู่หลายเรื่อง เช่น บทละครเรื่องเห็นแก่ลูก ตามใจท่าน เวนิสวาณิช วิวาห์พระสมุทร และอื่น ๆ โดยบทละครเหล่านี้มักเป็นร้อยแก้วหรือคำกลอน แต่มัทนะพาธาเป็นบทละครพูดเรื่องเดียวที่แต่งเป็นฉันท์ ประกอบด้วยฉันท์ทั้งหมด ๒๑ ประเภทภายในเรื่องเดียว ได้แก่ อินทวงศ์ฉันท์ ๑๒ วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ อุปชาติฉันท์ ๑๑ จิตรปทาฉันท์ ๘ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ สาลินีฉันท์ ๑๑ อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑ สวางคตาฉันท์ ๑๑ รโธทธตาฉันท์ ๑๑ โตฏกฉันท์ ๑๒ กมลฉันท์ ๑๒ ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ ปิยังวทาฉันท์ ๑๒ วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ มันทักกันตาฉันท์ ๑๗ กุสุมิตลดาเวลิตาฉันท์ ๑๘ สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙ เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ ๑๙ อิทิสังฉันท์ ๒๐ สัทธราฉันท์ ๒๑

[อินทะวิเชียร, ๑๑.]
มายาวิน

ไม้เรียกผะกากุพ- ชะกะสีอรุณแสง
ปานแก้มแฉล้มแดง ดรุณีณยามอาย
ดอกใหญ่และเกสร สุวคนธะมากมาย
อยู่ทนบวางวาย มธุรสขจรไกล
อีกทั้งสะพรั่งหนาม ดุจะเข็มประดับไว้
ผึ้งเขียวสิบินไขว่ บมิใคร่จะห่างเหิน.
อันกุพฺชะกาหอม บริโภคอร่อยเพลิน
รสหวานสิหวานเชอญ นรลิ้มเพราะเลิดรส
กินแล้วระงับตรี พิธะโทษะหายหมด
คือลมและดีลดทุษ เสมหะเสื่อมสรรพ์
อีกทั้งเจริญกา- มะคุณาภิรมย์นันท์
เย็นในอุราพลัน และระงับพยาธี
(ขอบคุณ บทความจาก ) https://blog.startdee.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%A15 (https://blog.startdee.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%A15)

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

หนึ่งบท จะมี ๓ วรรค (โดย ๓ วรรคถือเป็นหนึ่งบาท)
วรรคแรกมี ๑๒ พยางค์
วรรคสองมี ๕ พยางค์ ........ วรรคสุดท้ายมี ๒ พยางค
(รวมเป็น ๑๙ พยางค์ ในหนึ่งบท)

ครุ-ลหุ แต่ละวรรคจะมีลักษณะ คือ

ครุ-ครุ-ครุ- ลหุ-ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ- ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ครุ-ครุ- ลหุ-ครุ-ครุ. ลหุ-ครุ

ลักษณะการส่งสัมผัส
คำสุดท้ายของวรรคแรก ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒
ส่วนวรรคที่สามเป็นอิสระ
- สัมผัสระหว่างบท -
ให้คำสุดท้ายของบทก่อนหน้า ส่งสัมผัสไปที่คำสุดท้ายในวรรคที่ ๑ ของบทต่อไป
หากต้องการเพิ่ม สัมผัสใน คำที่๖ ส่งสัมผ้สไปที่คำที่๘ ของวรรคแรก

       

       
โคลง ไฮกุ

            มธุรส หอมหวาน
            กุหลาบ ที่สุด แห่งความงาม
            ชื่อนี้ สื่อแทนรัก
            yT0vrQb9tHw
ร่ายสุภาพ

             รูปรสกลิ่นจินต์จำ สำเนียงเสนาะโสต
             สะโอดอั๋นหนั่นเนื้อ ชวนชื่นจิตชิดเชื้อ
             ร่ำร้องสองสม

กาพย์ดอกแคร่วง
               

               ค่ำคีนรี่นรมย์. ต่างไต้ไพรพรม
               แจ่มจันทร์

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

                 ตูม ตูม แต็ก แหนะระบำ จะขำ ก็บมิขัน
                  แม้อ้วนสะโพกสั่น                      ก็งาม

แขก.
     https://www.tiktok.com/@jwandada/video/7006723206660836610 (https://www.tiktok.com/@jwandada/video/7006723206660836610)


     


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 29 กรกฎาคม 2022, 10:14:AM
         

           
สุดท้ายของโคลงไฮกุ
สุดท้ายของคำประพันธ์ไทย เท่าที่ข้าพเจ้าค้นเจอ ประเภทโคลง ฉันท์ กาพย์ ซึ่ง ๑บท มึจำนวน ๓วรรค และจำนวนคำ เท่ากันหรือใกล้เคียง กันกับโคลงไฮกุ

และสุดท้ายของเพลง สำเนียงแขก ชึ่งสุดท้ายนี้ ถ้า ไม่มีเพลง แขกมอญบางขุนพรหม ไม่ได้ หลายท่าน อาจจะไม่พอใจ แขกมอญบางขุนพรหมเนี่ย ไม่ว่าอย่างไร ที่ไหน ถูกถามหาเสมอ

                  JDb4HFGbkBs

เพลงแขกมอญบางขุนพรหมเป็นเพลงไทยเดิมสำเนียงแขกปนมอญ ซึ่งแต่ดั้งเดิมมีเพลงแขกมอญและเพลงแขกมอญบางช้าง ๒ ชั้น ทำนองเก่ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนกลางจึงเกิดเพลงแขกมอญบางขุนพรหมขึ้นอีกเพลงหนึ่ง
แขกมอญบางขุนพรหมเป็นเพลงเถา (ประกอบด้วยเพลงอัตราจังหวะ ๓ ชั้น (ช้า) ๒ ชั้น (ปานกลาง) และชั้นเดียว (เร็ว) บรรเลงติดต่อกันตามลำดับ) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตทรงพระนิพนธ์เพลงแขกมอญบางขุนพรหมขึ้นจากเพลงมอญเก่าอัตราจังหวะสองชั้นชื่อเพลงมอญตัดแตง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ ตั้งชื่อว่า "แขกมอญบางขุนพรหม" เพราะแต่งตามตามแบบแผนของเพลงแขกมอญ คือ เพลงมี ๓ ท่อน ทำนองของเพลงต้องสอดแทรกสำเนียงมอญ และในจังหวะสุดท้ายของแต่ละท่อนต้องมีทำนองซ้ำกัน ส่วน "บางขุนพรหม" เป็นวังที่ประทับของพระองค์ แต่ตามประวัติมีว่าทรงแต่งเพลงนี้ที่พระราชวังบ้านปืน จังหวัดเพชรบุรี.....

ระบำแขก....... i7bR2-Uiifg
ในละครพูด สามัคคีเภท

อีทิสังฉันท์ 20 หรือ วุตตฉันท์20 หรือ อีทิสฉันท์20
อีทิสังฉันท์ 20 เป็นฉันท์ที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น ฉะนั้นจึงใช้แต่งบรรยายความรัก ความวิตก และความโกรธ

หนึ่งบทมี 20 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 9 พยางค์ วรรคสอง 8 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ครุ-ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ -
ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ - ลหุ-ครุ-ครุ
จังหวะการอ่าน
๓...๒...๔
๒...๒...๔... ๓

ตัวอย่างคำประพันธ์

อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี
ประดุจมโนภิรมย์ระตี       ณแรกรัก
แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์
แฉล้มเฉลาและโศภินัก    ณฉันใด
หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย
สว่าง ณ กลางกมลละไม   ก็ฉันนั้น
— มัทนะพาธา, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว




       

       โคลงไฮกุ.....

คว้าจับ กลับหลุดมือ
วาบหวิว แกมว้าง ที่กลางใจ
เช่นนี้หรือ คือรัก

แขกกุลิต เถา........ HpJVQLHB-Gg
ร่ายสุภาพ.....

ถนอมนวลสงวนคำ พร่ำพรอดเพียงเคียงใกล้
ใจจางหายหน่ายหน้า เขินไขว่ไกลเกินคว้า
เช่นนี้ไฉน

กาพย์ดอกแคร่วง.....

ขุ่นเคืองเรื่องใด เหินห่างร้างไกล
กระนั้น

อีทิสังฉันท์ 20.....

สุขและทุกข์ มิผิด ลิขิตสวรรค์
เสน่ห์ ก็พา กระสากระสัน          ฤดีดาล



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 09 สิงหาคม 2022, 09:14:AM
           

            Szh3da4Zu2g
ขออณุญาต ขอบคุณ https://m.youtube.com/user/annkannk1

บทเพลงรำลึกงานเปิดเขื่อนอุบลรัตน์ ครูบุญยงค์ เกตุคง ประพันธ์เพลงนี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2512 สมัยรับราชการเป็นหัวหน้าวงดนตรีไทยกรุงเทพมหานคร ได้นําเพลงฝั่งโขง สองชั้นของครูมนตรี ตราโมท มาแต่งขยายเป็นอัตราสามชั้นแล้วตัดลงเป็นชั้นเดียว ตั้งชื่อใหม่ว่า สองฝั่งโขงเถา สํานวนเพลงเป็นลาว มีความอ่อนหวานไพเราะ แทรกการบรรเลงคั่นระหว่างบทร้อง บทร้องเป็นผลงานของนายเสนาะ ชีวรากร ประดิษฐ์ทางร้องโดยครูจําเนียร ศรีไทยพันธุ์
..........
อุ่นเครื่อง เฉพาะกิจ ไม่รู้จะแต่งกลอนอะไร
ที่ยังไม่ค่อยจะได้แต่ง ก็ ฉันท์ และ กลบท
คิดๆ ซ้อมๆ ก่อน



             

          รักเธอเสมอ มิละหทัย       มธุนัย มิจืดจาง
อ้วนผอมก็ยอม จะมิแขวะขวาง       ศิระยอบ และมอบมาน

รักแรกครั้งตั้งต้นบนโซเชี่ยล
วันผันเพี้ยนดื่มด่ำน้ำผึ้งหวาน
รักแรกคราวสาวแฉล้มแย้มกลีบบาน
วันผันผ่านกลีบซ้อนซ่อนกลิ่นไร



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 26 สิงหาคม 2022, 02:41:PM
         

       
ราตรีประดับดาว: สยามสังคีตดนตรีไทย

ราตรีประดับดาว เป็นเพลงในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในปีพ.ศ. ๒๔๗๒ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าได้ทรงฟังเพลงแขกมอญบางขุนพรหมเถา ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า ฯ กรมพระนครสวรรค์พินิต พระองค์จึงมีพระราชประสงค์จะทรงแต่งเพลงเถาในสำเนียงมอญอย่างนั้นบ้าง จึงทรงหารือกับครูอาจารย์ด้านดนตรีไทยโดย ทรงเลือกเพลงมอญดูดาว ของเก่า มาทรงประดิษฐ์ขยายทำนองเป็นเพลงเถาซึ่งมีความอ่อนหวานไพเราะมาก

สำหรับเพลงราตรีประดับดาว: สยามสังคีต ดนตรีไทยฉบับบรมครูนี้
อำนวยเพลงและควบคุมการบรรเลงโดย อ.เสรี หวังในธรรม

นักดนตรี
ระนาดเอก.....นาย ไชยยะ ทางมีศรี
ระนาดทุ้ม.....นาย เผชิญ กองโชค
ฆ้องวงใหญ่.....นาย สาธิต แสงบุญ
ฆ้องวงเล็ก.....นาย ศักดิ์ชาย ลัดดาอ่อน
ปี่ -- ขลุ่ย.....นาย สิงหล สังข์จุ้ย
ปี่ -- ขลุ่ย.....นาย ปี๊บ คงลายทอง
ตะโพน -- กลอง.....นาย สนอง อ่ำแสง
ตะโพน -- กลอง.....นาย มนัส ขาวปลื้ม
ฉิ่ง -- ฉาบ -- กรับ.....นางสาว อารีย์ ทับศรี
ฉิ่ง -- ฉาบ -- กรับ.....นางสาว นงลักษณ์ ทับศรี
ฉิ่ง -- ฉาบ -- กรับ.....นาย ประสาท ทองอร่าม
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย ธีระ ภู่มณี
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย เสนีย์ เกษมวัฒนากุล
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย อารี ศุขสายชล
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย ประสาร วิทย์เจริญพร
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย เฉลิม ม่วงแพรศรี
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย เลอเกียร มหาวินิตฉัยมนตรี
จะเข้.....นาย วิทยา ว่องไว
จะเข้.....นาง สุธาร บัวทั่ง
...........


