หัวข้อ: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 13 เมษายน 2011, 01:44:PM emo_47 หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 13 เมษายน 2011, 05:34:PM ฤาเพราะแย่งแข่งดี ผีผลัก ระเริงรั่วสั่วศักดิ์ เป็นปลักหลวง บ้างเมินเฉยเชยฉ้อบ้างล่อลวง ทั้งกลางกลวงปลายกุดโคนคุดคาว ฤาปรามาสขาดหิริสติชอบ กำเต็มกอบหอบโอบละโมภฉาว กำแพงยูงสูงขึงเกือบถึงดาว จึงทลายก่ายคร่าวกับร้าวดิน ฤาเห็นทรามตามเกรงเตลงซบ ขยี้กลบสบซ้ำขยำถิ่น ขายเมืองนอนรอนฉัตรมากัดกิน กระชากชิ้นปิ่นยับลงกับมือ โอ้ศรีรามฯหยามแล้วเมืองแก้วลับ มไหยสวรรค์ผลาญสับ ทับกระสือ ประลัยกัลป์พรั่นโบมโหมกระพือ สิ้นแล้วหรือลือมโนอโยธยา ที่แบ่งพวกลวกร้อนนครพ่าย ยิ่งรนรานร่านส่าย ตะกายหา จนเลือดนองคลองคดทดทุ่งนา คอขาดควั่นยังคว้า ศฤงคาร หรือว่าไทยใหม่เก่ายังเท่านั้น สามัคคีรี่คั้น แค่วันผ่าน เป็นวีระสะสมมานมนาน ต้องกอบแตกแลกคลาน อีกกี่คราว ฯ พรายม่าน สันทราย ๑๓.๐๔.๕๔ หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 13 เมษายน 2011, 06:09:PM (http://www.mahaeyong.org/Site/Welcome_files/shapeimage_2.png) ภาพจากอินเตอร์เนต (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_172.gif) นั่นคือความอัปยศจดบันทึก ให้ตรองตรึกอำนาจขาดสติ การเข่นฆ่าเพื่อชนะฉะอริ สะสมสู่มติปริสันดาน (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_181.gif) หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 13 เมษายน 2011, 08:45:PM .........วัดมเหยงค์....สร้างขึ้นในแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒..(เจ้าสามพระยา))......เมื่อ...พ.ศ.๑๙๘๑ หลักฐานสำคัญที่สอดคล้องกับสมัยการสร้างคือลักษณะทางศิลปกรรมของเจดีย์ทรงระฆังมีรูปช้างรอบฐาน....ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับแบบอย่างเจดีย์ช้างล้อมในศิลปะสุโขทัย แผ่นดิพระเจ้าท้ายสระ....ใน...พ.ศ.๒๒๕๒....มีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ที่วัดนี้......พระองค์เสด็จมาทอดพระเนตรการนั้นเนืองๆ.....รวมทั้งโปรดมาประทับสำราญพระราชหฤทัย....เช่น...ทรงเบ็ดในหน้าน้ำ......เข้าใจกันว่าซากตำหนักตึกสองชั้นซึ่งอยู่ทางด้านใต้นอกกำแพงวัด.....อาจสร้างขึ้นสำหรับเป็นที่ประทับ...... ......มีเกร็ดเล็กน้อยที่เล่ากันว่าครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่๒ คนไทยส่วนใหญ่หนีตายจากพม่ามาชุมนุมกันที่วัดแห่งนี้และที่นี่ก็ได้เป็นเสมือนเรือนตายของบรรพชนเหล่านั้นในนาม...คนกรุงศรีฯ หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 13 เมษายน 2011, 10:40:PM ..นิ้วเรียวไล้ปลายดาบ..อาบโลหิต ...พม่าประชิดเบื้องหลัง..หวังสังหาร ...ขอพักพิงแนวเสมาเช่นปราการ ...แล้ว..ผล่าผลาญ...ชีพตน..