พิมพ์หน้านี้ - บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนห่วงใย+กลอนปลอบใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: hathaichanok ที่ 15 มีนาคม 2012, 06:26:AM



หัวข้อ: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: hathaichanok ที่ 15 มีนาคม 2012, 06:26:AM
@@@@@@@@@@@@


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 15 มีนาคม 2012, 06:40:AM
(http://www.qzub.com/bar_001.jpg) (http://www.qzub.com)

บ้านกลอนไทย ยังซึ้ง ตรึงดวงจิต
อักขรา พาพิศ อย่าคิดหนี
ก็มีบ้าง บางครั้ง อารมณ์ดี
ต่อกวี กันเพลิน จำเริญตา

คนเก่าเก่า ท่านยัง อยู่กันครบ
ไม่ได้หลบ หนีหาย หรือบ่ายหน้า
ฉันทลักษณ์ จำจด กำหนดมา
สัมผัสนอก ในหนา คุณค่ามี

บ้านกลอนไทย แห่งนี้ มีมนต์ขลัง
เพิ่มพลัง หลายหลาก มากสุขี
ถึงจะเป็น คนใหม่ ในที่นี้
ก็ยินดี ยิ่งนัก เพราะรักกลอน
พันทอง
(http://www.qzub.com/bar_001.jpg) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: amika29 ที่ 15 มีนาคม 2012, 06:59:AM
๐ จากกันไป ไม่นาน มาบ้านเก่า
หัวใจเรา เศร้าสร้อย ละห้อยหา
เหล่ามิตรรัก นักกวี หลากลีลา
ต่างหายหน้า ลาลับ ไม่กลับคืน

๐ เคยได้อ่าน กานท์กวี วลีฝัน
หลากสีสัน บรรณบท รวยรสรื่น
เคยต่อกลอน อ้อนกัน ทั้งวันคืน
กลับสลาย กลายอื่น ช่างขื่นจินต์

๐ กลอนวันนี้ มีอ่าน ตั้งบานเบอะ
แต่เลอะเทอะ เกรอะกรัง แทบทั้งสิ้น
เขียนไปทั่ว มั่วไป ไม่ยลยิน
ดูราคิน สิ้นค่า ระอาใจ

๐ ฉันทลักษณ์ หลักเกณฑ์ ไม่เน้นฝึก
เอาแค่คึก นึกออก ก็ตอกใส่
เข้าบ้านกลอน ตอนนี้ ไม่มีใคร
บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวีฯ.....

(https://encrypted-tbn1.google.com/images?q=tbn:ANd9GcTxaazCrtyTqdXGgBfIJLQJ4GrHb8lTSsWKlgnUciUyfGBsLZ87)

คิดถึงเหมือนกัน...มานั่งรอทุกวันจนฉันเหนื่อย
เลยต้องลงกระทู้เรื่อยเปื่อย...พอให้บ้านมีสี
สุขบ้างเศร้าบ้าง...ฉันทลักษณ์ไม่ค่อยมี
ก็เพราะชอบกลอนเปล่านี่..ให้ทำไง

ที่เข้าบ้านทุกวัน...เพราะอยากเข้า
ออนตั้งแต่เช้า...ก็หวังเพียงได้
เจอเพื่อน...เจอคนรู้จัก...ทักกันไป
พอให้รู้ว่าโลกทั้งใบ...ไม่ได้มีฉันลำพัง

สำเนียงเหน่อ...ภาษาเสนออาจดูบ้าน บ้าน
ไม่อู้ฟู่เลิศหรูอลังการ...พอได้มีความหวัง
ว่าเพื่อน ๆ ที่เข้ามาจะเจรจาด้วยสักครั้ง
ต่อมั่ง พีเอ็มมั่ง...เพราะการอยู่ลำพังมันเหงาหัวใจ

เพราะเขียนกลอนไม่เก่ง...จึงชอบอ่านมากกว่า
ยอมรับไม่ค่อยมีน้ำยา...แค่พอถูถูไถไถ
กระทู้อาจดูไม่เลิศ...แต่ก็รักนะจ๊ะบ้านกลอนไทย
และหวังเสมอว่านักกลอนที่หายไป...จะเห็นใจกลับมาสักที

กลับมาเถิดนะ...กลับมาเขียนให้ฉันได้อ่านบ้าง
อย่าปล่อยให้เคว้งคว้าง...อ้างว้างอยู่แบบนี้
รอมาเสมอ...รอชื่นชมเธอนะจ๊ะ..คนดี
แต่ความสามารถที่มี..ก็เขียนได้เท่านี้..แค่นั้นจริง ๆ

เอ-มิ-กา




หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 15 มีนาคม 2012, 07:10:AM



โอ้เจ้าขวัญใจบิตุเรศ
อย่าทุกข์เทวษมิ่งสมร
วันล่วงดวงอกสะทกสะท้อน
กัดกร่อนหลายอย่าง...เป็นอย่างนั้น

โลกปรับโลกแปลงตามแต่งแต้ม
บานแย้มชั่วกาลเพียงหว่านฝัน
ใดเล่ายืนยงคงนิรันดร์
ช่วยกันสร้างก่อช่วยต่อเติม

ต่างคนต่างกาลต่างงานสร้าง
ภาระหนักบางดึงห่างเพิ่ม
แต่ใจทั้งหลายก็ใจเดิม
จากเริ่มผูกรัก...มิหักร้าง


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: บูรพาท่าพระจันทร์ ที่ 15 มีนาคม 2012, 07:28:AM
([url]http://www.qzub.com/bar_001.jpg[/url]) ([url]http://www.qzub.com[/url])

บ้านกลอนไทย ยังซึ้ง ตรึงดวงจิต
อักขรา พาพิศ อย่าคิดหนี
ก็มีบ้าง บางครั้ง อารมณ์ดี
ต่อกวี กันเพลิน จำเริญตา

คนเก่าเก่า ท่านยัง อยู่กันครบ
ไม่ได้หลบ หนีหาย หรือบ่ายหน้า
ฉันทลักษณ์ จำจด กำหนดมา
สัมผัสนอก ในหนา คุณค่ามี

บ้านกลอนไทย แห่งนี้ มีมนต์ขลัง
เพิ่มพลัง หลายหลาก มากสุขี
ถึงจะเป็น คนใหม่ ในที่นี้
ก็ยินดี ยิ่งนัก เพราะรักกลอน
พันทอง
([url]http://www.qzub.com/bar_001.jpg[/url]) ([url]http://www.qzub.com[/url])



emo_89


นานารส บทกลอน สะท้อนทัก
เพียรรู้จัก พักจิต พิศอักษร
ทั้งเก่าใหม่ ให้คุณ อันสุนทร
เช่นภมร ใช่เฟ้น เน้นผกา

อยากเลือกเฟ้น เค้นเคี่ยว หาเปรี้ยวหวาน
คงดักดาน คลานเดี่ยว เที่ยวแลหา
ทั้งวันนึก ตรึกคิด พิจารณา
ค้นตำรา มาดั้น ดังฝันปอง.../


 emo_126

บูรพาท่าพระจันทร์



หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: สล่าผิน ที่ 15 มีนาคม 2012, 07:55:AM

นักกวีมีอารมณ์หวานขมเศร้า
หัวเราะเคล้าปะปนรวมหม่นหมอง
มีธรรมอธรรมนำตรึกตรอง
แล้วแต่มองอย่างไรให้ถูกจินต์

