พิมพ์หน้านี้ - ภายในห้อง : (เรื่องเล่าของเขาสองคน) : และความมืดมนในหัวใจ

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => เรื่องซึ้งๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: พิมพ์วาส ที่ 25 สิงหาคม 2012, 03:13:PM



หัวข้อ: ภายในห้อง : (เรื่องเล่าของเขาสองคน) : และความมืดมนในหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: พิมพ์วาส ที่ 25 สิงหาคม 2012, 03:13:PM
ภายในห้อง : (เรื่องเล่าของเขาสองคน) : และความมืดมนในหัวใจ

บนเส้นทางกว้างไกล โลกใบหนึ่ง
หน้าต่างขึงตรึงลวด – และขวดเหล้า
เสียงหายใจไล่ถี่ปรี่บางเบา
กับหนึ่งเงาเศร้าหมองในห้องดำ

หรี่ตะเกียงเพียงน้อยพลอยอ่อนแสง
เส้นทแยงแหว่งเว้า-เย้าเยาะขำ
ฝนเริ่มรินร่วงตก – ห้องรกจำ-
รีบเร่งทำทีเก็บเหน็บซอกมุม
กระจกหม่นฝนจู่ประตูเปิด
ไอเย็นเกิดการปะทะ ใจกลุ้ม
นอนห่มผ้าตาตื่นเร่งรีบคลุม
ก่อไฟสุมอุ้มเอาไออุ่นรอน

หยดฝนลัดกัดแทะและเซาะเหล็ก
ในเรื่องเล็กหลายลากใจอยากซ่อน
ทุกทุกสิ่งนิ่งหยุดรุดหลายตอน
ไม่อาจย้อนจรลับกลับแก้นั้น
!

   “ปาง คุณจะไปไหน” เสียงร้องถามจากหญิงสาวผู้เป็นภรรยา เธอตื่นขึ้นมาในค่ำคืนซึ่งฝนกำลังเทกระหน่ำ
   “คุณไม่ต้องยุ่งกับเรื่องของผมสักเรื่องได้ไหม ผมจะไปไหนก็เรื่องของผม” ชายหนุ่มกระแทกเสียงตอบ
           ความเงียบเข้าครอบคลุมภายในห้องชั่วขณะ สายฝนโจมจู่กระแทกเสียงกับหลังคาอย่างบ้าคลั่ง ประตูบ้านเปิดออกพร้อมร่างชายหนุ่มก้าวออกไป เขาท่าทางหงุดหงิดและอารมณ์เสียเขาเหมือนคนที่กำลังจะบ้าคลั่ง
     ภายในห้องขวดเหล้ากระป๋องเบียร์วางเกลื่อนบนเฟอร์นิเจอร์โต๊ะไม้ราคาแพง สายฝนกระหน่ำภายนอกบ้าน เสียงหายใจของเธอถี่ ‘ปางคุณไปไหนนะ’ หญิงสาวรำพึงกับตัวเองในใจ หลอดไฟเจ้ากรรมเริ่มกะพริบแสงทำท่าจะดับ ภายในบ้านหลังใหญ่กับเธอเพียงคนเดียว ‘เขาไปไหน?’ เธอร้องถามอยู่ในใจ ไฟทำท่าจะดับ ในที่สุดห้องก็มืดมือเรียวเล็กเจ้าของนิ้วเรียวยาวปิดมันลง ภายในบ้านได้ยินเพียงเสียงหายใจเข้าออกและจังหวะเดินของนาฬิกาในแต่ละวินาที สายฝนเริ่มซา เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมสีครีมรอ ‘เขา’ กลับมา
     ๓.๐๗ น.
เขากลับมาพร้อมร่างที่เปียกโชกเธอมองเขาอย่างห่วงใย
     “ปางคุณ...”
     “คุณอย่าเพิ่งพูดอะไรได้ไหมผมขอผ้าขนหนูที” เธอยังไม่ทันจะเอ่ยถาม เขาก็สั่งพร้อมทิ้งร่างที่เปียกปอนลงที่เก้าอี้นวมแทนเธอ เธอวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูมาให้เขา
     สายตาของเขามองเธอจากกระด้างค่อยกลับเป็นอ่อนโยน
     “รินผม... ผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”เขาพูดพร้อมกับโถมร่างที่ค่อยชื้นเข้าโอบกอดเธออย่างคนที่ต้องการหาไออุ่น ‘ริน’ ไม่ได้พูดอะไรเธอเงียบรอให้เขาอธิบายเอง
     “ผม ผม ผมขอโทษริน ผมขอโทษ”หน้าของเขาซบที่อกเธอ รินสัมผัสกับร่างเขาที่เย็นเฉียบ หน้าของเขาดูเซียวไร้เลือดเนื้อ
     “ที่แล้วมาผมต้องขอโทษคุณนะริน ผมรู้ว่าคุณรักผมมาก ผมก็รักคุณนะริน” น้ำตาของเธอรินไหลลง เขาประคองดวงหน้าของเธอไว้ เขาและเธอมองสบตากันนิ่งนาน
     “ไปอาบน้ำเถอะค่ะปางดึกมากแล้วเดี๋ยวไปทำงานไม่ได้นะคะ” เธอพูดพร้อมดันร่างเขาออก
     