คิดอยู่ว่า จะแต่ง กลอน กาพย์ กลบท หรือ กลบทผสม สลับฉันท์

จึงยังคง อุ่นเครื่อง ซ้อม ตามอารมณ์ ที่เคลิ้มไปตาม ลีลา ทำนอง เพลง ราครีประดับดาว
ขออณุญาต และ ขอบคุณ สยามสังคีตดนตรีไทย และ ทุกท่านที่เกี่ยวข้องในคลิป ไว้ณ ที่นี้

           ราตรีประดับดาว
             FTSiXVAWdk4


         

          วารวันพบคบคู่อยู่ช่วงสั้น    ค่ำคืนนั้นรสชาติสวาทไสว
วารวันเพียงเคียงข้างมิห่างไกล    ค่ำคืนไหนกุมกอดยอดชีวี

คิดถึง คะนึง รติสราญ        ทิววาร และราตรี
กอดน้อง ตระกอง สริระนี้     อุระแนบ จะแอบอิง

กลมกลึง เถอะถึง สละสลวย   ประ- สะสวย ประสาหญิง
รักเอย มิเคย จะปะละทิ้่ง          ม_นจด มโนจำ

เคยโลมลูบจูบเจ้าเคล้าชิดเชย         คิดล่วงเลยเต่งเต้าเจ้าคมขำ
เคยโลมไล้ไซร้ซอกเพียรหยอกย้ำ   คิดล่วงล้ำเนื้อในให้ซาบทรวง




หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 19 กันยายน 2022, 02:08:PM
       

         เพลงเขมรละออองค์ เถา เป็นเพลงที่ 2 ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงนี้มีความไพเราะไม่แพ้เพลงราตรีประดับดาว เพลงเขมรละออองค์ เถา ทรงพระราชนิพนธ์จาก ทำนองเพลงเขมรเอวบาง 2 ชั้น ของเก่า สำเร็จครบเป็นเพลงเถา เมื่อปี พ.ศ.2473

หนังสือสารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย ภาคประวัติและบทร้องเพลงเถาฉบับราชบัณฑิตยสถาน ( หน้า 56 - 57 ) กล่าวถึงประวัติและที่มาของทำนองเพลงไว้ดังนี้ :

เพลงเขมรเอวบาง อัตา 2 ชั้น ของเก่า เป็นเพลงที่มาจากเพลงเขมรแท้เพลงหนึ่ง เพลงเขมรเอวบาง 2 ชั้น นี้ พวกลิเกบันตนได้นำมาร้องใช้ก่อน มีบทร้องขึ้นว่า " นกเอี้ยงเต่านา " แล้วมีคำเขมรแทรกเป็นตอนๆ ต่อมาภายหลังจึงมีผู้ปรับปรุงทำนองให้นุ่มนวลขึ้น ใช้ร้องในการแสดงละครและอื่นๆ เพลงที่ปรับปรุงขึ้นใหม่นี้เป็นเพลงหน้าทับปรบไก่ มี 2 ท่อน ท่อนละ 4 จังหวะ

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขยายขึ้นเป็นอัตรา 3 ชั้น แล้วทรงตัดเป็นชั้นเดียวครบเป็นเพลงเถา ต่อจากนั้นจึงทรงพระราชนิพนธ์ทางร้องขึ้นประกอบทุกๆ อัตรา บทร้องนั้นทรงใช้บทซึ่งคัดมาจาก บทละครรำ เรื่อง " พระร่วง " พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทรงแก้ไขเพื่มเติมบางคำ แล้วทรงตั้งชื่อเพลงขึ้นมาใหม่เลียนชื่อเดิมคือ " เพลงเขมรเอวบาง " มาเป็น " เพลงเขมรละออองค์ "

          ADCcTg9n5J0
          ขออณุญาตและขอบคุณ ช่องyoutube อ.เสรี หวังในธรรม


ยังคงซ้อม และยังไม่ได้ แบบแผนที่พอใจ
และแบบแผนเดิมมีให้ศีกษาค่อนน้อย ได้แต่เพียงศีกษา แกะ ต้วอย่างคำประพันธ์ จาก กูเกิล
กลบทสร้อยสลับคู่สคราญเคยกล่าวไว้แล้ว ไม่แน่ใจว่าที่ข้าพเจ้าแต่งจะถูกต้อง แต่ก็คงไม่ผิด มั้ง  ถึงอย่างไรก็เพีบงเป็นกลอนแปดสุภาพ
...........



           

           วารวันเก่าเขาคงหลงลืมลา    รักที่หาคล้ายเคลื่อนเลือนลับล่วง
วารวันก่อนย้อนเยือนเหมือนทักทวง    รักที่หวงเชยชัดมิทัดทาน

แรกรัก สมัคร ม_นจะครอง        ปิติปอง ณ แรกกาล
ชื่นรัก ประจักษ์ มธุรหวาน         ทะนุน้อง ประคองนวล

วารเศร้า ฤเรา มิเหมาะอนงค์     กวะคง มิคู่ควร
นารี ฉะนี้ ผิวะมิผวน                   สิจะผัน ไฉนนอ

เมื่อรักเริ่มเติมต่อก่อคิดหาญ     มีคำขานเอื้อนอ้อนก่อนเข้าหอ
เมื่อรักร้างอ้างเอ่ยน้องเคยรอ    มีคำขอเพียงพึงหนึ่งคืนแรม



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 14 ตุลาคม 2022, 08:58:AM
     

     พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงในรัชสมัยรัชกาลที่ 7มีทั้งหมดด้วยกัน 3 เพลง :

1. เพลงราตรีประดับดาว เพลงนี้เป็นเพลง สำเนียงมอญ มาจากมอญดูดาว

2. เพลงเขมรละออองค์ มาจากเพลงเขมรเอวบาง

3. เพลงคลื่นกระทบฝั่ง มาจาก คลื่นกระทบฝั่ง
.....
ส่วน
เพลงบังใบเป็นเพลงในตับวิวาห์พระสมุทรเช่นเดียวกับเพลงคลื่นกระทบฝั่ง และแขกสาหร่าย


โหมโรงเพลงคลื่นกระทบฝั่งแสดงโดย สำนักการสังคีต

เพลงคลื่นกระทบฝั่งเป็นเพลงลำดับที่ ๓ ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พระราชนิพนธ์

โดยพระราชนิพนธ์ขึ้นจากเพลงคลื่นกระทบฝั่งเดิมที่เป็น ๒ ชั้น ให้เป็น ๓ ชั้น ซึ่งทำนอง ๒ ชั้น จะมีความหมายเหมือนเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง

แต่เมื่อพระราชนิพนธ์ดัดแปลงขึ้นเป็น ๓ ชั้นแล้ว ทรงแทรกลูกล้อลูกขัดเป็นลักษณะคลื่นต่างๆ ท่วงทำนองจึงทำให้เกิดตื่นเต้น เร้าอารมณ์ ชวนให้ผู้ฟังสนุกสนาน เพลงคลื่นกระทบฝั่งนี้ ใช้เป็นเพลงโหมโรงประเภทเสภา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ #Siammelodies

          D4nuexlel4M
ขออนุญาต และขอบคุณ ช่อง https://m.youtube.com/c/Siammelodies


เพลงบังใบเป็นเพลงอัตราสองชั้น
เป็นเพลงเก่าไม่ทราบนามผู้แต่ง ประเภทหน้าทับสองไม้
มีสองท่อน ใช้ขับร้องในการแสดงโขนละคร
ภายหลังมีผู้นำมาแต่งขยายขึ้นเป็นอัตราสามชั้น
และตัดลงเป็นชั้นเดียวครบเป็นเพลงเถา มีอยู่หลายทางด้วยกัน
ทางที่นิยมมากคือ ทางปี่พาทย์ของจางวางทั่ว พาทยโกศล

———
สำหรับเพลงที่กำลังฟังในขณะนี้
เป็นการเดี่ยวขิม โดยครูสุวิทย์ บวรวัฒนา แห่งวงวัชรบรรเลง
ควบคุมการบันทึกเสียง :: วราห์ วรเวช
บันทึกเสียงจากเทปอัลบั้มม่านมงคลและเพลงไทยยอดนิยม ตรา Lotus

          XxO65KIEG9k
ขออนุญาต และขอบคุณ ช่อง TheOngkhaphayop
บนyoutube
.........

น้ำใสไหลเย็นแลเห็นตัว      ว่ายแหวกกอบัวอยู่ไหวไหว
นิลุบลพ้นน้ำขึ้นรำไร           ตูมตั้งบังใบอรชร....
...กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์...
.........



มีคำขอเพียงพึงหนึ่งคืนแรม
       

         เรียวคิ้วโค้งโก่งกันเป็นคันศร     เรียวปากย้อนยักขยับกระจับแจ่ม
เรียวคิ้วคัดปัดปลายคล้ายจันทร์แคม  เรียวปากแย้มรับรูปน่าจูบจัง

ตากลม ก็คม ขณะชม้อย    กวะอ่อย ซะเหลียวหลัง
ดอกใบ ไสว เหอะก็มิบัง     กวะพุ่ม ปทุมนาง

เชยชู้ พธู รติสนอง    เกาะตระกอง มิเหินห่าง
เชยชิด สนิท ภวสอางค์    จะมิขาด สวาทวอน

บันทึกจดพจน์พาทสวาทหวาน   รสจูบซ่านทรวงซึ้งหนึ่งสมร
บันทึกจำย้ำยักรักยอกย้อน         รสจูบซ่อนฤๆเร้นเช่นใบบัง



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 พฤศจิกายน 2022, 12:10:PM
         
 

  เคยคิดเสมอว่า ท่ารำปัจจุบัน คงงดงามไม่เท่า สมัยโบราณ ซี่งเราจะไม่มีวันได้เห็น
วันนี้ได้เห็นของเก่า แม้ไม่ทราบว่าเหมือนโบราณ ดั้งเดิมหรือไม่
    แต่ งาม จริง ระดับ ได้เห็นคือ เป็นบุญตา
กรุณา เปิดบน แอป tiktok   ไดัชมถือว่าคุ้ม
ขอบคุณเจ้าของคลิป
https://vt.tiktok.com/ZSRK1RBYV/


เพลงสำเนียงลาว ผมคิดว่าเป็นเพลงระดับพื้นบ้าน แต่
 พูดไม่ได้ ว่าไม่เพราะ และก็ชอบ ฟังจนจบทุกที
          jx4jUNeX0Mo

ขออภัยแต่งกลอนออกมาเป็นบทรักอีก ชักมาก โดยไม่ได้ตั้งใจแต่เริ่ม
แต่เป็นการณ์ กลอนพาไป เหตุุเพราะตั้งใจเล่นคำ และ ที่ยังคงไว้ เพราะการเล่นคำ อาจว่าได้ว่าเป็นฉันทลักษณ์หนึ่ง ถ้าเห็นว่าไม่ผิดหลักฉันทลักษณ์ใหญ่ ก็น่าทำได้ จึงคงไว้เพื่อแสดง

หลังจากซักซ้อมมาจำนวนหนึ่ง จึงถึงขั้นทดสอบ วันนี้ทดสอบเล่นคำ การเล่นคำ มัก ไพเราะคำ แต่อาจ ไม่เสนาะความ คือความขาดขัดไม่สมบูรณ์
 ผมฝีมือด้อย จึงคุมเนื้อหาไม่ได้ดังใจ มุ่งแต่จะให้ได้คำสละสลวย  แล้วการเล่นคำ มักออกทางเน้นย้ำ อารมณ์ โกรธ เกลียด รัก ใคร่
     ต่อไปแก้ไขครับ พยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก
      ……..…


บันทึกจำย้ำยักรักยอกย้อย    รสจูบซ่อนฤๆเร้นเช่นใบบัง
        ……….


 

         
 
ใจรอนร่ำ คร่ำครวญ ชวนคิดวุ่น
รอวันลุ้น แรกรัก ชักคาดหวัง
ใจรอนรน กลเก้อ เธอจงชัง
รอวันหลัง ชอกช้ำ ทำจินต์ชา

เคล้าคลอ พนอ จะคละจะคลีง   เพราะคนึง เสน่หา
จวบใจ จะใฝ่ มนะจะคว้า      หะเหมาะคู่ กะอยู่ครอง

พร้อมภักดิ์ เพราะรัก ก็กวใจ             สละให้ มิขืนข้อง
รูปเสียง เพราะเพรียง เสนาะสนอง   เฉพาะหวัง จะยั่งยืน

รูปกลมกลีง ตรึงตรา พาใจจำ
ขอหนึ่งคำ มั่นหมาย คลายข้องขืน
รูปกลมเกลา เคล้าคลอ พอฉ่ำชื้น
ขอหนึ่งคืน รำลึก ดึกชนเช้า
 


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 08 มกราคม 2023, 02:00:PM
             


   กลบท
             ขั้นทดลอง ขออภัย กึ่งสัมผัสเพี้ยน สองแห่ง เพราะต้องการ คง "ความสำคัญ" ของ "คำสำคัญ" ต่อไปจะไม่ให้ผิดอีก

       กลบทผสม
สร้อยสลับคู่สคราญ ผสมแปดสัมผัส ผสมอักษรคู่สัมผัสชิดและสัมผัสข้าม (ชื่อยาวปุยมุ้ย) คือ
คำ"ทุกคำ"รวมคำสร้อย ส่งสัมผัสทุกคำครบแปดคำแปดตำแหน่ง ตามหลักสัมผัสกลอน"สุนทรภู่"  ไม่มีคำใดเป็นอิสระ  อักษรคู่หากสัมผัสชิดเรียงกันสองคู่ จะเป็นลีลากลอนราบเรียบน่าเบื่อ จึงกำหนดให้อักสรคู่ คู่แรกเป็นสัมผัสชิด คู่หลังเป็นสัมผัมข้าม เพื่อเกิดลีลาสบัดปลาย เพิ่มอารมณ์เข้มข้น

วสันต์ดิลกฉันท์ ด้วยฉันทลักษณ์ บังคับ ครุ ลหุ ผมตีความว่าเป็น กลบท ในตัวอยู่แล้ว จึงเพิ่มสัมผ้สในเป็นสัมผัสสระแบบข้าม ให้ครบตามหลักสัมผ้ส"สุนทรภู่"  ครับผม


        3Agy-l7wsNE

กลับมาแล้วแจ้วจ้าเทียวมาทัก
คนที่รักเยี่ยมยามขานตามขอ
กลัยมาเล่าเกลากลอนเพ้ออ้อนพ้อ
คนที่รอคลั่งไคล้ลืมไม่ลง

ฤๆผู้ จะคู่ เฉพาะสคราญ   ยุวมาลย์ พญาหงส์
หากเปรียบ จะเทียบ สุริยองค์   ผิว์เหาะเหิน ก็เกินเรา

จากกัน สะบั้น มธุรวาท   มนะขลาด มโนเขลา
รักปลื้ม มิลืม หะฤดิเศร้า   ตะละวัน กระนั้นนาน

ใจมิอดหยดหยาดสวาทสินธ์ุุ
ฟ้าประทินรสรักว่าจักหวาน
ใจมิอาจคลาดคละคู่สคราญ
ฟ้าประทานรักรินพรอินทร์พรหม



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 26 มกราคม 2023, 10:47:AM
         


              กลบท
      ซ้อมแล้ว ทดสอบแล้ว ลองละนะ
    (ชื่อยาวมาก)    กลบทกลอน เจ้าเซ็นเต้นต้ำบุด ปรับ แต่งเป็น โคลงสึ่สุภาพ ฉันทลักษณ์แบบโคลงกลบทสุนทรภู่เพิ่มสัมผัสใน3จุด สัมผัสข้ามวรรคแบบ สพพพ จบบท ด้วย สร้อยคู่สคราญ ประกอบ วสันตดิลกฉันทฺ์14 แบบเพิ่มสัมผัสในตามหลัก "สัมผัส สุุนทรภู่"




ฝั่งโชง   19MEXbTP4oI

ฟ้าประทานรักรินพรอินทร์พรหม
……….