บ้างชอบหวานบ้างชอบเศร้าตามเขาชอบ
บ้างก็มอบขำขำนำมาสิ้น
บ้างเอกซ์นิดติดมาพายลยิน
หากติฉินคงยากหากใคร่ครวญ

เพราะว่าเป็นสังคมสะสมครบ
เราต้องพบหลากหลามไปตามส่วน
ชอบแบบไหนให้พิศตามจิตชวน
ทุกผู้ล้วนนักกลอนต่างป้อนคำ

สล่าผิน


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: เปรียว ที่ 15 มีนาคม 2012, 08:06:AM
กลอนวันนี้ มีอ่าน ตั้งบานเบอะ
แต่เลอะเทอะ เกรอะกรัง แทบทั้งสิ้น
เขียนไปทั่ว มั่วไป ไม่ยลยิน
ดูราคิน สิ้นค่า ระอาใจ

hathaichanok

กลอนวันนี้มีอ่านออกบานเบอะ
เลือกดูเถอะต้องการอ่านแบบไหน
ถ้าไม่ชอบ อย่าอ่านปล่อยผ่านไป
เคารพในความคิดของมิตรกลอน

เปรียว


(http://www.qzub.com/bar_129.gif)


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: yaguza ที่ 15 มีนาคม 2012, 08:22:AM

(http://www.qzub.com/bar_131.gif) (http://www.qzub.com)

กลอนวันนี้ มีอ่าน ตั้งบานเบอะ
แต่เลอะเทอะ เกรอะกรัง แทบทั้งสิ้น
เขียนไปทั่ว มั่วไป ไม่ยลยิน
ดูราคิน สิ้นค่า ระอาใจ

............

(http://www.qzub.com/bar_142.gif) (http://www.qzub.com)

ไม่มีกลอน ถูกใจ ก็ไปเถอะ
กลอนเลอะเทอะ ที่ว่า อย่ามาใกล้
ที่ไหนท่าน อ่านเพลิน ก็เชิญไป
บ้านกลอนไทย กลอนเน่า อย่าเข้ามา


.......ยากูซ่า.......


(http://www.qzub.com/bar_130.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: D ที่ 15 มีนาคม 2012, 08:32:AM
 
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSm9zB8DjTy7TSf4aJxr-cn1FFV_ru5ydX-lYdH7Lczs_ycVpyx)
emo_116
อักษรา มีไว้ ให้ใฝ่รู้
ทุกคนผู้ รู้ได้ ถ้าใฝ่หา
ทุกวจี เวียนว่าย ใช้ตำรา
ทุกวิชา มีค่า อย่าว่ากัน

ผู้หญิงดินๆ
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSm9zB8DjTy7TSf4aJxr-cn1FFV_ru5ydX-lYdH7Lczs_ycVpyx)


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 15 มีนาคม 2012, 08:42:AM


..............................................
























หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: Thammada ที่ 15 มีนาคม 2012, 09:08:AM
(http://www.yimwhan.com/board/data_user/OLEY/photo/cate_9/266.jpg)

เพราะ...ฝันคือเสรี
มวลกวี...จึงมีฝัน
รู้สึก...จึงแบ่งปัน
มุ่งมั่น...จึงรวมใจ

มีฝัน มีไฟ จึงใฝ่ฝัน
สร้างสรรค์ อักษร อ่อนไหว
กล้าก่อ ต่อสู้ สู่หลักชัย
มนุษย์ชาติ ยิ่งใหญ่...เพราะไม่แพ้ ฯ


ช่วงนี้ไม่ได้เขียนใหม่ครับ อยากร่วมแจมด้วย
จึงขอยืม บทกวีของ อ.จิระนันท์ พิตรปรีชา มาลงร่วมครับ emo_20



หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: มังตรา ที่ 15 มีนาคม 2012, 09:41:AM
ด้วยใจรัก  อักษร  ทุกกลอนอ่าน                        
อาจร้าวราน  ฉันทลักษณ์  ตามหลักเขียน
แต่ทั้งนั้น   แต่งตาม ความพากเพียร                  
ประหนึ่งเทียน  แสงน้อย  ค่อยค่อยคลำ

ผู้ที่รู้   กรุณา  ช่วยพาแนะ                                  
ตรงมาแวะ  สั่งสอน ก่อนถลำ
กล่าวคำน้อย  พลอยก่น  บ่นงึมงำ                      
กระซิบซ้ำ  ข้างหู  ให้รู้ความ          
            
                                                                                      
                                     emo_89              
 


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 15 มีนาคม 2012, 10:23:AM
 emo_94

บ้านกลอนไทย ไยร้าง ผู้สร้างฝัน
เขาเหล่านั้น หันไป ที่ไหนหนา
เคยอ่านคำ ฉ่ำพจน์ รจนา
กลับมาจาง ร้างลา หายหน้าไป

เคยต่อกลอน อ้อนคำ แสนฉ่ำหวาน
ลีลากานท์ สานร้อย บทถ้อยใส
ได้ตามอ่าน งานเขียน เจียรนัย
วันนี้ไย ไร้ผู้ ครูกวี.....(หทัยชนก ๐๖/๐๖/๒๐๑๐)

วอนสำนวน.ครวญเพรียก.เคยเรียกขาน
ครูสมาน.ประกบ.ใช่หลบหนี
มิอิ่มรส.บทร่าย.หน่ายฤดี
วอนวจี.ศรีวรรณ.พรรณา

ศิษย์เฝ้ารอ.คลอกลอน.ด้วยอ่อนถ้อย
เมื่อเดิมด้อย.หมายดัด.กลัดภาษา
จึ่งยอกร.ต้อนรับ.ท่านกลับมา
เด่นดารา.ในห้วง.จิตช่วงแรม


 emo_126 เราทั้งสอง.ขอให้ครูกลอนท่านอื่นๆช่วยมาลงกลอนให้อ่านบ้างค่ะ  emo_126








หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: บูรพาท่าพระจันทร์ ที่ 15 มีนาคม 2012, 12:56:PM







คำว่า"น้ำใจ"สำหรับบางคนคงจะไม่รู้หรือตระหนักกับความหมายที่แท้จริง  จึงทำให้ตกหล่นบกพร่องไปกว่าที่ควรจะมีจะเป็น

ซึ่งก็น่าเสียดายคุณสมบัติข้อนี้นัก เพราะ"คนไทย"เราขึ้นชื่อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว..."สยามเมืองยิ้ม"  แต่ทุกวันนี้ก็ยังคิดว่าจะยัง

คงดำรงอยู่แม้จะไม่เท่ากับเมื่อก่อน  กล่าวสำหรับเว็บฯบ้านกลอนไทยนี้  ถ้าผู้ที่เข้ามาก่อนจะพึงมีน้ำใจให้กับผู้ที่เข้ามาใหม่แล้ว

จะเป็นสังคมที่น่ารักขึ้นอีกมาก ก่อให้เกิดความรักความผูกพันกันมากขึ้นและที่ติดตามมาก็คือ ความเคารพนับถืออย่างจริงใจ จาก

คำกล่าวข้างต้นของคุณทหัยชนก (ขออภัยที่เอ่ยนาม) อาทิ

ตอน นี้ฟีย่าเข้าใจแล้วค่ะว่า การเล่นกลอนที่นี่ต้องมาเป็นกลุ่มก้อน ถ้ามาคนเดียวก็ต้องหาเพื่อนให้มากๆไว้ ต้องคอยเอาใจเขา กลอนเพราะหรือไม่ ผิดหรือไม่ ต้องชื่นชมไว้ก่อน หรือถ้าจะให้ดี กดคะแนนให้เลย พอเขารับเป็นพวกเป็นเพื่อนแล้ว เราก็สบาย จริงมั้ยคะ อา

หรือ   บรรยากาศ ก่อนๆ ตอนนี้มันไม่มีให้เห็นอีกแล้วล่ะค่ะ พี่ยังอยู่ที่นี่ก็อย่าไปตัดพ้อทำนองเดียวกับฟีย่านะคะ ตอนนี้ บ้านกลอนไทย โดนยึดไปเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ

คำว่า"..การเล่นกลอนที่นี่ต้องมาเป็นกลุ่มก้อน.ฯลฯ." และ "..บ้านกลอนไทย โดนยึดไปเรียบร้อยแล้ว.."

ไม่ทราบว่ามีข้อเท็จจริงอันนอกเหนือจากอารมณ์ส่วนตัวมาสนับสนุนหรือไม่?เพียงไรครับ? ที่สำคัญต้องขอบอกไว้อย่างหนึ่งก็คือ หากเป็นทองแท้แล้ว ถึงอย่างไรก็ยัง

คงสภาพทองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่กลัวไฟทำให้เปลี่ยนรูปเป็นอย่างอิ่น ยกเว้นจะมิใช่ทองแท้เท่านั้น ถึงได้กลัวสารพัด คนเราล้วนมีสำนึกกันทุกคนสามารถแยกแยะได้

ว่าความสามารถของใครดีเด่นอย่างไร หาใช่เพียงแค่มาวัดกันด้วยคะแนนไม่ เพชรอย่างไรก็เป็นเพชร แก้วอย่างไรก็แก้ว มันเปลี่ยนสภาพกันไม่ได้หรอกครับ


                                                ด้วยจิตคารวะ
                                                   
                                                emo_126 

                                             บูรพาท่าพระจันทร์
 






หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: เฮยอิง ที่ 15 มีนาคม 2012, 03:00:PM
โอ้มนุษย์สุดล้ำตามจริต

ไหนถูกผิดคิดเอา "เราฉงน"

เพราะมากมายหลายหลากวิบากชน

ท่านจึงดลค้นสร้างปางปฏิมา

ให้มีหนึ่งซึ่งบาตรอย่าขาดข้อง

ให้มีสองผ่องจรัสพระหัตถ์ขวา

ให้มีสามเอนกายสบายอุรา

มีสี่ห้าว่าความตามกันไป

เลือกบูชาหาไว้ให้ถูกจริต

บ้างต่างนิดผิดหน่อยค่อยสงสัย

เพราะท่านสร้างวางองค์เผื่อตรงใคร

เถิดเปิดใจไว้สดับเพียงรับฟัง. . .



ปล. ทุกความคิดล้วนมีค่า
อย่าตีราคาไปตามผล
เพราะยังคิดจึงเป็นคน
อย่าท้อทนบนคำใคร
กลอนเปล่าก็กลอนเปล่า
เถิดอย่าเอามาสงสัย
เขาคิด ฤา ผิดใด
ยิ้มได้ไหม. .ยิ้มให้กัน^ ^

ปล.ผมก็แค่เด็กคนนึงไม่ควรออกความเห็นอะไรด้วยซ้ำ
แต่ผมขอพูด4คำแล้วกัน

อย่า ทะ เลาะ กัน     นะครับ^ ^


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: กาญจนธโร ที่ 15 มีนาคม 2012, 04:17:PM
(http://www.qzub.com/bar_007.gif) (http://www.qzub.com)

อยากขีดเขียนเจียรกวีสื่อศรีศิลป์
ให้ผู้คนยลสิ้นถิ่นอักษร
หลากอารมณ์ขมหวานผ่านบทกลอน
ด้วยสุนทรถ้อยกลั่นรังสรรค์ความ

สู้พากเพียรเวียนเลาะเสาะแสวง
จวบสำแดงแจ้งใจเพราะไถ่ถาม
จึ่งจารจดรจนาตนว่างาม
ลำเรื่อยลามหยามมิตรจิตผู้ชม

ลืมคำนึงถึงใจผู้ได้อ่าน
เริงสำราญเพียงเราเฝ้าสุขสม
มองเห็นแต่แค่กลุ่มคนนิยม
ปล่อยสังคมส่วนรวมให้อ่วมอาน

จนผู้รู้ครูกวีท่านชี้สอน
จึงสังวรผ่อนปรับพจน์ขับขาน
เราร่ำเรียนเจียรเพรานับเนานาน
ละเลงกานท์เพื่อใครเฝ้าใคร่ครวญ

เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ทับถมจิต
ฤๅเพื่อมิตรเพื่อรักษ์จักสงวน
ฤๅเพื่อฝากเพียงพร่ำลงสำนวน
ฤๅเพื่อมวลมหาอัตตาตน

เถิดเพื่อนพ้องน้องพี่กวีปล่อย
จงเรียงร้อยถ้อยความตามเหตุผล
ฝากเชวงเลบงชื่อในมือชน
อย่าให้คนยลหยามประณามเอา

ตอนที่ผมเข้าบ้านกลอนใหม่ๆไม่เคยรู้เรื่อง กฎ กติกา มารยาท ไม่รู้เรื่องฉันทลักษณ์แม้สักข้อเดียว เขียนผิดบ่อยมากๆ เขียนเพราะอยากเขียน เขียนเพราะอยากให้คนที่เข้ามาอ่านได้รู้ว่าผมก็สามารถ ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนอ่านว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบแบบไหน แรกๆเลยไม่มีใครสักคนที่จะแนะนำเรื่องเหล่านี้ให้  ผมเพียรเสาะหาเอาตามเวปต่างๆ ถามผู้รู้ ครูที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนผ่านไปพอสมควรก็มีผู้ใหญ่ใจดีหลายท่าน เข้ามาแนะนำให้เรื่อยๆ(หนึ่งในนั้นก็มีคุณหทัยชนกรวมอยู่ด้วย) ผมก็น้อมรับทุกคำแนะนำเอาไว้ (ท่านอาจรำคาญที่ต้องทนอ่านกลอนที่สะดุดบ่อยๆเนื่องเพราะคำผิดกระมัง คริคริ) ผมก็เขียนไปเรื่อยๆตามอารมณ์ผมนี่แหละครับ จนมาวันหนึ่ง มีผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งท่านเมตตาบอกกับผมว่า “คุณปภัสร์ ทุกข้อความที่เราเขียน ต้องมีผู้อ่าน ในจำนวนผู้อ่านทั้งหลาย ก็จะมีทั้งชอบและไม่ชอบ ฉะนั้นจงเขียนไปเถอะตามที่ใจเราอยากจะเขียน แต่จงจำไว้ว่า หนึ่งวลีของเราสามารถทำให้ส่วนรวมเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้” ซึ่งผมจดจำใส่ใจและถือปฏิบัติมาจนทุกวันนี้
รังสรรค์ไปตามที่ใจปรารถนาแต่อย่าให้ส่วนรวมเสียหาย
 ปภัสร์
๑๕ มีนาคม ๒๕๕๕

