พิมพ์หน้านี้ - รักร้าว สาวยาวี -๒-

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนอกหัก => ข้อความที่เริ่มโดย: hathaichanok ที่ 18 เมษายน 2011, 12:23:AM



หัวข้อ: รักร้าว สาวยาวี -๒-
เริ่มหัวข้อโดย: hathaichanok ที่ 18 เมษายน 2011, 12:23:AM
***


หัวข้อ: Re: รักร้าว สาวยาวี -๒-
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 18 เมษายน 2011, 05:32:PM

(http://www.ohzeed.com/bar_084.gif) (http://www.ohzeed.com)

ศาสนาคือแหล่งกำแพงขวาง
สิ้นหนทางต่อต้านจะทานไหว
"มุสลิม"นี่หนอท้อหทัย
มิมีใครเดินผ่านแห่งม่านดำ

ต้องระทมขมเจ็บเฝ้าเก็บรัก
สะอื้นฮักหนักจิตไม่คิดคร่ำ
หักใจกันเถิดหนอมิก่อกรรม
กำแพงค้ำสูงเกินจะเดินเคียง

คิดเสียว่าชาตินี้ต้องชี้ขาด
มิเอื้อมอาจหมายปองให้ต้องเสี่ยง
ขออยู่เดียวเดี่ยวโดดเป็นโสดเพียง
เลิกมองเมียงเลี่ยงหลบ พบ "ยาวี" emo_29

 emo_55

"ปรางค์  สามยอด"


หัวข้อ: Re: รักร้าว สาวยาวี -๑-
เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 18 เมษายน 2011, 06:14:PM

๐ จรดปากกา มาหมาย เรียงรายร้อย
สลักถ้อย รอยร้าว ของสาวหนึ่ง
เคยผูกพัน ฝันรัก สลักตรึง
ดำเนินถึง ครึ่งทาง ก็ร้างไป

๐ ปัญหารัก หนักเหลือ เรื่องเชื้อชาติ
ต้องตัดขาด พลาดกัน สุดหวั่นไหว
ศาสนา มาขวาง หนทางใจ
หนึ่งหนุ่มไทย ใฝ่หา สาวยาวี

๐ สองหญิงชาย หมายรัก สมัครมั่น
หมายร่วมกัน ปันรัก แห่งศักดิ์ศรี
เฝ้าฟูมฟัก รักบาน มานานปี
ประเพณี กลับขวาง หนทางเรา

๐ เพราะคำ “พุทธ” “มุสลิม” คือลิ่มตอก
ไร้ทางออก ชอกช้ำ ระกำเศร้า
ความรักเคลื่อน เลือนราง จนบางเบา
เหลือเพียงเงา เศร้าสร้อย บนรอยใจ....(หทัยฯ)
...........................................................
...เห็นน้องครวญพี่คลั่งเกินยั้งจิต
โอ้ยอดมิตรหนาวเหน็บเจ็บแค่ไหน
กำแพงรักหนักแน่นเหนือแก่นใด
กั้นเจ้าไว้จากเขาแสนเศร้าทรวง

...ค่าแห่งความรักแท้ต้องแพ้กฏ
หากฝ่าฝืนคือกบฏคดต่อสรวง
ต่างกันเพียงเชื้อชาติอำนาจลวง
ต้องตกห้วงทุกข์ถมจนตรมตรอม

...ศักดิ์ศรีของหัวใจแม้ไกลห่าง
มิอาจจางดวงจิตคิดถนอม
ประเพณียึดถือดื้อหรือยอม
หากเจ้าพร้อมรับผลไม่จนทาง…
………………………..//ทอฝัน


หัวข้อ: Re: รักร้าว สาวยาวี -๒-
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 18 เมษายน 2011, 07:45:PM
(http://upic.me/i/4t/heart.jpg)

(http://img14.imageshack.us/img14/3015/17line32.gif)

ในทุกศาสน์ปรารถนาพาความรัก
ให้ประจักษ์มวลชนคนสรรเสริญ
มีเยื่อใยไมตรีมิกล้ำเกิน
ต่างพาเดินสู่สุขไร้ทุกข์พาล

ความรักในหัวใจใครคนหนึ่ง
ที่บ่งถึงพิสุทธิ์สุดสถาน
จริงใจมอบต่อใครใสพิมาน
ไยเป็นการก่อจิตผิดวินัย

รักเพราะรักผิดหรือคือกล่าวอ้าง
รักถูกทางรักแท้แน่ไฉน
รักจริงนั้นฟันฝ่ากล้าเกินใคร
อยู่แดนไหนไม่หวั่นเมื่อมั่นคง

แยกความรักออกถือคือรักข้า
ศาสนาคือบ้านอย่าพาลหลง
เข้าอาศัยก่อสุขรุกดำรง
ยิ่งอ่าองค์ทั้งรักหลักศาสดา

ไม่อาจแยกหมู่ชนพ้นจากรัก
ต้องรู้จักปรับถ่ายหมายรักษา
จรรโลงไว้ได้หลักรักนำพา
ร้องต่อฟ้า...รักใช่ไหม...ไร้พรมแดน.

