พิมพ์หน้านี้ - มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนประวัติศาสตร์ => ข้อความที่เริ่มโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 23 กรกฎาคม 2018, 09:33:AM



หัวข้อ: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 23 กรกฎาคม 2018, 09:33:AM
(https://preview.ibb.co/g7Vf6y/20180722_072414.jpg) (https://ibb.co/n2Rytd)

ชุดมหาภารตะนิทาน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 23 กรกฎาคม 2018, 09:38:AM
(https://preview.ibb.co/gLeJtd/20180225_163428.jpg) (https://ibb.co/juyYRy)

พระนลคำกลอน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 23 กรกฎาคม 2018, 09:44:AM
 

                                              คำนำ

                    พระนลเป็นนิทานเรื่องหนึ่งในคัมภีร์มหาภารตะ  ซึ่งกล่าวกันว่า
พระมุนีผู้หนึ่งได้เล่าประทานแก่กษัตริย์ปาณฑพนาถ  ผู้สูญเสียราชสมบัติ  
ต้องซัดเซ พเนจร อยู่กลางป่า  เพื่อเป็นกำลังใจ  ให้มั่นในความดีงาม ต่อสู้ชีวิต
ด้วยความอดทน เช่นพระนลและทมยันตี   เดิมเป็นโศลกภาษาในภาษาสันสกฤต  
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เป็นภาษาไทยเป็นครั้งแรก
โดยใช้ฉันทลักษณ์ไทยหลากหลาย  เช่น
                      ประเภทร่าย  ร่ายสุภาพ,  ร่ายยาว,  ร่ายโบราณ, กลอนร่าย (อย่างเทศน์มหาชาติ),
                     ประเภทโคลง   โคลง ๒,  โคลง  ๓,  โคล ๓ ดั้น,   โคลง  ๔ สุภาพ,  โคลงวิชชุมาลี,  
 โคลงสินธุมาลี, โคลงจิตรดา,  โคลงมหาจิตรลดา,  โคลงนันทะทายี,  
โคลงมหาทันทะทายี,  และโคลงกลบท,  
                     ประเภทฉันท์  อินทรวิเชียรฉันท์,  วสัตตติลกฉันท์,  ภุชงคประยาตฉันท์  
                     ประเภทกาพย์   กาพย์ยานี,  กาพย์สุรางคนางค์, กาพย์ห่อโคลง,
กาพย์ดึกดำบรรพ์  (ฉบงง)
                     ประเภทกลอน  กลอนเพลงยาว, กลอนบทละคร,กลอนเสภา,
                              การแต่งนิทานพระนลคำกลอนนี้  มิใช่การแปลงฉันทลักษณ์ต่าง ๆ
               ในพระนลคำหลวงมาเป็นกลอนสุภาพแต่อย่างใด  หากแต่เป็นการศึกษา
               เรื่องราวทั้งหลาย  แล้วนำมาเล่านิทานเป็นคำกลอน  ส่วนคำพรรณนาความซ้ำ ๆ
               เพื่อย้ำให้เกิดอารมณ์ลึกซึ้ง  อย่างการเทศน์มหาชาตินั้นได้ตัดออกไปบ้าง
               มีการเสริมเติมแต่งในทัศนะของผู้เล่านิทานเองบ้าง  ทั้งนี้หมายให้เกิดเป็นสิ่งที่ดี  
               ด้วยความเทิดทูนบูชา “พระนลคำหลวง”  และบูรพกวี   ซึ่งพระองค์ทรงใช้พระนาม
               ตามปกหนังสือว่า   สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร  มหาวชิราวุธ  
               พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้า  เจ้ากรุงสยาม  ไว้เป็นอย่างสูงยิ่ง  

                                                                                      ธนุ  เสนสิงห์


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 23 กรกฎาคม 2018, 09:45:AM


                           นมัสการกถา

   ๏ มโนประณตน้อม                         บูรพ์ครู
ทูลเทิดองค์วิญญู                                 พุทธเจ้า
ปวงเทพท่านวิทู                                  จบโลก   สวรรค์เฮย
เชิญท่านลงปกเกล้า                             ก่อเกื้อปัญญา

    ๏ สักการะพระพุทธ                         ธ วิสุทธิ์ศาสดา
ประทานพระธรรมมา                          แลพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ

    ๏ ข้าจะประพนธ์บรรณ                   เรื่องนิรันดร์เอกอดุลย์  
ละโทษโปรดการุณย์                           ผิวพลั้งประเด็นใด
 
    ๏ นบพระนลคำหลวง                     บทบวงจากดวงใจ
พระราชนิพนธ์ใน                                พระมหาวชิราวุธฯ

    ๏ พระเกียรติยศยง                            กาลผ่านคงสุวิสุทธิ์
วิญญาณท่านวิมุติ                                 พระนามยงคงคู้ฟ้า

    ๏ แม้นลูกอับจนคำ                           โปรดน้อมนำประทานมา
เพิ่มพจน์รจนา                                       ตรา ตรึงจิตมิตรกวี

    ๏ ขอเกิดเป็นกุศล                              แก่ปวงชนทั่วธานี
ศาสน์มั่นสรรค์ความดี                          ชาติราชาสถาวร


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 23 กรกฎาคม 2018, 09:46:AM
                                                                        หน้าที่ ๑

 
ณ ธานีนามนิษัธสถาน
ปรางค์ปราสาทราชวังอลังการ
ชาวประชาเกษมศานต์เนิ่นนานมา

     ๏ กษัตริย์วีรเสนครองกรุงศรี
นานหลายปีผ่านผันพระชันษา
จึงสละราชบัลลังก์หลังชรา
ให้ลูกยาพระนลวิมลนาม

     ๏  ผู้ทรงบุญญาธิการปานเทพไท้
ฤทธิไกรเกริกสกลชนเกรงขาม
ทั้งรูปลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐงาม
เกินนิยามใดใดในมนุษย์

     ๏  เชี่ยวชาญด้านวิทยะธนูศาสตร์
ทรงสามารถสำแดงเดชวิเศษสุด
เป็นอัศวโกวิทฤทธิรุทร
ซึ้งถึงจุดจินตนาอาชาไนย

     ๏  อันอิทธิวิชาพระนลราช
เฉียบฉกาจทุกสิ่งล้วนยิ่งใหญ่
พร่องก็เพียงแต่ว่าองค์ราชัย
พระยังไร้คู่บุญญาราชินี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 24 กรกฎาคม 2018, 09:04:AM

                                                                          หน้า  ๒  

  
๏ แม้มากมายหลายนารีพลีใจรัก
สวามิภักดิ์แก่องค์พระทรงศรี
แต่ดวงมานพระมิมอบตอบไมตรี
สักนารีธิดาเมืองใดใด

     ๏ พระบิดามารดรอ้อนวอนว่า
จะได้อุ้มนัดดาสักคราไหม
ล่วงเลยกาลวารเวลาพาห่วงใย
สั่งข้าไทช่วยสืบหาพะงางอน

    ๏ กามเทพยังไม่ทำหน้าที่
เนินนานปีผ่านไปไม่แผลงศร
พระทรงศักดิ์มักออกนอกนคร
คเนจรหลายเพลาพนาลี

    ๏  แลโปรดปรานสกากีฬาคณิต
พอเพลินจิตเหงาคลายได้สุขี
หรือเยี่ยมเยียนชาวไร่นาคหบดี
ด้วยทรงมีพระเมตตาประชาชน

   ๏ ทรงบำรุงสวนขวัญพันธุ์สถาน
ประดุจป่าหิมพานต์ตระการผล
เทียมสระอโนดาตพิลาสล้น
งามอุบลเกินคณาจาระไน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 24 กรกฎาคม 2018, 09:07:AM


                                                           หน้า  ๓      

 
    ๏ อีกธานีมีนามว่าวิทรรภ์                        
องค์ราชันรันทดมิสดใส
บวงสรวงสิ้นดินฟ้าเทวาลัย
ด้วยอยากได้รัชทายาทมาดจำนง

     ๏ มิสุขสมอารมณ์หมายหลายปีผ่าน
กลัวเลยกาลจนชราพาเลือนหลง
ขาดราชันสืบสันตติวงศ์
เพื่อดำรงเชื้อชาติกษัตรา

     ๏ วันหนึ่งพรหมฤษีวิเศษสรรค์
จรจรัลลัดดงตรงมาหา
เมื่อเข้าเฝ้าท้าวภีมะราชา
พจนามุนีท่านประทานพร

     ๏ “ขอพระองค์จงสมหวังดังถวิล
ด้วยพรแห่งพรหมินทร์อดิศร
ได้ราชบุตราครองนาคร
เป็นมิ่งขวัญราษฎรสืบต่อไป

     ๏ แลเอกองค์ธิดาบุญญาล้น
เป็นขวัญชนชื่นสุขแห่งยุคสมัย
ยอดปิยบุตรีศรีกรุงไกร
มิว่าใครพบอนงค์พึงหลงรัก


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 24 กรกฎาคม 2018, 09:08:AM


                                                                       หน้า  ๔
  
    ๏ จิตงามดีมีฤทัยใฝ่กุศล
ความอดทนสัตย์ซื่อถือแน่นหนัก
เลิศจรรยานารีมีใจภักดิ์
ศุภลักษณ์นางฟ้าหางามแม้น

    ๏ อภิไธย “ทมยันตี” ศรีสวัสดิ์
นารีรัตน์มิ่งกมลชนหวงแหน
นามหอมฟุ้งจรุงใจไปทุกแคว้น
ล้วนสุดแสนรักหลงยอดนงคราญ”

     ๏ คุณวิเศษแห่งธิดามารศรี
มั่นภักดีสัตยาธิษฐาน
วาจาขลังสั่งสาปกำราบมาร
ดวงกมลทนทานทุกข์ลงทัณฑ์

     ๏ ชาวพาราจะผาสุกเกษมศานต์
เกียรติตระการเกริกไกรไกลเขตขัณฑ์”
จบวจีมุนีลาองค์ราชัน
ในฉับพลันหายวับกลับแดนดง

       ๏ ด้วยพรพรหมสมใจในครานี้
ทรงได้ราชบุตรีที่ประสงค์
เสริมศักดิ์กษัตริย์ขัตติยวงศ์
พักตร์รูปทรงงามล้ำดั่งคำมุนี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 25 กรกฎาคม 2018, 09:11:AM
                                                                         หน้า  ๕    
                                                                    
  ๏ และยังได้ราชบุตรสุดคาดฝัน
ดังราชันมั่นหมายใจสุขี
สืบสันตติวงศ์ครองบุรี
มินานปีมีติดตามสามบุตรา

   ๏ จึงราชาภีมราชปราศกังวล
เป็นกุศลบุญหนักยิ่งนักหนา
แม้พระชนม์ราชันถึงวันชรา
ชาวประชามีหลักชัยในชีวี

    ๏ ทมยันตีเจริญวัยในวังราช
นุชนาฏพี่เลี้ยงล้อมพร้อมทุกที่
นิรทุกข์สุขเกษมแสนเปรมปรีดิ์
มิได้มีเรื่องข้องหมองฤทัย

    ๏ ปิตุรงค์และองค์พระมารดา
ทรงสุดแสนเสน่หากว่าสิ่งไหน
เว้นตะวันจันทราถ้าพึงใจ
แม้นหาได้หมายให้ชมสมดังปอง

      ๏ พระโฉมงามทรามวัยเลิศในหล้า
เลื่องลือชายิ่งล้นเหนือชนผอง
ทวยเทวายุวราชมาดเคียงครอง
เกียรติเกริกก้องโลกาถึงฟ้าไกล


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 25 กรกฎาคม 2018, 09:14:AM



                                                            หน้า  ๖
      
   ๏ ฝ่ายพระนลหนุ่มแน่นแสนอึดอัด
อยู่นิษัธธานีมิสดใส
เฝ้าใฝ่หาราชินีอยู่ที่ใด
คอยหวนไห้หม่นหมองครองโศกี

     ๏ จนยินข่าวเล่าลือระบือแสน
สาวหนึ่งแม้นนางฟ้ามารศรี
เฉิดโฉมงามนามทมยันตี
ปฏิพัทธ์รัดฤดีอยากดมดอม

     ๏ เที่ยวชมปวงมาลีที่แดนป่า
พบบุปผารวยรินประทิ่นหอม
หมายเด็ดดมดอกดวงพวงพะยอม
มือน้าวน้อมมาชมสมฤทัย

    ๏ จักชื่นชมนารีที่ปองหมาย
แล้วนี่ชายจักไขว่คว้ามาไฉน
หากพานพบประสบพักตร์จักเผยใจ
ทำอย่างไรเด็ดดอกรักหนักอารมณ์

      ๏ โอ้รักเขาข้างเดียวเสียวใจยิ่ง
ถ้าหากหญิงมิรับรักจักขื่นขม
สุขที่ฝันพลันสลายกลายเป็นลม
ต้องโศกตรมวิญญาณ์ด้วยปราชัย




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 25 กรกฎาคม 2018, 09:16:AM



                                                             หน้า  ๗
                                          
    ๏ จะอ้างเหตุผลใดเพื่อไปหา
เพียงได้พบสบตาสักคราไหม
ปรารถนาอาวรณ์ร้อนดั่งไฟ
ทำฉันใดจักได้ชมสมฤดี

     ๏ อยู่วังในใจเหงาด้วยเปล่าเปลี่ยว
พระมักเที่ยวจรไปถิ่นไพรศรี
หัวเมืองไกลเยือนไพร่ฟ้าประชาชี
บารมีชนประจักษ์รักเกลียวกลม

      ๏ วันหนึ่งท่องวโนทยานใหญ่
พบฝูงหงส์ลงสระใสว่ายสุขสม
ตัวหนึ่งขนแถบทองชวนมองชม
ก่อนเหินลมใช้วิชากระหวัดไว้

     ๏ ยินวาทะพญาหงส์ส่งภาษา
เจรจาเช่นมนุษย์ด้วยพูดได้
แม้หวานถ้อยสุนทรแต่ซ่อนนัย
แถลงไขกล่าวย้ำขอทำงาน

     ๏ “ข้าแต่ผู้ผ่านฟ้ามาพิภพ
ทรงคุณครบพระบุญญามหาศาล
มิพิฆาตอาตม์จะสนองการ
แทนคุณท่านสมประสงค์จำนงใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 26 กรกฎาคม 2018, 09:35:AM



                                                               หน้า  ๘

    ๏ ท่านมีจิตพิศวาสและมาดหมาย
ชมโฉมฉายทมยันตีศรีสมัย
ข้าจะเข้าเฝ้านางกลางเวียงชัย
กล่าววาทีเทิดไท้ให้นางซึ้ง

     ๏ เอกอ่าองค์ทรงคุณบุญศักดิ์
เทพลักษณ์งามมิเปรียบใครเทียบถึง
ในโลกนี้นารีล้วนหวนคำนึง
จิตตราตรึงมอบกายถวายรัก

     ๏ แต่พระนลมิสนใจหญิงใดแท้
นอกจากแม่ทมยันตีที่สมัคร
พระเฝ้าเพ้อเฝ้าฝันมานานนัก
มีจิตภักดิ์เหนือกว่าใครไปทั้งปวง

   ๏ ข้าจะพร่ำรำพันสรรค์สนิท
จนฝังจิตทมยันตีที่ใหญ่หลวง
คิดมอบกายถวายใจให้ทั้งดวง
แลรักหวงเพียงท่านนั้นผู้เดียว”

     ๏ ฟังจำนงหงส์ฟ้ามาเป็นมิตร
พรหมลิขิตหรือไฉนใจเฉลียว
ทั้งมิหมายทำร้ายแน่แท้จริงเจียว
เลิกเกาะเกี่ยวหงส์ลาเหินฟ้าไป


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 26 กรกฎาคม 2018, 09:37:AM



                                                               หน้า  ๙

      ๏ หงส์ตระหนักรักษาสัญญามั่น
บินมุ่งสู่กรุงวิทรรภ์มิเหลวไหล
ร่อนลง ณ อุทยานนั้นทันใด
ความงามได้โจษขานกันอื้ออึง

     ๏ ครานั้นทมยันตีธิดาราช
ใจหมายมาดเห็นรูปลักษณ์สักน้อยหนึ่ง
เมื่อมายังอุทยานตะลานตะลึง
ฝูงหงส์ซึ่งงามสีสันพรรณราย

     ๏ เหล่าข้าราชบริพารทำการต้อน
หงส์ค่อยร่อนยั่วข้าไทไปหลายฝ่าย
เมื่อองค์ราชธิดาอยู่เดียวดาย
จึงหงส์ฟ้ามาถวายซึ่งความนัย

     ๏ “ข้าแต่องค์ทมยันตีธิดาเจ้า
คราพวกเราผ่านนิษัธธานีใหญ่
พานพบหน้านลราชะรู้พระทัย
เลิศพิไลเปี่ยมเมตตาบารมี

     ๏ รูปพระองค์ทรงฤทธิ์พิศแล้วหลง
งามกว่าองค์เทวินทร์ปิ่นโกสีย์
ปฏิพัทธ์ปรารถนายอดนารี
รักองค์ทมยันตีเปี่ยมดวงใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์(ยกเลิก) ที่ 26 กรกฎาคม 2018, 09:39:AM



                                                                       หน้า  ๑๐  

    ๏ ทั้งสองท่านนั้นประเสริฐเลิศในหล้า
เหมาะสมกันปานฟ้าดลมาให้
สยมพรขจรภพนบอวยชัย
ครองรักไปข้ามภาวะมรณานต์”

     ๏ ทมยันตีธิดาตราตรึงจิต
คำหงส์ติดทรวงในใฝ่สมาน
จึงฝากความหงส์นำสู่พระภูบาล
“เคยยินนามพระองค์นานเช่นกันนา

     ๏ แลหมายใจจะได้พบประสบพักตร์
ทรงประจักษ์อยู่ในจิตขนิษฐา
หากบุญมีที่ร่วมสร้างมิร้างรา
คงสมมาดปรารถนาแห่งดวงมาน

     ๏ ขอเชื่อในใจรักภักดีมั่น
คำนี้นั้นเป็นสัตยาธิษฐาน
คงสร้างบุญร่วมกันแต่บรรพกาล
มิพบพานแต่จิตคิดผูกพัน

     ๏ เมื่อใจตรงคงมั่นกันฉะนี้
ก็มิมีสิ่งใดต้องไหวหวั่น
รอเวลานำพาให้ได้พบกัน
คำจำนรรจ์เป็นสัจจะฝากพระนล”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 กรกฎาคม 2018, 09:08:AM


                                                               หน้า  ๑๑

 
     ๏ หงส์รับคำอำลาเหินฟ้ากว้าง
เร่งเดินทางเมื่อทำงานตระการผล
แล้วร่อนลงตรงสระน้ำงามอุบล
คำมงคลตอบรักฝากภูมินทร์ 

      ๏ พระนลรู้ข่าวหงส์ลงมาหา
เจรจาปราศรัยใจถวิล
หงส์ทูลการณ์ทั้งหลายในนครินทร์
ให้ยลยินทุกอย่างที่ตั้งใจ

       ๏ แล้วมอบสื่อสารรักจากทรวงสาว
ท้ายคำกล่าวชี้แจงแถลงไข
ว่ารักท่านนั้นต้องสองหทัย
มีสายใยสวาทมิคลาดคลา

     ๏ ทมยันตีมีใจภักดิ์ตอบรักท่าน
ดั่งคู่กันบรรพกาลเสน่หา
เป็นบุพเพสันนิวาสชาติมาลา*
เหมือนผูกพันกันมาในนิยาม

      ๏ ฟังคำคมทมยันตีที่ฝากถึง
พระนลซึ้งทรวงในให้วาบหวาม
ซักไซ้หงส์ตรงข้องจินต์สิ้นทุกความ
กระจ่างตามจำนงหงส์ทูลลา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 กรกฎาคม 2018, 09:10:AM


                                                                                             หน้า  ๑๒


 
    ๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสมร
หลังหงส์อ้อนนัยแฝงแห่งภาษา
จึงย้อนคิดจิตย้ำคำพรรณา
ปรารถนาคลั่งไคล้ในพระนล

     ๏ ใจลอยล่องท่องฝันกระสันถึง
วันละหนึ่งเพิ่มเป็นวันละพันหน
ยิ่งห่วงหาอาลัยให้กังวล
มีกุศลสุขสมหวังหรืออย่างไร

      ๏ คำพูดหงส์ตรงตามสื่อความหมาย
ฤดีชายนั้นแน่แท้แค่ไหน
วลีหวานจากมานซื่อหรือเพ้อไป
จักเชื่อใจได้มั่นหรือผันแปร

     ๏ ยิ่งเนิ่นนานกาลเวลาพาจิตวุ่น
อกเคยอุ่นกลับร้าวหนาวเจียนแย่
ผ้าคุมองค์คงมิคลายได้จริงแท้
หนาวดวงแดสิ้นภูษามาบรรเทา

     ๏ แม้พี่เลี้ยงเคียงข้างยังมากล้น
แต่กมลรู้สึกวังยังหงอยเหงา
กระสับกระส่ายไร้สุขทุกค่ำเช้า
แล้วใครเล่าจะซึ้งถึงฤทัย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 กรกฎาคม 2018, 09:12:AM



                                                             หน้า  ๑๓  

     ๏ บางครั้งปลื้มลืมผลากระยาหาร
แต่มินานกลับกังวลจิตหม่นไหม้
จนผิวพรรณซีดเลือดเผือดผุดไคล
ห่วงอาลัยไม่ชื่นเลยเหมือนเคยมา

     ๏ นางกำนัลบริวารพานพลอยเศร้า
จึงเงียบเหงาทั้งวังดังราวป่า
เหล่าข้าไทจึงไปทูลองค์ราชา
พิจารณาทางช่วยด้วยดุษฎี

      ๏ ภีมราชจอมไผทได้สดับ
จนสิ้นสรรพวาจาแห่งทาสี
พระกำสรดแต่กดไว้อยู่ในที
องค์ภูมีใคร่ครวญหวนคำนึง

      ๏ “โอ้คนดีธิดาของข้าเอ๋ย
ก่อนมิเคยโศกศัลย์หรือปั้นปึ่ง
ลูกขัดเคืองเรื่องใดไม่รู้ซึ้ง
ไฉนจึงเป็นไปได้เพียงนี้

     ๏ หรือนงคราญผ่านวัยควรได้คู่
ร่วมชื่นชู้ภิรมย์รักเป็นสักขี
จะจัดการสยมพรพิธี
ทมยันตีเลือกคู่เคียงกมล”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 กรกฎาคม 2018, 07:23:AM



                                                              หน้า  ๑๔
  
    ๏ เมื่อท่านท้าวเข้าพระทัยให้อำมาตย์
เตรียมการราชพิธีเพื่อมีผล
ออกหมายกำหนดการงานมงคล
แล้วป่าวร้องก้องทุกหนทั้งใกล้ไกล

     ๏ เชิญปิ่นเกล้าเจ้าฟ้ามหากษัตริย์
มิข้องขัดชาติภาษาฐานะไหน
ต่อเมื่อทมยันตีมีหทัย
มอบรักให้จึงจักสมสยมพร

     ๏ ใกล้วันดีพิธีใหญ่ในครานั้น
ปวงเทวัญเรืองฤทธิ์อดิศร
ลูกกษัตริย์ผู้ครองรัฐเจ้านคร
ต่างรีบจรกันไปให้อื้ออึง

     ๏ พสุธาสะเทือนสั่นสะท้าน
จากฝีเท้าช้างสารเร่งให้ถึง
ราชรถเทียมอาชาฝ่าตะบึง
อึงคะนึงเหมือนจะประชันกัน

     ๏ แต่ละองค์ทรงอาภรณ์ประดับเพชร
มงกุฎเกศรุ่งราวชาวสวรรค์
ถึงธานีองค์ภีมราชัน
ต้อนรับอันสมฐานะประมุขชน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 กรกฎาคม 2018, 07:25:AM


                                                             หน้า  ๑๕

 
    ๏ ณ มัฆวานสมาคมบรมราช
วโรกาสประชุมใหญ่ในเวหน
ขัตติยะเทวาเคยมาล้น
แต่ครานี้ลดลงจนน่าแปลกใจ

     ๏ องค์อินทร์ถามความเทพมุนีท่าน
ชาวโลกทุกข์ สุขสราญ การณ์ไฉน
เกิดโรคาอาเพศเหตุอันใด
พิบัติภัยฤๅภาวะรณรงค์”

     ๏ เทพมุนีมีคำพร่ำแถลง
ทูลชี้แจงเค้าความตามประสงค์
“มนุษย์ไร้ทุกข์ภัยยุทธพงศ์
ขอท่านจงฟังแจ้งแถลงนัย

     ๏ สมมุติเทพทั้งหลายภายในหล้า
ต่างไคลคลาสู่วิทรรภ์ธานีใหญ่
ซึ่งการณ์นี้ท้าวภีมราชัย
ทูลเชิญให้ร่วมวาระสยมพร

     ๏ ขององค์ราชธิดามารศรี
ทมยันตีเลื่องชื่อลือกระฉ่อน
ศุภลักษณ์เลิศกว่าชาวนาคร
ฟ้าอมรก็ยากหามาเปรียบปาน”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 กรกฎาคม 2018, 07:26:AM


                                                            หน้า  ๑๖

    ๏ ในขณะเทพมุนีชี้แจงเหตุ
จอมเทเวศฤทธิไกรศักดิ์ไพศาล
อีกสามองค์ตรงมานั่งทันฟังการณ์
ร่วมอุทานพร้อมว่า “ข้าจะไป”

     ๏ มีองค์อัมรินทร์ปิ่นโกสีย์
ทั้งพระอัคนีที่ยิ่งใหญ่
พระยมท้าวเจ้านรกปรกโลกัย
พระวรุณผู้ให้สายนที

     ๏ ในครานั้นจตุรเทวราช
ยุรยาตรแหวกฟ้ามาเร็วรี่
ดั่งแสงตรงลงสู่หล้าฝ่าเมฆี
พบสิ่งที่พระทัยสงสัยล้น

     ๏ สั่งสุรพาหนะชะงักไว้
มิเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างกลางเวหน
เมื่อเห็นราชพาหนะแห่งพระนล
วิ่งมาบนพื้นดินถิ่นไผท

     ๏ ความเร็วเท่าเรามาจากฟ้านั่น
ปวงเทวัญแคลงจิตคิดสงสัย
ราชรถเทียมม้าอาชาไนย
แล้วไฉนเทียบกะทิพยยาน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 กรกฎาคม 2018, 08:59:AM



                                                             หน้า  ๑๗

  
  ๏ อัศวลีลาสง่ายิ่ง
พร้อมทุกสิ่งแลวิไลเกินไขขาน
เห็นฉะนั้นพลันเทวะโลกบาล
จึงปฏิสันถารสานไมตรี 

     ๏ “ดูก่อนขัตติยะนามพระนล
หยุดร้อนรนหน่อยหนึ่งอย่าพึ่งหนี
จงตั้งใจจดจำคำพาที
จักได้มีเทวราชโองการ

     ๏ เราจักใช้ให้เป็นทูตแห่งเทวะ
สำเร็จจะอวยชัยให้ไพศาล
กิจเทวายากให้ใครทำงาน
จึงเลือกท่านผู้ที่มีบุญแล”

     ๏ “ขอเดชะองค์พระเทวราช
ข้าพระบาทจะรับใช้ผู้ใดแน่
เป็นทูตนั้นสำคัญยิ่งที่จริงแท้
ต้องรู้แง่งานนั้นฉันใดนา”

     ๏ “ตัวข้านามอัมรินทร์ปิ่นโกสีย์
นั่นเทพอัคคีพลังกล้า
อีกวรุณผู้ให้สายธารา
และยมราชผู้พร่าชีวาชน”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 กรกฎาคม 2018, 09:01:AM




                                                             หน้า  ๑๘

    ๏ “ศักรินทร์ปิ่นเทวาเลิศหล้าโลก
ผู้สรรค์โศกเสริมสุขทุกแห่งหน
ฉันยินดีที่จะถวายตน
แต่กังวลอย่าเนิ่นนานกาลเวลา”

     ๏ “เรื่องเวลาข้าช่วยเอื้ออวยให้
ชั่วอึดใจจรดังคิดทุกทิศา
เมื่อตกลงจงตั้งใจจำวาจา
นำความพาสู่จอมขวัญทมยันตี

     ๏ จตุระโลกบาลนั้นมาพร้อม
แลหมายน้อมสู่ภาวะมเหสี
เชิญไปแมนแดนเทวาเหนือธาตรี
จักได้มีสุขสันต์นิรันดร์กาล

    ๏ เลือกเอาเถิดเทวินทร์มหินท์ชาติ
ผู้หมายมาดมอบรักสมัครสมาน
หรือเทวะอัคนีมีดวงมาน
พร้อมประทานรักจอมขวัญกัลยา

     ๏ หรือเลือกพระวรุณผู้พูนโลก
จะร้างโศกสิ้นทุกข์สุขนักหนา
หรือเลือกพระยมราชฆาตโลกา
จักพ้นภัยบีฑาสุขอานันท์


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 กรกฎาคม 2018, 09:02:AM


                                                            หน้า  ๑๙

    ๏ ขอให้ทมยันตีนารีรัตน์
ปฏิพัทธ์เทวะจากสวรรค์
สมยศฐานารีศรีวิทรรภ์
จงเลือกสรรตามจำนงสักองค์เทอญ”

    ๏ จบคำฝากจากองค์อินทร์ปิ่นพิภพ
พระนลนบเทวัญสรรเสริญ
แต่ใจนั้นพลันโศกวิโยคเกิน
ฤๅเผชิญวิบากกรรมช้ำอุรา

     ๏ อัดอั้นจิตคิดไปให้ทดท้อ
จึงวอนขอเทวัญเหล่านั้นว่า
“ยากจะทำตามประสงค์องค์เทวา
เพราะต่างมาด้วยปองน้องนางเดียว

     ๏ เมื่อฝ่ายท่านวานให้ไปเป็นทูต
กลัวจะพูดพลั้งพลาดขาดเฉลียว
มิทำได้ดั่งใจท่านนั้นจริงเจียว
อย่าฉุนเฉียวนะหม่อมฉันวานปรานี”

     ๏ “ดูดู๋เจ้ามิจำคำทำสับปลับ
ตะกี้รับกลับตระบัดสัจหรือนี่
อันกษัตริย์ตรัสแล้วไม่กลายวจี
ไยทำทีเหมือนตระหนกอกระทึก”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 สิงหาคม 2018, 09:16:AM



                                                                                              หน้า  ๒๐

                
    ๏ “วอนขอพระกรุณาเทวาท่าน
คำกล่าวขานสื่อตามความรู้สึก
ท่านยืนย้ำต้องทำแน่แม้ช้ำลึก
ยังสำนึกมิตระบัดสัตยา”

     ๏ “จงตั้งใจไปตามคำดำเนินกิจ
ใครมิปิดกั้นขวางทางข้างหน้า”
ประกาศิตสัมฤทธิ์สิ้นแห่งอินทรา
รับบัญชาพริบตาหนึ่งถึงเวียงชัย

     ๏ เริ่มหน้าที่ทูตเทวามาสมาน
นายทวารมิอาจขวางหนทางได้
ทหารซึ่งขึงขังเฝ้าวังใน
เหมือนยอมให้ล่วงปราสาทราชธิดา

     ๏ ถึงห้องใหญ่ใสสว่างกลางปราสาท
พบพระราชบุตรีที่เลิศหล้า
งามเอวองค์วงพักตร์ลักขณา
เสน่หาซ่านซึ้งตะลึงงัน

     ๏ จับจ้องนิ่งมิผินหน้าเหมือนบ้าใบ้
พิศวาสบาดฤทัยยิ่งไหวหวั่น
นึกถึงงานบรรหารแห่งเทวัญ
พระอดกลั้นอกตรมระทมระทวย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 สิงหาคม 2018, 09:17:AM




                                                               หน้า  ๒๑            

     ๏ ฝ่ายยุวนารีทาสีสมร
ทุกบังอรคัดสรรล้วนสะสวย
เมื่อเห็นพระนลกันพลันงงงวย
มัวแต่ขวยเขินอายชม้ายตา

     ๏ ครานั้นทมยันตีนิรมล
หันมาเห็นพระนลอยู่ซึ่งหน้า
แย้มยิ้มน้อยค่อยเอ่ยคำจำนรรจา
“ดูก่อนราเอกองค์ผู้ทรงงาม

      ๏ ท่านมาถึงราชฐานด้านในนี้
ไยมิมีทหารทัดทานห้าม
ขอเชิญท่านแถลงแจ้งพระนาม
และเหตุความประสงค์จำนงนัย”

     ๏ “นามคือนลกษัตริย์ขัตติยชาติ
ผู้ครองราชย์ธานีนิษัธสมัย
รีบเดินทางยังวิทรรภ์มั่นฤทัย
มอบดวงใจจอมขวัญทมยันตี

     ๏ แม้เพียงตาได้ชมมิสมรัก
ต้องอกหักทุกข์ทนหม่นเหลือที่
สมใจหวังตั้งตารอเป็นแรมปี
เพื่อเข้าร่วมพิธีสยมพร


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 สิงหาคม 2018, 09:18:AM




                                                              หน้า  ๒๒

    ๏ ครั้งหงส์ทองปองสื่อสารสวาท
มาปราสาทน้องนั้นเมื่อวันก่อน
รับสารไปใจถวิลทั้งกินนอน
อกรุ่มร้อนใคร่มาหาคนดี

     ๏ กุศลหนุนบุญนักพบพักตร์น้อง
ถึงด้านในวังทองของโฉมศรี
ได้โอกาสสนทนาเอ่ยพาที
ชั่วชีวีดวงหทัยไม่ลืมเลือน

     ๏ แม้นรักที่ฤดีปองต้องพลัดพราก
รับวิบากกรรมขวางจำร้างเลื่อน
เช่นสุรีย์มิมีได้ใกล้ดวงเดือน
ดาราเกลื่อนต้องลี้ทิวาจร

     ๏ ระหว่างทางพบเทวาบัญชาพี่
เป็นทูตท่านสานไมตรีมิ่งสมร
ร้าวอุราพยายามพร่ำอ้อนวอน
ท่านมิผ่อนบรรหารยืนกรานใช้

     ๏ ต้องทำตามจำนงองค์เทเวศ
แลเห็นเจตน์ดวงจิตพิสมัย
น้อยนักนะมนุษย์สุดโลกไกล
อันจะได้พระกรุณาเช่นครานี้


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 03 สิงหาคม 2018, 11:26:AM


                                                           หน้า  ๒๓      

    ๏ นายทวารมีการตรวจเข้มงวดนั้น
มิอาจกั้นกิจอินทราฝ่าวิถี
ผู้เป็นทูตเทวาเข้าธานี
จึงมิมีผู้ใดได้ทัดทาน

