พิมพ์หน้านี้ - เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => เรื่องทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: ไร้นวล^^ ที่ 26 มิถุนายน 2012, 11:22:PM



หัวข้อ: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 26 มิถุนายน 2012, 11:22:PM
ก่อนอื่นกระผมพนมะกร     วจะวอนคณาจารย์
อีกทั้งมุนินทระผสาน        ชุติฉันทะบรรยง(๑)

ร่วมร้อยวลีวชิระกานท์     รสะหวานวิรุฬห์หงส์
ครบครันลุพันวิชุระคง      ภระบ่มประสมบูรณ์(๒)

หลากหลายประเภทะนยะฉัน-   ทะประพันธะจำรูญ
ผู้น้อยกระผมศิระมิศูนย์     ริระบัดระเมียดฉันท์(๓)

เริ่มด้วยวสันนะตดิลก       สุอุทกประพรมพรรณ
รินไหลกระสินธุสุภะพลัน    รุจิราประดาพราว(๔)

แล้วเร่งผลิอินทระวิเชียร     พิระเพียระครั้งคราว
บรรเลงน่ะมาณวกะวาว     วิเมลืองประเทืองไทย(๕)

ร้อยแปดชนิดวิจิตะศูน-   ยะจรูญะเกริกไกร
อันปิงคละจารย์ประจุไสว    รจนาประดาฉันท์(๖)


กริ่งเกรงฤทัยจัง          เพราะภวังคะความฝัน
ยากยิ่งจะถึงพัน         ก็นะยังจะอยากเดิน(๗)

แหมผมก็เห็นเพื่อน       ก็เสมือนเสมอเพลิน
คับคั่งซะเหลือเกิน        อภิกาพยะคำโคลง(๘)


จึงจิตะแย้ม       แต้มสหฉันท์
หวังจะแตะพัน    ฉันน่ะจะโยง
มีน่ะรึคน        สนเฉพาะโคลง
เชิญนะโขยง    บัณฑิตะฉันท์(๙)

ร่ายระยะไกล     ใกล้น่ะก็ดี
เร่งขณะนี้      มีสุขะพลัน
ใครรึจะมา     หน้ารึจะหัน
ครบน่ะรึพัน   ฉันน่ะสิสน(๑๐)
emo_85 emo_73








หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 27 มิถุนายน 2012, 08:09:AM
ทีมโปรตุเกสจะชนะหรือ       ขณะยื้อสเปนชน
เจ้าโด้ขยันซะนะจะยล       เจาะประตูซะสองสาม(๑๑)

แต่มันก็เซ็งคณะประมูล-      แนะจะจูนสะพรึบตาม
เพียงแค่มิจ่ายและจะมิถาม    ก็จะอดระทดเลย(๑๒)

ของฟรีมิมีน่ะสินะท่าน     เฉพาะจานจรดเผย
ไม่ซื้อจะบอกและจะริเปรย  ดนุดูกะเน็ตแทน(๑๓)
emo_85 emo_110


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 27 มิถุนายน 2012, 08:25:AM

....นามา มิไร้นาม.........สิบ่คร้าม ฤพรั่นใด
ร้อยฝัน จรุงใจ.............ปิยะให้ สวัสดี

....ข้าฯจึ่ง จะขอร่วม......ภระสวม มิหน่ายหนี
แม้จัก ละอายที่............ขณะนี้ ละอ่อนจริง (๑๕)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 27 มิถุนายน 2012, 11:15:PM

๐ ชวนแต่งอะไรก็มิจะชวน           อุระอวลระอาอิง
แต่งฉันท์นะใช่ปุปะสวิง                แตะแตะปัดสบัดไป

 ๐ ต้องคุ้ยตะครุบลหุครุคว้าน       อภิธานศัพท์ไทย
คำโดดน่ะยากมหประลัย               ดุจคั้นศิลาคืน

 ๐ แต่เอาเถอะเมื่อประกฤติบท      สตทศสิหยัดยืน
ถึงบ่ายวิบากตบะจะขืน                กลไพร่กระหายพาน

 ๐ ขอเริ่ม ณ บทอรปะรำ           ปฏิสัมภิทาญาณ
จงเดชพระปิงคละวิชาญ              อนุปัสนาทาง

 ๐ ไหว้เอกบรมบุพกวี                 คุรุพลีอเนกวาง
ทางเทพผิท่านมิริกะถาง              บุรทัตสกุลเทียน

 ๐ ขอพันธะพันบทลุบ่วง             ประจุพ่วงประสิทธิ์เพียร
ได้รู้คณาคณะเปรียญ                 ทิพเทศน์วิเศษเทอญ ฯ (๒๑)

พรายม่าน
สันทราย
๒๗ มิถุน ๕๕


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 28 มิถุนายน 2012, 12:29:AM

                     ณ บ้านกลอนไทยวิไลเลิศล้น

เปษณนาทฉันท์ ๑๖

ณ บ้านกลอนไทยวิไลเลิศล้น…………จะรวยหรือจนก็คนอักษร
มิเคยหยามหยันประพันธ์เถิดกลอน…..มิอาจหลับนอนเพราะกลอนตรึงใจ(๒๒)
ประกอบกับจินตนาการเฟื่อง…………..มโนหนุนเนื่องเมลืองฝันใฝ่
จะแต่งกลอนหวานสะท้านนานไกล….รึกลอนหวนไห้สมัยสายัณห์(๒๓)
วิจารณ์สังคมมิค่อยกล้าแต่ง…………...เพราะศัพท์มันแรงและแฝงห้ำหั่น
ก็เล่นกลอนรักสลักรำพัน……………....สนุกต่อกันมิหวั่นอาดูร(๒๔)
ผิใครอยากเก่งเถอะเร่งมือหน่อย……...จะมัวแต่คอยอะไรให้สูญ
สมองเรามีประกายจำรูญ…………….....สหายควรพูนอุดมการณ์เอง ฯ(๒๕)

                                                    อริญชย์
                                                             ๒๗/๖/๒๕๕๕

ปล.เปษณนาทฉันท์เป็นฉันท์ไทย คนไทยคิดประดิษฐ์เอง โดยคุณสุภร ผลชีวิน
อ้างอิงตามนี้

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=538.0



 emo_107 emo_60 emo_107



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 28 มิถุนายน 2012, 01:09:AM
แอบรักประทับใจ    กฏิไซร้ชะอ้อนเช้ง
จิ้มลิ้มจมูกเด้ง      ผิวะพรรณสะโอดองค์

อ้อนแอ้นและลีลา    เยาะอุราระรวยลง
ฝากรักสลักนง-       นุชนวลระหงหอม

ฝากจิตประชิดไป     ณหทัยสมรดอม-
ดมกลิ่นประพัทธ์พร้อม   พิศวาสพิลาศชาย

รักเราประคองเคียง   จะมิเบี่ยงสลายคลาย
รับรักระเมียรหมาย     มนสองสิรองเรือง(๒๙)




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 28 มิถุนายน 2012, 08:49:AM

        (อินทรวงศ์ฉันท์)
        ยินคำสะกิดข้า                            มิประสาประทีปประเทือง
เขียนหน่อยมิสิ้นเปลือง                      ก็จะลองละเลงกะเกลอ (๓๐)

        แหม! คิดประดิษฐ์ฉันท์              เหมาะเหมาะนั้นก็ยากนะเออ
หาศัพท์มิค่อยเจอ                               ลหุน้อยมิค่อยจะคม (๓๑)

        แต่งไปมิกี่บท                             ผิวะพจนานุกรม
ไกลมือก็งมงม                                    งุงิคำระกำอุรา  (๓๒)

        ไหว้ครูก็มิเคย                             เงอะงะเลยละอายวิชา
จำลอกบุราณมา                                แปะแปะไว้ก็ดูจะดี (๓๓)

        ข้าไหว้พระพุทธล้ำ                     และพระธรรมกระจ่างรุจี
พร้อมไหว้พระสงฆ์มี                          คุณะนั้นอนันต์เสมอ (๓๔)

        ข้าไหว้และน้อมเจตน์                 พิฆเนศประจำมิเผลอ
งานศิลป์สิเลิศเลอ                             ก็เพราะด้วยพระเดชพระคุณ  (๓๕)

        ข้าไหว้อเนกครู                           คุรุผู้กระจ่างอรุณ
วางฉันท์สง่าบุญ                                และประศาสน์วิชาประพนธ์ (๓๖)

        ไหว้เสร็จก็เสร็จสรรพ                  ขณะรับและน้อมกมล
ขอฉันท์สะพรั่งหน                              และมิผิดบุราณกระบวน  (๓๗)

        ใครอ่านและผ่านพบ                  ผิวะสบมิถูกมิควร
โปรดช่วยแนะนำถ้วน                        กระเทาะให้กระพี้กระจาย  (๓๘)

        ใครชอบก็เชิญบท                      มธุรสระบัดระบาย
เบิกโลกสะพรั่งพราย                         ประจุฝันและดาริกา (๓๙)

        ฉันท์นี้แหละน้ำค้าง                    เผาะเผาะพร่างสะพรึบพนา
แต้มงามตระการตา                           ขณะหนึ่งก็ซึ้งเสมอ (๔๐)         

กามนิต, ๒๘ มิ.ย.๕๕
 emo_85


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 28 มิถุนายน 2012, 12:15:PM
(อุปัฏฐิตาฉันท์ 11)

จุดโทษชนะกัน   ขณะนั้นสยิวเบลอ
ทั้งเกมเหลาะแหละเหรอ   จะลุชัยน่ะใช้ดวง

เห็นไหมล่ะจ๊ะโด้     รึจะโวยุโกงกลวง
ยิงทิ้งเตะทะลวง      เหาะสะเทิ้นสะเทือนใจ

คอยแช่งน่ะสเปน   ก็มิเห็นสะท้านใด
โอ้ยโอ้ยเดาะฤทัย   จะมิเชียร์น่ะสักทีม(๔๓)
emo_69


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 28 มิถุนายน 2012, 12:38:PM
....น้อมกราบ "พระ"ภูบาล........มนขาน ระลึกคุณ
รักลูก อภัย-หนุน...................ระอุอุ่น พระเมตตา

....กราบองค์ ธ ทรงธรรม์.........คุณะนั้น สิล้นฟ้า
ดูแล-แนะ-พัฒนา..................ปิยะข้าฯ ประชาไทย

....กราบแม่ และพ่อท่าน.........อภิบาล มิหวั่นไหว
สุขทุกข์ ชโลมใจ..................ดนุไซร้ มุแทนคุณ (๔๖)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 28 มิถุนายน 2012, 08:05:PM
                  จงสู้เถอะคนกล้า


อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

จงสู้เถอะคนกล้า…………..พิริย์อย่าระย่อถอย
ดาวงามระย้าลอย………….นภพร่างกระจ่างฝัน(๔๗)
เธอควรจะโบยบิน………...มนจินตการพลัน
หัดกลอนประพันธ์ฉันท์…..สติตั้งมิร้าวราน(๔๘)
บัณฑิตจะชื่นชม…………..อภิรมย์นราหาญ
เธอควรประกายกานท์…….ระดะแสง ณ เรือนกลอน(๔๙)
แล้วเธอจะงามเด่น………...ดุจเป็นพระจันทร
ทาบทอประภาพร…………ลุพนาพะเนินพราว(๕๐)
หากเธอระทดหนัก…………อุปสรรคมิคิดก้าว
เพียงหมายตะกายดาว………รึจะสมหทัยหมาย(๕๑)
จึงควรขยันแต่ง…………….เสาะแสวงกโลบาย
วันหน้าจะพราวพราย………กิระไกรสถาพร ฯ(๕๒)

                                    อริญชย์
                                 ๒๘/๖/๒๕๕๕

                                         




                                         





 emo_107 emo_60 emo_107





หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 29 มิถุนายน 2012, 02:45:AM
....กราบครู ประสิทธิ์ธรรม........สตินำ วิชาหนุน
พอเพียง และเจือจุน..............พละ-ทุน ประโยชน์ชน

....เคารพ สิตัวข้าฯ................มนะนา วจีตน
รู้ใช้ ผลิดอกผล....................คุณะดล สงบเย็น


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 29 มิถุนายน 2012, 04:38:AM

(อีทิสังฉันท์)

๐ กอบนิรุกติการผสานกะเซ็น          กระมิดกระเมี้ยนผุเพี้ยนก็เป็น
กระเตงเคียน

๐ เดินตุปัดตุเป๋คะเนเสถียร            กะว่าจะสวยลุด้วยกระเรียน
สิแร้งลง

๐ เถิดพระคุณกรุณวิจุณผง             ประดิดประดอยปรุร้อยกระทง
บ่ เป็นความ

๐ ด้วยวิชาญมิชุ่มตะกรุมตะกราม      ขยับอะไรก็หวัดมิหวาม
ภวังค์วน

๐ ขอวทัญญุตาสง่ากุศล                 อภัยกระพี้ผิมีพิกล
วิกาลกัณฑ์

๐ ขอพระเอื้ออุปัชฌายะขันธ์           แนะนำอุบายจุใส่กรัณฑ์
ณ. วางรอง

๐ ยากวิบากกระบัดตะพัดขนอง        ฤ รอนวิจิตรคณินประคอง
เผดียงฉันท์ ฯ

พรายม่าน
สันทราย
๒๙ มิถุน ๕๕


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 29 มิถุนายน 2012, 03:49:PM

        (อีทิสังฉันท์)
        โอ, สุพรายะม่านตระการตะวัน
เชลงกวีขมีขมัน                                      สิหยาดหยด
         เยอรมันสิพ่ายฤทัยสลด
จะดื่ม อ๊ะ เบียร์กระป๋องก็หมด             กระไรเนี่ย
        สู้บ่หลับบ่นอนก็หวังจะเชียร์
ชะโยกะเขาบ่อ่อนบ่เพลีย                     ก็เสียหาย
        กลอนจะแต่งก็ยากจะมุ่งจะหมาย
ละมุนละไมเพราะใจจะวาย                 กะเชียร์บอล
        จึงกระโดดผลุงกะเตียงและนอน
สลบไสลมิสนละคร                              ฤ หนังใด
        นาฬิกากระกริ๊งก็ตื่นคระไล
สนานสรีระว่องและไว                          วินาที
       ชุดก็สวมและเกือกก็ใส่ระรี่
ปุเลงปุเลงและจรลี                              ประจำงาน
        นายตะโกน อะโห !มิช้ามินาน           
จะรีบจะเร่งอะไรกะฉาน                      นะพ่อคุณ
        จึงจะขอขยักสลักละมุน
ตะเพียงคะนี้ก็อย่าสิฉุน                      นะแม่นา ฯ

กามนิต , ๒๙ มิ.ย.๕๕
 emo_85 emo_126




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 29 มิถุนายน 2012, 05:22:PM
(http://image.ohozaa.com/i/26b/hRV93L.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/waAfJ4v76xZh1iGn)

มาริโอ้อะโหประจักษ์กะตา      เตะเริ่ดซะเยอรมันอะฮ้า   
กระแด่วเลย

คุณปิร์โล่ก็โก้สะเด่าเตะเต้ย      เยาะย่างยุคลบาทะเย้ย   
ชราชน

พวกสเปนตระเตรียมตะลึงผจญ   ระเนระนาดระส่ำกมล     
พิโยคชัย

อ้าวแฮะนักเตะเป็นฝรั่งรึไทย     ละล่ำละลักละเลิงฤทัย     
ก็ห่างเกิน

ทำไฉนล่ะครับขยับจะเพลิน      เตะบอลรึต่อยแน่ะไทยมิเขิน   
ละหน่ายเชียร์(๗๒)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 29 มิถุนายน 2012, 08:41:PM
....น้อมกราบ "พระ"ภูบาล........มนขาน ระลึกคุณ
รักลูก อภัย-หนุน...................ระอุอุ่น พระเมตตา

....กราบองค์ ธ ทรงธรรม์.........คุณะนั้น สิล้นฟ้า
ดูแล-แนะ-พัฒนา..................ปิยะข้าฯ ประชาไทย

....กราบแม่ และพ่อท่าน.........อภิบาล มิหวั่นไหว
สุขทุกข์ ประโลมใจ...............ดนุไซร้ มุแทนคุณ

....กราบครู ประสิทธิ์ธรรม........สตินำ วิชาหนุน
พอเพียง และเจือจุน..............พละ-ทุน ประโยชน์ชน

....เคารพ สิตัวข้าฯ................มนะนา วจีตน
รู้ใช้ ผลิดอกผล....................คุณะดล สงบเย็น



....เคารพ นะผองเพื่อน...........แนะ-ติ-เตือน ระงับเข็ญ
ดุจเดือน รวีเป็น....................สิบ่เห็น ละกิจควร (๗๓)




ขออภัยครับ จริงๆ สมควร "เคารพเพื่อน" ก่อนน่ะ แต่แต่งผิดพลาด


ครั้งนี้นับเพียง ๑ บท เพราะบทก่อนๆ นับไปแล้วครับ




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 29 มิถุนายน 2012, 10:09:PM
              จะเดินออกกำลังกาย

อีทิสังฉันท์ ๒๐

เดินกระฉับกระเฉงกระโหย่งกระเหย่ง
สุนัขจะเห่ากระบือจะเพ่ง…………………..มิสนใจ(๗๔)

ด้วยเพราะเรานะชอบจะก้าวจะไกล
ระพีจะส่องประภาวิไล…………………….ทิวากาล(๗๕)

บนวิถีมิมีกุหลาบผลิบาน
มิเคยสะเทือนสะทกสะท้าน……………….พจีพร่ำ(๗๖)

ฟ้าจะฝ่าพิรุณจะโปรยกระหน่ำ
อุทกจะท่วมและใครจะช้ำ…………………สวรรค์พัง(๗๗)

เราจะตื่นจะเดินจะเพลินจะหวัง
ทลายพยาธิระดมพลัง…………………….อหังการ์ ฯ(๗๘)

                                    อริญชย์
                                ๒๙/๖/๒๕๕๕




ปล.ใช้คำว่า "เดินกระฉับกระเฉง" อาจจะซ้ำกับเสียง "เหย่ง" แต่เพื่อให้ท่านที่กำลังหัดแต่งฉันท์ใหม่ ๆ เห็นการเดิน
จังหวะอีทิสังฉันท์ได้สะดวกขึ้น จึงได้ใช้คำนี้   หากจะใช้คำว่า "เดินตุปัดตุเป๋" 
หรือจะใช้คำว่า  "เดินทุลักทุเล" อะไรประมาณนี้ก็ได้เหมือนกัน




 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 02 กรกฎาคม 2012, 09:09:AM
....คุณ-แม่ พิสุทธิ์ล้ำ...........นิรคำ จะบรรยาย
จึ่งเพียง แสดงฉาย..............วจร่าย ระลึกคุณ (๗๙)





หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 02 กรกฎาคม 2012, 11:55:AM
....คุณ-แม่ พิสุทธิ์ล้ำ...........สิบ่คำ จะบรรยาย
จึ่งเพียง แสดงฉาย..............วจร่าย ระลึกคุณ


....วอนองค์ พระเกริกฟ้า........กรุณา แหละเกื้อหนุน
อวยท่าน ผลิดอกบุญ............พร(ะ)หนุน ลุเมืองแมน (๘๐)




ขอคำแนะนำครับ

คือ ครั้งแรก บทแรก ผมใช้ นิร (คือนึกความหมาย "ไม่มี" ได้เพียง นิร กับ อน)

ครั้งนี้ แก้เป็น สิบ่ เพราะรู้สึกว่า "คำ" ไม่ได้เป็น บาลี (หรือ เป็น ?) ใช้คำบาลีนำ รู้สึกประหลาดๆ

ก็อยากทราบ ใช้อย่างไรดี มีคำอื่นอีกไหมครับ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 02 กรกฎาคม 2012, 12:30:PM
                    ต้นน้ำลำธาร

อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒

พฤกษ์ไพรวิไลพราว……….วะวะวาวตระการนที
แว่วจังหวะเสรี……………….สกุณาระเริงอรุณ(๘๑)

ยามเมื่อฤดูฝน……………….ดุจมนต์พนาละมุน
หยาดหยดระรินจุน………….ดรุชื่นสถานอุดม(๘๒)

เขียวงามอร่ามตา……………ชนมามโนนิยม
สิงขรระรื่นรมย์……………….บมิมีอะไรจะปาน(๘๓)

สุขดวงฤทัยนัก……………….ก็สลักกวีพนานต์
เพียงนิดลิขิตกานท์………….ฉลุคำระบำระบาย(๘๔)

โตรกธารกระซ่านเซ็น……….พนเป็นประดุจประกาย
ต้นน้ำพิสุทธิ์สาย……………..ภระมวลประชานิรันดร์ ฯ(๘๕)

                                          อริญชย์
                                        ๒/๗/๒๕๕๕





 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 02 กรกฎาคม 2012, 12:46:PM
(มาลินีฉันท์ ๑๕)
(http://image.ohozaa.com/i/bb7/9felua.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/waWVuPSD8LJIwg1X)


พระคุณแม่

ภณพระคุณพระมารดา      เกินสวรรคา
จะเปรียบเปรย

อสุศิศุชุติสิเผย          หญิงรบสเอย
ก็แม่เรา

ศิรวิกจสบายเบา       โตเพราะใครเล่า?
เพราะมารดา

ภระดนยดนยา         ท่านชรามา
สนองคุณ(๘๙)

 emo_126 emo_126 emo_126


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 02 กรกฎาคม 2012, 05:43:PM
                        สุกรใจเพชร

มาลินีฉันท์ ๑๕

๐สุกรปะทะพยัคฆ์ร้าย…………….กลางพนาหมาย
จะไว้ศักดิ์(๙๐)

๐หทยะวชิระแน่นหนัก……………….คือสุกรหัก
สมิงไพร(๙๑)

๐มรณะดุจมิหวั่นไหว…………………ด้วยพลังใจ
จะป้องปัด(๙๒)

๐เพราะภยะมุฉะจะเขี้ยวฟัด………..ให้ถนัดชัด
ฤทัยแม่(๙๓)

๐วิรุธมนพยัคฆ์แล…………………….ยอมกระเจิงแพ้
สุกรเพชร ฯ(๙๔)

                                             อริญชย์
                                          ๒/๗/๒๕๕๕                                               




 emo_107 emo_60 emo_107




แบบอย่างการแต่งฉันท์ทั่วไป ใครสนใจ เชิญอ่านทางนี้



http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆา... ที่ 02 กรกฎาคม 2012, 10:15:PM
(http://s9.postimage.org/9l5hv6wm7/image.jpg) (http://postimage.org/)

               (http://www.qzub.com/bar_085.gif) (http://www.qzub.com)

                         กระต่าย(จะ)ตื่นตูม

  ๐ ระริกระรี้ระเริงรื่น              กระต่ายกระตื่นกระโดดใหญ่
สนุกสนานสมานใจ                 เสมือนหทัยสบายบาน……๙๕
 
  ๐ ไฉนนะเหตุหะหรรษา        ประเดประดาประดังด้าน
ฤ จันทร์ทะราทิวาวาร             ประทับประทานประสานทรวง...........๙๖
 
  ๐ จะชมจะชื่นจะแช้มช้อย      กะเผลอกะพลอยซิคอยหวง
วิตกจริตวิจิตรตวง                   คะเนลุล่วงละลางลาย………...๙๗
   
 ๐ เผลอเมียงเผลอมองแน่ะสองเผลอ    ชม้อยชะเม้อชะเง้อหาย
อะไรจิทำกระต่ายอาย                      กระโดดระร่ายระเริงแล …........๙๘ 
   
 ๐ บ๊ะนั่นบ๊ะนั่นบ๊ะนั่นนั่น!!        ปะเหตุหฤหรรษ์กระสันต์แส้
กระต่ายกระโตกกระตุกแตร       ทะแท้ก็แค่...จะตื่นตูม ฯ  ...........๙๙ 
           
        ....ไอหย๊ะ!...55ลงผิดหมวดเกือบโดนตำรวจจับแล้วซิเรา 55
                              emo_21
                  ..สองรอบซ้อน..ตะแหง่ว..ตะแหง่ว..
                              emo_85
                     
                       ‘มุทิงคนาทฉันท์’


(http://www.qzub.com/bar_043.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 03 กรกฎาคม 2012, 12:34:AM

....ชมธรรมชาติชื่น......จิตฟื้นกระจ่างใส

รู้ตื่นกิเลสไกล............นิจไซร้อนัตตา (๑๐๐)


นิจ ๑, นิจ [นิด, นิดจะ] ว. เสมอไป, สมํ่าเสมอ, มักใช้ว่า เป็นนิจ. (ป. นิจฺจ; ส. นิตฺย).

อนัตตา ว. ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน. (ป.).


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 03 กรกฎาคม 2012, 01:27:PM
ถึงวันพระอีกหน    ละกมลเกาะตัณหา
เข้าวัดแสวงอา-   วุธจิตจรูญธรรม

ถือเบญจศีลข่ม    อภิรมยะบาปดำ
ฝึกนั่งสมาธิ์สัม-   พลเลี้ยงเสบียงมาน

ร่างกายจะอิ่มเอม   วปุเปรมเพราะอาหาร
จิตใจสราญนาน   เพราะพระธรรมะค้ำชู(๑๐๓)


                emo_126 emo_126 emo_126


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 04 กรกฎาคม 2012, 08:09:AM

.......................เดือนเพ็ญ

....เดือนเพ็ญ กระจ่างฟ้า........รติข้าฯ ระลึกคุณ
ผองเพื่อน สิเกื้อหนุน............ระอุอุ่น แนะติชม (๑๐๔)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 04 กรกฎาคม 2012, 11:22:AM
...................ชื่นชม  "ไร้นาม"

....ชื่นชม นะชมชื่น..........ส(ะ)ม(ะ)ยื่น แสดงหาญ
อาสา สมัครงาน..............บ่มิค้าน กระผีกเดียว (๑๐๕)

อ่านพบ คุณไร้นาม รับเป็นกรรมการ พร้อมเสนอเกณฑ์ตัดสิน
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

แต่ต้อง ขอแสดงความชื่นชม ณ ที่นี้ เพราะอยากได้จำนวนด้วย
เดี๋ยว ๑๐ ปีครบ ๑๐๐๐ จริงๆ ต้องร้อง ฮือๆ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 04 กรกฎาคม 2012, 05:00:PM
อันตัวกระผมกษณะนี้     ก็มิมีกระไรงาม
เยินยอจะพาศิระอร่าม    รุจิเหลิงระเริงตน


ขอบคุณนะท่านวิชญะกานท์   มธุหวานประทานมนตร์
ผมหวังจะเห็นผลิตผล     คณะกลอนขจรจินต์


บังอาจอุเทศผลิกติกา      กวะพาประณีตศิลป์
กาพย์กลอนบวรและอรพินท์   สมใจคณาจารย์


อยากสารภาพกรุดนุน้อย    มติด้อยและถ่อยพาล
ท่านทรูฯมิพบประสบะการณ์  ทิฐิผมน่ะโคลนตม(๑๐๙)
emo_20 emo_76


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: นัท ผู้ชายฯ รักในหลวง ที่ 04 กรกฎาคม 2012, 05:31:PM
ตะวันดับลับลา...
(ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒)


๐ ตะวันดับจะลับลา...จะหลุดฟ้าและลาไกล
ทิวาหวานจะผ่านไป........อุราไหวหทัยตรม   
   
๐ ฤดูผันวสันต์รอ.............ก็ยังท้อบ่สุขสม
พระพายพัดสะบัดพรม...ละเลงถมระทมทรวง

๐ ยะเยือกเย็นบ่เห็นเธอ..คะนึงเพ้อละเมอห่วง
นภาวับประดับดวง.......สลับช่วงและร่วงลง

๐ วจีหวานละลานจิต.....สลักติดสะกิดส่ง
นภานั้นบ่มั่นคง...........ก็ปิดปลงและหลงลืม...๑๑๓


ปล.พึงจะหัดแต่งครับ....ผม emo_85



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ยามพระอาทิตย์อัสดง ที่ 04 กรกฎาคม 2012, 07:20:PM
(http://image.free.in.th/z/im/copyof17884.jpg) (http://pic.free.in.th/id/8d85380b270dd817f23f9933f2bcec42)

ปล. ครั้งแรกกับ  มาณวกฉันท์ 8  ผิดพลาดโปรดอภัย นะคะ  emo_23
ท่านผู้เชี่ยวชาญ หรือ ท่านผู้รู้ ช่วยดูให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ  emo_50
 


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 04 กรกฎาคม 2012, 10:56:PM
ดูแล้วนะท่านอัส     ก็กระหวัดซะงามงอน
ไม่มีอะไรสอน        อนวัชประพันธ์ฉันท์

รีบเร่งประดิษฐ์เถิด    นิธิเพริศะจำนรรจ์
ผมรอจะสุขสันต์     หฤหรรษ์สอางค์โฉม

ยอดยุทธะเช่นท่าน   รุหะบรรลุลักษณ์โครม
คำค้านวิจารณ์โถม   หิริเถียรสะเทือนตน(๑๑๘)
emo_126


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 05 กรกฎาคม 2012, 12:04:PM

...บ้านกลอนฯ มิเปลี่ยวเหงา........นิรเศร้ากระผีกเดียว
เยี่ยมยุทธ(ะ)สุดเขี้ยว.................หฤโหดและโคตรฮา
...ชายหญิงสะบัดคำ..................ดุจยำระวังหนา
เผลอเผลอจะถูกฆ่า...................เอ๊ะ ฤข้าฯผวาเกิน

(อารมณ์ยังติดพันจาก "แม่สอนว่า - กล้าคิดร้าย ตายสถานเดียว"
เลยไม่สุภาพไปหน่อย อภัยด้วยนะครับ สมควรแก้ แจ้งได้เลยครับ) (๑๒๐)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 05 กรกฎาคม 2012, 09:02:PM
                    เหยี่ยวเสียเหลี่ยม

อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒

เหยี่ยวหมายกระต่ายป่า……..ก็ถลาถลันจะใกล้
กรงเล็บตระเตรียมไว้…………จะพิฆาตพินาศกระต่าย (๑๒๑)

นัยน์ตาประดุจเพชร………….กะเผด็จถล่มทลาย
แต่เล่ห์กระต่ายร้าย……………จรลีกระโจนลุหลุม(๑๒๒)

เหยี่ยวใหญ่อุราช้ำ…………….เพราะคะมำปะโคนตะปุ่ม
มองคล้ายจะจิตกลุ้ม………….ผิวได้กระต่ายล่ะเยี่ยม(๑๒๓)

แต่โชคมิเข้าข้าง………………เพราะกระต่ายกระโจนตระเตรียม
จนเสนะเสียเหลี่ยม…………..และจะงอยก็พลอยจะหัก ฯ(๑๒๔)

                                       อริญชย์
                                     ๕/๗/๒๕๕๕

เสนะ=เหยี่ยว





 emo_107 emo_60 emo_107





หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 06 กรกฎาคม 2012, 02:16:PM

ขออนุญาต best5566 นำมาเป็นกรณีศึกษา ขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ

ขอชื่นชมคุณ best5566 ที่มีความเพียรพยายามเป็นที่ตั้ง ทำอะไรด้วยตนเองก่อนจะถามคนอื่น
ด้วยจิตคารวะ
กามนิต, ๖ มิ.ย.๕๕

ช่วยดู ละแก้ให้ทีครับ มันแปลกๆอะครับ อินทรวิเชียรฉัน11 อะครับ

..................... ความรัก

....ความรักรึความรัก.........ชนะได้ทุกข์สิ่งสรรค์
ความรักมิจบนั้น...............จะมิรู้มิเข้าใจ

....เพราะว่าทุกวันนี้...........จะมิมีสุขสดใจ
ถ้าเรามิเข้าใจ..................สละได้ทุกสิ่งนั้น

....นั่นมันแหละความรัก......บมิจักมิเปลี่ยนผัน
เราต้องจะพบมัน...............สุขทั้งนั้นจะเจอเรา (๑๒๗)

best5566
----
 
....ความรัก ฤ ความรัก........ชนะจักลุสิ่งฝัน
ความรักมิจบนั้น................จะมิรู้มิเข้าใจ

....เพราะว่า ณ วันนี้...........ก็มิมีพลังใด
ดลให้สิเข้าใจ..................สละได้ละเลิกครัน

....นี่แท้แหละความรัก........บมิจักจะแปรผัน
จึงเจ้ามุสู้มัน....................สุขะนั้นจะสมปอง (๑๓๐)




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 06 กรกฎาคม 2012, 06:15:PM
  ขัดเกลาสำนวนใหม่ ขออนุญาตนำมารวมไว้ที่นี่นะคะ

                (http://upic.me/i/00/goose.jpg) (http://upic.me/show/37264237)

                                 ห่านกับไข่ทองคำ

                   สาลินีฉันท์ ๑๑

                        ๐ เรื่องเก่าเล่ามานาน       นิทานห่านกะไข่ทอง
                   ชาวนาหาครอบครอง            ถนอมเลี้ยงประสาจน

                        ๐ เลี้ยงห่านต้องการไข่      กะเลี้ยงไว้จะให้ผล
                   มีกินสิ้นกังวล                        อุราหมายมิอายใคร

