พิมพ์หน้านี้ - "ลิ้นชัก...เก็บกลอนอักษรสรรค์..."

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนธรรมะ+กลอนสอนใจ+กลอนธรรมชาติ+กลอนปรัชญา => ข้อความที่เริ่มโดย: "รัตตรา เต็มพลัง" ที่ 23 กันยายน 2010, 12:01:PM



หัวข้อ: "ลิ้นชัก...เก็บกลอนอักษรสรรค์..."
เริ่มหัวข้อโดย: "รัตตรา เต็มพลัง" ที่ 23 กันยายน 2010, 12:01:PM
แต่งไว้นานแล้วครับโดยทั้งหมด จะลงไว้ที่เว็ปฯหนังกะติ๊กคลับ

จะทะยอยลงเรื่อยๆ ชอบแบบสั้นๆได้ใจความแบบนี้ครับ...

      "ยังไม่รู้  ดูตนเอง  เก่งเท่าไหร่
อย่าทะนง  จนเกินไป  ให้เขื่องโข
อย่าทำอวด  ดีเด่น  เป็นใหญ่โต
อย่าคุยโม้  จงพิสูจน์  พูดแล้วทำ"


        "เมื่อเกิดมา  เป็นคน  ต้องทนทำ
และต้องย้ำ  จำไว้  ให้ทนสู้
โง่ ฉลาด  ปราชญ์เปรื่อง  เรื่องลองดู
ต้องสู้ สู้  ชูคอไว้  ให้ทำทน"


       "อย่าตื่นสาย  ควายยังตื่น  ยืนเคี้ยวเอื้อง
อย่าประเทือง  เรื่องแต่งหน้า  จนมาสาย
อย่า สอ-พลอ  คอยแต่เฝ้า  เลียเจ้านาย
จง ขวนขวาย  และไต่เต้า  เป็นเจ้าคน"


    "คำพูดเป็น  เพียงลม  เหมือนถ่มถุย
คำพูดคุย  ใช่แค่เล่น  เป็นสหาย
โบราณกล่าว  ตอกย้ำ  คำคือนาย
จะกลับกลาย  เป็นเชือกมัด  รัดตนเอง"


หัวข้อ: Re: "ลิ้นชัก...เก็บกลอนอักษรสรรค์..."
เริ่มหัวข้อโดย: "รัตตรา เต็มพลัง" ที่ 23 กันยายน 2010, 11:19:PM
                  
           "ความพอใจ  ในงานนั้น  คือฉันทะ
วิริยะ  คือความเพียร  เรียนเสริมสาน
อันจิตต หมั่นเรียนรู้  คู่การงาน
วิมังสา  ใส่ใจสาน  งานที่ทำ"………..00

...........................................
              
         ทำดีมีใครว่า  ทำเอาหน้ามีใครเห็น
ทำชั่วมีใครเป็น  ทำไม่เว้นมีใครชม
ทำแล้วใครทำอีก  ทำไม่หลีกใครขื่นขม
ทำซ้ำใครทำตรม ทำแล้วล้มใครช่วยยัน…………00

.............................................
            
        ทำไปเถอะ  อีกนิด อย่าคิดหลีก
ทั้งสองปีก  สองขา  อย่ามัวท้อ
สมองคิด  จิตรและตัว  อย่ามัวรอ
อย่าร้องขอ  ต่อความช้ำ  ทําไปเถอะ……..00

...............................................
            
         พยายาม  อีกสักนิด  หากคิดทำ
และจงย้ำ  จิตรและใจ  ให้ใฝ่สู้
ยากลำบาก  สักเท่าใด  ให้ลองดู
ทำให้รู้  ดูยากง่าย  ใช่แค่มอง………00

..............................................
            
