พิมพ์หน้านี้ - หยาดฝนปนลมหนาว

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนเหงา => ข้อความที่เริ่มโดย: วฤก ที่ 19 ธันวาคม 2009, 10:39:PM



หัวข้อ: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 19 ธันวาคม 2009, 10:39:PM
(http://drnui.com/poempix/yadfonponlomnao.jpg)

 emo_111


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 20 ธันวาคม 2009, 02:43:AM
([url]http://drnui.com/poempix/yadfonponlomnao.jpg[/url])

 emo_111



เป็นโคลงประเภทไหนหรือคะ อยากลองหัดเขียนดูบ้างค่ะ


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ธันวาคม 2009, 09:10:AM


โคลงสี่สุภาพ ธรรมดา ๆ นี่แหละครับ ...

เพียงแต่ว่าจัดระเบียบการใช้คำนิดหน่อย
ให้ดูเหมือน ๆ กัน เพื่อที่จะเป็นโคลงชุดเดียวกันได้

(http://drnui.com/poempix/klong02.jpg)

 emo_85


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 20 ธันวาคม 2009, 11:48:AM


โคลงสี่สุภาพ ธรรมดา ๆ นี่แหละครับ ...

เพียงแต่ว่าจัดระเบียบการใช้คำนิดหน่อย
ให้ดูเหมือน ๆ กัน เพื่อที่จะเป็นโคลงชุดเดียวกันได้

([url]http://drnui.com/poempix/klong02.jpg[/url])

 emo_85


ขอบคุณค่ะ พอดีสังเกตเห็นคำที่ 4 ,5 ของโคลงในบาทที่ ๔ แต่ละบทเป็น โท โท   จะฝึกเขียนดู แต่ว่ายากจังค่ะ


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ธันวาคม 2009, 11:54:AM
การใช้คำโทคู่ในวรรคหน้าบาท ๔
เป็นข้อบังคับของโคลงดั้น

ในที่นี้ผมลองเอามาใช้กับโคลงสี่สุภาพดูบ้าง

มันก็พอใช้ได้อยู่นะครับ เพียงแต่ว่า... เสียงโคลงมันดูง่องแง่งไป เมื่อเขียนติด ๆ กันหลาย ๆ บท

 emo_68


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากันนา ที่ 20 ธันวาคม 2009, 12:21:PM

ลมหนาวพัดผ่านพริ้ว            เย็นเยียบ
ลอยล่องหมอกบางเปรียบ     ม่านไซร้
ดอกเหมยเบ่งบานเทียบ        ลมเย็น
ฝนพร่างเพียงโลมไล้           ลู่ไม้ใบบัง..


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ธันวาคม 2009, 12:53:PM

ลมหนาวพัดผ่านพริ้ว            เย็นเยียบ
ลอยล่องหมอกบางเปรียบ     ม่านไซร้
ดอกเหมยเบ่งบานเทียบ        ลมเย็น
ฝนพร่างเพียงโลมไล้           ลู่ไม้ใบบัง..


ลมหนาวพัดผ่านพลิ้ว      พลันหาย
หนาวเหน็บในพระพาย      พัดไล้
ร้างนางห่างหาวาย      วอดเหน็บ   หนาวนอ
หนาวจับจิตจนไข้      ขื่นล้นกมลหนาว ฯ



ขอบพระคุณครับ ที่ร่วมเขียนโคลง
 emo_100


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 20 ธันวาคม 2009, 01:10:PM


๐ ลมหนาวพัดผ่านพริ้ว            เย็นเยียบ
ลอยล่องหมอกบางเปรียบ     ม่านไซร้
ดอกเหมยเบ่งบานเทียบ        ลมเย็น
ฝนพร่างเพียงโลมไล้           ลู่ไม้ใบบัง.....(ท่านแม่ครูกันนา)


๐ หนาวจังดังรักล้ม            จมดิน
หมองหม่นบนกวิน             สลักไว้
ลมโชยอยากโบยบิน         ตามรัก ไปนอ
ฝนกลับเทสาดให้             หยุดกั้นฝันเสมอ.....(นะโมศิษย์)

