กลอนต่อเนื่อง
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
21 พฤษภาคม 2024, 07:01:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กลอนต่อเนื่อง  (อ่าน 3517 ครั้ง)
rit sriduang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 65
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 39



« เมื่อ: 06 ตุลาคม 2011, 06:15:PM »

พยายามจะนำงานเขียนหลายๆเรื่อง ประมาณ 60 เรื่อง มาเชื่อมเป็นเรื่องเดียวกัน
วางพล็อตเสร็จตั้งแต่ต้นปี แต่เขียนบทเชื่อมไม่ออก เพิ่งเขียนออกมาตอนเข้ามาที่นี่ ขอบคุณครับ  เคารพรัก

ตัวอย่างกลอนเชื่อมเรื่องที่เพิ่งเขียนเสร็จ (ใบไม้แห้ง)  กับงานเก่า  (เพลงคนบาป)
เผื่อมีใครจะทดลองบ้าง จะได้แบ่งปันประสบการณ์กัน

ใบไม้แห้ง
ยามนี้..ถนนเก่าดูเปล่าเปลี่ยว      
รอยล้อเลี้ยวอยู่ใต้ใบไม้แห้ง
ลมจากรถแล่นผ่านก็พัดแรง
กอบใบแกว่งลอยคว้างขึ้นกลางลม

ลอยละล่องเป็นวงกลางผงฝุ่น         
หมุนเถิดหมุนเริงร่าให้สาสม
เพราะเพียงชั่วอึดใจใบระบม         
ก็ร่วงถมทอดร่างลงทางเท้า

ไม่อาจคืนกลับไปเป็นใบเขียว      
อยู่ในโลกโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงา
ใบแหว่งวิ่น..สีก้านน้ำตาลเทา      
ไม่เหลือเค้าเขียวอ่อนเช่นก่อนกาล

แหละดูซิ! ต้นไม้แตกใบใหม่         
เขียวคอนอ่อนวัยไสวก้าน
ใบชราน่าขันของวันวาน         
กลับร่วงลานเกลื่อนกลาดอนาจนัก      

เป็นเสียงครวญร่ำไห้ของใบแห้ง      
ที่ไร้แรงชำรุดและทรุดหนัก
จึงสองเท้าบุรุษหยุดชะงัก         
มองซากปรักใบคล้ำสีน้ำตาล

แล้วว่าความเติบงามแห่งลำต้น      
นั่นคือผลคุณค่าของอาหาร
ที่ใบปรุงเลี้ยงหลายฤดูกาล         
นานนับนานหลายชั่วอายุใบ

เป็นหน้าที่ยิ่งใหญ่ก่อนใบหล่น      
เป็นหนึ่งเฟืองเครื่องยนต์ของต้นไม้
สิ้นอายุหลุดร่วงลงช่วงใด         
ความภูมิใจจะอยู่มิรู้จาง

ใบไม้ชราเปิดตาคิด            
เห็นชีวิตมีค่าตาสว่าง
พอลมพัดพาหอบใบกรอบบาง      
ก็ลอยร่างก่อนร่วงลงห้วงดิน

มาสุมโคนต้นไม้ล้วนใบลีบ         
จุลชีพตัวน้อยก็ย่อยสิ้น
เป็นปุ๋ยเลี้ยงรากให้ต้นไม้กิน         
ทำหน้าที่ชีวินครั้งสุดท้าย

คนแปลกหน้าหยุดเอ่ยแล้วเผยยิ้ม      
ความสุขปริ่มสบตากับฟ้าสาย
ขยับเป้สีแดงทะเลทราย         
ก่อนเดินหายร่างลับไปกับตา…..