                        ๐ ชาวนาผู้อาภัพ             ระทมทับระทมใจ 
                  อกอยากอาหารไข่                  พระเจ้าไยมิเมตตา
 
                        ๐ วันหนึ่งทึ่งดวงแด        ประจักษ์แท้ประหลาดหนา
                   ไข่เหลืองเรืองแสงจ้า           วะวาววับ ณ รวงรัง

                        ๐ หยิบไข่ชั่งไม่เบา         เอ๊ะ..หนักเท่าตะกั่วจัง
                   พิศไข่ใจคิดหวัง                  เจอะทองคำจะร่ำรวย

                        ๐ ถึงบ้านสำราญใจ         แกะดูไข่ก็ใสสวย
                   ทองคำเทพอำนวย               ประทานสิทธิ์นิมิตพลัน

                        ๐ ออกไข่เป็นไข่ทอง       และสมปองมิเว้นวัน
                   ชาวนาคราพลิกผัน              ก็มั่งคั่งเพราะขายทอง

                        ๐ มีมากอยากมีเพิ่ม         สะสมเติมกิเลสครอง
                   อยากขายไข่ทั้งผอง             เจาะผ่าท้องสนองมาน

                        ๐ มันตายวายชีวา         มิมีค่าเพราะคนพาล
                   ไร้ไข่ให้หน้าบาน                สลายหมดระทดใจ

                        ๐ โลภนักมักลาภหาย      ก็ทำลาย ฤ ก่อภัย
                    พอเพียงเลี้ยงใครใคร          จะกลับกลายสบายตัว.  (๑๔๐)

                                    (http://upic.me/i/md/images72.jpg) (http://upic.me/show/37264561)  
                                                             (http://upic.me/i/m0/gu644.gif) (http://upic.me/show/19034388)
                                                                              พี.พูนสุข
                                   


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 07 กรกฎาคม 2012, 09:13:PM

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

...บ้านกลอนฯ มิเปลี่ยวเหงา........นิรเศร้า กระผีกเดียว
เยี่ยมยุทธ(ะ)สุดเขี้ยว.................หฤโหด และโคตรฮา
...ชายหญิง สะบัดคำ..................ดุจยำ ระวังหนา
เผลอเผลอ จะถูกฆ่า...................เอ๊ะ ฤข้าฯ ผวาเกิน



อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....เอ้เอ ประหลาดใจ.................ไฉนบ้านฯ มิเพลิดเพลิน
เว็บเปี่ยม ประเด็น-เมิน................ผลิรักเผิน ระทมใจ

....ชอกช้ำ ประชดรัก..................ฤ อกหัก กระซิกไห้
แต่งเติม ตลกไว........................ระริกร่าย ระเริงกลอน (๑๔๒)


๒ บทแรก นับแล้วครับ

----

ขออภัยครับ ใส่ชื่อฉันท์ผิด

ตัวอย่าง อินทรลิลาตฉันท์ 11

....ผ่านฟ้า พญาเสือ         ดุร้ายเหลือ และโลภโกง
เสมือนต้อน ตะโพงโขลง    พศกหา ภุกาเมนทร์
ไทเอือน พระเหมือนม่าน    เพราะบักอาน กะการเกณฑ์
เดือดดาล กะบาลเบน       ขบถไท้ ผิใครชวน
 
— (เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ )


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 07 กรกฎาคม 2012, 09:43:PM
วิชชุมมาลาฉันท์ 8

....เขียนฉันท์ ฝันไกล..................หวังใจ นักเรียน
โน้มนำ เธอเพียร........................อ่านเขียน กลอนกานท์

....ฉันท์(วิชชุมฯ)นี้ น่าเริ่ม............แต่งเติม ขับขาน
ง่ายง่าย จดจาร.........................สานฝัน พลันจริง (๑๔๔)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 08 กรกฎาคม 2012, 12:01:PM
    เชลงฉันท์ ต่อสัมผัส  เรื่อง "ห่านกับไข่ทองคำ"


                                                (http://upic.me/i/6g/images70.jpg) (http://upic.me/show/37191977)

                                                    ห่านทองคำ  ไข่ทองคำ

                เปษณนาทฉันท์ ๑๖

                          ๐ สดับเรื่องเล่า  กระเซ้าคุณยาย         สนุกยามบ่าย  ก็หายแกลนกลัว
                   ละมุนอุ่นรัก  สมัครล้อมรั้ว                        อุดมครอบครัว  ละกลั้วมัวมล

                          ๐ นิทานอีสป  จะพบคำสอน             ประหนึ่งอาภรณ์  สะท้อนตัวตน
                   กสิกชาวนา  อุราโลภล้น                           ก็กลับยากจน  มิพ้นนินทา

                          ๐ ประยุกต์แนวคิด  ลิขิตเรื่องย้ำ         กะห่านทองคำ  จะล้ำคุณค่า
                   สะสมเงินเก็บ  ฤ เหน็บเงินตรา                 สบายภายหน้า  สง่าราศี

                          ๐ กะไข่ทองคำ  ก็นำดอกผล            ประโยชน์เหลือล้น  ละจนทันที
                   จะเพิ่มรายได้  ผิใช้เรื่องดี                       จะเป็นเศรษฐี  ระดับพอใจ

                          ๐ มุเลี้ยงไข่ทอง  ประคองรังมั่น         กระจายสายพันธุ์  สนั่นตัวใหม่
                   มิมีหมดสิ้น  ระบิลลือไกล                        ขยันออกไข่  ฤทัยเบิกบาน..   (๑๔๙)

                                                    (http://upic.me/i/ev/images71.jpg) (http://upic.me/show/37192717)

                                                                  (http://upic.me/i/yn/0nb36.gif) (http://upic.me/show/11767683)
                                                                                                 พี.พูนสุข
     


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 11 กรกฎาคม 2012, 11:24:PM
นี่ก็ไปขุดกรุพบมา เห็นว่า คุณอริญชย์ แต่งเริ่มให้แล้ว
เขาก็พยายามจนสำเร็จ

เป็นแบบอย่างที่ดีมากอีกชิ้นหนึ่ง ขอชมครับ
----
....ขอความกรุณาท่านกวีทั้งหลายหน่อยเจ้า :) อินทรวิเชียรฉันท์ #
Thegirl Maks 28 พฤศจิกายน 2011, 06:38:pm
----

....น้ำท่วมลุหลากไหล…....ขณะไทยก็หลากทุกข์
หลายทิศนทีบุก….....……..ชนไทยระงมทั่ว
....น้ำเน่าคละเคล้ามา…...…และก็ปลาจะเน่าตัว
คิดแล้วก็ปวดหัว…......…….ชลธารมิแห้งหาย (๑๕๑)


ปล.อีก ๒ บท ให้คุณแต่งต่อเอง หรือให้คนอื่นจะช่วยปรับแก้แต่งต่อ ก็แล้วแต่นะ
อริญชย์ : 28 พฤศจิกายน 2011, 08:57:pm
----
เหลืออีก 2 บท  แงงงงงง  สู้! :)

๐น้ำท่วมลุหลากไหล     ขณะไทยก็หลากทุกข์
หลายทิศนทีบุก           สิมิอาจจะฝืนไป
๐น้ำท่วมก็ไหลซัด        สิวิบัติอนาถใจ
สงสารประเทศไทย       จะมลายมิวายสูญ
๐บ้านเรือนและไร่สวน    มนล้วนจะลำเค็ญ
ลำบากและยากเย็น       บมิเว้นมิวายวัน
๐ยังดีนิกรไทย             สิบ่มีจะอยู่เฉย
น้ำใจก็ดั่งเคย              บ่ละเลยจะทิ้งกัน (๑๕๕)


เรียบร้อยแล้วค่าาาา  แต่ยังไม่คล้องจองกันเท่าไร  :))
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  คุณอริญชย์


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 13 กรกฎาคม 2012, 12:05:AM

....กู้เกียรติ สิย้ำให้..........ยศไซร้ บ่ปล่อยเลือน
ข้าฯจัก มิถ่อยเถื่อน..........ฤ ถลา คละเคล้าตม

....โอ้นาม สกุลข้าฯ.........สิบ่กล้า จะอวดชม
ด้วยเจ ยะ+อาคม............อธิบาย มิได้เอง (๑๕๗)


เจยาคม น่ามาจาก จญ (สู้รบ) สนธิกับ อาคม (การมาถึง, เวทมนตร์)
(+ หมายถึง สนธิกับ) ซึ่งอาจจะหมายความว่า จงเตรียมพร้อมเพื่อต่อสู้

เพื่อนคนใดรู้ บาลี ช่วยชี้แจงด้วยครับ

ขอฝากลงไว้ที่นี้ก่อน
ฉันท์นี้แต่งไว้ก่อนที่คุณ Orion จะสะกิดว่า
เจยาคม เป็น ครุ ทั้งสามคำ ใส่ลงใน อินทรวิเชียร ไม่ได้

ต่อมาคุณอริญชย์ จึงนำเสนอ

กู้เกียรติเจยา………….คมนามสกุลนั้น
วอนมิตรลิขิตฉันท์…….รสอินทร์วิเชียรด้วย

(นักเรียน "กู้เกียรติ" ไม่ได้ติดต่อกลับ
กล่าวถึงเขา เขาก็มาเลย ฮิๆ ไม่รู้ว่า เข้ามาดูกระทู้นี้ไหม)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 14 กรกฎาคม 2012, 11:13:PM

อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....บ่นร่ำ ระงมก้อง............สิเรียกร้อง พระ ! อยู่ไหน
ทำดี นะเพียงใด................ไฉนทรง ละปล่อยตรม

....ทรงธรรม์ แสดงธรรม......ตะวันย้ำ ประโยชน์สม
เหตุทุกข์ บ่รู้ข่ม................กิเลสถม มิปล่อยวาง (๑๕๙)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 14 กรกฎาคม 2012, 11:48:PM
วสันตดิลกฉันท์  อริยมรรค ๘ ประการ

ร้อยเรียงเผดียงอริยสงฆ์     คณะองค์พระทรงธรรม
ขอน้อมสกลธิ์จริยกรรม      ชระใจพิไลเรือง

ถือมรคากณิกนันท์            อรหันตผลเนือง
ข้อวัตระสัตยะเมลือง          ศุภอัฐมรรคศาส์น

ปรุงทิฏฐิมุ่งลุดฤถี            มติศรีพิสิฐมาน
เป็นหนึ่งพระธรรมปฐมกาล      เพาะกมลกุศลพราว

สังกัปปะใฝ่รตนตรัย         ประจุในฤทัยยาว
จดจ่อจริตสติสกาว         สุขุมาลถวัลย์ธรรม์

เพรียบพร้อมวจีวชิระคำ   ละถลำมุสาพลัน
ป่ายป้ายกระจายอสิตนัน- ทะมหันตะเพลิงเผา

กัมมันตะกิจมธุรส          พระสุคตประทานเรา
มุ่งมั่นกระทำบุญเฉลา      และละมวลกระบวนทราม

อาชีวะเลี้ยงวปุอุทร        อนุสรอบายตาม
ซื่อสัตย์วิธีวิลยห้าม       วธชีวะอาสัญ

อีกธรรมวรุตมะพหล      นฤมลนิลาวัลย์
วายามะมั่นวิระขยัน       วตะเบญจศีลคุณ

ฝึกการระลึกสติเสมอ     มิละเผลอภิรมย์บุญ
ดุจไอศวรรค์วิมลหนุน    จิตให้วิไลใส

สัมมาสมาธิพิเคราะห์เพ่ง    รพเคร่งกิเลสภัย
มุ่งหมายประหนึ่งประลุสมัย  ภิทกายก็นิพพาน

ธรรมมรรคะแปดกลวิธี      ชะธุลีพิสูจน์ศาส์น
ดังบทพระทศพลญาณ     ชระเหตุกิเลสคลาย(๑๗๐)

เชิงอรรถพอสังเขป (ท่านทรูแชร์แนะนำว่าควรมีเชิงอรรถกำกับก็จะดี ขอบพระคุณครับท่าน)
   วิลย=วิลัย=ความย่อยยับ
   วิไล=งาม
   ลุ=บรรลุ=ประสบผล
   ดฤถี=ดิถี




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 15 กรกฎาคม 2012, 12:45:AM

อินทรวิเชียรฉันท์ :

เบิ่งแลชะแง้แง้ม           จะกระแอมก็เกรงสาย
ไม่เก่งนะเชิงลาย          ตะละฉันท์เพราะยากเกิน (๑๗๑)

จึ่งลองซะสี่บท             ฉลุพจน์ผจงเอิ้น
คำฉันท์ตะคุ่มเดิน         ก็กระท่อนกระแท่นความ (๑๗๒)

แต่เพลินเจริญใจ          ณ หทัย บ่ หยันหยาม
ชอบฉันทลักษณ์งาม      รติแย้มละเลงพลัน (๑๗๓)

จารถ้อยอร่อยรส           บริบทสะกดขวัญ
จารึกผนึกกัน              มนนั้นก็สุขแล้ว (๑๗๔)

คำศัพท์นะคะ emo_47
ตะละ = แต่ละ
มน(มะนะ) = ใจ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: น.ปฎิพน ที่ 15 กรกฎาคม 2012, 01:43:PM
กมลฉันท์

๐ บทะฉันท์พิไลเพ็ญ......พิศะเห็นพจีงาม
ประลุโลกประโลมลาม.....หฤทัยก็ยินดี

๐ ผิจะเครียดประทุษเข็ญ...ตละเช่นผะผ่าวมี
กุฏะกูณฑะจ่อจี้.............วปุกายสะท้านไหว

๐ วจิกานท์อุฬารฉันท์.......สัทะกรรณก็ยินไป
ลุชะโลมกระแสใน............วิญญาณยะเยือกเย็น

๐ ลุสภาพอกาลนัย...........พหุให้ชิวาเป็น
สุขะมุขประมวลเห็น...........ดละตราบสลายกาล

๐ เพราะฉะนั้นก็บทว่า.........ภณะช้าจะสายนาน
แหละจะฟังมิตรงการ..........ระบุเลศวิเศษคำ ฯ (๑๗๙)


คำฉันท์นะครับ (สืบอนุสนธิ ตามท่านอื่นๆ)

ตละ - เหมือนกับว่า (ใช้ในอีกความหมายนึง ที่แตกต่างจากท่านสุวรรณข้างบน)
ภณะ - คำพูด
กุฎะ - แปลงมาจากคำว่า โกฎ แปลว่า ร้อยล้าน
กูณฑ์ - ไฟ



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 15 กรกฎาคม 2012, 09:26:PM
ขอบคุณ คุณไร้นาม และเพื่อนทุกคน ในเรื่องเชิงอรรถครับ

อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....เพื่อนแท้ สิมิ่งมิตร........แนะ-ช่วย-คิด ลุทางธรรม
ปลดกรอบ กิเลสงำ...........มิโน้มนำ อโคจร

....สิ่งดี ณ แห่งใด............เสาะสืบให้ มิถอยถอน
ตกต่ำ บ่แคลนคลอน..........อุราร้อน ก็แบ่งเบา (๑๘๑)

มิ่ง น. สิ่งเป็นสิริมงคล 
มิตร, มิตร- [มิด, มิดตฺระ-] น. เพื่อนรักใคร่คุ้นเคย เช่น มิตรแท้ มิตรเทียม
โคจร, โคจร-  [-จอน, -จะระ-] น. อารมณ์. ก. เดินไปตามวิถี เที่ยว


ขออนุญาตเล่าเล็กน้อย ไม่ว่ากันนะครับ

นักเรียน เยาวชนที่ผมไปข้องเกี่ยวทำกิจกรรมด้วย เราคุยกันเรื่อง แต่งโคลงกลอน
เขาบ่นว่า อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง ถึงไม่รู้เรื่องเลย ศัพท์อะไรก็ไม่รู้ ทำให้ไม่ชอบ
(ผมคิดว่าผมใช้ศัพท์ง่ายๆ แล้วนะ) ผมเลยให้เขาช่วยกันวง เกือบทั้งหมดที่ให้พวกเขาอ่านเลยครับ (ฉันท์ โดนมากสุด)

ขอบคุณอีกครั้งครับ คุณไร้เงา
(โอ้โห แต่งอริยมรรค เต็มที่เลยนะ)

บทนี้ เขาว่า ทำไมต้องมีคำ มิ่ง
ตอบว่า เพื่อนแท้ คือ รักเราจริง ยอมตายแทน แต่บ้างก็นำไปทำชั่วด้วยกัน
เพื่อนแท้ จึงต้องเป็น สิริมงคล ด้วย




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 20 กรกฎาคม 2012, 10:03:PM
.........สุขสันต์ วันเกิด - วันผู้ให้กำเนิด

....กราบองค์ ทรงธรรม์.......พรพลัน ข้าเกิด
ผู้ให้ กำเนิด....................ข้าเทิด บูชา
จักรัก รับใช้....................เต็มใจ ยิ่งหนา
บิดร มารดา....................เมตตา ท่านเทอญ
 (๑๘๒)

วิชชุมมาลาฉันท์ 8


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 21 กรกฎาคม 2012, 08:56:AM
................นางใด ไม่นุ่งผ้า

....นางใด ไม่นุ่งผ้า........แต่กล้าหาญ ชาญสมร
ที่ใด เธอพักนอน...........ร่ายกาพย์กลอน ตอบครบพลัน

ส่วน กาพย์ยานี ๑๑ นำลงเพื่อท้าวความปริศนา



อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....บอกใบ้ มินุ่งผ้า............สิไม่บ้า ก็ใช่คน
กล้าแกร่ง ประหลาดล้น........ริปูพ่าย มลายพลัน

....อาวุธ นะแน่ใจ.............ถล่มได้ ระทึกขวัญ
ปืนใหญ่ ฉกาจครัน............ประวัตินั้น โอ๊ะเลือนลาง (๑๘๔)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 25 กรกฎาคม 2012, 10:35:PM
(มาณวกฉันท์ ๘)

เห็นดนุสาว  ขาวเฉพาะพรรณ
อยากจะถลัน  รักน่ะซะที
แต่ก็อะอ้าว   ร้าวล่ะฉะนี้
เธอรึก็มี   ชายเฉพาะตน

จึงกะเทาะใจ  ไปกระจะเศร้า
ทำจิตเรา   ลืมนฤมล
แต่ขณะนั้น  พลันมนยล
สาวกฏิมน  เลยประทุซ้ำ

ยิ้มแสยะให้  ได้แสยะกลับ
ฉันก็ประทับ  จิตตะคะมำ
หวังจะริจีบ  รีบกระแซะคำ
ชื่อนุชนำ   นามสมชาย...........เฮ้ย.......(๑๘๗)
emo_101


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 27 กรกฎาคม 2012, 10:57:AM
                       จะลองสะบัดดู

    วังสัฏฐฉันท์ ๑๒

           ๐  สรีระอิดโรย        พละโหยสะโหลสะเหล
     จะก้าวก็โซเซ               สติเพริดกระเจิดกระเจิง
           ๐  ยุแยงตะแคงรั่ว    ขณมั่วระรัวระเริง
      เสาะสืบแสวงเชิง          นยะทำระส่ำระสาย
           ๐  พระอิฐพระปูนเฉย   จิตะเลยเสบยสบาย
      มิบ่นมิขวนขวาย              ฤจะคิดสะกิดสะเกา
           ๐  กระดิกกระดี้รี่        วจะมีกระซี้กระเซ้า
      ยะยั่วยะยวนเย้า              สิริหมดมิงดมิงาม
           ๐  ประจบประแจงไซร้    เพราะหทัยตะกละตะกลาม
      มิยั่งมิยืนตาม                     มนะมุ่งจะรุ่งจะเรือง
           ๐  กระชุ่มกระชวยนัก     ดนุรักจะย่างจะเยื้อง
     สนุกสนานเนือง                  กรจัดทะมัดทะแมง  (๑๙๓)
        (http://upic.me/i/zg/00010_5.gif) (http://upic.me/show/4700)
                              พี.พูนสุข


             


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 27 กรกฎาคม 2012, 12:29:PM
(ขอติดสอยห้อยตามอ.พูนสุข ด้วยฉันท์ชนิดเดียวกันนะครับผม
 วังสัฏฐฉันท์ ๑๒)


กระง่อนกระแง่นตาม    บทะงามพระครูแสดง
สลับลิขิตแปรง          ปะเหลาะร่ายประกายกระจร

สะพรั่งประดั่งดาว      ศุภวาววิจิตระกลอน
และฉันทะกาพย์ร้อน    สหโคลงยุโยงยุคันต์

เจริญะเพลินเพลง     ผลิประเลงไผทสวรรค์
เฉลิมฉลองกัน         มธุสรกระฉ่อนสยาม    emo_85 emo_126


เชิงอรรถ

ยุคันต์=ที่สุดแห่งยุค

มธุสร = คำหวาน


หัวข้อ: Re: นางใด ไม่นุ่งผ้า : ฉันท์ ๑๐๐๐ บท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 27 กรกฎาคม 2012, 01:21:PM
.................นางใด ไม่นุ่งผ้า
กาพย์ยานี ๑๑

....นางใด ไม่นุ่งผ้า........แต่กล้าหาญ ชาญสมร
ที่ใด เธอพักนอน...........ร่ายกาพย์กลอน ตอบครบพลัน

อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....บอกใบ้ มินุ่งผ้า............สิไม่บ้า ก็ใช่คน
กล้าแกร่ง ประหลาดล้น........ริปูพ่าย มลายพลัน
....อาวุธ นะแน่ใจ.............ถล่มได้ ระทึกขวัญ
ปืนใหญ่ ฉกาจครัน............ประวัตินั้น โอ๊ะเลือนลาง


อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....ใบ้เพิ่ม แนะอีกนิด.........แคะความคิด เสาะสืบหา
ปืนใหญ่ ณ พารา..............เลาะเลียบหา สนามหลวง (๑๙๗)


รีบๆๆๆ มาช่วยแต่งตอบหน่อย ผองเพื่อนเอ๋ย บอกใบ้จนจะหมดแล้วนะ



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 27 กรกฎาคม 2012, 07:59:PM
(http://www.artsmen.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans3760_26192619.jpg)

"นางพญาตานี"

แซมอยู่ในกระทู้ "บ้านนี้ห้ามมีกลอน" ใช่ไหมคะ.. emo_26
(ขอโทษค่ะ..แซมขี้โกง แซมเขียนฉันท์ไม่เป็นค่ะ.... )
 emo_107


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 27 กรกฎาคม 2012, 08:55:PM

......อันนางพญาท่านนี้................นามระบือ
การศึกเก่งเลื่องลือ......................ถิ่นใต้
"ตานี" ชื่อนั้นคือ........................ปืนใหญ่
พำนักที่ "กลาโหม" ให้................จัดไว้เชิญชม


ขออนุญาต เบี้ยว แบบคุณแซมบ้างนะครับ 

(ที่นี้ "ฉันท์ ๑๐๐๐ บท" 555 คุณไร้นามคงไม่ว่านะ)

คือถนัด โคลง มากกว่า ฉันท์

แต่งฉันท์ คุณแซมคงต้องรอคำว่า "ถูกต้องครับ" อีกนาน 555


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 28 กรกฎาคม 2012, 01:17:AM
([url]http://www.artsmen.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans3760_26192619.jpg[/url])

"นางพญาตานี"

แซมอยู่ในกระทู้ "บ้านนี้ห้ามมีกลอน" ใช่ไหมคะ.. emo_26
(ขอโทษค่ะ..แซมขี้โกง แซมเขียนฉันท์ไม่เป็นค่ะ.... )
 emo_107


คุณแซมกระผมน่ะจะริขอ   เตาะแตะต่อตะเลงตาม
คำตอบแสดงสิจะมิงาม    และก็ถูกนะท่านทรูฯ

คือนามกรนยพหล     พลยนตระสุดหรู
ชื่อนางพญาลลิตะดู    มหึมานะตานี........ได้เท่านี้ล่ะเน้อท่านแซม......อิอิอิ emo_85


ป.ล.ถ้าเลือกประเภทของฉันท์ที่เหมาะกับคำตอบก็คงพอลงได้พอดีนะครับท่านแซม  แต่ผมหลงรักวสันตดิลกฉันท์แล้ว...... emo_85 emo_20


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 28 กรกฎาคม 2012, 08:12:AM
emo_85 emo_126 emo_126

"ฉันเช้า..หรือ ฉันเพล"

กุกกักหักละก็แสนจะโหด        รึจะโทษละสิ่งใด
วันคืนประทุทะลุไหม้        หฤทัยสุดจะทน

ชะโงกชะเง้อเผลอฉุกจะคิด        สุม ณ จิตก็หลายหน
มืดมัวจนทั่วไปทั้งสกล        หามีใครจะหมายแล

ฮั่ก..ฮึก สะอึกแทบจะกระอัก        จะหยุดพักเพื่อเลียแผล
ปุปะท่องทะลวงฤดีแด        ฤาจักแพ้และพ่ายลง

อ้ำอึ้งตะลึงและก็เอ้ออ้า        ดวงวิญญาให้ไหลหลง
ฤทธิ์มนต์ประทะจนสุดจะทรง        สิล่มลงก่อนสิ้นปราณ...
"ประภาคาร"

 emo_126
แซมกราบขออภัยครู-อาจารย์ทุกๆ ท่านนะคะ...
แซมหัดเขียนฉันท์  แล้วเขียนไม่เป็น..เพราะแซมไม่ทราบ และไม่เข้าใจคำครุ-ลหุ จริงๆค่ะ..
สำนวนนี้..แซมเขียนไว้ นานแล้วค่ะ.. และถูกดุแล้ว...( ดุอีกก็ได้นะคะ...)

คิดว่า เป็นสำนวนแรก และสำนวนเดียวที่แซมพยายาม...
แซมเอาความไม่ถูกต้องมาให้ดูค่ะ...
 emo_107
แซม


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: น.ปฎิพน ที่ 28 กรกฎาคม 2012, 01:11:PM
คำครุ ลหุ อันนี้แยกกันไม่ยากหรอกครับ...

คำครุนั้น คือคำที่เสียงยาว และหนัก (ตามตัวบทว่าหนักครับ) เพราะฉะนั้น จะรวมคำที่มีตัวสะกด (ไม่ว่าจะสระยาวหรือสั้น) ในนี้หมดเลย... ถ้าคุณแซมเห็นคำไหนมีตัวสะกดล่ะก็ ใช่แล้วครับ นั่นแหละคำครุ)

และรวมแม่ ก กา ที่เสียงยาวด้วยครับ เช่นคำว่า นา ที่ ใช่ ฯลฯ

คำลหุ คือคำที่เสียงสั้น และไม่มีตัวสะกด... (ตามตัวบทว่า เบา ครับ) จะรวมคำที่สระเสียงสั้น และไม่มีตัวสะกดทั้งหมด เช่น จะ ก็ นะ แหละ เฉพาะ กุ ฯลฯ

ทีนี้แยกยังไง เอมีวิธีง่ายๆครับ คุณแซมก็ถามตัวเองก่อนว่า คำๆนี้มีตัวสะกดไหม ถ้าใช่ แปลว่า เป็นครุชัวร์ๆ ไม่ต้องไปดูอะไรอื่นแล้ว
อะทีนี้เหลือคำที่ไม่มีตัวสะกด (แม่ ก กา) ก็ถามต่อว่า คำๆนี้เสียงยาวหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ครุ ครับ แต่ถ้าไม่ เป็นลหุ

แล้ว อำ ไอ ใอ เอา พวกนี้ล่ะครับ.... อันนี้เนี่ย ต้องแล้วแต่คำครับ ถ้าเราออกเสียงเน้นคำไหนหนัก คือครุ คำไหนเบา เป็นลหุ  เพราะกวีสมัยก่อนเขาถือตรงนี้หนักมาก... เอาเสียงอย่างเดียวเลย

ตัวอย่างนะครับ "มานะกินขนมกับชูใจ" เราอ่านออกเสียงว่า มา-นะ-กิน-ขะ-หนม-กับ-ชู-ใจ ใช่ไหมครับ

เอาล่ะ
"มา" ตัวสะกดมีมั้ย ไม่มี แต่เสียงยาว อันนี้เป็นครุ
"นะ" ตัวสะกดมีมั้ย ไม่มี แต่เสียงสั้น อันนี้ลหุ
"กิน" มีตัวสะกด ครุ 10000%
"ขะ" ไม่มีตัวสะกด แต่เสียงสั้น เป็นลหุ
"หนม" มีตัวสะกด ครุ 1000%
"กับ" ก็มีตัวสะกดครับ แม่อะไรก็ช่างเราไม่สน ครุ 1000%
"ชู" ไม่มีตัวสะกด แต่เสียงยาวว อันนี้เป็นครุ
"ใจ" ฮื่มม เป็นสระใอ แต่เวลาอ่านออกเสียงเราอ่านเน้นหนัก ดังนั้นเป็นครุ...

ถ้างงอีก ถามได้เสมอนะครับ เพราะฉันท์เนี่ย หาคนชอบยากมากเข้าไปทุกวันแล้ว

๐ เกรงฉันทวรรณกวิวิวา-....กยะสาระหมดไป
จากหน้าลุบรรณรัฐะผไท.....เฉพาะเหตุจะห่อนเฟือน ฯ



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 28 กรกฎาคม 2012, 11:47:PM
แซมต้องขอขอบคุณ คุณ fourierlism สำหรับข้อมูลที่เข้าใจได้ง่ายมากๆนะคะ...
แซมเก็บเข้าไฟล์ของแซมไว้แล้ว  และจะพยายามฝึกฝนอีกค่ะ..

แซมเห็นด้วยค่ะ.. ร้อยกรองบางชนิด งดงาม แต่ยากสำหรับคนที่ไม่ได้ศึกษาทางด้านนี้..
และนับวัน แซมว่ามันก็ยิ่งจะเลือนลางไป.. แซมเสียดายนะคะ..

แซมไม่ได้เรียนภาษาไทยมาล้ำลึกเท่าที่ควร..และทั้งไม่เคยเรียนฉันทลักษณ์..
ยังนึกเสียใจที่ไม่มีโอกาส... แต่ทุกวันนี้แซมก็พยายามใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
ที่ทำได้อย่างคล่องๆ คือ การเขียนกลอนสุภาพ...

แม้แต่การสื่อสารนี่..แซมว่าบางครั้ง แซมพูดผิดความหมายที่แซมต้องการจะสื่อ  นำภัยมาสู่ตนเองหลายครั้งหลายครา..
(แบบโดนชังน้ำมะหน้า.... )
ถ้าเป็นพูดกันตัวต่อตัว เห็นหน้ากันนี่  ไม่มีปัญหาค่ะ  เพราะ คนจะเข้าใจท่าทางด้วย..