แบบว่า...มอบให้ป้ากันนากับลุงของป้าครับ ฮ่าๆ  emo_26
(http://img117.imageshack.us/img117/6945/7466bp0.gif)


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: sabunrga ที่ 20 ธันวาคม 2009, 01:20:PM
ลมหนาวพาพัดพร้อม        สายฝน
ฟ้าหม่นทำให้คน              ยิ่งเศร้า         
รอบกายมืดมนจน            ใจหม่น
เทียนส่องดนตรีเคล้า        หลุดพ้นได้ไฉน


 emo_06 emo_89 emo_84 emo_33


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ธันวาคม 2009, 01:58:PM
ขอถามหน่อยนะครับ
การเขียนโคลงติดๆกันหลายๆบทนั้น จะีมีสัมผัสระหว่างบทด้วยมั้ยครับ
หรือว่า แยกเป็นบทใครบทมัน แล้วเอามาต่อกันล่ะครับ ???


ขอบคุณครับ
(เปลวฟ้า)




ตามฉันทลักษณ์แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการร้อยสัมผัสระหว่างบทเมื่อเขียนโคลงหลาย ๆ บทต่อ ๆ กัน

การร้อยสัมผัสโคลงนั้นนักโคลงเขาเรียกว่า การเข้าลิลิตครับ เผื่อไปอ่านเจอที่อื่น

 emo_85


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 20 ธันวาคม 2009, 02:51:PM

...ขอเพิ่มเติมต่อจาก ท่านพี่ วฤก ครับ...

          การร้อยโคลง หรือ การเข้าลิลิตโดยหลักแล้ว?.ไม่บังคับครับ (แต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าน่าจะมี) เพราะจะทำให้เนื้อหาเป็นเรื่องสอดรับกันกับบทอื่นๆ อีกทั้งโบราณเราก็เคยสอนไว้ แต่จะไปบังคับกันจริงๆในเรื่องการเขียนลิลิตเสียมากกว่า..

        ลิลิต หมายถึง หนังสือที่แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภท โคลง และร่าย สลับกันเป็นช่วงๆ ตามธรรมเนียมแล้ว มักจะใช้โคลงและร่ายในแบบเดียวกัน กล่าวคือ โคลงดั้น สลับกับร่ายดั้น, โคลงสุภาพ สลับกับร่ายสุภาพ อย่างนี้เป็นต้น โคลงและร่ายที่สลับกันนั้น มักจะร้อยสัมผัสด้วยกัน เรียกว่า "เข้าลิลิต"  หรือการ "ร้อยโคลง" ครับ

       วรรณคดีที่แต่งตามแบบแผนลิลิต มักจะใช้ร่ายและโคลงสลับกันเป็นช่วงๆ ตามจังหวะ ลีลา และท่วงทำนอง และความเหมาะสมของเนื้อหาในช่วงนั้นๆ มี  ๒ ประเภท คือ       
       ๑. ลิลิตสุภาพ คือ ลิลิตที่ใช้รายดั้นและโคลงดั้นแต่งสลับกันอยู่ในเรื่องเดียวกัน เช่น ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย ลิลิตนิทราชาคริต เป็นต้น
       ๒. ลิลิตดั้น คือ ลิลิตที่ใช้ร่ายดั้นและโคลงดั้นแต่งสลับกันอยู่ในเรื่องเดียวกัน เช่น ลิลติยวนพ่าย เป็นต้น