พ้นไพรี อยุธยาคนดีไม่มีสิ้น ทั้งแผ่นดินนักสู้อยู่ที่นี่ แม้ชีพวายหมายมาดเป็นชาติพลี ถมชีวีป้องไทยให้ร่มเย็น มาบัดนี้ลูกหลานสำราญยิ่ง ลืมทุกสิ่งบรรพชนได้ชน,เซ่น มัวแก่งแย่งชิงดีเอาประเด็น มันต้องเข่นให้รู้ใครกู้เมือง emo_55 "ปรางค์ สามยอด" หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 14 เมษายน 2011, 02:48:PM บุเรงนองครองฉัตรประภัสสร รี้พลชาญราญรอนนครหลวง ปล้นสะดมถล่มฆ่าพม่าลวง ไทยทั้งปวงหวงเขตเทวศกลืน ไร้กลมเกลียวเกี่ยวข้องปรองดองมั่น พวกรามัญพลันยึดประพฤติขืน เสียงเซ็งแซ่แม้ตามยามค่ำคืน มอญครึกครื้นดื่นดึกสำนึกใคร? เดินหน้ามุ่งกรุงเทพฯเคยเสพสุข (กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา) พม่ารุกรานเข้าจุดเผาไหม้ อยุธเยศเขตแคว้นแดนบรรลัย ขุนนางไซร้ใคร่เลี่ยงปัดเกี่ยงกัน ไร้สมัครสมานวิญญาณพ่อ ต้องรอมร่อต่อสู้กู้เมืองนั่น น่าเสียดายตายหมดระทดบรรพ์ หลายหมื่นพันอาบเลือดโดนเชือดกาย ฤๅเป็นกรรมเก่าก่อนตอนพ่ายศึก ไยไม่ตรึกตรองชาติอาจระส่าย อีกกี่หมื่นแสนคนมิพ้นตาย สามัคคีหากหายต้องวายเมือง (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif) บัณฑิตเมืองสิงห์ หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 15 เมษายน 2011, 11:08:PM emo_47 หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 15 เมษายน 2011, 11:36:PM ......เหลือเพียงดาบลงอักขระ..ชย....ฉมัง ...พร้อมจักหลั่งเลือดทาทุ่งของกรุงศรี ...แม้นทัพหลวงพ่ายระย่อต่อไพรี ...ข้าขอพลีด้วยสองแขนแหนแผ่นดิน ......ห่วง..ข้า........ห่วง พ่อแม่แลสายสวาท ...เกินสื่อวาทย์ปลอบประโลมเจ้าโฉมฉิน ...หากสองเราแหลกเป็นทรากพรากชีวิน ...ก็ให้ยิน...ยล...สบภพต่อไป ขอแก้ให้นิดนึงนะฮะ คำว่า "ทราก" ไม่แน่ใจว่า พี่ชายเขียนผิดหรือเปล่า แต่คำว่า "ทราก" ต้องใช้ "ซาก" นี้น่ะครับ ด้วยความหวังดี ไม่ตรีกระรอกขาว^___________^ หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 15 เมษายน 2011, 11:38:PM ......เหลือเพียงดาบลงอักขระ..ชย....ฉมัง ...พร้อมจักหลั่งเลือดทาทุ่งของกรุงศรี ...แม้นทัพหลวงพ่ายระย่อต่อไพรี ...ข้าขอพลีด้วยสองแขนแหนแผ่นดิน ......ห่วง..ข้า........ห่วง พ่อแม่แลสายสวาท ...เกินสื่อวาทย์ปลอบประโลมเจ้าโฉมฉิน ...หากสองเราแหลกเป็นทรากพรากชีวิน ...ก็ให้ยิน...ยล...สบภพต่อไป ถึงแม้นกรุงเก่าแหลกชนแยกฝ่าย เพียงดาบปลายคมกริบระยิบใส จะบั่นหัวยั่วมารม่านจัญไร เอาเลือดใส่ทาทาบอาบบุรินทร์ อย่าท้อแท้เลยพ้องพี่น้องข้าฯ พวกเรามาร่วมรบสบถวิล ปกป้องเมืองเรืองชัยไทยธานินทร์ ถึงดาบบิ่นสิ้นชีพประทีปนาม จะป้องกันขันธ์เขตประเทศให้ ปวงชนไทยใดชิงทิ้งสยาม ปล่อยมันไปใครหนีอย่ากลีตาม พวกเลวทรามนามหม่นหรือคนไทย หากนครยังคงยืนยงอยู่ ชนทุกผู้ล้วนฟื้นยืนหยัดไหว แลพี่น้องพ้องเพื่อนเหมือนดวงใจ ฤาพ่อแม่ทรามวัยอาลัยวรณ์ มิตายดอกเพื่อนเอ๋ยอย่าเอ่ยขาน ถึงภพกาลข้างหน้ามาหลอกหลอน ณ วันนี้มีเราเฝ้าต่อกร พม่ามอญย่อยยับอาภัพชนม์ ผมสู้ด้วยอีกคนครับ คุณ sriyatra emo_47 (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif) บัณฑิตเมืองสิงห์ หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 16 เมษายน 2011, 12:35:AM ......