แซมขอบคุณอีกครั้งนะคะ..ถ้ามีคำถาม แซมจะถามนะคะ..

 emo_126 emo_126 emo_126

แซมค่ะ



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 29 กรกฎาคม 2012, 12:51:PM
แต่งตามดูสักตั้ง             สมองสั่งละเลงกานท์
แบบแผนแต่โบราณ         ผสมคำพยางค์วาง   

กลั่นกรองแล้วขัดเกลา      กระด้างเบาสนิมจาง
จดจ้องแล้วลองสร้าง          ฉบับสาลินีฉันท์

ชมนางกลางฝนพรำ           ลออล้ำประทับขวัญ
สรงน้ำใต้แสงจันทร์           ระทวยร่างสล้างตา

แสงโสมส่องกายสาว      วะวับวาวกระจ่างฟ้า
เข่นเดือนข่มเมฆา             ประดับป่า ณ แดนไพร

งามใดไม่แม้นเหมือน          ทิวาเยือนก็จากไป
นางไม้ในดวงใจ               นิราศลับมิกลับคืน

เนิน จำราย(ผิดพลาดช่วยติ,เตือนด้วยครับ)
“ขอบคุณพี่พูนสุขให้แรงบันดาลใจ”


หัวข้อ: Re: แด่ วันภาษาไทย : ฉันท์ ๑๐๐๐ บท......
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 29 กรกฎาคม 2012, 09:39:PM
........วันภาษาไทย คงมิเป็นแค่เพียง  ๑ วัน

อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....เจ็บลึก นะเจ็บลึก............สะอึกอื้น ก็ช้านาน
บ้านกลอนฯ สิก้องขาน.........ไฉน"(ภาษา)ไทย" มิถูกควร

....คลิ๊กแช๊ต  ตระหง่านมา........ณ วันข้าฯ สมัครป่วน
เหตุใด เสมือนล้วน...............ละเลยสิ้น ฤดีตรม (๒๐๙)


ขออภัย หากทำให้ขัดเคือง

หวังให้ บ้านกลอนฯ เป็นแบบอย่างในการใช้ภาษาไทย


แช๊ต คลิ๊ก ลิ๊งค์ ทั้งหมดเป็นอักษรต่ำ ห้ามผันด้วย วรรณยุกต์ตรี

แปลก แปลกมาก
ผมพิมพ์คำว่า เว็บ ให้ผิด แต่ดูอีกที อ้าวกลับแก้ให้เอง เป็นถูก
ลองใหม่ ก็แก้ไขให้ ถูก ทุกที
ที่ว่า แปลก คือ ๒ บรรทัดล่างสุด (เยี่ยมชมเว็บ) เขียนผิดทั้งสองแห่ง
ทำไม ล็อคให้แก้ ที่นั้น ด้วยไม่ได้ งงๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 31 กรกฎาคม 2012, 09:48:PM
(วสันตดิลกฉันท์ เรื่องความเพียร ๔ ประการ)

บูชาพระโลกชิตเจ้า   ปิยะเกล้ากระหม่อมฉัน
ทรงปารมีคุณอนันต์    สุคโตนิโรธา

อัญเชิญพระธรรมพิริยะภา.....ษณะสาระชีวา
ส่องทางสว่างอริยะมา......รคะคัคนัมพร

เพียรหนึ่งคะนึงชระกิเลส    ภวเหตุนรกร้อน
บาปกล้ำกระทำจิตจะกร่อน    คติเพี้ยนเพราะเพียรสูญ

เพียรสองประคองประกฤติใจ  และมิให้ธุลีพูน
พรั่งพรูวิภูษณะจรูญ      ประจุใหม่ฤทัยรวน

เพียรสามสะพรั่งบุญะประดัง   รุหะปลั่งประดับอวล
อิ่มเอมเกษมศิระประมวล.......ะกุศลนิมนต์มา

เพียรท้ายทวีรุจิระกรรม์    อดิธรรม์วโรฬาร์
เพียรเพ่งและเคร่งหทยะอา....จิณะเนื่องเสบียงบุญ

ความเพียรเสมือนพละพยุง    จะจรุงและอุดหนุน
นิพพานสวรรค์ชุติวิรุฬห์     รมณีย์ภิรมย์ผล

เชิงอรรถพอสังเขป

ภาษณ์=การพูด,การกล่าว
มารคะ=ทาง
คัคนัมพร=ฟ้า
ประกฤติ=มูลเดิม
วิภูษณะ=เครื่องประดับ,เครื่องแต่ง
รุหะ=งอกงาม
วิรุฬห์=เจริญ
 emo_126


หัวข้อ: Re: เดือนใด ? นวลนางวจีน้อย : ฉันท์ ๑๐๐๐ บท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 01 สิงหาคม 2012, 11:28:PM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

   เดือนใด นะนวลนาง     นิมิตปาง วจีน้อย
ชายชอบ ระรื่นคอย        ละห้อยให้ ประทับมา (๒๑๗)


คุณผู้หญิง อย่าเคืองนะ เย้าแหย่หน่อย รีบๆ ทายมานะครับ


  จริงแท้ มิเว้นชาย          สหายงด พิโรธข้า
เย้าแหย่ บ่ได้บ้า             เพาะ-หาเหตุ กระเทือนซาง (๒๑๘)


หัวข้อ: Re: วรรณคดีของไทย มาจากไหน ? : ฉันท์ ๑๐๐๐ บท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 17 สิงหาคม 2012, 06:41:PM
วรรณคดีของไทย มาจากไหน ? ..... สุจิตต์ วงษ์เทศ ... มตืชนสุดสัปดาห์ 9-15 มีนาคม 2555

ภาษาและวรรณคดีรุ่นแรกๆ จากชมพูทวีปพบในดินแดนไทย อยู่บริเวณลุ่มน้ำแม่กลอง-ท่าจีน คือ
คาถา เย ธัมมา (พบที่ ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี) เป็นร้อยกรองประเภทฉันท์
สวดในพิธีกรรมทางพุทธศาสนา

ฉันท์ขนาดยาวเก่าสุดที่พบขญะนี้เป็น วสันตดิลก แต่งด้วยภาษามคธ พ.ศ.1304
ในจารึกเนินสระบัว (พบอยู่กับซากศาสนสถานนอกเมืองมโหสถ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี)
ผู้สอบค้นได้ความว่า ยกวรรณคดีของลังกาทวีปมารจนา


หัวข้อ: Re: ปีใดนะเพื่อนผอง ถวิลจ้องจะจ้อนาน : ฉันท์ ๑๐๐๐ บท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 19 สิงหาคม 2012, 09:01:PM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

  เดือนใด นะนวลนาง   นิมิตปาง วจีน้อย
ชายชอบ ระรื่นคอย      ละห้อยให้ ประทับมา

  จริงแท้ มิเว้นชาย      สหายงด พิโรธข้า
เย้าแหย่ บ่ได้บ้า         เพาะ-หาเหตุ กระเทือนซาง

-------

  ปีใด นะเพื่อนผอง      ถวิลจ้อง จะจ้อนาน
ไป่เบื่อ ฤ รำคาญ        ทิวาวาร สิเป็นใจ

  นานที วจีคล่อง         ริร้อยกรอง  จะเป็นไร
แต่งตอบ มิเฉไฉ         ไฉนเล่า ละเลยลอง (๒๒๐)


-------

ช่วย ตอบหน่อยๆ น่านะเพื่อน รอจนเบื่อแล้ว 555

ผม "คนมีปัญหา" นะครับ เห็นใจหน่อย อย่าว่ากัน 555


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 19 สิงหาคม 2012, 09:29:PM


๐  วิ่งถ่อมารอพี่          ใช่อวดดีไม่หนีหาย
อยากทำแบบสบาย       เพียงคิดรอต่อกลอนเทียว

 ๐  ผิดพลาดอาจมีบ้าง  ตอนเริ่มสร้างทางมืดเชียว
มิเคยเลยครั้งเดียว         ลองแหย่เสือกลัวเหลือใจ (๒๒๑)

 ๐  แต่งความตามที่เห็น  ถูกประเด็นเป็นหลักชัย
ผู้น้อยถอยหลังไป          แอบมองดูสู้ติดตาม

 ๐  อย่าคิดทางติดลบ     เชิญเรียกพบประจบถาม
ตำหนิหรือติงาม             บอกหน่อยซี..อุ๊ยดีใจ ( ๒๒๒. ตองสอง  emo_26)


ข้าน้อยขอคารวะเจ้าค่ะ

รัตนาวดี
 emo_126  


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 19 สิงหาคม 2012, 09:52:PM
เอ่อท่านกระผมน่ะมิถนัด     ตริตวัดตระหนักตาม
ปัญญาจะแผ่วผุผลความ    สิสะอึกมินึกเห็น

ท่านถามประเทืองถิระสมอง   ขณะน้องก็ลำเค็ญ
ไม่อาจเฉลยคณะประเด็น     ดนุขอขมาเทอญ(๒๒๔) emo_85

ผมมิอาจตอบคำถามท่านทรูฯได้ครับ แต่เพื่อให้ฉันท์ขยับจึงขอเตาะแตะตามครับ emo_85


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 19 สิงหาคม 2012, 10:23:PM
มืดมิดสนิทด้าน
ตะละวารก็ขัดเขิน
เย็นยากอุราเกิน
มนนั้นจะเพียรจาร (๒๒๕)

สักบทผจงถ้อย
ก็มิค่อยถนัดการ
ขอน้อมผดุงสาน
ศิระกรานขมามา (๒๒๖)

เพียงน้อยบ่บ่อยนัก
ตะละวรรคสิศึกษา
แจ่มแจ่งมโนนา
สิจะแต่งตะแบงดู (๒๒๗)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 19 สิงหาคม 2012, 10:49:PM
ขออนุญาตเขียนแบบสบายๆ นะครับ

ก่อนอื่น ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่แต่งตอบกลับฉับไว

แต่ไม่ยักทายปัญหาแฮะ 555

ผมว่า ผมคงต้องปรับปรุง การสื่อความ แน่ๆ

คำถาม คือ

* เดือนไหน คนเราพูดน้อยที่สุด

* ปีไหน คนเราพูดมากที่สุดครับ 555

รีบๆ แต่งตอบเลยนะ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 20 สิงหาคม 2012, 02:11:AM

   เดือนกุมภาพันธ์      คนนั้นพูดน้อย
หนึ่งวันหายจ้อย      ไม่ได้เจรจา
   ปีที่พูดมาก      เมื่อยปากปีห-มา
จนได้สมญา      ว่าปากปีจอ (228)
(http://upic.me/i/zf/av193.gif)
แซมค่ะ

    แซมพยายามจะแต่งวิชชุมมาลาฉันท์ค่ะ...ท่านพี่โปรดชี้แนะ..  emo_55 


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 20 สิงหาคม 2012, 12:05:PM
เอาคำชมไปส่วนหนึ่งก่อนนะครับ

เดือนกุมภาพันธ์  ถูกต้องครับ แต่ แฮะๆ ปี ตอบผิดน่ะ ปากปีจอ เราไปว่าน้องหมาเขาได้อย่างไร แซมจ๋า

ดูโจทย์ดีๆ โจทย์ใบ้ว่า 

ทิวาวาร สิเป็นใจ

คือ แนวคิดเหมือนเรื่องเดือน พูดมาก เพราะ วัน มันมากเจ้าค่ะ

ลองใหม่ๆ นะเจ้า

===

กลับมาเรื่องฉันท์

วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ดูๆ จะเป็นฉันท์ที่แต่งง่ายสุดๆ คล้ายกลอนมาก

แต่ที่ผิดกันบ่อย คือผิดแบบแซม นี่แหละ

ฉันท์นี้ บังคับ ครุ ทั้งหมด

ชัดนะครับ ดังนั้น  "ไม่ได้เจรจา " จึงผิด เพราะอ่าน เจ-ระ-จา  (อาจแก้เป็น - ไม่ได้พูดจา)

ฉันท์นี้ ห้าม ลหุ เด็ดขาด (ลหุ คือ สระเสียงสั้นที่ไม่มีตัวสะกด)

ตัวอย่าง

*  แรมทางกลางเถื่อน      ห่างเพื่อนหาผู้            หนึ่งใดนึกดู            เห็นใครไป่มี
หลายวันถั่นล่วง              เมืองหลวงธานี           นามเวสาลี             ดุ่มเดาเข้าไป
*  ผูกไมตรีจิต               เชิงชิดชอบเชื่อง         กับหมู่ชาวเมือง       ฉันท์อัชฌาสัย
เล่าเรื่องเคืองขุ่น             ว้าวุ่นวายใจ               จำเป็นมาใน            ด้าวต่างแดนตน
*  เขาแสนสมเพช           สังเกตอาการ             แห่งเอกอาจารย์       ท่าทีทุกข์ทน
ภายนอกบอกแผล            แน่แท้ทุพพล             เห็นเหตุสมผล          ให้พักอาศัย

สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต ในสมัยรัชกาลที่ ๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 20 สิงหาคม 2012, 04:42:PM

สวาคตาฉันท์

คงอธิกสุรทิน         ลุกระบิลวาร
ทดสุรียรุจิกาล        ทิวเวียนวน
ปีคะเนมิสมเลศ       บริเฉทผล
จึ่งทวีคติถกล         ประจุเพิ่มวัน ฯ

พรายม่าน
สันทราย
๒๐ สิงห์ ๕๕


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 20 สิงหาคม 2012, 05:27:PM
ว้าว แจ๋วจริงๆ

ผมนะเชื่อว่า ต้องมีคนตอบได้แน่ๆ แต่ยังคิดสงสัยว่าจะใส่คำ อธิกสุรทิน ในคำประพันธ์ได้อย่างไร

แหมชอบมากๆๆๆ ครับ


หัวข้อ: Re: แนะนำ สาลินีฉันท์ ๑๑ : เชิญแต่งฉันท์ ๑๐๐๐ บท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 22 สิงหาคม 2012, 09:03:PM
อยากขอแบ่งปันต่อนะครับ

เมื่อแต่ง วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ได้คล่องพอควรแล้ว

ฉันท์ที่น่าฝึกต่อคือ สาลินีฉันท์ ๑๑ เพราะเพิ่ม ลหุ เข้าไปอีกแค่ ๒ คำ ดังตัวอย่าง (ตำแหน่งที่ ทำสีแดง)

สาลินีฉันท์ ๑๑

*  มีมืด จึ่งมีแจ้ง              สว่างแสง และจำรูญ
มีทุกข์ มีอาดูร                  ก็ย่อมมี สุขานันท์
*  ความหวัง ดังแสงทอง    ประภาผ่อง พะพรายพรรณ
คราเมฆ ฝนแปรผัน            จะโชติหล้า ประดุจเดิม


(หลักภาษาไทย : กำชัย ทองหล่อ)

อย่าลืม : ลหุ คือ สระเสียงสั้นที่ไม่มีตัวสะกด เช่น ธ บ บ่

อีกตัวอย่าง

*  พราหมณ์ครู รู้สังเกต     ประจักษ์เหตุ ตระหนักครัน
ราชา วัชชีสรร                พะจักสู่ พินาศสม
*  ยินดี บัดนี้กิจ              จะสัมฤทธิ์ มนารมณ์
ทำมา ด้วยปรากรม           และอุตสา หะแห่งตน


(สามัคคีเภทคำฉันท์ : ชิต บุรทัต)




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: น.ปฎิพน ที่ 27 สิงหาคม 2012, 05:25:PM
วสันตดิลกฉันท์

๐ อันบุญกุศลมนสล้าง.....มุธะทางเกษมศรี
องค์ทศพลชิตะมุนี..........ระบุตรัสวิถีธรรม

๐ เป็นทศบุญกิริยะวัต-.....ถุจรัสยุบลนำ
ทานศีลสุรางค์พิริยกรรม....ประลุญาณและปัญญา

๐ ทานหนึ่งเจริญธนะประจาค...ดุจะพรากตระหนี่หนา
แม้นกรจะเปื้อนก็สละจา-.......คะและทรัพย์ชะล้างกัน

๐ อันศีลมุนีกยะจริต............จะพิสิฐก็โดยธรรม์
เว้นกายพจีประทุษะมั่น........มละบาปะโทษผอง

๐ สิ้นทรัพยหนึ่งขณะระหว่าง...กะสตางค์ผจงจอง
ไป่มีเพราะธรรมมิกะฉลอง.......สุคโตภิโญธรรม

๐ อันจิตสฤษดิ์จะปฎิบัติ........กะวิปัสสนานำ
หลุดพ้นผจญประทุษะกรรม....ปุญะเลิศอมรคุณ

๐ พึงชำระปัญญะพละน้อม......สติพร้อมและเป็นทุน
ตามมรรคะทางอัฐะกรุญ..........สัจะธรรมมุนำทาง

๐ สิ้นชาติชรามรณะเห็น.........ภวะเย็นกิเลสจาง
เป็นบุญอุโฆษะจะสล้าง.........ลุวิมุตติ์นิรันดร ฯ (๒๓๕)


อันนี้ตอนที่เขียนอะ เขียนสดนะครับ แหะๆ ไม่ได้สนใจอะไรเล้ย แหะๆ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 27 สิงหาคม 2012, 11:05:PM
ฝีมือระดับนี้ คุณไร้นามยิ้มแก้มปริแน่ๆ
 
(คุณไร้นามนึกในใจ) โอ้ สวรรค์โปรด ฉันท์ ๑๐๐๐ บทของข้าฯ ครบแน่ๆ 555


ดีใจจริงๆ ครับที่เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน

ผมชอบคุยกันแบบนี้ ติชมกันจากใจจริง


เพิ่งกลับมา ขออนุญาต เบี้ยว 555

เอ ไม่ทันดู คุณไร้นามอยู่ไหมนี่ ถ้าอยู่ คงยกนิ้วให้ อาจแถมคะแนนให้ด้วย 555

ขอไปพักสักเดี๋ยว


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: น.ปฎิพน ที่ 28 สิงหาคม 2012, 09:14:AM
๐ หินผาเศวตศักดิ์............ตละยักษ์ตระหง่านเหิน
ผากว้างสล้างเนิน.............พระสุเมรุคีรี

๐ ดงดิบพนาป่า...............ชุชลาพิรุณมี
พรมพรำประจำปี..............ศิละหินก็กร่อนครัน

๐ เปรียบดังกระทู้นี้............พจะมีก็เว้นวัน
หาใช่เพราะคนสรรค์...........ภณะฉันทน้อยคน

๐ บางคราวอุบัติที..............กละมีกะงานตน
ยุ่งเหยิงเยอะแยยล.............จะลิขิตมิได้ลง

๐ พจน์น้อยก็พลอยฝน...........จะเกาะกร่นศิลาองค์
ไป่ควรจะต้องสง-...............สัยะว่าจะช้าที

๐ พันบทก็พันบท...............จะประกฎ ณ หนึ่งปี
ให้เห็นซะเลยซี..................ดนุข้าก็ว่าทัน ฯ (๒๔๑)


5555 เบี้ยวได้ครับท่าน ไม่ต้องกังวล :))

ไม่เป็นไรครับ จริงๆก็เขียนฉันท์เสียส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่บางทีไม่ได้เขียนบ้าง หายบ้าง แหะๆ






หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 07 กันยายน 2012, 06:24:PM
(อินทรวิเชียรฉันท์)

ยอดยุทธนิยมมา        มุขปาฐะรังสรรค์
ย่อมถึงนะหนึ่งวัน       จะลุพันพิชิตชัย

ขอเชิญมุนินทร์ริน       ชุติสินมณีใส
ร้อยหลั่งประทังใจ       ประจุกานท์สราญรมย์

เริงรื่นวจีเรือง           รติเรื่องรจิตสม
ชุ่มชื่นชุลีชม            สุวิมลเมลืองฉันท์

ลิ้มรสกระยาหาร        ก็มิปานประพัทธ์ขวัญ
พริ้งพรายประพันธ์พลัน  ผลิมนัสประภัสสร

       emo_126


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ก้าวแรกฯ... ที่ 08 กันยายน 2012, 11:14:AM

๐ ถวายบุหงา ๐


๐ ชื่นชมระดมคิด...........สุจริตจะคิดสรร

ร่วมทางสว่างอัน...........ขณะฝันจะพันดวง

...

๐ บุปผารุจาสร้าง..........จะสล้าง ณ กลางสรวง

กลีบสีมณีดวง..............ฤ สิร่วง ณ ดวงมาน

๐ ชื่นฉ่ำระบำแสง...........รวิแรงก็แข่งขาน-

ขับรับฤดูกาล...............จะผสานวิมานแดน

๐ บำบวง ธ ปวงไท้.........ณ ไศลวิไลแสน

โปรดทรงดำรงค์แทน.......ศิริแคว้น ณ แดนไกล

๐ อวยชัย ณ ใครหนึ่ง........จิ ตะ พึงคะนึงไหว

พ้นเหตุ ฤ เภทภัย...........ชำนะได้ฤทัยปอง...(๒๕๐)


ฉันท์บทนี้ข้าพเจ้าแต่งเพื่ออวยชัยให้สหายหนึ่งเดินทางปลอดภัย

และไดผลชะงัดนัก

ก้าวแรกฯ...




หัวข้อ: Re: ชยนั้นสิเจ้าเอง : ฉันท์ ๑๐๐๐ บท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 15 กันยายน 2012, 10:35:PM
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

* เด็กเยาวชนไทย.........ดุจไร้ละวิญญาณ์
ผู้"ใหญ่"ก็เฉื่อยชา..........จิตหนากิเลสนำ

* ใครเล่าจะสรรค์ดาว......พละห้าวมุมั่นค้ำ
แว่วแผ่ว ธ ทรงย้ำ...........ชยนั้นสิเจ้าเอง(๒๕๒)


หัวข้อ: Re: จากใจเยาวชน....ฉันท์ ๑๐๐๐ บท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 21 กันยายน 2012, 10:45:AM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

.....................จากใจเยาวชน

* แกร่งกล้า แสดงออก......มิกลับกลอก มุศึกษา
โรงเรียน ขยันมา.............บ่เลิกรา สะสมบุญ

* ผิดพลาด ผจญพาล.......สิข้าฯขาน แนะนำหนุน
ปลุกปลอบ จะขอบคุณ.......พระค้ำจุน นิรันดร์เทอญ  (๒๕๔)

ปรับแก้ไขจาก อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 27 กันยายน 2012, 12:46:PM

(อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒)
๒๕๕.
        ดอกฝนกระซิบหน          และถนนก็กอดตระกรอง
หนทางมิต่างคลอง                 ขยะเข้าเขรอะท่อระบาย 

๒๕๖.
        กรุงเทพทะเลสาป          ลุสภาพกระจัดกระจาย
รถติดและวุ่นวาย                    ระอุอ้าประชาระทม

๒๕๗.
        โอ้เทวดาเอ๋ย                   ฤ จะเฉยกะเสียงระงม
ฤๅใจพิรุณขม                          กะจะล้างลุมรณา

๒๕๘.
        หากบุญกุศลมี              เถอะนทีถนอมประชา
อย่าท่วมบุรีล้า                       ผิวะชนจะดีมิพอ



กามนิต, ๒๗ ก.ย.๕๕
 emo_94


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 28 กันยายน 2012, 09:34:PM
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

* แกร่งกล้า แสดงออก......จะมิหลอก ละศึกษา
พ่อแม่ สิส่งมา.................จิตข้าฯ ระลึกคุณ

* ครูนัด บ่ ชักช้า.............กะจะหา คละเคล็ดหนุน
แตกฉาน สิผลบุญ ...........มุลุเข้า มหา'ลัย (๒๖๐)


ขออภัยครับ ผมรอ เจ้าของงาน ตามงานที่ปรับแก้ให้ จึงลง (๒๕๔) ไปก่อน

แต่เขาคงไม่มาเอาแล้วครับ 555



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 02 ตุลาคม 2012, 12:00:PM
ร่องรอยเสน่ห์เสนาะเพราะพริ้ง     รึจะทิ้งทลายลง
รักริ้วระรื่นกระเทาะอนงค์            ล่ะมิจำกระนั้นหรือ

ร่ายร้ายละลายลลิตดาว            สละพราวสวาทฤๅ?
ลืมรสพะนอกระเซาะแซะมือ        พิสวาศะขาดคลาย

โอ้หนอพธูจิตประหาร              ริระรานหทัยชาย
เจ็บจุกสะอึกมนะสลาย             นิรมลน่ะคนผลาญ

จี๊ดจี๊ดสะกิดหทยะกร่อน           ทะลุตอนสตรีพาล
เพ่งโทษะพี่วสละปาน             นยะหยุดสะดุดเอง

ชายใหม่ประหนึ่งรุจิระเรือง        และก็เคืองสะเอียนเพลง-
ทำนองผุพร่องมละประเลง        มติเก่าสะเพร่าเกิน(๒๖๕)
                         

                            emo_79


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 09 ตุลาคม 2012, 07:21:PM
(อิทธิบาทธรรม ๔ ประการ, ธรรมแห่งความสำเร็จ)

(อินทรวิเชียรฉันท์)

สองหัตถ์ประนมน้อม    นมะพร้อมพระบาลี
สรรเสริญะศาส์นศรี     พระมหามุนินทร์ทรง

นบธรรมะจรรโลง       นยะโยงประสงค์ชง
มวลมิตระยรรยง        คติธรรมประจำใจ

ธรรม์อิทธิบาทดล      ชุติผลวิมลใส
ใส่ไว้หทัยใคร           จะเจริญจรูญฝัน

เริ่มฉันทะขั้นต้น         พละมนตร์หะแรกขวัญ
ทุกสิ่งสิพริ้งพลัน        เพราะริเริ่มประเดิมเรือง

สู้ทนและอุตส่าห์         วิริยาขยันเนือง
การงานจรัสเรือง        เฉพาะผู้มิทิ้งเพียร

จงจิตตะฝักใฝ่             วิเคราะห์ในวิธีเรียน
จดจ่อลิขิตเขียน           กลเม็ดสะเก็ดการย์

พร้อมพรั่งวิมังสา          ศิรพาวิชาชาญ
ปัญญาพิจารณ์งาน        และละเอียดละเมียดหมาย

ครบถ้วนกระบวนธรรม    ประจุล้ำประกายปลาย
เลิศเหตุวิเศษฉาย           ชรรินประทิ่นผล(๒๗๓)




หัวข้อ: Re: อุเบกขาสะบั้น"กู"....เชิญแต่งฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 12 ตุลาคม 2012, 07:20:AM
อินทรลิลาตฉันท์ 11

....สังคมยุแบ่งแยก..........มิช้าแตกผุพังภินท์
มั่นมุ่งมุอาจิณ.................อุเบกขาสะบั้น"กู"

....เที่ยงธรรมสิสูควร........มิเรรวนระลึกรู้
"ตัวตน"ตริตรองดู............อนิจแน่ละวางเทอญ (๒๗๕)


หัวข้อ: Re: ท้อแท้ทุกข์ท้น.....เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 13 ตุลาคม 2012, 08:08:AM
วิชชุมมาลาฉันท์ 8

....ท้อแท้ทุกข์ท้น.........อย่าก่นบ่นเลย
ลองมองเด็กเผย...........ไม่เคยถอดใจ
ล้มลุกลุกล้ม................ไป่ก้มเกรงใคร
เจ็บจุกรุกไข................ลองใหม่ทุกที (๒๗๖)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 19 ตุลาคม 2012, 01:07:PM
(อินทวงศฉันท์๑๒)

ลาเต้ผสมนม                  อร่อยสมกระผมน่ะรอ
เพลงไพเราะครวญคลอ         อเมซอนสะออนสบาย

นั่งนิ่งสนิทนาน                เพราะตาหวานกระพริบประปราย
นงคราญขยันขาย             ขนมเนยมะนาวกะรวย

หุ้นส่วนมิครบคน              แนะหน้ามนขยายก็สวย
รับผมระดมช่วย               สิชงชาและพาภิรมย์(๒๗๙)


(หมายเหตุ ณ ร้านอเมซอน ปั๊มปตท, ๑๓นาฬิกา, พนักงานสาวยิ้มน่ารัก บ่อยากขับรถกลับบ้านเลย emo_85)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 27 ตุลาคม 2012, 10:55:AM
(ผลไม้ท้องถิ่นอีสาน)
(วสันตดิลกฉันท์)

บักบกวิตกกระเทาะเคาะกิน            แกะแงะชินก็ยากจัง
แต่แหมภิรมย์รสะประดัง              ดุสิตากระยาหาร emo_20

เคี้ยวขบตะขบปะทะกะลิ้น             ดุจกินขนมหวาน
ซาบซึ้งตะลึงคุณะน่ะนาน             บ่มิเบื่อกระหยิ่มชิม

บักค้อคละมัจฉะชรทึง               ก็จะซึ้งสิแซ่บอิ่ม
เปรี้ยวโอษฐะโชติมิละลิ้ม            ขณะไหนหทัยหิว

บักเม่ามิเมามฤทุทรวง              พิศพวงสะอ้านผิว
ดำแดงแสดงดิลกะริ้ว               ระยะเปรี้ยวรึหอมหวาน

บักแงวและแซวริผลิพหล             ฤตุฝนประพรมนาน
ปลอกเปลือกประจักษะและอุทาน     ฤดิดังกระเทือนดาว emo_45

ต้องแร่งมิแจ้งก็จะมิใช่              นฤในบุรีพราว
อีสานสิรู้ผลสกาว                   เยอะ ณ คราวผลิข้าวเหนียว


(๑.บักบก ๒.บักตะขบ ๓.บักค้อ ๔.บักเม่า ๕.บักแงว ๖.บักแซว ๗.บักต้องแร่ง)

ปล.เนื่องจากยังไม่มีคำเฉพาะ ผมจึงใช้การสมาสคำว่า มัจฉะ(ปลา)ผสมกับชรทึง(น้ำ) เพื่อให้หมายถึงน้ำปลา emo_85


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 08:38:AM

        (มาณวกฉันท์)
๒๘๖.
        เสียงเผาะเผาะน้ำ-             ค้างจรลี
        จูบปฐพี                              ชีวะละมุน
        วาวระดะดื่น                       ชื่น ณ อรุณ
        ปลุกสมดุล                          พร่างสุขะพรู ฯ

๒๘๗.
        โอ้อุระรื่น                           ชื่นกะเสน่ห์
         แห่งขณะเห-                     มันตฤดู
         ...แต่ขณะหนึ่ง                  อึ้งอุระอยู่
        เนื่องเพราะพธู                  ห่างมนะหาย ฯ

กามนิต, ๖ พ.ย.๕๕


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 12:18:PM
(มาณวกฉันท์)

๐เสียงเสนาะโสต       โชติจิตะจริง
พี่มิละทิ้ง               ฉันท์ดนุฉาย
ขออนุญาต             วาดวระราย
เพื่อจะขยาย            ให้ประลุพัน

๐เชิญสขิบ่อย           ปล่อยวจะแจ่ม
หวังจะแฉล้ม           แต้มคณะฉันท์
แต่ก็นะแหม            แลนฤสรร
ทุกทิศะนั้น             กลับบ่มิเห็น

๐เพี้ยงพระนโม          โอมะพระอินทร์
มวละกวินทร์           ส่องศศิเพ็ญ
วาบวสุสาส์น          ชาญชะประเด็น
แย้มยุวเย็น             อย่างชนะชัย

๐ฤาศกะนี้                มีมิลุร้อย
แหมน่ะก็น้อย          เกินจะจุใจ
เร่งแวะนะครับ         ศัพทะไสว
รีบกระแซะใน          หนึ่งนิธิกานท์(๒๙๑)

   
                emo_85 emo_126 emo_126 emo_126



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 07 พฤศจิกายน 2012, 02:59:AM

(สยามมณีฉันท์)
๒๙๒
เถอะพ่อนะแม่ผิแม้มุมั่น
ผดุงประพันธะฉันท์จะฉาน
เจรียงวิจิตรสฤษฏ์ตระการ
ดรงค์พิศาลพิธานกวี
๒๙๓
ประดุจธงกระบี่ธวัช
ระไวสะบัดพิพัฒน์ดิถี
ตะวันขยับระยับรุจี
ทิวาก็คลี่ตระหนี่มลาย
๒๙๔
สหัสบทฤกดพนิต
ปริเปลี่ยนประดิษฐ์นิมิตสลาย
คะนึงกระไรสมัยจะวาย
วิสุทธิ์มิสายพระนายพระนาง
๒๙๕
จะอินทวงศ์ภุชงค์ประยาต
ลุอุปชาติขนาดขนาง
สวาคตาจะว่าจะวาง
มิอาจจะขวางระหว่างวิทู ฯ

พรายม่าน
สันทราย
๗ พฤศจิก ๕๕


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 08 พฤศจิกายน 2012, 07:29:AM
(อินทรวิเชียรฉันท์)
๒๙๖. เขียนวันละฉันท์ชิด           เถอะนะมิตรจะตราตรู
เว็บบอร์ดจะเป็นครู                     บ่มิบ่น ฤ เฆี่ยนโบย

๒๙๗. นานาอเนกนาม                ประจุความสบายโดย
ไร้ห่วงอะโหยโหย                        เหมาะฉะนี้แหละที่รัก

๒๙๘. อย่ากลัวและมัวหลบ        ขณะพบประจักษ์หลัก
กานท์ดีกวีมัก                              ประลุได้เพราะพากเพียร

๒๙๙. เขียนวันละฉันท์จบ          จะประสบสถานเธียร
มากมิตรแวะมาเวียน                  จะยะยิ้มนะพิมพ์ใจ

กามนิต, ๘ พ.ย.๕๕



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 08 พฤศจิกายน 2012, 08:15:PM
(กมลฉันท์๑๒)
๐ศุภศิลป์ถวิลถึง               และระรึงระลึกใน
สิริฉันทะสดใส                 จิตใจจะแจ่มจันทร์

๐ดนุจึงจะพึงชวน              คณะล้วนกวีฉันท์
ชระรินประทินฝัน              บริบูรณ์จรูญกานท์

๐พณะท่าน"รวี"เชิญ          แวะเจริญะฉันท์หวาน
สขิ"ไพร"พะนอนาน          นรเยี่ยมเยาะหยอกยัง?

