มาดูว่า นักกลอนเขาเขียนกลอนไปเพื่ออะไร
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
17 พฤษภาคม 2024, 04:45:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1] 2
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาดูว่า นักกลอนเขาเขียนกลอนไปเพื่ออะไร  (อ่าน 20576 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
14 กุมภาพันธ์ 2012, 07:11:PM
ช่วงนี้ไม่ว่าง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 358
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 792



« เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 07:11:PM »
ชุมชนชุมชน



เรามาดูกันว่ากันว่า คนแต่งกลอนนั้นเขาเขียนกลอนไปเพื่ออะไรกัน
ซึ่งเป็นการจัดตามความคิดเห็นของผม  มีดังนี้

๑. เขียนเพื่อความสุขแห่งตน     ก็หมายความว่าเขียนไปตามที่ใจต้องการ  อาจจะดีมั่ง เลวมั่ง 
     บางทีก็เขียนกลอนสุภาพ  บางทีก็เขียนกลอนหยาบคาย  หวานมั่ง  ด่ามั่ง  กวนตีนคนอื่นมั่ง
    โดยไม่สนว่าใครจะว่าอะไร  กลอนจึงมาทั้งดี เลว คละเคล้ากันไป สุดแต่ใจของผู้แต่ง

๒. เขียนเพื่อหวังชื่อเสียง  ประมาณว่า สร้างผลงาน เพื่อให้คนยอมรับ  งานเขียนแบบนี้จึงต้องประณีต บรรจง
    เมื่อผิดต้องมีการแก้ไข  อาจเป็นสิบ  เป็นร้อย  เป็นพันครั้ง  หรืออาจต้องรื้อแล้วเขียนใหม่ทั้งหมด
    ทั้งนี้ก็เพื่อความโดดเด่น ดูดี  เป็นที่ยอมรับนั่นเอง  จะปล่อยออกมาชุ่ยๆไม่ได้ ไม่งั้นเสียชื่อเสียงแย่

๓. เขียนเพื่อการอนุรักษ์ศิลป และสร้างผลงานฝากไว้ให้ลูกหลาน คนรุ่นหลัง ตลอดจนถึงประเทศชาติ
    การเขียนชนิดนี้คือเขียนแบบเป็นการเป็นงาน  เขียนเป็นกิจลักษณณะ  เขียนเป็นเรื่องเป็นราว
    การเขียนต้องอาศัยการรวบรวม การค้นคว้าหาข้อมูล  ผลงานอาจจะดีประณีตบ้าง ไม่ประณีตบ้าง
    สุดแล้วแต่ความรอบรู้และความสมารถของผู้เขียน  แต่สรูปแล้วคือ เป็นการสร้างผลงาน
     เพื่อการอนุรักษณ์ หรือต้องการให้เป็นมรดกตกทอดไปสู่อนุชนรุ่นหลัง

อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงข้อคิดเห็นส่วนตัว ถ้าใครยังมีข้อคิดดีๆจะช่วยเสริมก็ได้   ไปละ  งอนแล้วด้วย



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ♥หทัยกาญจน์♥, --ณัชชา--, panthong.kh, พิมพ์วาส, พี.พูนสุข, บูรพาท่าพระจันทร์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, เพรางาย, ภู กวินท์, ...สียะตรา.., sunthornvit, กังวาน, สะเลเต, ลมหนาว, รพีกาญจน์, amika29, อริญชย์, Charlie, สิงขร, Thammada, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, สุนันยา, กามนิต, ดุลย์ ละมุน

ข้อความนี้ มี 27 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กุมภาพันธ์ 2012, 07:27:PM
พิมพ์วาส
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 422
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


Pretending is the beginning of changes.


profile.php?id=100002905344846
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 07:27:PM »
ชุมชนชุมชน

๔. เขียนเพื่อเอาชนะตนเอง เอาชนะความไม่รู้ของตนโดยหัดเขียนกลอนกระนั้นพอเราเขียนกลอนได้ก็จะมี โคลง,กาพย์,กลอน,ฉันท์ มาให้เรียนรู้อีก พิมพ์วาสขายหน้าเมื่อคราวันสุนทรภู่ตอนประถม ๕ เลยหันมาเขียนกลอนตอนนั้นเข้ามาในบ้านกลอนใหม่ๆ ครามาครั้งแรกก็โดนท่านสมาชิคติชมกลอนขอยอมรับนะคะว่าเขียนกลอนไม่ได้ไม่เป็นจริงๆในขณะนั้นขนาดผังก็ยังต้องเอามาดูเลยสัมผัสระหว่างบทก็ยังไม่รู้จัก หรือแม้แต่สัมผัสใน สัมผัสสระเป็นอย่างไร สัมผัสอักษรเป็นอย่างไรยังไม่ทราบเลค่ะ ถึงว่าไปย้อนอ่านกลอนตัวเองดูถึงรู้ว่าตลก หรือจะพูดได้ว่าเขียนไม่เป็นเลย เขียนไม่ได้เลยก็ว่าได้ค่ะ ประมาณกระทู้ที่ ๓๐๐ กว่าๆถึงจะรู้ตัวว่าเขียนไม่ได้เรื่องเลยข้อความแต่ละขอความที่ส่งมาพิมพ์วาสขอยอมรับนะคะว่าอ่วมใจเลยจนเต็มไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องกราบขอบพระคุณค่ะ พิมพ์วาสว่า พิมพ์วาสไม่ได้เขียนเพื่อะไรทั้งนั้นหละคะเขียนเพราะมันติดมากกว่ากระมังคะ เพราะว่าพอเขียนบ่อยๆแล้วมันจะจำได้จากนั้นสิ่งที่เรารู้เราก็จะรู้มากขึ้นจากนั้นก็จะแผ่ขยายความรู้แตกออกไปอีก แล้วพอเราหยุดทำมันก็จะลืม ที่ว่าติดนี่หมายถึงว่าเมื่อคราไม่ได้เขียนแล้วมันจะ รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะเขียนขึ้นมาเฉยๆก็ประมาณนี้ค่ะ เขียนเพราะว่าเราชอบค่ะเรามีความสุขกับมันก็เขียนไปเถอะค่ะ ประมาณนั้นกระมังคะ

