หัวข้อ: O .. คืนแห่งจันทร์ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 27 มีนาคม 2014, 08:48:PM บุรุษที่หนึ่งริมน้ำ ณ โคนพฤกษ์
อีทิสังฉันท์ ๒๐ O ย้อนอดีตะกาละผ่านผจญ- ผจัญกะเยาวะเขลานุสน- ธิ-เมามาย O จินตนาภวังคะยังสยาย ประนังประเล่หะเพทุบาย จะกลายกล O แผ่วพระพายพะพลิ้วระริ้วสุคน- ธะกลิ่นพะยอมก็ล้อมก็ลน กระวนมา O เงียบสงบสงัดพนัส, สภา- วะธรรมะย่อมประนอมสถา- ปนานัย O หนึ่งดนูสมาธิพาฤทัย กระวนพิจารณาพิจัย พิสัยนั้น O งามสงบสง่าสภาวะบรร- ลุฌานประภาพ ณ คาบผจัญ ผจญมาร บุรุษที่สอง ริมใจ ณ ในกาย สัทธราฉันท์ ๒๑ O หนึ่งตั้งหยั่งลง ณ สงสาร อุบัติพิริยะญาณ เพลินเจริญนาน ตระการกล O แตกดอกออกช่อพะนอผล สมรรถะภวะกมล มุ่งจะปรุงปรน สกลกาย O แผ่หวานผ่านชื่นระรื่นปลาย ศักยะพละสยาย งามละลามสาย ขจายตอน O ดำรงคงอยู่บ่รู้มรณ์ สถิตะรตินิวรณ์ เมาหะเว้าวอน บ่ผ่อนผลาญ O จำรัสจำเริญเผชิญกาล รัถยะมละตระการ นำชอ่ำมาร ผสานมนต์ O แล่นเลื่อนเคลื่อนชาติพิฆาตชนม์ สถิตะทุระทุรน รัดกระหวัดลน กมลหมอง อาคันตุกะราตรี สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ O ใครหนอนั่น-บ-ริ-บทเพราะยศ-ด-ละ-ผยอง ตัวตนสิหล่นนอง - - - ไฉน O คอนฐานัน-ด-ระ-ศักดิหนัก-ระ-ดะ-ไผท คล้อยเคลื่อนจะเลื่อนไหล - - - ทะลาย O หยัดตนเยี่ยง-ท-ระ-นงจะคง-ภ-วะ-บ่-กลาย ภพชาติคาดหมาย - - - บ มรณ์ O ภาคหนึ่งนั่น-คุ-รุ-ศัพทะจับ-บ-ละ-บ-ถอน ภาษสรรพกระชับคอน - - - สิขรม O เสียงยอศี-ละ-ประ-นังสิดัง-ก-ละ-ระดม- เรี่ยวแรงจะแข่งพรหม - - - ะดาล O ใครหนอนั่น-นิ-ระ-หวั่นผจัญ-กะ-วิ-ญ-ญาณ เย้ยหยันจะบั่นมาร - - - เผชิญ โฉมสะคราญสุดแดนดิน วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ O กลางน้ำทิฆัมพระสะท้อน- ศศิธร-ก็พิศเพลิน พร้อมลมระห่ม, นัยน์สะเทิ้น- ฤ จะเขินเพราะแววตา ? O จันทร์ภาสพิลาส ณ คคนานต์ สิริปานจะปันปรา- กฎมอบ ณ ขอบทิพะปุรา กระจะฟ้าขจ่างฝัน O ลมล้อชลาลัยะกระเพื่อม บทะเหลื่อมรุจีจันทร์ พลัน..!.โฉมประโลมอุระถวัล- ยะประชันจะรอชม O ล้ำสรรพะอัปสระสวรรค์ จิตะนั้นก็จ่อมจม ด้วยลักษณ์ฉลักรติภิรม- ยะ ฤ ข่ม ฤ ขับหาย O โดยเลศและเนตระสมร ดุจะอ้อนจะเอียงอาย ช้อยร่างระหว่างนัยนะชาย ดุจะฉายประทับโฉม O แนบอยู่ก็ภูษิตะพะพลิ้ว ระดะริ้วพระพายโลม ยิ้มเยื้อนและเคลื่อนรมยะโหม- ภวะโสมนัสสนอง O เนตรฉายสยายรหัสะเลศ ประจุเจตะจับจอง แผ่อิทธิฤทธิ์รชะตระกอง ตละจ้องก็จับใจ เงาดำจากบาดาล อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ O ครืนครั่นสนั่นสรวง ชุติช่วงก็ชอนไช ส่ายเส้นและเต้นไหว กละใกล้จะถึงกาล- O เปลวไฟประลัยล้อม ชิวะหลอมปลาตลาญ โศกศัลยะบรรสาร- ทรมานและมืดมน O เงาภาพะรูปพิมพ์ แสยะยิ้มก็เมื่อยล แววเนตรและเลศฉล ดละกลประกอบการณ์ O ราวเรื่อง ณ เบื้องหลัง ตละครั้งก็คืบคลาน- สร้างภาพะโวหาร พิสดาระลวกลน O ยึดโลกะรายรอบ ดละกรอบประกันตน ถ้วนพิศะติดกล อัตะดละเหนี่ยวดึง O เมาโมหะโลภหลง กุธะองคะอื้ออึง น้อมนำ ณ คำนึง เฉพาะซึ่งมโนสรรค์ O ครบถ้วนกระบวนถ้อย ก็ประดอยประดิษฐ์พัน- ผูกล้อมและย้อมขวัญ ระบุชั้นกะเชื้อชน ดับกล .. อนธการ ภุชงค์ปยาตฉันท์ ๑๒ O ประหนึ่งหมอกระลอกมัว จะล้าตัวละลายตน เพราะเรื้องแสงและแรงสน- ธิอำพนกมลพร้อม O ระบิลบทะงดงาม พยายามและยินยอม- พิจัยเรื่องและหล่อหลอม- กมลน้อมประนังนัย O นิวรณ์ล้อมตะล่อมร่าง ก็รู้วางและรู้ไว สะคราญรูปะวูบไหว ก็รู้ใจ บ รู้จน O อุฬารอัตตะขัดออก จะหลุดลอก บ ลวกลน อหังการะแกร่งกล ขจัดผละเผาผลาญ O ประคองธรรมะนำทิศ กระบวนพิศะพ้องพาน, กระบวนทัศน์ปทัสถาน เหมาะควรการณ์และควรกรรม O พิจัยความ บ ฟุ้งเฟื่อง และรูปเรื่องก็ควรนำ- ประกอบถ้อยและคอยทำ- นุ หนุนค้ำและย้ำคิด O ประดาสรรพะจับจ้อง จะครอบครองและปองสิทธิ์ เพราะไตร่ตรองและมองพิศ ก็แจ้งจิตเพราะปัญญา สยบนงคราญ วสันตวงศ์ฉันท์ ๑๕ O บัดดลพิมลศศินะแสง กระจะแจ้งประโลมนภา บัดนั้นก็พลันวุฒิสถา- ปนะภาวะโลมฤทัย O เผยงาม ณ ยามระยะเหยาะย่าง สรพางคะงามประไพ วงพักตร์ประจักษ์เฉพาะจะไหว- หฤทัยถวิละหวัง O งามพิศก็จิตพิริยะพร้อม- จะถนอมประนอมประนัง ช้อยรูปะลูบบทะภวัง- คะประดัง ณ ห้วงฤดี O โหยหาเพราะอาลัยะกระหวัด ปฏิพัทธะพร้อมจะพลี- ชาติภพะจบสุภะสรี- ระสตรีทุรนทุราย O ใคร่ครวญะล้วนสมระรูป จิตะวูบ บ เว้น บ วาย วรรณาเพราะกาละจะสลาย สิริกลายสภาพะการณ์ O ร่วงโรยจะโบยสรรพะสรีร์ นิระที่จะทนจะทาน เหี่ยวย่นจะวนสมะสมาน- วรรณะคราญระคนระคาย O วันชื่น ฤ ฝืนยุคะสมัย ก็เพราะขัยจะกร่อนจะกลาย น้ำนวลจะหวนบทะ ฤ หมาย ? พิศะชายจะเฉื่อยจะช้า เอกะยุทธกระบวน สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ O โอ้..ราตรีขณะจันทร์ถวัลยะนภา งันเงียบยะเยียบพา - - - สะพรึง O โอ้..ราตรีสรรพะสิ่งนะนิ่งกละจะพึง- คอยผัสสะรัดรึง - - - ระรัว O รูปพักตร์งามก็สะอาง ณ กลางนิละสลัว แนบขวัญและพันพัว - - - ฤทัย O เนตรต่อเนตรขณะสบก็ครบทิฐิวิสัย แจ้งเภทและเลศนัย - - - ะนั้น O ริมฝั่งชลทุขะปวงละช่วงนิระประจัน- จิตผู้เสาะรู้, บรร - - - ลุนัย O แขเพ็ญดวงขณะชาติพินาศ, ภพะประลัย ยึดมั่นก็สั่นไหว - - - บ เวียน O น้ำค้างหยาดตั-ณ-หาละลาหทัยะเธียร เวทน์ผัสสะตัดเตียน - - - เพราะตรอง O กลางเงียบงันเฉพาะภาวะอายตนะผอง หยุดเป็นและเว้นปอง - - - บ ปรน O ปลิดปลงรูปะและนาม ณ ยามทิฐิพิมล ห้าวหาญะลาญกล - - - ณ กาล O ท่ามกลางจันทระภาสพิลาสะวิ-ญ-ญาณ- หยุดยั้ง-เพราะสังขาร - - - ละคลาย O จันทร์จางรูปและอวิชชะฤทธิก็สลาย ตัวตนก็ป่นวาย - - - บ วน O จบสิ้นอาสวะเหตุและเภททุระผจญ หักสิ้นก็สิ้นมน - - - ตระมาร จอมคนบนปฐพี วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ O จันทร์พร่างระหว่างภพะประลัย นิระใดจะบันดาล- ปรุงแต่ง-เพราะแรงทิฐิพิชาน อุปการะบทกรรม O แจ้งการณ์เพราะลาญมุหะ ณ ใน- หฤทัยะด้วยธรรม ดับฤทธิ์อวิชช์บทะกลัม- พ-ระตำหนิในตน O แจ้งใดจะดั่งอริยะญาณ ประจุมาน-ละมืดมน แจ้งนั้นเพราะสัทะและกมล อนุสนธิกลางศศิน http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2013&date=20&group=2&gblog=77 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2013&date=20&group=2&gblog=77) add complete by klonthaiclub fb |