รมย์คาวราวคู่ร้อย     คอยเรียง
เคยร่ำคำเราเคียง     ค่อนรู้
ขาดราค่าราวเขียง    คอยแร่   ควรฤๆ
คงรื่นคืนรีบคู้            เร่งค้อมควรรา

สองฝั่ง ก็ยัง เสนาะสนอง   
ปิติปรอง เสน่หา
กอปรกรรม และธรรมจริยา   
ทะนุรอม ถนอมกัน

กอปรบุญ และสุนทรจริต
ก็จะคิด จะสานฝัน
ข้ามฝั่ง เพราะหวัง ปะจะเหมาะกัน
เฉพาะคู่ กะอยู่ครอง

นองเคืองเนืองแค่น้ำ   คำหนอ
คนหนุ่่มคุมนัยขอ        คู่น้อง
ขมหนุนขุ่นในคอ         เคยนั่น คอยนา
คำหน่ายคายนึกข้อง    ค่อนน้อยคอยนอ



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2023, 10:29:PM
     

   

         กลบทผสม
ทำไมต้องแต่งกลบทผสม
เพราะ เครื่องดื่มชั้นเลอเลิศยังต้องมี บาร์เทนเดอร์ เป็นผู้ผสม สร้างเครื่องดื่มแปลกใหม่ขึ้น จนมากมาย
     โคลง กลอน ก็น่าจะเป็นได้เช่นกัน…….ว่าซ้าน

วันนี้ลองผสมกลบทขึ้น กำลังพัฒนา ยังไม่ลงตัวจึงยังไม่มีชื่อ ไม่มีคำอธิบาย คิดว่า โพสหน้าคงอธิบายได้

เรื่องชื่อผมก็ไม่เก่ง คงตั้งไม่ได้แบบที่กวีท่านต้้ง

เช่นกลอนกลบทชื่อ ม้าลำพอง ถูกใจมาก
เห็นชื่อก็รีบคลิกอ่านทันที อ่านแล้วต้องบอกใช่เลย ถูกต้อง ม้าลำพองจริงๆ
 ตรงไหน


      สำหรับ "กลบทม้าลำพอง" นี้ จัดเป็นกลอักษร ซึ่งกลอักษรมักมีการซ่อนคำอยู่  ต้องมีการถอดความก่อน กลอักษรจึงจะอ่านได้ความที่สมบูรณ์
     กลบทม้าลำพอง ซึ่งเป็นกลอักษรของ กลบทศิริวิบุลกิตติ์ เมื่อถอดความออกมาแล้ว จะมีรูปแบบเหมือนกับ กลบทฉัตรสามชั้น ทุกประการ คือ นำสามคำต้นวรรคมาอ่านถอยหลังเป็นสามคำท้ายวรรค เพียงแต่กลบทฉัตรสามชั้น เป็นกลบทที่บังคับรูปแบบแต่ไม่ซ่อนคำ แต่กลบทม้าลำพองเวลาเล่น จะต้องมีการซ่อนอักษรไว้ให้ถอดปริศนาด้วย เมื่อถอดมาแล้ว จึงเหมือนฉัตรสามชั้นนั้นเอง
  ส่วน ในกลบทของประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ ปรากฏรูปแบบกลบทม้าลำพอง ไว้ดังนี้
                                                             
            กลบทม้าลำพอง  แบบยังไม่ถอดความ
            (กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์(พระองค์เจ้าคเนจร) : ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

แนะนัดเนื่องเรื่องรักษ         
ร่ายเร่แระแวะเวียน
อายอับสิ้นดิ้นดีด           
นึกหน้าขายหน้าหนอ

(ส่วนที่สแดงเพียง5คำ ซ่อนไว้3คำ ผู้อ่านหาคำที่ซ่อนไว้มาเติมต่อเอง…จขกท.)
                                         

(เช่น กลบทม้าลำพองทีถอดคำแล้ว)
                                                                                    แนะนัดเนื่องเรื่องรักษเรื่องเนื่องนัดแนะ     
ร่ายเร่แระแวะเวียนแวะแระเร่ร่าย                                         
อายอับสิ้นดิ้นดีดดิ้นสิ้นอับอาย         
นึกหน้าขายหน้าหนอหน้าขายหน้านึก

ขอบคุณ….เครดิต ตุณ black swad แห่งเว็บ "บ้านกลอนน้อย"




ม่านมงคล ขออภัยลงซ้ำ เพราะมีหลายเวอร์ชั่น   ชอบหมดเลย


        -1tsLNcce2U
 
ลอง โคลฃ4สุภาพ  ที่ทั้ง 5คำในวรรคหน้าทุกวรค เป็น กลอนกลบท ม้าลำพอง
……..

คำหน่ายคายนึกข้อง    ค่อนน้อยคอยนอ



ขอจำคำแจ่มแจ้ง      แรงรัก
เพียงส่อพอสมศักดิ์   สื่อซ้อง   
เคียงคราค่าคึกคัก   คราวคร่ำ ครวญเฮย 
สานเยี่ยงเสียงคลอคล้อง   ครู่ครั้งครวญหา 

คำรัก ตระหนัก วรดิถี   นะสตรี บุรุษกล้า
เข้าสู่ ประตู สิริวิวาห์     คติหน ก็ดลไป

รักเอย มิเคย จะนิรทุกข์    หะจะสุข ก็มีไห้
รักแรง มิแจ้ง กลไฉน        นะระกำ ก็คร่ำครวญ

นวลสะอางนางเอื้อนเอ่ย   เชยขม
คิดส่วนควรสวยสม   สิ่งสร้อย
มิตรรักม่านสราญรมย์   เริงร่า ตาแล
เพียงแต่พิศตามต้อย   ตื่นเต้นตาลอย

 ม่าน  = ชาวพม่า
ย่าม่าน = หญิงชราชาวพม่า



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2023, 08:42:AM
       

            กลบทประสม
         คำอธิบาย และการตั้งชื่อ
        หลังจากทดลองยังไม่ลงตัว จนคิดว่าพอจะพัฒนาได้ คาดว่าลองอีก สัก สองโพส
    วันนึ้จึงแต่ง บทเริ่มเพียงบทเดียว เป็นโมเดล เพื่อทำความตกลงกันเรื่อง อัตลักษณ์ และ ความ เป็น แบบผัง ที่รับได้
     หากแต่งมากไป จะกลายเป็นชวนให้มองไปทีสำนวน สำเนียง อารมณ์กลอน ก็จะไม่เห็นว่า เป็นกลบทอย่างที่ผมว่า            ตรงไหน

            ด้วยฝีมือตัวเองแท้ๆ ที่รับเต็มปาก "ไม่เข้าขั้น" จึงสามารถพูดได้ว่า
ยากแบบมากกว่ายากแท้ๆ คือ ยากแท้มากๆ      ตรงนี้
1 ชื่อ กลบทผสม "กลบทกลอนแปดม้าลำพองแปดสัมผัส ซ่อนในโคลงสีแบบสุนทรภู่ผสม(อาจเรียกว่า งูกระหวัดหางสัมผัส สพพพ ผสม กลอนเจ็ดถอยหลังเจ็ดสัมผัส แต่งประดับ สร้อยคู่มคราญ    ตรงไหน….ไม่นะ จะต้องตรงไหนให้ได้ สินะ
            บอกแล้ว ยาวนะ   ตรงนิ
2 คำอธิบาย  ม้าลำพองแต่งเป็นแปดสัมผัส เพราะ การซ้ำคำแบบถอยหลัง ทำให้คำเหลือน้อย ความอาจไม่สมบูรณฺ์ วางสัมผัสยาก อาจมีเกิน เคลี่อน ชิง ซ้ำ เห็นได้ว่า กวีท่านผู้ประพันธ์ต้นแบบได้เพิ่มมัมผัสพยัญชนะ เพื่อให้กลอนไหลลื่น
ซี่งก็ยังไม่พอ หากต้องการแต่งผสมกับโตลงสึ่"สุนทรภู่"แบบที่เป็นกลบท สพพพ และยิ่งผสมกลอนเจ็ดถอยหลัง จึงต้องเป็นแปดและเจ็ดสัมผัสไปด้วย เท่านั้น ก็ไม่พอ ยังต้องประดับแต่งด้วย สร้อยคู่สคราญ เหมือนเครื่องดิ่มที่จัดจ้าน รุนแรง บาร์เทนเดอร์ก็สอดดอกไม้ ผลไม้ประดับ


ตัวอย่าง กลอนเจ็ดสัมผัสถอยหลังเข้าโคลง

        "พลอยดาวพราวดื่นด้วย   รวยรมย์"
ถอดคำเป็น
          รมย์รวย ค้วยดี่น พราว  ดาวพลอย
(พลอย=ร่วมด้วย)

ตัวอย่างถอดคำ ม้าลำพอง
"พลอยดาวพราวดิ่นด้วย"
เป็น
พลอยดาวพราวดื่นด้วย พราวดาวพลอย





        zRD69FpCw84

จัดทำ/รวบรวม    ดร.สมาน น้อยนิตย์
บรรเลง/ขับรอง   คณาจารย์วิทยาลัยนาฏศิลป์  กรมศิลปากร



         
เพียงแต่พิศตามต้อย   ตื่นเต้นตาลอย
………….


พลอยดาวพราวดื่นด้วย   รวยรมย์     (รวย=รื่น)
เขาปล่อยคอยชวดชม     ชั่วเช้า
เงาเดือนเงื่อนปนปม      ปลอมเปลี่ย่ว เจียวนา
ใครเล่าเขลาแสนเศร้า   เสี่ยงเสี้ยวเจียวหนอ

 





หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2023, 02:47:PM
     

   



   กลบท ผสม แต่งต่อให้เต็มสำนวน
      กลบทผสม9กลบท

1,กลบทกลอนแปดม้าลำพอง 2.แปดสัมผัส 3.กลอนเจ็ดถอยหลัง 4.เจ็ดสัมผัส 5.ซ่อนในโคลงสี่สุภาพของสุนทรภุ่เพิ่มสัมผัสในสามจุด พร้อม 6.งูกระหวัดหาง แบบ สพพพ 7.สร้อยคู่โคลงสคราญ 8.วสันตดิลกฉันท์แบบเพิ่มสัมผัสใน สองจุด 9.สร้อยคู่สลับฉันท์
   ขออภัยยังไม่ต่อยเนียน หากได้แต่งซ้ำอีกที เห็นทางว่าจะสมบูรณ์ดี แต่ยังเครียดเพราะความยาก โอกาสหน้าจะกลับมาแต่งให้เนี้ยบ

             รำ ฝรั่งคู่

              Puqetu9SDAo
     




พลอยดาวพราวดื่นด้วย   รวยรมย์     (รวย=รื่น)
เขาปล่อยคอยชวดชม     ชั่วเช้า
เงาเดือนเงื่อนปนปม      ปลอมเปลี่ย่ว เจียวนา
ใครเล่าเขลาแสนเศร้า   เสี่ยงเสี้ยวเจียวหนอ

ดาวเดือน เสมือน คตินิยม     อภิรมย์ คละเคล้าคลอ
เดือนดาว สกาว ณ คหหอ     ศศิฟ้า สุธาธาร

ดาวเดือน ก็เคลื่อน ปกติที่     รชนี ทิวาวร
เดือนดาว ก็คราว คมนผ่าน     น่ะแหละสาว มิกล่าวลา

มาเยือนเหมือนอยู่เหย้า   เนานาน
ผองฝ่าพาวันวาร     ว่าเว้า
ตรองตรำสม่ำเสมอสมาน      เสมือนมั่น (ฝันเฮย)
คราวเคลื่อนเดือนครองเคล้า     คล่องครั้น(ฝันหา)

……….