     ๏ นำความองค์อมรินทร์ปิ่นพิภพ
พระวรุณผู้เลอลบคุณพิศาล
พระอัคนีผู้ที่อุ่นโลกบาล
แลพระยมผู้ผลาญสรรพชีวา

     ๏ ทวยเทพไท้หมายเจ้าเยาวลักษณ์
เชิดชูศักดิ์เสพสวรรค์แสนหรรษา
จวบชั่วนิจนิรันดร์กาลเวลา
ทรงบุญญาประเสริฐเลิศโลกัย

   ๏  ยินดีด้วยอวยชัยไม่อิจฉา
เทพอุ้มชูสู่ฟ้าสุขสดใส
จะจำนงองค์ใดแน่สุดแต่ใจ
ทูตพร้อมรับกลับไปทูลเทวัญ”

     ๏ ครานั้นทมยันตีศรีสมร
พนมกรไหว้เทวะจากสวรรค์
หันมานบสบตานลราชัน
จึงจำนรรจ์คำฝากจากหทัย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 03 สิงหาคม 2018, 11:28:AM



                                                             หน้า  ๒๔

    ๏ “โอ้ว่าองค์ภูมินทร์ปิ่นเกศี
ฟังน้องนี้ชี้แจงแถลงไข
ความจริงแท้แลมิแสร้งแฝงกลนัย
ทูลราชัยตรงคำมิอำพราง

     ๏ เจตนาขอเป็นข้าพระนลราช
พิศวาสฝังฤทัยไม่รู้สร่าง
ตั้งแต่วันหงส์พรรณนาสารพางค์
ทรงสำอางเลิศปลื้มลืมมิลง

     ๏ ทั้งวันคืนตื่นหลับประทับจิต
ด้วยแรงฤทธิ์รักล้นจนลุ่มหลง
พระบิดามารู้เหตุเจตจำนง
จึ่งพระองค์จัดวาระสยมพร

     ๏ ตั้งแต่นั้นก็มั่นในฤทัยว่า
ต้องพบหน้านลนริศอดิศร
ขออย่าตัดสวาทจนขาดรอน
น้องวิงวอนรักแท้ให้ไร้ราคี

     ๏ แม้พระองค์ทรงชัยไม่สมัคร
สลัดรักหักใจคิดหน่ายหนี
เท่ากับองค์ทรงฤทธิ์ปลิดฤดี
น้องจำนงปลงชีวีมิมีกลัว


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 03 สิงหาคม 2018, 11:30:AM



                                                              หน้า  ๒๕

    ๏ จักเข้ากองอัคคีปลิดชีวิต
ดื่มยาพิษดิ่งนทีมีอยู่ทั่ว
ฤๅผูกศอพอแน่นิ่งต้องทิ้งตัว
โลกมืดมัวหากมิคู่พระภูมี”

     ๏ ฟังความทมยันตีนารีนาถ
พิศวาสบาดทรวงพระทรงศรี
ซึ้งถึงความเสน่หายอดนารี
จิตเปรมปรีดิ์ใคร่ชมภิรมย์ชิด

     ๏ แต่หน้าที่เทวามอบมาให้
ทำตามใจปรารถนารู้ว่าผิด
จำเอ่ยตามความเทวาว่า “มิ่งมิตร
ขอจงคิดปลงใจให้เทวัญ

     ๏ สุขสรรเสริญเกินมนุษย์สุดจะกล่าว
เป็นท่านท้าวจอมสุรางค์กลางสวรรค์
เพชรภูษาทิพย์มาลีเลิศดีนั้น
สามารถสรรได้ทั้งสิ้นดั่งจินดา

     ๏ เมื่อเป็นความประสงค์ผู้ทรงฤทธิ์
ยากขัดจิตเหมือนจักผลักภูผา
เราด้อยค่ากว่าธุลีที่บาทา
ฤๅอาจกล้าท้าองค์เอกรินทร์”



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 สิงหาคม 2018, 01:27:PM

                                                              หน้า  ๒๖ 

 
    ๏ เมื่อยินคำย้ำความซ้ำอีกหน
อัสสุชลหลั่งไหลไม่สุดสิ้น
นัยคารมดั่งคมมีดกรีดชีวิน
อกพังภินท์ทรุดองค์ลงฟูมฟาย

     ๏ พระนลพลันหวั่นฤทัยได้กล่าวตอบ
เป็นคำปลอบประโลมยอดโฉมฉาย
“พี่กล่าวคำย้ำเตือนเหมือนดูดาย
ต่อไมตรีที่เจ้าหมายมอบให้มา

     ๏ เพราะพี่ถือสารามาเป็นทูต
ครั้นจะพูดตามใจคล้ายมุสา
ผิดคำมั่นอันรับกับเทวา
ขอธิดาเย็นลงจงเห็นใจ

     ๏ ถ้าได้พบน้องรักอีกสักครั้ง
จะกล่าวดังดวงจิตพิสมัย
มาครั้งนี้มีความสัตย์ผูกมัดไว้
ยอดฤทัยอย่าวิโยคโศกรำพัน”

     ๏ ยินคำปลอบประโลมทมยันตี
ชื่นฤดีเต็มอุระกะทันหัน
ยิ้มแย้มทั้งน้ำตาในครานั้น
ปานสวรรค์พลันสว่างขึ้นกลางทรวง


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 สิงหาคม 2018, 01:29:PM


                                                              หน้า  ๒๗

     ๏ เมื่อรู้ซึ้งถึงฤทัยไม่เป็นอื่น
รักเต็มตื้นเลิกคิดตะขิดตะขวง
สรรเสริญองค์ทรงศักดิ์มิทักท้วง
“งานทั้งปวงเสร็จแล้วหนาเวลานี้

     ๏ เด็ดเดี่ยวยิ่งมิทิ้งสัจตัดธรรมะ
เสียสละดวงใจให้หน้าที่
เป็นการทำสิ่งประเสริฐเลิศภูมี
องค์เทวัญท่านปรานีสุธีชน

     ๏ ขอพระองค์ทรงทูลเทวฤทธิ์
ด้วยความสัตย์สุจริตจิตกุศล
จริงทุกถ้อยวาทีมิซ่อนกล
เผยเหตุผลแต่เริ่มจำเดิมมา

    ๏ เมื่อถึงวันสยมพรบวรพิธี
กลางภาคีใหญ่นั้นประชันหน้า                                                           
 เป็นสิทธิ์ของน้องเลือกคัดภัสดา
องค์เทวามีธรรมพึงอำนวย

    ๏ เมื่อน้องเลือกพระองค์เพราะจงจิต
เกิดโฆษิต*แซ่ซ้องร้องเห็นด้วย
พรเทวาพาชื่นระรื่นระรวย
สำเร็จสวยสมดังที่หวังปอง”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 สิงหาคม 2018, 01:31:PM



                                                         หน้า  ๒๘

    ๏ พระนลฟังวาจาธิดาราช
ชาญฉลาดดีเด่นมิเป็นสอง
เอ่ยวาจาลาออกนอกวังทอง
เมื่อตริตรองคล้ายเทวาฟ้าประทาน

    ๏ ตั้งจิตย้อนกลับหลังดังใจหมาย
พระวับหายจากห้องรโหฐาน
นั่งวันทาหน้าพระพักตร์มัฆวาน
รับโองการตอบความตามระบิล

     ๏ องค์เทวาทั้งสี่มีปุจฉา
สั่งราชาแถลงไขให้จบสิ้น
อย่าตกขาดคลาดเคลื่อนเหมือนเล่นลิ้น
พระนลยินจึงกล่าวความตามคดี

     ๏ “ข้าพระองค์ตรงไปในปราสาท
ใครมิอาจขัดขวางทางวิถี
เข้าไปถึงซึ่งหน้ายอดนารี
ทำหน้าที่ตามท่านได้มอบหมายงาน

     ๏ กล่าววาจาว่าคณะจตุรเทพ
เชิญแม่เสพสุขสวรรค์อันไพศาล
ชี้นำหนุนคุณอักโขโลกบาล
เทิดทุกท่านว่าควรตอบรักมอบใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10 สิงหาคม 2018, 09:44:AM


                                                            หน้า  ๒๙

    ๏ มากสรรพสิ่งสุขแสนที่แดนฟ้า
ตัวหม่อมฉันพรรณนาหาพร่องไม่
เพื่อชักจูงจิตนางเคลิ้มคลั่งไคล้
อมตาสุขาลัยนิรันดร์กาล

     ๏ ถ้วนทุกถ้อยวาทีที่เสกสรร
ดำรงความตามเทวัญมีบรรหาร
แต่เทวีมิชื่นรื่นสราญ
ปวดดวงมานทุกข์ตรมระทมระทวย

     ๏ เธอกล่าวถ้อยถอยหลังครั้งหนึ่งนั้น
ที่หม่อมฉันส่งหงส์ฟ้าเข้ามาช่วย
เป็นสื่อรักฝากวาจามหาละลวย
ซึ้งรูปสวยเดชาแห่งข้าพระองค์

     ๏ ตั้งแต่วันนั้นมานารีนาถ
พิศวาสบาดกมลจนลุ่มหลง
เฝ้าละเมอเพ้อรักพะวักพะวง
เป็นเหตุที่ปิตุรงค์เกิดสงกา

     ๏ ทรงใคร่ครวญทวนเหตุผลจนประจักษ์
ว่าเกิดรักขึ้นในทรวงจิตห่วงหา
สั่งอำมาตย์ประกาศไปหลายพารา
เชิญราชาเจ้าแคว้นแดนใกล้ไกล


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10 สิงหาคม 2018, 09:45:AM


                                                           หน้า  ๓๐

 
    ๏ ให้เดินทางยังเขตขัณฑ์วิทรรภ์รัฐ
เพื่อการจัดสยมพรพิธีใหญ่
ด้วยมาดหมายให้ธิดายอดยาใจ
เลือกคู่ครองต้องพระทัยมอบไมตรี

     ๏ เมื่อหม่อมฉันบรรยายซ้ำหลายหน
แม่ยิ่งหม่นหมองทุกข์สิ้นสุขี
จำต้องปลอบประโลมให้คลายโศกี
นางจึงมีคำจำนรรจ์มาวันทา

     ๏ เอ่ยอ้างองค์เทวัญอันประเสริฐ
ย่อมเลอเลิศทิพย์ญาณรู้การณ์หล้า
ทั้งพระองค์ทรงเดชล้ำเมตตา
พระองค์มาเพื่อช่วยอำนวยพร

     ๏ วันพิธีขอให้มีกระหม่อมฉัน
จรจรัลพร้อมกับพระอดิศร
กลางพิธีอยู่ที่ใจองค์เอมอร
จะแผลงศรรักต้องฤทัยใคร

   ๏ การณ์ทั้งหลายให้ตามนัยหทัยนุช
จะยื้อฉุดประเพณีหามมีไม่
ต่างมีเกียรติเกริกฟ้าสุราลัย
และล้วนใฝ่จำนงประสงค์ดี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10 สิงหาคม 2018, 09:47:AM

                                                           หน้า  ๓๑  
    
  ๏ ครั้นมาถึงซึ่งวาระศุภฤกษ์
เอิกเกริกผู้คนล้นกรุงศรี
ขัตติยะ เทวะ ท้าว เจ้าธานี
เต็มโรงธารพิธีวังวิทรรภ์

     ๏ แต่ละองค์ทรงเครื่องประเทืองยศ
ตามกำหนดสำแดงหมายแข่งขัน
เพื่อชูพักตร์ลักขณาวิลาวัณย์
เชิดประชันยั่วตายอดนารี

     ๏ พระนลนั่งกลางเหล่าเจ้าเมืองใหญ่
ลดหลั่นใกล้จอมเทวัญนั้นทั้งสี่
ถึงเวลาธิดาขวัญทมยันตี
ลงสู่ที่ท้องพระโรงงานมงคล

     ๏ จ้องทุกตาทั้งสมาคมบุรุษ
เงียบประดุจยินเข็มเล่มเดียวหล่น
เพ่งพิศดูธิดาเอกอานนท์*
เหมือนต้องมนต์จังงังนั่งงุนงง

     ๏ โอ้แม่งามอร่ามเลิศเฉิดฉะนี้
ชายชาตรีทั่วโลกาจึงมาหลง
สารพางค์สะอางสะโอดสะอง
เหมือนเจาะจงขยี้ใจทุกชายชาญ


อานนท์*    ความยินดี,  ความปลื้มใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 สิงหาคม 2018, 12:05:PM


                                                            หน้า  ๓๒

 
    ๏ วงพักตร์พริ้มยิ้มละไมสดใสนัก
ทุกทีท่าน่ารักวิไลหวาน
ถึงเวลาพราหมณ์มาเริ่มเฉลิมการ
ผู้ร่วมงานยิ่งรู้สึกระทึกฤทัย

     ๏ ครานั้นทมยันตีฤดีหวาด
ดวงเนตรกวาดหาพระนลอยู่หนไหน
ส่ายสายตาหาอยู่นานละลานใจ
ดาษดื่นไปเทพเทวาองค์ราชัน

     ๏ ล้วนทรงงามล้ำเลิศพรรณเฉิดฉาย
งามละม้ายเช่นท้าวชาวสวรรค์
ถือหอกง้าวหลาวตะบองพลองฉกรรจ์
ดาบพระขรรค์หลายหลากแลมากมาย

      ๏ เขม้นมองจ้องหาพระนลเจ้า
อยู่กลางเหล่ารวมกลุ่มหนุ่มทั้งหลาย
แต่ข้องจิตคิดว่าคงตาลาย
พระนลคล้ายกันเรียงหน้าห้าพระองค์

     ๏ หลับตาลงจงจิตพินิจใหม่
คือองค์ใดพระนลจริงสิ่งประสงค์
ตั้งสติว่ามิใช่ละม้ายทรง
แต่มนตรามาเจาะจงให้งงงัน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 สิงหาคม 2018, 12:06:PM



                                                            หน้า  ๓๓

    ๏ จึงนบน้อมพร้อมจิตอธิษฐาน
ถึงท้าวโลกบาลเลอสวรรค์
ขอเมตตาสงสารท่านเทวัญ
ด้วยหม่อมฉันรักหนึ่งแท้แต่พระนล

     ๏ ขอมายาลวงตาสร้างจงจางหาย
เห็นเพียงชายที่รักด้วยสักหน
เมื่อเทวาทั้งหลายค่อยคลายมนต์
ก็เป็นผลให้ธิดาเห็นราชัน

     ๏ ถึงแม้นว่าเทวาหน้าตาคล้าย
วรกายเทวฤทธิ์ผิดสีสัน
แจ่มบรรเจิดเพริศพรายประกายพรรณ
พระนลนั้นระเรื่อด้วยเหงื่อไคล

      ๏ เหล่าเทวาคราประทับกับพระแท่น
มิได้แบนบุ๋มลงที่ตรงไหน
มิกะพริบพระเนตรผ่องทั้งสองนัยน์
เครื่องทรงไร้ผงธุลีมิมียับ

     ๏ ดอกไม้ในมาลัยดังยังติดต้น
ของพระนลมีดอกเฉาเข้าสลับ
ความพะวงสงสัยได้ระงับ
ธิดาจับพวงมาลีตรงรี่พลัน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 สิงหาคม 2018, 12:08:PM



                                                           หน้า  ๓๔

     ๏  คุกเข่าลงตรงหน้าพระนลราช
อภิวาทตัดสินใจมิไหวหวั่น
เอ่ยวาจาว่า “น้องนี้ฝากชีวัน
องค์ราชันขอมีจิตคิดเมตตา”

    ๏ แล้วชูพวงมาลีสวยสีสด
จิตกำหนดคล้องยังพระอังสา
พลันกึกก้องเสียงแซ่ซ้องของเทวา
กล่าวคาถาถวายพระพรชัย

     ๏ พร้อมกับคำคร่ำครวญหวนละห้อย
จากราชันนับร้อยทั้งน้อยใหญ่
เมื่อสิ้นสรรพสำเนียงเสียงใดใด
พระนลได้กล่าวรับขวัญทมยันตี

      ๏ “โอ้ว่ายอดกัลยาณีของพี่เอ๋ย
ขอทรามเชยฟังความคิดจากจิตพี่
ชั่วกัปกาลนานนับตั้งแต่นี้
เป็นภัสดาที่ดีของยาใจ

     ๏ จะฟังวาจาเจ้าประทับจิต
รักมั่นคงดำรงมิตรพิสมัย
จะเคียงคู่อยู่กันทุกวันไป
ดวงฤทัยภักดีตราบนิรันดร์”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 สิงหาคม 2018, 11:40:AM



                                                            หน้า  ๓๕

    ๏ ยินคารมทมยันตีฤดีปลื้ม
ประดุจดื่มทิพย์โอสถเกษมสันต์
โผองค์ตรงเข้าครองประคองกัน
อภิวันท์ประธานราชพิธี

     ๏ เสร็จแล้วหันกลับมากราบพระบาท
พระปิตุราชมาตุรงค์พระทรงศรี
สองพระองค์อิ่มเอมสุขเปรมปรีดิ์
เอ่ยวจีเลิศล้ำอำนวยพร

     ๏ ขอบคุณทุกท่านที่มีเมตตา
ขอความกรุณามั่นเหมือนก่อน
ปวงเทวาตั้งท่าจะลาจร
ประนมกรน้อมส่งองค์เทวินทร์

      ๏ เหล่าเทโวโลกบาลตระการฤทธิ์
เริ่มประสิทธิ์พรเทวะแห่งมหินท์
หนึ่งบวงสรวงทั้งปวงได้ดั่งใจจินต์
ชาวธานินทร์สุขอุราสถาวร

     ๏ สองให้เป็นที่รักราษฎร์นักหนา
แม้ยาตราใดสุโขสโมสร
พระอัคนีมีการุณย์อวยสุนทร
สิทธิกรเรียกอัคคีด้วยปรีดา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 สิงหาคม 2018, 11:42:AM



                                                               หน้า  ๓๖

 
     ๏ อีกให้เขตนาครอมรรัตน์
เจิดจำรัสกระจ่างสว่างหล้า
พระยมท่านทัณฑธรเทวา
ประทานรสจรดชิวหาตราตรึงใจ

     ๏ แลให้ธรรมะสถิตนิมิตมั่น
ปกเขตขัณฑ์ทั่วแคว้นแสนสดใส
พระวรุณร่วมด้วยอวยพรชัย
เรียกน้ำได้ง่ายดายดังใจปอง

     ๏ ทั้งให้มวลมาลีที่ทรงผ่าน
จงชื่นบานสดสีมิมีหมอง
พรเลิศล้ำคำเทวะพระนลครอง
องค์ละสองเป็นแปดสรรค์สวรรค์มนต์

       ๏ จบคำพรองค์เทวัญพลันลับหาย
เห็นเพียงสายแสงเรืองเบื้องเวหน
มิทันล่วงลับลาจากสากล
ในบัดดลพบกลีและทวาบร

     ๏ องค์มัฆวานยั้งตั้งคำถาม
“จงตอบความให้แจ้งแถลงก่อน
ดูท่าทีลีลาน่ารีบร้อน
ท่านหมายจรสู่  ณ สถานใด”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 สิงหาคม 2018, 11:44:AM



                                                              หน้า  ๓๗
  
 
    ๏ “ร่วมสยมพรธิดาภีมกษัตริย์
วิทรรภ์รัฐเขามีพิธีใหญ่”
จตุรบาลท่านว่า “มาช้าไป
เราต่างได้ร่วมงานผ่านพ้นมา”

     ๏ กลีฟังดังพักตร์จะหักแยก
หทัยแหกประดุจฉีกชิ้นภูษา
“ใครทำให้สายสวาทต้องคลาดคลา
เราใฝ่หานงคราญมานานปี”

     ๏ “ราชธิดาเลือกพระนลเป็นคนรัก
แสนเหมาะสมกันนักด้านศักดิ์ศรี
ทั้งสององค์ทรงรักกันมั่นภักดี
เราทั้งสี่นี้ให้พรก่อนเลิกงาน”

      ๏ กลียิ่งเดือดดาลพาลอาฆาต
“มันบังอาจหยามข้ามหาศาล
อย่าคิดสุขสมหวังจะรังควาน
ให้มลานแยกพ้นคนละทาง”

     ๏ องค์อินทราฟังวาทีกลีกล่าว
เตือนว่า “ท้าวกลีที่หมองหมาง
ความอิจฉาริษยาพาจิตคว้าง
ถ้ามิวางหัวใจท่านนั้นร้อนรน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 สิงหาคม 2018, 03:19:PM




                                                               หน้า  ๓๘
 
 
     ๏ ยิ่งคิดร้ายท้ายแล้วท่านนั้นยิ่งต่ำ
ผลบาปกรรมงำจิตปิดกุศล
ท่านอาฆาตมาดร้ายหลีกไม่พ้น
ใจท่านเองแลต้องทนทุกข์ทรมา

     ๏ พระนลมั่นสัญญารักษาสัตย์
ยามข้องขัดกุศลหนุนบุญรักษา
พุทธคุณประเสริฐเลิศโลกา
เทพเทวามีหน้าที่บริบาล”

     ๏ ยิ่งเตือนย้ำเหมือนยิ่งทำกลีแน่น
กระอักแค้นจิตวุ่นกายงุ่นง่าน
องค์อินทร์ว่าวิสาสะกะคนพาล
มิเป็นการจึงสู่ฟ้าลับตาไกล

      ๏ ยิ่งย้อนคิดจิตกลีทวีคลั่ง
พระนลยังครองสุขแสนอยู่แดนไหน
เราดุจอยู่โลกันต์โดนหั่นใจ
อกเร่าร้อนดั่งไฟไหม้ฤดี

     ๏ “ทวาบรเพื่อนข้ามหามิตร
จงซึ้งจิตข้าทุกข์สิ้นสุขี
ขอจงช่วยด้วยจิตมิตรไมตรี
เป้าหมายมีข้าจะสิงพระนล



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 สิงหาคม 2018, 03:20:PM




                                                             หน้า  ๓๙

     ๏ ทุกเช้าค่ำย้ำจิตมันคิดเขว
จำห่างเหนารีจนมีผล
วานเพื่อนข้าสิงสกาพาพลิกกล
ให้ทรงพลเสียสินสิ้นพารา

     ๏ จนเสียหมดมณฑลสุชนรัฐ
ราชสมบัติสูญพงศ์แลวงศา
ต้องออกจรร่อนเร่ไปในพนา
จักขยี้บีฑาผู้ปราชัย”

     ๏ จิตกลีแก่กล้าพยาบาท
คิดอาฆาตคลุ้มคลั่งเกินยั้งได้
ปลงไม่ตกอกร้อนดั่งฟอนไฟ
จำฝังใจแต่ขุ่นเคืองที่คางคา

      ๏ ไม่สมหวังดังหมายมิหายแค้น
ถ้าหากแม้นมีฤทธิ์คิดจักฆ่า
แต่ด้อยด้วยบารมีที่สร้างมา
ผิว์วิชาเราดียิ่งสิงภายใน

     ๏ ตกลงเน้นเร้นกายใกล้ทุกหน
เมื่อพระนลหมองเหม่อจิตเผลอไผล
จังหวะมีดังที่มั่นสิงทันใด
ถึงเนิ่นนานเพียงไรใจทนรอ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 สิงหาคม 2018, 03:23:PM



                                                                               หน้า  ๔๐
                              
     ๏ ถึงเวลาธานีวิทรรภ์รัฐ
ภีมราชกษัตริย์จัดห้องหอ
ทุกกระเบียดต้องละเอียดงามลออ
เติมแต่งเน้นเป็นที่พอพระหทัย

     ๏ พระตรัสสั่งทั้งธานีพิธีราช
ทุกเชื้อชาติปรองดองฉลองใหญ่
คู่ขวัญหล้าวิวาห์การงานเกริกไกร
พระนลกับทรามวัยทมยันตี

     ๏ สองกษัตริย์สุขสันต์สวรรค์สวาท
ภูวนาถมิห่างรักสักดิถี
เฝ้าชิดชมโฉมสุดายอดนารี
ทรงเปรมปรีดิ์ปลาบปลื้มลืมเวลา

      ๏ โอ้รักเอยชื่นเชยชมเมื่อสมรัก
สุขยิ่งนักหวานฉ่ำล้ำเลิศหล้า
สองอิงแอบแนบข้างมิห่างตา
เสน่หาตรึงจิตสนิทนาน

     ๏ คอยหยอกเย้าเคล้าคลอพะนอนุช
มิสิ้นสุดสายสวาทหยดหยาดหวาน
ฝันลอยล่องท่องแมนแดนพิมาน
เพลินทิพย์ธารสวนสวรรค์อันพิไล


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16 สิงหาคม 2018, 03:14:PM




                                                             หน้า  ๔๑

      ๏ มิพบพักตร์สักนิดก็คิดถึง
รักดูดดึงแนบสนิทอยู่ชิดใกล้
มดมิอิ่มลิ้มรสหวานสราญใจ
เคล้าอยู่ในใยสวาทมิคลาดคลา    
                                            
     ๏ วันหนึ่งนึกถึงนิษัธธานีสถาน
บริพารญาติพงศ์ร่วมวงศา
เข้าถวายบังคมภีมราชา
จักเชิญยอดชายากลับเวียงชัย

     ๏ โปรดอำมาตย์ยาตราส่งเสด็จ
โดยสำเร็จยังนิษัธนิรัติศัย
ถึงธานีพิธีฉลองข่าวก้องไกล
ราชาได้ราชินีที่สมบูรณ์

      ๏ นลราชาและธิดาทมยันตี
ครองธานีสดใสเลิศไอศูรย์
ดวงฤดีมีธรรมเจิดจำรูญ
ยิ่งเพิ่มพูนต้นทุนบุญความดี

   ๏ สิ่งชั่วช้าราคีมิกรายกล้ำ
ทั้งเช้าค่ำนิรทุกข์เปี่ยมสุขี
มิเปิดช่องจังหวะให้กลี
สิบสองปีผ่านไปเหมือนใจจง


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16 สิงหาคม 2018, 03:15:PM




                                                              หน้า  ๔๒                              

 
    ๏ ทรงได้ราชบุตรราชธิดา
สิ่งที่ปรารถนาสมประสงค์
“อินทระเสน” สุตราชวงศ์
สืบเชื้อพงศ์กษัตริย์ขัตติยา

     ๏ และ“อินทระเสนา” ธิดารัตน์
ผู้ผ่องภัทรโศภิตขนิษฐา
สองโสภีปานเทวีองค์เทวา
เป็นที่สุดเสน่หาเท่าชีวิน

     ๏ กิจวัตรประจำวันนั้นพระนล
ดื่มน้ำมนต์บวงสรวงองค์โกสินทร์
เทวาลัยไปบูชาเป็นอาจิณ
พระภูมินทร์เสริมเดชะบารมี

     ๏ จนวันหนึ่งซึ่งองค์ทรงพลาดพลั้ง
มิเป็นดังเคยทำประจำดิถี
ถ่ายมูตรแล้วต้องชำระพระกายี
ล้างพระบาทอย่างดีทุกทีไป

     ๏ ในครานั้นพระราชามาลืมหลง
มิชำระพระองค์ให้ผ่องใส
เข้าบวงสรวงบูชาเทวาลัย
เป็นเหตุให้เสียศรีอันดีงาม


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16 สิงหาคม 2018, 03:17:PM



                                                         หน้า  ๔๓

 
    ๏ ได้จังหวะกลีที่รอท่า
สิงราชาทันใดไม่พูดพล่าม
คอยดลใจให้ลืมตัวทำชั่วทราม
เมื่อถึงยามจิตไหวคลอนอ่อนพลัง

      ๏ เริ่มแผนการที่มารร้ายวางไว้ก่อน
ทวาบรสิงสกาพาตามสั่ง
ควบคุมได้เหมือนใจไปทุกครั้ง
ทั้งสองยังดลบุรุษ “บุษกร”

    ๏ ผู้เป็นพระอนุชามาคลั่งไคล้
อยากจะได้ราชสมบัติประภัสสร
เกิดดวงจิตริษยาอุราร้อน
ท้าภูมิธรลงปะทะทอดสกา

       ๏ ทวาบรหย่อน ดึงให้ตรึงจิต
เพื่อทรงติดใจกระสันใฝ่ฝันหา
ค่อยดูดดึงซึ่งทรัพย์นับคณา
ด้วยการท้าให้เพิ่มสินเดิมพัน

     ๏ เสียมากล้นพระนลยิ่งจมดิ่งหนัก
จนลืมหลักการบวงสรวงสวรรค์
ทิ้งพระราชกิจจาแห่งราชัน
จิตป่วนปั่นอยากเล่นทุกเวลา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 20 สิงหาคม 2018, 12:10:PM


                                                          หน้า  ๔๔

      ๏ ทมยันตีฤดีแสนอาดูร
คอยกราบทูลเพราะฉุกคิดสะกิดว่า
ขอพระองค์ทรงฤทธิ์อย่าปิดตา
ดูแล้วน่ามีกลโกงโยงใยการณ์

     ๏ พระนลฟังนั่งนิ่งมิติงมิตอบ
เพราะถูกครอบงำจิตเรื่องคิดอ่าน
กลีร้ายหมายพาไปหาพาล
ยิ่งเนิ่นนานพระยิ่งกลายคล้ายวิกล

     ๏ ถ้วนทุกหมู่เสนามหาอำมาตย์
กราบพระบาทยั้งไว้มิได้ผล
ต่างร้องร่ำกำสรดสลดกมล
ว่าพระนลตกภาวะเผชิญภัย

      ๏ ทมยันตีมีแต่ครวญหวนละห้อย
“เมียบุญน้อยสุดปัญญาจะแก้ไข
โอ้อกเอ๋ยเคยเฝ้าคอยเอาใจ
เดี๋ยวนี้ไยไม่ผินหน้าหันหาน้อง

     ๏ ยังจงรักพระองค์อยู่คงมั่น
ทั้งคืนวันทุกข์ทนแสนหม่นหมอง
ถ้าพระองค์มิกลับมาหาธรรมครอง
มิพ้นต้องเสียสินสิ้นธานี”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 20 สิงหาคม 2018, 12:13:PM



                                                           หน้า  ๔๕

 
    ๏ นลราชาในครานั้นพระกรรณดับ
มิได้รับรู้ภาษามารศรี
กลีพาลมลานจิตปิดฤดี
เหมือนมิมีวิญญาณพิจารณ์ใด

     ๏ ยังมุ่งมั่นพนันสกามิราหยุด
แลใครหรือจะยื้อยุดฉุดรั้งได้
มิรู้ว่าฐานะพระคลังใน
ราชทรัพย์ร่อยหรอไปใกล้หมดแล้ว

     ๏ เหล่าเสนาอำมาตย์ราษฎร์ผู้ภักดิ์
ด้วยจงรักมาห้อมล้อมวังแก้ว
ขอเข้าเฝ้าบรรเทาภัยให้คลาดแคล้ว
ไร้วี่แววพระนลสนพระทัย

      ๏ ได้แต่ส่งเสียงร้องก้องปราสาท
วิงวอนพระภูวนาถวินิจฉัย
ปริเวทนาระอาใจ
พระนลไม่รับรู้ดูงวยงง

     ๏ ทมยันตีสิ้นวิธีทัดทานต่อ
พระมิพอยิ่งทวีฤดีหลง
หวนไห้หามาตุราชปิตุรงค์
ขอพระทรงเป็นร่มฉัตรแก่นัดดา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 20 สิงหาคม 2018, 12:14:PM



                                                           หน้า  ๔๖

    ๏ ด้วยลูกน้อยกลอยใจเยาว์วัยนัก
จึงยากจักร่อนเร่ห่างเคหา
จำต้องฝากกุมารีกุมารา
ให้องค์พระเจ้าตาอภิบาล

     ๏ ส่วนหม่อมฉันมั่นคงจงรักมั่น
แม้ถึงวันจำพรากจากสถาน
ขอเคียงคู่ภูวดลผจญมาร
ยอมร้าวรานชีพมลายตายด้วยกัน

     ๏ เมื่อคิดได้ทรงให้หา “วาร์ษไณย”
เตรียมราชรถม้าไวให้แข็งขัน
“ช่วยเถิดท่านกระทำการอันสำคัญ
นำสองนัดดาวิทรรภ์กลับธานี

      ๏ ถ้าภีมกษัตริย์ท่านตรัสถาม
จงตอบความเป็นไปให้ถ้วนถี่
เมื่องานเสร็จสำเร็จลงแล้วด้วยดี
ท่านหลีกลี้หรือคืนหลังดังจำนง”

     ๏ วาร์ษไณยคู่ทรงรถอัศวราช
ก็สามารถสนองต้องประสงค์
ด้วยจงรักภักดีที่ซื่อตรง
ทุกสิ่งสำเร็จลงสมฤทัย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 สิงหาคม 2018, 03:12:PM



                                                              หน้า  ๔๗

    ๏ กราบทูลความตามทมยันตีสั่ง
แล้วลาวังสู่อโยธยาใหญ่
เสร็จหน้าที่มิยื้อยุดสุดแต่ใจ
ด้วยเหตุผลนลราชัยลืมพระองค์

     ๏ นับแต่นั้นการสกาดังว่าปล้น
ฝ่ายพระนลทรัพย์มลายไม่เหลือหลง
การครองราชย์สมบัติขัตติยวงศ์
ตามยุยงเป็นเดิมพันพนันสกา

     ๏ ก็เสียสิ้นดังทุกทีมิมีได้
พระนลไซร้ทุกข์หนักยิ่งนักหนา
ยินคำเย้ย “ทรัพย์หมดเลยสิ้นราชา
ต่อพนันชายาทมยันตี”

      ๏ พระนลฟังคั่งแค้นแน่นอกสั่น
โดนหยามหยันถึงชายามารศรี
ละเครื่องทรงกษัตราประดามี
พันกายีด้วยผ้าเพียงผืนเดียว

     ๏ ทมยันตียอดนารีก็เช่นกัน
ร่วมครองผ้าเช่นราชันด้วยเด็ดเดี่ยว
พร้อมเผชิญเดินทางอย่างกลมเกลียว
สุดป่าเปลี่ยวมิคร้ามจะตามไป


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 สิงหาคม 2018, 03:13:PM




                                                            หน้า  ๔๘

     ๏ สององค์ย่างร้างราลานิเวศน์
มิตั้งเจตนาว่าไปไหน
เหลียวแลหลังลิบลิบยังเห็นเวียงชัย
ทรงโศกาอาลัยเหลือคณา

    ๏ เคยอยู่ดีนิรทุกข์สุขเหลือหลาย
ต้องจำใจไปตายเอาดาบหน้า
สองกษัตริย์ซัดเซร่อนเร่มา
แล้วค่ำลงตรงชายคาประตูเมือง

     ๏ นายทวารอภิบาลองค์ภูมินทร์
บุษกรได้ยินข่าวลือเลื่อง
ออกประกาศราชกิจจาด้วยขุ่นเคือง
ใครกระด้างกระเดื่องจักลงทัณฑ์