(http://www.qzub.com/bar_007.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ♥หทัยกาญจน์♥ ที่ 15 มีนาคม 2012, 08:13:PM

(http://i191.photobucket.com/albums/z212/jang_2007/Lines/32.gif)
ในลานคำนำวางสร้างอักษร
เป็นบทกลอนกลกานท์สานภาษา
แต่งหลากรสพจน์วจีหลายลีลา
แต้มคุณค่าคู่เคียงเยี่ยงอย่างไทย

มีผิดถูกปลูกปั้นหวังสรรค์สร้าง
หาแนวทางทุกกระบวนควรแก้ไข
ฉันทลักษณ์จักชี้แจงแสดงไป
เปรียบเปรยไว้ว่าเห็นเช่นบทเรียน

รักร้อยเรียงเพียงหนึ่งถึงไม่มาก
ความง่าย-ยากยิ่งยวดยามขีดเขียน
ระมัดระวังหยั่งรู้คู่พากเพียร
พร้อมปรับเปลี่ยนแปลงบ้างอย่างยินดี

ระหว่างคนตนต่างระหว่างคิด
ระหว่างจิตเจ้าเอยเผยสดศรี
ล้วนหวามหวานหวั่นไหวในนาที
ชั่วโมงนี้นั้นห่างร้างมาไกล

ณ อดีตขีดเขียนเวียนอ่านซ้ำ
ทุกบาทบทพจน์ทรงจำคำสดใส
ตราตรึง หนึ่งห้วง ถึงทรวงใน
ประทับใจ ประทับจิต คิดถึงเอย

แต่วันนี้ที่เห็นที่เป็นอยู่
ฟังอ่านดูเด็กเด็กเล็กจะเผย
หลายอารมณ์คมกลอนอักษรเปรย
เปรียบทุกข์เคยเคียงสุขทุกทุกวัน

อาจไม่เป็นเช่นใครคนเก่าก่อน
คนใหม่ย้อนแย้มจิตลิขิตฝัน
เพราะใจรักร้อยเรียงเคียงรำพัน
รำพึงนั้นเหนียวแน่นแก่นดวงใจ

หากไม่ชอบชื่นจิตคิดจะอ่าน
ก็เปิดผ่านเพียงภาพพจน์หวั่นไหว
หากพบผิดพลาดแจ้งแย้งคำใด
ส่งเร็วไวว่าผิดคิดถึงคุณ

เพียงแต่เราเฝ้าอ่านกานท์บ้านนี้
บทกวีวาดหวานสาส์นอบอุ่น
ทุกข์สุขเศร้าเหงารักจักเจือจุน
ถ้อยละมุนละไมในจิตเราฯ....

ทุกข์สุขเศร้าเหงารักจักเจือจุน
รู้บาปบุญคุณและค่าภาษาไทยฯ....
(http://i191.photobucket.com/albums/z212/jang_2007/Lines/23.gif)
(http://www.yenta4.com/cutie/upload/640/1640/4be396717d747.gif)
หทัยกาญจน์ ฤทัยกานท์
๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: my smile ที่ 15 มีนาคม 2012, 08:16:PM

คุยกันดีดีนะค่ะ อย่าใช้อารมณ์ ทุกอย่างมีทางออกที่ดีเสมอ

เพียงแต่ยอมอ่อนข้อให้กันบ้าง ทุกคนในบ้านกลอนไทยล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน

อย่าให้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องทำให้แตกแยก แล้วสมาชิกในครอบครัวต้องหายไป

อยู่ด้วยกันทั้งหมดนี้แหละ อยู่คอยเป็นกำลังใจให้กัน ร่วมเขียนกลอนด้วยกัน ไม่ดีก็ช่วยกันแก้ นะค่ะ

อย่ามีปัญหากันเลย



ด้วยความปรารถนาดี

my smile






หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 15 มีนาคม 2012, 08:32:PM


ผมเข้าข้างหทัยชนกขอปกป้อง
ควรถูกต้องมีแบบแผนเช่นแม้นหมาย
ด้วยเดี๋ยวนี้ทุกสิ่งอย่างบ้างกลับกลาย
ไม่ยึดหลักแต่สบายเพียงอารมณ์

ถ้านานครั้งเราทวนคิดครวญบ้าง
เปรียบเทียบความแตกต่างอ้างเหมาะสม
ไม่ได้หวังสิ่งใดใครชื่นชม
เรียกคะแนนนิยมนั้นไม่เคย

ด้วยชื่อนามตามตั้งแต่ครั้งเริ่ม
เพื่อส่งเสริมอนุรักษ์และแพร่เผย
การเรียกร้องหลักการไม่ผ่านเลย
เพียงสะกิดไขเขยใช่ปรักปรำ

 

 ครับท่าน emo_54



(http://www.qzub.com/bar_162.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย กวีงามด้วยน้ำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 15 มีนาคม 2012, 09:02:PM


    ๐จินตนาการแรกเริ่ม๐


อาจบางทีกวีเราซ่อนเงาเงียบ
ฝีมือเฉียบขาดนักเทพอักษร
เขียนหยอกกันไปมาเอื้ออาทร
ล้วนต่างซ่อนเงื่อนไขหลากหลายแนว

จินตนาการของใครคนใดเริ่ม
หลายคนเติมต่อไปได้ไกลหลายแถว
งามบรรเจิดในศักดิ์ศรีกวีแวว
ต่อรากแก้วให้รุ่นน้องตรองคำนึง

ผิดแบบอย่างฉันทลักษณ์เดี๋ยวจักรู้
เพราะมีผู้ใจเมตตาเขียนมาถึง
แนะแนวกลอนล้ำค่าอันตราตรึง
ให้ผู้ซึ่งเขียนผิดได้คิดทวน

ผู้ฉลาด ย่อมขอบใจ เก็บไปคิด
ไม่อ้างสิทธิ์ศักดาวางท่าป่วน
ไม่นานจักเป็นดาวสกาวนวล
เขียนกลอนล้วนด้วยภาษานักกวี !ฯ

                      อริญชย์
               ๑๕/๓/๒๕๕๕




 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 15 มีนาคม 2012, 09:06:PM


เห็นจะไม่หมดทุกคนนะครับคุณ มือขวาสองหกสี่ คุณหทัยชนกเพียงบอกว่าเดี๋ยวนี้นักกลอนบ้านกลอนไทยชักจะเลอะเทอะไม่เคารพกฎเกญท์นั่นหมายความว่ากลอนที่เก่ากว่านี้ยังเพราะอยู่ หุหุ ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะทุกคนจะได้ทบทวนตัวเอง ดีไหมครับ ผมคิดว่าทุกคนจะต้องตอบวาดี
อย่าเอาความคิดเล็กๆมาบ่อนทำลายการใหญ่ ครับทุกท่าน

 emo_54


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 15 มีนาคม 2012, 09:15:PM

(http://www.qzub.com/fell_013.jpg) (http://www.qzub.com)

เคยได้ตั้งกระทู้ถามหมู่ท่าน
ที่ “เข้าบ้านกลอนไทยเพื่ออะไร?”หรือ?
ทุกคำตอบส่วนมากอยากฝึกปรือ
บางท่านถือผ่อนคลายสบายใจ

บางท่านรักกลอนกานท์อยากอ่าน,เขียน
จึ่งวนเวียนเข้ามาศึกษาได้
เพื่อแต่งตัดหัดเขียนพากเพียรไป
เพื่อจะได้ขับเคี่ยว,คอเดียวกัน  emo_26