กาพย์กลอนฉันลิลิตรวิจิตรบท
งามถ้อยรสพจน์คำแสนล้ำศิลป์
เจรียงความงามถ้อยนำร้อยสิ้น
ให้เป็นถิ่นรินกลอนอักษรไทย

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, บูรพาท่าพระจันทร์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, ภู กวินท์, เพรางาย, ...สียะตรา.., sunthornvit, ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, ลมหนาว, รพีกาญจน์, amika29, อริญชย์, Charlie, สิงขร, Thammada, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, กามนิต, ดุลย์ ละมุน

ข้อความนี้ มี 22 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความผกผันของเวลา  เฉือนเจตนาของอารมณ์
14 กุมภาพันธ์ 2012, 07:35:PM
เอ๊พ
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 82
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 157



« ตอบ #2 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 07:35:PM »
ชุมชนชุมชน



เขียน แก้ความเหงา

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, บูรพาท่าพระจันทร์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, ภู กวินท์, เพรางาย, ...สียะตรา.., sunthornvit, กังวาน, ช่วงนี้ไม่ว่าง, สะเลเต, รัตนาวดี, ลมหนาว, รพีกาญจน์, amika29, Charlie, สิงขร, Thammada, ดาว อาชาไนย, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, D, กามนิต, ดุลย์ ละมุน

ข้อความนี้ มี 25 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กุมภาพันธ์ 2012, 07:52:PM
เอ๊พ
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 82
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 157



« ตอบ #3 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 07:52:PM »
ชุมชนชุมชน



เพิ่มเติมครับ

เขียนเพราะอ่านแล้ว อิน
หรือซาบซึ้งในบทกลอนของท่านนั้นๆ...เลยอยากเขียนตอบ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ยามพระอาทิตย์อัสดง, ภู กวินท์, เพรางาย, ...สียะตรา.., sunthornvit, กังวาน, ช่วงนี้ไม่ว่าง, สะเลเต, รัตนาวดี, panthong.kh, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รพีกาญจน์, amika29, อักษราวารี, Charlie, Thammada, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, D, กามนิต, ดุลย์ ละมุน

ข้อความนี้ มี 24 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กุมภาพันธ์ 2012, 08:01:PM
ยามพระอาทิตย์อัสดง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 691
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,437


~ ทุกถิ่นแถนแดนอักษร ~


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 08:01:PM »
ชุมชนชุมชน



1. เหงาไม่มีอารัยทำ
2. หาความรู้ใหม่ๆฝึกภาษาไทยให้คล่องและดีกว่าที่เป็นอยู่
3. ได้รู้จักคนหลายแบบ และก็ได้เพื่อนใหม่ๆ
4. ได้ใช้สมองคิดในการแต่งกลอน (อยู่ว่างไปสมองฟ่อ)

พระอาทิตย์อัสดง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ภู กวินท์, ...สียะตรา.., sunthornvit, พี.พูนสุข, กังวาน, ช่วงนี้ไม่ว่าง, สะเลเต, รัตนาวดี, panthong.kh, ลมหนาว, รพีกาญจน์, amika29, Charlie, สิงขร, Thammada, ดาว อาชาไนย, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, D, กามนิต, ดุลย์ ละมุน, Prapacarn ❀

ข้อความนี้ มี 24 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

อัสดง..ขอขอบคุณภาพสวยๆจากอินเตอร์เนต..
http://noisunset.blogspot.com/
Thinking about you makes me smile...
14 กุมภาพันธ์ 2012, 08:50:PM
rit sriduang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 65
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 39



« ตอบ #5 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 08:50:PM »
ชุมชนชุมชน

เขียนเพราะ
๑.สร้างความสมดุลย์ของสมอง ปรกติใช้แต่สมองซีกซ้าย ด้านเหตุผล  พอเสริมด้านจินตนาการ ทำให้ประสิทธิภาพในงานดีขึ้น ช่วยเสริม EQ ด้วย
๒.ชอบเล่าเรื่อง เรื่องที่ข้อมูลน้อยๆ เล่าด้วยร้อยกรองจะสื่ออารมณ์ได้ดีกว่า
๓.เป็นความรื่นรมย์ และผ่อนคลาย