      ๏ ผู้เอื้ออวยช่วยเหลือพระนลนาถ
ต้องคอขาดทั้งโคตรโหดมหันต์
โทษกำหนดฐานกบฏต่อราชัน
ในครานั้นนลราชาจำลาจร

     ๏ พระเดินทางร้างไกลในชนบท
โศกกำสรดด้วยมิเป็นเช่นแต่ก่อน
ชนขัดข้องสนองคุณมอบสุนทร
ด้วยบุษกรประกาศฆาตชีวี




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 สิงหาคม 2018, 03:14:PM



                                                             หน้า  ๔๙

     ๏ กระยาหารอันใดไม่ตกท้อง
ชวนกันท่องเรื่อยไปในวิถี
พบสายธารจึงได้ดื่มชลธี
ให้พอมีกำลังประทังกาย

     ๏ ทั้งสององค์ตรงไปกลางไพรสัณฑ์
ซึ่งเผือกมันยากจักหายิ่งห่างหาย
กินของป่านานาขอพอรอดตาย
เป็นอยู่คล้ายวานรป่าฝ่ารกร้าง

     ๏ แล้วพบนกฝูงหนึ่งอยู่ซึ่งหน้า
ไร้ทีท่าเร้นกายออกไปห่าง
ยังกระโดดโลดเต้นเล่นใกล้ทาง
ดูเชื่องต่างธรรมดาน่าแปลกใจ

      ๏ หิวโหยหลายไร้ที่หากระยาหาร
พระนลพิศคิดอยู่นานนี่ไฉน
ชะรอยว่าคืออาหารประทานไว้
แด่เราไซร้และชายายุพาพาล

     ๏ คิดดังว่าราชาเปลื้องผ้าทรง
ตระหลบลงคลุมปิดมิดทุกด้าน
ครั้นจะจับดังจิตที่คิดการ
นกใจมารคาบผ้าทรงตรงขึ้นฟ้า



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 สิงหาคม 2018, 12:00:PM

                                                            หน้า  ๕๐

     ๏ บินร่อนไปร่อนมาเริงร่าอยู่
กล่าวเยาะเย้ย “เหวยเหวยดูอนาถา
มิเหลือแม้ผ้าอันพันกายา
เป็นราชาโง่เง่าเขลากระไร
     ๏ นกนี้หรือคือลูกสกานั้น
บอกกล่าวกันเสียได้หายสงสัย
ลูกสกาทวาบรซ่อนภายใน
ต้องการให้ท่านนี้มีแต่ตัว”
     ๏ สกุณชาติลูกบาศก์แห่งสกา
กล่าวเย้ยหยันสรรหาวาจายั่ว
ก่อนบินไกลให้ทั้งสองยิ่งหมองมัว
หายตื่นกลัวทมยันตีพิรี้พิไร
       ๏ “โอ้ว่าภัสดาคราตกยาก
แสนลำบากเราสองต้องทนไหว
ผ้าหนึ่งผืนฝืนพันคู่กันไว้
อย่าโศกาอาลัยอันใดเลย”
     ๏ ครั้นฟังทมยันตีมีคำปลอบ
พระนลตอบ “ดวงฤดีของพี่เอ๋ย
พี่ลืมตัวชั่วยิ่งเสียจริงเอย
เจ้ามิเคยขุ่นจิตคิดชิงชัง
 


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 สิงหาคม 2018, 12:03:PM



                                                             หน้า  ๕๑
 
     ๏ เมื่อชะตามาต่ำทรามเพียงนี้
ต่อไปมีอันใดจะให้หวัง
พเนจรร่อนเร่เที่ยวเซซัง
แล้วน้องยังติดตามพี่ทำไม
     ๏ น้องเองมีบ้านเมืองอันเรืองศักดิ์
ใช่จมปลักอย่างพี่นี้เมื่อไหร่
ควรคิดกลับพารารีบคลาไคล
ปล่อยพี่ไปตามทางผู้สร้างกรรม”
     ๏ “ไปเมืองน้องพระองค์ต้องเสด็จด้วย
ปิตุรงค์คงช่วยอุปถัมภ์
ให้น้องพรากจากไปเหมือนใจดำ
มิอาจทำดังจำนงประสงค์ดี
    ๏ เมื่อพี่สุขน้องนี้หนอก็พลอยสุข
เมื่อพี่ทุกข์ควรร่วมใจไม่หน่ายหนี
หน้าที่เมียภักดีผัวชั่วชีวี
มิคิดเห็นเป็นราคีชั่วชีวัน
     ๏ โอสถฤๅรักษาโรคโศกระงับ
ได้เท่ากับใกล้มิ่งมิตรชิดเมียขวัญ
ประคองกายใจอยู่ดูแลกัน
ถึงทุกข์นั้นหนักหนาพาผ่อนคลาย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 สิงหาคม 2018, 12:04:PM




                                                             หน้า  ๕๒

     ๏ พี่เสด็จแดนใดน้องไปด้วย
บุญมิช่วยก็ยอมดับลับสลาย
ถ้าไม่มีถิ่นใดให้พักกาย
ขอมั่นหมายวิทรรภ์หลักพักฤทัย”
     ๏ “พี่มิดึงพระบิดามาเกี่ยวข้อง
ถึงจะครองทุกข์หนักสักเท่าไหร่
สยมพรวิวาห์เช่นราชัย
ฤๅกลับไปดั่งวณิพกพเนจร
     ๏ พาเสื่อมศักดิ์ญาติพงศ์เหล่าวงศา
เมื่ออื้อฉาวชาวพาราจะขอดค่อน
พระบิดาพลอยเศร้าเฝ้าอาทร
ยอดมิ่งมิตรอย่าคิดวอนมิอ่อนใจ
      ๏ จักก้มหน้ารับกรรมไปให้สิ้นสร่าง
จนพบทางกู้ธานีวิธีไหน
พี่ขอมอบคำมั่นสัญญาไว้
เราสองคืนโภไคยดั่งใจปอง”
     ๏ ทรงชี้ทางจะย่างมุ่งกรุงวิทรรภ์
ลำดับขั้นที่พักพิงสิ้นทั้งผอง
บุญรักษาโอบอุ้มคุ้มครองน้อง
แม้หม่นหมองหลายวันวารมินานปี”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 สิงหาคม 2018, 09:51:AM
                                                                        หน้า  ๕๓

     ๏ “ขอพระองค์อย่าทรงไล่ให้ไกลห่าง
แม้นเสียวังรั้งร้างห่างกรุงศรี
แค่หวาดหวั่นครั้นจะมาเสียสามี
อกน้องนี้คงจะพังทลาย”
     ๏ พระนลชี้ทางไปให้หลายหน
นฤมลหวั่นร้างรักห่างหาย
อกไหวหวั่นพานสั่นสะท้านกาย
จนวุ่นวายดวงใจไม่จืดจาง
      ๏ พระนลมีสติมินานนัก
เห็นความรักกลีร้ายหมายขัดขวาง
จึงงำจิตพระนลหนักมิพักวาง
ออกเดินทางข้ามทิวเขาเนาวนา
      ๏ จนมาถึงกระท่อมร้างกลางไพรสาณฑ์
คงพวกพรานไพรสร้างไว้กลางป่า
พอดีค่ำพำนักพักกายา
สักชั่วคืนก่อนจะลาร้างแรมดง
     ๏ “เชิญมิ่งมิตรยอดสนิทเสน่หา
ผู้ภักดีภัสดาจนลุ่มหลง
พักเถิดหนามานั่งเล่นเอนกายลง
ขอให้วงแขนพี่เป็นที่พิง
[/size]


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 สิงหาคม 2018, 09:54:AM




                                                            หน้า  ๕๔
    ๏ เนินดินนี้แลแทนพระแท่นแก้ว
หม่นเหลือแล้วดวงแดแม่ยอดหญิง
เครื่องปูลาดมิอาจหาระอาจริง
ย่ำค่ำยิ่งหนาวร่างน้ำค้างพราย”
     ๏ โอ้อกเอ๋ยทมยันตีนารีรัตน์
กายเหนื่อยล้าสาหัสและเพลียหลาย
ลงแนบชิดนิทรานิ่งมิติงกาย
แต่พระนลจิตวุ่นวายไม่หลับนอน
     ๏ นึกย้ำคิดโอ้เราผิดถึงพียงนี้
เสียธานีเคยสุโขสโมสร
ต้องแรมร้างห่างเหพเนจร
พลอยเดือดร้อนทมยันตีศรีสุดา
     ๏ ผลกรรมทำสร้างอย่างมหันต์
ทรมานนานวันในภายหน้า
ถ้ามิทิ้งยอดมิ่งขวัญกัลยา
ก็จักพากันอดสูมิรู้พอ
     ๏ พระครุ่นคิดจิตเป็นห่วงดวงสมร
แสนอาวรณ์จักแก้ไขไฉนหนอ
ได้จังหวะกลีมิรีรอ
เข้ามาก่อกวนจิตให้ผิดเพี้ยน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 สิงหาคม 2018, 09:55:AM




                                                             หน้า  ๕๕

    ๏ พระนลสิ้นเกียรติยศหมดศักดิ์ศรี
ทมยันตีรักมั่นมิผันเปลี่ยน
จะให้พรากจากกันหมั่นเบียดเบียน
เพิ่มความเพียรเร่งกระทำงำพระนล
     ๏ วุ่นวายจิตคิดหว่างทางสองแพร่ง
ฝ่ายไหนแรงฝ่ายนั้นบันดาลผล
ใจอ่อนแอแพ้กลีทวีมนต์
พระออกค้นได้มีดเก่าหยิบเอามา
     ๏ ค่อยค่อยเข้าไปหายอดนารี
มีดที่มีอยู่นั้นเฉือนปันผ้า
พอห่อกายผันผายออกนอกชายคา
ยังห่วงหาหันกลับหลังแสนกังวล
      ๏ “โอ้แม่นิ่มนวลน้องรักของพี่
เคยอยู่ดีมีสุขมิทุกข์หม่น
ผิวนารีมิเคยต้องสิ่งหมองมล
ต้องมาทนอ้างว้างอยู่กลางไพร
     ๏ ฝูงเหลือบไรยุงริ้นกินโลหิต
ผ้าครึ่งผืนหาปกปิดกายมิดไม่
เคยยิ้มหัวต่อนี้หายกลายอาลัย
มีแต่ไห้หวนร่ำระกำทรวง



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 27 สิงหาคม 2018, 03:56:PM




                                                             หน้า  ๕๖
 
 
     ๏ ผัวเคยอยู่เป็นชู้ชิดก็คิดจาก
แกล้งลาพรากจากไกลเหมือนไม่ห่วง
โศกชีวินสิ้นหวังไปทั้งปวง
โอ้พุ่มพวงคงแทบจะมรณา
     ๏ ใจร้ายจริงทิ้งนุชประดุจแกล้ง
ให้เหี่ยวแห้งอับปางอยู่กลางป่า
นึกยิ่งผิดคิดยิ่งแค้นแน่นอุรา
ทรงโศกาเต็มตื้นฝืนกมล
      ๏ โอ้ว่าองค์เทวะผู้ประเสริฐ
การณ์บังเกิดด้วยข้าบาทขาดกุศล
ขอยอมรับบาปชั่วเพียงตัวตน
อย่ามีผลถึงผู้ใดได้ไหมเอย
      ๏ ขอเทพไท้อันสถิตทุกทิศที่
คุ้มครองทมยันตีเถิดท่านเอ๋ย
ส่วนหม่อมฉันนั้นมิต้องมองแลเลย
ผลกรรมเคยสร้างหนักจักผจญ”
      ๏ ใจจะจากพรากพาก้าวขาหนี
พลิกฤดีย้อนใหม่อยู่หลายหน
ดุจชิงช้าแกว่งไปมาอลวน
พระทรงพลมิเป็นตัวของตัวเอง


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 27 สิงหาคม 2018, 03:57:PM



                                                              หน้า  ๕๗

      ๏ จิตและกายคลายคลอนด้วยอ่อนล้า
กลีเพิ่มฤทธาคร่าข่มเหง
ให้มุ่งมั่นดั้นดงไปไม่โคลงเคลง
บีบให้เร่งฝีเท้าเข้าป่าลึก
     ๏ ครานั้นทมยันตีศรีสมร
พลิกเอวอ่อนสักครู่เริ่มรู้สึก
เหลียวแลหาสวามีฤดีระทึก
มิอยากนึกถึงการณ์เคยหวั่นใจ
     ๏ เริ่มเอ่ยคำพร่ำพจี “โอ้พี่จ๋า
ภัสดาคนดีอยู่ที่ไหน
มาหาเมียเถิดนะจะช้าไย
น้องหวั่นภัยที่เผชิญเหลือเกินแล้ว
      ๏ ทมยันตีนิรมลวิ่งค้นหา
รอบชายคากระท่อมไพรหัวใจแป้ว
โอ้พี่ยาเมตตาเลิศจิตเพริศแพร้ว
พระผัวแก้วอย่าล้อเล่นอยู่เช่นนี้
     ๏ กำบังองค์ตรงไหนไพรพฤกษา
หลังโขดเขินเนินผาเถื่อนวิถี
มาเถิดหนอพ่อยอดชู้องค์ภูมี
เร็วก่อนที่น้องดับดิ้นสิ้นใจลง


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 27 สิงหาคม 2018, 03:58:PM



                                                              หน้า  ๕๘

 
    ๏ โอ้ว่าทูลกระหม่อมพ่อจอมขวัญ
เคยรักมั่นแล้วไฉนไยลืมหลง
ที่ผ่านมาสัญญานักรักยืนยง
ต่อหน้าองค์อินทราเทวฤทธิ์
   ๏ พระองค์สิ้นสัจจะหรือไฉน
สิ่งอันใดน้องนี้มีความผิด
จะมาดร้ายกายใจไม่เคยคิด
มิเบือนบิดจิตละจากพระนล
     ๏ เมื่อภูมีหนีจากพรากเมียรัก
เมียคงจักดับชีวินสิ้นกุศล
ภัสดาคราต้องครองทุกข์ทน
ต่อไปนี้มิมีคนประโลมใจ
      ๏ โอ้พ่อทูลกระหม่อมเอ๋ยอย่าเลยลับ
พี่มิกลับน้องมิรู้อยู่ไฉน
อย่าให้ต้องโศกาเศร้าอาลัย
มลายในพนาลีนี้เลยนา”
     ๏ นางครวญคร่ำร่ำร้องก้องไพรสณฑ์
ระทมทุกข์เทวษล้นแล้วพี่จ๋า
ไม่มีใครตอบคำพร่ำวาจา
ปากเรียกหามิพักสักนาที


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 สิงหาคม 2018, 09:33:AM

                                                               หน้า  ๕๙

 
    ๏ ในครานั้นปานว่าจวนบ้าแล้ว
เสียงแหบแผ่วโหยหายคล้ายเสียงผี
เดินโซเซเร่ร่อนในป่าพนาลี
นำกายีสู่ทิศใดมิได้รู้
     ๏ ยังเชื่อแน่แท้รักพระนลราช
จะมิขาดคำมั่นผูกพันอยู่
สิ่งชั่วร้ายใดสำแดงแฝงดนู
มันเป็นผู้ก่อภัยให้เกิดกรรม
   ๏ จึงได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน
“พวกหมู่มารตนใดที่กรายกล้ำ
อัปลักษณ์กักขฬะลอบกระทำ
คืนเจ็บช้ำพันเท่าทบทวี
      ๏ ถึงชาติไหนให้กมลไม่พ้นทุกข์
เพลิงนรกกลางอกลุกจงทุกที่”
จบคำแช่งด้วยแรงเศร้าเหงาฤดี
ออกเรียกหาสวามีก้องป่าไป
     ๏ พร่ำว่าทูลกระหม่อมจอมใจฉัน
มิเคยพรากจากกันแม้วันไหน
ตั้งแต่เริ่มเข้าวิวาห์กับราชัย
อยู่ชิดใกล้ทุกโอกาสมิคลาดคลา

 


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 สิงหาคม 2018, 09:36:AM


 ๖๐
    
    ๏ ผัวทิ้งเมียเสียได้ให้ช้ำจิต
มีชีวิตอยู่ไปก็ไร้ค่า
กลับเถิดนะพระองค์ขอจงมา
แสนโศกาลำเค็ญโปรดเอ็นดู
   ๏ เหนื่อยจนพับหลับมิชื่นตื่นร่ำร้อง
ขายังย่องย่างไปไม่หยุดอยู่
ซัดเซกายไปปะพญางู
เข้าตระหวัดรัดดนูมิรู้ตัว
     ๏ สุดหวั่นหวาดคาดว่าจะดับดิ้น
ใจถวิลเรียกหาพ่อทูนหัว
กายแทบแตกเป็นเสี่ยงเสียงสั่นรัว
ต่อนี้ผัวต้องเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
      ๏ พระองค์จักโศกเศร้าเกินกล่าวขาน
เมื่อเมียยอดเยาวมาลย์ชีพสลาย
ยามเมื่อพ้นเคราะห์กรรมที่ซ้ำร้าย
พระองค์หมายจะรับกลับเวียงชัย
      ๏ งูพิฆาตหม่อมฉันเสียวันนี้
แล้ววันนั้นมันจะมีได้ที่ไหน
นางครวญคร่าร่ำลาอย่างอาลัย
สุดจักคิดแก้ไขใจงงงัน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 สิงหาคม 2018, 09:36:AM




                                                               หน้า  ๖๑

    ๏ เผอิญมีนายพรานผู้ชาญป่า
ตามเสียงนางถึงข้างหน้ากะทันหัน
มีดสะบัดตัดคองูขาดโดยพลัน
ช่วยชีวันพระนางทมยันตี
     ๏ พรานหาน้ำชำระล้างโลหิต
ที่สาดติดองค์พระมเหสี
หาผลไม้มาให้ลิ้มชิมอย่างดี
แล้วพาทีสอบถามกับทรามวัย
     ๏ “โอ้เนื้อเย็นเป็นใครจากไหนหนอ
งามลออเกินนางกลางป่าใหญ่
ร่อนเร่มาจากแคว้นดินแดนใด
หมายเดินไพรหรืออนงค์หลงวนา”
      ๏ ครานั้นทมยันตีมีคำตอบ
กล่าวโดยชอบขอบคุณบุญรักษา
ปลื้มน้ำจิตมิตรไมตรีช่วยชีวา
แต่ทว่าพรานไพรใจลำพอง
     ๏ หลงโฉมงามเกินห้ามข่มอารมณ์ไหว
เกิดความใคร่หมายสมสู่เป็นคู่สอง
นางมาเดียวเปลี่ยวกายไร้ใครครอง
เราจักต้องมิปล่อยแม่ถอยจร



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 กันยายน 2018, 02:40:PM





                                                               หน้า  ๖๒

 
    ๏ จึงเริ่มกล่าว  “เยาวพามารศรี
ฟังเถิดหนานารีมิ่งสมร
เราเองจักโอบอุ้มคุ้มบังอร
มิให้ต้องเดือดร้อนเหมือนก่อนมา
      ๏ จัดให้ทานอาหารป่าดารดาษ
ไม่ให้ขาดทุกวันจักสรรหา
ขอเป็นคู่อยู่ชิดเคียงนิทรา
มิต้องลาแรมไกลหนใดแล้ว”
      ๏ ในครานั้นองค์ทมยันตี
ผู้จงรักภักดีแต่ผัวแก้ว
เห็นพรานพล่ามสามหาวมิเข้าแนว
สิ้นวี่แววผู้หวังดีช่วยชีวิต
     ๏ จึงยกมือพนมก้มเกศา
วอนเทวันชั้นฟ้าประกาศิต
หม่อมฉันรักภักดีองค์พระทรงฤทธิ์
ขอผู้คิดชั่วช้าลามลาย
     ๏ ครั้นสิ้นคำชายาพระนลราช
ดั่งฟ้าฟาดพรานดับดิ้นสิ้นสลาย
มิสงบเสงี่ยมรู้เจียมกาย
รับความตายเป็นค่าบรรณาการ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 กันยายน 2018, 02:41:PM



                                                           หน้า  ๖๓

    ๏ แม้สิ้นเคราะห์เฉพาะหน้าที่ปรากฏ
ความกำสรดยังเห็นเป็นแก่นสาร
ซัดเซกายในแดนแสนกันดาร
ทั้งล้มลุกคลุกคลานซมซานไป
     ๏ ต้องว้าเหว่เอกากลางป่าเปลี่ยว
เฝ้าแลเหลียวหาพระนลอยู่หนไหน
มีแต่เสียงสัตว์สำเนียงหริ่งเรไร
เหมือนเยาะเย้าเย้ยให้ฤทัยตรม
     ๏ ผ่านฝูงสัตว์ที่ลัดทางอยู่กลางป่า
พยัคฆาลิงค่างกวางสวยสม
หมู่นกกาถลาคอนร่อนเล่นลม
ดั่งชวนชมพฤกษานานาพรรณ
     ๏ ผิประพาสกับภัสดาในคราสุข
คงสนุกปานว่าวนาสวรรค์
แต่บัดนี้อกมีไฟบรรลัยกัลป์
เศษสุขสันต์กลางฤทัยจึงไม่มี
     ๏ จิตประหวัดภัสดาหาสุดสิ้น
ครั้งชีวินหวานคู่อยู่สุขี
สัญญารักจักดำรงองค์บดี
โอ้ป่านนี้มิเหลือแล้วเยื่อใย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 กันยายน 2018, 02:42:PM


                                                            หน้า  ๖๔
    
 
    ๏ นึกที่มาวาระวันสยมพร
หงส์ทองร่อนลงหาแล้วปราศรัย
เทิดแต่เกียรติแห่งองค์พระทรงชัย
คำน้อยไม่ติต้องให้หมองมัว
      ๏ ปักใจจงปลงมาเป็นข้าบาท
ร้างนิราศให้อาดูรไยทูนหัว
น้องผิดพลั้งใดก็ขอแก้ตัว
ร่ำเรียกผัวอยู่หนไหนไม่พาที
     ๏ มิตอบคำที่พร่ำหากว่าพันหน
เกินทุกข์ทนใจเสียแล้วเมียพี่
รอยข่วนตำช้ำสิ้นทั้งอินทรีย์
คลุกธุลีเปื้อนโคลนจนเกรอะกรัง
     ๏ ผ้าพอปิดกายามาขาดวิ่น
หากมีปิ่นบดียังมีหวัง
ตะโกนก้องร้องสุดเสียงเพียงลำพัง
สุดจะยั้งชีวีแล้วพี่เอย
     ๏ ยิ่งนานวันเทวีวิปริต
เมื่อใจคิดวจีมินิ่งเฉย
ไร้ผู้คอยตอบคำที่พร่ำเปรย
เฝ้าเอื้อนเอ่ยพรรณนามาแดเดียว


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 03 กันยายน 2018, 03:18:PM


                                                              หน้า  ๖๕

    ๏ จิตห่วงใยใจกังวลถึงคนรัก
ตนทุกข์หนักแท้แท้ยังแลเหลียว
ขึ้นแนวเนาเขาวงกตที่คดเคี้ยว
บุกป่าเปลี่ยวเที่ยวหาสวามี
     ๏ แลทั่วไพรไล่พฤกษ์มฤคร้าง
ถามรายทางสิ่งใดใกล้วิถี
มวลพฤกษาผาหินถิ่นนที
องค์เทวีเพ้อรำพึงกึ่งวิกล
     ๏ โอ้ว่าจอมคีรีที่สูงเยี่ยม
เห็นเท่าเทียมเมฆาเวหาหน
วานช่วยจ้องมองมาหาพระนล
พบทรงพลแจ้งด้วยช่วยข้าน้อย
     ๏ ชั่วชีวันมั่นใจมิไกลจาก
เมื่อพลัดพรากรักเศร้าสุดเหงาหงอย
เฝ้าชะแง้แลหาตั้งตาคอย
หวนละห้อยร่ำหาพี่มาพบ
   ๏ ถามลำธารที่ขวางหนทางเอ๋ย
สายน้ำเลยรินไหลไม่รู้จบ
ห่วงหาไหมไกลล่วงห้วงอรรณพ
ว่าประสบเค็มขมหวานประการใด
[/size]


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 03 กันยายน 2018, 03:20:PM



                                                              หน้า  ๖๖
  
 
  ๏ ศารทูลผ่านทางย่างเข้าหา
ลืมชีวาตามติดจนชิดใกล้
เอ่ยถามทักพยัคฆาหาทรงชัย
เห็นพระนลอยู่หนใดในป่านี้
     ๏ จอมอรัญพลันจ้องมองพินิจ
คงมิคิดตอบความพระมเหสี
ชะรอยซึ้งถึงเดชะบารมี
ค่อยหลีกลี้เร้นร่างไปกลางดง
     ๏ แล้วล่วงถึงซึ่งวนาถิ่นป่าทิพย์
แลละลิบงามล้วนชวนลุ่มหลง
ยอดสิงขรตระอรสู่สุริยง
สุรีย์รงค์พราวพริบระยิบระยับ
     ๏ เห็นนานาโลหะชาติประหลาดล้ำ
ดุจเทพทำศิลป์สวรรค์สรรประดับ
แสงหินสีมณีรัตน์จรัสวับ
ซ้อนสลับเพชรแก้วเพริศแพร้วพราย
     ๏ คณานับสรรพสัตว์จัตุบาท
สิงหราช คชสารผ่านผันผาย
เม่น หมู หมี เก้ง กวาง เยื้องย่างกราย
เชื่องช้าท่าสบายสำอางองค์
[/size]





หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 03 กันยายน 2018, 03:23:PM



                                                             หน้า  ๖๗
  
    ๏ ทวิชชาติเช่นวิหคผกเวหา
เห็นไก่ฟ้ารำแพนหางคู่นางหงส์
มากพฤกษาโศภินรูปศิลป์ทรง
พื้นลานดงเตียนโล่งปลอดโปร่งดี
     ๏ มะลิวัลย์กรรณิกาหอมระรื่น
ดอกดาษดื่นสล้างพร่างพรายสี
มวลผลไม้หลายหลากดกมากมี
วนาลีดั่งดลด้วยมนตรา
     ๏ แต่อารมณ์ทมยันตีมิมีชื่น
ยังสะอื้นไห้หวนคร่ำครวญหา
เลือนสติพิไรร่ำพร่ำพรรณนา
วอนเจ้าเขาเจ้าป่าโปรดปรานี
      ๏ “ฟังข้านะจะแถลงแจงสาเหตุ
จำจากเขตแรมร้างห่างกรุงศรี
ตัวข้าหรือคือวิทรรภ์กุมารี
แห่งองค์ภีมราชจอมราชัน
     ๏ ราชบุตรท้าววีรเสนนิษัธราช
นามพระนลภูวนาถครองเขตขัณฑ์
สยมพรร่วมชีวาแต่ครานั้น
ชื่นชีวันทุกข์มิต้องสิบสองปี




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 กันยายน 2018, 03:36:PM




                                                              หน้า  ๖๘

 
    ๏ เกิดภาวะพระหลงผิดติดสกา
มิลืมหูลืมตาทิ้งหน้าที่
ละราชกิจบวงสรวงปวงพลี
ดวงฤดีมุ่งชนะการพนัน
      ๏ เมื่อเสียมากยิ่งมาดหมายได้คืนกลับ
จนสิ้นทรัพย์หมดพระคลังยังมุ่งมั่น
วางฐานะกษัตริย์เสริมเป็นเดิมพัน
ก็แพ้มันจนต้องออกนอกพารา
     ๏ ข้าจงรักภักดีมิมีหน่าย
ตามพระองค์จำนงหมายตายดาบหน้า
เหลือฝ้ายทอห่อกายพันร่วมกันมา
ทรงเฉือนผ้าแบ่งปันแล้วผันจร
     ๏ ข้าเดินหลงดงแดนแสนอ้างว้าง
ดุจลูกกวางพลัดแม่แต่วัยอ่อน
กราบเจ้าเขาเจ้าป่าพนาดร
โปรดอาทรช่วยฉุดลากจากโลกันต์
     ๏ เผยวาจาเถิดพระนลอยู่หนไหน
ข้านี้เหลืออาลัยใจโศกศัลย์”
พรรณนาพร่ำร่ำพลางกลางอรัญ
ไร้วาจามาประจันจำเดินเดียว


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 กันยายน 2018, 03:38:PM


                                                              หน้า  ๖๙


     ๏ ผ่านหลายป่าพนาลีฤดีหมอง
ยังกู่ก้องร้องหาตาแลเหลียว
ทุกข์กายแย่ยังแพ้ในฤทัยเทียว
ไล่เลาะเลี้ยวเนินพนัสซัดเซมา
     ๏ จนถึงป่าแหล่งดาบสทรงพรตเลิศ
ศีลประเสริฐธรรมะอหิงสา
ครองเปลือกไม้ใส่หนังขลังสิทธา
เหล่ามหาโยคีมีมากครัน
     ๏ ต้อนรับราชธิดาวณิพก
ผู้มาตกยากอับแทบดับขันธ์
ต่างปลงอนิจจาฟ้าลงทัณฑ์
กรรมหรือเวรใดนั้นบันดาลดล
     ๏ พระนางทมยันตีอภิวาท
อยู่แทบบาทผู้ทรงศีลปิ่นกุศล
เกิดยินดีที่หว่างกลางกมล
จักมีผลได้ถามหาสวามี
     ๏ คารวะคณะองค์ผู้ทรงพรต
ตามแบบบทแห่งธิดามารศรี
วิสาสะกับเหล่าพระองค์มุนี
แลโยคีอำนวยอวยพรชัย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 กันยายน 2018, 03:41:PM



                                                              หน้า  ๗๐

          
     ๏ ถามถึงนามความเป็นมาก่อนหน้านั้น
การณ์สำคัญนำพามาไฉน
เหตุและผลต้นทางมาอย่างไร
จงกล่าวให้มุนีกรรมยินทั่วกัน
     ๏ ครานั้นทมยันตีชี้แจงเค้า
พระนลเจ้านิษัธรัฐเขตขัณฑ์
และดนูผู้จงรักภักดิ์ราชัน
ตั้งแต่วันที่ต้องพรากจากพารา
     ๏ “เชื่อพระองค์ทรงสัตย์แน่สนิท
มิมีผิดคำมั่นอันแน่นหนา
ด้วยเคยได้ประกาศเป็นสัจจา
ไว้เมื่อคราวาระสยมพร
     ๏ จะภักดีนางเดียวจนชีพดับ
หม่อมฉันรับคำมั่นปานสิงขร
เชื่อแน่แท้มิแปรผันหรือสั่นคลอน
อย่างแน่นอนยืนยันมั่นฤทัย
     ๏ แต่พระองค์หลงผิดติดสกา
เหตุนั้นน่าต้องมีผีร้ายใหญ่
เข้ามาครอบงำจิตผิดเพี้ยนไป
โดยหมายชัยครองราชย์ชาติประชา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 กันยายน 2018, 01:48:PM




                                                               หน้า  ๗๑

 
    ๏ พระเกิดความวิปริตด้วยคิดหนัก
กลัวเมียรักลำบากนานมากกว่า
ให้หม่อมฉันกลับวิทรรภ์พลันอย่าช้า
พระองค์มีเจตนารับกรรมนั้น
     ๏ ปันผ้าฝ้ายใช้ร่วมแต่แค่เพียงผืน
ตกกลางคืนพระไปกลางไพรสัณฑ์
หม่อมฉันตื่นขึ้นโศการ่ำจาบัลย์
จึงด้นดั้นดงดอนร่อนเร่มา
     ๏ คือสัจจังดังเผยเฉลยนี้
องค์มุนีโปรดช่วยด้วยเจ้าขา
เมื่อวันไหนได้พบปะภัสดา
จึงกลับชื่นรื่นอุราร่าเริงใจ
     ๏ ภริยาต้องมาร้างห่างสามี
ฤๅจะสุขฤดีที่ใดได้
ชีพคงดับอับปางอยู่กลางไพร
โปรดช่วยไวเถิดหนาสิทธาจารย์”
      ๏ พระดาบสฟังความตามที่กล่าว
เป็นเรื่องราวกรรมนำพาน่าสงสาร
ใช้วิชาสมาธิวิเศษฌาน
เล็งอนาคตกาลราชินี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 กันยายน 2018, 01:49:PM



                                                             หน้า  ๗๒

 
    ๏ และพระนลราชาเบื้องหน้านั้น
จะสุขสันต์ปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ทำนายชอบปลอบขวัญทมยันตี
เพื่อชีวีมีหวังคลายกังวล
      ๏ “โอ้เอกองค์ทมยันตีนารีนาถ
จงฟังอาตมาอย่าสับสน
คำทำนายหมายสิรินิรมล
พอผ่อนปรนทุกข์นางกลางอรัญ
     ๏ มินานนักจักเรืองรุ่งดั่งมุ่งมาด
คืนครองราชย์ยิ่งใหญ่ไอศวรรย์
สองพระองค์ทรงสุขศานต์ปานเทวัญ
ความสำคัญนี้จงโน้มประโลมใจ”
     ๏ สิ้นคำลงทรงฤทธิ์พระสิทธา
พลันหายวับไปกับตาหาเหลือไม่
อาศรมแล้แม้กลิ่นกรุ่นอุ่นกองไฟ
เหลือแต่ไพรพฤกษานานาพรรณ
     ๏ พระนางทมยันตีมิรอช้า
เดินพนาต่อไปอกไหวหวั่น
รำลึกการณ์ที่ผ่านมาพางงงัน
ลืมตาฝันหรือว่าข้าเพ้อพก


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 กันยายน 2018, 01:50:PM



                                                              หน้า  ๗๓
        
    ๏ หากภาพฝันนั้นมิน่าจ้ากระจ่าง
นี่สว่างกลางจิตคิดไม่ตก
นางคิดเพลินเดินพลางกลางพงรก
ในหัวอกร่ำหาสวามี
     ๏ ผ่านไทรใหญ่รากย้อยห้อยระย้า
เฝ้าถามหาพระนลมิหน่ายหนี
พบอโศกยิ่งโศกทับนับทวี
พนาลีมีแต่ตรมระทมฤทัย
     ๏ ป่ารกชัฏลัดลำบากยากนักหนา
ข้ามละหารธารผาหลืบไศล
ช่องบรรพตคดเคี้ยวลดเลี้ยวไป
ถึงทางใหญ่กลางอรัญคนสัญจร
     ๏ จึงพบกลุ่มพ่อค้าชาวพาณิช
แถวตามติดจอแจแลสลอน
รถเทียมม้ายานล้อหมุนเทียมกุญชร
หลังอูฐซ้อนสัมภาระกองพะเนิน
     ๏ มากผู้คนขนของต้องแบกหาม
เดินมาตามแนวทางหว่างเขาเขิน
หลากหลายวัยแต่ไม่แก่แลเด็กเกิน
ชำนาญเดินมิถลาละล้าละลัง