บ้านแห่งนี้จึงเปรียบเหมือนเรือใหญ่
เสากระโดง,กางใบ,เชือกใยควั่น
ทั้งสมอ,หางเสือ,เผื่อครบครัน
ผูกสัมพันธ์ดั่งเพื่อนร่วมเรือนชาน  emo_50

คอยตักเตือน,แนะนำ,คำถูกผิด
คอยสะกิดมิตรรักสมัครสมาน
ระบายกลอนผ่อนทุกข์สุขสราญ
รัก,เศร้า,หวาน,หว่านเสน่ห์,ดั่งเห่เรือ  emo_55

อาจมีบ้างต่างจิตที่คิดแปลก
แต่มิใช่แตกแยกกระแทก,เถือ
เฝ้าโอบอ้อมอารีดั่งมีเครือ
คอยเอื้อเฟื้อเจือจุนอบอุ่นมาน

กาลเวลาแปรเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน
จึ่งวนเวียนไปบ้างดั่งทางผ่าน
ซาฟียะห์  “หทัยชนก”ระหกนาน
อาจพ้องพานขัดตา อย่าขัดใจ  emo_46

ขอเชิญกลับบ้านเก่าถิ่นเราอยู่
อาจหลายผู้แปลกหน้าเข้ามาใหม่
ผองเราก็เลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
ยิ้มละไมต้อนรับการกลับมา emo_56

“ไพร พนาวัลย์”(ลุงปรางค์ จ้า)


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ..กุสุมา.. ที่ 15 มีนาคม 2012, 09:17:PM
ทำไม???.. กับคำว่า บ้านกลอนไทยไม่เหมือนเก่า..แบ่งกลุ่ม
คำๆนี้เกิดจากสาเหตุอะไร เกิดที่จุดไหน เกิดตั้งแต่เมื่อไหร่
ความรู้สึกนี้ตัวข้าพเจ้าก็รู้สึกเช่นกัน..
..กุสุมา..


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 15 มีนาคม 2012, 09:45:PM
ทำไม???.. กับคำว่า บ้านกลอนไทยไม่เหมือนเก่า..แบ่งกลุ่ม
คำๆนี้เกิดจากสาเหตุอะไร เกิดที่จุดไหน เกิดตั้งแต่เมื่อไหร่
ความรู้สึกนี้ตัวข้าพเจ้าก็รู้สึกเช่นกัน..
..กุสุมา..

 emo_26

ไม่มีการแบ่งแยกครับแต่เรากำลังหาเหตุผลให้กับทุกสมองครับ คุณ กุสกมา ศูนย์ ศูนย์ เจ็ด


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 15 มีนาคม 2012, 10:19:PM
 


emo_82

ตอบถ้อยร้อยกรองจากน้องถึงพี่ คือชื่อกลอน ผมหัดเขียนกลอนบทนี้เพื่อแนะนำตัวเองเข้าบ้านกลอนไทย ไม่ได้ลงตอนนั้น ขอมาลงตอน...บ้านกลอนไทย ร่ายมนต์ ให้คนดี กลอนบทนี้ได้แต่โกลน..ยังไม่ได้เกลา พี่คนดีกรุณาช่วยด้วยครับ พี่พูนสุข พี่ทอง พี่บูรพา พี่มิวสิก  และทุกๆพี่แหละครับ


                                            
เพื่อนนักกลอนหน้าใหม่สมัยนี้
พี่รุ่นเก่าเหล่ากวีท่านด่าขรม
ว่าร้อยกรองทำนองเป็นโคลนตม
ยกคำคมเป็นบาทาเที่ยวด่าโลน
หากเจ็บจิตแค้นใจหรือช้ำรัก
ก็ลงปลักโกยโคลนเลนให้เห็นผล
ได้สักหนึ่งกะละมังสาละวน
ซัดสาดไปใส่คนที่ตนชัง
น้องฟังถ้อยพี่ก้องแล้วลองคิด
ย่อมไม่ผิดเพราะพี่รักและพี่หวัง
แต่ติดขัดวัตถุดิบหยิบยากจัง
ได้สักครั้งแสนระรื่นชุ่มชื่นใจ
ต้องการเขียนให้ลึกลับให้ซับซ้อน
เรื่องกานท์กลอนก็ยังเป็นเช่นพระใหม่
เถอะพี่ครับค่อยประคับประคองไป
พอนานวัยขั้นตอนต้องสอนตัว
ที่เคยเขียนลากเลื่อนลื่นไถล
เพราะปากกาพาไปใช่ใจชั่ว
อันความคิดข้างในไม่เมามัว
ร่ายเรื่องมั่วเพราะเพิ่งหัดดัดเสืยงขัน
ท้ายนี้ขอให้พี่ชี้ทางช่วย
ให้ลำนำสลวยไม่ผกผัน
อุปสรรคน้องตั้งหน้าจะฝ่าฟัน
สู่แดนฉันทลักษณ์อักขรา


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ 15 มีนาคม 2012, 10:48:PM


เป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจากหนึ่งบุคคล
เมื่อนำขยายส่งผลกระทบวงกว้าง น่าวิเคราะห์ถึงเหตุอันควร
ถูกหรือไม่ถูกเพียงใดแล้วแต่ดุลยพินิจ ขอตั้งอยู่ตรงความอดทน
และปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปตามกาลเวลาเถิด เขียนกลอนดีกว่าครับ

 emo_126


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ปู่ริน ที่ 15 มีนาคม 2012, 11:39:PM


เป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจากหนึ่งบุคคล
เมื่อนำขยายส่งผลกระทบวงกว้าง น่าวิเคราะห์ถึงเหตุอันควร
ถูกหรือไม่ถูกเพียงใดแล้วแต่ดุลยพินิจ ขอตั้งอยู่ตรงความอดทน
และปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปตามกาลเวลาเถิด เขียนกลอนดีกว่าครับ

 emo_126
ใช่แล้ว ไม่มีสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด
 คิดว่าถูก บ้างครั้งผิด
 คิดว่าผิด บ้างครั้งผิด เข้าไปอีก
 คิดสร้างสรรค์บทกลอน ผู้อ่านเขาใช้วิจารณญาณเอาเอง ไม่ต้องไปตัดสิน ชี้นำ ใดๆ ทั้งสิ้น
 การเสพ บริโภค ผู้เสพเขาเลือกกินเอาเอง ซึ่งความชอบไม่เหมือนกัน
 เช่นกับการเขียนก็เหมือนกัน  แต่ละคนมีความสามารถ  ไม่เท่ากัน
 อย่าขัดแย้งในความคิด กันได้ไหม อย่าให้ต้องบอบช้ำมากกว่านี้
 ทุกคนแสดงความคิดเห็น เพียงครั้งเดียวก็เข้าใจ นะครับ

                         จากปู่ริน คนยุคใหม่ในบ้านกลอน
                             ๑๕ มี.ค. ๕๕


 


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: วาตวลาหก ที่ 16 มีนาคม 2012, 12:25:AM
จะว่าถูก ก็ถูกไซร้ ในความคิด
จะว่าผิด ก็ผิดไซร้ ในความหมาย
เพราะต่างคน ปนเป เพทุบาย
จะว่าร้าย หรือดี อยู่ที่มอง