ถอดคำ ม้ำลำพอง

มาเยือนเหมือนอยู่เหย้า เหมือนเยือนมา
ผองฝ่าพาวันวาร พาฝ่าผอง     
ตรองตรำสม่ำเสมอสมาน สม่ำตรำตรอง
คราวเคลื่อนเดือนครองเคล้า  เดือนเคลื่อนคราว   


ถอดคำ กลอนถอยหลังเจ็ดสัมผัส

มาเยือนเหมือนอยู่เหย้า   เนานาน
ผองฝ่าพาวันวาร     ว่าเว้า
ตรองตรำสม่ำเสมอสมาน      เสมือนมั่น (ฝันเฮย)
คราวเคลื่อนเดือนครองเคล้า     คล่องครั้น(ฝันหา)
…….
นานเนา เหย้าอยู่เหมือน เยือนมา
เว้าว่า วารวันพา ฝ่าผอง   
มั่นเสมือน สมานเสมอสม่ำ ตรำตรอง
ครั้นคล่อง เคล้าครองเดือน เคลื่อนคราว


รวยรมย์     (รวย=รื่น)
.











หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 01 มีนาคม 2023, 08:18:PM
           

     





        ออเจ้า ชาวกรุงศรี   
         UZ2wz8MnlkQ

เยิร” ไม่มีคำแปลในพจนานุกรม  แต่สามารถสื่อความหมายได้ว่า “เยินยอ” หรือชื่นชมนั่นเอง
เยิรเงาสลัว เป็นหนังสือของจุนอิชิโร ทานิซากิ (Jun’ichiro Tanizaki) นักเขียนชาวญี่ปุ่น ถูกแปลเป็นภาษาไทยโดย คุณสุวรรณา วงศ์ไวศยวรรณ
…..จาก" creative talk"


ตัวอย่างถอดคำ กลอนแปดสัมผัส กลบทม้าลำพอง

ลาเหมือนเลือนนั่นน้อง…(เลือนเหมือนลา)
ขานอย่าคาขืนเขิน…(คาอย่าขาน)   
นานเก่าเนายอเยิร…(เนาเก่านาน)       
พรรคเปลี่ยนเพียรพาลพ้อง…(เพียรเปลี่ยนพรรค)

ตัวอย่างถอดคำกลอนเจ็ดสัมผัส ถอยหลัง

ลาเหมือนเลือนนั่นน้อง   มองเมิน
ขานอย่าคาขืนเขิน        ค่าข้อง
นานเก่าเนายอเยิร         ยงอยู่
พรรคเปลี่ยนเพียรพาลพ้อง    เพื่อนผู้

เป็น
เมินมองน้องนั่นเลือนเหมือนลา
ข้องค่าเขินขืนคาอย่าขาน
อยู่ยงเยิรยอเนาเก่านาน
ผู้เพื่อนพ้องพาลเพียรเปลี่ยนพรรค



   

             กลบทผสม   
        5กลบท  9ฉันทลักษณ์
       
          คราวเคลื่อนเดือนครองเคล้า     คล่องครั้นฝันหา
          …………….

ลาเหมือนเลือนนั่นน้อง     มองเมิน
ขานอย่าคาขืนเขิน        ค่าข้อง
นานเก่าเนายอเยิร         ยงอยู่ (ดูรา)
พรรคเปลี่ยนเพียรพาลพ้อง      เพื่อนผู้(ดูหรือ)


อกหัก เพราะรัก ปกติทุกข์     เคราะห์คละสุข เซอะปนซื่อ
หักอก วิตก ประก็ปละมือ       ซะหละหนอ นะออเจ๊า

อกหัก เพาะรัก ทนุประคอง     เฉพาะสอง ก็คือเรา
หักอก มิตก ระอุคุเผา             เพาะผลิแทง แขนงเดิม

เสริมเติมเสมอมั่นแม้น     แสนเสมือน 
หลงอย่าลายังเรือน         เริ่มรู้
ตรงเตรียมเยี่ยมยลเยือน     ยอมย่อ (ออ(เจ้า)เอย)
เลือนอย่าลาพงศ์ผู้     เพื่อนพ้อ(ออ(เจ้า)เอง)









หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 09 มีนาคม 2023, 06:21:PM
     

     
                      บาทสกุณี
           j46OafGxq3w


                  กลบทผสม


สุมซอนรัอนเร่าเพลิงเริงเพลง
เร้าเร่งรุมแรงแสงแข่งเสียง
ค่อยควรคุมควบเยี่ยงพอเพียง
สร้อยเสี่ยงเศร้าแสนเผลอเหม่อเพลิน




เลือนอย่าลาพงศ์ผู้     เพื่อนพ้อ(ออ(เจ้า)เอง)


เพลงเริงเพลิงเร่าร้อน     ซอนสุม
เสียงแข่งแสงแรงรุม     เร่งเร้า
เพียงพอเยี่ยงควบคุม     ควรค่อย (พลอยเฮย)
เพลินเหม่อเผลอแสนเศร้า     เสี่ยงสร้อย(พลอยหวล)

มายาปนล้นลามในความจริง     โลกสองสิ่งตรงข้ามในความผวน
มายาปัดสัตว์เขวคนเรรวน     โลกสองส่วนมิเห็น ฤ เป็นคน

ไม่มีจ(ริ)ตพิศหางก็ว่างหัว     
ไม่มีตัวเพียงชื่อคือเหตุผล
ไม่มีจริงสิ่งหมายว่ากายคน
ไม่มีตนคืนกลับลับอย่าคอย

กุหลาบขาวราวพุทธพิสุทธ์ธรรม
กุหลาบดำคงใคร่ค่าใช้สอย
กุหลาบเขาเจ้าคู่ภูสูงลอย
กุหลาบดอยจึงหนาวทนร้าวใจ








หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 13 มีนาคม 2023, 07:26:PM
       
                     
    เพลงขอมสุวรรณ เถา

(สามชั้น)
ขอเดชะ ฝ่าละออง ธุลีพระบาท
บงกชมาศ ปกเกล้า เกษมสานต์
ข้าพระบาท ขอกราบ ทูลการณ์
ผิดพลั้ง ขอประทาน ซึ่งอภัย

ได้ยิน ข่าวฤา ระบือมา
ว่าพระร่วง พ่อเมือง ผู้ใหญ่
ผู้ครอบครอง ละโว้ นั้นไซร้
ชาวไทย นิยม บารมี

(สองชั้น)
ชาวไทย รักใคร่ พระร่วงนัก
ชวนชัก เชื่อถือ อย่างเต็มที่
จนเขาว่า วาจา ก็สิทธี
พอวจี เธอลั่น พลันสมปอง

(ชั้นเดียว)
ชาวไทย เข้าไป สู่ละโว้
มากอะโข เล่าฤา ระบือก้อง
ว่าพระร่วง มีบุญ เรืองรอง
และคิดปอง จะกู้ คณาไทย"


           

           kITYRsKO69s
           

  เกือบดีละ เผลอพลาดจุดสำคัญจุดนึง
   ครั้งนี้ฝีกมากฝีกนานฝึกยากจริง


หลายแลแน่น้องครองปองใคร
เฝ้าใฝ่ฟายเฟือหวังดั่งไหว
คลี่แคลงคลายคลุมจ่างวางใจ
ชี้ใช่เช้าชนคืนชื่นเคียง
/

กุหลาบดอยจึงหนาวทนร้าวใจ

ใครปองครองน้องแน่     แลหลาย
ไหวดั่งหวังเฟือฟาย     ใฝ่เฝ้า
ใจวางจ่างคลุมคลาย     แคลงคลี่ ดีแล
เคียงชื่นคืนชนเช้า     ใช่ชี้ดีหลาย

ใจมีเจ็บเหน็บหนาวนะสาวหนุ่ม     หากแคลงคลุมระแวงจักแหนงหน่าย
ใจมีจริงมิ่งมิตรคิดเคียงกาย         หากแคลงคลายพึงรักสมัครกัน

หวังจะเลือกเกลือกกล้ำทำไฉน     คืดจงไกลลึกตื้นฝืนหรือฝัน
หวังจะเลิกเบิกบ่ามตามกระนั้น     คืดจงกลั้นใหม่เก่าไหนเข้าตา

รักเผื่อลองน้องพี่มึคน ครึ่ง        หลังครั้งหนี่งแน่สองต้องตามหา
รักเพื่อเล่นเน้นหนักรักแล้วลา    หลังครั้งหน้าเรื่อยนานส้นดานแล













   






 





หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 22 มีนาคม 2023, 07:21:PM
       

             
           อะไรของล้านนา ผมค่อนเว้น
นาฏศิลป์ คีตศิลป์ จะว่าไม่สวย ไม่เพราะก็ไม่จริง ล้านนานะ คือ ถิ่นไทยงาม ใครก็ยอมรับ
ครั้งนี้ เป็นการ เทิดพระเกียรติ พระราชชายาเจ้าดาราร้ศมี

                    ม่านแม่เล้

                    dsyr0TiiE9A

                   NG7CPPdHlZM


        ม่าน=ชาวพม่า   
        แม่เล้=คำเรียกตัวเองของหญิงสาวชาวพม่า


        กลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ

จบกลอนเจ็ดสัมผัสถอยหลังเข้าโคลงสึ่สุภาพสุนทรภู่   แหะ ทุกคนคง เฮ้อ โล่งใจ จะได้เลิก(...เครียดกะมึ.จิ๊ง…) ซะที สรุป ได้เคล็ดการแต่งให้ได้ตามฉันทลักษณ์ เพียงสำนวนความ ยัง ไม่สละสลวยสมบูรณ์

กลบท สำหรับผม เป็นสิ่ง ที่น่าชื่นชม เพียงแต่ไม่ใช่ว่า ผมจะชื่นชอบทั้งหมด ส่วนมาก คำประพันธ์ ที่มากข้อบังครับ ฉันท์ลักษณ์ยาก สลับซับซ้อน ก็ยากที่จะแต่งได้ ความ สมบูรณ์ อย่างเช่นคำกล่าว กลอนพาไป
 จึงขอ ชื่นชมอัจฉริยภาพทางฉันทลักษณ์กวี
แต่ที่ทั้งชื่นชม ชื่นชอบตลอดกาลก็มี หนึ่งก็คือ 1,สร้อยสลับคู่สะคราญ ผมค้นไม่เจอว่าใครคือผู้ประพันธ์ต้นแบบ ซี่งน่าจะปรับแปลงจาก 2,สร้อยคู่สะคราญ ของ
                         (คุณชาญชนะ ฆังคะโชติ) ผู้ประพันธ์ต้นแบบ

                         เมื่อกายแกร่งแข็งจิต ใฝ่คิดฝาก
                         ผลงานจากชีวิต ใฝ่คิดฝัน
                         เรียบเรียงถ้อยร้อยพจน์ บทรำพัน
                         ร่วมสร้างสรรค์ภาพพจน์ บทรำพึง

                         ด้วย สร้อยคู่สะคราญ ผลงานนี้
                         ฝากไว้ที่วงการ ผลงานหนึ่ง
                         มิอาจหวังจะให้ ใครติดตรึง
                         ขอเพียงครึ่งหัวใจ ใครติดตาม

                         ปีสองสี่คิดได้ ไม่คิดหวง
                         ใครตักตวงเล่นได้ ไม่คิดห้าม
                         สร้อยคู่สะคราญเห็น เป็นนิยาม
                         อย่ามองข้ามความเห็น เป็นนิยาย

                         ขอปลอบขวัญคนที่ มีความหมอง
                         ยินร้อยกรองกลนี้ มีความหมาย
                         คนรักเคยเคียงคู่ อาจดูดาย
                         เล่นลวดลายให้รู้ อาจดูดี

                         นักเลงกลอนร้อนใจ ไม่หลบหน้า
                         ร่วมศรัทธาคว้าไว้ ไม่หลบหนี
                         เล่นกลกลอนสนุก ทุกท่าที
                         เสริมศักดิ์ศรีมีสุข ทุกท่าทาง

                         นำเน้นมาอย่าเห็น เป็นตัวยุ่ง
                         เพียรมั่นมุ่งให้เห็น เป็นตัวอย่าง
                         งาม สร้อยคู่สะคราญ สวย ด้วยสื่อกลาง
                         เชิญชวนสร้างสรรค์ชื่อ ด้วยสื่อกลอน

                        .....-๐ ชาญชนะ ฆังคะโชติ ๐-.....
                           จาก หนังสือ ลีลา อารมณ์

(เครดิต และ ขอบคุณ )

              ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับผม
               ...-๐  Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)
….แห่งเว็บ บ้านกลอนน้อย
       …………..