ข้อสังเกต:
      ๑. โคลงนั้นใช้ทั้งโคลงสอง โคลงสาม และโคลงสี่ สุดแต่เห็นสมควรว่าตอนไหนควรจะใช้โคลงชนิดใด
      ๒. ถ้าแต่ลิลิตสุภาพ ต้องใช้ร่ายสุภาพขึ้นต้น แล้วใช้โคลงสุภาพกับร่ายสุภาพแต่งสลับกัน ถ้าแต่งเป็นลิลิตดั้น ต้องใช้ร่ายดั้นขึ้นต้น แล้วต่อไปก็ใช้โคลงดั้นกับร่ายดั้นแต่งสลับกัน
      ๓. ถ้าเป็นโคลงสี่ดั้น นอกจากจะสัมผัสเกี่ยวกันระหว่างบทดังกล่าวแล้ว ยังต้องให้คำสุดท้ายของโคลงบทต้น สัมผัสกับคำที่ ๓ หรือ ๔ หรือ ๕ ของบาทที่ ๒ ของบทต้อไป ตามแบบและชนิดของโคลงดั้นชนิดนั้นๆ ด้วย

กฏ :  
      ร่ายและโคลงที่ใช้ในลิลิตนั้น มีลักษณะดังกล่าวมาแล้วข้างต้น บังคับให้มีการสัมผัส โดยเพียงแต่เพิ่มสัมผัสระหว่างบทให้เกี่ยวข้องติดต่อกัน ตั้งแต่ต้นจนจบ (คือให้คำสุดท้ายองบทต้น สัมผัสกับคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของวรรคแรกของบทต่อไป)  ดังนั้นในเรื่องการเขียนโคลงทั่วๆไปจึงควรจะมีการร้อยโคลงหรือการเข้าลิลิตด้วยเพื่อให้เป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน  จะทำให้ภาษาสวยงามขึ้น แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ผิดกฎแต่อย่างใดครับ    (ทั้งนี่ท่านป้า(พี่)อัณณ์รินแห่งบ้านกลอนไทยสืบค้นข้อมูลมาบอกว่าสมควรมี?) จึงเป็นเช่นนั้นหล่ะครับ......(ผิดพลาดขออภัย..และท่านใดมีอะไรเพิ่มเติมเชิญนะครับ)

( ขอบคุณ คุณครูวัลภา เทียนดำรง อาจารย์ชำนาญการภาษาไทย โรงเรียนตราษตระการคุณ )

      emo_100 emo_89 emo_100
(http://i18.photobucket.com/albums/b130/pangb81/Line_line/kapook_18284.gif) 


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ธันวาคม 2009, 03:27:PM


๐ ลมหนาวพัดผ่านพริ้ว            เย็นเยียบ
ลอยล่องหมอกบางเปรียบ     ม่านไซร้
ดอกเหมยเบ่งบานเทียบ        ลมเย็น
ฝนพร่างเพียงโลมไล้           ลู่ไม้ใบบัง.....(ท่านแม่ครูกันนา)


๐ หนาวจังดังรักล้ม            จมดิน
หมองหม่นบนกวิน             สลักไว้
ลมโชยอยากโบยบิน         ตามรัก ไปนอ
ฝนกลับเทสาดให้             หยุดกั้นฝันเสมอ.....(นะโมศิษย์)

แบบว่า...มอบให้ป้ากันนากับลุงของป้าครับ ฮ่าๆ  emo_26
([url]http://img117.imageshack.us/img117/6945/7466bp0.gif[/url])


ละเมอรุมรุ่มร้อน      รมลม
ร้อนเร่าเผาผ่าวซม      ซบไข้
คิมหันต์ครั่นเนื้อตรม      ตรอมอก   ฟกเอย
พ้นผ่านฝนหนาวไสร้      สู่ร้อนรอดไฉน ฯ


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ธันวาคม 2009, 03:28:PM
ลมหนาวพาพัดพร้อม        สายฝน
ฟ้าหม่นทำให้คน              ยิ่งเศร้า         
รอบกายมืดมนจน            ใจหม่น
เทียนส่องดนตรีเคล้า        หลุดพ้นได้ไฉน


 emo_06 emo_89 emo_84 emo_33

ลมหนาวพัดผ่านอ้อม      อกถวิล
ลมสะบัดซัดสาดสินธุ      สะอื้น
หยาดฝนหล่นไหลริน      รดอก   เรียมอา
พยุอึกทึกครื้น         ครึกคล้ายไห้หวน ฯ


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ธันวาคม 2009, 03:42:PM

...ขอเพิ่มเติมต่อจาก ท่านพี่ วฤก ครับ...