เหมือนผายลม ดมดู รู้ว่าเหม็น
แท้ใดเป็น ลมจิต ให้คิดหมอง
แล้วจะอิง สิ่งใด ใคร่ควรตรอง
หากใจปอง ของเน่า ก็เข้าตัว

อยู่บ้านนี้ นับกาล ก็นานอยู่
ไยมิรู้ ต่างเวียน เปลี่ยนหลายหัว
เป็นกลุ่มก๊ก หมกก้อน ร้อนน่ากลัว
แต่ดีชั่ว คือเพื่อนสอน กลกลอนกานท์

เข้าบ้านมา หาแต่มิตร เคยชิดใกล้
แล้วเพื่อนใหม่ มิสนเขา ก็เล่าขาน
ล้วนฝึกปรือ ชื่อเสียง เยี่ยงอาจารย์
ไซร้ก็บ้าน หลังเก่า ที่เจ้าเรียน

ขอคารวะ ด้วยความคิด
 emo_126


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: --ณัชชา-- ที่ 16 มีนาคม 2012, 08:13:AM
โอมนะโมข้าจะไหว้
คนอะไรไม่มีศีล
ลดเลี้ยวเที่ยวป่ายปีน
สาววัยทีนเอือมระอา

พูดจาพาเลอะเทอะ
ไม่อยากเจอะไปดีก่า
เขียนออกนอกตำรา
เบื่อคนบ้ามะสะรุม

-ณัชชา-

 emo_52


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ปราชญ์ศรีกวีน้อย ♥ ที่ 16 มีนาคม 2012, 08:55:AM
กลอนไทย ไร้มนต์

     ตวัดส่ายปลายปากกา
จินตนาก็มาเรียง
ร้อยถ้อยสร้อยคำเพียง
อยากจะเรียงเสียงคำกลอน
    แค่คิดก็ติดใจ
อกข้างในไล่ร่านร้อน
สำแดงแสงรอนรอน
เพื่อจะวอนให้ป้อนคำ
    กลอนไทยมีไว้รักษ์
ให้ตระหนักประจักษ์หนำ
กลอนไทยใช่มนต์ดำ
ทำไมทำ..ฉันรักเธอ


@ปราชญ์ศรีกวีน้อย


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 16 มีนาคม 2012, 10:08:AM
ทำไม???.. กับคำว่า บ้านกลอนไทยไม่เหมือนเก่า..แบ่งกลุ่ม
คำๆนี้เกิดจากสาเหตุอะไร เกิดที่จุดไหน เกิดตั้งแต่เมื่อไหร่
ความรู้สึกนี้ตัวข้าพเจ้าก็รู้สึกเช่นกัน..
..กุสุมา..



ไม่รู้จริง ๆ หรือ  ถ้ายังงั้นจะช่วยเตือนความจำให้

ดาวอาชาไนยเข้ามาเล่นที่บ้านกลอนไทยนี้ เพราะเพื่อนที่เล่นอยู่บ้านอื่นด้วยกันชักชวนเข้ามา
เห็นว่าที่เคยเล่นอยู่นั้นมีเพียง ๔ - ๕ คน  ที่บ้านกลอนไทยมีมากมายก็ชอบใจ
เพื่อนอีกคนก็สมัครให้ 
ไม่ทราบว่ามีคนอื่นเข้ามาก่อนแล้วอีก ๒ คน

ก็เลยถูกคนบ้านกลอนไทยจัดตั้งกลุ่มให้ โดยอ้างว่ามาจากที่เดียวกันต้องเป็นกลุ่มเดียวกันด้วยประการฉะนี้
นี่คือสาเหตุ  เกิดที่จุดนี้  แต่เกิดเมื่อไหร่ไม่ทราบ  เพิ่งมาทราบเร็ว ๆ นี้เอง  ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย
ต้องจำใจเป็นกลุ่มที่ถูกคนอื่นเขาจัดตั้งให้

จึงรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่เป็นการเล่นกลอนกันเพื่อสนุก  แต่มีการแบ่งแยกด้วย  จึงทำให้เกิดมีการปรารภว่า ที่บ้านกลอนไทย
มีการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม  คนที่มาเล่นต้องมาเป็นกลุ่ม  ซึ่งไม่เป็นความจริง

จะมีกลุ่มอื่นอีกกี่กลุ่มและมีที่มาอย่างไรไม่ทราบได้

จึงขออธิบายให้ทุกท่านเข้าใจ

ดาว อาชาไนย


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 16 มีนาคม 2012, 11:12:AM


victoria's secret

SELAMAT DATANG  ดีใจครับ ที่ได้พบกันอีกทั้ง 2 ท่าน


นพ


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 16 มีนาคม 2012, 11:28:AM
โอมนะโมข้าจะไหว้
คนอะไรไม่มีศีล
ลดเลี้ยวเที่ยวป่ายปีน
สาววัยทีนเอือมระอา

พูดจาพาเลอะเทอะ
ไม่อยากเจอะไปดีก่า
เขียนออกนอกตำรา
เบื่อคนบ้ามะสะรุม

-ณัชชา-

 emo_52


หันทางนี้มีนพน้อย
ยังคงคอยแม่เนื้อนุ่ม
หายห่างไปไร้คนคุม
เข้าวัยหนุ่มกลุ้มใจจัง

หันมองขวาหรือมองซ้าย
รอบข้างกายสาวได้หวัง
ส่งเสียงหวี๊ดกรี๊ดเสียดัง
หูแทบพังทนฟังไป

มาเจอกันคือวันนี้
พาผมหนีมีทางไหม
นำปล่อยวางแม้ห่างไกล
มิห่วงใยถิ่นเคยนอน

ที่ตรงทางแยกข้างหน้า
คือเลี้ยวขวาพาหลบก่อน
ปล่อยไว้นะอย่าอาวรณ์
คิดพักผ่อนถึงตอนเพล

แล้วมุ่งหน้าไปหาวัด
หนทางลัดรู้ชัดเด่น
ข้าวอาหารพระท่านเว้น
อีกเฉกเช่นเป็นนมเนย

พอทานอิ่มยิ้มไม่ออก
พระท่านบอกอย่าอยู่เฉย
ทั้งจานชามทำอย่างเคย
ไม่ต้องเอ่ยท่านเปรยมา

แต่พรุ่งนี้มีนัดนะ
ตามหลังพระจะไปหา
คุณใส่บาตรนั้นอย่าช้า
ขอพบหน้ามาอ้อนวอน

อย่าถือโทษโกรธเลยนั้น
จงผ่อนผันคำสั่งสอน
ด้วยเมายาเซตาม่อน
กินก่อนนอนยังไม่คลาย.