๐ครุจารยะหวานแหวว        เฉพาะแนวแนะนำขลัง
นุช"พี"เผาะ"พูน"คลัง        กรุณาระย้ายิง

๐สุรเสียงสะท้านขวัญ         สุขกรรณะกลั่นจริง
ก็"อริญชย์"แสดงสิ่ง          กิระเรืองกระเดื่องดาว

๐เสนาะโสตประโยชน์แย้ม    เพราะผลิแถมกระบวนพราว
อุตสาหะโน้มน้าว             ยุวชนก็"ท่านทรู"

๐นมะ"กามนิต"น้อม         ศิระค้อมคำรบครู
ชุติสาส์นวิธานหรู            ดนุน้อยจะคล้อยตาม

๐ชวญาณะ"พรายม่าน"      ครุจารย์ตระหง่านงาม
มหศัพท์ตระการความ        ภณหนึ่งก็พึงฟัง

๐"ทินกรกระฉ่อนฟ้า"         วนิดาประดังคลัง
คุณคำวิเศษสัง-            คหะให้หทัยสรวล  * (ในที่นี้ทินกรกระฉ่อนฟ้า ขอหมายถึงยามพระอาทิตย์อัสดง หญิงงามแห่งบ้านกลอนไทยนะครับผม)

๐วจิถึงคะนึงฉันท์           เฉพาะวันเปรียญหวน
มิปริเปรยบ่บังควร          ก็กวีน่ะชื่อ"เอ"

๐ชวลิตวิศิษฐ์เสียง          ผลิเผดียงเผดิมเห่
พิษฐานะกานท์เพ-          ชรนามสยามชน(๓๐๙)


(ขออภัยมวลมิตรหลายๆท่านที่มิได้เอ่ยนามครับ)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 21 พฤศจิกายน 2012, 07:39:AM

ละครน้ำเน่าละครชีวิต

(เปษณนาทฉันท์ ๑๖)

(๓๑๐) ละครน้ำเน่าละครชีวิต                          ละม้ายดวงจิตละเลิงหลงต่ำ
ละล่องจนเพลียละเหี่ยผลกรรม                       ละเลงซ้ำซ้ำละเมอเผลอมาน

(๓๑๑) กระหึ่มเสียงโลภละโมบอามิส              ตะกุยทางผิดตะกายทางผลาญ
สบายสั้นสั้นสะบั้นนานนาน                             สะเทือนเหตุการณ์สะท้านสังคม         

(๓๑๒) วะหวีดกรี๊ดกรี๊ดผิว์หวีดได้เหมือน         มิใช่การเตือนทว่าการบ่ม
ประพฤติแห่งในนิสัยผู้ชม                                สะใจได้สมกะแค้นแก่นเคือง 

(๓๑๓)  แหละสันดานดิบจะออกเพ่นพ่าน       สยดทุกย่านสยองทุกเรื่อง
แหละแม้เด็กเล็กจะก่อกวนเมือง                     วะหวีดกรี๊ดเขื่องผิว์ขัดใจใด

(๓๑๔) กระหายเงินทองผิว์ต้องขายค้า             ก็ขายยาบ้าเพราะเงินเป็นใหญ่
แหละบทเจ้าพ่อกระเดื่องเกรียงไกร                 บ๊ะ ได้ดั่งใจสะดวกโยธิน

(๓๑๕) พนันขันต่อซะจนหมดหัว                     ก็ขายถึงตัวเพราะมัวเมาสิน
สบายใส่ตนซะจนเคยชิน                                 แหละจึงดีดดิ้นสะดวกทางเลว

(๓๑๖) กระชุ่นเมียผัวระรัวยื้อแย่ง                   ประชันขันแข่งละลิ่วลงเหว
พะพวยควันคลุ้งพะพลุ่งไฟเปลว                    กระแทกแหลกเหลวกิเลสลำพอง

(๓๑๗) อะโหน้ำผึ้งสิเคลือบยาพิษ                  ก็ลวงดวงจิตกระหน่ำชีพหมอง
มิรู้เท่าทันก็งันงงมอง                                      ชะตาที่ต้องระทมทุกที

(๓๑๘)  เพราะความไม่รู้ก็เลยไม่รู้                    และมืดมัวอยู่กะเงาปานผี
วะวูบวาบวาบวะวาบตราบมี                           กระแสโลกีย์ทะมึนยืนค้ำ

(๓๑๙) ละครน้ำเน่าละครชีวิต                        สะท้อนตามติดกระทั่งต่ำต่ำ
แหละในบางทีก็มีซ้ำซ้ำ                                   ก็นึกขำขำเชลงฉันท์ดู


กามนิต
๒๑ พ.ย.๕๕
 emo_20

(เขียนเรื่อยเปื่อย ช่วยฉุดกระทู้  ผิดพลาดประการใดทักท้วงได้ครับ)

 


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 04:16:PM
-สัททุลวิกกีฬิตฉันท์๑๙-

๐เลิศล้วนถ้วนทศปารมีพระชินวร
              ตรีโลกนาถพร                      พระธรรม
๐ผองสัตว์โลกและสวรรคะพร้อมนิรยะดำ-
             เนินตามตระการกรรม              เจริญ
๐คือทางมรรควิธีรุจีรตนเดิน
            ฝึกฝนกมลเขิน                        ขจร
๐ยอมอดทนสละสุขประมาณะนิระร้อน
           เพื่อสุขประภัสสร                      อนันต์
๐เพียงเพื่อกามพจรอมรบวระวรรณ
           บนชั้นสวรรค์พลัน                     ภมร
๐น้อมนิพพานะวิจิตรสถิตยะสะท้อน
          สุขศานต์นิรันดร                        ฤดี
๐โชคโชยชนมะประสบพระศาสนะฉวี
        คือพุทธศาสน์นี้                          นิมนต์(๓๒๖)
     


ป.ล.พระชินวร=พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
นิรยะ=นรก
นิระ=น้ำ
ภมร=หมุน, เปลี่ยน(คำกริยา)
emo_126


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 04:44:PM
(วสันตดิลกฉันท์๑๔)

๐ดวงใจสะพรั่งสมประดี           ขณะที่นิพัทธ์ผล
อันรักสมัคระนิรมล              สมทรวงสิเน่หา
๐จากนี้จะขอคตินิยม            เฉพาะชมขนิษฐา
สาวสวยฉวีนิรชรา              บ่มิเพียงพธูใส
๐มอบถ้วนสกลธะวิระหวัง       จะประทังประคองใจ
หนึ่งนี้ทวีวิริยะใน                นฤมิตรจิตพันธ์


 emo_107


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 26 พฤศจิกายน 2012, 03:05:PM
ช่วยแต่งอินทรวิเชียรฉันท์ 11 เรื่องกีฬาสีให้หน่อยนะคะ
Aonin

...ถึงเทศกาลเกมส์.............ฤตุเปรมคะนองคึก
ศรีตรังจะเริ่มศึก.................ชยภาระกีฬา

...สี่สีประลองกัน................มรกตนั้นมุมั่นท้า
ลีดเดอร์ระบือหนา..............คณะพร้อมตระการงาม

...กองเชียร์มณีแดง............ดุจแสงสุรีย์ยาม
ชมพูมิมีคร้าม....................ชนะนั้นขนมหวาน

...สีฟ้าขบวนแห่.................บมิแพ้สิตำนาน
กีฬาเผด็จคร้าน..................ธุระงานลุฝั่งฝัน (๓๓๓)

ขบวนแห่ = parade
เชียร์ลีดเดอร์  = cheer leader


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 26 พฤศจิกายน 2012, 07:19:PM

...กีฬาประสานมิตร............สุขจิตจะแจ่มใส
เพลิดเพลินเจริญใจ............พลพร้อมก็ด้วยฝึก (Aonin ) (๓๓๔)

...ถึงเทศกาลเกมส์.............ฤตุเปรมคะนองคึก      (ฤตุ=เวลาที่กําหนดสําหรับงานต่าง ๆ)
ศรีตรังจะเริ่มศึก.................ชยภาระกีฬา             (ภาระ=หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ)

...สี่สีประลองกัน................มรกตนั้นมุมั่นท้า
ลีดเดอร์ระบือหนา..............คณะพร้อมตระการงาม

...กองเชียร์มณีแดง............ดุจแสงสุรีย์ยาม
ชมพูมิมีคร้าม....................ชนะนั้นขนมหวาน

...สีฟ้าขบวนแห่.................บมิแพ้สิตำนาน
กีฬาเผด็จคร้าน..................ธุระงานลุฝั่งฝัน

ขบวนแห่ = parade
เชียร์ลีดเดอร์  = cheer leader


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 26 พฤศจิกายน 2012, 07:26:PM
ช่วยแต่งอินทรวิเชียรฉันท์11 สองบทค่่ะ เกี่ยวกับเรื่องการให้กำลังใจเพื่อนในยามท้อแท้ผิดหวังค่่ะ

แม้ฉันจะเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งของเธออาจจะไม่สำคัญอะไรแต่อยากให้เธอรู้ไว้ว่า
เมื่อเธอต้องเผชิญปัญหาอุปสรรคใดใดหรือเมื่อยามเธอเศร้าใจเธอจะยังมีฉันคอยอยู่
ข้างข้างเธอไม่ไปไหนฉันจะอยู่ให้กำลังใจเธอจนกว่าเธอจะกลับมาเป็นเดิมที่สดใสอีกครั้ง

minzpra



...ท้อแท้ ฤ ทุกข์ท้น.......ดุจล้น บ่ทนไหว
ฉันจัก จรุงใจ................ปิยะมิตร สงบเย็น

...เธอจง กมลมั่น...........ดนุนั้น จะดับเข็ญ
กายใจ สิมอบเป็น..........พละเกื้อ ลุสุขพลัน (๓๓๖)



หัวข้อ: Re: ....ช่วยแต่อินทรวิเชียรฉันท์ให้กำลังใจให้หน่อยได้ไหมครับบบ
เริ่มหัวข้อโดย: titatnew ที่ 01 ธันวาคม 2012, 10:47:PM
            ช่วยแต่งอินทรวิเชียรฉันท์ให้กำลังใจเพื่อนให้หน่อยได้ไหมครับบบ 
                                         ส่งพรุ่งนี้แล้ว emo_111 emo_111


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 03 ธันวาคม 2012, 12:55:PM
งานเอ๋ยกระไรเย้ย          และดุเปรยประหาญแด
เหม่อมองลุช่องแล         มิสว่างฉะนั้นหมอง

เร่งทำจะทันไหม          ก็นะใจถลากอง
โอ้ยแย่ยะเยือกยอง       ยุติญาณะลาเร็ว(๓๓๘)

(งานรุมเยอะ ขอบ่นเป็นฉันท์สักหน่อยครับ เซ็ง....)

เอาไปเลยจ้าน้อง  ฉันท์ส่งคุณครูน่ะ โชคดี(ไม่ใช่อันข้างบนนะ อันนั้นพี่แต่งบ่นเฉยๆ นี่ๆอันข้างล่างนี่)
เพื่อนท้อระทดใจ        สขิไหนจะแลเหลียว
เพียงเราน่ะผู้เดียว       จะพยุงประคองเดิน

กิจใดสิสำเร็จ           ประลุเคล็ดเจริญเชิญ
ทบทวนกระบวนเขิน    คติใดไสวศิลป์(๓๔๐)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: น.ปฎิพน ที่ 13 ธันวาคม 2012, 05:28:PM
วสันตดิลกฉันท์ 14

๐ อ้าแสงระแรงรุจิประภัส-
สระอรรถะอำไพ
เปรียบดวงประทีปวระอุไร
ชวลิตพินิจเห็น

๐ กลางวันอนันคณนา
นระคลาคละคล่ำเป็น
ทำงานประสานขิพิตระเย็น
จระใต้อุไรดวง

๐ อ้าแสงระแรงสุริยะเจ้า
กละเข้านุกูลปวง
เมื่อลับและกลับพิภพะสรวง
ทินกรจะลีลา

๐ เหลือบแสง ณ แหล่งอุทกะผืน
ขณะคืนจะจรมา
เหลือบใจคระไลหทัยะภา-
วะสถานะชื่นเย็น

๐ เมฆาปะอาทิตยะแสง
ดุจะแต่งวะวาดเป็น
แสงลับแน่ะอัมพระจะเห็น
ทะลุอนธการปาน

๐ แม้นใจไฉนนรสถา-
นะสภาวะธรรมจาร
ร้างเภทกิเลสประทุษะผลาญ
ริปุไหนจะโรมรัน

๐ ธรรมองค์ประดุจบวระอัม-
พรนำชิวาพรรณ
ธรรมองค์ประดุจระบุสุวรรณ
บ มล้าง ฤ เลือนไป

๐ ตูข้าประดาทัยะอุบัติ
ลุมนัสะเต็มใจ
กราบกรานศิราธรรมะพิไล
กวะตราบสลายกาล

๐ ขอองค์พลาพิชัยะธรรม
ตละนำพิชิตมาร
ตราบผู้ดนูประลุนิพาน
ลุวิมุตติสุขเทอญ ฯ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 16 ธันวาคม 2012, 03:47:PM
๐โลกาวินาศนั้น         ภิทะขวัญสะท้านเทียว
ไฟฉายจะฉานเชียว     เฉพาะเตรียมตะลุยแรม

๐ไฟแช็คและเทียนไข     ประจุไว้ประจงแจม
มาม่าและปลาแซม    กะกระป๋องก็ลองตุน

๐ศุกร์นี้จะหนีไหน       ชระไว้สิป้องพรุน
เมื่อดวงตะวันหนุน      สิสบายมิไหม้เลย(๓๕๒)

(ขอต้อนรับศุกร์๒๑ ธค ๒๐๑๒และSolar storm(พายุสุริยะ) นะครับทุกท่าน)

ปล.โลตัสบ้านผมประเดิมเปิดไก่เคเอฟซีวันแรกด้วย ช่างไม่เกรงกลัวอะไรเล้ยยยย คิดได้ไงเปิดร้านวันนี้
 และผมก็จองเป็นลูกค้ารายแรกเรียบร้อยแล้ว emo_26


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 16 ธันวาคม 2012, 08:55:PM
เพรียก...
(ภุชงคประยาตรฉันท์)
(http://upic.me/i/nn/vpbxfkkwdvs.gif) (http://upic.me/show/38565353)

  สวัสดีค่ะพี่น้อง..
จะร้อยกรองทำนองฉันท์
เชลงยากลำบากครัน
สำเนียงหนักสำเนียงเบา

 ประดิษฐ์คำประดุจคล้าย
สลักลายสลักเขา
วิจิตรงามวิจิตรเงา
ประดับบ้านประดับวงศ์

  เพราะท้าทายมิง่ายนัก
ตริตรองหลักมิลืมหลง
พิพิธฉันทะดำรง
ผดุงศรีกวีกานท์

   สบายดี ฤ พี่น้อง..
ผิร้อยกรองทำนองขาน
เสนาะฉันทะบันดาล
สำราญจิตสำราญใจ

   ประพันธ์เถิดจะเกิดผล
กวินมนตร์ ณ เว็บไซต์
สล้างโพ้สต์ประโยชน์ไทย
ระบือฉายประกายฉันท์ ฯ
        (๓๕๗)
(http://upic.me/i/nn/vpbxfkkwdvs.gif) (http://upic.me/show/38565353)

  มาม่วนนำฉัน(ท์) เด้อค่าเด้อ...
 (http://upic.me/i/sm/woman.gif) (http://upic.me/show/183852)
         พี.พูนสุข

add complete
by Klonthaiclub fb
(https://www.facebook.com/poemwebboard)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 16 ธันวาคม 2012, 09:51:PM

เจิมจิตลิขิตพี้                            มนนี้สิเสกสรรค์
รื่นรสสุคนธ์ครัน                         วทะพร้อมประทินใจ

ฝันแต้มตะวันรอน                        ศศิธร ชะอ้อนใส
พื้นที่มณีนัย                              ตะละคำ จะหมั่นเรียน

พร้อมน้อมมโนกราบ                     ศิระทราบกะขีดเขียน
เชิงฉันสะอ้าน,เพียร                     ฉะลุพจน์ประพนธ์พรรณ (๓๖๐)


อินทรวิเชียรฉันท์ค่ะ


ตะละ  หมายถึง  แต่ละ
พรรณ ในที่นี้หมายถึง ตัวอักษรนะคะ






หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 19 ธันวาคม 2012, 12:12:AM

(อินทรวิเชียรฉันท์)

๐ เขาว่ารึใครว่า           สุริยาจะแผลงผัน
ดาวจักรปฏักจันทร์    พฤหัสวิบัติเงา

๐ พุธเรียงกระหายรุก    ปะทะศุกร์ประสานเสาร์
แกนโลกและแกนเรา   คุวิกฤติพิการกล

๐ ซับซ้อนมหาศาล      ภวพล่านสกลผล
หินเหลวทะเลวน      บิปริพื้นศิลาพลัน

๐ หลุมดำพลังดับ      ทะลุสรรพสิ่งสรรค์
บิดขู่อณูครัน             อนุจักรวาลจร

๐ ใครฤาผิยื้อรั้ง      มติสั่งมนุษย์สอน
เกิด,ตั้งนิรันดร       มิมลายสลายลง

๐ เพียงบนกุศลบาป   คติลาภพะวงหลง
ตราติดสนิทคง          วตะนั้นอนันต์กาล ฯ (๓๖๖)

พรายม่าน
สันทราย
๑๙ ธันว์ ๕๕   


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 31 ธันวาคม 2012, 05:13:PM
 
(http://upic.me/i/jy/7r0f57672te.gif) (http://upic.me/show/40832012)

 (http://upic.me/i/5g/20080220113039.jpg) (http://upic.me/show/42379220)
 (http://upic.me/i/jy/7r0f57672te.gif) (http://upic.me/show/40832012)

 สนุกสนานสมานรัก
(มุทิงคนาทฉันท์ ๑๔)


         ตะเติ้งตะเติ้งตะเติ้งเติ้ง            จะส่ายจะเซิ้งเถลิงชัย
เฉลิมฉลองกะศกใหม่                    สว่างไสว ณ ลานเนิน

      ดิถีสวัสดิ์พิพัฒน์พร่าง             รพีกระจ่าง*สิตางศุ์เหิน
   วิถีนิเวศวิเศษเกิน                        ฤ เพลิด ฤ เพลินเผชิญการณ์
     
      มะโรงเขยื้อนจะเคลื่อนลับ         มะเส็งขยับสลับขาน
 ขนดคะนองประลองชาญ                สะเทือนสะท้านสนั่นเมือง

      ประเปรี้ยงประปร้างสตางค์ร่อน    จะสดจะผ่อนสะท้อนเรื่อง
ก็บ้านและรถจะหมดเปลือง              มิขัดมิเคืองจะกินเกลือ
     
      ระบือระบาดจะเสพขาย            ทะลักทลายมิให้เหลือ
ระเบ้อระเบิดจะเชิดเรือ..                ตำรวจจะเถือล่ะเชื่อใจ
 
      ตะเติ้งตะเติ้งตะเติ้งเติ้ง           มะเส็งเถกิงระเริงไหว
ขนดถนัดขจัดภัย                        ระวังระไวไผททอง ฯ
    (๓๗๒)

*สิตางศุ์ หมายถึง พระจันทร์

  สนุกสุขสันต์วันปีใหม่นะคะ

  emo_89 emo_89 emo_89
 
        พี.พูนสุข
   ๓๑  ธันวาคม  ๒๕๕๕
 (http://upic.me/i/hf/33tkm5t.gif) (http://upic.me/show/25816228)


หัวข้อ: Re: เฝ้าไข้......ฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 10 มกราคม 2013, 06:04:PM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....เฝ้าไข้ ผละซึ่งสุข..........ระทมทุกข์ กระนั้นฤๅ
จริงแท้ กุศลคือ.................ตระหนักซึ้ง สงบใจ

....เห็นธรรม ประจักษ์แจ้ง....อนิจแฝง แสดงไว้
ตัวตน สิของใคร................ฤ สั่งได้ สหายเมิล (๓๗๔)

เมิล   ก. ดู. (ข.).
เมิน   ก. เบือนหน้าหนี, ไม่ยอมดู, ไม่ยอมแล.


หัวข้อ: Re: ตัวตน สิรู้ใช้ : ฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 11 มกราคม 2013, 07:03:PM
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

....กาลวา- ระผ่านพ้น....สติดล ประจักษ์ธรรม
สิ่งสรรพ มิคงค้ำ...........จิตย้ำ พะวงใด

....ควรคิด ประกอบดี.....สละลี้ ละ"ตู"ไซร้
ตัวตน สิรู้ใช้.................พละไว้ ผดุงธรรม (๓๗๖)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 16 มกราคม 2013, 07:32:AM

-หนูเป็นคนที่พูดเก่ง เป็นที่พึ่งให้กับเพื่อน ๆได้
แต่หนูมีนิสัยเสียที่หนูชอบเอาแต่ใจและงี่เง่า
-หนูเรียนที่โรงเรียนดีที่สุดในจังหวัดสมุทรสงคราม  หนูเรียนที่นี้มา6ปี
รู้สึกผูกพันธ์กับร.รนี้มาก คุณครูทุกคนไม่ใช่เป็นเพียงคุณครูที่คอยสอนนักเรียน
แต่ทุกท่านยังเป็นทั้งพ่อแม่ที่คอยให้คำปรึกษากับนักเรียนเสมอ
-หนูชอบวิชาภาษาอังกฤษ หนูอยากพูดกับชาวต่างชาติ เพราะหนูคิดว่ามันได้ฝึกทักษะ
และเป็นการกล้าแสดงออกด้วย
อนาคตหนูอยากเรียนคณะการจัดการ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ

....ตัวข้าพเจ้านั้น.............ปิยวรรณ ฤ เรียกโบ
พูดเก่งและอวดโก้...........นุช(ะ)ลูกสิสุดท้อง

....เรียนมัธยมหก............คุรุปรกวิชาครอง
มั่นธรรม(ะ)ครรลอง.........สติตรองขจัด"กู"

....รักครู....มนัสน้อม.......จิต(ะ)พร้อมกตัญญู
โรงเรียนสิสร้างตู.............ปิยมิตรก็แบ่งปัน

....ข้าฯ มั่นมุตั้งจิต...........ธุรกิจระหว่างกัน
ทุกชาติ(ติ)เอื้อพลัน.........สุข(ะ)แด่มนุษย์เทอญ (๓๘๐)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 16 มกราคม 2013, 10:38:PM
-พละ๕ คือ ศรัทธา, ปัญญา, ความเพียร, สมาธิ, สติ

-อินทรวิเชียรฉันท์๑๑

๐น้อมธรรมะบรรยาย      อภิปรายประโยชน์ชนม์
เพื่อพบประสพผล           ชนะจิตพิชิตชัย
๐ข้าน้อยดนูนำ              พละธรรมพระจอมไตร
แจกแจงแสดงไว้            มิตระพึงพินิจเทอญ
๐ศรัทธาประการหนึ่ง       มติซึ่งเจริญเดิน
เทิดธรรม์และสรรเสริญ    นฤผู้ประเสริฐศรี
๐หากเพียงระวังตน         จิตล้นฤดีมี
ศรัทธาลุเกินปรี-           ดิประหนึ่งจะดึงลง
๐จึงต้องผลิปัญญา          คุณค่าประคองตรง
กันไว้มิให้หลง              นยะพัทธะศรัทธา
๐ปัญญาสว่างเกิน          ก็จะเพลินอหังการ์
คู่ธรรมะศรัทธา             บริบูรณ์จรูญจริง
๐พากเพียระเกียรติ์ไกร    ฐิติไว้วิภาสพิง
สำเร็จน่ะทุกสิ่ง             ชยะได้เพราะความเพียร
๐หากครั้นขยันยิ่ง         กิจวิ่งมิเว้นเวียน
ฟุ้งซ่านสะท้านเพี้ยน      เพราะสมองสะเทือนโถม
๐จึงนำสมาธิ์คู่             ชระชูเฉลิมโฉม
หมายมุ่งพยุงโทรม        นิเคราะห์เพียระตึงเกิน
๐หากแม้นสมาธิ์มาก     จิตอยากจะนิ่งเพลิน
เกียจคร้านประสมเกิน    ละเจริญพิจารณ์ธรรม์
๐เพียรจึงจะควรเคียง    เฉพาะเพียงสมาธิ์นั้น
อย่าตึง ฤ หย่อนขัน-    ธะริหลงระเริงหลุม
๐ทั้งสี่พระธรรมมี         สติที่พยุงคุม
ทวนนึกระลึกมุม          มรคาสง่าอิน-
๐ทรีย์ซึ่งพลังใส         ประจุไว้ประจำจินต์
ย่อมดลชโยสิ้น-         มสิเข้าประหัตหาญ(๓๙๓)

เมื่อพศ.๒๕๔๘ ผมได้มีโอกาสไปวัดนาหลวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
พระกัมมัฏฐานท่านเทศนาธรรมที่ชื่อว่าพละ๕ให้ฟังเป็นธรรมที่ถ้ามีในใจใครแล้ว จะทำให้จิตใจมีกำลังทำสิ่งใดก็สำเร็จ
-ศรัทธา (ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้โง่ จึงต้องมีปัญญาควบคู่เสมอ)
-ปัญญา (ถ้ามากเกินไป จะทำให้มีอัตตาสูงเกินควร จึงต้องมีศรัทธาควบคู่)
-ความเพียร(มากเกินไปทำให้ฟุ้งซ่าน จึงต้องมีสมาธิกำกับ)
-สมาธิ(มากเกินไปทำให้เป็นคนเกียจคร้าน จึงตองควบคู่กับความเพียร)
  โดยทั้งหมดต้องใช้สติระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ ว่าภาวะจิตใจเราเป็นเช่นไร
ผมจึงถือโอกาสมาเล่าสู่มวลมิตรทุกท่านฟังอีกครั้งครับ



หัวข้อ: Re: พละสิ้น สิเพื่อชน.......เชิญแต่งฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2013, 09:28:PM
....ผู้ใด แสวงธรรม์........สติพลัน กระจ่างใส
โลกีย์ ละหลีกไกล.........มนนั้น สงบเย็น

....จงตั้ง มุมอบตน........สละดล ขจัดเข็ญ
เศษเถ้า ธุลีเป็น............พละสิ้น สิเพื่อชน (๓๙๕)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: น.ปฎิพน ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2013, 07:30:PM
อินทรวิเชียรฉันท์

๐ เบื่อเบื่อ ณ เมื่อจิต.......ถินะมิทธะอ่อนโหวง
วุ่นวุ่นนเวศโคลง...........ตละคลื่นเซอะเซกา

๐ พิศอนธการเทียร-.......ฆเสถียรสถิตมา
ยินแว่วนภาพา.............พระพิรุณกระหน่ำนาน

๐ แตร้งแตร้งซะซ่าซ่า......ตละว่าจะเสียดมาน
โอ้องค์พิรุณธาร............ธ จะหยุด ณ ตอนไหน

๐ หนาวหนาวระร้าวรวก....เซาะกระทรวกตะไลไพ
หนาวนี้จะผิงใคร............ตละเย็นยะอุ่นเอม

๐ พืชพันธุ์มะกอกออก......ผละกอกผะผ่าวเสม
เจ้ากอกหทัยเปรม...........อุระชิดสนิทนาน ฯ (๔๐๐)



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ : ฉลองตรุษจีน
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2013, 09:23:AM
(http://image.ohozaa.com/i/aa3/YVCffR.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wDcvtFbpeytYzx12)

(http://image.ohozaa.com/i/f70/3zmZcE.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wDcx4VemD6N7o447)

(http://up-pic.net/i/uP.gif) (http://up-pic.net/show/29204)(http://up-pic.net/i/uP.gif) (http://up-pic.net/show/29204) (http://up-pic.net/i/uP.gif) (http://up-pic.net/show/29204)

 
ฉลองตรุษจีน..
๑๐  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๖


(เปษณนาทฉันท์ ๑๖)


๐  ตะลุ้งตุ้งแฉ่..  ตะลุ้งตุ้งแฉ่..                ระเบ็งเซ็งแซ่กะแห่สิงโต
กระโดดโลดเต้นทะเล้นผลุบโผล่             เขย่งโยงโย่  อะโห..ลีลา

๐  ประทัดโป้งป้างสว่างวับแว้บ                สนั่นโกยแน่บ ฤ แอบข้างฝา
ประดังเป็นชุดสะดุดเทวา                     เหาะลงไล่ล่าปิศาจภูตพราย

๐  ตะลุ้งตุ้งตุ้ง.. กระทุ้งมังกร                 ขนดลอยร่อนสะท้อนเลื่อมลาย
พลังแรงฤทธิ์นิมิตสู่กาย                      ประสบดังหมายสบายสืบไป

๐  ฉลองวันตรุษบุรุษสตรี                     ตระเตรียมสิ่งดีทวีโชคชัย
ฉลองสิ้นปีดิถีปีใหม่                          เจี๊ยะกุุ้งปลาไก่.. จะเฮงเฮงเฮง ฯ   
                                      (๔๐๔  เลขเด็ด)




(http://image.ohozaa.com/i/008/GvwTBn.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/wDcxeuEMhO5BuMVB)





พี.พูนสุข
๗  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ : พรตรุษจีน
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 10:48:AM
(http://up-pic.net/i/GZ.gif) (http://up-pic.net/show/29513)

พรตรุษจีน


*วิชชุมมาลาฉันท์


    ** ซินเจียยู่อี่           ซินนี้ฮวดไช้
กงสีฟาไฉ                 ซือซือซุ่นลี่
ซินเหนียนไคว่เล่อ      กงเฮ่อซินสี่
ว่านซื่อหยู่อี้              ซื่อจี้ผิงอัน

       พรมิ่งมงคล         บันดลบันดาล
ชาวจีนลูกหลาน          สิ้นทุกข์สุขสันต์
คราวันปีใหม่               เปิดใจตั้งมั่น
แม้ยากบากบั่น            เห็นทางสร้างตน

       ทุ่มเทแรงหมาย    ทุ่มกายแรงมุ่ง
งานทำอำรุง                อิ่มเอมเปรมมน
โอบเอื้อเกื้อกูล            สมบูรณ์พูนผล
สัมฤทธิ์บัดดล              มั่งคั่งมั่งมี ฯ

                     
        (๔๐๗)


 emo_73 emo_73 emo_73

พี.พูนสุข
๙  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๖

........................

* วิชชุมมาลาฉันท์ ๘   ประกอบด้วย  ครุล้วน  ดังนี้   ครุครุครุครุ    ครุครุครุครุ
    โปรดสังเกตสัมผัสบังคับและสัมผัสระหว่าบท

.......................