กลบทประสม

คนคำย้ำเยี่ยงพลาดบาดแผล
แย้งแหย่ยลยินเอือมเสื่อมเสีย
พล่อยเพียงพลพรรคแค่แฉเชียร์
ละห้อยละเหี่ยแห้งระแหงหัวทั่วธาร

                     

     หลังครั้งหน้าเรื่อยนานส้นดานแล


แผลบาดพลาดเยี่ยงย้ำ     คำคน
เสียเสื่อมเอือมยินยล         แหย่แย้ง
เชียร์แฉแค่พรรคพล         เพียงพล่อย ถอยรา
ธารทั่วหัวระแหแห้ง       ละเหี่ยละห้อยถอยหรือ

รักเธอมากจากใจเยื่อใยจิต     เพราะรักคิดปกป้องย่องเทิดถือ
รักเธอหมายจ่ายจองทองทุ่มซื้อ   พราะรักคือตรงตรองไม่หมองตรม

แน่ะไม้นั่นผันผกนกนี่หว่า     คำมีค่าเทียบทองกองทับถม
แน่ะไม้นกผกผินลิ้นคารม     คำมีคมสะบั้นบาดขาดเยื่อใย

มอบด้วยรักพรักพลีไม่หนีหน่าบ   จักมิหายพร้อมพร่ำคำเฝ้าใฝ่
มอยด้วยรับจับแจกแลกจากใจ     จักมิให้หน้าน้องนองน้ำตา



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 28 มีนาคม 2023, 07:38:PM
     

     Xy4oUy5UUWg

      โคลงสี่สุภาพ

ผม ระดับ นักกลอนสมัครเล่นเคยบอกว่า เพิ่งรู้ว่า โคลงต่างๆมีจำนวนมาก จนท้อว่าถ้าจะฝึกทั้งหมดคงต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
วันนี้ ได้ข้อสรุปว่า ถ้าฝึกโคลงสี่สุภาพได้ โคลงที่เหลือทั้งหมดก็คือ ประวัติศาตร์เพื่อศีกษา ของกวีระดับครู  ระดับผมแต่งได้ แต่งไม่ได้  ได้แต่ง ไม่ได้แต่ง ก็ ไม่จำเป็นแล้ว เพราะ โคลงสี่สุภาพ คือหลอม เจียรไน โคลงอื่นทั้งหมดขึ้นมาใหม่ได้ สุดยอด สง่างาม สูงศักดิ์ ล้ำลึก ไพเราะ สุดยอดแล้ว ผมเองยกว่าเป็นราชา คำประพันธ์ร้อยกรองไทย เบียดแซง ฉันท์ เป็นราชินี แล้ว
   ผมชื่นชอบโคลงสุนทรภู่ แต่ ถ้าจะชื่นชม ก็ต้องโคลงสี่สุภาพคลาสสิคมาตรฐาน เป็นที่สุด
    เพิ่งมารับรู้ความสุดยอดนี้ ไม่กี่ วัน มานี่เอง พร้อมรู้สึกตัวเอง ระดับ ยัง ต่ำชั้นมากสำหรับโคลง ห่าง มาก

   กลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ
   กลอนหวานที่ผมแต่งไม่ได้ แต่งได้แค่เพียงสนุกๆ

ผมพบเห็น สร้อยสลับคู่สะคราญ ก่อนที่จะพย   กลบทสร้อยคู่สะคราญ ของ
                         (คุณชาญชนะ ฆังคะโชติ) ผู้ประพันธ์ต้นแบบ
     เห็นแล้วคิดเอาเอง ว่า นักกลอน หลานท่านต่าง แปลง สร้อยคู่สะคราญ ไปหลายแบบ หลายฉันทลักษณ์ ต่างไปกัน แล้วตั้งชื่อใหม่ ไม่พบว่าใครเป็นคนต้นแบบ
    แต่พบว่า ครูพี พูนสุข จากบ้านกลอนเรา แต่งได้ไหเราะ หวานมาก


     
     ชมแขคิดใช่หน้า                นวลนาง
     เดือนตำหนิวงกลาง            ต่ายแต้ม
     พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปราง     จักเปรียบ ใดเลย
     ขำกว่าแขไขแย้ม               ยิ่งยิ้มอัปสร

       
    โคลงนิราศนรินทร์
ประวัตินายนรินทร์ธิเบศร์ (อิน)
นิราศนรินทร์
สรุปเส้นทางเดินของนายนรินทร์ (อิน)
อธิบายศัพท์
ประวัตินายนรินทร์ธิเบศร์ (อิน)
นิราศนรินทร์ เป็นวรรณคดีที่มีชื่อเสียงเรื่องหนึ่ง ของกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยมีความไพเราะเป็นเยี่ยม ผู้แต่งไม่บอกไว้ชัดเจน นอกจากปรากฏอยู่ในโคลงบาทสุดท้ายของเรื่องว่า “โคลงเรื่องนิราศนี้ นรินทร์อิน รองบาทบวรหวังถวิล ว่าไว้”


     


จักมิให้หน้าน้องนองน้ำตา



นารีดีเด่นด้วย          สวยสม
รสกลิ่นระรินรมย์     อร่อยลิ้ม
รูปบางร่างขำคม     ขอคู่ ดููรา
นางน่านักลักยิ้ม     ย้่วเย้ยเชยชิม


ขอพี่หยิบยื่นนาอย่ากระซิก     เพียงน้องหยิกเจ็บง้ำจำจะหงิม
ขอพี่หยอกบอกรักพร้อมพักตรพริ้ม     เพียงน้องยิ้มแน่ะนับรับสัญญา

อย่าลักยิ้มพิมพ์หน้าตาจะปิด      เพราะชีวิตสูญขวัญที่ฝันหา
อย่าลักย้ายถ่ายแย้มแก้มแก้วตา   เพราะชีวามือาจขาดแก้มเธอ

ไม่ลืมวันจันทราคราคืนค่ำ    เมื่อแรกจำแรกนัดบัตรคิวเสนอ
ไม่ลืมวารผ่านไวไม่เยิ่นเย้อ   เมื่อแรกเจอครั้งแรกแทรกบัตรคิว



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 เมษายน 2023, 02:06:PM
     

              ดำเนินพราห์ม
         sSnCy8u3ss4


พรรณ พันธุ์

          พรรณ หมายความว่า ชนิด ใช้กับคำว่าพืช เป็น พืชพรรณ เพราะไม่ปรากฏเป็นวงศ์ญาติ เช่น พรรณข้าว พรรณปลา

           พันธุ์ หมายความว่า เผ่าพงศ์ ใช้กับคำว่า เผ่า เป็นเผ่าพันธุ์ กับคำว่า พงศ์ เป็นพงศ์พันธุ์
         พรรณ” คือ วรรณ หมายถึง ผิว สี รูป เพศ เช่น ผิวพรรณ สีสันวรรณ รูปพรรณ

เรไร    ผมแปลเองว่า    ชื่อ (พรรณ)จักจั่น(วรรณ) สีน้ำตาลหลายชนิดใน(พันธ์)สกุล Pomponia, Tosena, Cryptotympana และ Platylomia วงศ์ Cicadidae
ตัวผู้มีอวัยวะสำหรับทำเสียงให้เกิดเสียงสูงต่ำมีกังวานสลับกันไปเป็นจังหวะ



“นมามิ” รูปคำกริยาสามัญ เป็น “นมติ” (นะ-มะ-ติ)

อภิปรายขยายความ :

ประมวลความหมายตามรากศัพท์ในบาลีแล้วจะเห็นได้ว่า อภิวาเทมิ – นมสฺสามิ – นมามิ ไม่ได้มีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ แต่ในคำแปลภาษาไทย รสภาษาอาจชวนให้เกิดจินตนาการที่ต่างกัน





  เมื่อแรกเจอครั้งแรกแทรกบัตรคิว
…….


       ทิวแนวแถวป่าป้อง     ผองพรรณ
แดนถิ่นดืนพงพันธ์     พรั่งพร้อม   
ศิลทอส่อแวววรรณ     วัฒน์ว่า พลาแล
นะโมว่านะมานอบน้อม     หนึ่งนั้นธรรมา

ใครหนอคนวนเวียนเพียรจะพบ     ลับเมื่อหลบเยือกเย็นเห็นเมื่อหา
ใครหนอคอยสร้อยเศร้าหมายเขามา   ลับเมื่อลาร่างเร้นเว้นหรือวาย

ร้อยสร้อยเรียงเคียงคำเนียนสำนวน
คนใจรวนโปรดปรับห่อนลับหาย
ร้อยสร้อยรักยักย้อนเชิงกลอนชาย
คนใจร้ายเหือดแห้งเหมือนแล้งมาลย์

เสียงลมร้อนอ้อนอ้าวลืมหนาวแล้ว     สิ้นคำแว่วเรไรคู่ไขขาน
เสียงลมแล้งแสร้งสร้อยคู่คอยสะคราญ    สิ้นคำหวานสูญสร้อยเจ้ากลอยใจ





หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 09 พฤษภาคม 2023, 06:41:PM
       

     ขัตติยมานะ
        น. การถือตัวว่าเป็นกษัตริย์หรือเชื้อสายกษัตริย์.

          นาฏศิลป์ราชสำนักเป็นราชูปโภค
          อย่าว่าแต่จะเลียนแบบใคร จับมือสอนก็ใช่วาใครจะเรียนจะเป็นได้ เขมรเคยขอให้ไทยสอน



คลิป แห่งความถาคภูมิใจ ราชสำนักไทย
                อิสระไทย


       
       
 เราขัดคำวอนท่านมิได้ ไม่มีแก่ใจจะโต้เถียง
เราขอปฏิญาณไม่เอนเอียง จะตั้งจิตให้เที่ยงในทางธรรม์
เราจะบำรุงกรุงไกร ให้ทวยไทยอิสระเกษมสันต์
ขอองค์ไตรรัตน์คุณอนันต์ ทั้งเทวัญเป็นพยานวาจา


     เขมรชมดง                 
    WxcwcuLQTo0

     6MrGJKXLDes

ร่วง     คำวิเศษณ์ 
=  รุ่ง, เรือง.
"พระร่วง โรจนฤทธิ์

เรืองไร
ว. มีแสงสุกสว่างเหมือนทอง ไรเรือง ก็ว่า

ล่วง
ก. ผ่านจากะจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เช่น เดินล่วงเข้าไปในเขตหวงห้าม เวลาล่วงไปหลายปี.
(ผมหมายถึงล่วงมา มิใช่ล่วงไป)

เนียง
น. นาง (ออกเสียงตามเขมรที่เขียนว่า นาง).

รำ น.
จวนๆ, เกือบๆ, ขยับ, ลำลำ ก็ใช้.
ช้า ลีลา มัวรำ ติดรำ รำคาญ





โคลงกลอนในภาวะ สติกระเจิดกระเจืงต่อกระแสหาเสียงเลือกตั้ง  พูดเท่าไม่พูด





  สิ้นคำหวานสูญสร้อยเจ้ากลอยใจ

   
ใครปองครองทั่วทั้ง     ไทยทอง   
รัฐร่วงโรจน์เรืองรอง     ล่วงแล้ว
เหวยวาอย่าเผยอเผยอง     ยลเยี่ยง เนียงนอ
เพียรร่ำเรียนคลาดแคล้ว    ครึ่งคล้ายขมายขโมย

ไกลอย่ารอพอพรากยากจะพบ
ใกล้อย่ารบเมืองไหม้ไห้จะโหย
ไกลอย่ารักชักช้าท้าขโมย
ใกล้อย่าโรยเหหอกออกทิ่มแทง

แอบรักนางข้างบ้านปานคลุ้มคลั่ง
ไม่ระวังพื้นเพคนเสรแสร้ง
แอบรักเนียงเมียงมองน้องแสดง
ไม่ระแวงจีบเธอเจอจีบรำ

ชอบเสมอเซ่อซ่ารำน่ารัก     ไม่รู้จักเท็จเที่ยงขอเพียงขำ
ชอบเสมือนเพื่อนพ่อยังจัอย้ำ    ไม่รู้จำวันไหว้ถึง ไม่ทัน




หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 21 พฤษภาคม 2023, 11:08:AM
         
[
             
ผมเชิาใจเอาเองว่า กลบท"สร้อยสลับคู่สคราญ" คือ กวีได้ดัดแปลง ต่อยอด กลบท "สร้อยคู่สคราญ" ของ (คุณชาญชนะ ฆังคะโชติ) ผู้ประพันธ์ต้นแบบ

ถ้าจะพูดว่า ผมก็ ครึ่งหนึ่ง ได้ทำการ ครึ่งหนึ่ง ไม่ได้ทำการแัดแปลง กลบทสร้อยคู่สคราญ ด้วยเช่นกัน
ก็คือ พูดถูกทั้งสองครึ่ง



            อัปสรา อินเดีย   
            3I1DhgEO_Ls

จากตำนานดังกล่าว ชาวฮินดูเชื่อว่า เมืองจิดัมทรัม  เป็นสถานที่ที่พระอิศวรเสด็จลงมาแสดงการฟ้อนรำบนโลกมนุษย์เป็นครั้งแรก จึงคิดสร้างเทวรูปของพระองค์ ปางฟ้อนรำ เรียกว่า “นาฏราช” หรือ  “ศิวนาฏราช” และช่วยกันจำหลักท่ารำ ๑๐๘ ท่าของพระอิศวรไว้ที่เสาไม้ทางตะวันออกที่ทางเข้ามหาวิหาร ท่ารำเหล่านี้ตรงกับที่กล่าวไว้ในตำรา “นาฏยศาสตร์” ซึ่งรจนาโดยพระภรตมุนี ท่าฟ้อนรำเหล่านี้ถือเป็นแบบฉบับของนาฏศิลป์อินเดีย ซึ่งต่อมาได้แพร่หลายไปทั่วประเทศ และแพร่กระจายมาสู่ดินแดนไทย
……..
จากตำนานข้างต้น กล่าวได้ว่าไทยรับอิทธิพลรูปแบบการฟ้อนรำมาจากตำนานพระอิศวร    พิสูจน์ได้จากท่ารำแม่บทของนาฏศิลป์ไทยนั้นมี ๑๐๘ ท่า ซึ่งมีเค้ามาจากท่า “นาฏราช” ตามตำนาน     ศิวนาฏราช อีกทั้งเทวรูปที่คนในวงการนาฏศิลป์เคารพนับถือคือเทวรูปศิวนาฏราช
……เครดิต    https://www.google.com/url?sa=t&source=web&rct=j&url=https://www.gotoknow.org/posts/387211&ved=2ahUKEwjqlOyC14L_AhU48DgGHXvUB3oQFnoECBUQAQ&usg=AOvVaw3ADCeXYqXuGPvw8eNf4gx_ (https://www.google.com/url?sa=t&source=web&rct=j&url=https://www.gotoknow.org/posts/387211&ved=2ahUKEwjqlOyC14L_AhU48DgGHXvUB3oQFnoECBUQAQ&usg=AOvVaw3ADCeXYqXuGPvw8eNf4gx_)

แต่….นักวิ สายเขมร บอกว่า
…..