เหลือเพียงดาบลงอักขระ..ชย....ฉมัง ...พร้อมจักหลั่งเลือดทาทุ่งของกรุงศรี ...แม้นทัพหลวงพ่ายระย่อต่อไพรี ...ข้าขอพลีด้วยสองแขนแหนแผ่นดิน ......ห่วง..ข้า........ห่วง พ่อแม่แลสายสวาท ...เกินสื่อวาทย์ปลอบประโลมเจ้าโฉมฉิน ...หากสองเราแหลกเป็นทรากพรากชีวิน ...ก็ให้ยิน...ยล...สบภพต่อไป ขอแก้ให้นิดนึงนะฮะ คำว่า "ทราก" ไม่แน่ใจว่า พี่ชายเขียนผิดหรือเปล่า แต่คำว่า "ทราก" ต้องใช้ "ซาก" นี้น่ะครับ ด้วยความหวังดี ไม่ตรีกระรอกขาว^___________^ ซาก กับคำว่า ทราก ใช้อย่างไร มักพบว่าเขียนคำนี้ผิดเป็น " ทราก " เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะคำไทยที่ออกเสียง "ซ โซ่ " บางที่เราก็ใช้ " ซ " ตรงรูป แต่บางทีเราก็ใช้ " ทร " จึงทำให้เกิดความสับสน ไม่รู้ว่าตรงไหนจะใช้ " ซ " และตรงไหนจะใช้ " ทร " ไม่เพียงแต่เท่านี้ บางทีเราใช้คำคู่กัน เช่น ใช้ " ทร " คู่กันคือ ทรุดโทรม และทีก็ใช้ " ซ " คู่กัน เช่น ซ่อมแซม และทั้งสองคำคู่กันก็มี เช่น แทรกแซง ทีนี้เป็นปัญหาว่าจะใช้หลักอะไรเพื่อให้รู้ว่า ตรงไหนจะใช้อะไรคู่กับอะไร นักปราชญ์โบราณท่านเห็นความลำบากในเรื่องนี้ จึงหาวิธีช่วยจำด้วยกลอนง่ายๆ ว่า " ทรวดทรงทราบทรามทราย ทรุดโทรมหมายนกอินทรี มัทรีอินทรีย์มี เทริดนนทรี พุทราเพรา ทรวงไทรทรัพย์แทรกวัด โทรมมนัสฉะเชิงเทรา ตัว "ทร " เหล่านี้เรา ออกสำเนียงเป็นเสียง " ซ " คำว่า " ทราก " ไม่มีในพจนานุกรม คงมีแต่คำว่า " ซาก " ซึ่งพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 เก็บความไว้ว่า ซาก 1 เป็นคำนาม หมายถึง ร่างของคนหรือสัตว์ ที่ตายจนโทรมเหลือแต่เค้า หรือหมายถึง สิ่งก่อสร้างที่ปรักหักพังแล้วเหลือแต่เค้า แล้วมีลูกคำ เช่น ซากดึกดำบรรพ์ เป็นคำนาม หมายถึง ซากของพืชหรือสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่ฝังอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งกลายเป็นหิน มีลูกคำอีกคำหนึ่ง คือ ซากศพ เป็นคำนาม หมายถึง ร่างของคนที่ตายแล้ว ซาก 2 เป็นคำนาม ใช้เรียกต้นไม้ขนาดใหญ่ ขึ้นในป่าเบญจพรรณ เนื้อแข็งและหนัก ใช้เผาถ่านได้ดี ทุกส่วนมีพิษ กินตาย ทางอีสานเรียก ซาด หรือ พันซาด. หัวข้อ: Re: ......มเหยงคณ์... เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 16 เมษายน 2011, 07:27:AM ......ดอกมะเขืออะเคื้อช่วง..สีม่วงเข้ม ...พวงดอกเข็มเต็มช่อละออไสว ...ก้านหญ้าแพรก...แทรก...ชัดระบัดใบ ...น้อมฤทัยในการุญ..พระคุณครู ......ขอบคุณที่กรุณาแนะนำนะคะ คุณกระรอกขาว...คุณปรางค์ สามยอด....แก้ไขให้ถูกต้องแล้วค่ะ... emo_47 |