     กลิ่นแชมพูอ่อนๆจากตัวเขาส่งกลิ่นโชยมา
ปางเบียดร่างตัวเองแนบชิดกับริน เขานอนกอดเธอเงียบๆอย่าง ๔ ปีก่อน เขาซบหน้าลงกับแผ่นหลังนุ่มของเธอ
     “ถ้าผมไม่อยู่แล้วรินดูแลลูกให้ดีนะ ผมจะคอยดูแลรินและลูกอยู่ห่างๆรินไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ”เขากระซิบบอกเธอ
     “ปางจะไปไหนคะ”เธอถามเขาเบาๆน้ำเสียงห่วงหา
     “ผมไม่ได้ไปไหนผมก็อยู่กับคุณที่นี่แหละ” เขากระชับอ้อมกอดแน่นอีก

อรุณรุ่งแสงแดดสีทองละมุนฉาบเตียงนอนสีครีมปักลายกุหลาบหวาน ม่านหน้าต่างพลิ้วไหว
   รินลืมตาตื่น เธอพลิกตัวกลับไปหาปาง
     “ปางคะ”เธอเรียกเขาเสียงเบา
     “ปาง! ปาง! คุณอยู่ไหน” เธอลุกขึ้นมองเตียงที่ไร้ร่องรอยของคนที่นอนคู่เคียง
     “ปาง ปาง ปางคะ” เธอร้องเรียกเขาไปทั่วบ้าน แต่เงียบ สิ่งเดียวที่ได้ยินคือ เสียงของตัวเธอเอง
     ‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ’ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอกดรับพร้อมกับกรอกเสียงลงไป
     “สวัสดีค่ะ” เธอพยายามคุมเสียง
     “รินเธอรีบมาโรง’บาลเดี๋ยวนี้เลยนะ”คนปลายสายพูด
     “เปรี้ยวมีใครเป็นอะไร”เธอพูดด้วยความตกใจ ในใจนึกถึงปางแต่เขาก็มานอนกับเธอเมื่อคืนนี่ เธอพยายามปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก
     “คุณปางเขา เธอรีบมาเถอะ” ‘เปรี้ยว’เพื่อนของเธอกดตัดสาย

เธอมาถึงโรงพยาบาลเปรี้ยวแฝดคนละฝากับปางเธอนั่งรออยู่ที่หน้าห้องไอซียู
     “เปรี้ยวปางเป็นอย่างไรบ้าง” ดวงตาคู่สวยของเธอแดงกำ
     “ยังไม่รู้เลยริน...”เธอตอบเสียงอ่อน
หลังจากที่รินมาถึงโรงพยาบาลได้สักครู่หมอที่ทำการช่วงชีวิตผู้ป่วยก็เดินออกมา รินลดารีบรุดวิ่งไปหาผู้เป็นหมอ “คุณหมอคะปาง ปางเขาเป็นอย่างไรบ้างคะ” น้ำตาของเธอรินไหลลงมาเป็นสาย
   หน้าของหมอขรึม ทำเอารินใจไม่ค่อยดี
     “หมอคะ...”เปรี้ยวพูดขึ้นมาด้วยเสียงอ่อน
     “คนไข้ปลอดภัยดีครับคงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักเดือยสองเดือนเนื่องจากสมองได้รีบการกระทบกระเทือนอย่างหนัก” หมอพูดพร้อมยิ้มออกมา ทั้งรินและเปรียวก็ใจชื้นขึ้นที่ปางไม่เป็นอะไรมากเพียงแต่ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