“นาฏศิลป์และดนตรีของไทยได้แบบแผนจากอินเดีย” เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์ทางนาฏศิลป์ไทยอ้างนิทานอินเดียเรื่องศิวนาฏราช (พระศิวะฟ้อนรำ) ใช้ครอบงำการศึกษาไทยนานมากแล้ว (ขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง)

 

แต่เรื่องของศิวนาฏราชเริ่มมีบทบาทสำคัญในอินเดียภาคเหนือแล้วตั้งแต่ราวหลัง พ.ศ.1000 จากนั้นจึงแพร่หลายเข้าสู่ดินแดนกัมพูชาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน (สมัยก่อนเมืองพระนคร)

ท่าฟ้อนรำศิวนาฏราชที่หน้าบันปราสาทพนมรุ้ง (จ.บุรีรัมย์) และที่ปราสาทอื่นๆ ทั้งที่อยู่ในดินแดนไทยและในดินแดนกัมพูชา เป็นท่าฟ้อนรำของท้องถิ่น (ดังที่พบในท่าฟ้อนรำของบรรดานางอัปสรทั้งที่ปราสาทนครวัดและปราสาทบายน) ล้วนแสดงลีลาแตกต่างจากท่ารำของอินเดีย
…….



          นาฏศิลป์ อินเดีย ไทย
                YDjKZQcIL2Q



    ไม่รู้จำวันไหว้ถึง ไม่ทัน

…หมองหมาย เป็นเสน่ห์ของคำโคลงคลาสสิค  ถ้าเป็นคำกลอนจะพูดว่า หมองเมื่อหมาย




วันวารการเริ่มล้วน     ควรคน
หลอกเปลี่ยนเลียนแกมกล     เกี่ยงแก้
แปลงปรับเปลี่ยนวกวน     วอนว่า ระอาเอย
วันพ่าย วายพวกแพ้     เพื่อนพ้องหมองหมาย

สุขที่ใจใคร่มักรักกำเรืบ   เจ็บต่อเติบโตตามรู้ความหมาย
สุขที่จำคำแน่ไม่แก้กลาย   เจ็บต่อตายขำขื่นคนคืนคำ

เมื่อเจ้ามาคร่าคล้อยร้อยห้าสิบ   หากขยิบถูกหักยักลงต่ำ
เมื่อเจ้ามีสีส้มอมแอบอำ   หากขยำรุนแรงแดงล่องลอย

            วันวารคลาลาเลือนเตือนเรรวน
            ใครก็ควรรู้รักสู้ศักดิ์สร้อย
            วันวารเคลื่อนเลือนลาปริบตาปรอย
             ใครก็คอยผู้ภักดิ์รักราชเรา

size]


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 มิถุนายน 2023, 11:36:AM
               

             
           อิสริยยศ
พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน

[อิดสะริยะยด] น. ยศอันยิ่งใหญ่ ยศที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ หมายถึง สกุลยศของพระราชวงศ์ที่ถือกำเนิดมาว่ามียศทางขัตติยราชสกุลชั้นใด เช่น เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า ถ้าพระราชวงศ์พระองค์ใดได้ปฏิบัติราชการแผ่นดิน มีความดีความชอบ ก็อาจได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นเจ้าต่างกรมจึงต่อพระนามกรมไว้ท้ายพระนามเดิม เช่น พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์.

               
       วิศวกรรม สถาปัตยกรรม หัตถศิลป์ ศิลปต่างๆ วัฒนธรรม ประเพณี กระทั่ง นาฏศิลป์ คีตศิลปฺ์
  รัชกาลทึ่5 ที่6 ต้านการล่าอาณานิคม รักษาแผ่นดินไทยไว้ได้ ด้วยการพัฒนาทุกด้าน อวดให้ฝรั่งเห็นว่า วัฒนธรรมไทยเจริญไม่แพ้ใครในโลก นานนับร้อยปี ไทยแสดงให้โลกเห็น เราเป็นที่1 มากมาย ถึงขนาดว่าถามต่างชาติว่าไทยที่1เรื่องไหนบ้าง ชาติต่างๆคงตอบได้ อย่างน้อยคนละ1เรื่องไม่ช้ำกัน
   นาฏศิลป์ อาจพูดได้ อินเดียต้นตำรับ นครวัดต้นแบบ แต่ไม่ใช่ไทยลอกเลียนแบบ อย่าว่าแต่ใครก็ไม่อาจเลียนแบบไทยได้ เขมรนั่นแค่เลียนแบบนาฏศิลป์พื้นเมืองล้านนาก่อน ยังไม่ไหว
   เหตุที่ไทยหนึ่งเดียวเท่านั้นไม่มีชาติไหนเลียนแบบได้ ไม่มีใครเข้าใจว่าคนไทย แต่อดีตสรรค์สร้างขึ้นมาได้อย่างไร
   สิ่งที่ทุกช่าติไม่มีคือ ศิลปวัฒนธรรมไทยอดีคแฝงไว้ด้วย
การเทิด พระอิสริยยศ
  ซึ่ง ชาติอื่นๆ ไม่มี


คนจีนบอกตนไทยเก่ง ที่1 เรื่อง อาบน้ำมาก วันละ 5ครั้งก็ทำได้ ไม่รู่ทำได้อย่างไร ไม่มีใครเทียบ

                เพื่อนแพงลงสรง แต่งตัว
                   j36knCDa6JQ

คำซ้อนที่มีเสียงสัมผัสคล้องจอง หรือเรียกว่า คำซ้อนเพื่อเสียง ได้แก่คำซ้อนที่มีพยัญชนะต้นตัวเดียวกัน หรือมีสระเสียงเดียวกัน แต่จะมีความหมายเพียงคำเดียวเท่านั้น
……….


ใครก็คอยผู้ภักดิ์รักราชเรา
…….



      เสาปักสักแต่ตั้ง     วังเวียง
      คลอนห่อนแคลนเอนเอียง    โอ่อ้าง
      รำรินกลิ่นเจริญเจรียง     จริตร่าย อายฮา
      รานขื่อคานเลิกล้าง     เล่ห๋ร้ายอายเหย   
   
โลกมนุษย์พิสุทธิ์ใสใหม่กุมกฏ   เก่าละลดล้มเลิกชิงเพิกเฉย
โลกมโนโม้เมินคิดเกินเคย   เก่าละเลยแม่เมียจะเสียใจ

  ควรแล้วคนกลการช่วงสมานฉันท์   โลกที่ฝันจินต์จำสินธ์ุน้ำใส
  ควรแล้วคงตรงตรองเชิงสมองใช้   โลกที่ใฝ่หอกเห ลิเกลิง

แก้วเยาวกัลย์มั่นมิตรโอ้กนิษฐ์เอ๋ย   ต้อยและเต้ยเด่นดีอย่ามีหยิ่ง
แก้วเยาวกุล"คุณ"คำควรจำจริง   ต้อยและติ่งพลาพลดลภราดร



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 25 มิถุนายน 2023, 08:19:PM
       


            ดวงดาวดา อย่าแชเชือน
       เคลื่อนเถิดรา คราเดือนคล้อย
(ดาวเคลื่อน พบเห็นได้ในโคลง กลอนไทย เพลงไทย เมื่อยามเดือนคล้อย)

        แขกบันตน
        Z9h3L6JS-2c

 ทำไมแต่งโคลงประกอบกลอนกลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ  เพราะเสน่ห์คำสร้อยของโคลง ผมแปลงเป็น สร้อยคู่สะคราญ


คำซ้อน คือการนำคำมูลที่มีความหมายเหมือนกัน ตรงข้ามกัน ใกล้เคียงกัน มาเรียงต่อกัน แล้วทำให้เกิดคำใหม่ที่มีความหมายใกล้เคียงกับคำเดิม หรือมีความหมายอยู่ที่คำใดคำหนึ่ง โดยคำมูลใช้สร้างคำซ้อนนั้นอาจเป็นคำมูลจากภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศก็ได้

การซ้อนคำเป็นการสร้างคำใหม่ในภาษาไทยรูปแบบหนึ่ง ทำให้เราได้คำใหม่มาใช้ในภาษาไทยมากขึ้น โดยคำซ้อนในภาษาไทยสามาถแบ่งเป็น ๒ กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ คำซ้อนเพื่อความหมายและคำซ้อนเพื่อเสียง


เคลื่อนคล้อย รกร้าง นิดหน่อย เปลี่ยนแปลง กดขี่ ตัดขาด โขกสับ อ่อนหวาน เก่งกาจ อ้างว้าง
แจกแจง

รา
คำวิเศษณ์
(กลอน)
คำชวนให้อีกฝ่ายหนึ่งทำตาม.
"ไปเถิดรา"
คำสรรพนาม
(กลอน)
เราสอง, เขาทั้งสอง.
"สองรา"
คำกริยา
1.
ค่อย ๆ เลิกกันไป.
"เลิกรา รากันไป"
2.
ลดลง หรือทำให้ลดลง.
"ราไฟในเตา ไฟค่อย ๆ รา"

แลง= ใกล้ค่ำ    แพง= รัก ถ้าจะว่านี่เป็นภาษาลาว ช่าง ผมพบเห็นใน โคลง กสอนไทย เพลงไทย
ก็เหมือน น้องเมียลาว อยู่บ้านเรา กินข้าวเรา  ก็เป็นน้องเมียเรา




ต้อยและติ่งพลาพลดลภราดร





รอนแลงแสงกล่ำกล้ำ     รำไร
จวนค่ำจำหวิวไหว         เหว่ว้าง
เลือนรางช่างเป็นไป      แปรเปลี่ยน เรียนรา 
รอนเพื่อนเลือนราร้าง    เริ่มรู้เรียนหรือ

เพื่อนรักกันพันผูกฝากปลูกฝัง   เรื่องเล่าหลังก่อนเก่าเอาสอนสื่อ
เพื่อนรักเก่าเขาคอยมิปล่อยมือ   เรื่องเล่าลือป่วนไปจึงไม่จริง

ก้าวไกลกว้างย่างโยกมุ่งโลกใหม่   ไก่หรือไข่เกิดก่อนย้อนแย้งยิ่ง
ก้าวไกลกว่าท้าทวงทั้งช่วงชิง   ไก่หรือขิงรอราข่าเริ่มแรง

คราวดาวเดือนเคลื่อนคล้อยพลอยคลาดขลัง   หวาดระวังหมองหม่นคนสิ้นแสง
คราวดาวใดใสสดหมดเพื่อนแพง   หวาดระแวงดูดำทำดูดี



[/color][/size]


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 กรกฎาคม 2023, 07:28:PM
       

ผมวางคลิปไว้ตอนต้นของโพส เพื่อทุกท่านได้ชมได้ฟัง เพื่อจะได้ไม่เบื่อ โพสที่มีเนื้อหา ข้อความยาวๆ คัดมาน่าชม บางคลิปพ้องเนื้อหา บางคลิปพ้องอารมณ์


เพลงพม่านิสา
เมื่อนั้น……. องค์พระราชธิดา…สง่าศรี…..

เพลงพม่าชมเดึอน
จัดแจง แต่งองค์ ทรงเครื่อง…อร่ามเรือง สุวรรณ อันหมดจด

ชับเสภามอญ
งามองค์ สมองค์ อรชร…..ดั่งกินนร ผิวเนื้อ ระเรื่อเหลือง

เพลงพม่าไสยาสน์


      พระราชธิดาทรงเครื่อง
         uLQnfsPjSlQ
                       
   
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนขำคม            ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด                    ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง
……..  (พระอภัยมณี : สุนทรภู่)

ขนง คือคิ้ว ถ้าเป็นราชาศีพท์ ใช้คำว่า พระขนง



    สร้อยสลับคู่สะคราญ ผมคงจะยังอยู่กลอนนี้อีกหลายโพส ทำเรื่องไว้เยอะ เริ่มที่ครั้งแรกที่กระทู่้ สร้อยสลับคู่สะคราญ ของ ครู พี. พูนสุข

http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=24789.0_ (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=24789.0_)
…….
ซึ่งผมทำผิดพลาดไว้อย่างน่าอาย ผิดที่คำสร้อยมันไม่ใชว่าผมดัดแปลง แต่มันไม่ใช่คำสร้อย ผืดเพราะผมไม่รู้ว่าคำสร้อยคือ อะไร ผิดชัดเจนผิด ไม่ต้องพิสูจน์ความผิด
แต่ครูพี. ท่านเมตตาไม่ติสักคำ ตอบกลับด้วยความสนุกสนาน ผมอายมาก ผมรับผิดชอบ ด้วยการปล่อยความผิดนั้นไว้ประจานตัวเอง ไม่แก้ไข ถือเป็นการยอมรับผิดต่อครู พี. ครัย
…….