          การร้อยโคลง หรือ การเข้าลิลิตโดยหลักแล้ว?.ไม่บังคับครับ (แต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าน่าจะมี) เพราะจะทำให้เนื้อหาเป็นเรื่องสอดรับกันกับบทอื่นๆ อีกทั้งโบราณเราก็เคยสอนไว้ แต่จะไปบังคับกันจริงๆในเรื่องการเขียนลิลิตเสียมากกว่า..

        ลิลิต หมายถึง หนังสือที่แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภท โคลง และร่าย สลับกันเป็นช่วงๆ ตามธรรมเนียมแล้ว มักจะใช้โคลงและร่ายในแบบเดียวกัน กล่าวคือ โคลงดั้น สลับกับร่ายดั้น, โคลงสุภาพ สลับกับร่ายสุภาพ อย่างนี้เป็นต้น โคลงและร่ายที่สลับกันนั้น มักจะร้อยสัมผัสด้วยกัน เรียกว่า "เข้าลิลิต"  หรือการ "ร้อยโคลง" ครับ

       วรรณคดีที่แต่งตามแบบแผนลิลิต มักจะใช้ร่ายและโคลงสลับกันเป็นช่วงๆ ตามจังหวะ ลีลา และท่วงทำนอง และความเหมาะสมของเนื้อหาในช่วงนั้นๆ มี  ๒ ประเภท คือ       
       ๑. ลิลิตสุภาพ คือ ลิลิตที่ใช้รายดั้นและโคลงดั้นแต่งสลับกันอยู่ในเรื่องเดียวกัน เช่น ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย ลิลิตนิทราชาคริต เป็นต้น
       ๒. ลิลิตดั้น คือ ลิลิตที่ใช้ร่ายดั้นและโคลงดั้นแต่งสลับกันอยู่ในเรื่องเดียวกัน เช่น ลิลติยวนพ่าย เป็นต้น

ข้อสังเกต:
      ๑. โคลงนั้นใช้ทั้งโคลงสอง โคลงสาม และโคลงสี่ สุดแต่เห็นสมควรว่าตอนไหนควรจะใช้โคลงชนิดใด
      ๒. ถ้าแต่ลิลิตสุภาพ ต้องใช้ร่ายสุภาพขึ้นต้น แล้วใช้โคลงสุภาพกับร่ายสุภาพแต่งสลับกัน ถ้าแต่งเป็นลิลิตดั้น ต้องใช้ร่ายดั้นขึ้นต้น แล้วต่อไปก็ใช้โคลงดั้นกับร่ายดั้นแต่งสลับกัน
      ๓. ถ้าเป็นโคลงสี่ดั้น นอกจากจะสัมผัสเกี่ยวกันระหว่างบทดังกล่าวแล้ว ยังต้องให้คำสุดท้ายของโคลงบทต้น สัมผัสกับคำที่ ๓ หรือ ๔ หรือ ๕ ของบาทที่ ๒ ของบทต้อไป ตามแบบและชนิดของโคลงดั้นชนิดนั้นๆ ด้วย

กฏ :  
      ร่ายและโคลงที่ใช้ในลิลิตนั้น มีลักษณะดังกล่าวมาแล้วข้างต้น บังคับให้มีการสัมผัส โดยเพียงแต่เพิ่มสัมผัสระหว่างบทให้เกี่ยวข้องติดต่อกัน ตั้งแต่ต้นจนจบ (คือให้คำสุดท้ายองบทต้น สัมผัสกับคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของวรรคแรกของบทต่อไป)  ดังนั้นในเรื่องการเขียนโคลงทั่วๆไปจึงควรจะมีการร้อยโคลงหรือการเข้าลิลิตด้วยเพื่อให้เป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน  จะทำให้ภาษาสวยงามขึ้น แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ผิดกฎแต่อย่างใดครับ    (ทั้งนี่ท่านป้า(พี่)อัณณ์รินแห่งบ้านกลอนไทยสืบค้นข้อมูลมาบอกว่าสมควรมี?) จึงเป็นเช่นนั้นหล่ะครับ......(ผิดพลาดขออภัย..และท่านใดมีอะไรเพิ่มเติมเชิญนะครับ)