         อย่ามัวมอง  ท้องฟ้า  อย่ามัวฝัน
อย่ารอวัน  รอเวลา  มารอเริ่ม
อย่ารีรอ  ต่อความฝัน  ต้องหมั่นเติม
อย่ารอเพิ่ม ให้เริ่มพลัน ฝันเป็นจริง

............................................
            
          จดแล้วจำ  ทำแล้วจด  ให้จดจำ
หมั่นเขียนย้ำ  จำเอาไว้  ให้หมั่นเขียน
เพียรสู้ทน  เกิดเป็นคน  ทน-สู้-เพียร
ตั้งตาเรียน  เพียรเข้าไว้  ใส่ใจจำ

...........................................
            
          ค่อยค่อยทำ  ค่อยค่อยคิด  ยามติดขัด
ค่อยค่อยจัด  ค่อยค่อยเรียง  เพียงเริ่มใหม่
ค่อยค่อยสาน  ค่อยค่อยต่อ  อย่าท้อใจ
เริ่มต้นใหม่  ได้ด้วยแรง  แห่งแสงธรรม
[/colo


หัวข้อ: Re: "ลิ้นชัก...เก็บกลอนอักษรสรรค์..."
เริ่มหัวข้อโดย: "รัตตรา เต็มพลัง" ที่ 07 ตุลาคม 2010, 11:32:PM
มาเติมอีกนิด... emo_85

                       
              วันเวลา  ผ่านพ้น  หมุนวนเวียน
ใจคนเปลี่ยน  แปรได้  ไม่หยุดนิ่ง
การรอคอย  เลื่อนลอย  ไร้หลักอิง
เหมือนถูกทิ้ง  อยู่สุดฟ้า  หาไม่เจอ

.......................................................
            
              คนปากเสีย  ปากมาก  เรียกปากหมา
ถ้อยวาจา  เชือดเฉือน  เหมือนสิ่งเหม็น
กลับสัตย์ซื่อ  ถือคำสัตย์  มัดคำเป็น
ไม่ซ่อนเร้น  เหมือนก้นเปรี้ยว  เลี้ยวกลับคำ

.......................................................
            
             อำนาจใหญ่  ได้มา  ใครว่าง่าย
ปากเริ่มส่าย  สั่งการ  พาลเวียนหัว
ลืมกำพืด  เชื้อเหล่า  หลงเงาตัว
ลืมเงาหัว  ตัวคือใคร  ในความจริง

.....................................................
            
            การณ์วันวาน  ผ่านไป  ไงก็ช่าง
เมื่อรุ่งสาง  วันใหม่  ต้องไปต่อ
ประสพการณ์  เรียนรู้  สู่ตนพอ
อย่าย่อท้อ  สู้ต่อไป  ใจยังมี

.....................................................

              ดับกองไฟเปลวเพลิง เริงรุ่งโรจน์
ดับไฟโกรธ ไฟกิเลส อาเพศล้วน
ดับไฟกาย ไฟใจ  ในทั้งมวล
ไม่ให้หวล  ด้วยสายน้ำ นามพระธรรม…….



หัวข้อ: Re: "ลิ้นชัก...เก็บกลอนอักษรสรรค์..."
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 05 พฤศจิกายน 2010, 05:14:PM
ดึงลิ้นชักออกมากวาดตาค้น
กระดาษบนสมุดล่างวางซ้อนสุม
น้ำตารินร้อนใจเหมือนไฟรุม
วันที่ทุ่มเหมือนทิ้งกลิ้งจากไป

คลี่กระดาษแผ่นเล็กที่ม้วนพับ
แล้วคนหลับก็ตื่นสะอื้นไห้
คำตัดพ้อต่อความถามหัวใจ
เขารอจนจากไกลไม่ฟังคำ

จูบกระดาษซุกหน้านิ่งตระหนัก
คนเอื้อมผลักหักหาญฟาดกระหน่ำ
ทำลายขวัญบั่นใจให้ระกำ
จะชอกช้ำขื่นขมสมควรแล้ว