หวาดระแวงดูดำทำดูดี


     

     สีสันอันแต่งแต้ม       แซมสม
ตูมเต่งตึงกลืงกลม     กล่อมกล้ำ
คิดเคียงคู่เชยชม       ชิดช่อง ปองนอ
หวลใคร่ครวญเหลือล้ำ   เร่าร้องปองนาง

มยุราหน้าขาวสาวทุ่งข้าว   อย่าราร้าวทุ่งทองจะหมองหมาง
มยุุเรศเกศเกล้าเพราสรรพางต์   อย่าราร้างค้อนคว่ำทำแก้มพอง

สิ้นประโดงโค้งรุ้งที่ทุ่งทิว   ยังโค้งคิ้วน้องวงขนงสนอง
สิ้นประดาชลารางลอมฟางกอง   ยังโค้งของสะโพกพิศบิดกระบวน

วัยแรกรุ่นวุ่นวายหมายแสงสี   อยากเอ่ยชี้แนะนำคำทั่วถ้วน
วัยแรกเริ่มเดิมใดใจเรรวน   อยากเอ่ยชวนคำทัก "ฉันรักเธอ"



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 สิงหาคม 2023, 06:28:PM
           

     ตับลาวเจริญศรี
        ยอยศเพื่อนแพง
   จะเว้น ไม่ได้ นี่ก็เป็นตำนาน
       
         ebtHjsM2QHY

ลำเภา  คือ  โฉมงาม
เพรา   คือ  งาม
 
อ่าว แล้ว พร่างแง้ม คืออะไร ทำไม่ไม่ พร่างแพร้ว พร่างพร้อย

ชี้แจง ขออภัย ครั้งที่เท่าไร อีกแล้ว ว่า
ความพยายาม แผลงคำเพื่อสร้างสัมผัส เพราะต้องการเน้นฉันทลักณ์ จนเกิดอาการ กลอนพาไป เริ่มเป็นเมื่อ ครั้ง

เมื่อคิดยอมแพ้ต่อกลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ จำไม่ได้ว่าสิ่งไหนเกิดก่อน กับ การคิด แต่ง กลอนแปดสัมผัส(ต่อมาพํฒนาเรียกสัมผัสล้วน) คือ  คำทุกคำในกลอนแปดต้องไม่มีคำใดเป็นอิสระ จะต้องรับ ส่ง สัมผัสกับคำอื่น ทั้งหมดทุกคำ
แลเเนื่องจาก "กลอนสุนทรภู่"ถูกวางสัมผัสสระไว้ครบถ้วน สมบูรณ์แล้ว สิ่งที่จะเพิ่มไดิ คือ สัมผัสพยัญชนะ ผมก็เลือกใช้ คำพ้อง คำสร้อย คำซ้ำ คำซ้อน
ก็ได้ฉันทลักษณ์ ที่ต้องการ สิ่งที่แลกเปลี่ยนไป คือ ถ้าต้องการเน้นสัมผัสมาก ก็เสีย ความไพเราะ หรือสาระ เนื้อความสำคัญ
    แต่งกลอนลักษณะนี้ ไประยะนึง นาน พอสมควร ถามว่า เพราะไหม ก็ เพราะอยู่นะ ไม่งั้น
"ตาตี๋ตกต้นตาล ตอตำตูดตาตี๋ตาย" เพราะมั้ยล่ะ
      กระทั่ง นาน พอสมคิดว่า กลอนเรา ไม่ค่อยมีสาระ ไม่พอ ยังมีปัญหาว่า ไม่สามารถแต่งให้รับ ส่ง สัมผ้สได้กันได้ ถ้าเป็นคำนามหรือคำเฉพาะ ที่มีสามพยางค์ เช่น มีนาคม
       เกิดปัญหาแก้ไม่ได้ เกิดความรูัสึก แพ้ อีก คราวนี้
   เลิก คิด อ่าน เขียน ทุกสัมผัส กับ กลอน เหมือนจะเกลียดหรือเปล่าไม่รู้ แต่ ไม่ยุ่งเกี่ยว เหมือนไม่รู้ว่าโลกนี้มี การแต่งกลอน นานหลายปั ไม่ได้จำว่านานเกินห้าปีแน่ๆหรือไม่
     ตอนั้นไม่เก่งพอ แก้ไม่ได้ จนกระทั่งภายหลัง  "บังเอิญ"......
      ต่อไปจะค่อยเสนอ กลอนแปดสัมผัส หรือ  สัมผัสล้วน ซึ่งพัฒนาแล้ว ทะยอยสลับไปบ้าง…..
     



   
  อยากเอ่ยชวนคำทัก "ฉันรักเธอ"




             ยอยศสองเรา

เลอลักษณ์ศักด์เฟื่องฟุ้ง   จรุงจำราย
เพราท่ามงามเพรางาย   พร่างแง้ม
ควรเคยเอ่ยยศขยาย     ยอย่อง สองรา
นงหนุ่มกุมกลอนแกล้ม   กลั่นกล้องสองเรา
(กล้อง=เกลา, โกลน.)

สวยเอยสาวราวอรุณละมุลหมอกไหม   เพรารำไพเมฆม่านย่านขุนเขา
สาวเอยสวยด้วยเดิมเติมบางเบา   ไพรลำเพาคู่คงนงพนา


หนุ่มบ้านเนินเจริญรุ่งท้ายทุ่งสวย   ประดาด้วยสีสรรพรรณพฤกษา
เนินบ้านหนุ่มรุ่มร่ายจำรายรา   ด้วยประดาอายอวลมวลมาลี


โลกนี้สวยด้วยดุลย์คุณคู่ธรรม   น.หนุ่มนำ ญ.หญิงอยู่คู่ศักดิ์ศรี
โลกนี้สองรองรับนับหนึ่งนรี        น.หนุ่มนีัพลั้งพลาดถ้าขาดเธอ



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 21 สิงหาคม 2023, 06:06:PM
         

   
            ลาวดอกไม้เหนือ
            ZHHyjszOIS0


จำไม่ได้ว่า เหตุบังเอิญใด ทำให้กลับเข้ามาบ้านกลอน ทั้งที่นานมากที่ไม่อยากแต่งกลอนแล้ว

เข้ามาแล้วก็นึกถึงกลอน สร้อยสลับคู่สะคราญ จนกระทั่งคืดออกว่า คำ สร้อยคู่สะคราญ นี่เอง คือคำที่นำมาใช้แต่งกลอน แปดสัมผัส ที่ผมติดปัญหาแก้ไม่ตกจนถึงชั้นเลิกแต่งกลอนไป

ดังนั้น การกลับมาแต่งกลอนอีกครั้ง คือคิดแต่ง กลอนกลบท "สร้อยสลับคู่สะคราญแปดสัมผัส"

หลังจากนั้น ก็ แปลงสร้อยสลับคู่สะตราญ ไปหลายแบบมาก




       
          โคลงสี่สุภาพสัมผัสล้วน
           กลอนสุภาพแปดสัมผัส

คิดว่า ฉันทลักษณ์กลบททเหมาะแต่งสลับ ไม่เหมาะแต่งครบทุกบททุกกลอน 
กลอนวันนี้ ไม่เพราะ ขออภัย..อีกแระ




         


       วอน
(ปาก) ก. รนหาที่ เช่น วอนตาย
(วรรณ) ร่ำขอ ขอด้วยอาการออดเฝ้าร้องขอให้ทำตามประสงค์

   เสมอรักมักล่วงล้น     ทนทุกข์
    เคยชื่นคืนสองสุข     ส่อเศร้า
    รักเราเท่าแทรกซุก    ทรวงซ่อนวอนเอย
     รักนั่นฉันท์แรงเร้า   รุ่มร้อนวอนเอง

ฉันท์คติริเริ่มเติมตัณหา    เพราะมิกล้าตรอมตรมเขาข่มเหง
ฉันท์คตาพาผิดจิตวังเวง     เพราะมิเกรงเอียงอ้างเข้าข้างตน

รักบันเลงเพลงเพราะเสนาะสำเนียง   ใจหวังเพียงลองรักหาสักหน
รักบันลือสื่อสารท่านทุกคน  ใจหวังผลมอดม้วยก็ด้วยกัน

กระแสน้ำคำคนพรมฝนพรำ    สุขแทนช้ำครบเครื่องราวเรื่องฝัน
กระแสสนุกทุกข์ท้นปะปนกัน    สุขแทนฉันนอกนั้นฉันทุกข์แทน



หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 15 กันยายน 2023, 07:37:PM
   

   ส่วนที่ 1 กล่าว


             คู้ม คุ้ม คุ้ม คลิปนี้คุ้ม
ดนตรี กลอนร้อง ขับร้อง รำ ระบำ สมแล้วว่า ไทยงาม
                            CUoZhA1VBlg?si=lUoZtt_JBNVziIlt



มาณวกฉันท์ ๘
วันนี้แกะจาก พระนิพนธ์ใน พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ (น.ม.ส.)
ซึ่งวางสัมผัสแบบกลอน

จงจรเที่ยว      เทียวบทไป
พงพนไพร      ไศลลำเนา
ดั้นบถเดิน      เพลินจิตเรา
แบ่งทุขเบา     เชาวนไว

ปมาณิกฉันท์ ๘ -                (จากคัมภีร์วุตโตทัยโดยนายฉันท์ ขำวิไล)

ประดิษฐ์ประดับ    ประคับประคอง
เลบงลบอง            จำแนกจำนรรจ์
ระเบียบและบท       สุพจน์สุพรรณจะเฉิดจะฉัน                วิเรขวิไล



           กลบทสร้อยคู่สะคราญ
             (คุณชาญชนะ ฆังคะโชติ  ผู้ประพันธ์ต้นแบบ)

                         สองสี่คิดได้ ไม่คิดหวง
                         ใครตักตวงเล่นได้ ไม่คิดห้าม
                         สร้อยคู่สะคราญเห็น เป็นนิยาม
                         อย่ามองข้ามความเห็น เป็นนิยาย


กลบทสร้อยคู่สะคราญ เป็นที่ นักกลอนนิยม และดัดแปลงกันมาก เป็น "สร้อยสลับคู่สะคราญ" ไม่ทราบใครคือต้นแบบ
     
ผมเองก็ดีดแปลงไปหลายแบบ
     วันนี้ ยกตัวย่างจาก กลอนสร้อยสลับคู่สะคราญ ในกระทู้ของครู พี พูนสุข บ้านกลอนไทยนี่เอง



ถึงยุพิน.. ถวิลร่ายพร่างพรายฟ้า
ถึงยุพา.. ใจรักษ์ทรงศักดิ์ศรี
ไม่ท้อถอยสร้อยคล้อง.. สองบุรี
สานไมตรีสมสนอง.. สองบุรินทร์
………. พี พูนสุข

สร้อยคู่ คู่ที่สองอยู่ท้ายวรรค ทำให้เกิดสัมผัสซ้ำของคำตำแหน่งที่ 5กับ6ในวรรคที่ 3 และ4
      คล้อง.. สองบุรี
      สนอง.. สองบุรินทร์

ได้ ไม่คิดหวง
ได้ ไม่คิดห้าม
                  เห็น เป็นนิยาม
                   เห็น เป็นนิยาย

และคุณ ศรีเปรื่อง ดัดแปลง แก้ไข ได้ถูกต้อง ดีงาม ดังนี้


พิรุณโปรย...โรยหลั่งถั่งเป็นสาย
พิรุณปราย...พาหทัยเรียมไหวหวั่น
ไร้กนิษฐ์เนื้อเย็น...เป็นเพื่อนกัน
มีเพียงจันทร์ลางเลือน...เป็นเพื่อนไกล
………ศรีเปรื่อง

ส่่งคำที่5 ไปสัมผัส คำที่ 6 แลเ7 ในวรรค3และ4 เพื่อให้สัมผัส ต่างตำแหน่งกัน
 ………เย็น...เป็นเพื่อนกัน
…..เลือน...เป็นเพื่อนไกล

ผมก็แต่งเช่นนี้ไประยะหนึ่ง จนกระทั่ง รู้สึกไม่ถนัดเหมือนอิสรภาพถูก จำกัด

จึงดัดแปลงอีก 
คราวนี้
ให้คำสร้อยทั้งสองคู่ เปลี่ยนเป็น อยู่ ต้นวรรค ของทุกวรรค
    ………..

ส่วนที่ 2 กลอน


        

      สุขแทนฉันนอกนั้นฉันทุกข์แทน


ทองกวะถิ่น          ดินปิตุแดน
สรวงสุระแสน       แมนและวิมาน
สองยุวสาว           คราวผลิสะคราญ
แม้นกุสุมาลย์        บานกะอุบล

ก็"เปรื่อง"น่ะปราด     ลุศาตร์กุศล
แกะบท(ะ)กล            และอักษรา
เจาะจรรจ์วจี             วสีวิสา
ยุพินยุพา     (เมื่อไร)..มิเป็น..(ก็)..มิไป..(สะที)

ค่าบุรินทร์ถิ่นทองครองศักดิ์ศรี     "เปรื่อง"ฉะนี้(พิ)โธ่ถังว่ายังไหว
ค่าบุุรีทวีถวิลสินเศรษฐ์ไทย     "เปรื่อง"ฉะไหนแอบเอื้อนเพื่อนวไม่มี

ฝนเอยรำทำท่ามาพรั่งพรู     ดาลฤดูวาดวนดลสุขศรี
ฝนเอยรินถวิลว่าน่ำตานี้     ดาลฤดีฝอยฝนล้นนัยนา

ฤๅฝนสุดหยุดหยาดสายสวาทสิ้น     ตอบยุพินพุ่มพวงทวงถามหา
ฤๅฝนซัดพลัดพรากยากไขว่คว้า     ตอบยุพาเรไรยันไม่ยอม




หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 26 ตุลาคม 2023, 06:36:PM
     

     ส่วนที่ 1 กล่าว
     ระนาดเอกทำหน้าที่เป็นผู้นำวงดนตรี
               
หากท่านผู้ใด มีคำถาม ครูมนตรี ตราโมท แน่ขนาดไหน

ข้อสรุปของผมเอง
นี่คือ อัจฉริยภาพ บรมครู มนตรี ตราโมท
            KZhvl9q-0jc?si=y0jUYxHABdRnsYNP



        กลอนกลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ ทวิสัมพันธ์..