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 08 กันยายน 2018, 11:01:AM




                                                             หน้า  ๗๔

     ๏ ทมยันตีดีใจหมายไต่ถาม
ภายหน้าทุกข์อาจจะพอประทัง
จึงไปยังหมู่ประชาคาราวาน
     ๏ สารรูปซูบผอมแสนซอมซ่อ
บ้างหัวร่อบ้างพะวงคิดสงสาร
บ้างสมเพชเวทนาหลายอาการ
พวกที่พาลเย้ยว่าอีบ้าบอ
     ๏ นับมิน้อยถอยตัวกลัวเป็นผี
ถือไม้อยู่ขู่จะตีเข้าจี้จ่อ
ตัวอัปรีย์ชี้หน้าแล้วด่าทอ
ออกมาออด้วยท่าทางต่างกันไป
     ๏ ยินเอะอะโวยวายนายพ่อค้า
รีบสาวเท้าเข้าหาแล้วปราศรัย
เป็นสุนทรอ่อนหวานซ่านซึ้งใจ
จงเผยนัยแจ้งกมลคนเดินทาง”
     ๏ เมื่อฟังนายพ่อค้าวาจาหวาน
ตอบคำขานทันทีมิอางขนาง
“เราทุกข์ทนด้นมากลางป่าร้าง
อกหมองหมางเพราะพลัดภัสดา



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 08 กันยายน 2018, 11:02:AM




                                                             หน้า  ๗๕
  

     ๏ เวรกรรมพรากจากกันไปในพนัส
อัตคัดไกลถิ่นสิ้นวงศา
มิรู้ทิศรู้ที่มีมรรคา
ซัดเซมาพบท่านเป็นการณ์ดี
     ๏ เคยพบเห็นภัสดาข้าหรือเปล่า
ตามลำเนาสองข้างทางวิถี
ซึ่งพระองค์ทรงผ้าพันกายี
ผืนเดียวกันอันข้านี้มีอยู่นั้น”
     ๏ นายพ่อค้าว่า “ระหว่างอยู่กลางป่า
สัตว์นานาเล็กใหญ่เนาไพรสัณฑ์
นกชะนีหมีช้างกวางหลากพันธุ์
พยัคฆาเจ้าอรัญอันดุร้าย
     ๏ ท่านบุญปลอดรอดมามิน่าเชื่อ
สัตว์ร้ายเหลือภูตผีป่าน่ากลัวหลาย
ผู้คนใดไม่เคยพบประสบกาย
ทั้งหญิงชายที่หลงทางกลางพงไพร”
     ๏ “ท่านยินลูกค้าที่ปฏิสันถาร
เขาโจษขานถึงพระนลอยู่หนไหน
หรือยินข่าวแพร่งพรายมาว่าฉันใด
ถ้ารู้ให้สำแดงแจ้งวาจา



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 08 กันยายน 2018, 11:04:AM




                                                           หน้า  ๗๖

     ๏ อีกประการแล้วท่านไปหนใดเล่า
ขอให้เราติดตามไปได้ไหมหนา
เอาพระคุณอุ่นใจยามไคลคลา
เปลี่ยวกายาเดินเดียวเสียวใจเกิน”
     ๏ “อันที่จุดหมายปลายทางข้างหน้านี้
แคว้นเจทีใหญ่กว้างหลังเขาเขิน
ระยะทางประมาณเจ็ดวันเดิน
ผิดประเมินจากนี้มิมากมาย
     ๏ สุพาหุราชันอันเรืองศักดิ์
ปวงชนภักดิ์นับถือพระฤๅสาย
บ้านรุ่งเรืองเมืองโอฬารร้านโรงราย
การค้าขายคล่องดีมีกำไร”
    ๏ จบคำว่าสั่งคาราวานเคลื่อน
เข้าสู่เถื่อนแถวทางหว่างไศล
ขึ้นแล้วลงเนินชันลดหลั่นไป
จวนเย็นได้มาถึงบึงบัวงาม
     ๏ สาโรชสวยรวยรินส่งกลิ่นหอม
น้าวจิตน้อมทมยันตีฤดีหวาม
คล้ายบุหงาอบผ้าทรงของนงราม
โอ้ในยามนี้ผ้าปิดมิมิดตัว


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10 กันยายน 2018, 12:14:PM


                                                            หน้า  ๗๗

    ๏ กลุ่มพ่อค้าทั้งหลายได้อาบน้ำ
เขาชื่นฉ่ำคลอเคลียคู่เมียผัว
ดูเริงรื่นชื่นฤดีมิหมองมัว
อกระรัวตัวเราคว้างคู่ร้างรา
     ๏ ริมสระน้ำงามล้วนมวลดอกไม้
อยู่วังในได้เชยชมดมบุปผา
พี่ชี้ชวนชมสวนขวัญตระการตา
ยามนี้มาไกลห้องหมองกมล
     ๏ มวลผลไม้สุกงอมน้อมกิ่งห้อย
บ้างร่วงลอยลงพื้นดื่นเกลื่อนกล่น
ลิ้มชิมหวานมิซ่านจิตคิดกังวล
พระทรงพลแลป่านนี้มิมีกิน
     ๏ อยู่วังทองน้องจัดคัดสรรให้
ผลไม้สลักประจักษ์ศิลป์
น้องคอยป้อนอ้อนเล่นเป็นอาจิณ
โอ้ภูมินทร์มาอ้างว้างกลางอรัญ
     ๏ หลังอาบน้ำเสร็จสรรพขยับย้าย
มิห่างหลายเส้นนักจากบึงนั่น
ด้วยมาถึงซึ่งเวลาย่ำสายัณห์
สั่งตั้งหลักพักค้างกันอีกหนึ่งคืน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10 กันยายน 2018, 12:16:PM


                                                             หน้า  ๗๘
              
    ๏ อูฐ ช้าง ม้าพาผูกไว้ได้ที่แล้ว
ขึงฉากนั้นกันแนวเนินร่มรื่น
กางกระโจม มุ้ง สาดปูลาดพื้น
แลกลมกลืนผวยผ้าน่าพักนอน
     ๏ ทมยันตีเดินรี่มองจองที่หมาย
เพื่อซุกกายเป็นเรือนเหมือนคืนก่อน
คนตกยากฝากชีวาพนาดร
โอบสองกรคุดคู้อยู่โคนไทร
     ๏ แล้วมาเกิดเหตุร้ายในกลางดึก
ถ้วนทุกผู้มิรู้สึกนอนหลับใหล
ด้วยเหนื่อยเกินเดินทางมากลางไพร
มิมีเวรระวังภัยที่คืบคลาน
     ๏ โขลงช้างป่ามากินน้ำประจำอยู่
กลุ่มตัวผู้ตกมันพลันฮึกหาญ
ได้กลิ่นช้างที่มาคาราวาน
เกิดอาการคลั่งเตลิดกระเจิดกระเจิง
     ๏ นำโขลงวิ่งดิ่งไพรตรงไปหา
โถมถลาตามกันถลันเหลิง
กองค้านั้นพลันระเบิดแตกเปิดเปิง
เร็วกว่าเพลิงเผาผลาญแหลกลาญลง


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10 กันยายน 2018, 12:17:PM



                                                             หน้า  ๗๙

    ๏ ที่เจ็บหนักแขนขาหักน่าหดหู่
บ้างเดินดูทรัพย์แหลกแตกเป็นผง
บ้างครวญคร่ำกำสรดแทบปลดปลง
เพราะสูญพงศ์บุตร บิดา เมีย สามี
     ๏ ยังวุ่นวายสับสนจนฟ้าสาง
คนเดินทางมากมายกลายเป็นผี
ยากคิดอ่านการใดต่อไปดี
ทมยันตีรู้ข่าวใจร้าวราน
     ๏ แม้อยากจะเอื้ออวยช่วยเหลือบ้าง
แต่ตัวนางไร้พลังของสังขาร
สุดวิโยคโศกซึ้งถึงดวงมาน
มิเคยพานเหตุร้ายใหญ่ก่อนมา
      ๏ คาราวานนั้นมลายหลายสถาน
อัประมาณย่อยยับเกินนับค่า
ญาติมิตรดับสูญทรัพย์สินสิ้นเงินตรา
โถมิน่ามาเป็นเช่นนี้เลย
     ๏ หลายคนพร่ำวาจาว่า “เทวะ
โอ้องค์พระที่บูชาแห่งข้าเอ๋ย
เมื่อจะมาข้าบวงสรวงแล้วเอย
ก่อนมิเคยวิบัติถนัดใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 กันยายน 2018, 11:51:AM


                                                                    หน้า  ๘๐


     ๏ หรือเพราะตัวกาลีนางผีร้าย
อันฝากกายตามมาแต่ป่าใหญ่
เป็นเสนียดน่าเดียดฉันท์ตัวจัญไร
จึงเกิดเหตุเภทภัยไม่เหลือดี”
     ๏ ทมยันตีเห็นท่าว่าจะแย่
เกิดตั้งแง่มาใส่ร้ายป้ายสี
จึงถอยห่างย่างไกลพากายลี้
กรูไล่กันทันทีกลุ่มพ่อค้า
     ๏ ทมยันตีหนีไปบังหลังพุ่มไม้
พ่อค้าคลั่งยังรุกไล่บุกไปหา
ดุ้นฟืนหินริมทางหยิบขว้างปา
มิมีจิตคิดเมตตาว่าเป็นคน
    ๏ ทมยันตีนิ่งมิติงไหว
ของเล็กใหญ่ลอยมาเหมือนห่าฝน
สักครู่หนึ่งจึงพ่อค้าทุรชน
ค่อยค่อยขนสินค้าลาลับไป
   ๏ โอ้ว่าทมยันตีขวัญหนีสิ้น
คลำกายินปูดโปนโดนตรงไหน
บุญปกกายมิให้ต้องสิ่งของใด
ถอนฤทัยปลงจิตอนิจจัง


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 กันยายน 2018, 11:53:AM




                                                             หน้า  ๘๑

    ๏ เหล่าเทวัญนั้นคงลงมาคุ้ม
ผู้ที่รุมทำร้ายไม่สมหวัง
กุศลมีแต่ที่ช้ำเพราะกรรมบัง
โศกจึงฝังกลางใจไม่สร่างซา
     ๏ ยามรุ่งเรืองเฟื่องสุขทุกสถาน
มากคนปองต้องการปรารถนา
ยามตกต่ำย่ำย่างกลางพนา
เขาก็หาว่าชั่วตัวอัปรีย์
     ๏ เป็นเสนียดจัญไรไม่อยากเห็น
นำโชคร้ายคล้ายเป็นเช่นภูตผี
คิดแล้วทุกข์ทับถมตรมทวี
ทมยันตีร่ำไห้ไปตามทาง
     ๏ เดินเดินอยู่หมู่พราหมณ์ตามมาพบ
หลังนอบนบอำนวยช่วยทุกอย่าง
ด้วยประพฤติพรหมจรรย์มั่นมิวาง
หมายสรรค์สร้างความดีมีเมตตา
     ๏ เมื่อจุดหมายปลายทางนั้นไปกันได้
ตกลงให้คณะพราหมณ์ออกนำหน้า
รู้ฐานะระยะห่างตามหลังมา
ท่องมรรคาสู่เจทีบุรีธรรม


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 กันยายน 2018, 11:54:AM



                                                             หน้า  ๘๒
  
 
    ๏ ครบเจ็ดวันอันพ่อค้าเคยว่าไว้
ถึงเมืองใหญ่ที่หมายไม่ทันค่ำ
เชิงเทินล้อมป้อมปราการโอฬารล้ำ
เคียงคูน้ำเรียงรายชายกำแพง
   ๏ ปากทางเข้าเหล่าทหารตรวจการณ์อยู่
ทุกประตูพร้อมทั้งงามความแข็งแกร่ง
เหมือนคนดงหลงมาท่าระแวง
กระย่องกระแย่งสาวเท้าเข้าเมืองไป
   ๏ เมื่อผ่านหมู่ผู้คนล้วนสนเท่ห์
ยังร่อนเร่จุดหมายใดไม่รู้ได้
จะเอ่ยจำนรรจาเขาลาไกล
มิมีใครหันมายลสนทนา
    ๏ เดินเงอะงะกระเซอะกระเซิงเซ
ทั้งตุปัดตุเป๋ลื่นถลา
ชาวเมือง วังทั้งสิ้นกล่าวนินทา
ล้วนคิดเห็นเป็นคนบ้าพากันเมิน
     ๏ หลายคนมีที่หัวเราะเยาะเย้ยหยัน
เพราะมองกันก็แต่แค่ผิวเผิน
เด็กเด็กเล่นเป็นหมู่กรูกันเดิน
สนุกเกินแหย่กันรำคาญใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 กันยายน 2018, 08:57:AM


                                                             หน้า  ๘๓

     ๏ ได้แต่เบี่ยงเลี่ยงหนีมิโต้ตอบ
มาถึงขอบกำแพงแห่งวังใหญ่
ตรงบัญชรพระมารดาแห่งราชัย
น้ำพระทัยมีจิตคิดเมตตา
     ๏ ชี้ชวนพลางนางในให้เพ่งพิศ
แม่มิ่งมิตรคงทุกข์หนักอนาถา
สงสารนางสั่งให้ไปชวนมา
โชคนำพาบรรเทาเศร้าฤดี
     ๏ บุญกุศลดลธิดาเข้าปราสาท
แห่งพระราชมารดากษัตริย์ศรี
อภิวาทกราบพระบาทองค์เทวี
ถ้อยวาทีถามพลันหลังวันทา
   ๏ “โอแม่พิมพ์ประไพวิไลรัตน์
เพชรจรัสติดตมธุลีหนา
ดังจันทรซ่อนยังหลังเมฆา
แม้กายาเปื้อนมลทินมิสิ้นงาม
    ๏ ช่วยแถลงให้แจ้งใจได้ไหมเจ้า
กระไรเล่าความเป็นมาข้าขอถาม
ด้วยฉงนจนงงแล้วนงราม
เฉลยความเป็นมานั้นมีฉันใด”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 กันยายน 2018, 08:59:AM
 

                                                             หน้า  ๘๔

    ๏ จึงอนงค์องค์ทมยันตี
วิสัชนาพระชนนีที่สงสัย
ตรงตามความเป็นจริงทุกสิ่งไป
แต่ละไว้เค้าเรื่องเมืองวิทรรภ์
     ๏ ด้วยยังมิจำนงจงใจย้อน
คืนนครในวาระกะทันหัน
กล่าวโดยชอบนอบน้อม “หม่อมฉันนั้น
คือผู้ที่โศกศัลย์เหลือคณา
     ๏ ทุกสาหัสพลัดพระสวามี
หวาดฤดีเคว้งคว้างอยู่กลางป่า
เรื่องทุกเศร้าร้าวรานที่ผ่านมา
จะกล่าวความตามสัจจาจากดวงใจ
     ๏ หม่อมฉันคือราชินีของพระนล
พระทรงพลครองรัฐนิษัธสมัย
สิบสองปีวิวาห์องค์พระทรงชัย
สุขฤทัยเรื่อยมาจวบครานี้
     ๏ เมื่อพระองค์ทรงสกาพาวิบัติ
ศักดิ์กษัตริย์สูญค่าสิ้นราศี
การพนันผลาญทรัพย์สินสิ้นธานี
เลยต้องลี้แรมร้างกลางพนา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 กันยายน 2018, 09:00:AM
 

                                                             หน้า  ๘๕

    ๏ หม่อมฉันรักภักดีมิเสื่อมสิ้น
ตามภูมินทร์เผชิญภัยในราวป่า
ลูกบาศก์ร้ายทำลายล้างมิร้างรา
จนเราสองต้องใช้ผ้าผืนเดียวกัน
     ๏ พระองค์รู้สึกผิดจิตวิตก
ดุจนรกหมกใจให้ไหวหวั่น
อยากรับกรรมที่ทำไว้ทั้งหลายนั้น
ให้ลงทัณฑ์ดั่งจำนงพระองค์เดียว
     ๏ มิอยากให้หม่อมฉันนั้นลำบาก
ยอมรับกรรมจำพรากไปโดดเดี่ยว
หวังดีแน่แต่ใจร้ายจริงเจียว
ทิ้งเมียเปลี่ยวเดียวดายเดินร่ายไพร
     ๏ เชื่อพระองค์คงมีภูตผีร้าย
เข้าสิงกายงำจิตผิดเพี้ยนใหญ่
มิเป็นตัวของตัวเองแต่อย่างใด
หม่อมฉันนั้นมั่นฤทัยในความรัก”
     ๏ นางเล่าความยามยากวิบากยิ่ง
ทั้งเดินวิ่งลุกล้มลงจมปลัก
มากภัยหมายทำลายชีพบีบคั้นนัก
บุญพิทักษ์จึงรอดปลอดภัยมา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 กันยายน 2018, 01:18:PM



                                                            หน้า  ๘๖

    ๏ ย้ำความโศกยิ่งสุดฝืนสะอื้นไห้
ชลนัยน์ไหลรินต้องผินหน้า
จึงครานั้นวรราชมารดา
พระทรงจำนรรจาปลอบยาใจ
     ๏ “แม่จงวางเรื่องเศร้าชั่วคราวก่อน
ชำระองค์เปลี่ยนอาภรณ์ให้สดใส
แล้วพักผ่อนหลับนอนยั้งวังเวียงชัย
การณ์ต่อไปจักตามหาสวามี
     ๏ มิต้องคิดให้หนักเราจักช่วย
คอยอำนวยให้นางอย่างเต็มที่
ทวยทหารชาญชัยในเจที
อีกเสนาบดีผู้ปรีชา
     ๏ กระจายออกสืบค้นทุกชนบท
และกำหนดเป้าหมายเข้าในป่า
แคว้นมณฑลทุกหนทางต่างพารา
จนพบหน้าพระนลภูวนัย”
     ๏ “โอ้พระราชมารดาปรานีนัก
ชวนอยู่พักทั้งจักหาสามีให้
ฉันยังมีเรื่องมิควรกวนพระทัย
ขอประทานอภัยใคร่ครวญดู


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 กันยายน 2018, 01:19:PM


                                                             หน้า  ๘๗

    ๏ ข้อกำหนดให้ละและปฏิบัติ
เป็นคำสัจสืบมารักษาอยู่
กราบทูลไว้ให้แค่พระแม่รู้
จะเชิดชูหรือชังโปรดสั่งมา
     ๏ แม้นพระราชมารดาอนุมัติ
จะมิขัดความปรานีที่ปรารถนา
คือการปฏิบัติวัตรกิจจา
มิกินอาหารเป็นเดนของใคร
   ๏ มิล้างเท้าผู้ใดให้เสียศรี
สวามีพระบิดา มารดาได้
หม่อมฉันมิวิสาสะกะชายใด
ที่เป็นไปในด้านการเกี้ยวพา
     ๏ หากผู้นั้นล่วงล้ำเมื่อห้ามแล้ว
ยังมิแคล้วยับยั้งเหมือนดังว่า
ขอพระองค์ลงโทษผู้โฉดช้า
ป้องเกียรติภัสดาบูชาภักดิ์”
     ๏ พระมารดาชอบใจจึงได้ตรัส
ว่า “กษัตริย์เจทีก็มีหลัก
เหมือนร่วมวงศ์วานมาน่าชื่นนัก
จะพิทักษ์เป็นคำมั่นและสัญญา”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 กันยายน 2018, 01:20:PM


                                                             หน้า  ๘๘

    ๏ แล้วจึงสั่งนางในไปทูลเชิญ
พระธิดาดำเนินเข้ามาหา
กุมารีมีพระนาม “สุนันทา”
เฝ้าฟังคำบัญชาพระมารดร
     ๏ “นางนี้มีเชื้อกษัตริย์ขัตติยชาติ
ที่นิราศหลักแหล่งแห่งสมร
เจ้าเป็นน้องวัยมิห่างอย่างแน่นอน
จงอาทรเอื้อจิตมิตรไมตรี
     ๏ ครานั้นองค์สุนันทาธิดาเจ้า
พาทมยันตีเข้าปราสาทศรี
พักกายาสมฐานะพระเทวี
ทุกข์ใดที่ช่วยได้หมายผ่อนปรน
    ๏ ฝ่ายเสนาบดีเจทีสั่ง
ตรงไปยังพลกายหลายแห่งหน
สืบถามไปในอาณาหาพระนล
ต่างเมืองบ้านย่านตำบลจนอรัญ
     ๏ มารายงานการหาไปแดนใดบ้าง
แล้วเดินทางกลับหลังยังไพรสัณฑ์
ย้อนแกะรอยถอยหลังครั้งราชัน
เดินทางกันจากนิษัธซัดเซมา



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 กันยายน 2018, 05:10:PM


                                                             หน้า  ๘๙
        
 
    ๏ หมู่ชาวเมืองโจษจันกันสะพัด
สองกษัตริย์จรในไพรพฤกษา
เหมือนไปดับลับหายมลายลา
มิพบหน้ายินข่าวคราวนานครัน
     ๏ ชาวนิษัธธานีมีความรัก
ดวงใจภักดิ์ล้นพ้นนลรังสรรค์
ต่างห่วงหาอาลัยไหว้เทวัญ
เชิญราชันคืนหลังยังเวียงชัย
     ๏ ทมยันตีเมื่อมีข่าวชาวนิษัธ
อยากให้คืนครองสมบัตินิรัติศัย
สุดจะพร่ำรำพันตื้นตันใจ
ต่อเมื่อไรพระนลพ้นเคราะห์กรรม
     ๏ แม้อุราระทมทุกข์ตรมหนัก
มั่นคงรักษ์กำลังใจไม่ตกต่ำ
เชื่อมั่นในความดีและมีธรรม
จักน้อมนำสมรักได้สักวัน
     ๏ ทั้งซึ้งว่าเหล่าข้าไทไม่หน่ายหนี
ทั้งเจทีทุ่มเทให้ใจมุ่งมั่น
เมื่อคืบหน้ามาเล่าข่าวคราวนั้น
จึงนับวันที่หวังตั้งตารอ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 กันยายน 2018, 05:12:PM

                                                           หน้า  ๙๐

 
    ๏ ย้อนถึงฝ่ายพระนลราชผู้พลาดผิด
คล้ายจริตวิปลาสอนาถหนอ
เดินกู่ก้องร้องร่ำน้ำตาคลอ
แล้วหัวร่อเย้ยโลกโชคชะตา
      ๏ โอ้ทมยันตีของพี่เอ๋ย
กระไรเลยทิ้งนางเสียกลางป่า
ยอดรักหวงดวงฤดีของพี่ยา
คงโศกาหวั่นหวาดแทบขาดใจ
     ๏ รำพึงพลางย่างไพรไม่หยุดหย่อน
ข้ามเขาขอนโขดเขินเนินไศล
มิคำนึงถึงปลายทางแต่อย่างใด
อยู่ที่ไหนก็อกหมกโลกันตร์
     ๏ แว่วเสียงร้องก้องป่ามาโหยหวน
อันมิควรมีได้กลางไพรสัณฑ์
“ช่วยด้วยนะพระองค์วงศ์เทวัญ
ตัวข้านั้นทรมานนานเต็มที”
     ๏ พญานาคไฉนโดนไฟเผา
 ดิ้นเร่าเร่าแต่ไยไม่คิดหนี
ไฟเป็นวงเจาะจงเผาเจ้านาคี
มิได้มีเผาผลาญพันธุ์พฤกษ์ไพร


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 กันยายน 2018, 05:13:PM


                                                           หน้า  ๙๑

 
    ๏ พระนลเพ่งพินิจคิดฉงน
นาคพูดภาษาคนพ้นสงสัย
“ข้าทรมานนานช้าแล้วราชัย
ความเป็นไปทั้งหลายใคร่ชี้แจง”
     ๏ “ที่ผ่านมาข้านั้นสำคัญผิด
ตนเลอฤทธิไกรเกินใครแข่ง
เหลิงทะนงหลงตนจนรุนแรง
ถึงสำแดงเดชท้ามหามุนี
     ๏ พระองค์ทรงกำราบสาปแช่งไว้
โดนเผาไฟมิอาจพากายาหนี
ให้รอท่านเหมือนรู้การณ์ล่วงหน้าดี
จนวันนี้พระนลดั้นด้นมา
     ๏ วอนพระองค์ทรงชัยใจกุศล
ช่วยข้าพ้นทุกข์นี้ที่หนักหนา
ช่วยด้วยเถิดพระนลท่านขอวันทา
โปรดนำพาพ้นคำสาปสิ้นบาปร้าย
     ๏ จักตอบแทนพระคุณการุญท่าน
กระทำการกอบกู้สู่เป้าหมาย
หวนคืนสู่ไอศวรรย์ ณ บั้นปลาย
มิกลับกลายกล่าวนั้นสัญญาแท้


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 กันยายน 2018, 04:32:PM

                                                              หน้า  ๙๒

 

    ๏ ข้าย่อกายให้เล็กเบาเท่าอังคุฐ
ท่านดึงฉุดไปได้ง่ายดายแน่”
เมื่อรับคำพระนลทำการดูแล
เพื่อช่วยแก้คำสาปปราบนาคี
     ๏ ลุยกองไฟไม่ร้อนเร่าแผดเผาร่าง
รู้ไฟสร้างด้วยกลมนต์ฤๅษี
จับพญานาคเบาราวสำลี
เมื่อนำวางกลางพงพีก็สิ้นกรรม
     ๏ นาคานบเศียรลงตรงพระบาท
แห่งพระนลภูวนาถพร้อมพูดพร่ำ
“ข้าเหมือนทาสแห่งองค์ผู้ทรงธรรม
หน้าที่นำทุกข์จากพระหทัย
     ๏ ขอขยับนับย่างไปข้างหน้า
กิจนี้ช่วยพระราชาอย่าสงสัย
สิบย่างก้าวเท้าพอดีที่เดินไป
แลทันใดนาคราชกัดพระนล
     ๏ พลันเรือนร่างสำอางองค์แห่งทรงศักดิ์
ก็กลายกลับอัปลักษณ์น่าฉงน
พระตะลึงจึงพิศพินิจตน
ในบัดดลนาคามาบรรยา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 กันยายน 2018, 04:34:PM

                                                             หน้า  ๙๓

  
  ๏ “กล่าวโดยสัจกัดราชา ณ ครานี้
เป็นกุศลผลดีที่มากหลาย
ข้อหนึ่งคือจำแลงเปลี่ยนแปลงกาย
เหมือนพระองค์สูญหายจากโลกา
     ๏ ข้อสองพิษไม่ติดสรีระท่าน
สิ่งชั่วร้ายในดวงมานซ่านพิษข้า
จักถึงกับรับทุกขเวทนา
ร้อนยิ่งกว่าโดนไฟประลัยกัลป์
      ๏ มิอาจดลผลร้ายให้ท่านเพิ่ม
พลังเสริมจิตภูมีทีละขั้น
ขอประทานนามใหม่ให้ท่านนั้น
“วาหุก” อันฉายาภายหน้าไป
     ๏ ต่อแต่นี้มีเป้าหมายให้เสด็จ
เลิกระเห็จระเหหนด้นแดนไหน
มุ่งสู่อโยธยารอราชัย
ถวายตัวแก่ท้าวไทฤตุบรรณ
     ๏ ต้องแสดงอัศวโกศล
ให้ท่านซึ้งถึงผลเลิศเฉิดฉัน
หัวใจแห่งสกาของราชัน
ผิแลกกันพลันได้สมฤดี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 กันยายน 2018, 04:36:PM
 
                                                           หน้า  ๙๔
  
    ๏ เมื่อท่านสบสุขสมอารมณ์หมาย
จักคืนกายเดิมอันวรรณฉวี
ขอให้ใช้ภูษาวิเศษนี้
อัญชลีนึกถึงข้าคลุมกายิน
     ๏ พระกลับร่างดังเดิมได้โดยแท้
มิเปลี่ยนแปรอันใดให้ถวิล”
จบวาจาถวายผ้าแล้วนาคินทร์
พลันดำดินหายวับกลับบาดาล
     ๏ พระนลคิดจิตหวนทบทวนย้ำ
ถึงน้ำคำนาคีที่กล่าวขาน
จักพาทมยันตีศรีนงคราญ
คืนสู่สุขสำราญมินานนัก
      ๏ มเหสีชีวีรอดปลอดภัยแน่
หากดวงแดยังวิโยคเศร้าโศกหนัก
รู้สึกผิดอย่างยิ่งทิ้งเมียรัก
เหมือนดังผลักเอกอนงค์ลงห้วงทุกข์
     ๏ เชื่อมั่นจริงยิ่งนักน้องรักพี่
ทมยันตีเมื่อผัวไกลไม่มีสุข
ต้องแดเดียวเดินดงดอนซอกซอนซุก
ถูกเร้ารุกจากภัยร้ายในอรัญ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 กันยายน 2018, 04:28:PM




                                                             หน้า  ๙๕

    ๏ จักลำบากยากเย็นเป็นไฉน
มิมีใครช่วยชีวาพ้นอาสัญ
พระหทัยทุกข์เกินเดินรำพัน
ครบสิบวันถึงอโยธยา
    ๏ ทำตัวเป็นเช่นชนคนตกยาก
แสนลำบากมิท้อคอยรอท่า
จวบจนได้เข้าเฝ้าเจ้าพารา
อันพระองค์ทรงโปรดม้ามโนมัย
     ๏ ครั้นราชามาทรงอัศวราช
จึงแสดงความสามารถถวายให้
เห็นเหนือกว่า “ชีวล” และวาร์ษไณย
ที่รับใช้พระภูมิธรอยู่ก่อนแล้ว
      ๏ ท้าวฤตุบรรณนั้นพอพระทัยยิ่ง
ห้าวหาญจริงใจคอก็แน่แน่ว
ฝีมือนั้นชั้นครูดูพราวแพรว
ตรงตามแนวมุ่งหมายในภูมี
     ๏ วาหุกได้ถวายตัวต่อท้าวท่าน
พร้อมรายงานแก่องค์พระทรงศรี
“ความช่ำชองของข้าพเจ้านี้
นอกวิชาพาชีมีอนันต์


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 กันยายน 2018, 04:29:PM


                                                              หน้า  ๙๖
                
  ๏ การปรุงแต่งอาหารอันรสเลิศ
ซึ่งก่อเกิดจากภาวะพรสวรรค์
ธนูศาสตร์ปราดเปรื่องเรื่องโรมรัน
เชิญราชันเรียกใช้ตามใจจง”
    ๏ ฤตุบรรณฟังคำจึงย้ำว่า
“อยู่กับข้าเถิดนะจะเสริมส่ง
ทั้งเงินทองตำแหน่งแหล่งดำรง
ชนม์มั่นคงทำงานสืบสานไป”
     ๏ จึงวาหุกคลายทุกข์บ้างในบางครั้ง
แต่จิตยังคร่ำครวญคอยหวนไห้
อกหม่นหมองร้องร่ำหาด้วยอาลัย
แสนห่วงใยมิ่งขวัญทมยันตี
     ๏ ยามใดว่างนั่งคิดวุ่นจิตนัก
พระนลมักถอนฤทัยไร้สุขี
บางครั้งเผลอเพ้อพร่ำร่ำโศกี
จนเป็นที่สงกาของสองเกลอ
     ๏ ด้วยห่วงใยถามไถ่มาว่า “เพื่อนเอ๋ย
ไฉนเลยไร้สุขทุกข์เสมอ
สามเรามิตรชิดใกล้ใช่ไหมเออ
หากเสนออาจสนองจนต้องใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 กันยายน 2018, 04:31:PM

                                                             หน้า  ๙๗
  
    ๏ จงเล่าความตามที่มีในจิต
ทุกปัญหาหน้าที่มิตรคิดแก้ไข
เพื่อนกันหนาอย่าเห็นเป็นอื่นไกล
เฉลยนัยเถิดจะนั่งคอยฟังความ”
     ๏ วาหุกจึงซึ้งจิตมิตรเป็นห่วง
ปิดบังต่อก็คงท้วงคอยพร่ำถาม
จำเปิดปากหากมิเอ่ยเผยพระนาม
เล่าเรื่องตามเป็นจริงทุกสิ่งอัน
     ๏ “โอ้เราหรือคือผัวที่ชั่วช้า
เกิดฟั่นเฟือนเหมือนบ้าน่าหยามหยัน
ตกยากพาเมียมาค้างกลางอรัญ
แล้วหุนหันหนีเมียเสียกลางทาง
   ๏ ช่างใจดำทำได้ร้ายกาจนัก
ทั้งเมียรักของพี่ดีทุกอย่าง
เราตกอับเมียรับทุกข์สุขละวาง
ยอมลาร้างพารามากลางไพร
     ๏ จึงหม่นหมองครองเศร้าเพื่อนเราเอ๋ย
ร้างคู่เชยมิรู้นางอยู่ไหน
อาจยังหลงดงหรือด้นถึงหนใด
กลางฤทัยเราตรมระบมจริง”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 กันยายน 2018, 12:33:PM



                                                              หน้า  ๙๘


 
    ๏ สองมิตรพลอยสร้อยเศร้าฟังเล่าแล้ว
มิเห็นแนวช่วยใดได้สักสิ่ง
ทั้งที่รักเยาวยอดจำทอดทิ้ง
รู้ทุกข์ยิ่งยามจากรักหักอารมณ์
    ๏ มีแต่คำปลอบใจมอบให้มิตร
ยกชีวิตย่อมมีทุกข์และสุขสม
เมื่อใจสองปองรักมั่นกันเกลียวกลม
กลับชื่นชมกันมิช้าอย่าอาวรณ์
     ๏ เห็นทางใดช่วยให้สมอารมณ์หวัง
มิรอรั้งตั้งจิตช่วยมิตรก่อน
เพียงคำปลอบเพื่อนให้คลายรุ่มร้อน
ทุกข์เหลือถอนกำหนดให้อดทน
     ๏ นึกคำนึงซึ้งในน้ำใจมิตร
ที่มีจิตผ่องเพ็ญเป็นกุศล
ทุกข์อุรากับหน้าที่มิปะปน
ยังเป็นคนอภิบาลการอาชา
     ๏ ทุ่มเทให้ใจภักดิ์พิทักษ์ราช
กษัตริย์ชาติฤตุบรรณขันอาสา
แม้ทุกข์หนักจักไม่ท้อรอเวลา
เป็นจริงจังดังวาจาของนาคี
 


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 กันยายน 2018, 12:36:PM


                                                         หน้า  ๙๙

    ๏ ย้อนถึงเมืองวิทรรภ์ครั้นรู้ข่าว
ถึงเรื่องราวแต่ต้นหม่นเหลือที่
ทั้งพระนลและทมยันตี
เสียธานีระหกระเหินดำเนินไพร
     ๏ องค์จุมพลภีมราชประกาศว่า
พราหมณ์ทั้งหลายให้มาฟังปราศรัย
เรื่องพระนลราชาหายหน้าไป
พร้อมทรามวัยทมยันตีธิดานั้น
     ๏ “ท่านทั้งหลายกระจายตนไปค้นหา
พระนลและชายากลางไพรสัณฑ์
ใครพากลับคืนวังมีรางวัล
โคหนึ่งพันตัวมอบให้ตอบแทน
     ๏ แม้มิได้กลับมาเพียงว่ารู้
สององค์อยู่แดนใดให้มั่นแม่น
ทรัพย์สินนั้นสรรให้ไม่ขาดแคลน
เกินหมื่นแสนตำลึงจนพึงใจ”
     ๏ ในครานั้นเหล่าพราหมณ์ทำตามตรัส
เที่ยวเลาะลัดค้นหากลางป่าใหญ่
บ้างเดินทางต่างแคว้นสุดแดนไกล
สืบถามไถ่ไปทุกจุดจนสุดแคว้น
[/size][/font]