   ๒ เดือนกับอีกวันเศษต่อมา
     “ปางคะ” รินส่งยิ้มไปให้เขาที่นอนอยู่บนเตียง “อีกสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะคะ”
ดวงหน้าของรินแดงเมื่อเธอจะพูดประโยคต่อไป “ปางรินท้องได้สามเดือนแล้วค่ะ” ดวงหน้าของเธอขึ้นสีชมพูฝาด
“จริงหรอริน ผมจะได้เป็นพ่อคนแล้ว”เขาพูดอย่างดีใจโดยลืมอาการของคนป่วยไปชั่วขณะ
“อย่าหักโหมสิคะ” รินเดินไปหาเขาที่เตียงพร้อมกับดันให้เขานอนลง “แผลที่หักรถหลบแล้วไปชนกับต้นไม้ยังไม่หายดีเลย”เธอทำเสียงดุ
     คนเจ็บหันมายิ้มให้คนทำเสียงดุ “รินในคืนนั้น ผมฝัน ผมฝันว่าผมไปหาริน” ริมฝีปากบางเฉียบของรินยิ้มขึ้นน้อยๆ
     “ค่ะ รินก็ฝันเหมือนกันค่ะ”
ทั้งสองคนประสานสายตากัน
 

โลกยังหมุนเวลาก็เดิน เสียงหัวใจก็ย่อมมีหักเห....
เขาคนที่รักเธอสุดหัวใจกับเธอคนที่รักเขานิรันดร์ เรื่องของเขาที่เขายังไม่บอกเธอ กับเธอคนที่ไม่ต้องการเหตุผลของเขา ‘เรื่องเล่า’ ของเขาทั้งสองคนก็จบเพียงเท่านี้ค่ะ คนเขียนก็อาจจะเบอะๆบ๊ะๆก็นะคะ แต่จากหัวใจค่ะ เรื่องสั้นๆกับกลอนใช้เวลานั่งตั้ง ๒ ชั่วโมงเข้าใจคนที่เขาเขียนวนิยายเลยค่ะ คงจะเมื่อยหน้าดูเลยก็ถ้าผิดพลากประการใดก็ฝาก PM มาบอกด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 

ก่อนจะรู้ดูดายปลายชีวิต
ในลิขิตของใจในความฝัน
ซอกมุมของเรื่องเล่าที่เล่าอัน
เกินจะกลั่นเป็นร้อยกรอง ร้อยเรียงความ...


หัวข้อ: Re: ภายในห้อง : (เรื่องเล่าของเขาสองคน) : และความมืดมนในหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 30 สิงหาคม 2012, 01:29:PM

emo_107   emo_116   emo_95

โห เรื่องเล่าของเธออ่านเจอแล้ว
ดุจดวงแก้วแววไวอยู่ในห้วง
ประกายเพชรเก็จวาวดุจดาวดวง
เด่นบนสรวงแห่งบรรณวรรณกวี

ดั่งนักเขียนอาชีพจึงชื่นชอบ
เธอได้มอบความฝันอันสดศรี
ขอให้เธอรุ่งเรืองเฟื่องวาที
ผ่านเดือนปีเปรื่องปราชญ์พิลาสงาม emo_56

 emo_126

“ไพร พนาวัลย์”

ไปอ่านเจอผลงานดีๆของหนูพิมวาสเข้า จึงเอามาให้ดูอีกครั้ง
ทีแรกคิดว่า เป็นนวนิยาย จากนักเขียนมืออาชีพซะอีก

 emo_95   emo_95   emo_95


หัวข้อ: Re: ภายในห้อง : (เรื่องเล่าของเขาสองคน) : และความมืดมนในหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 30 สิงหาคม 2012, 02:46:PM
เศร้าใน ห้วงจิต คิดลึก
รู้สึก ไม่ดี ที่อ่าน
คิดมาก กลัวบาป รุกราน
หยุดอ่าน ตอบกลอน สะท้อน
สองคน สองใจ ตั้งมั่น
ช่วยกัน ดูแล หนาวร้อน
ต่างคน ต่างใจ อาวรณ์
อาทร เอาใจ ซึ่งกัน
รู้สึก ความใน ใจเขา
ที่เรา ไม่เห็น เป็นสั่น
นึกว่า หมดแล้ว แซวลั่น
ตัวสั่น รีบเดิน เขินไป