**  ซินเจียยู่อี้  - ปีใหม่ขอให้สุขสมหวัง
   ซินนี้ฮวดไช้  - ปีใหม่ขอให้ร่ำรวย
   กงสีฟาไฉ - ขอให้ร่ำรวย
   ซือซือซุ่นลี่ - ทุกเรื่องราบรื่น
   ซินเหนียนไคว่เล่อ - สุขสันต์วันปีใหม่
   กงเฮ่อซินสี่ - สุขสันต์วันปีใหม่
   ว่านซื่อหยู่อี้ - คิดสิ่งใดให้สมดังปรารถนา
   ซื่อจี้ผิงอัน - ปลอดภัยตลอดปี
 









หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2013, 08:16:PM
(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)

๐ชูฉันท์ชนิดวิจิตระนี้                 ก็เพราะปรีดิเปรมปาณ
ท่วงทีวจีอิษฐะหวาน                  วรวาทศิลป์สรวง

๐ฝึกฝนกมลกบิละลักษณ์           นยะวรรควิธีบวง
พอเพียงพยุงสติมิกลวง             กระแซะซบกระลาศรี

๐บางครั้งถลาถวิละหา             ครุพาเผดียงดี
ตามอย่างฉบับศิลปะธีร์             ผิวะเราเฉลาฉาย

(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)

๐หนึ่งนั้นน่ะท่านนี้                    มติมีรุจีพราย-
ม่านเมฆะคลี่คลาย                  คติตรงตรุณตาม

๐นานนานจะมาเยือน                ดนุเหมือนธุลีความ
อุตส่าห์พยายาม                     วิระเรียนทะเบียนครู

๐หวังท่านแวะมาสอน                เฉพาะพรสิพรั่งพรู
ดลฉันทะพลันหรู                      รติต้องตำราฉันท์

(เปษณนาทฉันท์ ๑๖)

๐อริญชย์ท่านพาสง่าผ่าเผย          สิพาเอื้อนเอ่ยสยามวงศ์วรรณ
ประเลงเพลงพราวสกาวสุขสันต์     ประหนึ่งครกนั้นกระชั้นชิดชนม์

๐กระผมพึงเพียรพิจารณ์จำศาสตร์  บ่ถึงเก่งกาจบ่อาจเบื่อมนตร์
กระทู้นี้จึงระรึงเลิศผล                 และเดินดั้นด้นกมลมุ่งหาญ

๐ฤดูเหมันต์วสันต์คิมหันต์            มิได้หวาดหวั่นรึคร้านครั่นสาส์น
ละเลงลายล้วนกระอ่วนเอียงกานท์  จะค่อยคืบคลานคระหนทนไถ

(อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒)

๐ท่านกามนิตเชิญ                     จิตเพลินสวัสดิ์ไสว
บรรเลงวิถีไทย                         ทวิชาติพิลาสพิมล

๐ฉันท์นี้ก็ท่านเขียน                   ดนุเลียนระเบียนสกล
เฝ้าฝันสวรรค์ดล                      กลเม็ดและเคล็ดขบวร

๐ค่อยค่อยเขยื้อนคำ                 ตละดำริรักษะควร
แพรวพราวพิไลล้วน                  สมชื่อสยามสุธี

(อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑)

๐ครูชิต,บุรทัต                        ปฏิพัทธะศิลป์ศรี
จึ่งแต่งสดุดี                           ปฐวีวิวัฒน์วงศ์

๐นอบน้อมศิระกราน                ครุจารย์คะนึงคง
พร้อมพุ่มบุษบง                      บริพัตระบาทบรรพ์

๐อัญเชิญคุณะครู                    ประจุอยู่ฤทัยฉัน
เพื่อพรมพรอัน                       อภิยศจรสเสียง

(อีทิสังฉันท์ ๒๐)

๐เยาวชนจะสนสกลธะเพียง        ตะลอนตะเลงตะลุยเฉลียง       ณ ห้างดัง

๐เรียนรึเล่นบ่เห็นสิเป็นอิหยัง     จะผิดจะเผลอจะพลาดจะพลั้ง     จริตตน

๐โอ้สยามะเทพธิราชะดล          หทัยวิสัยะเยาวชน                 เชลงคืน

(มาลินีฉันท์ ๑๕)

๐ขณะภพะภิทะเข็ญขืน                    สรรพสัตว์ฝืน              มุฝ่าฟัน

๐จิตวิเคราะห์เฉพาะพราวภัณฑ์          อิ่มอุราอัน                 พระเพลิงผลาญ

๐สติสิบ่บริบูรณ์มาน                      หมายกิเลสลาญ          ละลายธรรม

(มุทิงคนาทฉันท์ ๑๔)

๐สนุกสนานเสบียงบงสุ์                พิไรพะวงผดุงดำ
พะวักพะวนประกอบกรรม             ประพฤติประจำกมลหมอง

๐ธริษตรีจะพังครืน                      ก็ยังระรื่นระเริงรอง
ขบวนกุศลกระหยดตรอง              ผงาดผยองพะงาบตาม

๐เพราะอาจจะสิ้นสกนธ์กาย           ผุก่อนผิว์ร้ายระรึงลาม
และชีวตินะทรีย์ทราม                  ผจญและหามมหันต์โหม

(ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒)

๐ก็เมฆาวิภากลอน                      จะกลับย้อนขจรโลม
วิเศษฉันทะกลั่นโฉม                    ประกฤติกานทะหว่านหวาน

๐และฉันท์นี้น่ะมีมิตร                   ระเลียดฤทธิ์ลิขิตขาน
สุธีนัชฯจรัสกาญจน์                    ประกาศก้องฉลองเรือน

๐สหายทรูฯวิทูร์ศิลป์                   ประพันธ์พิณกวินทร์เยือน
เยาะย่างเย้าเฉลาเตือน                ตลอดเพลงเลวงนัย

(มาณวกฉันท์๘)

๐แสนสุขเศียร                          เรียนวจะไกร
อันดิฐใน                                 ฉันทะเฉลา
เพียรวรวาท                             บาทบทะเชาว์
หวังกวะเรา                              ร่วนรติตรึง

๐แม้นระยะไหน                         ใช่ชุติชนม์
เภทะผจญ                               รักษะระรึง
โชคะประดุจ                            ครุฑะจะพึง
บินปะทะซึ่ง                             ลมก็มิรวน

๐สัจจะวจี                              พลีเฉพาะขัณฑ์-
เขตคณะพันธุ์                         ไทยสิริอวล
วรรณะกวี                              มีคติควร
กานทะประมวล                       หมายอนุชน

(สาลินีฉันท์๑๑)

๐อาจารย์พีพูนสุข                   แนะนำมุขเมลืองผล
แต่งฉันท์นั้นแยบยล                ประหนึ่งสอนประพันธ์พราว

๐เช่นฉันท์เรื่องไข่ห่าน             ก็อาจารย์วิพากย์คราว
เมื่อนานวันให้ชาว                 เชลงกลอนขจรจาร

๐ผมจึงจักลอกเลียน              และร่ำเรียนเปรียญชาญ
เพื่อผ่องแพรวแก้วกาญจน์       กวัดวาทวิลาสคำ

(อินทรลิลาตฉันท์๑๑)

๐แต่งมาก็ยาวแล้ว               บ่เบื่อแนวรึหน่ายรำ
บรรเลงประเลงสัม-              มนาแต่ประดาฉันท์

๐เพื่อนพึงพยายาม              ผลิข้อความประดับพลัน
อย่าลี้ละลายลัญจ์                ลลิตไหนไสวเทียม

๐แรกเริ่มหะแรกร้อง            พจีพร่องบ่ต้องเหนียม
ใครใครเขยิบเตรียม           จะปรบหัตถะสรรเสริญ(๔๔๓)




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2013, 10:40:PM
ชะลอชรา

  *ปมาณิกฉันท์ ๘

๐ ชราชแร           กระแหนกระหนอ
กระแอ้กระอ้อ       กระดักกระเดี้ย
กระงันกระงก        กระปลกกระเปลี้ย
ละห้อยละเหี่ย       พะวักพะวน

 ๐ กระยึกกระยัก       ทุลักทุเล
กระโซกระเซ            ประจัญประจญ
บุร่ำบุราณ                มิทานมิทน
กระเสือกกระสน        ระคางระคาย

 ๐ คะเนคะนึง          ทะลึ่งทะลั่ง
ละล้าละลัง              ฉงนฉงาย
กะรุ่งกะริ่ง               สวิงสวาย
กระสับกระส่าย         กระไอกระแอม

 ๐ กะโผลกกะเผลก     เขยกโขยก
กะเดกกะโดก             กะล่อมกะแล่ม
กระแอ้มกระอ้อม         กะหร็อมกะแหร็ม
ขะมอมขะแมม           กะป้ำกะเป๋อ

 ๐ สตุ้งสตังค์        ระวังระไว
กระจิตกระใจ        มิพลั้งมิเผลอ
พิถีพิถัน              มิพรั่นมิเพ้อ
สม่ำเสมอ            เสบยสบาย ฯ  (๔๔๘)



              (http://up-pic.net/i/an.gif) (http://up-pic.net/show/36729)
 
                  พี.พูนสุข
         ๒๔  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๖   


............................................
   กระดักกระเดี้ย - ไม่มีแรง
    ทะลึ่งทะลั่ง  - พรวดพราด
    กะล่อมกะแล่ม - เคี้ยวไม่ทันแหลกก็รีบกลืน

*ปมาณิกฉันท์ ๘    ประกอบด้วย     ลหุครุ/ลหุครุ     ลหุครุ/ลหุครุ
  สัมผัสเหมือนกับวิชชุมมาลาฉันท์


  ข้าพเจ้าได้แรงบันดาลใจและความรู้  จากกระทู้  "มาแต่งฉันท์กันเถอะ" ของคุณ ศรีเปรื่อง
  เว็บลานกลอนฯ hort39   ขอบพระคุณอย่างยิ่งค่ะ   


 (http://up-pic.net/i/8H.gif) (http://up-pic.net/show/36728)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2013, 07:34:AM
ขออนุญาตนำลงซ้ำ เพื่อเพิ่มจำนวน หวังให้ครบ ๑๐๐๐ ก่อนครบปี 555


...ความรัก เสมือน สุริยะฉาย......รติพราย อร่ามงาม
รักแล้ ละแม้ สิสุขยาม...............สละสิ้น สนองชน

...รักแท้ ประเสริฐ จิตกระจ่าง.....ชะมล้าง กิเลสตน
การงาน ปะหนัก พละจะดล.........อุปสรรค พินาศไป (๔๕๐)

การอ่าน ฉันท์ เน้นออกเสียงให้มี หนัก(ครุ)เบา(ลหุ) ดังนั้นต้องอ่าน
สุข = สุ ขะ, จิต = จิ ตะ, อุปสรรค = อุปะสัก

รติ = น. ความยินดี, ความชอบใจ; ความรัก, แผลงใช้ว่า ฤดีหรือ รดี ก็ได้. (ป., ส.).
ฤดี [รึ] น. รติ, ความยินดี, ใจ. (ป., ส. รติ).  ที่นี้ = ใจ

ชะ ก. ชำระ, ล้าง.
มล้าง [มะล้าง] ก. ม้าง, ล้าง, ฆ่า, ผลาญ.

ผมไม่เห็นด้วยที่จะ "แปลความ/ถอดความ" ให้แก่นักเรียนหรือผู้ใด ด้วยว่า
๑ คำประพันธ์ โดยทั่วไปหวังให้ผู้อ่านเกิด "อารมณ์ และจินตนาการ" แห่งตน
มิได้ต้องการให้ใครมา "คิดอ่าน" แทน 
๒ หากเกรงว่าจะไม่เข้าใจกัน การให้ "ศัพท์ การระบุความหมายที่ประสงค์"
ที่ต้องการสื่อ น่าจะเพียงพอแล้ว


หัวข้อ: Re: หนูน้อย นะขอ : เชิญแต่งฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 03 มีนาคม 2013, 11:19:PM
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

...หนูน้อย นะขอ คุรุถนอม............แนะ-ตะล่อม กมลงาม
เรียนรู้ สงบ สติ ผละทราม............ขณะซึ่ง สนุก-เรียน
...เด็กน้อย นะคอย คุรุประคอง......จิตปอง ขยันเพียร
ทางธรรม จะมุ่ง มุ-ลุ บ่เบียน...........ปฏิบัติ ขจัดเข็ญ (๔๕๒)


ตะล่อม = ว. ลักษณะการพูดหว่านล้อมหรือรวบรัดให้เข้าสู่จุดหมายหรือเข้าประเด็น
เบียน = ก. รบกวน, ทําให้เดือดร้อน


หัวข้อ: Re: ความรักพิสุทธิ์ : เชิญแต่งฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 05 มีนาคม 2013, 05:13:PM
...ความรักละโมหะผละผยอง.......จิตปองอภัยพลัน
อดทนชะโทสะปะทะกัน..............มนนั้นสงบเย็น

...ความรักพิสุทธิ์ระอุกระจ่าง........ลุสว่างประพฤติ"เป็น"
ปันแบ่งประจักษ์นยนะเห็น...........ดุจเทียนตะเกียงธรรม (๔๕๔)

โมห-, โมหะ [-หะ-] น. ความหลง, ความเขลา, ความโง่
ชะ ก. ชำระ, ล้าง.
โทสะ (มค. โทส; สก. โทษ) น. ความโกรธ, ความฉุนเฉียว, ความคิดร้าย, ความคิดที่จะทำลายผู้ที่ทำให้ตนโกรธ
มน [มะนะ, มน, มะนะ-] น. ใจ. (ป.).
พิสุทธิ์ ว. บริสุทธิ์, สะอาด, สุกใส. (ป. วิสุทฺธิ).
นยนะ [นะ-ยะ-นะ] (มค. นยน) น. การนำ, การชี้, การชักจูง, การแนะ; การถือเอา; การกำหนด


หัวข้อ: Re: ใคร : เชิญแต่งฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 07 มีนาคม 2013, 09:17:AM
                          ใคร

...ใช่ญาติวงศ มนให้...........สละได้สกนธ์กาย
ชุบชีพ(ะ)พร้อมจิตสบาย......นิรโศกสลายเข็ญ

...ให้แห่ง ณ พักภยขย้ำ......ละถลำลุรอดเย็น
ตกต่ำระกำพละกระเซ็น.......ดุจเทพทลายพลัน (๔๕๖)


หัวข้อ: Re: พุทธศาสนา.......เชิญแต่งฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 22 มีนาคม 2013, 04:24:PM
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

...แพรวพุทธศาสนประเทือง......รุจิเรืองอร่ามงาม
ธรรมแผ่ผดุงนครคาม...............สุขศานติ์สราญรมย์

...แคว้นแดนมคธวจนะเริ่ม........ธ ประเดิมสมาคม
ก่อพุทธแกนจตุสดมภ์.............พละค้ำพระธรรมคง


รุจิ, รุจี น. แสง, ความรุ่งเรือง; ความงาม; ความชอบใจ.
ว. รุ่งเรือง, สว่าง.(ป., ส. รุจิ).

คาม, คาม- [คามะ-, คามมะ-] (แบบ) น. บ้าน, หมู่บ้าน. (ป.).

ศานติ น. ความสงบ, ความระงับ. (ส.; ป. สนฺติ).

สราญ, สำราญ (ข. สํราล). สุขสบาย 

รมย์ (สก. รมฺย) ว. น่าชม, น่ารัก, น่ายินดี, งดงาม.

วจนะ [วะ-จะ-นะ] (มค. วจน) น. การพูด, การแสดง, การออกเสียง,
คำชี้แจง, คำบอกเล่า, คำพูด.

สมาคม (มค. สมาคม) น. ที่ประชุม, การประชุม, คนที่ชุมนุมกัน,
การพบปะ. ก. คบค้า, วิสาสะ.

จตุสดมภ์ (มค. จตุ = สี่ + สฺตมฺภ = หลัก) น. "หลักทั้ง ๔"
ที่นี้หมายถึง 1. ภิกษุ 2. ภิกษุณี 3. อุบาสก คฤหัสถ์ผู้ชาย 4. อุบาสิกา คฤหัสถ์ผู้หญิง

คฤหัสถ์ ผู้ครองเรือน, ผู้ไม่ใช่นักบวช, ฆราวาส.


หัวข้อ: Re: พระพุทธศาสนากับประชาคมโลก ..... ฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 03 เมษายน 2013, 01:02:PM
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

...แพรวพุทธศาสนประเทือง.........รุจิเรืองอร่ามงาม
ธรรมแผ่ผดุงนครคาม..................สุขศานติ์สราญรมย์

...แคว้นแดนมคธวจนะเริ่ม............ธ ประเดิมสมาคม
ก่อพุทธแกนจตุสดมภ์..................พละค้ำพระธรรมคง

...ผ่านกาล(ะ)ล่วงลุศตวรรษ..........ภยพัดกระหน่ำลง
แผกผิดจริตจิตประสงค์................ริปริแยกนิกายกัน

...ปวงบริษัทสมณเพศ.................ลุละเหตุประนอมพลัน
สืบศาสนาวจนะครัน....................มิบิผันผลิบุญบาน

...ชวนชนสกล(ะ)มนน้อม.............วปุพร้อมสดับขาน
เทนซินทะไลมุประจุจาร...............อภิธานขจรธรรม

...นัทฮันห์กระตุ้นสติตระหนัก........ระบุหลักมิพร่ำคำ
ธรรมาพลังรุจิระล้ำ....................ปฏิบัติกระทำจริง

...ธรรมพุทธองค์อริยสัจ................มุขจัดกิเลสสิง
กาลามสูตร(ะ)ชะละอิง.................ระบุชัดอนัตตา

...เมตตาผดุงสุขสงบ.................สิริภพพิสุทธ์หล้า
ผองชนประจักษ์จิตประภา.............ตถตากระจ่างใจ (๔๖๔)

รุจิ, รุจี น. แสง, ความรุ่งเรือง; ความงาม; ความชอบใจ. ว. รุ่งเรือง, สว่าง.(ป., ส. รุจิ).
คาม, คาม- [คามะ-, คามมะ-] (แบบ) น. บ้าน, หมู่บ้าน. (ป.).
ศานติ น. ความสงบ, ความระงับ. (ส.; ป. สนฺติ).
สราญ, สำราญ (ข. สํราล). สุขสบาย 
รมย์ (สก. รมฺย) ว. น่าชม, น่ารัก, น่ายินดี, งดงาม.

วจนะ [วะ-จะ-นะ] (มค. วจน) น. การพูด, การแสดง, การออกเสียง, คำชี้แจง, คำบอกเล่า, คำพูด.
สมาคม (มค. สมาคม) น. ที่ประชุม, การประชุม, คนที่ชุมนุมกัน, การพบปะ. ก. คบค้า, วิสาสะ.
จตุสดมภ์ (มค. จตุ = สี่ + สฺตมฺภ = หลัก) น. "หลักทั้ง ๔"

ภย– [พะยะ–] (แบบ) น. ความกลัว, ของที่น่ากลัว. (ป., ส.).
แผก ว. แตกต่าง. ก. แยกออก, แตกออก, ต่างออกไปอีกส่วนหนึ่ง.
จริต [จะหฺริด] น. ความประพฤติ, กิริยาหรืออาการ
ริ ก. เริ่มคิดหรือทําแปลกจากปรกติ (มักใช้ในทางไม่ดี) 
บริษัท [บอ-ริ-สัด] (สก. ปริษทฺ; มค. ปริสา) น. หมู่, คนแวดล้อม, คนรวมกัน;
                       ทางศาสนาหมายถึงคนที่นับถือพระพุทธศาสนาทุกประเภท
ครัน [คฺรัน] ว. ใช้ประกอบคําอื่นมีความหมายไปในทํานองว่า นัก, แท้, ยิ่ง, จริง,

สกล (มค. สกล) ว. เต็มบริบูรณ์, ทั้งหมด, ทั้งสิ้น.
วปุ (แบบ) น. ตัว, ร่างกาย. (ป., ส.).
เทนซิน เกียตโซ องค์ทะไลลามะ พระองค์ที่ สิบสี่
ประจุ ก. บรรจุ, ใส่; ใส่เข้าที่ให้แน่น
อภิธาน (มค. อภิธาน) น. ชื่อ, คำพูด, คำเรียงหรือร้อยกรองไว้เป็นลำดับ,
                        ปทานุกรม หรือพจนานุกรม. น. หนังสืออธิบายศัพท์เฉพาะเรื่อง

ติช นัทฮันห์ Thich Nhat Hanh แห่งหมู่บ้าน Plum
กระตุ้น ก. หนุน, ค้ำ, ผลักไป; เตือน.
รุจิระ, รุจิรา ว. งาม, สว่าง, รุ่งเรือง, สวย; กะทัดรัด. (ป., ส.).

อนัตตา ว. ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน. (ป.).
ประจักษ์ (มค. ปจฺจกฺข; สก. ปฺรตฺยกฺษ) ว. ชัดเจน, แจ่มแจ้ง, แน่นอน.
ประภา น. แสง, แสงสว่าง, แสงไฟ. (ส. ปฺรภา; ป. ปภา).
ตถตา (มค. ตถา = อย่างนั้น) เป็นไปอย่างนั้น


หัวข้อ: Re: ธรรมพุทธล้ำรุจิระเลิศ.....เชิญแต่งฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 10 เมษายน 2013, 03:36:PM
...ธรรมพุทธ(ะ)ล้ำรุจิระเลิศ........สุประเสริฐพิสุทธิ์ใส
น้อมนำประกาศวจนะชัย...........ดุจ(ะ)หลักพิทักษ์ชน

...มรรคามุมุ่งอริยสัจ................ปฏิบัติลุหลุดพ้น
จงธรรม(ะ)ค้ำมน(ะ)สกล...........สุข(ะ)ผลประเจิดจริง


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 20 เมษายน 2013, 02:18:PM
๐โชคใดประมาณประสพพุท..........ธะวิสุทธิทางใส
มุ่งมรรคะธรรมชระหทัย..............สุขศานต์นิรันดร

๐เสพสุขประสานฤธรา...............อติมานะว่าพร
แท้จริงจรุงจริตะร้อน.................สุขสั้นและทัณฑ์แทน

๐เวียนวนมิรู้จรสะใด................ภพะไหนประเดิมแดน
สุขปนกิเลสะพิษะแสน..............สุญะคุณสิหนุนตน

๐สุขเสี้ยวประหนึ่งระยะประเดี๋ยว..ประลุเลี้ยวระบาญฉล
กลับซ้ำสนองอสิตะตน..............ดุจสุขมิมัวหมอง

๐แท้นั้นสราญะอภิรมย์............นิจถมทุรนถอง
กับมูตรและคูถอสุภะหนอง.......อปลักษณ์วิจักษณ์จริงฯ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 20 เมษายน 2013, 09:24:PM
emo_45 อืมม.. น่าสนุกดีครับ...ถึงบทที่เท่าไหร่กันแล้วเนี่ย  emo_82

เพลินอุระเหลือ    เมื่อพิศฉันท์
เล่หประพันธ์       อันรตะยิ่ง
รีบจรมา            คลามิประวิง
สรรค์ลำนำพริ้ง    มาณวกล

อยากรจเรข        เสกเสนาะกลอน
เป็นบทตอน       สอนปุถุชน
แต่เพราะวะด้อย   ถ้อยคุณผล
อับจิตจน          หนมรคา

พุทธประวัติ       อรรถพระธรรม
เปรียบกชต่ำ      ชั้นจตวา
ปูและก็เต่า        เหล่ามสยา
ทึ้งดุจอา-         หารเสวย

แถม..อพิโธ่!      โลกวิถี
นั้นก็บมี            ทรามวยเชย
นอนมิสนุก         ลุกมิเสบย
ร้องวะวะเหวย      ก่นคคนา

ถิ่นคฤห์สถาน     บ้านกวิใหญ่
มีพธุไหน          เอ้สริรา
สนนรชาย         กายและชิวา
หลงบทมา-       ณาวกเพลง

ศรีเปรื่อง
๒๐ เม.ย. ๒๕๕๖

ปล.

รตะ = ความสนุก
รจเรข = แต่ง
วะ แผลงจาก ว่า
มรคา = ทาง
กช = ดอกบัว
จตวา จาก จัตวา = สี่
มสยา จาก มัสยา
โลกวิถี (โลก + วิถี) = วิถีทางโลก
ทรามวย จาก ทรามวัย
ร้องวะวะเหวย กร่อนจาก ร้องเหวยเหวยเหวย
คคนา จาก คคนะ = ท้องฟ้า
กวิ จาก กวี
พธุ จาก พธู
ชิวา จาก ชีวา
มา- ณาวก จาก มาณวก


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 20 เมษายน 2013, 11:20:PM
ประทมมิหลับ      กระส่ายกระสับ
วะโหวงวะเหวง    ก็จึงสฤษดิ์
รจิตเชลง          พิธานเลบง
สุรางคนางค์

ระร้อยกวี           ประสงค์ฤดี
สลัดระคาง         คะค่อยเสาะคำ
แกะลำนำวาง       ระทมก็บาง
ระกำก็คลาย

ศรีเปรื่อง
๒๐ เม.ย. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 21 เมษายน 2013, 12:08:PM
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

    แม้ฟ้าจะกั้นก็ประลุถึง       และประหนึ่งมิห่างกาย
อยากฟังวจีดุริยะหมาย         สุขสมฤดีปอง
    เรือนร่างก็งามประดุจยั่ว    พิศทั่วสกนธ์มอง
เปลือยเปล่าสิเย้ากมลครอง   อุระร้อนระอุกาม
    สองเราจะร่วมสุขมนัส      ปฎิพัทธนงราม
วอนบุญสนองรุจิระตาม         จิตจองจะครองกัน
    วอนดาวสกาวจิระนภา      ศศิมาประโลมขวัญ
ขอบฟ้าสิไกลกวะอนันต์       ก็มิไกลหทัยเคียง                 
                                      ดาว อาชาไนย


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 21 เมษายน 2013, 05:23:PM
ค ล ค ค ล ค           ค ล ค ค ล ค

เปิดสนามลานลิขิต          หมายประดิษฐ์กละเสียง
เสกระบอบกรอบระเรียง      อุปเท่ห์ลักษณ์ประพันธ์

"ศรีประเทืองเปรื่องวิทิต"   นามรจิตชี้แนะำกัน
โดยกวีธีระฉันท์             พรายะม่านชาญกระบวน

ฉึกกะฉักฉักกะฉึก           ตรองตรินึกเล่หะครวญ
จึงอุบัติฉันทะยวน           แนวสนุกปลุกฤทัย

สอบกระโน้นถามกระนี้      เผื่อวะมีมิตระใด
เคยสดับกละไซร้            อย่าประวิงติงดนู

ศรีเปรื่อง
๒๑ เม.ย. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 21 เมษายน 2013, 07:15:PM
(มาณวกฉันท์ ๘)

๐มองมิตระหมาย          ฉายฉลุฉันท์
เพลินมนพลัน              พจนชู
ท่องทิศไหน               ใจจรอยู่
ผินพิศะดู                 ดิฐศศี

๐พันวจะเพียง            เรียงรสะหวาน
บันฑิตกานท์             กรายดุษฎี
ดั่งบุษบา                พาปฐพี
โฉมะฉวี                 วัฒนวรรณ

๐ค่าคคนางค์           พรางรึพิไล
ดารกะใส               ชายชุติสรร
พร้อมศศิส่อง           คล้องสุริยัน
เชียระประชัน           เชิงชรริน

๐ปลารติชล             ฝนชระหาว
จันทร์ภรดาว            จึงรุจิจินต์
ฉันท์จะสง่า             ภาษะกวินทร์
แต้มคติสิน-            ทรัพยะเสริมฯ(๔๙๐)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 22 เมษายน 2013, 06:31:PM
(http://up-pic.net/i/an.gif) (http://up-pic.net/show/36729)

(สยามมณีฉันท์ ๑๖)


 ประณตมโนอะโห..ฉลอง
 สนุกสนองคระลองเฉลิม
 สนั่นสมานสะคราญเผดิม
 ประดุจประทิ่นถวิลมิคลาย

 ขยับโขยกโศลกะฉันท์
 ประชุมนิพันธ์ขยันขยาย
 สดับระบิลกวินจำราย
 มนัสก็ชาย..ชรามิจริง   emo_20
                (๔๙๒)

ยินดีต้อนรับขยับฉันท์ค่ะ คุณศรีเปรื่อง

 emo_126
พี.พูนสุข


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 22 เมษายน 2013, 07:07:PM
(มาณวกฉันท์ ๘)

รักแท้....แค่คำลวง

อัตมะขอ           ทอวทะสาน
บรรพะนิทาน       สอนจิตะหญิง
"รัก" ปุมะเอ่ย      เผยมิประวิง
ควรพิเคราะห์อิง    เหตุและผล

***

มีนุชะหนึ่ง         ซึ่งปุระนาง
สุดจะสะอาง       ล้ำปุถุชน
หนุ่มและก็ป๋า      มาบทะวน
หมายนิรมล        องคยุพา

เอกปุมะเลิศ       เพริศเสนาะถ้อย
ใครสุตะพลอย     ลุ่มกมลา
เทียวจระหยอด    พลอดพจนา
จนพนิดา           มีจิตะปลง

ภักดิสมัคร        รักปุมะนั้น
หลับ ฤ ก็ฝัน      เพ้อเพราะพะวง
ยามทิวะรุ่ง         มุ่งมุประสงค์
พบวรองค์         ชายวทะดี

จวบทินหนึ่ง       จึ่งปุมะงาม
มีกิจตาม          ป่าพนะลี
เอ่ยพจะชวน      นวลดรุณี
ท่องอฏวี          หย่อนหฤทัย

หว่างมรคา        ป่าวนวัน
พบพะฉกรรจ์     หมีสริร์ใหญ่
ขู่ฮะฮะโฮก      โหวกวะวะไกล
โผนกะยะใส่     สองนรชน

นวลฉวิเพ็ญ      เห็นภยะร้าย
กล้ำจระกราย    มาณพะตน
กู่สรร้อง          ก้องพนะสนฑ์
"หนีสิกมล       ทูนศิรษา"

ฝ่ายปุมะเพริศ   เปิดมิประวิง
รีบจระวิ่ง         ขึ้นรุกะขา
ไป่พิศแล        แขสริรา
ปล่อยยุวภา      เดี่ยววรกาย

จึ่งนุชะแกล้ง    แสร้งสติเลือน
นอนมิเขยื้อน   ดุจชิวะวาย
หมีก็งะงัน       สั่นศิระส่าย
แลนรชาย       คล้ายวะจะหยาม

มันจรดล        จนพะประชิด
ใกล้กะกนิษฐ์   ผ่องสิริงาม
ทิ้งวทะไว้       ให้ดำริตาม
"นี่ ฤ วะความ   รักปุมะทำ"

***

รักบ่มิอาจ          คาดกะประมาณ
ด้วยพจมาน         ถ้อยมธุคำ
ต้องพิเคราะห์นาน  ผ่านพฤติกรรม
จึงจะมิช้ำ           ชอกหทยา

เหตุวิกฤต          บิดกละลวง
เผยมนทรวง       สู่นยนา
ยากจะเสาะรัก     ภักดิอุรา
จนวะชิวา           ตักษยะแทน (๕๐๔)

ศรีเปรื่อง
๒๒ เม.ย. ๒๕๕๖

ปล.

อัตมะ = ข้าพเจ้า
ปุมะ = เพศชาย
ปุระ = ร่างกาย (จริง ๆ แปลว่า เมือง ได้ด้วย แต่ในที่นี้ คือ ร่างกาย ครับ)
สุตะ = ฟัง
นร = คน, ชาย
ทิน = วัน
สร = เสียง
ป๋า = ชายแก่ ที่มีตังค์เยอะ ๆ ชอบมีกิ๊กเด็ก ๆ
อฏวี = ป่า
รุกะขา จาก รุกข = ต้นไม้
พะ = ปะทะกัน, ชนกัน
งะงัน กร่อนจาก งงงัน
ฮะฮะโฮก กร่อนจาก โฮกโฮกโฮก
โหวกวะวะ กรอนจาก โหวกโหวกโหวก
ตักษยะ จาก ตักษัย

*** ใส่ อะ เข้าไปเผื่อเพื่อน ๆ ที่ไม่ถนัดอ่านฉันท์ครับ ***

ขอบคุณท่าน ไร้หนาม-ไร้น่วม ที่ช่วยตรวจสอบความสมบูรณ์ของงานให้ครับ




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 23 เมษายน 2013, 04:48:PM
(http://up-pic.net/i/an.gif) (http://up-pic.net/show/36729)

(สยามมณีฉันท์ ๑๖)


 ประณตมโนอะโห..ฉลอง
 สนุกสนองคระลองเฉลิม
 สนั่นสมานสะคราญเผดิม
 ประดุจประทิ่นถวิลมิคลาย

 ขยับโขยกโศลกะฉันท์
 ประชุมนิพันธ์ขยันขยาย
 สดับระบิลกวินจำราย
 มนัสก็ชาย..ชรามิจริง   emo_20
                (๔๙๒)

ยินดีต้อนรับขยับฉันท์ค่ะ คุณศรีเปรื่อง

 emo_126
พี.พูนสุข


ลุวัย ละวรรณ กระนั้น ก็หนุ่ม 
กระชวย กระชุ่ม สะบัด สะบิ้ง 
สบาย เสบย ภิเปรย สุจริง   
จะเดิน รึวิ่ง ระวัง ฤทัย
 
พิทักษ์ ประคอง ตริตรอง อินัง   
ถนอม พลัง ประทัง สมัย
ละเคือง ละขุ่น ละมุน ละไม   
นะช่าง กระไร ประหนึ่ง พระลอ

อาจารย์พูนสุขแกล้งหนู.....ขอประท้วงครับ.....
(...)  จำราย


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 01:15:AM
(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)

แค่แมลงวัน

สุดแสนคนึงครุ่น       จิตวุ่นซะจริงหนอ
หากช้าจะบ้าบอ        สตินั้นสะบั้นไป

หมายพบพินิจลักษณ์   พิศพักตระนงไพร
สุดหล้าก็คลาไคล      ผิวะเห็นสุกัลยา

แม้เสี้ยววินาที          อุระพี่ก็ปรีดา
ดั่งทิพย์ธารา           สละฟ้าถลาดิน

ใช่หวังจะคลอเคล้า    สริร์เจ้ายุพาพิน
เพียงอยู่สถิตย์จินต์    ก็ระรื่นและตื้นตัน

ขอซอกพธูแด           กวะแค่แมลงวัน
ให้พี่สฤษฎ์สรรค์        วทะเพ้อเสนอนาง     (๕๑๑)     

ศรีเปรื่อง
๙ พ.ค. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 02 มิถุนายน 2013, 06:31:AM
(มาณวฉํนท์ ๘)

เจ็บอุระนัก      รักภิทะลง
โอ้ยุพยง        องคสะอาง
แสนอภิโฉด    โหดดุจสาง
ภูตะอำพราง    ในสรีรา

หลอกดนุหลง   ปลงจิตใคร่
มอบหฤทัย       เพียงพนิดา
แล้วก็สบัด       ตัดอตมา
คบกะกระทา     ชายธนมี

ทั่วธรณิน          ถิ่นปุระไทย
รมณิไหน          ภักดิฤดี
ชายมิเจริญ        เงินและมณี
กว่าทศปี           ยังเสาะบ่พาน

จึ่งจรคลา          มาวทะกล่าว
คุยกวิสาว          ผ่อนมนราน
เรียมทุขะใจ        ไร้ยุวมาลย์
เปลี่ยวกะยะปาน   ติดเกาะ alone (อะโลน)... (๕๑๕)

ศรีเปรื่อง
๒ มิ.ย. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 03 มิถุนายน 2013, 11:25:AM
ค ล ค ค ล ค        ค ล ค ค ล ค

สุขกมลจนดนู                อยากจะกู่ "วู้ห์" ตะโกน
ด้วยประสบพบโผอน        โดนสเปคเฉกประสงค์

เนตระคมผมก็ขลับ          แวววะวับน่าประจง-
จูบนลาฏนาถอนงค์          เกศะเหน่งเหม่งวิไล

ผิวอล่องฉ่องสะอาด         โฉมพิลาศบาดหทัย
ทำตะลึงอึ้งอะไป             ปานไถงในนภา

ขอประกาศต่อนิกร           นวลสมรนี่นะข้า ฯ
มาดจะเป็นภรรยา            ใครก็อย่ามาระราน

หากมิเชื่อกันล่ะไซร้          เดี๋ยวเถอะได้หัวกระบาล
แตกยะเยินเกินประมาณ      ด้วยสนับมือประเคน       (๕๒๐)

ศรีเปรื่อง
๓ มิ.ย. ๒๕๕๖

ปล.