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 กันยายน 2018, 12:38:PM

                หน้า  ๑๐๐

     
     ๏ กลับมาเฝ้าเล่าการณ์งานขวนขวาย
แล้วแยกย้ายอีกคราอย่างหนาแน่น
ไปถึงแทบทุกถิ่นทั่วดินแดน
แต่มาตรแม้นมิสมตั้งความหวังมา
     ๏ ในครานี้สุเทพทิชพราหมณ์
ซึ่งออกตามทั่วไปในแดนป่า
ย้อนกลับหลังยังเจทีพารา
ทัศนามาถึงซึ่งวังทอง
     ๏ จึงพบทมยันตีธิดาราช
น่าอนาถราศีที่หม่นหมอง
ตั้งสติพินิจพิศตริตรอง
ว่าถูกต้องเหมือนจิตที่คิดแท้
     ๏ รำพึงในใจว่านิจจาเอ๋ย
วงพักตร์เคยเปล่งปลั่งดั่งดวงแข
บัดนี้หมองหม่นไหม้อาลัยแล
เหมือนบัวแผ่กลีบร้างอยู่กลางดิน
     ๏ คงโศกาสาหัสที่พลัดพราก
ทั้งจำจากภัสดามาไกลถิ่น
นัยนางามกว่าตามฤคคิน
เดี๋ยวนี้สิ้นแววสุขทุกข์ล้นใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 กันยายน 2018, 09:16:AM

                                                             หน้า  ๑๐๑

    ๏ แม้นกลับคืนผืนดินถิ่นวิทรรภ์
คงมิบั่นทอนสลดออกหมดได้
หากมิพบภัสดานลราชัย
แต่อย่างไรทุกข์นั้นพอบรรเทา
     ๏ จนมั่นใจในจิตมิผิดพลาด
พราหมณ์สามารถติดต่อขอเข้าเฝ้า
คารวะพระธิดาพรรณนาเค้า
ความครั้งเก่าแต่เริ่มจำเดิมมา
     ๏ “องค์ภีมราชันครั้นทราบข่าว
ทุกเรื่องราวพระทรงศักดิ์เศร้านักหนา
ตรัสให้พราหมณ์ทั้งหลายในนัครา
ออกตามหาสองพระองค์จำนงใจ
     ๏ กวลล่วงเกินเนิ่นนานมิพานพบ
พระนลหลบกายพ้น ณ หนไหน
ตัวหม่อมฉันนั้นเดินทางถึงกลางไพร
ย้อนกลับได้พบเทวีวันนี้เลย”
     ๏ ทมยันตีครานี้พิไรร่ำ
“เป็นเวรกรรมพระบิดรมารดาเอ๋ย
มิน่าพลอยโศกเศร้าจริงเล่าเอย
แล้วทรามเชยบุตรสองเราเล่าสุขดี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 กันยายน 2018, 09:17:AM


                                                             หน้า  ๑๐๒

 
    ๏ ถามทุกข์สุขถ้วนพระประยูรญาติ
ถึงทวยราษฎร์ทั่วไปในกรุงศรี
ขอพราหมณ์โปรดได้แถลงแจงวาที
อกข้านี้คิดถึงคะนึงครวญ”
     ๏ สุเทพพราหมณ์เอื้อนเอ่ยเผยความว่า
“พระบิดรพระมารดาสุขทุกส่วน
เพียงเรื่องของพระธิดาเป็นชนวน
ทรงกระอักกระอ่วนพระหทัย”
     ๏ “กุมารากุมารีสองศรีนั้น
เพื่อนเล่นห้อมล้อมกันสุขสดใส
ราชวงศ์ทุกองค์ยังห่วงใย
ชนทั่วไปเป็นอยู่ยั้งดั่งเคยมา”
     ๏ พราหมณ์กล่าวความตามนัยแต่ใจแห้ง
มิอาจแจ้งข่าวพระนลผลคืบหน้า
ทมยันตียังมีความโศกา
ร้อนอุราด้วยห่วงหวงพระนล
     ๏ จำทูลเชิญเดินทางยังวิทรรภ์
โศกคงบรรเทาไปในเบื้องต้น
สนทนาพาหม่นหมองทั้งสองคน
เห็นพิกลสุนันทากุมารี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 กันยายน 2018, 09:19:AM

                                                            หน้า  ๑๐๓   

                        
    ๏ กราบทูลพระราชมารดารู้
แล้วทั้งคู่รีบมาหาถึงที่
จึงตรัสถามสุเทพพราหมณ์แต่โดยดี
“สองท่านนี้รู้จักกันหรือฉันใด
     ๏ จงชี้แจงแถลงความไปตามสัจ
ปฏิพัทธ์สัมพันธ์กันไฉน”
พระราชเสาวนีย์ให้เผยนัย
พราหมณ์จึงได้ทูลความตามสัจจา
     ๏ “ขอเดชะพระมารดาอย่าสงสัย
จะเผยนัยให้ฟังดังปุจฉา
พระนางนี้ทมยันตีราชธิดา
แห่งภีมราชากรุงวิทรรภ์
     ๏ สยมพรกับพระนลราชาชัย
ครองนิษัธกรุงไกรไอศวรรย์
สิบสองปีสุขีมาจนครานั้น
ต้องมีอันย่อยยับอัปรา
     ๏ ด้วยพระนลกมลจิตผิดปกติ
สิ้นดำริราชกิจปิดยิหวา
ทรงแน่วแน่แต่จะเล่นสกา
จนต้องเสียพาราออกแรมไพร



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 ตุลาคม 2018, 01:12:PM


                                                              หน้า  ๑๐๔

     ๏ พร้อมชายาธิดาทมยันตี
ความจงรักสวามีนั้นยิ่งใหญ่
เกิดวิบัติพลัดพรากจากกันไกล
องค์พระนลอยู่ไหนยังไม่พบ
     ๏ ภีมราชระดมพราหมณ์ออกตามหา
ทั้งวนาเมืองทั้งหลายไม่ประสบ
โชคหม่อมฉันสมมั่นหมายได้นอบนบ
พระธิดาอีกคำรบ ณ ครานี้
     ๏ ขอพระราชมารดาอย่าฉงน
เหตุและผลแห่งธิดามารศรี
หว่างขนงแต่กำเนิดเกิดไฝดี
อันพระพรหมปรานีประทานมา
     ๏ พระจันทร์เสี้ยวหนึ่งในไฝมงคล
คือปิ่นชนประเสริฐล้ำเลิศหล้า
เมื่อมีกรรมจำจรซ่อนกายา
ผงแป้งทาหนาปิดด้วยจิตจง
     ๏ หากเอาน้ำมนต์มาชำระพักตร์
จะประจักษ์ด้วยจิตสิทธิ์ประสงค์
นี่คือสัจวาจาข้าพระองค์
สุดแต่ความจำนงประการใด”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 ตุลาคม 2018, 01:14:PM
                                                           หน้า  ๑๐๕

  ๏ พระมารดาฟังวาทีที่เฉลย
มิอาจเอ่ยอึ้งอยู่สุชลไหล
ครางหือฮือ มือทุบอกชกหทัย
เหมือนเสียใจและโกรธโทษตัวตน
      ๏ สุนันทาหาน้ำขอชำระ
จึงเห็นจะแจ้งงามตามนุสนธิ์
พระมารดาอาการท่านชอบกล
ดูร้อนรนทั้งร้องร่ำเพ้อจำนรรจ์
     ๏ “น้าเสียใจในกาลผ่านไปแล้ว
โอ้หลานแก้วทูนหัวของตัวฉัน”
พระเพ้อพร่ำกล้ำกลืนฝืนรำพัน
นัยสำคัญยิ่งล้ำคำพาที
     ๏ “มิฉุกคิดสักนิดหนาว่าเป็นหลาน
ห่างกันนานแปลกไปก็ใช่ที่
พระนลนามความนิษัธธานี
น้าเองนี้ควรจะเฉลียวใจ
     ๏ ยังดีที่มีเมตตาให้มาอยู่
เข้าเป็นคู่สุนันทาแม้นหาไม่
หากปล่อยเป็นทาสีที่ยากไร้
เป็นบาปกรรมตามไปชั่วชีวา
 


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 01 ตุลาคม 2018, 01:16:PM


                                                             หน้า  ๑๐๖
                  
 
    ๏ ขอหลานน้าอย่าฉงนและหม่นหมอง
น้าเป็นน้องแท้แท้แม่หลานหนา
สุทามันอันนามท้าวพระเจ้าตา
ครองธรรมมิกพารามานานปี
     ๏ พี่สาวน้าวิวาห์ภีมราชเจ้า
ครองวิทรรภ์นานเนาชนสุขี
ส่วนตัวน้าคู่นราธิปบดี
บุตรสุพาหุภูมีคือราชัน
     ๏ เราว่านเครือเชื้อสายใกล้ชิดแท้
ยามกายแก่ยากไปมาหากันนั่น
ครั้งหลานยังเยาว์วัยได้พบกัน
พอนานวันนั้นมิน่ามาลืมเลือน”
     ๏ จำนรรจ์พลางนางเจ้าเฝ้าจุมพิต
ด้วยปลื้มจิตปลื้มใจหาใดเหมือน
ทมยันตีก็ไม่ได้แชเชือน
ค่อยค่อยเคลื่อนบังคมก้มชุลี
     ๏ สุนันทาซึ้งซาบกราบแทบอก
ฐานะยกขึ้นสู่ญาติผู้พี่
ทั้งสามตระกองกอดทอดไมตรี
เป็นนาทีอันสดชื่นรื่นฤทัย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 ตุลาคม 2018, 08:55:AM
                                                            หน้า  ๑๐๗

    ๏ ทมยันตีมีความนำปรึกษา
“ขอท่านน้าโปรดดำริวินิจฉัย
บัดนี้องค์พระบิดาราชาชัย
ทรงห่วงใยไร้สุขทุกข์ระทม
     ๏ พระช่วยเหลือเอื้ออวยด้วยเต็มที่
ให้พราหมณ์หาทุกธานียังมิสม
ทั้งบุตราบุตรีมีแต่ตรม
เคยเชยชมมาร้างห่างมารดร
     ๏ ขอพระอนุญาตคืนราชฐาน
เพื่อตามหาพระภูบาลอดิศร
พระองค์ยังห่างหายไกลนาคร
ในอกหลานนั้นยังร้อนมิผ่อนคลาย
     ๏ ทั้งที่พอรู้ความลำดับญาติ
ถือโอกาสลากลับใช่ลับหาย
ในวันหน้าแม้นว่ายังมิตาย
ใจมาดหมายย้อนมาหาพระองค์”
      ๏ พระมารดาสั่งหาสีวิกามาศ*
ประดับปวงบุปผชาติขบวนส่ง
จัดพลพฤนท์*ราชพิลาสทรง
พร้อมทิวธงสวยสล้างเดินทางไป


สีวิกา*  เสลี่ยง,  คานหาม, --  มาศ*   ทอง
พฤนท์*   กอง,  หมู่,  จำนวนมาก


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 ตุลาคม 2018, 08:56:AM
 
                                                            หน้า  ๑๐๘

 
    ๏ แล้วมินานการเดินทางอย่างแข็งขัน
บรรลุถึงซึ่งวิทรรภ์เมื่อวันใหม่
ทราบข่าวทมยันตีล้วนดีใจ
แต่ท้าวไทถึงอาณาประชาชน
     ๏ จัดพิธีพลีทานการบวงสรวง
สิ่งทั้งปวงเกื้อหนุนบุญกุศล
พุทธบูชาจาคะวาระมงคล
พราหมณ์ไพร่พลพร้อมสรรพรับรางวัล
     ๏ โดยเฉพาะสุเทพพราหมณ์ตามกล่าวไว้
ราชันให้เกินที่จิตคิดหมายมั่น
ทมยันตีกราบบิดร มารดาพลัน
แล้วรับขวัญบุตรทั้งสองหายหมองมัว
     ๏ มีแม่ลูกผูกพันจิตอยู่ชิดใกล้
ยังหมองไหม้เหลือที่มิมีผัว
ปลอบประโลมลูกว่า “เจ้าอย่ากลัว
พ่อทูนหัวต้องกลับมาพร้อมหน้ากัน”
     ๏ หนึ่งราตรีที่พักผ่อนนอนวังเก่า
ตื่นแต่เช้ากลับเหมือนเดิมเริ่มโศกศัลย์
พระแม่เจ้ารู้ข่าวมาไม่ช้านั้น
ฟังรำพันหวนละห้อยพลอยโศกา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 ตุลาคม 2018, 08:58:AM
 

                                                             หน้า  ๑๐๙

     ๏ “พระชนนีที่ทูนเทิดบังเกิดเกล้า
ลูกแสนเศร้าโศกหนักยิ่งนักหนา
นลบดีที่พรากไปในพนา
ได้ตามหานานมิพบประสบองค์
     ๏ มิรู้ว่ามาเจอกันต่อวันไหน
กลัวดวงใจลูกจะแยกแตกเป็นผง
วอนมารดาขอเมตตาปิตุรงค์
หนุนจำนงค้นหานลราชัย”
     ๏ รับภาระพระมารดาอาสาช่วย
เอื้ออำนวยทำการประสานให้
ภีมราชรู้เรื่องราวเข้าพระทัย
พระองค์ได้เรียกหาทิชาจารย์
     ๏ ผู้ตรวจตราปรางค์ปราสาทราชกิจ
ระดมพลรณฤทธิ์ทวยทหาร
คัดที่คล่องท่องแคว้นแดนกันดาร
และเหล่าพราหมณ์เชี่ยวชาญการเดินทาง
     ๏ ร่วมผนึกกำลังกันทั้งหลาย
ออกกระจายทั่วไปถึงไพรกว้าง
ทุกย่านบ้านกันดารใดไม่ละวาง
จนถึงกลางพาราทุกธานี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 ตุลาคม 2018, 08:35:AM

                                                            หน้า  ๑๑๐

 

    ๏ ผู้หมายใจไปดั้นด้นสืบค้นหา
ยามทูลลาคลาไคลออกไพรศรี
รับลำนำคำคมทมยันตี
เมื่อจรลีถึงแดนดินถิ่นใดใด
     ๏ “จงขับร้องท่องกลอนสุนทรว่า
(โอ้ยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน
แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป
ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน
    ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้
มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ
โอ้หงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์
คำที่บอกหลอกฉันหรือหงส์ทอง
     ๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์
สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง
เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง
เฝ้าร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ
     ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว
ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน
ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์
ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 ตุลาคม 2018, 08:38:AM


                                                             หน้า  ๑๑๑



     ๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก
เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ
แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ
ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง
        ๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว
ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง
สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง
อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ)
     ๏ ขับลำนำเพลงชีวีนี้ทุกหน
อารมณ์คนที่ฟังคำแล้วร่ำไห้
ขอให้เชื่อไว้ก่อนว่านลราชัย
จงเข้าไล่เลียงถามความเป็นมา
     ๏ อาจปลอมแปลงแต่งตนจนรูปชั่ว
หรือหมองมัวยากไร้อนาถา
ดูอาการมิใช่หมายกายา
เรื่องรูปร่างหน้าตามิสำคัญ
     ๏ ความแต่ต้นคนทั้งปวงมิล่วงรู้
นอกจากภูวนาถแลตัวฉัน
พบผู้มีทีท่าดังว่านั้น
สืบความอันเป็นมาสารพัด


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 ตุลาคม 2018, 08:39:AM



                                                             หน้า  ๑๑๒



     ๏ แล้วกลับมาพาราพลันเป็นการด่วน
เสนอคำสำนวนให้ถนัด
ฉันค่อยคิดวินิจฉัยความให้ชัด”
พระนางตรัสบทแบบอันแยบยล
     ๏ ครานั้นให้นายทหารออกควานหา
เหล่าพราหมณ์จาริกไปในทุกหน
ทั้งใกล้ไกลนอกในแดนแคว้นมณฑล
ออกสืบค้นพ้นพาราสู่อารัญ
     ๏ ขับลำนำคำกลอนจรทั่วทิศ
มิพบองค์ทรงฤทธิ์นลรังสรรค์
ไม่เกิดผลจนผ่านมานานครัน
ยังยืนยันพยายามตามต่อไป
     ๏ ผู้ฟังกลอนวอนกล่าวเขาซึ้งซ่าน
เพลงรักหวานกล่อมอารมณ์สมสมัย
หาคิดเห็นเป็นจริงจังแต่อย่างใด
มิรู้นัยแฝงไว้ในวาที
     ๏ ดัดแปลงศัพท์สำเนียงไปหลายภาษา
ตามลีลาเคยชินทุกถิ่นที่
เสริมสังคีตดีดพิณศิลป์ดนตรี
มิเห็นมีใครเศร้าคราวยินกลอน



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 ตุลาคม 2018, 04:05:PM


                                                              หน้า  ๑๑๓

    ๏ กาลล่วงมาทิชาจารย์ชาญฉลาด
ปรรณาท” ได้เค้าเรื่องราวก่อน
เข้ารายงานทมยันตีที่นคร
ตามขั้นตอนต่อเทวีวิลาวัลย์
     ๏ “ครั้งข้าบาทบทจรนครอื่น
ชนล้วนชื่นรสกวีที่ร้องนั่น
มิมีใครไห้หวนครวญรำพัน
ทุกเขตขัณฑ์สังเกตดีมิพบพาน
      ๏ ถึงมหานครบวรสมัย
อโยธยาเวียงชัยอันไพศาล
ฤตุบรรณราชาผู้เชี่ยวชาญ
เป็นเลิศการสกาลือชาไกล
     ๏ ขอเมตตาราชาท่านสรรค์สนอง
ประกาศก้องท้องพระโรงโอ่โถงใหญ่
ที่ประชุมเหล่าเสนาข้าวังใน
หมู่อำมาตย์ทั้งกรุงไกรมากมายครัน
     ๏ ในดวงจิตคิดว่าน่าได้ผล
เพราะมากคนสนใจจึงหมายมั่น
เปล่งเสียงดังกังวาน ณ กาลนั้น
ฤตุบรรณท่านก็พอพระทัย




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 ตุลาคม 2018, 04:09:PM
 

                                                              หน้า  ๑๑๔

     ๏ ลำนำกลอนตอนนั้นรำพันว่า
(โอ้ยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน
แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป
ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน
     ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้
มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ
โอ้หงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์
คำที่บอกหลอกฉันหรือหงส์ทอง
     ๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์
สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง
เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง
จนร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ
     ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว
ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน
ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์
ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม
     ๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก
เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ
แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ
ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 ตุลาคม 2018, 04:13:PM

                                                             หน้า  ๑๑๕



     ๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว
ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง
สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง
อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ)
     ๏ จบลำนำกำหนดตาจดจ้อง
ดูทั่วท้องพระโรงโอ่โถงใหญ่
คนดาษดื่นชื่นบานซ่านฤทัย
ล้วนยิ้มแย้มแจ่มใสใจเปรมปรีดิ์
     ๏ เหล่าเสนาอำมาตย์แออัดอยู่
พิศทุกผู้ซึ้งซ่านเกษมศรี
เหลียวแลไปไร้คนหม่นฤดี
จึงจรลีทูลลารีบคลาไคล
        ๏ ครั้นออกมาหน้าโรงราชรถ
เห็นกำสรดเพียงผู้หนึ่งจึงสงสัย
เข้าไปถามทราบนามว่าวาหุกไซร้
อัศวชาญชัยในธานี
     ๏ ด้วยปราดเปรื่องเรื่องโภชนาการ
ปรุงอาหารพระราชาอีกหน้าที่
แต่รูปชั่วทั่วกายาล้วนราคี
หน้าตามีแผลเกรอะกรังหนังหย่อนยาน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ตุลาคม 2018, 09:17:AM
                                                           หน้า  ๑๑๖

 
       
     ๏ ห่างลิบลับกับกายาความสามารถ
อันฉลาดรอบรู้อยู่หลายด้าน
หม่อมฉันเพ่งพิศดูอยู่เป็นนาน
จึงถามความร้าวรานนั้นฉันใด”
     ๏ (“ฉันเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า
ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน
โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย
แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก
     ๏ ผ้าเพียงกึ่งซึ่งให้ไว้ต่างหน้า
ต้องเอกากลางไพรทุกข์ใจหนัก
เมื่อผัวบ้าสการ้ายเหมือนคลายรัก
ใจเมียจักมิเคืองจิตนิดฤๅนา
     ๏ ทั้งที่ตนตกระกำชอกช้ำยิ่ง
แม่ยอดหญิงมิมีจิตคิดถือสา
ใจแม่นั้นเยี่ยงเทวัญบนชั้นฟ้า
ความดีแท้แลมาเป็นเกราะทอง”)
     ๏ “หม่อมฉันจำคำไว้ไม่แปรผัน
ดูโศกศัลย์ทุกข์ทนแสนหม่นหมอง
แม้แตกต่างทางกายเป็นก่ายกอง
แต่จำต้องถือสารามากราบทูล



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ตุลาคม 2018, 09:19:AM
                                                        หน้า  ๑๑๗


     ๏ อันพระนลรูปงามรู้นามทั่ว
มิมีใครพบตัวเหมือนสาบสูญ
แต่พระองค์ทรงธรรมเจิดจำรูญ
เทพเกื้อกูลต้องรอดชีพปลอดภัย”
     ๏ ทมยันตีฟังที่เอ่ยเฉลยพจน์
ครบทั้งหมดก็เชื่อครึ่งกึ่งสงสัย
ฤๅวาหุกนี้แหละหนาคือราชัย
เกิดมั่นใจขึ้นมาว่าจริงจัง
     ๏ จึงประทานรางวัลอันสมค่า
แก่ทิชาจารย์พราหมณ์ตามที่หวัง
แม้นเป็นผลคือพระนลจนคืนวัง
สุขสมดังหมายเดิมเพิ่มรางวัล
     ๏ ทมยันตีมีคำวอนมารดรท่าน
เริ่มแผนงานดังจิตที่คิดฝัน
ณ การณ์นี้งดทูลภีมราชัน
มิถึงขั้นกวนพระทัยไม่บังควร
     ๏ พระมารดาอนุญาตประกาศหา
สุเทพพราหมณ์เข้าพารามาโดยด่วน
ต่อหน้าพระมารดามาชี้ชวน
ตามกระบวนที่ตั้งจิตร่วมคิดการ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ตุลาคม 2018, 09:20:AM
                                                             หน้า  ๑๑๘



     ๏ “สุเทพพราหมณ์จงนำนัยนี้ไปสู่
ท้าวฤตุบรรณรับรู้ด้วยโวหาร
ความว่าข้าร้างคู่อยู่เนิ่นนาน
ขอประทานทวิสยมพร*
     ๏ แลขอเชิญราชันท่านพิเศษ
ด้วยมีเหตุนับถือกันแต่กาลก่อน
ทำเหมือนว่าส่งข่าวมาทุกนาคร
และวิงวอนขออภัยนัยเวลา
     ๏ เหลืออีกวันท่านเดินทางอย่างเร็วยิ่ง
รับผิดจริงที่เราส่งข่าวล่า
งานลับให้ใช้วาทะเจรจา
กรุณารับคำทำดั่งใจ”
     ๏ สุเทพพราหมณ์รับคำทำตามสั่ง
เดินทางยังอโยธยาใหญ่
กราบทูลท้าวฤตุบรรณชาญชัย
ความเป็นไปไม่เพี้ยนหรือเปลี่ยนแปลง
     ๏ เมื่อท่านทราบกราบลามิช้าอยู่
คล้ายมีผู้ต้องส่งข่าวคราวหลายแห่ง
บทบาทแบบแยบยลไม่ให้ระแวง
เมื่อสำแดงจบปั๊บลากลับพลัน



ทวิสยมพร*    สยมพรครั้งที่สอง


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 ตุลาคม 2018, 09:04:AM


                                                            หน้า  ๑๑๙


     ๏ ครั้นยินข่าวท้าวฤตุบรรณรีบผันผาย
มาหานายวาหุกกะทันหัน
“ไปเถิดเราเลือกเอาม้ามาด้วยกัน
งานสำคัญด่วนมากข้าอยากใช้
     ๏ ดังที่เจ้าเฝ้าถวายตัวไว้ว่า
ขับรถม้าปานลมกรดพูดปดไหม
เวลาน้อยเร็วเถิดหนาอย่าช้าไย
ร้อยโยชน์ไกลนักจึงถึงวิทรรภ์
     ๏ สรรเอาม้าครานี้ดีที่สุด
เร่งเร็วรุดวันหนึ่งถึงที่นั่น
ซึ่งยากนักที่จักไปได้เช่นนั้น
เจ้ายืนยันไว้กับข้าจึงน่าลอง”
     ๏ วาหุกถามความว่า “ไปการใดหรือ
วาระคือ สุข เศร้าเล่าจิตข้อง”
จึงท่านท้าวเล่าขยายดังใจปอง
“สยมพรครั้งที่สองทมยันตี
     ๏ ด้วยเหตุผลนลบดีสามีเก่า
ทอดทิ้งเขาให้ต้องหม่นหมองศรี
เป็นเวลาจะบรรจบครบสามปี
แต่งานนี้แจ้งข่าวมาล่าเหลือเกิน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 ตุลาคม 2018, 09:05:AM


                                                              หน้า  ๑๒๐

         
     ๏ การเดินทางสู่วิทรรภ์วันเดียวถึง
ต้องประหนึ่งรถม้าพาเหาะเหิน
รู้แล้วเจ้าอย่าช้าเจรจาเพลิน
ต้องดำเนินคัดม้าอาชาไนย”
     ๏ พระนลฟังยังอึ้งตะลึงคิด
โอ้มิ่งมิตรเป็นฉะนี้ได้ไฉน
สุดจะห้ามความวิโยคโศกอาลัย
ดวงฤทัยวุ่นวายหลายกังวล
     ๏ “โอ้จอมนางกลางใจในครานี้
ฤๅความดีสิ้นสายไร้กุศล
นาเรศแก้วร้าวเสียแล้วกลางกมล
ทำเช่นชนทั่วไปที่ใจทราม
     ๏ อาจวิโยคโศกศัลย์ฟั่นเฟือนนัก
หรือแค้นหนักผัวทิ้งหญิงถูกหยาม
ใจหนึ่งมั่นทมยันตียังดีงาม
มิเชื่อความตามว่าสัจจาจริง
     ๏ หรือนารีมีเล่ห์ลวงบ่วงล่อข้า
ให้หึงหวงรีบไปหามิช้านิ่ง
ดีร้ายนั้นฉันใดไม่ประวิง
ทั้งมิทิ้งสัญญากับราชัน”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21 ตุลาคม 2018, 05:06:PM
                                                 หน้า  ๑๒๑
   


     ๏ ฟังสิ้นศัพท์รับคำดำเนินกิจ
“พระทรงฤทธิ์โปรดเชื่อใจอย่าไหวหวั่น
จักขอนำพระองค์ไปให้จนทัน
เพียงหนึ่งวันเร่งบึ่งถึงกรุงไกร”
     ๏ เมื่อตกลงเวลากะทันหัน
รีบไปสรรเอาม้ามิช้าได้
ถึงอัศวศาลาของราชัย
ซึ่งภายในมีม้าเกินห้าร้อย
     ๏ วาหุกเข้าไปชิดพินิจหา
เดินไปหน้าหยุดยั้งบางครั้งถอย
คัดตัวดีได้สี่ม้ามายืนคอย
แต่ราชัยเคืองไม่น้อยคอยเกียดกัน
     ๏ “ข้าเห็นว่าอาชาดีมีอยู่หลาย
อันมีกายอ้วนล่ำกล้ามแข็งขัน
แลไฉนไม่เลือกมาเหล่าม้านั้น
คัดที่มันผอมเหมือนกะพยาธิกิน
     ๏ ถ้าเจ้าทำล้อเล่นอยู่เช่นนี้
การพิธีอันข้าหวังคงพังสิ้น
อับอายเขาเย้ายั่วทั่วธานินทร์
เมื่อเจ้ายินแล้วจักต้องตรองจงดี”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21 ตุลาคม 2018, 05:08:PM

                                                             หน้า  ๑๒๒



     ๏ วาหุกฟังดังว่ามากล่าวเน้น
“การล้อเล่นกับราชาหาใช่ที่
อันกิจซึ่งหม่อมฉันสรรพาชี
เหตุผลมีตามทักษะอัศวการ
     ๏ ม้าเหล่านี้ล้วนดีเลิศประเสริฐล้ำ
เกิดริมน้ำสินธูอู่สถาน
มิอ้วนพีแรงดียิ่งวิ่งทนนาน
รูนาสิกกว้างบานเปิดรับลม
     ๏ “ขวัญม้าดีถ้วนหนาหาได้ยาก
หนึ่งหน้าผากขวัญอยู่ดูเด่นสม
สองขวัญคู่อยู่กลางศีรษะกลม
อกซ้ายขวาเหนือราวนมสองขวัญไซร้
     ๏ ยังอีกสี่สีข้างฝั่งละสอง
โคนหางหนึ่งพึงมองแลเห็นได้
สิบขวัญแห่งอัศวการม้าชาญชัย
ที่เหลือใช้ความเชี่ยวชาญการบังคับ
     ๏ ฤๅพระองค์เห็นว่าอาชาไนย
พึงพอใจตัวอื่นมีที่งามสรรพ
เชิญพระองค์ทรงสรรหม่อมฉันรับ
มาผูกกับราชรถบทจร”




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21 ตุลาคม 2018, 05:14:PM
   
 
                                                             หน้า  ๑๒๓


  ๏ ราชาฟังดังแจงเหตุเป็นเด็ดขาด
ยอดวิชาอัศวราชมิอาจค่อน
กล่าวเห็นชอบตอบความตามสุนทร
มิเกี่ยงงอนแต่ไว้ท่าในพาที
    ๏ “เจ้ามั่นใจก็ไม่ห้ามตามที่ว่า
จักสรรม้าร่วมไว้มิใช่ที่
ถ้าเกิดไปไม่ทันในงานนี้
เจ้าโทษม้าข้ามิดีเสียปะไร”
     ๏ ในครานั้นพระนลคนรูปชั่ว
เมื่อเตรียมตัวจะผูกม้าหาได้ไม่
สี่ม้าคู้เข่านอนเหมือนอ่อนใจ
มิคึกคักเลยไฉนยอดพาชี
     ๏ วาหุกเดินเข้าไปใกล้ใบหน้า
มือสัมผัสกายาม้าทั้งสี่
แล้วเอื้อนเอ่ยสุนทรอ่อนหวานดี
จ๊ะจ๋ามีจำนรรจ์ฉันคนรัก
     ๏ สี่ม้ายืนขึ้นพลันสั่นหางหู
ร้องก้องอยู่ด้วยคึกเต้นกึกกัก
จึงผูกม้าเสร็จได้ไม่ช้านัก
จับสายชักสายขับกระชับพลัน
[/size]


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 ตุลาคม 2018, 10:38:AM
                                                          หน้า  ๑๒๔

     ๏ ขอราชาอนุญาตประกาศหา
ซึ่งนายวาร์ษไณยอยู่ใกล้นั่น
มาขึ้นรถเร็วไวไปด้วยกัน
เผื่อได้ช่วยหม่อมฉันขับรถทรง
     ๏ รถวิ่งแล่นลิ่วไปดังใจคิด
ด้วยมหิทธิเดชาพระนลส่ง
ดุจธนูจากแหล่งลำแสงตรง
ฝ่ารกพงมิพรั่นพรึงคำนึงใด
     ๏ วาร์ษไณยใคร่ครวญหวนรำลึก
ความรู้สึกกลางจิตคิดสงสัย
ดูลีลาวาหุกนี้ที่เป็นไป
เหมือนกันในเชิงทักษะของพระนล
     ๏ ฝีมือม้าคราอยู่กันนั้นบ่งชี้
ละเอียดล้วนถ้วนถี่มีเหตุผล
เกิดเหมือนกันฉันใดให้พิกล
มิพูดบ่นแต่คิดพลางกลางพนา
     ๏ ท้าวฤตุบรรณนั้นนั่งนึกกำหนด
ราชรถพุ่งไปไวแกล้วกล้า
ไม่ผิดคำที่เคยเอ่ยวาจา
องค์ราชาเพ่งพิศพินิจเพลิน



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 ตุลาคม 2018, 10:40:AM

                                                             หน้า  ๑๒๕
                                           
     ๏ “เออจริงนะวจีที่เปรียบไว้
รถพุ่งไวพลิ้วผ่านปานเหาะเหิน
ท่วงทีขับขยับกายงามหลายเกิน
สุดประเมินความสามารถอัศจรรย์
     ๏ ปรารถนาแห่งข้าวิชานี้
ขอโดยดีเขาจักให้เราไหมนั่น
ฤๅต้องใช้วิชามาแลกกัน
องค์ราชันครุ่นคิดจิตวุ่นวาย”
     ๏ ราชรถทะยานไปกลางไพรกว้าง
ถิ่นแถวทางเถื่อนทุ่งมุ่งที่หมาย
ข้ามเขาเขินเนินดินโดยง่ายดาย
ตะลุยสายธาราฝ่าพงรก
     ๏ กำลังม้าพารถมิลดหย่อน
สุรีย์รอนอ่อนแสงแรงไม่ตก
ราชันนึกตรึกในไวดั่งนก
จึงหยิบยกผ้าคลุมปล่อยลอยลมไป
     ๏ เรียกวาหุกให้สั่ง “รั้งม้าหยุด
อย่ารีบรนจนสุดนักก็ได้
ภูษิตอันพันอังสาข้าคลุมไว้
หลุดลอยไกลระยะพอประมาณ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 ตุลาคม 2018, 10:41:AM

                                                             หน้า  ๑๒๖

     ๏ รถเรารั้งรอไว้ไม่ต้องย้อน
พักม้าก่อนกินน้ำหญ้าหน้าละหาน
วาร์ษไณยไปเก็บมามิน่านาน”
ก็กระทำตามการที่บัญชา
     ๏ ยามเมื่อวาร์ษไณยคล้อยไปนั้น
องค์ราชันพลันเอ่ยเปรยขึ้นว่า
“อันปวงชนคนทั่วทั้งโลกา
ฤๅประสิทธิ์วิทยาได้มาครบ
     ๏ บุรุษใดใครเชี่ยวชาญทุกด้านถ้วน
บางสิ่งควรดีเด่นเรียนเจนจบ
หากศิษย์ครูคู่กันมาน่าเคารพ
เพื่อนที่คบรู้แจ้งอาจแบ่งปัน
     ๏ ต้นสมอพิเภกไพรกลุ่มไกลโน้น
จำนวนโคนห้าสิบแน่มิแปรผัน
นับเพียงใบแก่ทั้งกอเมื่อรวมกัน
สังขยา*ห้าโกฎิสรรเศษมิเอา
      ๏ ผลสมอทั้งกอใหญ่ได้แสนสี่
กิ่งใหญ่นั้นอันข้าชี้สองพันเก้า
หัวใจสกาใช้มิได้เดา
อยากรู้เจ้าจักเชื่อความตามนั้นฤๅ”