นพ
16 มี.ค.55


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๊พ ที่ 16 มีนาคม 2012, 01:06:PM

ฮิฮิ จบด้วยความน่ารักอย่างนี้ ก็ แฮปปี้เอนดิ้ง  emo_47 นะ


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: กังวาน ที่ 16 มีนาคม 2012, 04:47:PM
เรียน ท่านสมาชิกบ้านกลอนไทยทุกท่าน

ผมสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกที่นี่ด้วยเหตุผลหลัก เหตุผลเดียว คือรักและชอบแต่งกลอน ฝีมือก็อาจธรรมดาแต่หัวใจเต็มร้อยแน่นอน
ไม่มีกลุ่ม ก๊วน แก๊งส์ อะไรทั้งสิ้น(ยกเว้นคู่รัก....ว่าไปเรื่อย)
ผมเชื่อว่าทุกท่านที่เข้ามาในที่นี้ย่อมมีความชอบในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ประสบการณ์ ฝีมือ มารยาท อะไรอีกเยอะแยะ ย่อมแตกต่างกันไป
เพราะฉะนั้น ภาพโดยรวมของบ้านกลอนตอนนี้จึงออกมาแบบนี้ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เปรียบเทียบก็คือ เอาทุกอย่างมารวมไว้ในสนามเดียวกัน
นักกีฬาอาชีพ นักกีฬาสมัครเล่น ผู้เริ่มเล่น ผู้ที่ไม่ค่อยรู้กฎกติกา ภาพที่ออกมาก็อย่างที่เห็น

แต่จะให้ผมเลิกแต่งกลอน มันก็ยิ่งทำให้สมองปิดมากขึ้น เพราะฉะนั้นผมเห็นด้วยกับความคิดทุกท่าน แต่อย่าเพิ่งร้างลากันไป มีเวลาก็แต่ง
มาลงกัน มีคนอ่านของเราสักคน ก็คุ้มแล้วครับ หรือจะอ่านงานของใครเราก็มีสิทธิเลือกอ่านได้ ถือว่าช่วยอนุรักษ์มรดกไทยกัน

ที่จริงไม่อยากแสดงความคิดเห็นเลย เพราะถนัดแต่กลอนรัก แต่นี่ก็เพราะผมรักเพื่อนนักกลอนทุกๆท่านครับ


ขอแสดงความนับถือ

กานต์ไก่
                                                     

                                                                                                         






                                                                                               


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: baimai@sailom ที่ 16 มีนาคม 2012, 08:43:PM
ดูแปลกๆเนาะ...น่าจะตรวจสอบซะหน่อย  เหมือนคนเดียวกันเข้ามาจงใจป่วน  แบบว่าข้อความอ่านแล้วไม่ค่อยเนียนเท่าไร

ป๋ม สายสืบ ใบไม้  รายงาน..คับพ้ม  emo_09

 emo_68


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 16 มีนาคม 2012, 10:16:PM
เรียน คุณบุคคลทั่วไป ที่นับถือ

        ผมมีความเห็นเช่นเดียวกับคุณ คือ ทุกคนเสมอกันหมด เป็นเพื่อนสมาชิกในเวบเหมือนกัน
ที่ผมเขียนมานั้นตั้งใจอธิบายความเป็นมาของการที่มีคนมายัดเยียดให้ผมเป็นกลุ่ม ซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนา
ของผม  ถ้าเป็นกลุ่มก็จะมีการแยกเป็นคนละกลุ่ม คุณกลุ่มโน้น ฉันกลุ่มนี้ มันจะเข้ากันไม่ได้
เดี๋ยวจะเหมือนกับกลุ่มเสื้อเหลือง กลุ่มเสื้อแดง

        ส่วนสาเหตุที่คุณอ้างนั้นไม่ใช่ผมหรอกครับ
        ข้อ ๑. ไม่ใช่ผมแน่ ๆ
        ข้อ ๒.  ก็ไม่ใช่อีก

        ขอบคุณที่กรุณามาตอบ  ได้ทราบความคิดของคนอื่นบ้าง

                                                                               ขอแสดงความนับถือ
                                                                                    ดาว อาชาไนย


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: webmaster ที่ 17 มีนาคม 2012, 10:48:PM
ที่จริงขอบอกนโยบายไว้ตรงนี้
1.นักกลอนที่นี่ไม่ควรจับก๊กแบ่งพวกกันเพื่อไปรุมใคร หรือเกาะกลุ่มคะแนน หรือก่อหวอด การกระทำเช่นนั้นจะถูกจับตา
   แต่การมีเพื่อนเป็นกลุ่มก้อนต่อกลอนกัน ไม่ได้มีผลอะไรทั้งสิ้น
2.การแต่งกลอนที่นี่ไม่ได้บังคับว่าฉันทลักษณ์ต้องถูกต้อง แต่งผิดก็ได้ก็ กลอนเปล่าที่นี่ก็ต้อนรับลุงเว็บยังชอบอ่านเลย
3.เรื่องการมีสมาชิกมาป่วนนั้น จะมีมาเรื่อยๆ ทางแก้ก็ค่อยๆทำไป
4.การตัดสินปัญหา บางทีก็เป็นการใช้ความเหมาะสมเป็นหลัก บางทีโดนลงโทษไปก็อย่าอ้างเหตุผลมากมาย ให้ดูว่าที่ทำไปมันเหมาะสมหรือเปล่า
5.บ้านกลอนไทยเป็นชุมชนกลอนที่ใหญ่ ย่อมมีความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าใครเห็นต่างแล้วไปล้ำเส้นคนอื่นจะถูกจับตา (PMแจ้งส่วนตัวได้เป็นความลับ)
6.คนไทยด้วยกันบางทีก็ยอมๆแพ้บ้างเถอะ การถอยคนละก้าวเป็นเรื่องที่ดีจริงๆนะลุงเว็บลองมาแร๊ววววว


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ยามพระอาทิตย์อัสดง ที่ 17 มีนาคม 2012, 11:48:PM
(http://1.bp.blogspot.com/-0f-CLnco9ig/T2S8eVQAsAI/AAAAAAAABTs/4Mae5jp6ymI/s400/510342-topic-ix-12.jpg)

(http://2.bp.blogspot.com/-P0uTial3kb8/T2S8zAwvLII/AAAAAAAABT0/pKOv4YOtgiQ/s400/510342-topic-ix-12.jpg)

ภาพทั้งสองเป็นภาพเดียวกันนะคะ
ภาพแรกมองในลักษณะที่ใกล้วิวธรรมชาติสวยดีใช่ไหมคะ แต่มีอัสดงจำคำของ คุณลุงปรางค์ ที่สอนได้
แต่อาจไม่ทั้งหมดแต่จับใจความได้คือ ทำไมไม่ลองถอยออกสักก้าวแล้วเราจะได้เห็นทะเลที่กว้างกว่า
ที่เอาภาพนี้มาลง เพราะอัสดงชอบส่วนตัวคะ ^^ ทะเลก็ชอบแต่ภาพที่มีไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ นะคะ
ดีใจที่เห็นลุงเว๊บอีกครั้ง และ ก็ยังคงนำสิ่งดีๆมาให้เสมอๆ อัสดงขอบคุณสำหรับพื้นที่บ้านกลอนไทยหลังนี้
อบอุ่นจริงๆทุกครั้งที่ได้เข้ามา ยังคงหวังว่าต่อไปบ้านกลอนคงสนุกและคึกครื้นเหมือนเดิม แค่ขอให้สมาชิก
ทุกท่าน มีจิตสำนึกในการเล่นและลงกลอน ควรไม่ควรอัสดงคิดว่าทุกท่านบรรลุนิติภาวะกันแล้วทั้งสิ้น
กระทบกระทั่งกันคงมีบ้าง เราเป็นครอบครัวใหญ่ก็แบบนี้แหละค่ะ แล้วมันก็จะผ่านไป