โผอน (ผะ-โอน) = น้องหญิง
ไถง (ถะ-ไหง) = ตะวัน
วะวับ จาก วับวับ
อึ้งอะ จาก อึ้งอึ้ง
ยะเยิน จาก ยับเยิน


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 03 มิถุนายน 2013, 01:02:PM
(วสันตดิลกฉันท์)

๐มงคลวจีประจุกมล                 เฉพาะตนระงับเวร
ธรรม์อันพิสิษฐ์ประพฤติเน้น        นฤให้ประเสริฐศรี

๐หนึ่งเว้นมุสามลหทัย               ยุตินัยวิธานธีร์
เสกสัจจะแสร้งนรกะพลี            คติธรรมประจำทรวง

๐ส่อเสียดสลายสขิสมาน          อปหารศรันย์สรวง
นินทากระจายจริตลวง             ลุเลบงลวิตรพันธ์

๐งดเว้นวจาผรุสวาท               อภิฆาตวิวัฒน์วรรณ
แปรเปลี่ยนประหนึ่งอสุรพลัน      และพระเพลิงสิผลาญขวัญ

๐คุยโม้ประโลมภพประจาน         ถิรชาญโชลมฉัน
กลับกลืนกระจรกิจยุคันต์           เพราะเผดียงประดาเขลา   

๐นบน้อมพระธรรมะชระจิต         ดลดิฐดรงค์เชาว์
คือทางเจริญกวะเฉลา             ฉลุลักษณ์ลิขิตชนม์   


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 04 มิถุนายน 2013, 06:59:AM
(มาณวกฉันท์ ๘)

เปลี่ยวหฤทัย       ไร้กลยา
ร่วมรจนา            มาณวกล
โอ้จิตเผือ            เบื่อชิพิล้น
อยากจรดล          หนพนไพร

ขึ้นคิริเขา            เนา ณ สถาน
ห่างยุวมาลย์         ที่จิตใจ
ดุจะสมิง              สิงมนใน
ขอดนุไป             ไกลวรนาง

ศรีเปรื่อง
๔ มิ.ย. ๒๕๕๖   


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 04 มิถุนายน 2013, 05:36:PM
(มาณวกฉันท์ ๘)

พอดนุนั้น             ดั้นพนพฤกษ์
ถึงกะสะอึก            อึ๊กเพราะระคาง
ผดและก็ผืน           กลืนสริรางค์
ขุ่นมนหมาง           หมองมิประมาณ

ทาก ฤ ก็รี่             ปรี่เกาะเจาะจิ้ม
หมายจิตชิม           ลิ้มรสหวาน
เลือดนรชน            คนอุระราน
จำจรซาน              กลับคฤหะนอน   (๕๓๐)

ศรีเปรื่อง
๔ มิ.ย. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 04 มิถุนายน 2013, 11:17:PM
(มาณวกฉันท์ ๘)

ดารกะยวน         ป่วนรชนี
เปล่งรศมี           เหนืออมพร
แต่ ฤ จะเทียบ     เปรียบศศิธร
แสงรุจิอ่อน         ห่อนจะเผยอ

เฉกอตมา           น่าสมเพศ
ไร้ปริเยศ           เนียงสิริเลอ
แม้วะจะเพียร       เวียนแวะเสนอ
แต่นุชเธอ           เมินบ่มิมอง

ศรีเปรื่อง
๔ มิ.ย. ๒๕๕๖

ปล. ผมนอนไม่หลับครับ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 05 มิถุนายน 2013, 01:17:AM




ช่างล่ะปะไร    ใครสิจะเมิน
ชอบนะก็เชิญ   ฉันรึจะแคร์

ใช่ธุระเรา      เฝ้าเกาะแกะแจ
ทำเอะอะแม้     เล่หะอุบาย

ให้ศุภะลักษณ์   พักตร์สิริวรรณ
อย่างนะกะจันทร์  คืนศศิฉาย

ท่ามอุรุมวล     ล้วนตะละพราย
ข้อยสิบ่หมาย--แม้ตริจะมอง  emo_52










หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 05 มิถุนายน 2013, 08:36:AM
อิอิ ท่านพิคโกโร่  emo_89

ท่านพิค์กะโร่          โก้กะยะเขียว
ผม ฤ ก็เปลี่ยว        ขาดนุชจอง
จึงมุประสงค์          จงจิตปอง
หาอรคล้อง            เดินจรไป

หวังจะมิแล            แคร์นุชนาถ
แต่ก็มิอาจ             ขัดหฤทัย-
ตนซะกะคราว         ร้าวมนใน
เหตุไฉน               ชอบอิสตรี

เปลี่ยนจิตรัก          ภักดิ์นร "ตุ๊ด"
ทิ้งละอนุช            ได้ ฤ ก็ดี
คงจะระรื่น             ชื่นสุขมี
ไร้ทุขบี-               ฑาชิวิเรา

ศรีเปรื่อง
๕ มิ.ย. ๒๕๕๖

ปล. แต่งสนุก ๆ นะครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยครับ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 06 มิถุนายน 2013, 09:02:PM
 

(มาณวกฉันท์ ๘)  
                     

ท่านพิค์กะโร่          โก้กะยะเขียว
ผม ฤ ก็เปลี่ยว        ขาดนุชจอง
จึงมุประสงค์          จงจิตปอง
หาอรคล้อง            เดินจรไป

หวังจะมิแล            แคร์นุชนาถ
แต่ก็มิอาจ             ขัดหฤทัย-
ตนซะกะคราว         ร้าวมนใน
เหตุไฉน               ชอบอิสตรี

เปลี่ยนจิตรัก          ภักดิ์นร "ตุ๊ด"
ทิ้งละอนุช            ได้ ฤ ก็ดี
คงจะระรื่น             ชื่นสุขมี
ไร้ทุขบี-               ฑาชิวิเรา

ศรีเปรื่อง

               

                           ไปเถิด..

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑


    ๐  ข้าน้อยชม้อยอ่าน        วจะขานสำราญเย้า
     ทวนแล้วก็ทวนเล่า           มนะเหงาก็หดหาย

    ๐  พลอยขำประคำกรอง    ปะเหลาะร้องทำนองชาย
     ดวงจิตพินิจหมาย            วธุงามอร่ามทรวง

    ๐  ย่านนี้บ่มีหรอก             กะจะบอกมิหลอกลวง
     แจ่มตายุพาพวง               สิริโฉมประโลมใคร

    ๐  มีแต่ชแรพริ้ง                สริร์หญิงกระทิงไพร
     นงนาฏขนาดไหน             ฤ จะแจ้งแสลงกรรณ

    ๐  ไปเถิดบุรุษชาติ             ยุรยาตร ณ ย่านนั้น
     อาจเจอเสมอวรรณ          ดนุเห็นจะเป็นตุ๊ด ( เอ๊ย.. ดนุเห็นจะเป็นแฟน)
                                             (๕๔๒)
                     

        emo_45 แหะแหะ..  ฉัน(ท์)พาไป  ขออภัยค่ะ ท่านศรีฯ emo_45

                               พี.พูนสุข
                                  ๖  มิถุนายน  ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 06 มิถุนายน 2013, 09:57:PM
emo_100  emo_100  emo_100

อิิอิ ผมชอบสระ อุด ไม่ชอบ สระ แอน ครับ  emo_68

(มาลินีฉันท์ ๑๕)

หทยะ..ดนุ.. ก็ถูกฉุด                      พ้นกมลกุด                       
ระทมหมอง

เพราะอนุ-..ชะสิ-..ริรังรอง                ผินพระพักตร์มอง           
พินิจชาย

ประดุจะ..วร..สุรีย์ฉาย                     คลาศะเคลื่อนกราย           
ณ โลกา

ชลนะ..ชระ..ชะอุ่มตา                      เหตุเพราะปรีดา               
เกษมสันต์

พิศสุ-..นัขะ..ละเล่นกัน                    หัวเราะขบขัน                
ซะจนระทวย

มิตระ..ฤ ก็..งะงงงวย                       อ้ายนิคงป่วย                       
มิเต็มเต็ง

ฤ เพราะ ร-..ชนิ..พระจันทร์เพ็ง           หมาปิศาจเล็ง                     
สถิตองค์

สหบ-...ทะก็..กระทืบลง                    ด้วยสหายผจง        
จะขับผี    (๕๕๐)

ศรีเปรื่อง
๖ มิ.ย. ๒๕๕๖

ปล.

ลองอ่านตามวรรคที่แบ่งให้นะครับ จะได้สนุกขึ้น





หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 08 มิถุนายน 2013, 08:46:PM
(๕๕๑)

ดุ่มเดินเรื่อยเปื่อย         ลัดเลื้อยป่าตึก
แต่ค่ำจวบดึก            เหนื่อยนักพักก่อน
เข้าร้านเซเว่น            แอร์เย็นดับร้อน
หายเหนื่อยว่องจร         คืนห้องรังหนูฯ


**ของ่ายๆ แบบวิชชุมมาลาฉันท์ 8 ก่อนแล้วกัน แล้วค่อยว่าทีหลัง กลัวไม่ครบ ๑,๐๐๐ บท

**โคลง กับ ฉันท์ ไม่ค่อยถนัด (กาพย์, กลอน พอได้)

สนอง เสาทอง
8 มิถุนาฯ 56


หัวข้อ: Re: จราจร....เชิญแต่งฉันท์พันบท
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 17 มิถุนายน 2013, 09:18:AM
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

....พร่ำว่าจราจร.............ระอุร้อนฤทัยแด
สัญญา"กระทำ"แต่?.......ตะละทั่นสะบั้นคำ

....รถเมล์ ฤ ครื้นเครง......ริละเลงตลกขำ
เรา-ปลากระป๋องยำ.........จะกระหน่ำกรุทั่นเอง

ตะละทั่น กร่อนคำจาก แต่ละท่าน

กรุ ๑ ความหมาย [กฺรุ] น. ห้องที่ทําไว้ใต้ดิน ใต้พระเจดีย์ เป็นต้น สำหรับเก็บพระพุทธรูป
และสิ่งอื่น ๆ, โดยปริยายหมายถึงกระทรวง ทบวง กรม ที่ข้าราชการในสังกัดถูกเรียกตัว
เข้ามาอยู่ประจำโดยมิได้มีตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ เพื่อเป็นการลงโทษหรือก่อนเกษียณ
อายุราชการ ในความว่า เรียกเก็บเข้ากรุ.


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 17 มิถุนายน 2013, 11:47:AM
"ไม่ต่างกัน...เลยยย"

(มาณวกฉันท์ ๘)

"โหนรถเมล์             เท่หพิลึก
คงอภิคึก                ครื้นฤดิเครง"
เป็นดำริครั้ง             ยังมิยำเยง
ความอลเวง             ในพระนคร

ด้วยเพราะวะชิด        ติดกะยะใกล้
เหล่าอรไท              โฉมสิริอร
กลิ่นวรองค์              คงจะขจร
เฉกบุษกร                ตอนทิวะสาง

เจอบทจริง               นิ่งซะล่ะครับ
ร้อนและก็อับ             สุดจะระคาง
อันยุวดี                   ศรีสริรางค์
ล้วนก็มิต่าง               กลิ่นตุตุเหม็น    (๕๕๖)


ศรีเปรื่อง
๑๗ มิ.ย. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 17 มิถุนายน 2013, 07:15:PM
(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)

โอ้เอ๋ยชิวีเรา                อภิเศร้าและลำเค็ญ
ทุกคืนพระจันทร์เพ็ญ      ก็ระรุ่มสรีรา

ขนปุยทะยอยยาว           ทนต์ขาววะวาวตา
พ้นโอษฐะออกมา           นขะโง้งมิน่าแล

เห่าหอนคำรามครวญ      สรชวนตระหนกแด
เหตุด้วยรุจีแข              พะกระทบ ณ ร่างชาย

เห็บหมัดและเหลือบไร    ก็เจาะไชซะทั่วกาย
อิ่มเอมเกษมสบาย         กะบุรุษมนุษย์หมา  (๕๖๐)

ศรีเปรื่อง

๑๗ มิ.ย. ๒๕๕๖

(นึกไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไร  emo_85)



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 18 มิถุนายน 2013, 04:41:PM
 
(http://up-pic.net/i/hYv.jpg) (http://up-pic.net/show/46710)


                   สวยเพื่อใคร

วังสัฏฐฉันท์ ๑๒

๐ อรุณคละอุ่นอ้าว     ระอุผ่าวประดังอุรา
ตะวันกระจ่างจ้า         นุชคลาขยาดจะดำ

๐ จะจรลีไหน            อรทัยจะใช้ประจำ
จะกั้งกำบังคล้ำ          ตะละคันประชันประไพ

๐โปะครีมสลิมร่าง      ขณะย่างสว่างไสว
ประทิ่นระรินไกล        รยะฟุ้งจรุงฤดี

๐ เจาะหูสะดือบุ๋ม       ทวิตุ้มประดับสรีร์
ระย้าระยับสี              อรนิตย์ประดิดประดอย

๐ เหยาะย่องลำยองเท้า     อุวะเจ้าก็สูงมิน้อย
ประเปรียวละล่องลอย       นุชกลอยมิพรั่นมิพรึง

๐ อุส่าห์ประหยัดทรัพย์     พลขับตะไลตะลึง
สง่าประชาตรึง                รถบึ่งมิคืบมิคลาน ฯ
                              (๕๖๖)

         
  emo_45  " รถเมล์สาย 612   สมรรถนะ เยี่ยม !  เชิญใช้บริการครับผม"  emo_45
                   (พิเศษ  กระปี๋สาวสวยกำลังฝึกงาน ขอรับ)


                  emo_84 emo_60  emo_84

                        พี.พูนสุข
                   ๑๘  มิถุนายน  ๒๕๕๖


**   นุช  -  น้องหญิง
      อร, อรทัย  -  หญิงสาว, หญิงงาม
      สลิม (slim)  -  ผอม, บอบบาง, เอวบางร่างน้อย
      ประทิ่น  -  เครื่องหอม, น้ำหอม
      รยะ  -  เร็ว, พลัน, ไว, ด่วน
      ทวิ  -  สอง
      ลำยอง  -  สวย, งาม


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 18 มิถุนายน 2013, 06:13:PM
"ผมคนหัวโบราณครับ"

(ตะนุมัชฌาฉันท์ ๖)

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3564 (http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3564)

ตัดผม...ตะละครั้งครา             พันห้า...ดนุคาดการณ์
หรือว่า...บิตุเยาว์มาลย์            ท่านพิมพ์...ธนบัตรเอง

เสริมดั้ง...กระเทาะตัดคาง        นวลนาง...ก็มิยำเยง
เจ็บปวด...กะยะโทงเทง           ทนได้...ก็เพราะอยากสวย

ตัวผม...นรหัวเก่า                  ไม่เอา...นุชะสำรวย
จากแพท..(ทะ)ยะอำนวย          แม้นจัก...สิริโสภา

ด้วยกริ่ง...วะอนาคต                ดั้งคด...มิวิไลตา
แหว่งเว้า...ดุจะจันทรา              ในวัน...รชนีแรม   (๕๗๐)

ศรีเปรื่อง
๑๘ มิ.ย. ๒๕๕๖

ปล.

ตะละ จาก แต่ละ
กะยะ จาก กายา
โทงเทง = อาการเคลื่อนในลักษณะส่ายไปส่ายมา
นร = คน
วะ จาก ว่า

อิอิ แอบใช้สัมผัสซ้ำเหมือนที่ปรากฏในฉันท์เก่า ๆ ด้วยครับ (อนาคต กับ คด)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 20 มิถุนายน 2013, 06:40:PM
"ปฏิญาณ"

(มาณวกฉันท์ ๘)

เบื่อจิตเซ็ง              เล็งนุชเลิศ
คิดวะประเสริฐ          ปานศศิแวม
กลางนภกาศ            ปราศมลแกม
จึ่งละแอร่ม               กิ๊กะยุพา

หรืออมรินทร์            ปิ่นทิพะลัย
ปรารถนะให้             ข้า ฯ ทรมาน์
เลยดลใจ                ให้กัลยา
หมดกรุณา               ภักดิสลาย

คงเพราะวะทำ          กรรมะกะกิ๊ก
ให้อุระริก                 ร้าววรกาย
องค์มัฆวัน               นั้นกุธชาย
มุ่งมุทำลาย              อัตมะมาน

หลายทินล่วง            ทรวงก็สงบ
ค่อยดำริขบ               ปรากฏการณ์
จึ่งปฏิญาณ์               ว่าจะมิราน
กิ๊กะสะคราญ              ให้มนหมอง     (๕๗๔)  

ศรีเปรื่อง
๒๐ มิ.ย. ๒๕๕๖

  


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 23 มิถุนายน 2013, 03:00:PM
เมดเล่ย์ฉันท์แปด

"เอ่อ..คือว่า..พี่ลืม"

(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)
ตื่นนอนลืมตา         ล้างหน้าแปรงฟัน
อาบน้ำเร็วพลัน       ตั้งแต่ตีสอง
เปิดตู้เย็นพิศ          ครุ่นคิดตรึกตรอง
วันนี้จักลอง            ทำอาหารเอง

หมายให้ภรรยา         เริงร่ายินดี
ด้วยภรรดานี้            นอกจากครื้นเครง
ยังเฟื่องเรื่องครัว       ไม่มัวนอนเขลง
เสพหนังฟังเพลง       กินแรงเนื้อนวล

(ปมาณิกฉันท์ ๘)
ชะล้างคะน้า             อุราสนาน
มิช้ามินาน               ก็เสร็จกระบวน
คะค่อยเฉาะหมู          อะฮู้! กระสรวล
สมองประมวล           กระทำพิธี

ก็ทุบกระเทียม            ตระเตรียมน้ำมัน
ขมีขมัน                   คละคล่องสรีร์
ประหนึ่งวะ "กุ๊ก"         สนุกฤดี
ประเดี๋ยวสตี              จะยิ้มเพราะเรา

(มาณวกฉันท์ ๘)
เทินกระทะตั้ง            อังอคนี
จนระอุดี                  จึ่งดนุเอา
เนื้อเฉาะสุกร             หย่อนและก็เคล้า
วนเคาะบะเบา           เสียงเสนาะมน

เมื่อกะวะสุก              คลุกคละคะน้า
หอมเตะอุรา              ทั่วธระดล
แล้วก็เหยาะเติม          เพิ่มรสจน
ถูกฤดิตน                 จึ่งยุติพอ

(จิตรปทาฉันท์ ๘)
ตักภัตไว                  ประจุใส่จาน
จิตมิคร้าน                 มุจะคอยรอ
ยอดภริยา                 สริราลออ
ดั่งศศิทอ                  ณ นภาลัย

หกนะฬิกา                 นุชพะงางอน
ตื่นนิทระนอน              ชำระล้างไคล
พบกระยะหาร              ก็อุทานไว
"พี่..เอ๊ะ! ไฉน             บ่เจอะข้าวสวย"    (๕๘๒)

(เอ่อ...คือว่า...ลืมหุงจ้า)

ศรีเปรื่อง
๒๓ มิ.ย. ๒๕๕๖

ปล.

ภรรดา = สามี
นอนเขลง = นอนทอดอารมณ์อย่างสบาย
คะค่อย จาก ค่อยค่อย
คละคล่อง จาก แคล่วคล่อง
"ประหนึ่งวะกุ๊ก" คือ ประมาณคิดว่าตัวเหมือนกุ๊กอาชีพ
สตี = ภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อสามี
บะเบา จาก เบาเบา
กะวะ จาก กะว่า
ธระดล จาก ธราดล = แผ่นดิน
นะฬิกา จาก นาฬิกา
นิทระ จาก นิทรา
กระยะหาร จาก กระยาหาร





หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 25 มิถุนายน 2013, 09:58:PM
(มาณวกฉันท์ ๘)

มารุตต้อง              ผ่องนุชกาย
หอมก็กระจาย          พุ่งประทุพวย
ยิ่งพะกนิษฐ์            จิตตะระทวย
อ่อนสริร์รวย            ก้าว ฤ มิไป

รีบจรแห่ง              แหล่งพยะบาล
แพทยสถาน           ตรวจกะยะไว
เดี๋ยวชิวะลับ           ดับตักษัย
ด้วยหฤทัย             วายเพราะพธู   (๕๘๔)

ศรีเปรื่อง
๒๕ มิ.ย. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 26 มิถุนายน 2013, 03:35:PM
(กุมาระลฬิตาฉันท์ ๗)

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3566 (http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3566)


สมอง..ดนุก็ตรองตรึก           ระลึก...ณ นุชะโฉมตรู
ตะก่อน...กมละชื่นชู            เพราะมี...กนิษ์ฐะเคียงกาย

สดับ...อัตถะเพลงเศร้า         ก็เข้า...ชิวิกระทาชาย
ผสม...สรสำเนียงหมาย         กำจัด...อุระระร้อนรน

บ่สม...ดุจะมโนมาด             มิอาจ...ละจิตะสับสน
อดีต...สถิระทานทน            ระทม...ชลนะหลั่งไหล

ระงับ...วิทยุเสียงเพลง          เชลง...รจิตะฉันท์ไว
ประสา...บุรุษะอ่อนไหว         ฤทัย...ทุขะลำพังองค์      (๕๘๘)

ศรีเปรื่อง
๒๖ มิ.ย. ๒๕๕๖

ตะ จาก แต่
อัตถะ จาก อัตถะ = เนื้อความ
ชิวิ จาก ชีวี
สร = เสียง
สถิระ จาก สถิร = มันคง แข็งแรง
ชลนะ จาก ชลนา = น้ำตา


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 27 มิถุนายน 2013, 10:22:AM
(หละมุขีฉันท์ ๙)

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3574 (http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3574)


๐ ด้วยมโน...พิสุ-...ทธิประจง                    หมายจะคง...กละ...กวิบุราณ

๐ ว่างก็ชม...นุชะ...สิริสะคราญ                   เริงสนาน...หฤ-...ทยะกระสรวล

๐ บ้างเชลง...วจ-...นะและคร่ำครวญ            อกรำจวน...ทุมะ-...นสะเพราะหญิง

๐ แล้วก็เปลี่ยน...ลิขิ-...ตะนยะอิง                เหตุจริง...ชิวิ...ดนุเผชิญ

๐ เน้นกระเซ้า...มุมิ-...ตระเจริญ                  จิตตะเพลิน...สุขะ...มนะประเทิง    (๕๙๓)


ศรีเปรื่อง
๒๗ มิ.ย. ๒๕๕๖

ทุมะ- นสะ จาก โทมนัส


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 29 มิถุนายน 2013, 12:34:PM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....ไร้นามไฉนเธอ..............ละเพื่อนเกลอประชันฉันท์
โอ้หวังจะครบพัน...............มิกล้าฝันนะเพื่อนเอย

....ผองเพื่อนบ่บรรเลง.........สนุกเพลงระรื่นเผย
ขออย่าละเลิกเลย..............สิเร่งร่ายระยับพลัน (๕๙๕)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 29 มิถุนายน 2013, 09:02:PM
สาลินีฉันท์ ๑๑

พรำฝนแต่เช้าตรู่      ประปรายพรูระรื่นริน
ฟ้าสายเกรี้ยวเปรี้ยงยิน      คะนองฟาดวสุธา
รถไฟควบฝ่าฝน      ตะบึงก่นกระชั้นมา
จอดเทียบชานชาลา      หทัยสิ้นพะวงห่วงฯ

***เผื่อว่าจะมีส่วนให้ครบพันบท


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 30 มิถุนายน 2013, 11:59:AM

(วสันตดิลกฉันท์)

๐ห่างฉันทะนานเพราะกิจการ                ธุระงานก็บานเลย
ไม่มีทิวาเฉพาะผลิเผย                        วจะฉันท์ประชันเชาว์

๐ไม่แต่งมิใช่นิรหทัย                         รตินัยะหนักเบา
คือคำขจรครุและเอา                         ลหุมาเลบงศรี

๐ลืมฉันท์กระนั้นรุธิระไหน?                   รึมิใช่สยามธีร์?
ลืมชนมะตนคณะฉวี                           ฐิติแต่ปฐมหรือ?

๐จึงขานขจายพจนะหมาย                   มิตระคลายขมวดคือ
ยังยอนิยมยศะและถือ                        คติฉันท์ประจำเศียรฯ



เห็นไหมท่านแป๊บเดียว๖๐๐แล้ว emo_85


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 08 กรกฎาคม 2013, 06:50:PM
(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)

"สมี"


เรื่องราวสมีอุตริอ้าง                   วะกระจ่างประหนึ่งเธียร                                                       
อวดตนวิมุตชิพะมิเวียน                สละมูละตัณหา

คนส่วนหนึ่งถูกสมีหลอกก็เพราะ...

เชื่อใดมิใช้พิเคราะห์กระบวน         ตริและทวน ณ สัจจา
มืดมนพิกละนยนา                     สรดับพิการกรรณ

สมมุติ, วิมุติวิปลาส                   สติคลาดสมองตัน
เชื่อคนมิเชื่อวจนะธรรม์               พระสุคต ธ ตรัสสอน

แม้แต่กถาพระชินสี-                   หมุณีคุณากร
ใช่เที่ยงเสมอนิรันดร                   เพราะวะกาละผันแปร

องค์ใดจะใกล้พระอรหันต์              วัตระนั้นสำคัญแท้
ต้องเพียรถนอมพิสุทธิ์แด              กวะชั่วชิวาตน

มรรคาพิสูจน์อัศวชาติ                  ทิวะมาสะผลัดวน
กาลเคลื่อนพิสูจน์นฤกมล              ทินะหนึ่งประจักษ์มาน

ชาวพุทธประสงคะหฤทัย               วะจะได้กระทำทาน
กับสงฆะผู้ลุนิรพาณ                     จิตะหมายอนันต์บุญ

ถูกโลภะกั้นกมลใน                      พิศะไหน ฤ เป็นคุณ
หมายใดทุศีลก็วทะสุน-                 ทระพจนะขอเอา

จนรวยทะลักทะลุสยาม                  ก็เพราะความหทัยเบา
ต่างเชื่อกระแสพจนะเดา                บ่มิตรึกประมวลสาร        (๖๐๙)

ศรีเปรื่อง
๘ ก.ค. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 30 กรกฎาคม 2013, 04:51:PM
"อริร้าย...ของชายตรม"

(มาณวกฉันท์ ๘)

รัตติสงัด            ภัทรบุรุษ
โคตรหงุด-         หงิดและรำคาญ
นิทระบ่หลับ        นับแกะก็นาน      (เวลานอนไม่หลับ เด็กฝรั่งเขาจะนับแกะกัน emo_20)
ไร้ยุวมาลย์          เปลี่ยวสริร์เหลือ

หรีดร่ำระงม           ตรมอุระแหนง
ถูกสรแทง             เสียดมนเผือ
ปานกฤชทิ่ม           จิ้มทะลุเนื้อ
แล้วก็เหยาะเกลือ     แสนทรมาน์

รุ่งทินนี้                 มีกิจแล้ว
ต้องจรแจว             ไปเสาะเลาะหา
ภัตรเอร็ด               เด็ดพสุธา
ให้กมลา                ฟื้นสุขะเพลิน

เหม่! บ๊ะ! แมลง        แฝงตฤณซ่อน
ป่วนดนุนอน             หลับมิเจริญ
บึ่ง ณ ตลาด             มาดมุจะเดิน
Shop บ่มิเขิน           หรีดอริร้าย        (๖๑๓)

ศรีเปรื่อง
๓๐ ก.ค. ๒๕๕๖

ต้องไปซื้อมันมากินให้หายแค้น  emo_45  emo_45  emo_45

ปล.
รัตติ = กลางคืน
ภัทร = ดี, ประเสริฐ, งาม, น่ารัก
สร = เสียง
เผือ = ข้าพเจ้า
กฤช = กริช
ดนุ จาก ดนู = ข้าพเจ้า
ทรมาน์ จาก ทรมาน ใช้ การันต์ฆ่าเสียง น
ทิน = วัน
ตฤณ = หญ้า
Shop มาจาก Shopping สื่อถึงการจับจ่ายซื้อหา


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 31 กรกฎาคม 2013, 12:56:AM
(รุมมะวดีฉันท์ ๑๐)

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3576 (http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3576)

โอ้สิรินวลนาง         ช่างรุจิแพรวพราย
ล้ำนุชทั้งหลาย        ดั่งสุรสรรค์มา

เกศะขนงขลับ         วับวะวะวามตา
ล่อนรเหม่อหา          เพ้อจิตใหลหลง

คิ้วดุจคันศร            กรก็เหมาะรับองค์
ฤาวะจะสืบพงศ์        จากอุมะเทวี

พักตรผุดผ่อง          ก่องบริสุทธิ์ศรี
ยากจะเสาะนารี       ในภพเทียมทัน

นัยนะคมบาด          ยาตรบทเฉิดฉัน
ยิ้มก็วิลาวัณย์          เสียงเสนาะตราตรึง

องคะสะเอวบาง       ร่างสริร์กลมกลึง
ทรวงอุระเต่งตึง        เหนือพจะกล่าวแถลง           (๖๑๙)

ศรีเปรื่อง
๓๑ ก.ค. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 31 กรกฎาคม 2013, 10:15:AM
(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)

"เหงาจัง"  emo_62

เอกาบ่มีมิตรสหาย              สริร์กายระโรยแรง
ดังหนึ่งตะวันจะสละแสง        ละพิภพเพราะจบวัน

สิ้นเรี่ยวพลังพละลิขิต-         ะสฤษดิ์กวีบรรพ์
เคว้งคว้างมิรู้ทิศจะหัน          บทเหินดำเนินใด

ขาดคู่พะเน้าพจนสร้าง         อุระว้างและหวามไหว
จำเตร็ดระเห็จจรคระไล         ละสถานพิมานกลอน

เดินดุ่มมุพึ่งอัตถ์พระธรรม       ผิวะช้ำจะคลายคลอน
แม้นจิตสงบสละนิวรณ์          ก็จะย้อนเสนอฉันท์       (๖๒๓)

ศรีเปรื่อง
๓๑ ก.ค. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: นัท ผู้ชายฯ รักในหลวง ที่ 31 กรกฎาคม 2013, 11:32:AM
๐ ร้อยรัก
(อินทรวิเชียรฉันท์๑๑)

๐ ร้อยรัก สลักคำ................ระบุย้ำ สิฉ่ำหวาน
ร้อยจิต สะกิดมาน...............ก็ละลาน ตระการใจ

๐ ร้อยดาว สกาวฟ้า.............ศศิจ้า สง่าใส
ร้อยฝัน ประพันธ์ไป...........หฤทัย วิไลเรือง

๐ ร้อยกลอน สะท้อนถาม....กะเทาะความ นิยามเรื่อง
ร้อยต่อ บ่ ฝืดเคือง...............สติเปรื่อง และเลื่องลือ

๐ ร้อยหนัก ก็ถักได้...........ครุใส่ จะไม่ทื่อ
ร้อยง่าย สบายมือ...............ลหุหรือ ก็คือเบา

๐  ร้อยใจ และไมตรี...........ขณะนี้ บ่ มีเหงา
ร้อยกานท์ ผสานเรา..........เฉพาะเจ้า สิเฝ้ารอ...๖๒๘


 emo_126 emo_95 emo_95 emo_126


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: น.ปฎิพน ที่ 12 สิงหาคม 2013, 11:06:PM
กมลฉันท์

๐ ดนุฉันก็เวียนเยี่ยม....มิตระเอี่ยมอลังการ
นัยะเห็นจะบรรหาร......ระบุบทวจีฉันท์

๐ ภณะท่านแน่ะศรีเปรื่อง...ก็เมลืองมลังบรรณ
เฉพาะเราสุตังกรรณ........พิศะเห็นสิเป็นคุณ

๐ สรเสียงสำเนียงพจน์.....ธรรมะบทก็เจือจุน
ดนุโมทนาสุน-..............ทรธรรมประจำใจ

๐ กวะนามะสัทธิน..........ทริย์สิ้นประเดียวใด
แหละผิหากประจาคไร้......พละปัญญะอินทรีย์

๐ ก็จะหวังมิต้องสง..........สัยะคงประจักษ์ชี-
วิตพาลระรานมี..............กวะทรัพย์มลายหาย

๐ สมิโกงจะลวงสรรพ์......ปติวัญจโนบาย
นฤพัทธะทำลาย............ณ นิวัทธเวรวาร

๐ เพราะฉะนั้นแหละบุคคล...พิเคราะห์ชนรบิลจาร
กวะตามภณาสาส์น..........จะนิเทศและจำนรรจ์

๐ สุภะก่อประโยชน์เกื้อ.....หิตะเพื่อบวรธรรม์
บุญะภาพสราญครัน........ลุนิโรธะสุขแล ฯ (๖๓๖)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 14 สิงหาคม 2013, 04:58:PM
 
emo_89 ฉันท์งามมากครับ ทั้งท่านนัท ฯ และ ท่าน fourierlism (ขออ่านเป็น ฟูเรียร์ลิซึ่ม นะครับ   emo_20)

(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)

ปลื้มจิตตะเหลือจะคณนา        นัทะมาเสนอเพลง
พิณฉันท์วะวามกละเชลง         พจะผ่องประดุจแถง

ฟูเรียร์ลิซึ่มมิตระฉันท์            บริพันธ์กระบวนแพร
ความคำ ฤ ต้องกะดนุแด        รสเลิศประเสริฐธรรม์

ขอเปลี่ยนยุบลลิขิตะใหม่        เพราะวะใจมุหมายบรร-
ยายคุณะมาตฤรำพัน             ภณะเผื่อสหายยล

(มาณวกฉันท์ ๘)

อันคุณะแม่         แผ่กวะฟ้า
เพี้ยงพสุธา        ปานมหะชล
ท่านทนุรักษ์       ฟักบุตระตน
พัฒนะจน           เติบกะยะโต

บ่มเพาะนิสัย      ใฝ่คุณธรรม
ทุกวทะคำ          ตรึงตระมโน
"แม้นชิวิเฟื่อง      เรืองอักะโข
หากวะยโส         ศักดิจะคลา

จงมละทำ           กรรมกิจะบาป
ที่นระสาป          สัตว์ระอา
ถึงวะจะปิด-        มิด ฤ ก็ปรา-
กฏ ณ อุรา         ห่อนภิทะพัง"

เพียงอนุอัตถ์      ภัทระที่
มาตฤชี้             ปลูกจิตะฝัง
บ้างบุตระค้าน     ต้านสุตะฟัง
แม่ ฤ ก็ยัง          ทนทมะสอน

ขอสุรคุ้ม            อุ้มดนุแม่
ให้สุขะแด           ปราศะนิวรณ์
กินก็สบาย          ง่ายนิทระนอน
กายะมิคลอน       โรคภัยะไกล        (๖๔๔)

ศรีเปรื่อง
๑๔ ส.ค. ๒๕๕๖

ปล.