๒ ตุลาคม ๒๕๕๔
………………………………………………………………

เพลงคนบาป
ดวงตะวันกำลังจะตกดิน         
คนต่างถิ่นแบกเป้ดูแปลกหน้า
หมุนข้อมือมองเข็มนาฬิกา         
ตึกระฟ้าตะวันตกกระจกวาว

จตุรัสค่ำคล้ำดูดำขลับ         
สีตัดกับสีขนพิราบขาว
ที่กระพือปีกกางขึ้นบางคราว         
ก็ดูราวปีกบางของนางฟ้า

ถั่วในมืออิดโรยเขาโปรยหว่าน      
ลงบนลานกระเบื้องที่เบื้องหน้า
นกพิราบหิวโซก็โผมา         
ร่อนถลาระริกเข้าจิกกิน

วณิพกบรรเลงบทเพลงเหงา         
เรื่องชายเฒ่าจรจัดผู้พลัดถิ่น
ในเมืองที่ตะวันไม่ตกดิน         
ด้วยเพลงพิณแปลบปร่าและปวดร้าว

ว่าเธอยังอยู่ในมโนภาพ         
หากพิราบเหินไปสุดปลายหาว
บอกเธอผู้อยู่สรวง ณ ดวงดาว      
ฉันคอยข่าวของเธอเสมอมา

เขาฟังเพลงวณิพกผู้อกไห้         
เราหาได้ผิดแผกแค่แปลกหน้า
เกิดต่างกันต่างที่ต่างเวลา         
แต่ชะตาบางครั้งก็คล้ายกัน

เธอคงคอยข้ายังอีกฝั่งฟ้า         
ยิ่งข่มตายิ่งหลับยิ่งกลับฝัน
เห็นภาพเธอทรุดร่างลงกลางควัน      
ถูกลงทัณฑ์จากปลายกระบอกปืน

เธอรับเคราะห์แทนคนที่เธอรัก      
บนซากปรักโสมมและขมขื่น
ข้าสาบานกับพระเจ้าจะเอาคืน      
จะเลือกยืนหยัดอย่างอหังการ์

แต่งเพลงเพื่อข้าเถิดสหายเฒ่า         
บอกคนเขาให้ทราบเรื่องหยาบช้า
เงินก้อนนี้ข้าได้จากขายยา         
สำหรับค่าจ้างท่านสร้างงานเพลง

เขาหยิบวัตถุปลาบดำวาบวับ         
ตาจ้องจับนาฬิกาตาเขม็ง
ตึกระฟ้าด้านหลังดูวังเวง         
เหลือรถเก๋งพ่อเลี้ยงอยู่เพียงคัน

วณิพกบรรเลงบทเพลงใหม่         
ซ่อนความนัยเปรียบเปรยแหละเย้ยหยัน
มีความสุขความเศร้าคละเคล้ากัน      
และบีบคั้นอารมณ์จากคมพิณ

พิณเร่งรัวกรีดเสียงขึ้นสูงสุด         
ร่างบุรุษตระหง่านบนลานหิน
เมื่อเป้าหมายมาที่รถสีนิล         
เสียงเคบินมัจจุราชก็สาดดัง

พิณชะลอเสียงรัวชั่วขณะ         
เปลี่ยนจังหวะเนิบช้าเป็นบ้าคลั่ง
บอดี้การ์ดกราดปืนเป็นหมื่นปัง      
บุรุษผู้สมหวังก็ทรุดครืน

พร้อมสิ้นเสียงบรรเลงบทเพลงบาป      
นกพิราบขยับขึ้นนับหมื่น
ท่ามกลางควันกรุ่นกระสุนปืน      
ในค่ำคืนที่ตะวันไม่ตกดิน……

๑๗ กันยายน ๒๕๕๓
…………………………………………………………….

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

บ้านริมโขง, yaguza, ♥หทัยกาญจน์♥, Music, พี.พูนสุข, สะเลเต, รพีกาญจน์, Prapacarn ❀, --ณัชชา--, พิมพ์วาส, ดาว อาชาไนย, รัตนาวดี, สุนันยา, amika29, ไพร พนาวัลย์, ไม่รู้ใจ, sitang

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s