ด้วยจิตคาราวะ ลุงเว๊บ และ สมาชิกทุกท่านในบ้านกลอนไทยแห่งนี้

ยามพระอาทิตย์อัสดง

 emo_126 emo_126 emo_126



หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 18 มีนาคม 2012, 06:48:AM

อัสดงเอ๊ย  อย่าใช้คำว่าทุกคนบรรลุนิติภาวะสิ  แล้วเจ้าพิมพ์วาสจะไปอยู่ตรงไหนล่ะ

เอ่อ...ที่ว่าไม่ได้บังคับว่าต้องถูกฉันทลักษณ์  หมายถึงผิดนิดพลาดบ้างเราก็อภัยกัน  เพื่อจะได้ชี้แจงและปรับปรุงต่อไป มั้งคะ
ไม่ได้ส่งเสริมให้เขียนผิดฉันทลักษณ์หรอก
 
คือถ้าตั้งใจจะพัฒนา   ก่อนถูกมันก็ต้องผิดกันมาก่อน  คนเราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
เว็บกลอนไทยเปิดโอกาสให้คนรักกลอนมาเจอกัน  และช่วยกันแนะแนว  เอาความรู้ที่มีมาแลกกัน

หลายคนที่นี่กว่าจะออกมาเป็นกลอนสละสลวยอย่างปัจจุบัน ก็มาขัดเกลาปรุงปั้นกันที่นี่

บางคนอยากแต่งแค่ระบายอารมณ์ศิลปิน
เราก็ไม่ว่ากัน
เพียงแต่ขอให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะที่ควร

คนที่อยากพัฒนาตัวเองก็มีห้องฉันทลักษณ์ซึ่งสมาชิกรุ่นก่อนหน้านี้ได้แสดงความเห็น
อยากให้มีไว้เพื่อคนกลุ่มนั้น
ใครอยากฝึกจริงๆ ก็ไปโพสต์ที่นั่นให้เพื่อนๆ ช่วยกันวิจารณ์
แต่ถ้าใครยังหวั่นๆ หรือไม่สนใจ  หรือมั่นใจในฝีมือ
ก็มีหมวดหมู่ต่างๆ อีกมากมายรองรับ

บางคนชอบเรียนรู้ด้วยตนเอง  จะได้ภาคภูมิใจ
บางคนชอบให้มีคนมาบอกกล่าว  จะได้ไม่เสียเวลาหลงทาง

เรามีความห่วงใยให้กันตามประสาค่ะ






หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ..กุสุมา.. ที่ 18 มีนาคม 2012, 07:26:AM

ที่จริงขอบอกนโยบายไว้ตรงนี้
1.นักกลอนที่นี่ไม่ควรจับก๊กแบ่งพวกกันเพื่อไปรุมใคร หรือเกาะกลุ่มคะแนน หรือก่อหวอด การกระทำเช่นนั้นจะถูกจับตา
   แต่การมีเพื่อนเป็นกลุ่มก้อนต่อกลอนกัน ไม่ได้มีผลอะไรทั้งสิ้น
2.การแต่งกลอนที่นี่ไม่ได้บังคับว่าฉันทลักษณ์ต้องถูกต้อง แต่งผิดก็ได้ก็ กลอนเปล่าที่นี่ก็ต้อนรับลุงเว็บยังชอบอ่านเลย
3.เรื่องการมีสมาชิกมาป่วนนั้น จะมีมาเรื่อยๆ ทางแก้ก็ค่อยๆทำไป
4.การตัดสินปัญหา บางทีก็เป็นการใช้ความเหมาะสมเป็นหลัก บางทีโดนลงโทษไปก็อย่าอ้างเหตุผลมากมาย ให้ดูว่าที่ทำไปมันเหมาะสมหรือเปล่า
5.บ้านกลอนไทยเป็นชุมชนกลอนที่ใหญ่ ย่อมมีความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าใครเห็นต่างแล้วไปล้ำเส้นคนอื่นจะถูกจับตา (PMแจ้งส่วนตัวได้เป็นความลับ)
6.คนไทยด้วยกันบางทีก็ยอมๆแพ้บ้างเถอะ การถอยคนละก้าวเป็นเรื่องที่ดีจริงๆนะลุงเว็บลองมาแร๊ววววว
     อ้างจาก..ลุงเว็บ เจ้าค่ะ
-----------------------------------------------------------------------------------------
  รักลุงเว็บ..ที่ซู้ดดดดในโลกเลยเจ้าค่ะ
..คิดเหมือนกันเด๊ะๆ..เจ้าค่ะ แต่ว่า..มีข้อยกเว้น..
(ลุงเว็บเท่านั้น) ถึงจะรักเยี่ยงไรก็จะไม่ทำลายบุคคลอื่นๆ เพื่อคนที่เรารักเด้ดขาดเจ้าค่ะ
>.. ดังเช่น นิทานเรื่องดาวลูกไก่..ทำลายชีวิตแม่ไก่เพื่อนำมาประกอบอาหาร
ให้กับคนที่เรารักทาน .. ถ้ามองย้อนกลับไป..ครอบครัวแม่ไก่เป็นเราบ้างล่ะเจ้าค่ะ
ความรู้สึกก็คงเป็นเฉกเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ ..อยู่แค่พอเพียง..สงบ..วิเวก..เจ้าค่ะ (แหะ แหะ)
อยากกระซิบบอกลุงเว็บเบาเบาอีกครั้งเจ้าค่ะ
..รักลุงเว็บ( ที่แสนดี )ที่ซู้ดดดดดในโลก เจ้าคร้า
              ..กุสุมา.. emo_126 emo_126 emo_126


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 18 มีนาคม 2012, 09:55:AM



กฏของชาติกำหนดเรียกกฎหมาย
คนทั้งหลายยึดไว้ไม่ย่อหย่อน
หากไม่ทำตามกฏทุกบทตอน
ส่งผลย้อนอย่างไรได้รู้กัน

กฏของบ้านกลอนไทยตั้งไว้อยู่
มาอ่านดูเหมาะยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
ระเบียบของผองหมู่ผู้ประพันธ์
กฏเกณฑ์นั้นดีล้ำควรทำตาม

กฏของกลอนเรียกกันฉันทลักษณ์
ต้องตระหนักรู้จริงสิ่งที่ห้าม
เพื่อจรรโลงโคลงกวีอันดีงาม
จะสมนามเทิดศรีกวีไทย

ดาว อาชาไนย


หัวข้อ: Re: บ้านกลอนไทย ไร้มนต์ คนกวี
เริ่มหัวข้อโดย: ฌลา ที่ 07 เมษายน 2012, 04:35:PM

(http://i562.photobucket.com/albums/ss68/alatariel_lissesul/Line/fk_line_500.gif)

เข้ามางง?  แล้วก็ไปดีกว่า 5555+
มาตอนตลาดวายแล้วอ่านไปก็งงๆ งั้นก็ช่างมันเต๊อะ!

คิคิ  ใครใคร่แต่งก็แต่ง
ใครใคร่อ่าน ก็อ่าน
ใครใคร่วิจารณ์ ก็วิจารณ์

อย่าได้แคร์สิ่งใด ฌลาก็มาคนเดียว มาหาเพื่อนเอาที่นี่เหมือนกัน มาบ้างไม่มาบ้างตามอารมณ์ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ใครจะมองอย่างไรจะทำอย่างไรก็เรื่องของเค้า เราทำตัวเราให้ดี  ให้มีความสุขก้พอเนอะ! ^^


(http://i562.photobucket.com/albums/ss68/alatariel_lissesul/Line/hh50.gif)