สังขยา*   การนับ,   การคำนวณ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ตุลาคม 2018, 01:52:PM
                                                      หน้า  ๑๒๗
       
     ๏ “ลูกสกาหามากสักเท่าใด
ยังทำให้เสียสินจวนสิ้นชื่อ
ผลสมออาจขอทายในกำมือ
ทั้งกิ่งคือใจมิเหลือที่เชื่อเลย
     ๏ ให้หม่อมฉันฟันกิ่งหนึ่งซึ่งท่านว่า
นับต่อหน้าสองคนผลเฉลย
จะตกลงดังจงใจได้ไหมเอย
ปรดอย่าเฉยนิ่งช้าพาเสียการ
     ๏ ปรัศนีที่ท่านพูดพิสูจน์ได้
จักมิใช้เวลาช้าเลยท่าน
ม้าได้พักแล้วจักโผนโจนทะยาน
มิเนิ่นนานถึงปลายทางโปรดวางใจ”
     ๏ “ถ้ากระนั้นฟันโดยไวอย่าได้ช้า
แล้วตรวจตรานับให้ดีมีเท่าไหร่
หากหล่นลงตรงโคนนั้นคราฟันไม้
จงนับไว้รวมกันตามกติกา
     ๏ ตกลงความตามใจที่หมายมั่น
วาหุกรีบไปฟันกิ่งพฤกษา
เริ่มนับพลันหวั่นเรื่องเปลืองเวลา
กองละห้าร้อยไล่ไปจนครบ



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ตุลาคม 2018, 01:54:PM

                                                             หน้า  ๑๒๘

     ๏ วาหุกถึงตะลึงหลงงงงันอยู่
ฤตุบรรณท่านถามดูผลประสบ
วาหุกหันมาระยอบนอบน้อมนบ
“ท่านเจนจบจริงถูกต้องมิพร่องเลย
     ๏ ยอดยิ่งนักจักมีใครในโลกนี้
วิชาดีอยากวานท่านเฉลย
หัวใจอาชาไนยให้ชดเชย
แลกเปลี่ยนกันท่านจงเอ่ยมาตามตรง”
     ๏ ใกล้เวลาสายัณห์ตะวันลับ
ต่างรีบรับด้วยจิตคิดประสงค์
“เริ่มหัวใจสกาข้าดำรง
หากจิตจงสังขยากีฬาคณิต
     ๏ ก่อนศึกษาวิชาดีมีข้อแม้
ต้องแน่วแน่จำนงจงในจิต
มิละโมบโลภหลายหมายฆาตมิตร
และมีสิทธิ์เพียงคราละหนึ่งครั้ง
     ๏ เมื่อหัวใจสกาขลังตั้งมั่นแล้ว
จักผ่องแผ้วในฤดีดังที่หวัง
ตัดสินใจไปตามจิตนิมิตภวังค์
มิพลาดพลั้งเป็นแน่แท้จริงเจียว


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ตุลาคม 2018, 01:55:PM

                                                            หน้า  ๑๒๙

        ๏ ชวนกันนั่งหลังโขดเขินเนินไศล
คาดมิให้ใครจ้องมาข้องเกี่ยว
ขีดเขียนดินโดยใช้กิ่งไม้เรียว
ประเดี๋ยวเดียวเสร็จสมอารมณ์ปอง
     ๏ ฤตุบรรณคะยั้นคะยอ “ขออย่าช้า
สอนให้ข้าเข้าใจไม่เป็นสอง
อันหัวใจอาชาคราเข้าครอง
ตามครรลองตรรกะไฉนกัน”
     ๏ วาหุกทูลราชาว่า “ข้าบาท
มิบังอาจโยกโย้มีโมหันธ์
ก็จักหมายขยายนัยใจม้านั้น
ความสำคัญแม้สักนิดมิปิดบัง
     ๏ หัวใจแห่งพาชีเมื่อมีผล
ข้ามชาติพันธุ์สัตว์คนเกิดมนต์ขลัง
อาชาที่ฝีเท้าเลิศเกิดพลัง
ความดุจดังมุ่งมั่นสรรม้ามา
     ๏ หลักสำคัญอันเน้นเป็นเอกอุ
คือบรรลุข้ามชาติพันธุ์ภาษา
มิคิดเห็นเป็นแต่แค่อาชา
เชื่อมใจกันมิฉันทาพาเลิศแล



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 ตุลาคม 2018, 01:08:PM
                                                           หน้า  ๑๓๐
 
     ๏ จุดประสงค์จำนงใดกล่าวให้แจ้ง
ช้าเร็วแรงสำแดงความตามกระแส
ถึงจุดจิตเชื่อมใจได้จริงแท้
ก็คือแง่แห่งตรรกะอัศวการ
     ๏ มีเคล็ดหนึ่งซึ่งพระองค์ต้องทรงคิด
ด้วยดวงจิตเป็นกุศลบนพื้นฐาน
เลี้ยงสมบูรณ์พูนพละอภิบาล
เมตตาทานนั่นคือทุนบุญความดี
     ๏ แล้วจึงชวนฤตุบรรณร่วมผันผาย
พากันย้ายจากเนินดินถิ่นไพรศรี
ออกดำเนินเดินไปหากลุ่มพาชี
ต่อพาทีอธิบายขยายนัย
     ๏ มือสัมผัสผิวกายใช้จิตส่ง
เจตจำนงที่เน้นเป็นไฉน
เคล็ดวิชาดังว่านั้นบรรยายไป
โดยมิให้ใครอื่นดูและรู้ความ
     ๏ เป็นครูศิษย์เสร็จสมหวังกันทั้งสอง
คลายหม่นหมองแห่งจินต์สิ้นคำถาม
วาร์ษไณยกลับมาเวลางาม
ฤตุบรรณนั้นได้ตามน้ำใจจง



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 ตุลาคม 2018, 01:09:PM

                                                             หน้า  ๑๓๑

 
    ๏ แต่วาหุกครานั้นมิทันย่าง
กลีออกจากร่างดังประสงค์
ดิ้นเร่าเร่าอยู่บนพื้นมิคืนทรง
“ขอเมตตาข้าพระองค์อย่าทำลาย
     ๏ ยอมต่อพระเมตตาบารมีท่าน
ข้าสุดจะทรมานเจ็บปวดหลาย
คำสาปทมยันตีมีฤทธิ์ร้าย
เข้ากล้ำกลายวิญญาณผลาญย่ำยี
     ๏ คาบที่สองต้องพิษฤทธิ์แรงร้อน
ดังกองฟอนสุมกายไม่อาจหนี
นั่นคือพิษรุนแรงแห่งนาคี
จนชีวีแทบมลายอยู่หลายครา
       ๏ และถึงคาบที่สามในยามนี้
พระองค์ได้วิชาดีมากมีค่า
คือหัวใจตรรกะแห่งสกา
ล้วนนำพาข้าแดดิ้นสิ้นพลัง
     ๏ บุญฤทธิ์อิทธิสร้างแต่ปางก่อน
ถูกลิดรอนมลายพ้นด้วยมนต์ขลัง
พระองค์ย่ำซ้ำก็ดิ้นสิ้นเอวัง
หากว่ายังเมตตาข้าขอจร”



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 ตุลาคม 2018, 01:11:PM
                                                           หน้า  ๑๓๒

   
  ๏ เมื่อพระนลมิมีจิตคิดจะปราบ
กลีกราบกระย่องกระแย่งเรี่ยวแรงอ่อน
แล้วลาลับวับไปในดงดอน
นลราชามาผ่อนร้อนกายใจ
     ๏ เหลือแต่รูปร่างกายภายนอกแล้ว
จิตราชันนั้นดั่งแก้วเปล่งแววใส
ดั่งร่างองค์เบาลงเสียกระไร
สำนึกได้ไร้อธรรมครอบงำครอง
      ๏ จึงรีบขึ้นไปนั่งเตรียมตั้งท่า
ขับอาชาต่อไปไม่หม่นหมอง
เถื่อนวิถีเหมือนมีใจให้สมปอง
สนธยาฟ้าทองถึงวิทรรภ์
     ๏ นายประตูผู้ใหญ่ครั้นได้พบ
เป็นคำรบที่มากะทันหัน
 รีบกราบทูลองค์ภีมราชัน
แล้วเชิญท้าวฤตุบรรณเข้าวังใน
      ๏ รถทะยานผ่านประตูสู่วังราช
กัมปนาทลั่นเลือนสะเทือนไหว
มีทั้งเสียงรถม้าที่คลาไคล
ม้าต้นของพระนลไซร้ประสานกัน



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 ตุลาคม 2018, 12:02:PM

                                                        หน้า  ๑๓๓
   
      ๏ อยู่ในโรงคงรู้ว่านายมานี่
เหล่าพาชีคะนองเสียงร้องลั่น
จากกันครานำบุตราบุตรีนั้น
งานสำคัญวาร์ษไณยรับใช้มา
      ๏ ราชรถบทจรมิหย่อนยั้ง
คล่องแคล่วดังรู้วิถีดีนักหนา
ทมยันตียินดีจนล้นอุรา
เฝ้าจับจ้องมองอยู่หน้าพระบัญชร
      ๏ ทั่ววังทองผ่องสีสันสวรรค์แสง
เจิดแจรง*เรืองจรัสประภัสสร
เหนือเมฆายินเสียงฟ้าประทานพร
มองอมรรุ่งอร่ามงามพิไล
     ๏ ที่สวนขวัญนกยูงงามรำแพนหาง
ร่ายรำอย่างสนุกสุขสดใส
ช้างลำพองร้องเสียงสังข์ดั่งอวยชัย
ทมยันตีมั่นใจในครานี้
      ๏ แม้นภัสดามิมาชมให้สมรัก
ไม่พบพักตร์ขององค์พระทรงศรี
ตัดสินใจไม่ขออยู่สู้ชีวี
จะขอพลีร่างให้พระเพลิงมลาน



แจรง*   กระจายออก,   ขยายออก


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 ตุลาคม 2018, 12:04:PM
 
                                                หน้า  ๑๓๔

 
    ๏ รำพึงใจใช่พระนลคนพูดปด
ทรยศต่อใครให้หักหาญ
สิ่งเลวทรามยามจิตดีมิแผ้วพาน
จะพิจารณ์ร้ายใครไม่เคยยิน
     ๏ พระทัยงามตามจิตจริตแท้
พระดูแลเมียดังหวังถวิล
ความจงรักมิจางใจไปจากจินต์
ตราบจนสิ้นชีวันจากกันไกล
     ๏ เทวีพิไรครวญป่วนในจิต
พบทรงสิทธิ์ชิดใกล้ได้ไฉน
 เป็นจริงจังดังคิดหรือผิดไป
ร้อนฤทัยระทมมิสมประดี
     ๏ ท้าวฤตุบรรณครั้นลงราชรถ
จุดกำหนดชานชาลาสารถี
เสด็จสู่ปราสาทในไม่รอรี
จึงท้าวภีมราชามาทักทาย
      ๏ มิได้รู้เบื้องลึกนึกฉงน
ถามเหตุผลที่แท้แก่สหาย
“ท่านรีบมาฉะนี้เหตุดีร้าย
ขอขยายให้แจ้งประจักษ์ใจ”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 31 ตุลาคม 2018, 12:05:PM

                                                      หน้า  ๑๓๕

      ๏ ครานั้นฤตุบรรณอันมีศักดิ์
ทรงฉลาดยิ่งนักด้วยรู้ได้
หากมีการสยมพรแน่นอนไซร้
เจ้ากษัตริย์น้อยใหญ่เต็มพารา
      ๏ พราหมณ์ทุกหมู่ผู้ชาญการพิธี
มาร่วมงานวันนี้มิพบหน้า
นึกคำนึงจึงเจ้าอโยธยา
เอ่ยความว่า “มาเยี่ยมองค์พระทรงธรรม์”
      ๏ ภีมราชก็รู้นัยว่าใช่ที่
อยู่ดีดีจะมาหาดังว่านั่น
 ร้อยโยชน์ไกลมิใช่ว่ามาเยี่ยมกัน
โดยไร้เหตุสำคัญอันบ่งชี้
       ๏ ชวนให้พักผ่อนกายหลายวันก่อน
นัยแฝงอยู่รู้แน่นอนมิอาจหนี
จึงเชิญเจ้าอโยธยาจอมธานี
“ขอจงมีสำราญพระหฤทัย”
      ๏ ครานั้นหนาวาหุกสารถี
นำพาชีสู่โถงโรงม้าใหญ่
ปลอบม้าเดิมที่พรากจากกันไกล
และม้าใหม่ให้ชินคุ้นกลิ่นกัน



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 พฤศจิกายน 2018, 01:00:PM
                                                       หน้า  ๑๓๖

 
     ๏ แล้วทำความสะอาดราชรถ
โศกกำสรดถึงเทวีฤดีสั่น
สยมพรที่ว่ามาก่อนนั้น
ดูเงียบงันมิจริงจังดังวจี
      ๏ ทมยันตีมีใจดั่งไฟร้อน
จะพักผ่อนนอนมิได้ใจเต้นถี่
หากพระนลจำแลงมาในครานี้
หาวิธีให้เผยร่างได้อย่างไร
      ๏ รับสั่งเรียกเกศินีสาวพี่เลี้ยง
มานั่งเคียงปรึกษาฟังปราศรัย
อยากรู้ซึ้งถึงวาหุกถ้วนทุกนัย
ต้องซักไซ้เค้าความตามกระบวน
     ๏ เกศินีพี่เลี้ยงผู้ฉลาด
ไปสัมภาษณ์วาหุกสิ้นทุกส่วน
ด้วยลีลาคารมอันสมควร
เรื่องมาด่วนอยากรู้เหตุเจตนา
     ๏ “สยมพรพิธีที่กล่าวขาน
ท้าวอโยธยาท่านหมายมาหา
ด้วยพระองค์ทรงฤทธิ์คิดเมตตา
ช่วยธิดาพ้นโศกวิโยคใจ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 พฤศจิกายน 2018, 01:02:PM
                                                             หน้า  ๑๓๗
                                                               
     ๏ รู้ข่าวดีที่เวลากะทันหัน
มาเร็วพลันมิแวะวนแห่งหนไหน
วันเดียวบึ่งถึงวิทรรภ์พร้อมท้าวไท
ความเป็นไปทุกส่วนล้วนสัจจริง”
     ๏ ครานั้นนางเกศินีฟังที่เล่า
เริ่มซักเค้าความทั้งหลายไปทุกสิ่ง
“สารถีที่ตามมาน่าติติง
เขาเคยทิ้งพระนลหนีพ้นไกล”
     ๏ “พระนลผิดติดสกาเป็นบ้าคลั่ง
จะอินังการอาชาก็หาไม่
เขามีนามว่านายวาร์ษไณย
เคยรับใช้การอัศวพระนล”
     ๏ “เขารู้แหล่งแห่งหนพระนลหาย
หลีกเร้นกายจากไปกลางไพรสณฑ์
หรือรู้ที่แอบแฝงแหล่งตำบล
พระทรงพลซ่อนกายได้เนานาน”
     ๏ “เขามิรู้ความใดในสิ่งนี้
เมื่อพระนลมิมีการประสาน
คงอัดอั้นตันใจในการงาน
ฉะนั้นถึงไปพึ่งท่านฤตุบรรณ”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 พฤศจิกายน 2018, 01:03:PM
                                                     หน้า  ๑๓๘

 
     ๏ “อยากจะถามความท่านถึงกาลย้อน
เคยพบพราหมณ์ร้องกลอนก่อนไหมนั่น
เนื้อเพลงกลอนซ่อนนัยไว้สำคัญ
เคยยินคำรำพันว่าฉันใด”
     ๏ ด้วยหม่นหมองวาหุกร้องกลอนขึ้นว่า
“พ่อยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน
แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป
ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน
      ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้
มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ
โอ้หงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์
คำที่บอกหลอกฉันหรือหงส์ทอง
     ๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์
สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง
เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง
เฝ้าร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ
      ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว
ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน
ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์
ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 03 พฤศจิกายน 2018, 12:06:PM
                                                      หน้า  ๑๓๙
   
     ๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก
เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ
แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ
ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง
     ๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว
ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง
สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง
อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ”)
      ๏ ยามวาหุกร้องกลอนในตอนนั้น
อกตื้นตันอัสสุชลล้นรินไหล
จำสะอื้นฝืนว่าด้วยอาลัย
เกศินีเข้าใกล้จ้องไม่วาง
     ๏ เห็นโศกศัลย์นั้นยิ่งเหมือนจริงแท้
จากดวงแดมิแสร้งแกล้งหมองหมาง
จึงถามย้ำคำที่ว่าอย่าอำพราง
“อันความอย่างตอบพราหมณ์มาว่าฉันใด”
     ๏ (“ฉันเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า
ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน
โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย
แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 03 พฤศจิกายน 2018, 12:13:PM
                                                      หน้า  ๑๔๐

 
    ๏ ผ้าเพียงกึ่งซึ่งให้ไว้ต่างหน้า
ต้องเอกากลางไพรทุกข์ใจหนัก
เมื่อผัวบ้าสการ้ายเหมือนคลายรัก
ใจเมียจักมิเคืองจิตนิดฤๅนา
     ๏ ทั้งที่ตกระกำชอกช้ำยิ่ง
แม่ยอดหญิงมิมีจิตคิดถือสา
ใจแม่นั้นเยี่ยงเทวัญบนชั้นฟ้า
ความดีแท้แลมาเป็นเกราะทอง”)
     ๏ ย้อนคิดย้ำซ้ำกล่าวเล่าหลายหน
เหมือนเร้ารุกทุกข์ทนเพิ่มหม่นหมอง
ผินหน้าพ้นชลนัยน์หลั่งไหลนอง
การจับจ้องเกศินีมิละตา
     ๏ น่าสงสัยใช่สะท้อนเพียงกลอนนั้น
ความจาบัลย์จากกมลตนมากกว่า
เหมือนพระนลตัวตนแท้แค่วาจา
แต่กายาต่างกันจนเกินการ
     ๏ ก่อนกลับหลังสั่งความคำยั่วเย้า
“จะโศกเศร้าเกินไปแล้วไหมท่าน
ตัวพระนลยังทนได้หายไปนาน
มิสงสารทมยันตีนี่กระไร


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 พฤศจิกายน 2018, 05:03:PM
                                                       หน้า  ๑๔๑

     ๏ ท่านหยุดยั้งรอฟังข่าวคราวตรงนี้
ฉันจักทูลทมยันตีที่ถามไถ่
หากพระนางยังต้องการความอันใด
รบกวนท่านขานไขให้อีกครา”
     ๏ ก่อนจะลาครานั้นนางเกศินี
ดูถ้วนถี่ไปทั้งปวงทุกท่วงท่า
ครบถ้วนคำจำจดพจนา
ทุกลีลาอารมณ์ทั้งชมชัง
     ๏ เมื่อมาถึงจึงบังคมก้มเกศี
กราบทูลทมยันตีตามที่สั่ง
เป็นความจริงทุกสิ่งไปไม่ปิดบัง
จึงสมดังพระนางไว้วางใจ
     ๏ เล่าความนั้นอันวาหุกตอบทุกถ้อย
“ช่างเรียงร้อยมิสะดุดหยุดตรงไหน
เช่นราชาพระนลภูวไนย
หม่อมฉันเคลิบเคลิ้มไปใช่จริงจัง
     ๏ ครั้นตอบความตามที่ให้พราหมณ์ไว้นั้น
มิผิดผันไปจากจิตที่คิดหวัง
อักขระวลีมิมีพลั้ง
แม้กระทั่งวรรคตอนแห่งกลอนเพลง




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 พฤศจิกายน 2018, 05:05:PM
                                                 หน้า  ๑๔๒
         
 
  ๏ เห็นหม่นหมองต้องหลบหน้ากลบเกลื่อน
หม่อมฉันเตือนด้วยคำถามความเร้าเร่ง
จี้ตอกย้ำว่าโศกคำร่ำบรรเลง
เพื่อตนเองหรือโศกแสนแทนพระนล
     ๏ เขามิได้ตอบคำอ้ำอึ้งอยู่
หม่อมฉันดูแล้วเห็นน่าเป็นผล
ผิดแปลกแท้แต่กายีที่พิกล
ด้านอื่นใดไม่น่าพ้นพระภูมินทร์
      ๏ ยังสำทับก่อนกลับหลังสั่งความไว้
สิ่งพะวงสงสัยยังไม่สิ้น
จะย้อนมาถ้ายังหมองข้องใจจินต์
ขออย่าลาจากธานินทร์สู่ถิ่นใด”
     ๏ ใคร่ครวญความตามเกศินีกล่าว
บางเรื่องราวหายคลุมเครือเชื่อว่าใช่
แต่หลายข้อที่ยังข้องหมองดวงใจ
จักชำระกระไรต่อไปดี
     ๏ คิดแนวทางได้อย่างหนึ่งจึงเอ่ยว่า
“เกศินีช่วยเถิดหนาอย่าหน่ายหนี
ไปอีกครั้งตั้งตาในครานี้
ให้แอบดูท่าทีใกล้ที่นั้น


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 พฤศจิกายน 2018, 05:06:PM
                                                       หน้า  ๑๔๓
 
 
   ๏ สั่งข้าไทไม่อำนวยห้ามช่วยเหลือ
การโอบเอื้อทั้งหมดงดแข็งขัน
ปล่อยให้ช่วยตนเองทุกสิ่งอัน
การสำคัญนี้ย้ำเรื่องน้ำไฟ
     ๏ เจ้าจงมองให้มั่นมิหันห่าง
ทุกท่าทางกระทำต้องจำได้
เห็นพิกลต่างจากคนอื่นทั่วไป
ดุจเทพไทรีบมุ่งหน้ามารายงาน
     ๏ ครานั้นนางเกศินีหน้าที่อยู่
คอยเป็นผู้เฝ้าระวังดั่งบรรหาร
ตากำหนดจดจ้องมองอาการ
ระยะก็พอประมาณมิกวนใจ
     ๏ เห็นกระทำสิ่งสำคัญอันชอบกล
ต่างจากคนสามัญนั้นทำได้
รีบกลับมารายงานอย่างทันใด
ตามเป็นไปเห็นกับตากล้ายืนยัน
     ๏ “หม่อมฉันดูอยู่มิไกลมิใกล้มาก
และมิอยากจะให้ใครเห็นฉัน
จนได้สบภาวะอัศจรรย์
ดุจเทวัญท่านดลด้วยมนตรา



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2018, 02:00:PM
                                                            หน้า  ๑๔๔

     ๏ เขาทำการโภชนาอีกหน้าที่
ฝีมือดีปรุงเครื่องต้นรสเลิศหล้า
ต้องพระทัยเจ้ากรุงอโยธยา
เมื่อทำการโภชนาพาตะลึง
   ๏ ทั้งเนื้อปลาเนื้อสัตว์ที่คัดสรร
ใส่หม้อนั้นเหมาะสมแกงต้มนึ่ง
แค่ตาจ้องมองหม้อนึกคำนึง
ไยน้ำจึงเต็มหม้อขึ้นมาพลัน
      ๏ หยิบฟางแห้งกรอบแดงอยู่ชูขึ้นฟ้า
ไฟลุกมาให้เห็นกะทันหัน
ยื่นใส่เตาเป่าเปลวไฟจนไร้ควัน
ทำการฉันอัคคีเย็นดีจริง
     ๏ กองดอกไม้ใช้เก่าเฉาแห้งอยู่
เขาผ่านดูพลันดีสีสดยิ่ง
กลิ่นโชยฉมชวนดมมากจากที่ทิ้ง
เห็นหลายสิ่งอัศจรรย์พันลึกดี
     ๏ กระทำการอันใดฉับไวแสน
มิคลอนแคลนมั่นคงตรงหน้าที่
อันกิริยาทั้งหลายได้กล่าวนี้
ถ้วนวจีเป็นสัจจังดังรายงาน



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2018, 02:02:PM
 
                                                       หน้า๑๔๕

     ๏ ทมยันตียินคำพร่ำเฉลย
สิ่งที่คิดมิผิดเลยกับเล่าขาน
ยินคำพรเทวะแปดประการ
สิ่งบันดาลประสิทธิ์เทพฤทธา
     ๏ คือองค์อัคนีเทพนั้น
ให้พรแห่งเทวัญอันเลิศหล้า
ตรัสเรียกไฟได้ดังตั้งจินดา
ทัณฑธรเทวาให้รสล้ำ
     ๏ ผู้ใดกินอาหารท่านปรุงแล้ว
มิคลาดแคล้วปลาบปลื้มใจดื่มด่ำ
พระวรุณมอบพรให้ไว้เรียกน้ำ
แลอีกคำใกล้มาลีมิโรยรา”
     ๏ คิดข้อที่พิสูจน์ได้หวังให้ชัด
เกศินีรับปฏิบัติเหมือนดังว่า
ให้ไปจ้องมองจังหวะพระเผลอตา
หยิบชิ้นเนื้อหรือปลาหลังปรุงดี
     ๏ รีบเอามาข้าจักชิมลองลิ้มรส
เคยชินอยู่รู้หมดรสกลิ่นสี
ในครานั้นแลนางเกศินี
เริ่มทำงานทันทีไม่รอช้า




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2018, 02:04:PM
                                                      หน้า  ๑๔๖
 
 
   ๏ พระเผลอไผลจึงได้ฉวยเนื้อชิ้นน้อย
แล้วค่อยค่อยย่องหนีมิพบหน้า
อย่างเร็วไวไปถวายพระธิดา
ยังอุ่นอุ่นจึงชายาเสวยพลัน
     ๏ จึงเผลอจิตกรีดร้องก้องปราสาท
ใช่แน่พระนลนาถผู้เสกสรร
รสชาตินี้คุ้นนักหนามานานวัน
มิผิดผันเที่ยงแท้แน่จริงเจียว
     ๏ หลายหลายสิ่งจริงจังสมดังคิด
ค่อยทอนจิตเรรวนชวนเฉลียว
พระรักบุตรสุดชมอย่างกลมเกลียว
อีกสิ่งเดียวจักเกิดการณ์เป็นฉันใด
     ๏ ให้เรียกหาบุตราบุตรีเฝ้า
“เกศินีพาสองเจ้าทำงานใหญ่
นิ่งเฉยนะเขาจะว่ามาอย่างไร
ฤๅล่วงเกินกายใจให้พึงทน”
     ๏ “พร้อมแล้วนำลูกเราเจ้าทั้งสอง
ไปเพื่อลองใจดูคงรู้ผล
ถ้ารักลูกผูกพันนั้นพระนล
ใจดำจนหมางเมินก็เกินการ”



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 พฤศจิกายน 2018, 01:37:PM
                                                        หน้า  ๑๔๗
 
     ๏ เกศินีจึงนำราชนัดดา
ไปถึงหน้าวาหุกพลันตามบรรหาร
มิให้ทันเตรียมตนกมลมาน
ดันสองหลานเข้าไปหามิช้าที
     ๏ พระนลในร่างร้ายได้พบพักตร์ 
บุตรสุดรักอินทรเสนพระโฉมศรี
และอินทรเสนากุมารี
เกิดปรีดีปลาบปลื้มถึงลืมตน
     ๏ เข้าโอบกอดจุมพิตด้วยคิดถึง
สุชลจึงนองหน้ามาอีกหน
“โอ้ลูกจ๋าพ่อทำตัวชั่วเกินคน
หมางกมลลูกไกลแต่วัยเยาว์”
     ๏ เกศินีถาม “ความนั้นเป็นไฉน”
จึงตกใจว่า “โศกซึ้งถึงกาลเก่า
จำพรากบุตรธิดามานานเนา
ขอโทษเราเผลอใจไปจริงจริง”
     ๏ เกศินีจึงพานัดดากลับ
ทูลความกับทมยันตีสิ้นทุกสิ่ง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยใดไม่มีทิ้ง
เหมือนกันยิ่งกิริยาทุกท่าที


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 พฤศจิกายน 2018, 01:39:PM
                                                       หน้า  ๑๔๘

 
  ๏ การณ์ทั้งหลายได้กำหนดบทพิสูจน์
ทุกคำพูดกระทำใดไม่หลีกหนี
ตระหนักแน่แท้ตัวตนนลบดี
นำเรื่องนี้ทูลท่านพระมารดร
     ๏ ลำดับความตามเดิมแต่เริ่มต้น
วาหุกหรือคือพระนลอดิศร
พิสูจน์ได้ไม่คิดผิดแน่นอน
วานวิงวอนพระบิดาโปรดปรานี
     ๏ ขอพระอนุญาตให้ไปหา
หรือบัญชานำเขาเข้ามานี่
หม่อมฉันจะเจรจาวอนวจี
ขอภูมีเฉลยเผยพระองค์
     ๏ พระมารดาทูลราชาภีมราช
ทรงประกาศให้เข้าวังดังประสงค์
กองวังทำตามนั้นเป็นมั่นคง
เชิญดำรัสปิตุรงค์มุ่งตรงไป
     ๏ ให้วาหุกเข้ามายังเขตวังรัตน์
อันจะข้องจะขัดย่อมมิได้
ครานั้นนลราชาจึงคลาไคล
ต่อเยื่อใยอนงค์องค์ชายา



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 พฤศจิกายน 2018, 01:40:PM
                                                           หน้า   ๑๔๙

     ๏ ครั้นพระนลผู้ร่างร้ายได้มานั่ง
เหมือนจังงังเมื่อราชันประจันหน้า
พระพักตร์แม่หมองหม่นจนผิดตา
ห่มผ้ากาษายวัสตร์ตัดฤทัย
     ๏ ให้รู้เห็นเป็นหญิงหม้ายผัวหายสูญ
ดูอาดูรทุกข์ทนเหลือหม่นไหม้
คำนึงครวญหวนโศกวิโยคใจ
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรู
     ๏ ทมยันตีมีใจในส่วนลึก
ยิ่งรู้สึกกำสรดแสนหดหู่
เมื่อได้จ้องมองนัยนาดู
เหมือนหยั่งรู้วูบวาบปลาบฤดี
     ๏ โอ้พระองค์จำนงใดไม่เผยร่าง
เคืองระคางสยมพรก่อนมานี่
หรือมีเรื่องเคืองใดอยู่ในที
หรือกรรมมีให้กายร้ายทั้งปวง
     ๏ สุดจะกลั้นสุชลหล่นรินไหล
หัวอกสั่นหวั่นไหวอย่างใหญ่หลวง
ต่างคนต่างตื้นตันอัดอั้นทรวง
ทั้งสองดวงฤดีสิ้นปรีดา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 พฤศจิกายน 2018, 09:38:AM
                       หน้า  ๑๕๐
     
     ๏ ครั้นเมื่อทมยันตีมีสติ
ตามดำริเริ่มตัดพ้อพร้อมต่อว่า
“ขอเถิดนะสารถีมีปัญญา
ตอบวาจาตามสัจจะอย่าประวิง
     ๏ อันชายใดได้ชื่อว่าซื่อนัก
แลถือหลักเที่ยงธรรมล้ำเลิศยิ่ง
สัญญาไว้ให้ประจักษ์ว่ารักจริง
แล้วทอดทิ้งเมียอ้างว้างอยู่กลางไพร
     ๏ คงเป็นคนใจดำทำเช่นนี้
ฤๅเมียที่อยู่ชิดผิดตรงไหน
ปล่อยเมียทุกข์ระทมตรมฤทัย
พร่ำเรียกผัวทั่วไพรพนาวัน
       ๏ เชื่อหรือไม่ชายใจดำที่พร่ำหา
คือพระนลราชาฟ้ารังสรรค์
พระลืมเลือนเหมือนไม่ใช่คู่กัน
เสียแรงฉันจงรักมั่นภักดี
     ๏ ต่อหน้าองค์เทวาสัญญาไว้
จะรักมั่นมิให้เมียเสียศรี
รักยืนนานตราบวันสิ้นชีวี
พระมิมีสัจจาดังว่าเลย”



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 พฤศจิกายน 2018, 09:39:AM
                                                           หน้า  ๑๕๑

     ๏ จะตัดพ้อต่อไปมิไหวแน่
ปวดดวงแดทุกวจีที่เอื้อนเอ่ย
ชลนัยน์ไม่หยุดสุดเปรียบเปรย
จึงทรามเชยนิ่งสงบหลบสายตา
     ๏ พระฟังคำรำพันอัดอั้นจิต
ขืนปกปิดบังกายคล้ายมุสา
จึงกล่าวคำพร่ำเฉลยเผยวาจา
“ใจร้ายจริงทิ้งชายาทมยันตี
     ๏ เพราะมิรู้ตัวตนจนทำผิด
กลีร้ายแรงฤทธิ์สิงจิตพี่
ตั้งแต่การคลั่งสกาเสียธานี
สิ้นราศีสูญทรัพย์แทบอับปาง
   ๏ มันหมายให้เราสิ้นรักหักสวาท
จนตัดขาดแยกไกลใจหมองหมาง
ทมยันตีมีใจไม่ราร้าง
ตามมากลางพนาวันมันยิ่งแค้น
     ๏ คราเมื่อทมยันตีมีคำแช่ง
กลีเริ่มอ่อนแรงไม่โลดแล่น
พอนาคีกัดพี่ที่ดงแดน
พิษร้ายเผากลีแทนร้อนสุดทน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 พฤศจิกายน 2018, 09:41:AM
                                                         หน้า  ๑๕๒

 
   ๏ ครั้นพี่ได้หัวใจสกาขลัง
สิ้นพลังออกจากกายบุญให้ผล
แต่กลางทางที่มานี้พี่จึงพ้น
เป็นตัวตนเหมือนเกิดใหม่ได้อีกครา”
     ๏ “อย่าคิดไปว่าใจพี่นี้มิช้ำ
แสนระกำคั่งแค้นแน่นนักหนา
มิเคยจะลืมอนงค์องค์ชายา
ยิ่งแก้วตารักหวงดวงฤทัย
     ๏ และช้ำหนักยิ่งกว่าในครานี้
เมื่อทมยันตีคิดมีใหม่
ป่าวร้องให้ต้องอายกระจายไกล
ช่างกระไรสองหรือสมสยมพร
     ๏ พระมารดาแลราชาภีมราช
มิบังอาจต่อว่าแต่น่าสอน
มิให้น้องหมองมัวทั่วนาคร
ใดจะร้อนเท่าอกผัวผู้ชั่วช้า”
     ๏ ครานั้นทมยันตีฤดีร้าว
ฟังคำกล่าวขื่นขมนั่งก้มหน้า
เมื่อยินความตามพระพจนา
คำพ้อพากายสั่นสะท้านไป