แถง (ถะ-แหฺง) = ดวงจันทร์
ยุบล = ข้อความ เรื่องราว
มาตฤ (มา-ตฺริ) = แม่
มหะชล จาก มหา + ชล
ทมะ = การข่มใจ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 15 สิงหาคม 2013, 06:30:PM

(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)

-พรหมวิหาร ๔ ประการ-


๐อัญเชิญพระธรรม์กณิกนันต์             คติอันอุดมพร
ถ้อยถ้วนกถาสระขจร                    และรจิตประกิตพรหม

๐คือธรรมสาส์นพระพุทธองค์            ระบุบ่งบดีสม
ทั้งเทพมนุษยะนิยม                     ยติยอดสุธีศรี

๐เรียกพรหมวิหาระชระจินต์             คุณรินรจิตดี
เหมือนเย็นสกนธ์เพราะชลธี             ทุรค่อยสงัดลง

๐เมตตาประมาณะจิตแจง               จะแสดงประสาหงส์
มุ่งปรารถนากวะประสงค์                สุขส่งสหายเหิน

๐การุณย์ระเมียรดุจเปรียญ              วิรเพียรพยุงเดิน
ซึ่งมิตรประสบมละเผชิญ                ฉลฉาวชโลมชมน์

๐เปรมปรีดิดำริมุทิตา                   สขิคราเจริญผล
ดั่งเราฤดีประสพตน-                   ชุติตามตระหง่านเคียง

๐ท้ายธรรม์อุเบกขะบริกัป               ผิว์ระงับวิโรธน์เพียง
คนใกล้ประกอบธุระเผดียง              นิรคุณมิขุ่นขันธ์

๐ถือธรรมะกานท์พระทศญาณ          ประจุนานเอนกนันท์
ดังว่าฤทัยพิสิฐนั้น                     ดุจจิตมหาพรหมฯ(๖๕๒)


เชิงอรรถพอสังเขป

กณิกนันต์(ว.) =ละเอียด
รจิต(ว.)= งดงาม
ประกิต(ก.)= แจ้ง, แสดง
บดี(น.)= นาย. เจ้าของ, ผู้เป็นใหญ่
ยติ(น.) =ผู้สำรวมอินทรีย์
สขิ(น.)= เพื่อน
วิโรธน์(ว.)= โกรธ แต่ถ้าวิโรจน์=สว่าง, รุ่งเรือง (คำพ้องเสียง)

 emo_126



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 14 กันยายน 2013, 09:04:AM


(วสันตดิลกฉันท์)


๐ดินฟ้าประดาพิภพพลัน               อภินันท์สนั่นฝน
ท้องทุ่งขจีรจิตบน                       ทุรถิ่นเถลิงสินธุ์

๐นี่หนอมนุษย์ประดุจพฤกษ์           รติคึกขบวนดิน
คนเราก็ย่อมจิตถวิล                    วรเวทะเมตตา

๐น้ำเย็นชโลมชนมะไพร              ก็ผลิใบไสวป่า
ใจเราเฉลาเพราะกรุณา               นฤมาณสขีขวัญ

๐ใครเขาสิอยากประสพยาก         รึลำบากสกนธ์กัน
บาปบุญเลบงอสิตะนั้น                นฤอย่าเยาะหยามเศียรฯ(๖๕๖)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 15 กันยายน 2013, 01:33:AM
(เหมันตดิเรกฉันท์ ๑๕)

ค ค ล ค ล ล ล ค                ล ล ค ล ค ล ค


เหว่ว้าสถิตย์สริระเดี่ยว                          จิตเปลี่ยวฉนำจำเนียร
ดั้นด้นเสาะค้นพิริยะเพียร                        ก็บ่พบประสบอนงค์

โอ้เอยชะรอยวะอัปสร                           นิรชรอมรประสงค์
ให้ข้าปราศะยุพยง                               ชิวะโสดฉะนี้ปะไร

นั่งเหม่อมะเมอนัยนหม่น                         อัส์สุชลก็หล่นก็ไหล
ปวดตับกระเทือนกมลใน                         เพราะสะอื้นสนั่นบุรี

แป้นคอมพ์ก็เปื้อนเปรอะชลเนตร                ดุจเขตอุทกนที
หวุดหวิดจะม้วยมรณะชี-                         วิตสิ้นเพราะไฟกระแส (๖๖๐)

ศรีเปรื่อง
๑๕ ก.ย. ๒๕๕๖

ขอบคุณท่านสดายุ ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับฉันท์ชนิดนี้ครับ  emo_20

http://www.aromklon.com/index.php/topic,273.0.html (http://www.aromklon.com/index.php/topic,273.0.html)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 17 กันยายน 2013, 08:16:PM
             ด้วยสำนึก…เจ้าพระยามหานที

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

โอ้ท้องนทีพราว…………....วะวะวาวประกายแพร
ลำเจ้าพระยาแม่………......ระดะจันทร์รวีเรือง

หลั่งไหลผดุงแดน………...ชนแคว้นระลึกเนื่อง
ใช้สอยมิเปล่าเปลือง.......ขณะธารก็การุญ

คามเขต ณ สองฝั่ง………….มนหวังอุทกจุน
ล่องเรือประมงหนุน………...ลุวิถีเกษตรผล

คดโค้งเลาะเรือนเหย้า……..พนเคล้ากระแสชล
ศาสตร์ศิลป์ผสานมนต์…….ดุจคงมิเสื่อมคลาย

หลากพฤกษ์วิไลพรรณ……..รุจิขั้นสวรรค์หมาย
เพียงแสงตะวันพราย………..สกุณาระเริงรมย์

แผ่วไผ่ผิว์รำพึง……………….สุตะตรึงฤทัยสม
ทิพย์ธรรมชาติพรม…………..คุณเจ้าพระยางาม ฯ(๖๖๖)

                                       อริญชย์
                                   ๑๕/๙/๒๕๕๖

 emo_107





หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 02 ตุลาคม 2013, 11:50:PM
(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)

ชิชะ! แล้วหล่อนจะเสียดาย


กว่าหกฉนำอัตมะพบ                                พะประสบกะนงราม
แรกเห็นอุราก็วะวะหวาม                             สริร์สั่นซะโงนเงน

แน่วแน่หทัยสถิรเพียง                               สิริเนียงมิเบี่ยงเบน
ถูกโถมเพราะพายุก็มิเอน                            ครุดั่งศิขรเขา

เหน็บหนาวระร้าวก็เพราะอนงค์                     ยุพยงค์มิสนเรา
เพื่อนฝูงวิภาษะดนุเขลา                            สติบ๊องส์สมองกลวง

"เขาไม่สมัคระและสนอง                            ก็มิต้องระกำทรวง
เอ็งหล่อประหนึ่งสุร ณ สรวง                        ฤ จะห่วงบ่มีหญิง"

ตกดึกก็ตรองวทะสหาย                             อุบ๊ะ! คล้ายจะใช่จริง
อย่างเราน่ะต้องพยัคฆ์สิงห์                         ชำนิเกี้ยววิไลอร

ตั้งจิตะจง ฮึ! ทินะพรุ่ง                              ก็จะมุ่งตระเวนจร
จีบทั่วพิภพลุอัมพร                                  ชิชะ! หล่อนจะเสียดาย  (๖๗๒)

ศรีเปรื่อง
๒ ต.ค. ๒๕๕๖

 emo_68  emo_68  emo_68

คอยดูเถอะ ฮึ!!!





หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: น.ปฎิพน ที่ 08 ตุลาคม 2013, 05:23:PM
ชิชะ! แล้วหล่อนจะเสียดาย (2)

 (วสันตดิลกฉันท์)

๐ เสียดายกระผมน่ะปฎิสน-.........ธินะกลบุรุษเพรา
เชิงองค์อนงค์ก็มิเฉลา...............กวะวัญจนาหญิง

๐ นงคราญสุลักษณจริต..............สิก็ชิดจะก้านพิง
ข้าน้อยมิอาจเฉพาะจะอิง..............มธุสรอนงค์สรวง

๐ แล้วตอบระบอบภณะประจักษ์.......วธุลักษณ์ประโลมทรวง
ตามในวิสัยวิมลดวง....................กลลักษมีวรรณ

๐ แม้นมีสุดามฤทุเพริศ.................วจิเลิศวิถีฉันท์
ควรที่จะมีมธุรบรรณ....................สรพิศจรูญใจ

๐ ช่วยอรรถวิสัชชนะขยาย..............อธิบายกะความนัย
ควรฤาพธู ณ หฤทัย....................ตละที่จะเสียดาย

๐ ด้วยเราเพราะเพรากละบุรุษ...........สริร์สุดจะบรรยาย
หล่อพิศก็เพียงสุระประกาย.............กะหิรัณย์ก็เทียบทัน

๐ ดาราพิศาลสกละทิศ...................ผิจะพิศมิสู้ฉัน
กอปรความสุภาพบุรุษพรรณ.............สิก็ใครจะแม้นเหมือน

๐ อยากฟังนุชากละวิสัช-..................ชนะอรรถสุดาเดือน
ฟังแล้วมิแคล้วจิตะสะเทื้อน...............จะประกันประเดียวเอย ฯ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 08 ตุลาคม 2013, 09:48:PM
                             
ไหลไปตามกระแสเชี่ยวกราก...

                 
(http://image.ohozaa.com/i/fbf/irURK3.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xigW6seaBL1gFc9u)

 emo_33 emo_33 emo_33 emo_33 emo_33

ภัยร้อนเพราะนอนเย็น
(อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒)


๐ วรรษามหาภัย        ชลไหล..ทะลักทลาย
หวั่นหวาดขยาดสาย      อุทะแกล้ง..กำแหงคะนอง

 ๐ ฝนโหดพิโรธคึก      กวะศึก..ระทึกประลอง
เมฆครึ้มกระหึ่มก้อง    อสุนี..สนั่นสะเทือน

 ๐ ฝนเทถะถั่งโถม        พยุโหม..จะโฉบจะเฉือน
พล่านพลุ่งกระทุ้งเรือน   ดุและเดือดจะเชือดจะพัง

 ๐ ตื่นอกตระหนกสั่น    วจะลั่น..ละล้าละลัง
หิ้วหอบ กระสอบ ถัง        สติเพริดกระเจิดกระเจิง

 ๐ เหนื่อยหน่ายกระหายโหย     พละโรย..กระเซอะกระเซิง
หลายวันมิบันเทิง                   ภยะร้อนมิผ่อนมิเบา ฯ 
 (แก้ไขวรรคสุดท้ายใหม่ เพื่อได้ความหมายที่ชัดเจน)
 (๖๘๕)


 (http://up-pic.net/i/0Ds.gif) (http://up-pic.net/show/60630) (http://up-pic.net/i/0Ds.gif) (http://up-pic.net/show/60630) (http://up-pic.net/i/0Ds.gif) (http://up-pic.net/show/60630)
 
    พี.พูนสุข
   ๘ ตุลาคม ๒๕๕๖

*******
 วรรษา (พรรษา) - น. ฤดูฝน, ปี
 อุท, อุทะ -  น. น้ำ
 กวะ - ว. ราว, ราวกับว่า
 อสุนี (อสนี) - น. สายฟ้า
 พยุ (พายุ) - น. ลมแรง

*******


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 09 ตุลาคม 2013, 12:46:PM

                        ปราจีนฯประจัญบาน

                        อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒

                       ๐ปราจีนฯประจัญบาน    พหุธารกระดอนกระเด็น
เรือนเอนระเนนเห็น     ระบุเบิ่ง ณ โทรทัศน์

                       ๐คันคลองละลายลา    พสุธาสะเทือนถนัด
รุกรานวิหารวัด       พระกะเณรตะครั่นตะครอ

                       ๐“บ้านสร้าง”และ “นาดี”   ลุ “กบินทร์บุรี”ระคอ
น้ำคลั่งถะถั่งจอ     สวะกั้น”ประจันตคาม”

                       ๐เมือง “ศรีมโหสถ”    สละหมดละถ้วยละชาม
เมียต้อยเกาะผัวตาม     พละเปลี้ยตะโกนสบถ
 
                       ๐แม่ “ศรีมหาโพธิ”    อภิโหดกระหน่ำมิลด
สุดแสบระแบบบท    รึจะมุ่ง มล้างมลาย (๖๙๐)

                                                     เนิน จำราย 



หัวข้อ: Re: คำฉันท์ (1) : โชติช่วง นาดอน(ทองแถม นาถจำนง)
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 18 พฤศจิกายน 2013, 09:19:AM
ที่มา: http://www.siamrath.co.th (http://www.siamrath.co.th)
(ขออนุญาตแต่งแต้มสีครับ - share)

ทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่า คงมีคนที่มีความสุขกับการอ่าน “คำฉันท์” ไม่มากนัก

ร้อยกรองประเภทฉันท์ ชาวสยามรับมาจากคำประพันธ์ของอินเดีย มีการพัฒนาให้ไพเราะเหมาะกับรสนิยมของชาวสยาม ฉันท์มีวิวัฒนาการตั้งแต่ไม่เคร่งครัดคำ ครุ ลหุ นักในสมัยกรุงศรีอยุธยา จนมาเคร่งครัดคำ ครุ ลหุ มากจนเกินไปในสมัยกลางยุครัตนโกสินทร์ ทำให้คำฉันท์หยุดนิ่งในกรอบตายตัว เสื่อมความนิยมลงไป อย่างไรก็ตาม มหากวียุคใกล้ก็ยังได้สร้างวรรณคดีคำฉันท์ไว้เป็นอมตะ คือเรื่อง “สามัคคีเภทคำฉันท์” ของ ชิต บุรทัต เป็นต้น

กวีร่วมสมัยที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูการแต่งฉันท์คือ “คมทวน คันธนู” บทกวีคำฉันท์ของเขามีอิทธิพลต่อกวีรุ่นใหม่มาก ปัจจุบันกับยังมีกวีรุ่นใหม่ๆ ที่แต่งกวีด้วยคำฉันท์ได้ “ถึง” ทั้งรสและสาระ เช่น “สกุณี  ทักษิณา” ผู้มีผลงานตีพิมพ์ใน “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” เป็นประจำ

ในทางวิชาการ การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ “ฉันท์” ก็ยังไม่ขาดหายไป

ผลงานที่ดีเด่นของ ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร เรื่อง “วัณณะมาลี ทฤษฎีใหม่เรื่องการแต่งฉันท์ของล้านนา” เป็นพยานในเรื่องนี้

คำฉันท์ในศิลาจารึกเก่าแก่ที่พบในไทย ขอยกตัวอย่าง “จารึกหลักที่ ๕๖” พบที่เนินสระบัว (บริเวณเมืองพระรถ) ต.โคกปีบ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ท่านพุทธสิริ แต่งด้วยวสันตดิลกฉันท์ จารึกด้วยภาษาอินเดียใต้ เมื่อ พ.ศ. 1304 ความว่า

๐ โย สพฺพโลกหิโต                กรุณาธิวาโส
โมกฺขํ  กโร  นิรมลํ                 วรปุณฺณจนฺโท
เญยฺโย ทโม นวิกุลํ                 สกลํ วิพุทฺโธ
โลกุตฺตโร นมตถิ ตํ                 สิรสา มุเนนฺทํ ฯ

จารึกวิหารหลวง วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุโขทัย ภาษีบาลี จารึกในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๑ ก็ใช้ฉันทลักษณ์ “วสันตดิลกฉันท์”

“ฉันท์ เป็นคำประพันธ์ประเภทหนึ่งของไทยที่รับอิทธิพลมาจากอินเดีย คำว่า ฉันท์ มีรากศัพท์มาจากธาตุ ฉท , ฉันท ในภาษาสันสกฤต ซึ่งแปลว่า ปรากฏมีลักษณะเป็นที่น่าพอใจ น่าพึงใจ ส่วนในภาษาบาลีคำว่า ฉันท , ฉันโท มีความหมายสองอย่าง คือ แปลว่า ความปรารถนา ความตั้งใจ และคัมภีร์พระเวท หรือลักษณะคำประพันธ์

ต้นกำเนิดของฉันท์นั้น เกิดขึ้นในสมัยพระเวทเมื่อราวสี่พันปีที่แล้ว ซึ่งถ้อยคำในคัมภีร์ฤคเวทเป็นคำประพันธ์ประเภทฉันท์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือฉันท์ที่มีจำนวนคำไม่เกิน 50 พยางค์ และฉันท์ที่มีพยางค์ 50 – 106 พยางค์ โดยฉันท์ที่นิยมแต่งมี 8 ชนิด คือ คายตรี อนุษฏุก ตริษฏุก ชคตี พฤหตี ปังกตี วิราฏ อุษณิก

ลักษณะฉันท์ในสมัยพระเวทไม่เคร่งครัดครุ ลหุ มากนัก นอกจากบังคับเรื่องจำนวนคำในแต่ละบท  จนกระทั่งอีกสองพันปีซึ่งอยู่ในสมัยมหากาพย์ ฉันท์ที่เรียกว่า “โศลก” ได้พัฒนารูปแบบขึ้นมาใหม่ โดยมี บาทที่ 1 เหมือนกับบาทที่ 3 และบาทที่ 2 เหมือนกับบาทที่ 4

โศลกบทแรกเกิดขึ้นโดยฤาษีวาลมีกิรำพึงถึงนกกะเรียนที่ถูกพรานยิงตาย.....

หลังสมัยมหากาพย์ รูปแบบฉันท์ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังปรากฏในคัมภีร์ฉันท์วุตโตทยะ  และฉันท์โทมัญชรี ซึ่งมีฉันท์จำนวน 311 ชนิดด้วยกัน”

(“วัณณะมาลี ทฤษฎีใหม่เรื่องการแต่งฉันท์ของล้านนา” โดย ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร หน้า 1-2)

กวีอยุธยาพัฒนารูปแบบฉันท์อินเดียมาเป็นแบบไทย ซึ่งคงประยุกต์มาจากคัมภีร์วุตโตทัย ดังปรากฏในจินดามณีของพระโหราธิบดี รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ประเภทฉันท์สมัยอยุธยานั้น อ่านค่อนข้างยาก นอกจากคำบาลีแล้ว ยังมีคำศัพท์แขมร์เป็นจำนวนมาก
อย่างเช่นตอนบรรยายช้างป่าว่า

๐ ทุยทำพำลาพาหล             สิงคาลคนชน
กันโลมระลมสังไก
พลุกแบงบังกินจรรไร            ทมพลุกทิพาไศรย
กำพษกำโบลโยนยัศ
ประพลุกสุครีพแลคัด            ธรณีบังบัด
ทั้งนาคพันธ์พินาย
ลันดาษยุรยักษ์บรรลาย         ซุกซอนพรัยพราย
บิเดาะกันเอาะพลุกหนี ฯ

คุณสุธีร์ พุ่มกุมาร ที่ปรึกษาสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “คู่มือเรียนเขียนกลอน” ร่วมกับคุณยุทธ โตอติเทพย์ อดีตนายกสมาคมนักกลอนฯ เธอกำลังจะออกหนังสือเล่มใหม่ เขียนวิเคราะห์คำฉันท์ในหนังสือ “สามัคคีเภทคำฉันท์” คุณสุธีร์ กล่าวถึงการแต่งฉันท์ไว้น่าสนใจมาก เป็นต้นว่า

“ธรรมชาติของฉันท์เป็นเรื่องของความยากลำบาก คนเขียนฉันท์ต้องพยายามทำความยากลำบากนั้นให้เป็นความง่าย แต่งาม ง่ายทั้งอ่านง่ายทั้งเขียน แต่งามด้วยลีลาและชั้นเชิงวรรณศิลป์  ต่างกับ กลอน ธรรมชาติของกลอนเป็นเรื่องง่าย คนเขียนกลอนจึงต้องพยายามทำความง่ายให้เป็นความยากโดยการสรรหาถ้อยคำที่อ่านแล้วต้องตีความ หรือการใช้ถ้อยคำอันเป็นสัญลักษณ์ มีนัยกว้างขว้าง แต่จะ “สถิตเสถียรเทียรฆ์กาลนิยม” หรือไม่ เป็นเรื่องท้าทาย”
และ
“ศัพท์ภาษาเป็นหัวใจสำคัญของการเขียนฉันท์ นักฉันทศาสตร์เปรียบเหมือนนายมาลาการ(นักจัดดอกไม้) คณะฉันท์เหมือนต้นไม้ ครุ-ลหุ เหมือนดอกไม้ ความฉลาดในการจัดวางดอกไม้แม้มีเพียงไม่กี่ชนิดเพื่อประดับในแจกันใบเล็ก หากสลับปรับแต่งได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน แจกันใบนั้นก็ย่อมดูสวยงามตระการตา กฎเกณฑ์หรือกติกาข้อบังคับของฉันท์มีอยู่แค่ ครุ ลหุ วางให้ถูกตำแหน่งแค่นี้เอง ส่วนสัมผัสสระนอก-ใน หากเคยเขียนคำประพันธ์ร้อยกรองชนิดอื่นๆ มาบ้างแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรยุ่งยาก ขอให้ดูเปรียบเทียบฉันท์ที่มี 12 คำด้วยกัน”

“การยืดคำ – หดคำ ให้เป็นสระเสียงยาว – เสียงสั้นนั้น ก็ทำได้กับศัพท์จากภาษาบาลีสันสกฤตเท่านั้น ใช้กับคำภาษาอื่นไม่ได้ คุณสุธีร์ยกตัวอย่างคำว่า “กังวล” ซึ่งชิต บุรทัต แยกศัพท์ข้ามวรรค เป็น กัง - วละ“มีคำศัพท์ที่น่าสนใจเป็นกรณีศึกษาอยู่คำหนึ่งคือคำว่า กังวล (ไท้นฤกัง – วละอย่างไร) กังวล เป็นคำเขมร (กังวล ก. ห่วงใย, มีใจพะวงอยู่. (ข) – พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน), คำศัพท์ที่จะ ทีฆะ – ทำสระเสียงสั้นให้เป็นสระเสียงยาว หรือ รัสสะ-ทำสระเสียงยาวให้เป็นสระเสียงสั้น และการแตก,กระจายคำออกเป็นพยางค์สั้นๆ เพื่อใช้เป็นคำ ลหุ คำนั้นๆ ต้องเป็นคำที่มาจากภาษา บาลี – สันสกฤต เท่านั้น เนื่องจากธรรมชาติของสองภาษานี้มีเสียงเป็น ลหุ เสียส่วนใหญ่ แต่ถูกตัดแต่งเพื่อความสะดวกลิ้นของผู้ตัดแต่ง เมื่อนำมาเขียนฉันท์ก็สามารถย้อนกลับสู่รากเดิมได้ เจ้าของภาษาฟังเข้าใจ รู้เรื่อง, กังวล เป็นคำเขมร ล. ทำหน้าที่เป็นตัวสะกดได้อย่างเดียว เปลี่ยนหน้าที่ไม่ได้ เพราะเมื่อเปลี่ยนแล้ว เจ้าของภาษาฟังไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง, ตะวันตก จะให้เป็น ตะวันตะกะ อย่างนี้ไม่ได้เพราะไม่ใช่คำบาลี – สันสกฤต นิมนต์ เป็น นิมะนะตะ อย่างนี้ได้ เพราะเป็นคำบาลี สงสัย เป็น สงสะยะ – สังสะยะ อย่างนี้ได้ เพราะเป็นคำบาลี คำศัพท์ที่มาจาก บาลี – สันสกฤต แม้จะมีภูมิรู้ ตัด – แต่ง – แผลง – ต่อ, ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์แล้ว ก็ต้องพิจารณาด้วยว่าเมื่อได้รูปได้คำตามต้องการ ลองอ่านออกเสียงให้หูตัวเองฟัง ไพเราะไหม ออกเสียงยากไหม แล้วจึงค่อยตัดสินใจจะเอาอย่างไร ถ้าฟังแล้วรู้สึกแปร่งหู ระคายหู ตลกขบขัน ก็ไม่ควรนำมาใช้เขียนในบทกวีหรือแม้แต่งานเขียนทั่วไป”

ขอเกริ่นไว้ก่อนครับ เพราะหนังสือดีเล่มนี้ ยังพิมพ์ไม่เสร็จ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 18 พฤศจิกายน 2013, 12:11:PM
emo_126  emo_126  emo_126

ขอบคุณท่าน toshare ที่เอาเรื่องดี ๆ มาแบ่งปันกันครับ

(มาณวกฉันท์ ๘)

พิณบริพันธ์          ฉันท(ะ)เจรียง
งามเสนาะเพียง      ดารกะฉาย-
แสงรุจิเพริศ          เลิศ(ะ)ประกาย
แวววะวะพราย        แต่งอัมพร

ด้วยสรเบา            เคล้าคละกะหนัก
ก่อกลลักษณ์         เล่ห(ะ)บวร
สุต(ะ)สนุก           ทุกข(ะ)ก็จร
หลับนิทร(ะ)นอน    อิ่มอภิรมย์

ศรีเปรื่อง

ปล.

แวววะวะ กร่อนจาก แวววับวับ
สร (สะ-ระ) = เสียง
สุต = ได้ยิน, ได้ฟังแล้ว


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 20 พฤศจิกายน 2013, 09:54:PM
แด่เกลอเก่า
(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)


เกริ่น...

คิดถึงอดีตดนู                  เอ๊าะเอ๊าะอยู่ ณ มัธยม
หนึ่งมิตรสนิทชม               อุระซึ้งคนึงเสมอ

จึ่งขอรจิตฉัน-                 ทะนิพันธะยอเกลอ
กรองกลั่นสำนวนเสนอ        พจะแนวประเทิงมาน

"น้ำใจสหายข้า ฯ              นภหล้าก็ห่อนปาน
ซื่อสัตย์สมัครสมาน            สุขะทุกข์ก็เคียงเดิน

เป็นคู่สมองคิด                 สุหฤทะจำเริญ
เรื่องใด ฤ จักเกิน              ทวิมิตรพินิจไข

ร่วมเรียนและศึกษา            วิทยาวิชาไกร
แข่งขันประชันชัย              ชนะแลกขนมปัง

บางคราวก็เคืองขัด            ปะทะหมัดประลองพลัง
หายขุ่นมิคิดชัง                ภณะขออภัยกัน

พลาดพลั้งกระทำผิด           ปิยะมิตรก็เตือนพลัน
คอยผลักและคอยดัน          มิตระสู่วิถีควร

บนบานอมรให้                 สขิได้ประสบมวล-
ความสุขสนุกกระสรวล         ภยะร้ายมิกรายเยือน"  (๗๐๐)

ศรีเปรื่อง
๒๐ พ.ย. ๒๕๕๖

ปล.

ขออนุญาตใส่ ะ ที่ท้ายบางคำ เพื่อสื่อถึงแนวทางการอ่านครับ

ดนู = ผม, ข้าพเจ้า
เอ๊าะเอ๊าะ (แสลง) = วัยรุ่น
ภณะ = กล่าว, พูด, บอก
สุหฤท, สขิ = เพื่อน



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 29 พฤศจิกายน 2013, 08:31:AM
อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3578 (http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3578)

โอ้รัชนินี้                       รัศมีพระจันทร์เลือน
อับเฉารุจิเหมือน               มนแห่งดนูชาย

ห่อเหี่ยวกมลา                  อภิว้าวะเวงกาย
ฤาว่าอรคลาย                  จิตภักดิ์สมัครคลอน

เพียรข่มนัยนา                 จะนิทราประทมนอน
พลันเหล่าศุนิหอน             สรอึงคะนึงซอย

ยิ่งดึก ฤ ก็ยิ่ง                  อุระดิ่ง ณ เหงาหงอย
เห็นหน้านุชลอย               เลาะละล่องมิยอมไป

รวบรวมสติมุ่ง                  สละฟุ้งมโนใน
ขับโฉมสิริไกล                 หฤทัยมิรั้งรอ

เริ่มเวียนศิรษา                 นัยนาก็น้ำคลอ
ล้มตึงกะยะงอ                  ก็เพราะข้าวบ่ได้กิน

ศรีเปรื่อง
๒๙ พ.ย. ๒๕๕๖

ปล.

อภิว้า = อภิ (ยิ่ง) + ว้า (ว่าง, เปลี่ยวใจ)
วะเวง กร่อนจาก วังเวง
ศุนิ = สุนัข
กะยะ กร่อนจาก กายา


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 29 ธันวาคม 2013, 09:12:AM
(http://upic.me/i/cv/0594_suchart-tangsilpaolarn1.jpg) (http://upic.me/show/48856282)


                สวัสดีปีม้า  ๒๕๕๗
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

๐ ปีใหม่มะเมียม้า       ฮิฮิ..ท่าทะมัดมั่น
ควบขับขยับพลัน        ดุจวันมิผันคืน

๐ ผกโผนกระโจนท่อง      พละคล่องประชาตื่น
เชี่ยวชัดตระบัดฟื้น           อุระร้าวระรานแหยง

๐ รู้ย่างเหยาะโถมถีบ     ตะละกีบสะบัดแรง
ขายค้า ฤ นาแล้ง         ประลุหวังสะพรั่งพราย

๐ ควบขี่วิถีตน            มนะทนระโหยหาย
จับเจ่าประเทาคลาย     สติพร้อมประนอมขวัญ

๐ ปีม้าสง่างาม      คติตามบุราณบรรพ์
พาชีทวีสัน-           ติสุโขมโนมัย

๐ เพลิดเพลินเจริญสุข    และสนุกประโลมใจ
รื่นเริงเถลิงชัย             สรซ้อง ชโย! เทอญ.
                     (๗๑๒)


(http://image.ohozaa.com/i/ad7/B5pPOL.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/xiY3VB0ILqFk34Hx)

                    
                           พี.พูนสุข
                   ๒๙  ธันวาคม  ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 31 ธันวาคม 2013, 04:19:AM
http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3604

สวัสดีปีม้า (ด้วยคนครับ  emo_54)
อินทวงศ์ฉันท์ ๑๒

ปีม้าจะมาแล้ว                มิตรแก้วสหายจำเริญ
มาสุขสนุกเพลิน             ทุขะเศร้ามิควรจะจำ

แต่เที่ยวก็พึงตรึก             สตินึกตริตรองกระทำ
ตามทางกระแสดำ-          รัสแห่งบิดาสยาม
 
พอเพียงฉลาดหา            ก็มิล้าอุรามิหวาม
ทรัพย์สินแสวงตาม          มรคาวิถีเหมาะควร

รู้เก็บถนอมอัฐ                มัธยัสถ์ประมาณประมวล
กินเที่ยว ฤ เสสรวล          พิเคราะห์ก่อนจะใช้จะสอย

ดื่มเบียร์สุราเหล้า            ผิวะเมาซะเนตร(ะ)ลอย
รถราก็อย่าถอย               ริจะขับจะอันตราย

ขอเทพดาอุ้ม                สุรคุ้มประดาสหาย
สดศรีสุขีกาย                ภัยร้ายมิกวนมโน   (๗๑๘)

ศรีเปรื่อง
๓๑ ธ.ค. ๒๕๕๖


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 04 มกราคม 2014, 08:28:AM
(http://upic.me/i/71/l07720-0.jpg) (http://upic.me/show/48881268)

                                    ปีม้าคึกคัก
เปษณนาทฉันท์ ๑๖

๐ เถลิงศกใหม่หทัยครึกครื้น        สะบั้นหนาวตื่นระรื่นสรวลสันต์
ตระเตรียมข้าวของฉลองหนึ่งวัน    ประดิษฐ์ของขวัญประชันฝีมือ

๐ ประกอบอาหารสมานไมตรี       ขนมรสดีบะหมี่ขึ้นชื่อ
พะแนงแกงผัดสลัดร่ำลือ            อร่อยฮาฮือ..ระดับเชฟเอียน

๐ ระเบ็งเซ็งแซ่กะแช่เหล้าไห      ละเลียดถึงใจนิสัยแปลกเปลี่ยน
กะรึ้บกรึ๊บกรึ๊บกระดึบอาเจียน       ขยับมือเลียนกระเรียนเมามาย

๐ โขมงโฉงเฉงประเลงรำร่อน        เคาะถ้วยชามช้อนสลอนโยกย้าย
กระหึ่มเสียงกลองสนองหญิงชาย    ประชิดเยื้องกรายสหายหุยฮา..