"บ้านริมโขง"

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_194.gif)


หัวข้อ: Re: รักร้าว สาวยาวี -๒-
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 19 เมษายน 2011, 01:52:PM
มาแลนี้มีบุหลันพลันทอแสง
มีแอบแฝงใดหนาจึงมาเศร้า
อาแบรู้ความต่างระหว่างเรา
เปรียบเหมือนเงากำแพงแสร้งกั้นกลาง

มาตอต่อดวงตาเคยประสาน
เป็นสะพานฮาตีใจไม่ขัดขวาง
ประเพณีเตาะซูปอส่อเลือนลาง
ความฝันค้างอาเด๊ะน้องจึงหมองตรม

บังกาเซ่ะซูโง่ะนะจะขอบอก
ใช่กลับกลอกหลอกแมะไว้ให้ขื่นขม
เต๊าะลามอรอเวลามาชื่นชม
แม่ตาคมจงซูกอแบขอมา

ให้แบได้แทนคุณหนุนแม่พ่อ
ท่านหวังรอประเพณีมีเก่าหนา
ต่อจากนั้นนาตีมีเวลา
แบสัญญาสู่พิธีที่เด๊ะรอ.

นพ
19เม.ย.54

มาแล-ค่ำคืน,บุหลัน-ดวงจันทร์,อาแบ บัง-พี่(ชาย),มาตอ-ดวงตา,ฮาตี-หัวใจ,
เตาะซูปอ-ไม่เหมือน,อาเด๊ะ แมะ-น้อง(สาว),กาเซ่ะ-รัก,ซูโง่ะ-จริงๆ,เตาะลามอ-ไม่นาน,
ซูกอ-ยิ้ม,นาตี-รอ


หัวข้อ: Re: รักร้าว สาวยาวี -๒-
เริ่มหัวข้อโดย: หมากสีสุก ที่ 02 พฤษภาคม 2011, 11:23:PM
“........๐ ค่ำคินนั้น.......
คืนที่แสง แห่งจันทร์ อำพันฉาย
ทอแสงงาม ท่ามฟ้า ดาราราย
หนึ่ง “หญิง-ชาย” หมายมั่น สานฝัน “เรา”

๐ สัญญาใจ ให้กัน ผูกพันคล้อง
จะประคอง สองใจ มิให้เฉา
สานรักอยู่ คู่กาล ตราบนานเนา
จะเป็นเงา เฝ้าเคียง เพียงกมล

........๐ ค่ำคืนนี้.......
ในราตรี ที่ฟ้า นภาหม่น
จันทร์สลัว มัวไป พร้อมใจคน
ที่ทุกข์ทน วนคว้าง สิ้นทางจร

๐ ทุกความฝัน พลันหาย มลายสิ้น
ทุกความหวัง พังภิณฑ์ จนจินต์หลอน
ทุกนิยาม ความหมาย ก็คลายคลอน
สิ้นอาวรณ์ ก่อนใจ มีให้กัน

๐ ทิ้งให้เรา เศร้าโศก ในโลกเหงา
ทิ้งให้เรา เศร้าใจ ในโลกฝัน
ทิ้งให้เรา เฝ้าหา ด้วยจาบัลย์
ทิ้งให้เรา เศร้าศัลย์ เกินบรรเทา

๐ รอยอาลัย ในยาม สิ้นความหมาย
บทสุดท้าย คล้ายอยู่ เคียงคู่เหงา
ถึงอยู่ใกล้ ได้เคียง ก็เพียงเงา
กับความเศร้า เร้ารุม เข้าสุมใจ

๐ เหมือนตอกย้ำ ค่ำคืน อันขื่นนัก
เธอตัดรัก หักจน ใจหม่นไหม้
สิ่งสวยงาม ความหลัง กลบฝังไป
ทิ้งฉันไว้ ให้รับ ซึมซับลวง......”

๐ จวบรุ่งสาง พร่างพราย แดดฉายสาด
ยังหมายมาด วาดหวัง ถึงฝั่งสรวง
จึงบนบาน สานคำ มาบำบวง
ปลุกปลอบห้วง ดวงมาน อันรานร้าว

๐ อย่าทิ้งใจ ให้คว้าง บนทางฝัน
อย่าผลักไส ในวัน อันเหน็บหนาว
ให้รักบาน สานก่อ เป็นช่อพราว
นำรักสร้าง ทางยาว ให้ก้าวเดิน..........
(หทัยชนก)

มิยากเลยสองใจสานใยรัก
แต่ยากนักยังหวานผ่านภูเถิน
ด้วยเที่ยวทางขวางขวากยากเหลือเกิน
จนห่างเหินสุดใจเอื้อมไขว่คว้า

กาลเวลาพาให้มาได้พบ
เวียนบรรจบผูกชาติวาสนา
แล้วหมุนเวียนเปลี่ยนวันจนผันลา
ทิ้งชีวาเปล่าร้างบนทางลวง

เหลือรอยจำย้ำใจเพื่อให้เจ็บ
ต้องหนาวเหน็บดวงจิตด้วยพิษหวง
ที่แผ่ซ่านแทรกซับอยู่กับทรวง
แม้วันล่วงเดือนลายังอาลัย

มิยากเลยสองใจสานใยรัก
แต่ยากนักตรึงจิตพิศมัย
เมื่อต้องพรากยากแท้ด้วยแพ้ใจ
ราวตรึงไว้ด้วยตรวนทุกส่วนจินต์


รับฝากไว้ร่วมแจม..ตอน เอาคืน..อิอิ