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 พฤศจิกายน 2018, 11:10:AM
                                                     หน้า  ๑๕๓

 
  ๏ จำกล้ำกลืนยืนยันเสียงสั่นเครือ
“ฤๅพี่เชื่อว่าน้องชั่วเช่นนั้นได้
มิมีจิตคิดคดกบฏใจ
ตราบบรรลัยก็อย่าหวังเป็นดังนั้น
     ๏ อนาถเหลือพี่มาเชื่อว่าน้องชั่ว
กระทำตัวปานว่าหญิงก๋ากั่น
เสียแรงที่มิเลือกองค์วงศ์เทวัญ
มารักมั่นทุ่มใจให้พระนล
   ๏  ทิ้งให้น้องร้องให้ใจแทบขาด
อยู่ในป่ามิสามารถรู้แห่งหน
ถึงมรรคาพบพ่อค้าทุรชน
ก็รวมตนกันจะมาฆ่าให้ตาย
     ๏ จนเร่ร่อนลุนครธรรมเจที
พระชนนีมีเมตตามากล้นกลาย
ให้อยู่วังตั้งหลักพักผ่อนกาย
ช่วยตามหาพระฤๅสายอลวน
     ๏ กลับวิทรรภ์ผลักดันให้พราหมณ์ไปหา
ภัสดาที่หายกลางไพรสณฑ์
ฝากลำนำความนัยให้ทุกคน
เฝ้ารอจนพราหมณ์ปรรณาทมา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 พฤศจิกายน 2018, 11:12:AM
                                                   หน้า  ๑๕๔
   
 
    ๏ แล้วเล่าความตามนัยสารถี
โศกโศกีตอบคำที่พร่ำว่า
เมื่อน้องได้ครวญคิดพิจารณา
ความนั้นพาเชื่อถือคือพระองค์
     ๏ ออกอุบายให้เน้นเป็นความลับ
พระบิดามิสดับกับเสริมส่ง
ทั้งสิ้นนี้ที่ทำเจตจำนง
มุ่งประสงค์พบหน้านลราชัย
     ๏ ซักซ้อมพราหมณ์ยามแสดงต้องแข็งขัน
มิให้ท้าวฤตุบรรณนั้นสงสัย
สุเทพพราหมณ์ทำดังที่ตั้งใจ
คิดตามกลคนทั่วไปได้รู้กัน
     ๏ ด้วยสำแดงว่าแจ้งข่าวเล่าขานทั่ว
มาบอกให้รู้ตัวกะทันหัน
รู้ร้อยโยชน์ระยะทางที่ห่างนั้น
ชั่วหนึ่งวันมาทันเพียงพระทรงพล”
     ๏ “ชีวิตนี้มีรักหนึ่งตราตรึงจิต
มิมีคิดกักขฬะอกุศล
ไม่จริงจังดังแถลงแจ้งยุบล
ขอให้กายมลายป่นในพริบตา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 พฤศจิกายน 2018, 11:13:AM
                                                            หน้า  ๑๕๕ 

 
    ๏ ไหว้วิงวอนปวงเทวัญอันสูงส่ง
ขอโปรดจงเป็นพยานเถิดท่านขา
หากคิดคดกบฏรักภัสดา
ขอสายฟ้าฟาดลงปลงชีวัน
     ๏ ไหว้วอนองค์เทวินทร์พระอินทร์ท่าน
เป็นพยานวาจากระหม่อมฉัน
โอมสาธุถ้ามุสาใจอาธรรม์
จงสาปให้อาสัญเทพบันดล”
     ๏ เมื่อยลยินถึงอินทราเทวราช
คำประกาศทมยันตีก็มีผล
เสียงแห่งฟ้าเทวาพร้องก้องสกล
จากเวหนบรรหารกังวานไกล
     ๏ “ดูราพระนลวิมลรัตน์
เป็นคำสัจทุกอย่างนางขานไข
คงจงรักภักดีมิปันใจ
มิเคยได้ทำตนเปื้อนมลทิน
     ๏ ทั้งสามปีที่กาลผ่านมานี้
กรรมอันมีทุกบทจบหมดสิ้น
เลิกกังขาอย่าสับสนนลบดินทร์
วางชีวินสุขสราญสืบสานไป”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2018, 08:53:AM

                                                             หน้า  ๑๕๖

      ๏ คำยืนยันด้านกุศลโลกยลยิน
อันองค์อินทราธิราชประสาทให้
จบลงแล้วเทพทั่วฟ้าเทวาลัย
โปรยดอกไม้บุปผาสุมามาลย์
     ๏ เสียงบรรเลงเพลงสวรรค์สนั่นก้อง
ท่วงทำนองเสนาะไพเราะหวาน
ชาวประชาพาชื่นรื่นสราญ
จัดพุ่มพานสักการะถวายพระพร
      ๏ ทั้งสององค์ก้มลงกราบปลาบปลื้มจิต
พระมหินท์มหิทธิอดิศร
ทมยันตีก้มพนมกร
วางอาวรณ์เริ่มชีวีมีชีวา
      ๏ ขอบพระคุณเทวาฟ้าสวรรค์
ผู้สร้างสรรค์สุกใสให้โลกหล้า
ทรงปกปักษ์รักษ์คนดีมีเมตตา
ลิขิตฟ้ามิเอนเอียงคงเที่ยงธรรม
     ๏ ผู้สร้างสรรค์กุศลผลกรรมดี
หนุนชีวีมีชัยไม่ตกต่ำ
เมื่อทำผิดพลาดไปชดใช้กรรม
ชนพึงพร้อมน้อมนำคำพระพุทธ


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2018, 08:55:AM
                                                           หน้า  ๑๕๗

 
    ๏ หลักของกรรมสำคัญนั้นจริงแท้
มิแปรผันคงเดชวิเศษสุด
พึงสำนึกมั่นไว้ในใจมนุษย์
คือมงกุฎแห่งธรรมพุทธสำแดง
      ๏ ทมยันตีนึกขึ้นได้ใคร่เห็นหน้า
จึงกล่าววอนอ้อนว่า “อย่ากลั่นแกล้ง
ให้น้องรอจนระโหยราโรยแรง
ขอสำแดงรูปที่รักประจักษ์ใจ”
     ๏ พระนลยินผินพักตร์มาว่า “เมียพี่
ต่อแต่นี้สิ้นทุกข์สุขสดใส”
แล้วนำผ้าทิพย์นุ่มคลุมองค์ไว้
หวนฤทัยนบน้อมจอมนาคี
     ๏ ผ้าทิพย์หายกลายเห็นเป็นนลราช
พักตร์ผุดผาดผิวพรรณวรรณฉวี
มิผิดเพี้ยนเปลี่ยนใดสดใสดี
ทมยันตีตื่นตาผวาไป
     ๏ สิ้นระกำพร่ำพรอดกอดพระบาท
นารีนาถคร่ำครวญหวนร่ำไห้
สุดปลาบปลื้มดื่มด่ำพร่ำพิไร
เฝ้าชมโฉมโลมไล้ไม่ห่างกัน



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2018, 08:57:AM
                                                           หน้า  ๑๕๘
         
 
    ๏ พระจุมพิตสนิทยอดเสน่หา
ขวัญจงมาจูบประทับขอรับขวัญ
เอ่ยวาจาสายตาช้อนอ้อนรำพัน
แล้วผายผันสู่ห้องสองลูกยา
     ๏ “สองลูกเราเจ้าพระคุณผู้บุญปลูก
พ่อแม่ลูกชิดใกล้ได้พร้อมหน้า
แต่นี้ไปจะไม่พรากจากไกลตา”
กอดบุตราบุตรีมิเว้นวาง
      ๏ ทมยันตีชวนพระองค์สรงสนาน
ให้ชื่นบานหัวใจใสสว่าง
พระพิศมองกันและรำพันพลาง
“โอ้น้องนางพี่ซูบหม่นจนเหลือใจ”
     ๏ พระระทมซมซบลงตรงกลางทรวง
สุดาดวงผิวเคยผ่องดูหมองไหม้
ช่วยต่อตอบปลอบประคองสองฤทัย
คลายโศกาอาลัยหายกังวล
     ๏ สองพระนางต่างพลอดหยอดคำหวาน
รอมานานการได้กอดกันอีกหน
พระแนบชิดสนิทเนื้อนิรมล
สวาทล้นอุราพระภูวไนย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2018, 01:37:PM
                                                           หน้า  ๑๕๙
 
     ๏ ดั่งโลกแล้งแห้งเหือดมหรรณพ
โศกซมซบสิ้นสีมิสดใส
พระพิรุณโรยรายโปรยปรายไป
ชโลมไล้ให้ชื่นทั้งปฐพี
     ๏ คนยามสิ้นเสน่หาคราร้างรัก
ทรวงแล้งหนักร้อนในไร้สุขี
เมื่อรักคืนจึงชมสมชีวี
สุขฤดีทรวงชิดสนิททรวง
     ๏ ภิรมย์รื่นคืนวันมิหันห่าง
พร่ำพลอดพลางถามตอบมอบรักหวง
ผลัดกันเล่าความหลังไปทั้งปวง
ครั้งลาล่วงแรมร้างอยู่กลางดง
     ๏ คนห่างไกลไร้คู่อยู่เคียงชิด
กลับสนิทต่างสนองปองประสงค์
สวรรค์สวาทพิลาสพิไลสมใจจง
แนบสนิทชิดอนงค์ทั้งราตรี
     ๏ ครั้นรุ่งสางสว่างแสงแห่งตะวัน
นลราชันชวนชายามารศรี
ขึ้นวังราชกราบบาทบุพการี
เอกองค์ภีมราชะพระมารดร



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2018, 01:39:PM
                                                         หน้า  ๑๖๐

     ๏ พระนลลงกราบก้มบังคมบาท
พร้อมนุชนาฏทมยันตีศรีสมร
สารภาพทำหยาบช้าลือนาคร
พร้อมรับพรจากภีมะราชา
     ๏ “พระเมตตาปรานีที่ยิ่งแล้ว
มิคลาดแคล้วกลับมาพบประสบหน้า
ขอประทานอภัยพระบิดา
ที่แล้วมาความผิดนั้นมหันต์นัก
     ๏ สยมพรธิดาแก้วตาราช
แลบังอาจทำนางทุกข์อย่างหนัก
ทอดทิ้งไปคล้ายตัดสลัดรัก
มิได้ภักดิ์ดังสัจจาที่ว่าไว้
    ๏ พระบิดาพระมารดาในครานั้น
พลอยโศกศัลย์อันมิน่าอภัยให้
เสนาพราหมณ์ตามหาพาราไกล
ทั้งข้าไทใหญ่น้อยพลอยเดือดร้อน”
   ๏ ภีมราชยินคำพร่ำรำพัน
พระจึงพลันตรัสว่า “จงช้าก่อน
ความเป็นมาข้าเข้าใจไม่อุทธรณ์
เมื่อตัดรอนกรรมเก่าสิ้นยินดีแล้




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2018, 01:40:PM
                                                  หน้า  ๑๖๑
 
     ๏ ต่อภายหน้าอย่าทุกข์สุขสมสอง   
รักเคียงครองนานเนาจนเฒ่าแก่
เธอคือปิยบุตรสุดดีแท้
เทพดูแลพิทักษ์ปกปักกาย
     ๏ จะจัดงานรับขวัญอันอะคร้าว
ร่วมกับชาวเวียงชัยดังใจหมาย
ทำบุญทานการพลีมิเว้นวาย
เทิดถวายเทวาสิบห้าวัน”
     ๏ งานมหามงคลดลสดใส
ฉลองใหญ่ในธานีศรีเขตขัณฑ์
ปวงประชาทั่วไปในวิทรรภ์
ร่วมประชันจัดปรับประดับประดา
      ๏ ทั้งเรือนบ้านร้านถนนทุกหนแห่ง
สรรค์ตบแต่งธวัชจัดจีบผ้า
อุบะสีมาลีสายรายชายคา
กลิ่นบุปผารวยรื่นชื่นฤทัย
     ๏ ชาวเวียงวังทั้งหลายได้ฉลอง
ข่าวแซ่ซ้องลือเลื่องเมืองไหนไหน
ร่วมฉลองกันขยายกระจายไป
สุดบ้านไร่ปลายนาสุขทุกคุ้งแคว


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2018, 01:06:PM
                                                      หน้า  ๑๖๒

 
    ๏ ในครานั้นท่านท้าวอโยธยา
ได้ทราบความตามเป็นมาจนแน่วแน่
สารถีคนดีนั้นที่แท้
ราชศักดิ์ประจักษ์แดเท่าเทียมกัน
     ๏ คือราชาพระนลวิมลรัตน์
ผู้จำพรากจากสมบัติพลัดเขตขัณฑ์
ดีเหลือใจได้ปลูกผูกสัมพันธ์
แลกแบ่งปันสิ่งประเสริฐเลิศวิชา
     ๏ ทมยันตีมีชู้ชื่นคืนสุขรัก
ยินดีด้วยยิ่งนักเป็นหนักหนา
ได้มาร่วมงานฉลองปองปรีดา
ทั้งสององค์ทรงเข้าหาถวายพระพร
     ๏ สนทนาวิสาสะปิยมิตร
ใครทำผิดพลาดพลั้งครั้งเก่าก่อน
ขออภัยกันและกันโทษบั่นทอน
สองพระกรคล้องกันมิฉันทา
   ๏ ท้าวฤตุบรรณว่าจะลากลับ
“วันพรุ่งนี้สุรีย์จับขึ้นขอบหล้า
คงต้องถึงซึ่งกาลอันควรลา
คืนพาราแห่งเราราษฎร์เฝ้ารอ



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2018, 01:07:PM
                                                     หน้า  ๑๖๓
   
     ๏ เป็นแน่แท้เทียวว่าวาร์ษไณย
มิหมายใจสู่อโยธยาต่อ
นายเดิมคืนมาเป็นคนเคยถูกคอ
ใจจดจ่อเช่นกันเรานั้นรู้
    ๏ ครั้งเดินทางมากลางไพรได้จดจ้อง
คงจิตข้องเรื่องนายเก่าของเขาอยู่
เห็นสายตาทุกเวลาที่พิศดู
ประหนึ่งผู้ใกล้ชิดเชิงอาชา”
   ๏ “แม้นหากนายวาร์ษไณย์มิไปด้วย
ฉันจักช่วยราชันคัดสรรหา
ผู้ที่มีฝีมือการขี่ม้า
ในวิทรรภ์พารามาทดแทน
     ๏ ณ เมืองนี้ฝีมือม้าหาด้อยไม่
ต้องหาได้เร็วพลันเป็นมั่นแม่น
คัดมือหนึ่งเยี่ยมดีแห่งดินแดน
จนเหมือนแม้นปรารถนาราชาชัย”
     ๏ “ความคิดท่านนั้นดีที่ปรารถนา
จะสรรหาสารถีดีให้ใหม่
แต่ขอขัดตัดประเด็นมิเป็นไร
หมายเพียงได้ผู้ร่วมทางเพียงอย่างเดียว


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2018, 01:09:PM
                                                          หน้า  ๑๖๔
         
     ๏ กลับอโยธยาในครานี้
แผนงานที่ตั้งไว้ใจเด็ดเดี่ยว
การเรียนที่ปฏิบัติจึงชัดเจียว
ผิดแท้เทียวถ้าเพียงผู้รู้ในใจ
     ๏ ความเชี่ยวชาญอยู่ที่การได้ฝึกหัด
พบปัญหาสารพัดจัดการได้
แม้นกีฬาวิชาการด้านใดใด
มิฝึกซ้อมความพร้อมไม่มีเพียงพอ
     ๏ เมื่อเป็นที่ตกลงจำนงหมาย
สิ่งทั้งหลายมิบกพร่องดังร้องขอ
สุริยาจะมาเยือนเตรียมเลื่อนล้อ
รถพร้อมรอตะวันมาเปิดฟ้าราง
     ๏ ท่านท้าวฤตุบรรณมั่นใจว่า
การได้ลาจากจรตอนรุ่งสาง
ร้อยโยชน์นั้นมั่นไปไม่ละวาง
ถึงปลายทางยามสายัณห์สุริยน
     ๏ ทั้งพระนลทมยันตีภีมราช
ส่งเสด็จแล้วรถปราดดังคาดผล
เมื่อหัวใจแห่งอาชามาเปี่ยมล้น
ปลื้มกมลปฏิบัติอัศวการ
    .................................


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 07 ธันวาคม 2018, 12:07:PM
                                                          หน้า  ๑๖๕

 
    ๏ พระนลพักวิทรรภ์ครั้นครบเดือน
ช่างไวเหมือนไม่รู้ว่าเวลาผ่าน
รู้สึกคล้ายได้พบกันแค่วันวาน
ยามสราญเร็วกว่าระทมฤทัย
     ๏ สมควรแก่เวลาแล้วครานี้
เหมือนไปตีพาราคืนมาใหม่
เมื่อตัวตนพ้นชั่วตัวจัญไร
มิมีใครมาขวางทางเราแท้
      ๏ แม้นสู้กันด้านเชิงฤทธิรุทร
ก็จักกุดหัวมันบรรลัยแน่
แต่ขอเข้าเป้าหมายเคยพ่ายแพ้
จักย้อนแก้กลับชนะการสกา
     ๏ แล้วเข้าเฝ้าทูลท้าวภีมราช
ขอทรงพระอนุญาตจัดทัพกล้า
พร้อมพหลพลพยุหเสนา
ทัพกรีธาสู่นิษัธในบัดนั้น
     ๏ พร้อมสิบหกช้างศึกห้าวฮึกหาญ
ทแกล้วชาญการรบครบแข็งขัน
ห้าสิบกองอัศวะพร้อมประจัญ
รถนำนลราชัน วาร์ษไณย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 07 ธันวาคม 2018, 12:08:PM
                                                            หน้า  ๑๖๖

 
    ๏ ทัพมาถึงซึ่งแผ่นดินถิ่นนิษัธ
ปวงชนรู้ถนัดว่าทัพใหญ่
เป็นทัพของพระนลพลไกร
ต่างดีใจไชโยโห่ร้องกัน
     ๏ ถึงวาระอนุชาบุษกร
ผู้ครอบงำนครเกิดไหวหวั่น
มิชาญศึกฮึกโหมการโรมรัน
กำลังพรั่นพระนลมาหน้าบัลลังก์
     ๏ กลับมาพบสบตากันประจันหน้า
นลราชาแข็งขันพลันรับสั่ง
“สบายใจไหมน้องครองเวียงวัง
ความหนหลังหมองหมางขอล้างไป
     ๏ อย่าคิดหวั่นอันมลานด้วยการรบ
รู้ดีเจ้าเจนจบก็หาไม่
ยิงธนูดอกเดียวมิเหลียวใด
พุ่งทะลวงดวงใจเจ้าตายพลัน
     ๏ หรือจักโหมโรมรันการฟันฟาด
คอเจ้าแน่แท้ขาดด้วยพระขรรค์
ผิว์ข้าแพ้สกามานานวัน
ท้าพนันครั้งนี้ด้วยชีวิต




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 07 ธันวาคม 2018, 12:09:PM
                                                          หน้า  ๑๖๗
   
     ๏ หากข้าแพ้แดดิ้นสิ้นสลาย
อันเจ้าหมายทมยันตีอาจมีสิทธิ์
จะเลือกสู้ประตูใดตามใจคิด
อย่าเบือนบิดต้องตอบพลันในทันที”
     ๏ บุษกรคลายวิตกอกระรื่น
กลับชมชื่นฉับพลันเลิกฝันหนี
คิดการณ์ไกลไปได้ชมทมยันตี
ยิ่งยินดีในการทอดสกา
     ๏ ยังหลงเริงเหลิงในชัยชนะ
เรานี้จะแพ้พ่ายไร้ทีท่า
ดีเกินการณ์นานปีที่ผ่านมา
นลราชาไม่ตายมิวายเกรง
     ๏ “โอ้มาเถิดพี่ยามาต่อสู้
ฉันรออยู่ทอดสกากับคนเก่ง
มินึกพรั่นอันใดใจนักเลง”
ทำครื้นเครงกล่าวความด้วยย่ามใจ
     ๏ “การพนันกันถึงปลิดชีวิตนั้น
จักเล่นกันหลายคราหาได้ไม่
ย้ำวาจาว่าพร้อมยอมชิงชัย
ต้องการให้ยืนยันเป็นมั่นคง”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 08 ธันวาคม 2018, 08:08:AM
                                                           หน้า  ๑๖๘
                                                                               
 
    ๏ แล้วเมื่อการสกาคราเริ่มต้น
แลพระนลเกิดนิมิตฤทธิ์เสริมส่ง
จนหัวใจสกามาดำรง
ดังจำนงแห่งราชาฤตุบรรณ
     ๏ จึงทอดได้ดั่งหวังครั้งเดียวแท้
บุษกรต้องพ่ายแพ้นั่งตัวสั่น
แล้วหมอบราบกราบก้มบังคมคัล
เมื่อรู้ว่าชีวันต้องบรรลัย
      ๏ “น้องข้าเอ๋ยจะเฉลยเรื่องความหลัง
ให้เจ้าฟังเสียให้คลายสงสัย
สกาก่อนทวาบรนั้นสิงใน
กลีงำข้าไว้ได้เช่นกัน
     ๏ เจ้านั้นจึงเป็นฝ่ายได้ทุกครั้ง
ใช่ลำพังฝีมือเจ้าดีเข้าขั้น
หากบัดนี้การณ์มิเป็นไปเช่นนั้น
แต่มิเอ่ยเย้ยหยันสรรวาจา
     ๏ ซึ่งการจะประหารเจ้านั้นไซร้
ถ้าตั้งใจทำได้นานการเข่นฆ่า
แต่คิดตัดเวรกรรมมินำพา
เว้นชีวาให้เจ้าอยู่ยาวนาน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 08 ธันวาคม 2018, 08:10:AM
                                                            หน้า  ๑๖๙

     ๏ แลจักให้ไปดำรงรัชบุรี
ครองธานีแดนดินถิ่นสถาน
ราชทรัพย์นับคณาจะประทาน
ด้วยสงสารแลมีจิตคิดอภัย”
     ๏ บุษกรครานั้นตื้นตันจิต
อันความผิดมิน่าอภัยให้
ยังได้รับกรุณาจากราชัย
อภิวาทลงไปแทบบาทา
     ๏ “ขอพระเกียรติพระนลวิมลสรรค์
เรืองจรัลแผ่ไปในโลกหล้า
ขอบคุณพระวรเดชผู้เมตตา
แล้วทูลลาจากนครจรเมืองไกล     
     ๏ ปางนั้นเหล่าเสนามหาอำมาตย์
ประชาชาติรับขวัญกันยิ่งใหญ่
ละลานแลแห่แหนแน่นกรุงไกร
ล้วนหมายใจร่วมวาระฉลองการ
     ๏ หากพระนลยินดีมีดำรัส
รอฉลองตั้งกองจัดทวยทหาร
เป็นทัพใหญ่แต่มิใช่ไปรอนราญ
บรรทัดฐานยิ่งระดับทัพเทวา


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 08 ธันวาคม 2018, 08:11:AM
                                                     หน้า  ๑๗๐

     ๏ ทัพช้างแต่งกายช้างอย่างสวยสด
ทัพม้าทรงราชรถงามสง่า
แต่งเต็มยศหมดพหลพลเสนา
ออกยาตราสู่วิทรรภ์ขวัญธานี
     ๏ รับชายายอดฤทัยสายสวาท
ผู้นิราศแรมร้างห่างกรุงศรี
เพื่อเป็นการปลอบขวัญทมยันตี
จากชีวีตกต่ำสุดดุจเดนคน
     ๏ การคืนวังดังหมายให้ปรากฏ
สมพระยศมเหสีทวีผล
ให้ลือเลื่องเฟื่องไกลในสากล
ประชาชนกล่าวถึงอื้ออึงไป
     ๏ ณ วิทรรภ์ทมยันตีดีใจล้น
รู้พระนลทวงพารากลับมาได้
ยกทัพมารับชายาคืนเวียงชัย
อย่างเกริกไกรลือเลื่องเฟื่องอาณา
     ๏ ราชบุตรและราชบุตรี
ก็เปรมปรีดิ์เปี่ยมสุขทุกถ้วนหน้า
เมื่อพระนลเสด็จยังวังราชา
ขึ้นกราบลาองค์ภีมราชัน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 ธันวาคม 2018, 04:12:PM
                                                           หน้า  ๑๗๑

 
   ๏ รับพรว่า “ภายหน้าไปให้สมหวัง
ทุกอย่างดังดวงใจที่ใฝ่ฝัน
กุมารากุมารีสองศรีนั้น
สอนให้มั่นในบุญคุณความดี
     ๏ ขันติธรรมนำผลงามในยามทุกข์
เมื่อผ่านพ้นจึงดลสุขเกษมศรี
อย่างพระนลและทมยันตี
ผ่านชีวีระทมแล้วสมปอง
     ๏ อุปสรรคจักสลายเมื่อใจสู้
หลักโลกคู่กันคือทุกข์สุขทั้งสอง
ดังทิวาราตรีที่ปรองดอง
แน่นอนต้องคงกาลยืนนานไป
     ๏ หากมิมีดีงามความอดทน
จะผจญทุกข์ใจอย่างไรได้”
พระปรารภจบยุบลนลราชัย
จึงกราบลาคลาไคลไม่ชักช้า
     ๏ ตลอดทางหว่างนิษัธราชธานี
ประชาชีเรียงรายทั้งซ้ายขวา
โบกธงทิวปลิวไสววิไลตา
รับราชาราชินีด้วยดีใจ



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 ธันวาคม 2018, 04:14:PM
                                                                           หน้า  ๑๗๒
     
 
    ๏ เมื่อไปถึงซึ่งยังเวียงวังราช
ออกประกาศฉลองขวัญเป็นงานใหญ่
ชนสุขแสนทั่วแดนดินถิ่นไผท
มหรสพจัดให้หลายมุมเมือง
     ๏ ทะนุบำรุงทั้งวังวัดวา
งามสง่าขึ้นชื่อชนลือเลื่อง
ราชาสรรค์มั่นผดุงให้รุ่งเรือง
บุญประเทืองทั่วแคว้นทั้งแดนดิน
     ๏ กษัตริย์สองครองสุขเกษมศานต์
ทั้งกุมารกุมารีมีสุขิน
สองพระองค์เจริญวัยดังใจจินต์
ไร้ราคินทรงโสภาสง่างาม
     ๏ มิผิดพระบิดรพระมารดา
ลักขณาเลิศล้นชนเกรงขาม
เพิ่มพระเกียรติพระยศกำหนดนาม
เป็นไปตามขนบพระราชพิธี
     ๏ กษัตริย์สองครองราชย์นานพระพรรษา
จวบชรานิรทุกข์แสนสุขี
พระครองใจอาณาประชาชี
ตราบมิมีอายุขัยในปางบรรพ์

     
 


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 ธันวาคม 2018, 04:16:PM
                                                         ๑๗๓

 
   ๏ ดวงวิญญาณอันวิศุทธิ์กษัตริย์สอง
คืนไปครองเทวาลัยในสวรรค์
เสวยสุขทุกข์ระงับชั่วกัปกัลป์
มุ่งสู่ขั้นพระนิพพานกาลต่อไป
     ๏ จากธนุ  เสนสิงห์จริงใจมั่น
หมายสร้างสรรค์วรรณศิลป์ปิ่นสมัย
การกวีวัฒนาคู่ฟ้าไทย
น้อมดวงใจเทิดไท้พระกษัตรา
     ๏ สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ถ้วนทุกตัวอักษรได้ศึกษา
บรรณ “พระนลคำหลวง” ทรวงบูชา
นบวิญญาณ์บรมครู บูรพกวี
     ๏ ยอพระเกียรติ พระยศ ปรากฏยิ่ง
พระเป็นมิ่งวรรณลักษณ์ทรงศักดิ์ศรี
จบนิทานคำกลอนบวรมณี
ขอความดีนำสุขทุกท่านเอย

 ............................................
จบบริบูรณ์


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม 2018, 09:20:AM
 
(https://i.ibb.co/3sM92x7/20180722-072414.jpg) (https://ibb.co/mBXVknG)


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม 2018, 09:25:AM
(https://i.ibb.co/Yc9C44G/20171127-175544.jpg) (https://ibb.co/gS12bbC)
                            มหาภารตะนิทาน ตอนที่ ๒ เรื่องพระสุธน มโนราห์


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม 2018, 09:31:AM

 









                พระสุธน มโนราห์ คำกลอน
-----------------------------------------------------------------------

   ISBN                                     
    ประพันธ์   ธนุ  เสนสิงห์                  พระแสง   จ. สุราษฎร์ธานี
               โทร. ๐๘ ๑๐๘๘ ๖๖๕๑       
    ที่ปรึกษา   พ.ท.สมพงษ์ โหละสุต      อดีตนายกสมาคมกวีร่วมสมัย                    มังกร   แพ่งต่าย      นายกสมาคมกวีร่วมสมัย         สุวัฒน์  ไวจรรยา      อุปนายกสมาคมกวีร่วมสมัย         ณรงค์  อิ่มเย็น      นายกสโมสรคีตกวี–วิถีธรรม

    บรรณาธิการ   สุวัฒน์  ไวจรรยา   ศิลปินดีเด่นจังหวัดนนทบุรี
                                                                              สาขาวรรณศิลป์
           ภัทรพร ไวจรรยา   แบบปก 
    ผู้จัดพิมพ์   ธนุ  เสนสิงห์       ๔๔/๗   ถนนตลาดเทศบาล                          พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี  ๘๔๒๑๐   
    พิมพ์ครั้งแรก   มีนาคม  ๒๕๕๙     จำนวน  ๑,๐๐๐  เล่ม
    สถานที่พิมพ์   จัสพริ้น        ๑๔๐๑  ถนนจรัญสนิทวงศ์ 
                                                                              ซอย  ๗๕   แขวง/ เขตบางพลัด 
                                                                  กรุงเทพมหานคร  ๑๐๗๐๐
                                                                              โทรศัพท์  ๐๘  ๑๔๓๐  ๖๖๗                       E-mail [email protected]


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม 2018, 09:33:AM
-๓-



คำนิยม
 

(อินทรวิเชียรฉํนท์ ๑๑)

      ปัญญาสชาดก      “ธนุ”ยกขยายสรรค์
   แววศรีกวีวรรณ      ณ วิจิตรพิพิธสาร์

      เรื่องเอกอเนกผล   “พระสุธน มโนราห์”
   ลึกซึ้งคะนึงหา         หฤหรรษบรรยาย

      ผู้เขียนก็เรียนรู้      พิรชูวิเชียรฉาย
   ใช่ว่าจะท้าทาย         ตะละท่านสิอ่านเทอญ

มังกร  แพ่งต่าย
นายกสมาคมกวีร่วมสมัย
๓  มกราคม  ๒๕๕๙


 




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่ิองพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม 2018, 09:34:AM
-๔-
คำนำ
******
เริ่ม “แม่ศรีวรรณทอง” แห่งท้องถิ่น
ที่ได้ยินแต่เยาว์..ก่อนเก่านั่น
แล้วต่อด้วยเรื่องแสนมหัศจรรย์
“แดนคนธรรพ์” ลึกลับและซับซ้อน

สองเล่มนี้มีล้น “กลบท”
จึ่งหลากรส “ฉันทลักษณ์” งานอักษร
“ธนุ” (ค้น)คว้ามาใส่ไว้หลายตอน
เพราะรักกลอน..กล้าเขียนเพียรฝึกปรือ

“นิทานพระนล” หนุนเนื่องประเทืองจิต
แทรก “ข้อคิด-คำคม” ..สมเป็นสื่อ
ส่วน “พระสุธน มโนราห์” น่าเลื่องลือ
ฟังเพียงชื่อ...ก็ชวนใจให้ติดตาม

สุวัฒน์  ไวจรรยา
ศิลปินดีเด่นจังหวัดนนทบุรี สาขาวรรณศิลป์
บรรณาธิการ
๒๙  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๙



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม 2018, 09:35:AM
-๕-
   ปฐมบท
(๑)
                  เรื่องพระสุธน  มโนราห์    เค้าความเดิมเป็นนิทานโบราณของ
   อินเดีย  แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกที่เมืองนครศรีธรรมราช
   เมื่อไปถึงเมืองเชียงใหม่มีพระภิกษุรูปหนึ่งได้แต่ง“ปัญญาสชาดก”  ขึ้น

              “พระสุธนชาดก”   เป็นนิทานชาดกหนึ่งใน   ๔๘  เรื่อง    ของ
   “ปัญญาสชาดก”  นั้น  ต้นฉบับเดิมขึ้นต้นเป็นภาษาบาลี  แล้วขยายความ
    ด้วยร้อยแก้วแต่ละบทไป  การนำเสนอมีเพียงเนื้อหาหลักเท่านั้น มิได้มี
    บทการแสดง การเจรจา อารมณ์และข้อปลีกย่อยในการดำเนินเรื่องของ
    ตัวละคร
             
                                                        ทั้งมี  “พระสุธนกลอนสวด”  หลายฉบับ  ซึ่งแต่งเป็นกาพย์ชนิด
    ต่างๆ   โดยจะมี กาพย์ยานี ๑๑  กาพย์ฉบัง ๑๖  กาพย์สุรางคนางค์  ๒๘
    คละกันไปเป็นส่วนใหญ่  และมี “พระสุธนคำฉันท์” อันเป็นผลงานการ
    ประพันธ์ของ พระยาอิสรานุภพ  (อ้น)   ในสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    รัชกาลที่ ๔  ส่วนที่แพร่หลายที่สุดเป็นนิทานมุขปาฐะ ที่เล่าปากต่อปาก
    สืบต่อกันมา แต่มักจะแปลกพิสดารแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องที่
    และโวหารของผู้เล่า

                นอกจากนี้ยังมีบทละครอีกส่วนหนึ่ง  ทว่าเป็นการนำเอามาเพียง
    เค้าเรื่อง  แต่งบทบาทการแสดงให้มีความสนุกสนานเป็นสำคัญ  พบแต่
    เพียงบางตอนที่รู้จักกันแพร่หลาย  เช่นตอน “พรานบุญจับนางมโนราห์”

                 อนึ่งพระสุธน มโนราห์ ที่แต่งเป็นคำกลอนมีข้อเขียนว่าเคยมีคน
    แต่งไว้ก่อน พ.ศ. ๒๔๕๙  แต่จะสมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องหรือไม่นั้น ไม่มี
    หลักฐานยืนยัน    >>>>>>>