๐ ละเล่นเกมมันส์สนั่นลานกว้าง      สลากคั่นกลางสว่างคาตา
ตะโกน เย้! เย้! เสน่ห์หรรษา          สนุกปีม้าอุราชื่นบาน

๐ ฉลองปีเพิ่มเฉลิมปีทอง      มะเมียชวนมองคะนองห้าวหาญ
สยามพ้นภัยไผทสุขศานติ์      สยามยืนนานไผทร่มเย็น ฯ

                                                                               (๗๒๔)

                                  ไชโย!   ไชโย!   ไชโย!

     (http://upic.me/i/c5/fireworks.gif) (http://upic.me/show/3503962) (http://upic.me/i/c5/fireworks.gif) (http://upic.me/show/3503962) (http://upic.me/i/c5/fireworks.gif) (http://upic.me/show/3503962)

                                                                    พี.พูนสุข
                        ๔  มกราคม  ๒๕๕๗


หัวข้อ: Re: ตรุษจีน
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 27 มกราคม 2014, 09:40:AM
วิชชุมมาลาฉันท์ 8

....ตรุษจีนพรธรรม์.....................สุขสันต์เพื่อนผอง
เทพไท้คุ้มครอง.........................ครอบครัวร่มเย็น
การงานรุ่งโรจน์.........................ธรรมโปรด"รัก"เป็น
เมตตาผู้เข็ญ.............................ตรุษจีนทั่วกัน

....กายจิตผ่องแผ้ว.....................คลาดแคล้วเภทภัย
ชีวิตสดใส.................................หมั่นมุ่งทางธรรม์
ทุกวันวันดี................................ชีพนี้ไป่ผัน
ดำรงชีวัน.................................เพื่อฝันผองชน




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2014, 11:25:AM
โกรธทะลุจุดเดือด
(มาณวกฉันท์ ๘)

เกิดอุระคึก                   นึกจะเสนอ
สมมุติ..เอ่อ                  ผมน่ะกมล
ถูกนุชน้อง                   ก่องกิ๊ก(ะ)ดล
ให้ภิทจน                    กริ้วเกาะฤดี                 

(คือ...เรื่องสมมุตินะครับ)

ผมก็บุรุษ                     สุดจะพิลาศ
เท่หฉกาจ                    ล้ำปฐพี
"เจมส์จิ"มิได้                ใกล้รัศมี
นัขธุลี                        ห่างระยะไกล

แต่อภิงง                     สงสัยนัก
วนอุระหัก                    ช้ำหฤทัย
ถูกกิ๊ก(ะ)หญิง               ทิ้งมละไป
เหตุอะไร                     ใยนุชลา

แค้น ฤ ก็แค้น               แน่นมนท้น
อายนรชน                   ทั้งพสุธา
หรือทิพแหนง               แกล้งอัตมา
เนื่องเพราะวิภา             เหนือนิรชร

เหวยวะวะเหวย              เฮ้ยชนสรวง
เดี๋ยวเถอะจะร่วง             จากคฤห(ะ)นอน
เปล่งวทะร้อง                 ก้องอัมพร
"คืนกิ๊ก(ะ)อร                 แล้วจะมิโดน"

แกว่งกวะกระบี่               ชี้ ณ สวรรค์
สองบทพลัน                 ยันกะยะโผน
กู่สร "ย้ากส์"                 วากยะตะโกน
คิดกะจะโหน                 เมฆ(ะ)ทยาน

สูงนภเสียด                  เฉียดทศโยชน์
ด้วยพละโกรธ               คลั่งอุระดาล-
เดือดทะลุจุด                ฉุดสติทาน
ตกสริร์ราน                   แหลกบ่มิเหลือ    (๗๓๓)

ศรีเปรื่อง
๓ ก.พ. ๒๕๕๗

ปล.

นัขธุลี (นัก-ขะ-ธุ-ลี) = นัข (เล็บ) + ธุลี (ฝุ่น)
สงสัย (ป. สํสย; ส. สํศย) = อ่านเป็น สง-สะ-ยะ
อัตมา = ตัวเอง = อ่านเป็น อะ-ตะ-มา
นิรชร = เทวดา
เหวยวะวะเหวย = กร่อนจาก "เหวยเหวยเหวยเหวย"
แกว่งกวะ = กร่อนจาก "แกว่งกวัด"
กะยะ = แผลงจาก "กายา"
สร (สะ-ระ)
นภ = ฟ้า
โยชน์ = ชื่อมาตรวัด (16 กิโลเมตร)
สริร์ = แผลงจาก สรีร์ = ร่างกาย


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เว
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าโย ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2014, 06:38:PM


พันคณะสระฉันทลักษ์  เหมาะเจาะเพราะวรรค จะสเนาะญาณ
วิทยอักขระประสาน  สติพิจารณ์ มิตินิพนธ์

พร้อมปฏิหิริตผล มนุสชน วิมุติชัย
ปราชญ์ทะนุพยัญชนะไทย บุรณะไว้ คติวิธี

สวยสระภาษะทฤษฎี  นิมิรตี  วิจิตรสยาม
ด้วยครุลหุสลับงดงาม ผิใดจะตาม ประภัททกฉันท์



หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2014, 03:02:PM
(อินทรวิเชียร์ฉันท์ ๑๑)

เกริ่น...

เกิดอยากจะชมสาว            ฉวิวาวสกาวพรรณ
ร้อยรัดกระหวัดฉัน-            ทสนานสราญรมย์

ศัพท์อาจประหลาดนิด         เพราะจริตหทัยผม
นั้นชอบและชื่นชม              วทะแหวกบุราณเพรง

สุดท้ายก็หวังว่า                 มิตรฮาอุราเครง
กับเล่หบรรเลง                  ดนุเพ้อเสนอขาย

ชมยุพาวิลาวัณย์...

พักตร์เจ้า ฤ เพราพริ้ม          ผิวยิ้มกระทำชาย
วาบหวิวสยิวกาย                อุระหมายจะก่ายเกย

อกตู้มปทุมต้าม                  ดุจหยามเยาะ "ใบเตย"
หากแม้นจะเปรียบเปรย         ฤ ก็ส้มกะแตงโม (คือ ใบเตยน่ะแค่ส้ม)

เอวบางตะโพกเบิ้ม              บะระเหิ้มอุฬารโต
ดินฟ้าก็เผลอ "โอว์"            ภณพร้องเพราะต้องมนต์  (๗๔๕)

ศรีเปรื่อง
๑๐ ก.พ. ๒๕๕๗

ขออภัยน้องใบเตย อาร์สยามด้วย ที่ถูกหยิบมาเป็นบรรทัดฐานในการเปรียบเทียบ
(หวังว่าน้องใบเตย คงไม่เสียความมั่นใจนะครับ  emo_45)

ปล.

ฉวิ = แผลงจาก ฉวี
ฉัน- ท = ฉีกคำจาก ฉันท์
เบิ้ม = ใหญ่
บะระเหิ้ม = คำแสลง แปลว่า ใหญ่มาก ๆ
วทะ = คำพูด
ภณ = กล่าว พูด
ปทุม = ย่อจาก ปทุมถัน
โอว์ = เสียงอุทาน แสดงอาการ ประหลาดใจ
พร้อง = ร้อง


add complete
by Klonthaiclub fb
(https://www.facebook.com/poemwebboard)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2014, 10:47:PM
(มาณวกฉันท์ ๘)

ทอรจเรข                 เสกบทฉันท์
เล่หประพันธ์              หมายมิตรยล
ตั้งอุระคล้อง              จองอนุสนธิ์
เรื่องทิพดล               ผลสัตยา


(ลลิตาฉันท์ ๑๒)

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3618 (http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3618)
 
รักเธอเสมอนภและดิน          ยุพินประภา
ไม่เปลี่ยนหทัย ณ วนิดา        แถลงยุบล

ถึงนางสวรรค์สิริพิลาศ          สะอาดสกนธ์
มายั่วดนู ฤ ก็มิสน               มโนมิคลอน

แต่รุ่งอรุณสุริยะแจ้ง             ลุแสงจะรอน
อกชายคนึงเฉพาะสมร          มุสาบ่มี

หากเจ้ามิปลงกมลเชื่อ          ณ เนื้อพจี
กริ่งเรียมมิมั่นถิรฤดี              จะลวงยุพาน

"ถ้าหลอกก็ให้วชิระฟาด        พิฆาตมลาน" >> [ชายหนุ่มสาบานครับ...สาบาน]
ลั่นวาทะสัจจะปฏิญาณ         สนั่นสกล

ฉับพลันก็เกิดอนิลหวือ          อะอื้ออะอล
สายฟ้ากระหน่ำบุรุษจน         มะเมื่อมสรีร์  (๗๕๒)

ศรีเปรื่อง
๑๙ ก.พ. ๒๕๕๗

ปล.

นภ = ฟ้า
สกนธ์ = ร่างกาย
สมร = หญิงสาวสวย (แปลได้อีกอย่างว่า การรบ)
ถิร = มั่นคง
ยุพาน = หญิงสาวสวย
มลาน = ตาย
สกล = สากล = ทั่วโลก ทั้งโลก
อนิล = ลม
อะอื้ออะอล = กร่อนจาก อื้ออื้ออึงอล
มะเมื่อม ตัดจาก ดำมะเมื่อม (แสลง)



หัวข้อ: Re: ขอเพื่อนแนะเขียนฉันท์
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014, 12:53:PM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

...ขอเพื่อนแนะเขียนฉันท์............จริตมั่นขยับจาร
หวังร่วมประโคมกานท์................ประดับหล้านภาไทย

...ศิลป์ศาสตร์ผสานโยง..............ประดิษฐ์โคลงระรื่นใส
ผองเพื่อนสิมอบใจ.....................แนะสอนให้สนุกจริง


หัวข้อ: Re: อ่อนโยน
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014, 02:42:PM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

...อ่อนโยนมิอ่อนแอ.........พลังแล้ผลิผลจริง
พาลเผยมิเฉยนิ่ง..............ผจญสู้มิรู้หนี

...อ่อนโยนมิอ่อนแอ.........มนุษย์แท้มุมั่น ดี
ทุกข์ท้นก็พร้อมพลี...........ประพฤติเพื่อประโยชน์ชน

...อ่อนโยนประดุจแข.........จรัสแดสว่างหน
ชุบชื่นฤดีมล....................นภาหม่นกระจ่างพลัน

...อ่อนโยนประดุจแข.........มุเผื่อแผ่สงบสันต์
รวยจนจะแบ่งปัน...............บแบ่งชั้นฤเลวดี (๗๕๘)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014, 05:42:PM
(วสันตวงศ์ฉันท์ ๑๕)

แยก, แผลง และกร่อนพจนเรียง          "ลหุ" เหวี่ยงเฉวียงวลี
มาเคล้าคละกับ "ครุ" พจี                   กวิฉันท์ก็ก่อกระบวน

การแยกกถาเสนาะสนอง                    ฤ จะต้องตริตรองประมวล
อักษร ณ ท้ายพจะมิควร                     ภวะคล้องกะแม่สะกด

ส่วนแผลงนิยมมละสภาพ                   "สระ" คราบอดีตกำหนด
ให้ได้สำเนียงวจนะหด                      "ลหุ" ตามนิยามประสงค์

คำซ้ำและซ้อน ฤ ก็สมรรถ-                 (ถ)ะจะกัดประภาษ(ะ)ลง
แต่เสียงพยัญชนะเจาะจง                    เฉพาะหน้าและหลังเสมือน

คำเชื่อม ฤ แก้ "ลหุ" มิพอ                  ผิว์ระย่อสมองเลอะเลือน
ของดีนะอย่านัยนเบือน                      พิเคราะห์ใช้ ณ คราจำเป็น   (๗๖๓)

ศรีเปรื่อง
๒๘ ก.พ. ๒๕๕๗

ปล.

แยก >> การแยกเสียง ตามหลักคำที่แยกได้ต้องเป็นคำบาลี-สันสกฤต มักจะเป็นคำที่ตัวสะกดไม่ตรงกับชื่อแม่ เช่น เลิศ ภาษ
แผลง >> การแผลงคำ ที่นิยมกันก็มักจะเป็นการแผลงสระ ส่วนใหญ่เป็นไม้ตายในการสร้างคำลหุ เช่น โบราณ เป็น บุราณ, กวี เป็น กวิ
กร่อน >> การกร่อนเสียง โดยลดเสียงคำเดิมให้เหลือแค่ อะ ในฉันท์มักจะเห็นในกรณีที่เป็นคำซ้ำหรือคำซ้อนที่มีเสียงพยัชนะเดียวกัน
             เช่น วับวับ เป็น วะวับ, โฮกโฮก เป็น ฮะโฮก
คำเชื่อม >> เอาไว้แก้ปัญหา ลหุ ไม่พอได้ เช่น   จะ, สิ, ก็, ณ, และ, เพราะ, ละม้าย, ประหนึ่ง, กวะ (ราวกับว่า) ฯลฯ

 emo_126  emo_126  emo_126


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 03 มีนาคม 2014, 02:50:PM
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

...ขอเพื่อนแนะเขียนฉันท์............จิต(ะ)หวั่นสิยากเกิน
เพียงหวังจะเพลิดเพลิน..............พละร่วมประดิษฐ์กานท์

...ศิลป์ศาสตร์ บ่ ใคร่เก่ง............ริก็เกรงมิบรรสาน
หวังเพื่อนประศาสน์ชาญ............ผลิผสานประทับใจ (๗๖๕)

บรรสาน [บัน-] (กลอน; แผลงมาจาก ประสาน) ก. ทําให้ติดกัน, ทําให้สนิทกัน, เชื่อม, รัด, ผูกไว้.
ประศาสน์ [ปฺระสาด] น. การแนะนํา, การสั่งสอน; การปกครอง, การงําเมือง, การสั่ง. (ส. ปฺรศาสน; ป. ปสาสน).
ชาญ (มค. ชญฺญ) ว. ชำนาญ, รู้, ว่องไว, คล่องแคล่ว. (พจนานุกรม ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 04 มีนาคม 2014, 06:54:AM
(มาณวกฉันท์ ๘)

แม้นตริจะคล้อง          จองบทฉันท์
เอกอุสำคัญ              จำ ณ หทัย
หนึ่งเสนาะเสียง          เหวี่ยงกวิไกร
ฉันทประไพ              พึงศิกษา

อีกครุแจก                 แยกลหุคำ
เล่ห(ะ)กระทำ            ตามกติกา
หมั่นพิระเพียร             เวียนรจนา
ฉันท์จะวิภา               วามะสำนวน                   

อักขรท้าย                 ปลายตะละวรรค
วางเหมาะก็จัก            เลิศ(ะ)กระบวน
ให้สรขับ                  ตรับเสนาะชวน
จิตตะรำจวน              เคลิ้มเพราะกวี   (๗๖๘)

ศรีเปรื่อง
๔ มี.ค. ๒๕๕๗

ปล.

แบ่งปันกันนะครับ จากการสังเกตเกี่ยวกับเสียงท้ายของมาณวกฉันท์ ๘  ที่จะให้ความไพเราะในการขับ :-
วรรค ๔, ๖, ๗ และ ๘ ควรเป็นเสียง สามัญ หรือ จัตวา (โดยเฉพาะวรรค ๘ ซึ่งเป็นวรรคจบ ส่วนวรรคอื่นก็หยวน ๆ ได้ แต่ต้องลองอ่านดูว่ามันแปร่งรึเปล่า) สังเกต จะเป็นตัว L กลับด้าน (mirror)
ท้ายวรรค ๘ ที่เป็นบทจบ ควรเลี่ยงคำตาย เพราะจะทำให้ทำนองเสนาะจบลงแบบห้วน ๆ ไม่ไพเราะครับ


 emo_126  emo_126  emo_126


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 05 มีนาคม 2014, 11:20:PM
(อินทรวิเชียรฉันท ๑๑)

เกริ่น...

กรุงเก่ากระบวนฉันท์             ลหุนั้นมิเคร่งดี
บางจุดก็แอบมี                   พจะเอกและตายแทน

เลือกคำเหมาะจักได้             สรใกล้ละม้ายแสน
อย่าหมิ่น ฤ ดูแคลน             เสนาะอยู่นะเนื้อเย็น                   

จั๊กกะแร้...ปัญหาชายหนุ่ม...

อากาศกระอุกแท้                 จั๊กกะแร้ก็เกิดเหม็น
หวาดหวาดมิเคยเป็น             ดนุแสนกระวนใจ

ด้วยนัดกะหนึ่งนุช                ฉวิสุดสกาวใส
เต่าเหม็นฉกาจใคร               ล่ะจะชมนิยมเรา

พิมเสนและสารส้ม               คละผสมผิว์บรรเทา
คั้นลูกมะนาวเอา                 เฉพาะน้ำละเลงทา

อีกผลมะขามแก่                  สะระแหน่ก็เป็นยา
ปูนแดงกระจัดภา-               วะบุรุษสรีร์หืน     (๗๗๔)

ศรีเปรื่อง
๕ มี.ค. ๒๕๕๗

ปล.

ฉันท์สมัยอยุธยาไม่ได้เคร่งลหุ-ครุเท่าที่ควรครับ โดยก็มีการเอาคำที่มีลักษณะเสียงสั้นมาใส่แทนในตำแหน่งของคำลหุ
ซึ่งหากเป็นคำตายหรือคำเอก เสียงทำนองเสนาะที่ปรากฎออกมาก็ไม่ได้เสียจังหวะไปเท่าใด แฮ่ ๆ ก็พอกะล่อมกะแล่ม (กล้อมแกล้ม แทรก อะ) ไปได้ครับ

วันนี้ เลยขอแหกกฏฉันท์รัตนโกสินทร์ ๑ จุดนะครับ  emo_45  emo_45  emo_45

จั๊กกะแร้ เอา คำ "ครุ"มาวางในตำแหน่ง "ลหุ"
(จั๊ก เป็นคำตาย แม้เสียงจะไม่สั้นเท่ากับคำลหุ แต่อ่านทำนองเสนาะแล้วก็มีผลต่อจังหวะของฉันท์ค่อนข้างน้อยครับ)

กระอุก = ระอุ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 18 มีนาคม 2014, 03:12:PM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

...ฉันยังละอ่อนอยู่............มิอาจสู้กระเตงฉันท์
เพียงนึกสนุกพลัน.............สะบัดจารกระผีกเดียว

...ว่างว่างจะลองดู.............สิวอนสูละล้อเชียว
เพียงเพื่อน บ ถี่เหนียว........แนะสอนฉันก็ขอบคุณ (๗๗๖)




หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 21 มีนาคม 2014, 08:55:AM
อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑

...ฉันท์นี้สิจะเริ่ม...............ริประเดิมสะบัดจาร
แม้ไม่เสนาะหวาน..............ก็มุหาญประลองดู

...ฉันนั้นพิเคราะห์แล้ว.........จะลุแนวระดับครู
แม้ยาก บ ละสู้.................จิต(ะ)กู่"พยายาม" (๗๗๘)

ฉันท์นี้ ครั้งแรกครับ เลย....


หัวข้อ: Re: เชิญแต่งฉันท์พันบท......"กล้วยไม้"แฝงใด
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 06 พฤษภาคม 2014, 04:35:PM
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘

....โอ้โอหนุ่มสาว เข้าคราวเหลือน้อย
ต่างพร้อมพร่ำสร้อย ผูกถ้อยร้อยขำ
ข้าจึ่งแส่เรื่อง อย่าเคืองร่วมยำ
แปลงแนวร้องรำ สมคำ"กล้วยไม้"

....พอดีรี่เร่ง บุกเบ่งอย่าเคือง
สบช่องคุยเขื่อง โคลงเลื่องลงไว
ปัญหาข้าฯถาม ฉันท์ตามแก้ไข
ร่ายแล้วลงไป หวังใจตอบกัน

"กล้วยไม้"แฝงใด วางไว้ให้ทาย
อย่าหลบลี้หาย มุ่งหมายตอบพลัน
ใบ้บอกสักนิด หวังมิตรหลับฝัน
เห็นเหตุขบขัน ผกผันทายเทอญ (๗๘๑)

(เดิมเคยแต่งเป็น โคลง ถามปริศนาครับ)

....ขอถามนามที่ใช้..................คิดไฉน
แฝงบ่งบอกธรรมใด..................ใคร่รู้
"กล้วยไม้"เปี่ยมความนัย............หลายหลาก
ฝันฝากหนุ่มสาวผู้....................ร่วมสร้างโลกสวย



add complete
by Klonthaiclub fb
(https://www.facebook.com/poemwebboard)





หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: Silasiroong ที่ 07 พฤษภาคม 2014, 10:48:AM
(http://bemyhome.com/uploads/news-172.jpg)
bemyhome.com


             วิชชุมมาลาฉันท์ ๘


                                      ๐ ยลคำนำสร้อย               ผูกถ้อยคำถาม
                                   รินหลั่งรูปนาม                     กลความดำเนิน
                                   เรียงร้อยมาลัย                    ชื่นใจใดเกิน
                                   กรอกลับขับเพลิน                จำเริญจำเรียง

                                      ๐ ผู้น้อยฤากล้า                พรรณาพาฉันท์
                                   ท่ามผู้รังสรรค์                     หลากล้วนชื่อเสียง
                                   ครูฉันท์หนึ่งนี้                     ครู"ศรีเปรื่อง"เคียง
                                   พร่ำสอนสำเนียง                 รูปลักษณ์หนักเบา

                                      ๐ "สีรุ้ง"ปล่อยไก่             อันใดผิดข้อง
                                   น้อมรับทั้งผอง                    ท่วมกองขุนเขา
                                  เป็นเด็กหัดขาน                   "ศรีฯ"ท่านกล่อมเกลา
                                  ร่ายรำทำเนา                       พอได้กรายมน

                                     ๐ กลับมา"กล้วยไม้"          สดใสโลกงาม
                                  ทุกช่อรวงยาม                    ชื่นบานดาลดล
                                  ผันคำนำยิ้ม                       เอมอิ่มยินยล
                                  "ใกล้ม้วย"ชีพชนม์              "สีรุ้ง"รอวัน    ..  ..(๗๘๕)


                                                                emo_85           emo_85             emo_85

               

                                      ๐ "กล้วยไม้"นำโลกล้วน    สวยงาม
                                    ชูช่อละออตาม                  คบไม้
                                    ภมรร่อนชมยาม                บานเบ่ง
                                    "แชร์"ท่านพาเขวไขว้         ชื่อซ้ำทำฉงน

                                     ๐ ตอบบนความบ่งชี้         ชอบนา
                                   นามที่ถามเป็นมา              ดั่งนี้
                                   "ใกล้ม้วย"เปี่ยมสัญญา       ธรรมเที่ยง
                                   แลหนึ่งมิอาจลี้                 แม่นแล้ว"ศิลาฯ"

                                   ขอบคุณครับ
                                     ศิลาสีรุ้ง
                                               ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗ 
   




(http://www.thaivet.org/images/awb_image66255472123.jpg)
thaivet.org




ขอบคุณภาพจาก internet ครับ


add complete
by Klonthaiclub fb
(https://www.facebook.com/poemwebboard)


.


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 07 พฤษภาคม 2014, 12:40:PM
(http://upic.me/i/6w/2290-81.jpg) (http://upic.me/show/50902820)
 (http://upic.me/i/rk/2427970w7xdoryzby.gif) (http://upic.me/show/25901852)

                  ๐๐ กล้วยเอ๋ยกล้วยไม้ ๐๐

ธาตุมมิสสาฉันท์ ๑๑

๐ ตอบถ้อยร้อยถาม      ดนุทายตาม ประสงค์เชิญ
ไม่เคยเฉยเมิน               มนะคิดฮอด ตลอดมา

๐ "กล้วยไม้" อายอวล     ดุจกลิ่นนวล รำจวนหา
ดอกแย้มแต้มผา                ระดะดื่นดาษ พิลาสไพร

๐ ดอกก้านบานเบ่ง         ตะละดอกเปล่ง ประกายใส
เชิดชูครูไทย                    คุรุวารบท ประณตคุณ

๐ เพลงโปรดโสตตรึง       เสนาะซ่านซึ้ง ประหนึ่งบุญ
ขับขานหวานอุ่น             หฤหรรษา ชราหวาม
 
 ๐ "กล้วยไม้" ใสซื่อ       นรเล่าลือ ระบือนาม
มอบรักงดงาม                 อุระแหลกลาญ เพราะชายลวง
     
 ๐ "กล้วยไม้" ใกล้ม้วย    วจะขำขวย ระทวยหน่วง
จุกเจ็บเหน็บทรวง            ชิวะดับดิ้น ถวิลใด ?
                                             (๗๙๑)

                  emo_82 emo_82 emo_82   

               "ตรงกันกี่คำตอบเอ่ย..???"
 

                                พี.พูนสุข
                         ๗  พฤษภาคม  ๒๕๕๗
 (http://upic.me/i/rk/2427970w7xdoryzby.gif) (http://upic.me/show/25901852)

http://www.youtube.com/watch?v=Ge73wwmVqmo&list=RDGe73wwmVqmo


add complete
by Klonthaiclub fb
(https://www.facebook.com/poemwebboard)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 09 พฤษภาคม 2014, 04:29:PM

 ในปี พ.ศ.2526 ขุนวิจิตรมาตราได้แต่งเพลง กล้วยไม้ ในภาพยนตร์ศรีกรุงเรื่อง "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" โดยมี ร.ท.มานิต เสนะวีณิณ รน. เป็นผู้แต่งทำนอง เป็นเพลงในจังหวะรุมบ้าเพลงแรกของไทย และเป็นเพลงไทยสากลเพลงแรกที่ใช้โน้ตสากล มี มณี บุญจมานนท์ และ องุ่น เครือพันธุ์ เป็นดาราแสดงนำ และออกร้องโชว์ตัวทั้งศาลาเฉลิมกรุงและพัฒนากรทุกรอบ
         ขุนวิจิตรมาตราเล่าให้ฟังว่า ร.ท.มานิต เสนะวีณิณ รน.เป็นผู้ที่ชื่นชอบเพลงคลาสสิคมากและชอบเล่นเปียโนให้ฟังเสมอๆ เมื่อจะแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องปู่โสมเฝ้าทรัพย์ จึงแนะนำว่าอยากให้เป็นแนวคลาสสิค และขอให้มีความยาวเพียง 2 - 3 นาทีเท่านั้น เมื่อได้ทำนองมาแล้วจึงแต่งใส่เนื้อลงไปได้พอดี
         เพลงนี้มีชื่อเต็มว่า "เพลงลาทีกล้วยไม้" เกิดขึ้นก่อน เพลงกล้วยไม่ลืมดอยของพรานบูรพ์ซึ่งแต่งไว้ในละครเรื่อง โจ๊โจ้ซัง แสดงที่โรงหนังพัฒนากร เมื่อวันที่ 13 - 15 พฤศจิกายน 2477 (กล้วยไม้ของเราแต่เก่าก่อน อยู่ในดงดอนเจ้าซ่อนช่อซ่อนใบ...)
http://www2.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9470000036030 (http://www2.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9470000036030)

เพลงลาทีกล้วยไม้(กล้วยไม้)
        คำร้อง ขุนวิจิตรมาตรา ทำนอง ร.ท.มานิต เสนะวีณิน รน.
         โอ้ว่ากล้วยไม้เอย ก่อนนี้เคยเป็นดอกไม้ไพร
        หญิงได้เด็ดแซมผม ชายได้ดมชื่นใจ
        นึกจะเด็ดดม ได้สมนึกใน
        มาเป็นเมืองไม้ ได้แต่ชำเลืองไกลไกล
        ให้แสนอาลัยจริงหนา โอ้กล้วยไม้จำลาที
        โอ้ว่ากล้วยไม้เอย ก่อนไม่เคยเป็นดอกไม้ใคร
        ได้กระเช้าแล้วเหนอ ทั้งกระเชอในไพร
        ได้ที่ทิ้งถิ้น แปลกสิ้นเปลี่ยนไป
        มามีเจ้าของ ก็ได้แต่มองถอนใจ
        ด้วยความอาลัยเจ้านา โอ้กล้วยไม้จ๋า ลาที

--------------
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=261325 (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=261325)
 เพลง..กล้วยไม้
คำร้อง/ทำนอง " ครูพรานบูรพ์ "
ข้บร้องต้นฉบับโดย " คุณอารีย์ นักดนตรี "

กล้วยไม้
คำร้อง...ทำนอง พรานบูรพ์
ขับร้อง..อารีย์ นักดนตรี

กล้วยไม้ ของเราแต่เก่าก่อน
อยู่ในดงในดอน เจ้าซ่อนช่อซ่อนใบ
ไกลภู่ ไกลผึ้ง เจ้าอยู่ถึงไหนไหน
ใครจะเด็ด จะดมได้ เราไม่เห็นเลย
ใครจะเด็ด จะดมได้ เราไม่เห็นเลย
โอ้ กล้วยไม้เอย
น่าชื่น น่าเชย เจ้าไม่เคยชอกช้ำ
เช้า สาย บ่าย ค่ำ
ชื่นบ่ช้ำชอกเลย

เดี๋ยวนี้ ดูรึกล้วยไม้
มาชูช่อ ชูใบ บานอยู่ในกระเช้า
ลืมดง ลืมดอย ที่เคยอยู่ก่อน อยู่เก่า
ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉาลง
ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉาลง
โอ้ กล้วย ไม้ เอย
เจ้าไม่น่าเลย ที่จะมาใหลหลง
เจ้าลืมสุมทุม พุ่มพง
ลืมดงดอย.. เอย


ขออภัยครับ คลิก "ที่มา" ผิดไป
"ที่จะมาใหลหลง" ผมขออนุญาตแก้ไขคำพิมพ์ใน web "ไหลหลง" ด้วยครับ


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 13 พฤษภาคม 2014, 01:33:PM
คุณ พี.พูนสุข ถามว่า  "ตรงกันกี่คำตอบเอ่ย..???"

555 เยี่ยมครับ ถูก

๑) ในพระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 5 "นิราศกาญจนบุรี"

        กล้วยไม้ไต่ไม้ค่าง     รัถยา
ส่งกลิ่นตลบมา                   เฟื้องฟุ้ง
กลกลิ่นขนิษฐ์นา                 รีรัตน์
หอมตลบอบมุ้ง                   รุ่งเช้ายังหอม

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=18595 (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=18595)

๐ "กล้วยไม้" อายอวล     ดุจกลิ่นนวล รำจวนหา
ดอกแย้มแต้มผา           ระดะดื่นดาษ พิลาสไพร

๒) เป็น "ชื่อเพลง" (ไม่ทราบว่า รู้จักทั้ง ๒ เนื้อไหมครับ)
๓) "กล้วยไม้" ใกล้ม้วย 555
๔)  เชิดชูครูไทย   คุรุวารบท ประณตคุณ

...กล้วยไม้มีดอกช้า  ฉันใด
การศึกษาเป็นไป      เช่นนั้น
แต่ดอกออกคราวไร   งามเด่น
งานสั่งสอนปลูกปั้น    เสร็จแล้วแสนงาม

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
http://www.royin.go.th/th/webboardnew/answer.php?GroupID=1&searchKey=&searchFrom=&searchTo=&PageShow=&TopView=&QID=12907 (http://www.royin.go.th/th/webboardnew/answer.php?GroupID=1&searchKey=&searchFrom=&searchTo=&PageShow=&TopView=&QID=12907)


555 ส่วนประเด็นนี้ ข้าเจ้ายอมรับ บ่ฮู้ เลย บอกหน่อย ๆ 555

๐ "กล้วยไม้" ใสซื่อ       นรเล่าลือ ระบือนาม
มอบรักงดงาม             อุระแหลกลาญ เพราะชายลวง


(https://preview.ibb.co/hJFHRe/DUe_Gvd_FUQAAPo_Gw.jpg) (https://ibb.co/gtOhsK)


หัวข้อ: Re: มิหันเหมุรับใช้
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 30 พฤษภาคม 2014, 10:32:AM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....พร้อมพลันจะทุ่มเท.............มิหันเหมุรับใช้
รักแผ่ผลิผลให้......................ประโยชน์ได้ระรื่นเย็น


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 30 พฤษภาคม 2014, 12:06:PM
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑

....พร้อมพลันจะทุ่มเท.............มิหันเหมุรับใช้
รักแผ่ผลิผลให้......................ประโยชน์ได้ระรื่นเย็น

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

....รักพร้อมริร่วมฝัน..............*ยุติธรรม์ขจัดเข็ญ     (*อ่าน ยุ-ติ-ทัน)
เพื่อผองสิยอมเป็น.................พละเข่นพิฆาตภัย (๗๙๓)


หัวข้อ: Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 18 มิถุนายน 2015, 09:31:AM
...ร่วมแรงสิผองเพื่อน..........จะลุเดือนจะหมดวัน
สามปีกะจบนั้น.................ทะลุกันประกาศชัย

...ผองเรา ฤ ยอมแพ้...........มนแน่ทะยานไป     (มน อ่าน มะนะ)
ฝากชื่อระบือไกล...............มิคุไว้"ละอ่อนจัง"

...เจ็ดวันมุทุ่มเท................บ่ละเห ฤ สิ้นหวัง
แข่งใดกระจายดัง...............มิจะขลัง"ชนะตน" (๙๕๓)