ชื่อบทกลอน : บทเพลงนี้ขอร้องไห้ให้ไพรฟัง
ผู้ร้อง : บัณฑิตเมืองสิงห์
กระจ่างแสงสาดสีสดใสแสง
เผยแสดแดงดลพนาน่าดื่มด่ำ
แสงพร่างพรายหายล่วงช่วงฝนพรำ
กลับมานำนิจสินบนดินไพร
มวลสัตว์เล็กสัตว์น้อยร้อยชีวิต
ต่างเริ่มกิจจิตสราญมานสดใส
ดื่มน้ำค้างคลอเสียงเพียงเรไร
นกน้อยใหญ่เจื้อยแจ้วเจรจา
ยังอีกฟากฝั่งหนองของไพรสณฑ์
มีน้ำล้นพ้นทรายทั้งปลายหญ้า
มีเก้งกวางช้างผงาดดาษดื่นตา
ไม้เรียวยาวครึ่งวาวางข้างกัน
มีต้นไม้หลายหลากล้วนผิดแผก
ลำต้นแปลกไร้รากมากมายนั่น
ล้วนทั้งหมดนอนไห้ไม่ชูชัน
น้ำตามันไหลรินเปื้อนดินทราย
ไปผสมโลหิตชีวิตสัตว์
ที่นอนอัดกลางไพรน่าใจหาย
อันไม้เรียวคือศรสั่งมลาย
สัตว์วอดวายตายหมดรันทดใจ
พอหมดฝนคนย่ำ ย่ำย่ำป่า
พรากวิญญาณพฤกษาสัตว์เล็กใหญ่
ทุกชีวิตเกี่ยวข้องต้องจากไป
ฝีมือใครกันหนอ หนอพ่อเอย
ผู้ร้อง : บัณฑิตเมืองสิงห์
กระจ่างแสงสาดสีสดใสแสง
เผยแสดแดงดลพนาน่าดื่มด่ำ
แสงพร่างพรายหายล่วงช่วงฝนพรำ
กลับมานำนิจสินบนดินไพร
มวลสัตว์เล็กสัตว์น้อยร้อยชีวิต
ต่างเริ่มกิจจิตสราญมานสดใส
ดื่มน้ำค้างคลอเสียงเพียงเรไร
นกน้อยใหญ่เจื้อยแจ้วเจรจา
ยังอีกฟากฝั่งหนองของไพรสณฑ์
มีน้ำล้นพ้นทรายทั้งปลายหญ้า
มีเก้งกวางช้างผงาดดาษดื่นตา
ไม้เรียวยาวครึ่งวาวางข้างกัน
มีต้นไม้หลายหลากล้วนผิดแผก
ลำต้นแปลกไร้รากมากมายนั่น
ล้วนทั้งหมดนอนไห้ไม่ชูชัน
น้ำตามันไหลรินเปื้อนดินทราย
ไปผสมโลหิตชีวิตสัตว์
ที่นอนอัดกลางไพรน่าใจหาย
อันไม้เรียวคือศรสั่งมลาย
สัตว์วอดวายตายหมดรันทดใจ
พอหมดฝนคนย่ำ ย่ำย่ำป่า
พรากวิญญาณพฤกษาสัตว์เล็กใหญ่
ทุกชีวิตเกี่ยวข้องต้องจากไป
ฝีมือใครกันหนอ หนอพ่อเอย
บัณฑิตเมืองสิงห์