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม 2018, 09:36:AM
-๖-
ปฐมบท
(๒)
    ด้วยปัจจุบันนี้ได้ค้นหาในหอสมุดแห่งชาติแล้วยังไม่พบ  จึงมี
    ความตั้งใจที่จะแต่ง “พระสุธน มโนราห์คำกลอน”  เล่มนี้เพื่อฝากไว้แก่
    อนุชนผู้สนใจสืบไป 

                    ลักษณะการแต่ง  “พระสุธน มโนราห์คำกลอน”  นี้     เป็นการ
    ประมวลความตามนัยแห่งชาดก เข้ากับบทพรรณนาความในกลอนสวด
    ต่าง ๆ    ความพิสดารในมุขปาฐะเรื่องเล่าของชาวบ้านจากท้องถิ่นต่างๆ
    เอามาผสมผสานเข้าด้วยกัน  เพื่อให้เกิดอรรถรส  มีความสนุกสนานตื่น
    เต้น  รัก  เศร้าเคล้ากันไป  ทั้งมีสาระ  ธรรมะ  ปรัชญาสอดแทรกไว้บ้าง
    ตามสมควร

                  ท้ายที่สุดนี้ผู้แต่งคิดว่าหาก“พระสุธน มโนราห์คำกลอน” เล่มนี้   
    มีการตอบรับจากผู้อ่านพอเป็นกำลังใจให้บ้าง   ก็จะพยายามแต่งนิทาน
    ชาดกเป็นคำกลอนเรื่องต่อๆ ไปในโอกาสหน้า

ขอขอบพระคุณทุกท่านครับ
ธนุ  เสนสิงห์
๒๙   กุมภาพันธ์  ๒๕๕๙


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 ธันวาคม 2018, 04:24:PM
-๗-
                                                        อารัมภบท
(๑)
             ขอฝากคำปรารภถึงเนื้อเรื่องใน “พระสุธน มโนราห์ คำกลอน”  คำว่า  “นิทานชาดก”   คือโครงเรื่อง    แต่รายละเอียดมักแปลกแยกออกไปต่างๆ นานา    เล่มนี้ก็มีที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่ หรือผิดแผกแตกต่างจากต้นฉบับอื่น ๆ  และมุขปาฐะที่ได้ยินได้ฟังมาทั้งหลาย ในส่วนนั้นขอชี้แจงหลักการ และเหตุผลประกอบไว้พอสังเขปดังนี้ –


๑.เพิ่มตอนพระสุธนออกไปศึกษาวิชากับฤๅษี   และได้ศรศิลป์ชัย
 (ต้นฉบับอื่น ๆ ไม่มีรายละเอียดนี้  เหตุผล อยากจะกล่าวถึงที่มาให้ชัดเจน)


             ๒. เพิ่มเรื่องพระสุธนได้พบกับพรานบุญเมื่อศึกษาจบจนตกลงนับถือเป็นพี่เป็นน้องกัน (ต้นฉบับอื่นๆไม่มี เหตุผลอยากจะกล่าวถึงความเป็น มาเพราะการที่พรานบุญตั้งใจจับนางมโนราห์เพื่อถวาย โดยหวังลาภสักกา ระ แต่เพียงอย่างเดียวนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูน้ำหนักของเหตุผลจะอ่อนไป)


              ๓. เนื้อหาเดิม ที่พรานบุญเป็นคนกักขฬะ ใจร้ายกับนางมโนราห์ สารพัดตามต้นฉบับอื่นๆ  เชื่อว่าที่แต่งเช่นนี้เพื่อสร้างอารมณ์ให้คนสงสารมโนราห์  แต่เหตุผลจะแย้งกันในข้อที่พรานบุญย่อมรู้ว่าการนำมโนราห์ไปถวายแก่พระสุธนนั้น  มโนราห์จะต้องได้เป็นราชินีในภายหน้า   อย่างน้อยคงจะไม่ทำร้ายคนที่หมายจะนำไปถวายเจ้านายให้บอบช้ำเป็นแน่
                ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้วนั้น   จึงปรับเรื่องใน พระสุธน มโนราห์คำกลอน ให้พรานบุญเป็นคนดี มีความเมตตาอารี  อีกอย่างหนึ่ง พรานบุญเมื่อกลับชาติเกิดเป็นพระอานนท์ ผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ย่อมต้องสร้างสม บุญบารมีไว้มากเช่นกัน


              ๔. เนื้อหาเดิม ตอนมโนราห์ขอใส่ปีกหางร่ายรำหน้ากองเพลิงแล้ว


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 ธันวาคม 2018, 04:25:PM
-๘-
อารัมภบท
(๒)
บินหนีไป   ตามเหตุผลปุโรหิตผู้ถืออำนาจย่อมรู้เท่าทันการณ์ คงมิยินยอม
ง่าย ๆ เป็นแน่  และหากเป็นการหลอกลวงองค์พระแม่ด้วย ยิ่งมิบังควร  จึงปรับเปลี่ยนใหม่

              ๕. เรื่องราวบางเรื่องที่กล่าวถึง สัตว์หิมพานต์  ภูตผี  นารีผล  เรื่องอัศจรรย์ต่าง ๆ ในป่าหิมพานต์นั้น  มีการเสริมเติมแต่งในลักษณะที่ให้เป็น   ไปตามตำนานหิมพานต์ และทัศนะของผู้แต่งเองส่วนหนึ่ง
 
                หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับความสุข  ความสนุกสนาน  และพบสิ่งที่เป็นสาระ เป็นประโยชน์จาก “พระสุธน มโนราห์ คำกลอน”เล่มนี้บ้างตามสมควร

ธนุ  เสนสิงห์


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 ธันวาคม 2018, 04:27:PM
-๙-

นมัสการกถา
**********
(โคลงสี่สุภาพ)
๏ เป็นพันปีล่วงแล้ว      พุทธศก       
                   กินรีชาดก                          เด่นฟ้า
                   ชนในโลกยอยก                อรรถเอก  ยิ่งแฮ
                   เผยแผ่ไปในหล้า                สดับซึ้งตรึงฤดี
(กาพย์ยานี ๑๑)
                ๏ ชนชมชื่นนานมา      มโนราห์กินรี
       อินเดีย-นครศรีฯ                 แล้วแพร่หลายกระจายไป
                ๏ ทุกภาคถึงทั่วกัน             ที่สำคัญเมืองเชียงใหม่
       ภิกษุหนึ่งประพันธ์ไว้                      “ปัญญาสชาดก” บรรณ
                ๏ พระโพธิสัตว์ชนม์               “พระสุธนชาดก”สรรค์
        เป็นหลักฐานสำคัญ                 ให้ยืนยงอยู่คงกาล
                ๏ กลอนสวดกาพย์ทั้งหลาย   แพร่กระจายหลายถิ่นฐาน
        วิจิตรพิสดาร                            อรรถรสบทภาษา
                ๏ เรื่องเล่ามุขปาฐะ                 แปลกวาทะไปนานา
        จากปากต่อปากมา                       โดยชาวบ้านสืบสานศิลป์
                ๏ นิทานอันระดา                    ทุกลีลาข้าฯ เคยยิน
        ประมวลถ้วนระบิล                   ร้อยคำกลอนทุ่มใจกรอง
>>>>>>>>>


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 ธันวาคม 2018, 04:28:PM
-๑๐-

มนัสการกถา
**********
                 ๏ กราบครูครั้งโบราณ        ที่สืบสานกานท์สนอง
         กาพย์ ฉันท์ ทุกครรลอง                 ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม
                 ๏ บิดามารดาเล่า              ทุกผู้เฒ่าขับลำนำ
         ครูพักลักจดจำ                           น้อมบำบวงดวงวิญญาณ
                 ๏ ครูต้นแบบบทกลอน       ท่านสุนทรภู่อาจารย์
         จิตมั่นหมายสืบสาน                 วรรณศิลป์ปิ่นบรรยง
                 ๏ “กวีร่วมสมัย”                 ครูผู้ให้รักดำรง
         สิบนิ้วก้มกราบลง                     แด่คุณครูที่บูชา
                 ๏ ข้อคิดจิตกุศล                 พระสุธน มโนราห์
         หมายบุญคุณธรรมา                ดลสุขศานต์ทุกท่านเทอญ     

ด้วยจิตคารวะ
ธนุ  เสนสิงห์                                                             


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 13 ธันวาคม 2018, 12:48:PM
-๑๒-
พระสุธน มโนราห์

             ๏ ตั้งต้นความตามนิทานนานนักหนา
      อตีเต “นครอุดรปัญจาล์”                                     
      มีนามาลือเลื่องประเทืองไผท


                 ๏ ทั่วทุกแหล่งแห่งหนชนผาสุก                         
      นิรทุกข์เนิ่นนานกาลสมัย
      ดินอุดมน้ำดีกว่าที่ใด                                       
      พืชพรรณไม้ดอกผลมีบริบูรณ์


               ๏ “ท้าวอาทิตยวงศ์” องค์กษัตริย์                     
      ครองสมบัติกรุงไกรเลิศไอศูรย์
      ทศพิธราชธรรมเรืองจำรูญ                                   
      ทรงเกื้อกูลถึงร้อยเอ็ดนครา


                ๏ คู่องค์เอกอัครมเหสี                                           
     “นางจันทราเทวี” ศรีสง่า
      น้ำพระทัยใฝ่ธรรมล้ำเมตตา                                   
      ปวงประชาเชิดชูคู่ราชัน


                ๏ จิรกาลนานมาพารานี้                                 
      ปราจีนทิศสถิตที่สระสวรรค์
      สีสายน้ำงามตระการปานอำพัน                               
      นับอนันต์โกสุมปทุมมาลย์


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 13 ธันวาคม 2018, 12:50:PM
-๑๓-
ธนุ เสนสิงห์

               ๏ รายรอบสระสวรรค์มากพันธุ์ไม้                 
     ร่มรื่นแท้แลวิไลยิ่งไพศาล 
     ใจกลางสระเป็นประตูสู่บาดาล                           
     จึงพบพานจอมนาคาผู้อารี                                                                   


               ๏ นาคฉายาว่า “ท้าวชมพูจิต”                     
     ไร้เดชฤทธิ์แต่นำหนุนบุญวิถี
     บำเพ็ญศีลอวยทานด้านความดี                             
     จึงเป็นศรีแห่งสระประจำเมือง


               ๏ มักจำศีลสงบกายใต้หว้าใหญ่                           
     ชนทั่วไปสักการมานานเนื่อง
     อำนวยพรนคร รัช ราษฎร์รุ่งเรือง                         
     บุญประเทืองด้วยนาคาบารมี


              ๏ ยามน้ำแล้งพญานาคปากให้น้ำ                     
     ชลชื่นฉ่ำทั่วแดนดินทุกถิ่นที่
     น้ำมากพลันผันธาราเมืองนาคี                             
     ชั่วตาปีมิวิตกอุทกภัย


               ๏ ประจำปีมีงานการบวงสรวง                         
     กิจทั้งปวงเสริมกุศลดลสุกใส
     เพิ่มพระเกียรติกษัตราลือชาไกล                           
     ชาวเวียงชัยวัฒนาสถาวร


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 13 ธันวาคม 2018, 12:53:PM
-๑๔-
พระสุธน มโนราห์

                 ๏ คืนหนึ่งพระมเหสีมีนิมิต                               
       ชวนให้คิดแปลกมิเคยเลยแต่ก่อน
       ว่าเทวามาอุ้มองค์เอมอร                                     
       เหินฟ้าจรสู่วนหิมวันต์
 

                 ๏ วางพระองค์ให้ทรงคชสารศิลป์                     
       เที่ยวชมถิ่นพิไลกลางไพรสัณฑ์
       ผ่านสระใหญ่ช้างถวายบุษบัน                               
       อัศจรรย์สุบินสิ้นราตรี


                ๏ อุษาสางปรึกษาพระฤๅสาย                             
       อยากทราบคำทำนายให้ถ้วนถี่
       ด้วยครุ่นคิดจิตวุ่นวายร้ายหรือดี                             
       จอมธานีสั่งหาโหราจารย์


                 ๏ โหราเฝ้าจึงเล่าความตามที่ฝัน                         
       ฤกษ์ยามอันทรงสุบินสิ้นโวหาร
       เมื่อโหรรับพระราชโองการ                                           
       ทูลภูบาลถ้อยความตามตำรา


                 ๏ “คำทำนายถวายไท้ในการณ์นี้           
       พระองค์มีโชคอนันต์อันเลอค่า
       ดั่งจำนงทรงครรภ์พระราชบุตรา                                   
       จุติตรงลงจากฟ้าสุราลัย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 ธันวาคม 2018, 11:12:AM
-๑๕-
ธนุ เสนสิงห์

                ๏ ทรงบุญญาธิการปานโกสินทร์                         
       ครองแผ่นดินสืบสายปลายสมัย”
       พอจบคำทำนายพระภูวไนย                                     
       ดวงฤทัยแช่มชื่นรื่นสราญ   


                ๏ ทรงถนอมกล่อมขวัญพระครรภ์อ่อน               
       งดเผ็ดร้อนเสวยพระกระยาหาร
       ทศมาสมาถึงซึ่งวันวาร                                           
       พระประสูติกาลมานอานันท์           


                 ๏ พร้อมธนสมบัติพิพัฒน์เลิศ                             
       การณ์บังเกิดขุมทองผ่องสีสัน
       ทั้งสี่มุมปราสาทพิลาสสุพรรณ                               
       ดุจเทวัญประทานกาญจนา 


                 ๏ ยังปีติยินดีที่ยิ่งล้น                                           
       ถึงปวงชนญาติพงศ์ร่วมวงศา
       องค์ทรงธรรม์รับขวัญพระลูกยา                             
       ให้นามว่า “สุธนราชกุมาร”


                 ๏ ศุภลักษณ์วิไลเลิศในภพ                                   
       ทรงคุณครบบุญฤทธิ์พิสิฐพิศาล
       เจริญวัยราชัยหาพระอาจารย์                                     
       ผู้เชี่ยวชาญวิชามาเป็นครู


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 ธันวาคม 2018, 11:14:AM
-๑๖-
พระสุธน มโนราห์

              ๏ สอน“ไตรเพท”“คัมภีร์พระเวท”ศาสตร์                   
    พระสามารถเรียนไวใครมิสู้
    ผู้สอนสั่งทั้งมวลล้วนเชิดชู                                       
    เป็นวิญญูองค์เอกอเนกอนันต์


              ๏ ทั่วธานินทร์สิ้นครูผู้ใดสอน                               
    ลาบิดามารดรจรไพรสัณฑ์
    หมายทิศาปาโมกข์โลกอภิวันท์                                 
     คือยุคันต์* อาจารย์ชาญวิชา


              ๏ เอกาองค์บุกพงไพรใจหาญฮึก                                         
    ธนูศาสตร์ล้ำลึกหมายศึกษา
    แล้วสมหวังดั่งคิดด้วยกฤษฎา                                       
    พบมหาโยคีที่เกริกไกร


              ๏ จึงฝากตัวเป็นศิษย์เรียนศรศิลป์                           
    สมดั่งจินต์มุ่งมั่นแลฝันใฝ่
    ทรงศึกษาจริงจังอย่างตั้งใจ                                           
    สำเร็จได้ดังปองเพียงสองปี


             ๏ วันกราบลาพระอาจารย์ท่านกล่าวว่า                   
    “จะนำพาขึ้นยอดคีรีศรี
    สู่อาศรมศรศักดิ์สิทธิ์เลิศฤทธี                                       
    ในนั้นมีศาสตร์อมร “ศรศิลป์ชัย”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 ธันวาคม 2018, 11:16:AM
๑๗-
ธนุ เสนสิงห์

   
         ๏ ผู้เรียนจบการศึกษามาก่อนก่อน                           
   ต่างหมายปองครองศรที่ยิ่งใหญ่
   แต่ผันผ่านนานปีมิมีใคร                                             
   น้าวคันศรนี้ให้โก่งได้เลย

             ๏ สายศรแกร่งปานเหล็กกล้าหนักกว่าหิน”             
   พระสุธนได้ยินโยคีเอ่ย
   จึงตั้งจิตพิษฐานกาลก่อนเคย                                       
   สร้างบุญไว้ขอได้เชยชมฤทธา

             ๏ หยิบคันศรขึ้นจับกระชับมั่น                                 
   แล้วน้าวคันศรสมมาดปรารถนา
   แผลงศรศิลป์บินไปในเมฆา                                         
   แผดเสียงก้องท้องวนาผาสะท้าน   

             ๏ แล้วลูกศรย้อนคืนแหล่งสำแดงฤทธิ์                         
   เป็นนิมิตคู่บุญญามาสมาน
   องค์โยคีมีวาจาสาธุการ                                       
   “เทพประทานจงน้อมนำประจำกาย
   
          ๏ พิชิตมารสานคุณธรรมนำชาวโลก                       
   พ้นทุกข์โศกสุขสันต์กันทั้งหลาย
   ศาสตราหรือคืออำนาจฉกาจร้าย
   พึงมีจิตคิดหมายใช้ด้านดี


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน เรื่องพระสุธน มโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 ธันวาคม 2018, 09:35:AM
-๑๙-
ธนุ เสนสิงห์

 
    ๏ อำนาจอยู่กับผู้ที่มีธรรมะ
      ธรรมย่อมจะนำมงคลดลสุขี
      ถ้าอธรรมดำรงไว้ให้ราคี
      อันหลักนี้พึงดำริซึ้งนิยาม

                ๏ พระบุตราได้มาครองต้องมีจิต
      สุจริตประจักษ์ไปในโลกสาม
      เทพบันดาลประทานให้ผู้ใจงาม”
      พอจบความกราบลาคืนธานี

                ๏ มิทันพลบพบพรานไพรแปลกใจนัก                   
      มานั่งดักหนทางกลางไพรศรี
      เมื่อประจันพลันพรานอัญชลี                                     
      พระจึงมีพจนาปุจฉาไป                                                             
   
             ๏ “ทำธุระอะไรที่ในป่า                                     
      เป็นนักล่ามิเห็นมีเนื้อที่ไหน
      หรือเพียงหาพวกยาสมุนไพร                             
               แล้วเหตุใดที่มานั่งท่ากัน”
 
              ๏ “กระหม่อม พรานบุญฑริก ขอรับ                   
      หากินกับไพรสาณฑ์นานเหลือนั่น
      สารพัดสัตว์ตื่นหนีทุกชีวัน                                             
      ด้วยเสียงลั่นเมฆาศรนารายณ์


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 ธันวาคม 2018, 09:37:AM
-๒๐-
พระสุธน มโนราห์

              ๏ ปู่เล่าเรื่องศรศิลป์ชัยไว้นานมาก                           
    ใจจึงอยากอภิวันท์ดังมั่นหมาย
    กระหม่อมนี้มีธนูเคียงคู่กาย
    ลูกผู้ชายสายเลือดพรานชาญพนา

              ๏ เมื่อรู้องค์ทรงชัยได้ศรศิลป์                                       
    คู่กายินสมศักดิ์อนรรฆค่า
    ที่กระทำด้วยดำริมุทิตา                                                 
    มิได้คิดริษยาใจอาธรรม์”

              ๏ พระสุธนยลท่าทีวจีขาน                                 
    จึงตอบพรานด้วยวาทะสมานฉันท์
   “ทำสัตว์ตื่นก็ขอให้อภัยกัน                                         
    มิหมายเป็นเช่นนั้นด้วยฉันทา
 
              ๏ แม้นเรารักธนูมั่นกันทั้งสอง                                       
    ควรปรองดองผูกสัมพันธ์กันเถิดหนา
    อาวุโสท่านแน่นอนเกิดก่อนมา                                               
    ละยศถาฯ ขอเรียกขานพี่พรานบุญ

              ๏ มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในภายหน้า                                   
    ร่วมสัญญากันไว้หมายเกื้อหนุน
    เดือดร้อนใดให้ช่วยเหลืออยากเจือจุน”                           
    มอบการุณย์แล้วเอ่ยลาคืนนาคร




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 ธันวาคม 2018, 09:38:AM
-๒๑-
ธนุ เสนสิงห์

             ๏ พรานบุญแสนซาบซึ้งตราตรึงจิต                         
   ด้วยมิคิดได้รับเกียรติมาแต่ก่อน
   จึงหมอบราบกราบก้มพนมกร                                     
   กล่าวสุนทรตอบไปใจตื้นตัน

             ๏ “ขอร่วมทางกลับเคหาในครานี้                             
   ต่อไมตรีมิตรใหม่ให้คงมั่น”
   พระสุธนมิขัดตัดสัมพันธ์                                             
   จึงชวนกันคืนนครอุดรปัญจาล์

             ๏ ร่วมกินร่วมค้างหว่างไพรพฤกษ์                                 
   เรื่องใดนึกข้องจิตคิดปุจฉา
   พรานเล่า “มีลูกเมียพร้อมหน้าพร้อมตา                         
   อยู่ชายป่าฐานะก็พออยู่ดี

              ๏ แต่หม่อมฉันนั้นนิสัยติดไพรสัณฑ์                   
   อยู่เคหาถ้านานวันปานไฟจี้
   เมื่อเข้าป่าผาสุกทุกข์มิมี                                               
   ใช้ชีวีจัดเจนตระเวนไพร”

             ๏ ถามถึงองค์ชายาพระสุธน                                     
   “คงมากมายหลายคนด้วยหาได้
   สาวร้อยเอ็ดนครามิว่าใคร                                                   
   ปลงฤทัยอยู่ใต้เบื้องพระบาทา”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน พระสุธนมโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 18 ธันวาคม 2018, 06:29:PM
พระสุธน มโนราห์

 

 
           ๏ พรานบุญแสนซาบซึ้งตราตรึงจิต                         
   ด้วยมิคิดได้รับเกียรติมาแต่ก่อน
   จึงหมอบราบกราบก้มพนมกร                                     
   กล่าวสุนทรตอบไปใจตื้นตัน

             ๏ “ขอร่วมทางกลับเคหาในครานี้                             
   ต่อไมตรีมิตรใหม่ให้คงมั่น”
   พระสุธนมิขัดตัดสัมพันธ์                                             
   จึงชวนกันคืนนครอุดรปัญจาล์

             ๏ ร่วมกินร่วมค้างหว่างไพรพฤกษ์                                 
   เรื่องใดนึกข้องจิตคิดปุจฉา
   พรานเล่า “มีลูกเมียพร้อมหน้าพร้อมตา                         
   อยู่ชายป่าฐานะก็พออยู่ดี

              ๏ แต่หม่อมฉันนั้นนิสัยติดไพรสัณฑ์                   
   อยู่เคหาถ้านานวันปานไฟจี้
   เมื่อเข้าป่าผาสุกทุกข์มิมี                                               
   ใช้ชีวีจัดเจนตระเวนไพร”

             ๏ ถามถึงองค์ชายาพระสุธน                                     
   “คงมากมายหลายคนด้วยหาได้
   สาวร้อยเอ็ดนครามิว่าใคร                                                   
   ปลงฤทัยอยู่ใต้เบื้องพระบาทา”


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 20 ธันวาคม 2018, 09:44:AM
ธนุ เสนสิงห์

             ๏ พรานบุญแสนซาบซึ้งตราตรึงจิต                         
   ด้วยมิคิดได้รับเกียรติมาแต่ก่อน
   จึงหมอบราบกราบก้มพนมกร                                     
   กล่าวสุนทรตอบไปใจตื้นตัน

             ๏ “ขอร่วมทางกลับเคหาในครานี้                             
   ต่อไมตรีมิตรใหม่ให้คงมั่น”
   พระสุธนมิขัดตัดสัมพันธ์                                             
   จึงชวนกันคืนนครอุดรปัญจาล์

             ๏ ร่วมกินร่วมค้างหว่างไพรพฤกษ์                                 
   เรื่องใดนึกข้องจิตคิดปุจฉา
   พรานเล่า “มีลูกเมียพร้อมหน้าพร้อมตา                         
   อยู่ชายป่าฐานะก็พออยู่ดี

              ๏ แต่หม่อมฉันนั้นนิสัยติดไพรสัณฑ์                   
   อยู่เคหาถ้านานวันปานไฟจี้
   เมื่อเข้าป่าผาสุกทุกข์มิมี                                               
   ใช้ชีวีจัดเจนตระเวนไพร”

             ๏ ถามถึงองค์ชายาพระสุธน                                     
   “คงมากมายหลายคนด้วยหาได้
   สาวร้อยเอ็ดนครามิว่าใคร                                                   
   ปลงฤทัยอยู่ใต้เบื้องพระบาทา”



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 20 ธันวาคม 2018, 09:49:AM
พระสุธน มโนราห์

     
  ๏ พระสุธนจึงมีวาทีตอบ                                         
       “มิชื่นชอบหญิงใดในโลกหล้า
        แม้จำนงคงไม่ถึงซึ่งเวลา
        มิต้องตาต้องจิตเหมือนปิดใจ

                  ๏ สักวันคงพบเนื้อคู่ชื่นชูชิด
        ฉันมิใช่ไร้ดวงจิตพิสมัย”
        เหมือนเปิดอกคุยกันพร้อมครรไล
        เผยความนัยแก่มิตรมิปิดบัง

                 ๏ จนมาถึงซึ่งนิเวศเขตไพรสณฑ์
        ทางสองแพร่งแห่งหนคนละฝั่ง
        กล่าวอำลาพาทีไมตรียั้ง
        พระสุธนมุ่งสู่วังเมืองปัญจาล์

                  ๏ ขึ้นเฝ้าพระชนก ชนนีท่าน
        รื่นสราญเชิดศักดิ์ยิ่งนักหนา
        เป็นเอกองค์มงกุฎราชบุตรา
        ทรงเดชาประเทืองเลื่องไผท
 
                  ๏ กาลภายหน้าปกไพร่ฟ้าประชารัฐ
        เป็นกษัตริย์โลกเชิดชูผู้ยิ่งใหญ่
        สืบสันตติวงศ์องค์ราชัย               
        คือนิรัติศัยแห่งวงศ์วาน
   



หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม 2019, 12:29:PM
๒๓

ธนุ เสนสิงห์

                ๏ กล่าวถึงอีกเมืองซึ่งชื่อพ้อง                           
     “ปัญจาละ” ที่สองใหญ่ไพศาล
      อยู่ทิศประจิมแดนแสนกันดาร                                             
      ด้วยราชันนั้นใจพาลถืออาธรรม์

                ๏ เกิดข้าวยากหมากแพงทุกแห่งหน                         
      ประชาชนทุกข์เข็ญทั่วเขตขัณฑ์
      ต่างนครอุดรปัญจาล์นั้น                                               
      จึงพากันทยอยโยกย้ายไป

               ๏ ที่ทุกข์ร้อนหมายผ่อนคลายไปหาเย็น                     
      นั้นย่อมเป็นปกติแห่งวิสัย
      ชาวปัญจาล์ประจิมน้อยเหลือใจ                                   
      องค์ราชันนั้นแจ้งนัยเหตุคดี

                ๏ หลังประชุมเสนามหาอำมาตย์                             
      เพิ่งสามารถรู้ความตามวิถี
      ว่าเหล่ามวลมหาประชาชี                                               
      ย้ายถิ่นหนีทุกข์ยากจากพารา

                ๏ สู่อุดรปัญจาล์นาครสวรรค์                                         
      ที่พืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์กว่า
      ดินน้ำดีด้วยบารมีจอมนาคา                                           
      ผู้ขึ้นมาทำหน้าที่บริบาล         


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม 2019, 12:40:PM
๒๕
ธนุ เสนสิงห์

                ๏ ราชาฟังดังนั้นพลันกริ้วเหลือ                                 
      นาคโอบเอื้อมิมาถึงถิ่นสถาน
      บริภาษจอมนาคาว่าสาธารณ์                                         
      กระทำการโดยฉันทาถืออาธรรม์

                ๏ จึงระดมพราหมณ์ที่มีพระเวท                               
      มากฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่ในเขตขัณฑ์
      ให้เข้ามารวมกลุ่มประชุมประชัน                                   
      เพื่อคัดสรรผู้อาสาจับนาคี

                ๏ เมื่อได้พราหมณ์ตามจิตที่คิดหมาย                             
      จอมราชันบรรยายให้หน้าที่
     “จับเป็นมาก็ได้ตายก็ดี                                                     
      รางวัลมียศศักดิ์มากตอบแทน”

                ๏ พราหมณ์ทูลลาคลาไคลมิได้ช้า                               
      มุ่งอุดรปัญจาล์ทำตามแผน 
      สืบถามหาสระน้ำประจำแดน                                       
      จนมั่นแม่นโคนหว้าใหญ่รอยไม่จาง

                ๏ จึงทดลองมนตรากับยาสั่ง                                       
      พ่นลงยังสระใหญ่ใสกระจ่าง
      ในฉับพลันธารพลุ่งไอฟุ้งคว้าง                                 
      จากใจกลางสระงามน้ำขุ่นตม [/size]


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม 2019, 12:46:PM
๒๖
พระสุธน มโนราห์

               ๏ พราหมณ์ปลื้มใจในวิชาฤทธิ์ยาขลัง                       
     มีพลังเหมือนหมายใจสุขสม
     จวนจะค่ำทำเพิงค้างกางฝนลม                                       
     ทวนอาคมคาถาวิชามาร

               ๏ วางแผนมั่นเข้าวันใหม่เข้าในป่า                             
     เก็บว่านยาพิษร้ายเพียงไฟผลาญ
     มากพอที่บีฑานาคามลาน                                               
     จึงเริ่มงานที่เป็นไปดั่งใจคิด   

               ๏ แลถึงคราพญานาคราช                                           
     ต้องมนตราพยาบาทนั่งไม่ติด
     ร้อนรุ่มนักดังอัคคีเผาชีวิต                                                     
     ปานเข็มพิษทะลวงดวงฤทัย

               ๏ เกิดสังหรณ์ร้อนจิตผู้คิดร้าย                                       
     มุ่งทำลายด้วยเวทเดชยิ่งใหญ่
     อยากให้การณ์อันระแวงนั้นแจ้งใจ                                 
     จึงคลาไคลขึ้นเหนือพื้นปฐพี

               ๏ แล้วจำแลงแปลงกายเป็นชายหนุ่ม                           
     มาดักซุ่มดูลาดเลาเฝ้าพื้นที่
     หาพบเห็นผู้ใดใจมิดี                                                     
     ไม่อยากรอจรลีตามร่องรอย


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 มกราคม 2019, 01:31:PM
๒๗
ธนุ เสนสิงห์

               ๏ ได้พบพราหมณ์หมองูพักอยู่ยั้ง                               
     รู้ผู้ที่มีพลังต้องร้างถอย
     อกประอุกทุกข์ใหญ่มิใช่น้อย                                             
     เสโทย้อยย่ำย่างตามทางมา
 
               ๏ ดังกุศลผลบุญหนุนนำให้                               
     พบพรานไพรพอดีที่ชายป่า
     จึงทักทายไต่ถามความนานา                                                       
     “ท่านเป็นชาวพาราแห่งใดฤๅ”

               ๏ พรานบุญตอบมอบน้ำใจไม่เย่อหยิ่ง                         
     ตามความจริงจากใจอันใสซื่อ
     “ชาวอุดรปัญจาละนามระบือ                                             
     ชนเลื่องลือแดนอุดมสมบูรณ์ดี”

               ๏ “เหตุจากไหนใครบันดาลเช่นนั้นได้                                         
     จึงปลอดภัยไร้ทุกข์เป็นสุขศรี”
     พรานบุญตอบ “เป็นความชอบของนาคี                           
     บารมีปกปักรักษ์มานาน”

               ๏ “ถ้าจู่จู่มีผู้จ้องปองร้ายนาค                                         
     มีฤทธิ์มากเกินที่นาคีต้าน
     ความคิดเห็นเป็นไฉนในดวงมาน                                   
     แม้นเหตุการณ์คับขันกระนั้นแล้”




หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 มกราคม 2019, 01:38:PM
๒๘
พระสุธน มโนราห์

               ๏ พรานบุญว่า “หามีใครในเมืองนี้                             
     ความคิดมีอย่างท่านนั้นกล่าวแน่
     หรือว่าคนคนนั้นคือท่านแท้                                           
     ที่แปลกหน้ามาตั้งแง่ให้งวยงง

               ๏ ต้องม้วยมรณ์ด้วยศรพรานเป็นการตอบ                             
     คิดมิชอบกับนาคาค่าสูงส่ง”
     เห็นท่าทีที่รักกันเป็นมั่นคง                                             
     ดังจำนงนาคจำแลงเลิกแปลงกาย

               ๏ เป็นนาคีแล้วมีคำพร่ำเฉลย                                       
     ว่า “ท่านเอ๋ยเราทุกข์สุขสลาย
     ด้วยมีพราหมณ์มากฤทธิ์ใช้พิษร้าย                                 
     ย่ำกล้ำกรายกายินถึงวิญญาณ์

               ๏ เขาตั้งหลักพักกายชายไพรศรี                                 
     คงเตรียมการณ์ผลาญชีวีเราวันหน้า
     ขอไหว้วานท่านด้วยช่วยเมตตา                                       
     เรานาคานี้จะเทิดพระคุณ”             
           
               ๏ พรานแน่ชัดว่าสัตย์จริงมินิ่งอยู่                                     
     ขออาสามาเป็นผู้ช่วยเกื้อหนุน
     จะปกปักรักษ์นาคาที่การุณย์                                         
     คอยค้ำจุนปัญจาล์มาเนิ่นนาน


หัวข้อ: Re: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน พระสุธนมโนราห์
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 06 มกราคม 2019, 01:52:PM

[/size]
พระสุธน มโนราห์

               ๏ “ท่านจงกลับคืนวังตั้งใจเถิด                                   
     เหตุร้ายใดจักไม่เกิดขึ้นกับท่าน
     ข้าจะเฝ้าสระเอาไว้ป้องภัยพาล                                       
     ถ้าใครมากระทำการอันพิกล

               ๏ ต้องม้วยมรณ์ด้วยศรพรานผลาญชีวิต                         
     สมโทษทัณฑ์ที่มันคิดอกุศล”
     นาคาว่า “ถ้าทำร้ายก่อนคลายมนต์                                 
     เราต้องทุกข์รุกรนนานนิรันดร์
 
     ๏ ควรสำทับกับเขาให้คลายมนต์ก่อน                               
     ตามขั้นตอนน้ำในสระจะแปรผัน
     ไว้ชีวีดีหรือไม่ต่อไปนั้น                                                   
     มิกีดกันท่านตามจิตพินิจความ”

               ๏ ตกลงได้เหมือนดังที่ตั้งจิต                         
     วิเคราะห์กิจถ้วนถี่มิหยาบหยาม
     เขาก็ศิษย์มีครูมิวู่วาม                                                   
     ต้องทำตามแผนการวางงานไว้

                ๏ จำประจัญมันผู้ที่มีจิตต่ำ                                           
     มายีย่ำผู้ทำดียอมมิได้
     มิประมาทรู้ว่าพลาดอาจมีภัย                                           
     จึงซุ่มกายภายในร่มไม้บัง