      หลังจาก ย้ายตำสร้อยทั้งสองคู่มาวางไว้ด้านหน้าของทุกวรรค คำสร้อยคู่แรกอยู่ที่วรรคหนึ่งและวรรคสอง  คำสน้อยคู่สองอยุ่ที่วรรคสามและวรรคสี่
      การดัดแปลงต่อมา เกิดจากพบว่า คำสร้อยส่วนมากที่แต่งกัน มักมักเป็นคำพ้องความหมาย
กลอนทีแต่งก็มักมีเนื้อหาสาระคล้ายคลึงกันในวรรคหนึ่งกับวรรคสอง และวรรคสามกับวรรคสี่ จึงเป็นความหมายที่คับแคบ
   ผมจึงสลับตำแหน่ง วางตำสร้อยคู่แรกที่วรรคหนึ่งกับวรรคสาม และคำสร้อยคู่สองที่วรรคสองกัยวรรคสี่ กลายเป็นคำสร้อยคู่แรกวางที่วรรคหน้า คำสร้อยคู่สองวางที่วรรคหลัง
       และเพื่อให้บทกลอนมีเนื้อหาสารกว้างขึ้น จึงแต่งให้ คำสร้อยของวรรคหน้ากับคำสร้อยของวรรคหลัง สัมพันธ์กันll "ปฏิสัมพันธ์" เช่น สัมพันธ์กันแบบ เป็น เหตุ-ผล ถาม-ตอบ อธิบาย-ขยายความ โต้-แย้ง ฯลฯ..
       บทแรกที่แต่งต้นแบบ เป็นแบบ วรรคหน้าเป็นเหตุ วรรคหลังเป็นผล..
        ซึ่งแต่งไว้ดี น่าพอใจมาก
        ได้แต่พูด แต่ ไม่ได้บันทึก จำเนื้อความไม่ได้ จำไม่ได้ว่าแต่งไว้ที่ไหน จะแต่งซ้ำใหม่ก็ไม่ดีเหมือนเดิม ก็เหมือนศิลปินชั้นเลิศย่อมไม่สามารถวาดภาพสายน้ำเดียวกันได้เหมือน้ดิมเมื่อเวลาต่่างไปไม่ใช่เวลาเดิม…ว่าาวว ???



     ระนาดเอก ทำหน้าที่เป็นผู้นำวงดนตรี

ระนาดเอกพเนจรกลอนร้างบ้าน
แต่จิตกานท์เต็มเปี่ยมเลี่ยมราศี
บ้านกลอนไทยใครรู้ผู้อารี
นักกลอนดีล้วนมิตรจิตงดงาม

๐ ผ่านด้อมมองลองวางกลอนสร้างสรรค์
ช่วยสานฝันกลอนไทยให้อร่าม
เพียงผู้น้อยพลอยเขียนเรียนรู้ตาม
นิรนามไร้ชื่อสื่อด้วยใจ..

ระนาดเอก webmaster


     ส่วนที่2 กลอน
       
       



         

   ตอบยุพาเรไรยันไม่ยอม



     ปลงหะมิปล่อย   น้อยก็ถนอม
     อยู่เพราะมิยอม   ตรอมจะมิตรม
     คีตละคร  ย้อนก็นิยม
     สานเหมาะผสม   ชมวจะเชย

     เสน่่ห์ระนาด     ฉลาดเฉลย
     จะเปรียบก็เปรบ     บรมครู
     คณาขนบ          มิลบมิหลู่
     หะเชิดและชู      ณ ภูมิสุพรรณ

ระนาดเอกเสกสรรค์บรรสานศิลป์.   ร้อยเสียงรินเร่งรั้งทั้งผัดผัน
ระนาดโอดอ้อนอ้างว่าบางวัน.    ร้อยเสียงลั่นสั่งเสียเมียเอกเอง(รู้น่ะมีเมียแล้ว)

คือผู้คุมกุมกฏกำหนดเกณฑ์   ไม่บิดเบนบอกบ่งผู้ตรงเผง
คือผู้คอยหงอยเหงาเขาวังเวง   ไม่บิดเบ่งแค่ขอเกลอต่อกลอน

ระนาดหนุ่มลุ่มหลงคงวาดหวัง   มาเมื่อตั้งกานท์โก้สโมสร
ระนาดหน่ายร้ายเล่ห๋จึงพเนจร  มาเมื่อตอนโสดไซร้เมียไม่มี  (ขออภัยกลอนพาไป)




หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 14 ธันวาคม 2023, 06:21:PM
     

     ส่วนที่1 กล่าว
บุษบา   

       dvY2fNpLGCc?si=BM17mNarlnS1T1CB


      แต่งกลอนกลบทครั้งแรก เรียนจาก ครู “คอนพูทน”
           กบเต้นสามตอน

กล่อมไพร
๏ แรมทางร่างถ้อยร้อยถัก
โชยลมชมลักษณ์ชักหลง
บัวจางบางจันทร์บรรจง
เสกขานสานคง..ส่งคำ


๏ ชื่นห่มชมห่อช่อเหิน
เพียงชิดพิศเชิญเพลินฉ่ำ
พลอยรินพิณเร่งเพลงรำ
คืนพราวคราวพร่ำ..ค่ำไพร


๏ มืดล่องมองลานม่านเลื่อน
รอยหมายรายเหมือนเรือนไหม
อุ่นจันทร์อันจรอ้อนใจ
ชุ่มเน้นเช่นใน..ใช่นี้


๏ วาดฟ้าว่าฟ้อนวอนฝัน
กรุ่นน้อมกล่อมนั่นกลั่นนี่
แขดวงควงดลคนดี
ศิลป์ช้อยสร้อยชี้..ศรีชม


๏ กลางไพรไกลเพื่อนเกลื่อนพร่าง
เพลินสรรพลันสร้างพลางสม
เชิญครวญชวนคลายฉายคม
ผ่องเถิดเพริศถม..พรหมทัก


๏ จารพจน์จรดเพียงเจรียงผอง
ขัดสานขานซ้องครองศักดิ์
หยาดนิ่มยิ้มนวลยวนนัก
โปรดรินปิ่นรักษ์..ปักเรียง ๚ะ๛
                 คอนพูทน


เมื่อรักมักร่ามาร่าย
เชิงยักชักย้ายชายหยิง
เริงอ้อนร่อนอ้างร่างอิง
ช่างยวนชวนยิ่งชิงเย้า

สุดร้างสร่างรินสิ้นรัก
เมินสิ้นหมิ่นศักดิ์มักเศร้า
เสียรอยสร้อยร้องสองเรา
มัวท่องหมองเท่าเมาๆทาง
                             @free


          กลอนแปดสัมผัสพัฒนา
                             
               กลอนวันนี้ยากมาก ยากจริง เขียนแลัวติด ติดแล้วแก้ แก้วแล้วรื้อเขียนใหม่ อยู่หลายวัน ยากระดับเดียวกับ คิดแล้วติดขัดกลอนแปดสัมผัสรอบแรก จนต้องเลิกเขียนกลอนไปหลายปี เกือบเลิกไปตลอดชีวิต
          การแก้ไขแปดสัมผัสครั้งแรก ใช้คำคู่สร้อยจากกลบทสร้อยคู่สักคราญ เพื่อต้องการคำสร้อย มาส่งสัมผัสกันแทน ตำหรือวลีที่เป็นสามพยางค์ แต่ว่าผมสลับคู่คำสร้อยวางไว้ต้นวรรคโดย คำสร้อยคู่หนึ่งอยู่ที่วรรค1กับวรรค3  อีกคู่หนึ่งอยู่ที่วรรค2 กับวรรค4
กลายเป็นการส่งสัมผัสข้ามวรรค แบบวรรคเว้นวรรค ซึ่งพูดได้ว่า ไม่มีผังสัมผัสแบบนี้ ในฉันทลักษณ์กลอนใดๆ
จึงจะต้องพัฒนา ให้คำแปดสัมผัส ครบอยู่ในวรรคเดียวกันทุกวรรค
และพบว่ากลบทสร้อยสลับคู่สะคราญ ไม่สามารถนำมาแต่งเป็นแปดสัมผัสได้

นึกถึงกลบทกบเต้น เพราะครู คอนพูทน บอกว่า ยังมีกบเต้นที่เป็นสามพยางคฺ์.
นึกอยู่ว่าจะนำมาใช้กับกลอนแปดสัมผัส

       

ค้นหาดูจนพบ
            กลบทกบเต้นสลักเพชร   คำ/ประพันธ์ในตำรากลบทiศิริวิบุลกิตติ์


             ใจรำคิดจิตรรำคาญจ้านแรงแค้น                                           โศกอกเหน้าเศร้าอกแน่นแสนอางขนาง                                  เจ็บทรวงร้อนจรทรวงรักจักทรงร้าง                                               สุดใจหมางส่างจิตรหมายสายจวนมรณ์
               
ใจแรกหากจากรักหวนจวนร่ำหา                                               รักใจถ้าราใจถึงรึงใจถอน                                          สุดจะแรงแสงจะรั้งสั่งจักรอน                                               กำม์มาทอนก่อนมากแท้แก้มือแทน……

เป็นกลอนเก้า มีข้อน่าสังเกตุว่า ส่งสัมผัสระหว่างวรรคโดย คำสุดท้ายของวรรคแรก ส่งสัมผัสไปได้ทั้งคำทีสามหรือคำที่หกของวรรคหลัง

อย่างไรก็ตาม คิดว่านำมาแปลง เป็นสร้อยสลับคู่สะคราญแปดสัมผัสได้ ด้วยการตัดคำในทุกวรรคพเหลือแปดคำ และ เพื่อไม่ให้ดูรกสัมผัส ควรตัดสัมผัสลงหนึ่งตำแหน่งทึ่ตำที่หกกับคำที่เจ็ด หรือไม่ตัดก็ ”ตามใจ”





ส่วนที่2 กลอน



    ......มาเมื่อตอนโสดไซร้เมียไม่มี....


               
     กบเต้นสามตอน

ไพรสงบพลบสงัดผลัดสงวน   ครูทบครบถ้วนครวญถี่
วารเร่เวลาวารี   หวังแพรวแววพลีกวีไพร

กบเต้นสลักเพชร

คำบาทกลค้นบทกานท์ขานแบบก่อ   เริ่มแตกหน่อรอเติบเนียนเรียนแต่ไหน   
ขีดใช้เวียนเขียนช่องวงคงชื่อไว้   คนผู้ไทย(เชื้อ)ไขภูธรคอนพูทน

กบเต้นสร้อยสลับคู่แปดสัมผัส

สายลมหนาวสาวและหนุ่มเกรงกรุ่น     รักมักวุ่นรุนเหมือนวัยสับสน
สายลมหนอส่อลาแนวผ่านพ้น     รักมักวนรนเมื่อวันจากจร

เตือนเรื่องจริงติงรู้จรรจ์กลกานท์    คิดเพื่อสมานชานเพียงเสมือนสื่อสอน 
เตือนเรื่องจำตำราแจงเกลากลอน   คิดเพื่อสมรค่อนเพื่อหมายคอยเคียง
 
ลมหนาวแปรแลนางแปลงหันหวล     แผกสำนวนผวนสำเนาหลบเลี่ยง
ลมหนาวปรวนรวนหนอเปลี่ยนเมินเมียง    แผกสำเนียงเพียงเสียนางครางครวญ



             [cenemo_79[/center]


หัวข้อ: Re: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 มกราคม 2024, 09:56:AM
     

      ขออณุญาต นอกเรื่อง สลับฉาก แต่งกลอนเริ่มไว้แล้วแต่ฃต่อไม่ได้ ขอค้างไว้ชั่วคราว
        ผมเชียนกลอนกลบท ฉันทลักษณ์ใหม่ วางแบบแผนฉันทลักษณไว้แล้ว  ถ้าจัดหมวดหมู่ตามข้อบังคับฉันทลักษณ์  น่าจัดเช้าหมวดหมู่เดียวกันกับ โคลงสี่สุถาพ และ ฉ้นท์ จึงนำทั้งสามประเภทมาแต่งประกอบกันได้

     ผมเริ่มแต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ และ ภุชงคป(ระ)ยาตฉันท์  แล้วแต่งต่อไม่ได้(ดั่งใจ) ขอค้างไว้ชั่วคราวครับ
        นึกว่าไม่ยาก เอาจริง ยาก

       ..........

  ลืมความคุ้นเคยเก่าก่อน
และไม่ได้จดจำไว้ในใจ หรือเปล่า?
      ลืมความคุ้นเคยเก่าก่อน
และปล่อยให้มันผ่านเลยไป หรือเปล่า?
….นิรนาม…ผู้แปล
          sMFnqj6aFwY?si=1MGvY_EAD6UfCmMn



แผกสำเนียงเพียงเสียนางครางครวญ


นวลงามนามเฟื่องฟ้า        นารี
เนียนอย่างนางดูดี           เด่นล้ำ
นวลกลายหน่ายแหนงหนี    นึกอย่า ลาเลย
เกรงกริ่งจริงชอกช้ำ        ช่างชู้ดูดาย

ภุชง

ดิถีวารลุกาลใหม่     ระทึกใจระทมหลาย
ฤดูนึ้ฤดีกลาย          จะชื่นชู้มิรู้เลย     

    โปรดติดตาม เร็วๆนี้