( ขอบคุณ คุณครูวัลภา เทียนดำรง อาจารย์ชำนาญการภาษาไทย โรงเรียนตราษตระการคุณ )

      emo_100 emo_89 emo_100
([url]http://i18.photobucket.com/albums/b130/pangb81/Line_line/kapook_18284.gif[/url]) 


เรื่องการร้อยโคลงนี่ ถ้าเป็นโคลงสอง โคลงสาม นั่นนะต้องร้อยแน่ ๆ
แต่โคลงสี่ .... ผมยังไม่แน่ใจ

พอดีตอนนี้ติดทำงานที่ รพ. ยังให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้

คืนนี้กลับบ้าน จะค้นคำตอบมาให้ครับ


ในการเขียนร้อยกรอง ไม่ว่าจะเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ หรือกลอน ก็ตาม
สิ่งสำคัญที่สุดยังคงเป็น "รสความ" เสมอ
นั่นคือ ... ผู้เขียนต้องให้ความสำคัญแก่เนื้อความที่จะเขียนไว้ก่อนเป็นอันดับแรก

เมื่อได้เนื้อความดีแล้ว จึงค่อยมาประดับประดาตกแต่งให้มี "รสคำ" เกิดขึ้น

ดังนั้น .... ในความเห็นส่วนตัว ....

อยากให้เขียนโคลงแต่ละบทให้ได้ใจความชัดเจนเสียก่อน
แน่นอน... ในการเขียนโคลงมากกว่า ๑ บทนั้น
เนื้อความจากแต่ละบทต้องต่อเนื่องกันไปไม่หลงเข้าป่าเข้าดงในระหว่างทาง

และหากว่าอยากจะร้อยโคลงแล้ว....

คำที่นำมาร้อยทำให้เนื้อความเสียไป ... ก็ไม่ควรต้องร้อยสัมผัส เพราะไม่ได้บังคับเอาไว้ในฉันทลักษณ์



หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 20 ธันวาคม 2009, 08:52:PM
หยาดฝนโปรยหล่นฟ้า           มาดิน
ชรหลั่งไหลรดริน                 ทั่วหล้า
พาเสริมส่งชีวิน                    ชีพตื่น  คืนเฮย
ดุจดั่งหยาดน้ำฟ้า                 ดับร้อนคลายลง


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: gizon ที่ 20 ธันวาคม 2009, 09:51:PM
สายฝนกระหน่ำฟ้า               ซัดสาด
แรงส่งลมโหมฟาด               อกร้าว
ใจเจ็บดั่งเจียนขาด               สูญดับ สิ้นเลย
เหมือนถูกพายุกร้าว             ซัดซ้ำกลางใจ


หัวข้อ: Re: หยาดฝนปนลมหนาว
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ธันวาคม 2009, 10:36:PM
ไปค้นมาแล้วขอรับ .... เรื่องการร้อยโคลงสี่ หรือการเข้าลิลิต  emo_47

พบว่า .... ในลิลิตสมัยอยุธยาอย่างลิลิตพระลอ ... ไม่ร้อยโคลง
แต่....  emo_44 แต่ว่าในสมัยรัตนโกสินทร์ อย่างลิลิตนิทราชาคริต .... ท่านร้อยโคลงครับ  emo_45

เพราะฉะนั้น ... ท่านจะร้อยหรือไม่ก็ได้ ... ไม่บังคับ

ส่วนตัวกระพ้ม .... ตามเรื่องตามราว .... ร้อยบ้างไม่ร้อยบ้าง ตามอารมณ์

ตัวอย่าง

ร้อยคำแรก

(http://drnui.com/poempix/chomchan.jpg)

คำที่สอง

(http://drnui.com/poempix/kaekam.jpg)

และ.... ไม่ร้อยเลย

(http://drnui.com/poempix/plaengklong.jpg)