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : sunthornvit, ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, สะเลเต, รัตนาวดี, panthong.kh, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รพีกาญจน์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Charlie, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, Prapacarn ❀, D, กามนิต, ดุลย์ ละมุน

ข้อความนี้ มี 20 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กุมภาพันธ์ 2012, 09:14:PM
sunthornvit
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 777
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,076



« ตอบ #6 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 09:14:PM »
ชุมชนชุมชน



เขียนเพราะรัก ลีลา ภาษาศิลป์
เขียนเพราะยิน เสียงกลอง ต้องรำป๋อ
เขียนเพราะอยาก มีมิตร สนิทคอ
เขียนเพื่อห่อ ความรู้ จากครูกลอน

เขียนเพื่อฝึก_ปรือเพิ่ม_เติมทักษะ
เขียนเพื่อจะ ดำรง คงอักษร
เขียนเพื่อหวัง ร้อยกรอง ผ่องถาวร
เขียนก่อนนอน โปรดปราน มานานปี

สุนทรวิทย์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, สะเลเต, รัตนาวดี, panthong.kh, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รพีกาญจน์, amika29, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Charlie, สิงขร, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, Prapacarn ❀, D, ดาว อาชาไนย, กามนิต, ดุลย์ ละมุน, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 24 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กุมภาพันธ์ 2012, 09:16:PM
ช่วงนี้ไม่ว่าง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 358
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 792



« ตอบ #7 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 09:16:PM »
ชุมชนชุมชน


๔. เขียนเพื่อเอาชนะตนเอง เอาชนะความไม่รู้ของตนโดยหัดเขียนกลอนกระนั้นพอเราเขียนกลอนได้ก็จะมี โคลง,กาพย์,กลอน,ฉันท์ มาให้เรียนรู้อีก พิมพ์วาสขายหน้าเมื่อคราวันสุนทรภู่ตอนประถม ๕ เลยหันมาเขียนกลอนตอนนั้นเข้ามาในบ้านกลอนใหม่ๆ ครามาครั้งแรกก็โดนท่านสมาชิคติชมกลอนขอยอมรับนะคะว่าเขียนกลอนไม่ได้ไม่เป็นจริงๆในขณะนั้นขนาดผังก็ยังต้องเอามาดูเลยสัมผัสระหว่างบทก็ยังไม่รู้จัก หรือแม้แต่สัมผัสใน สัมผัสสระเป็นอย่างไร สัมผัสอักษรเป็นอย่างไรยังไม่ทราบเลค่ะ ถึงว่าไปย้อนอ่านกลอนตัวเองดูถึงรู้ว่าตลก หรือจะพูดได้ว่าเขียนไม่เป็นเลย เขียนไม่ได้เลยก็ว่าได้ค่ะ ประมาณกระทู้ที่ ๓๐๐ กว่าๆถึงจะรู้ตัวว่าเขียนไม่ได้เรื่องเลยข้อความแต่ละขอความที่ส่งมาพิมพ์วาสขอยอมรับนะคะว่าอ่วมใจเลยจนเต็มไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องกราบขอบพระคุณค่ะ พิมพ์วาสว่า พิมพ์วาสไม่ได้เขียนเพื่อะไรทั้งนั้นหละคะเขียนเพราะมันติดมากกว่ากระมังคะ เพราะว่าพอเขียนบ่อยๆแล้วมันจะจำได้จากนั้นสิ่งที่เรารู้เราก็จะรู้มากขึ้นจากนั้นก็จะแผ่ขยายความรู้แตกออกไปอีก แล้วพอเราหยุดทำมันก็จะลืม ที่ว่าติดนี่หมายถึงว่าเมื่อคราไม่ได้เขียนแล้วมันจะ รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะเขียนขึ้นมาเฉยๆก็ประมาณนี้ค่ะ เขียนเพราะว่าเราชอบค่ะเรามีความสุขกับมันก็เขียนไปเถอะค่ะ ประมาณนั้นกระมังคะ

กาพย์กลอนฉันลิลิตรวิจิตรบท
งามถ้อยรสพจน์คำแสนล้ำศิลป์
เจรียงความงามถ้อยนำร้อยสิ้น
ให้เป็นถิ่นรินกลอนอักษรไทย

หนูพิมพ์วาสจ๋า  ช่วงหลังๆนี่อา  เอ๊ย  พี่สังเกตว่าฝีมือหนูพัฒนามากขึ้นทีเดียว  จะว่าไปมันเป็นสิ่งที่ดี ในการที่เราได้ครูหรือบุคคลที่มีความรู้มาเป็นผู้แนะนำนั้น
ตลอดถึงมีตัวอย่างหลากหลายให้ศึกษา ช่วยให้ฝีมือเราก้าวหน้าขึ้นเยอะ   ผิดกับอา อ๊ยพี่  สมัยที่แต่งกลอนใหม่ๆนั้น(นานมากแล้ว ราวยี่สิบปีเห็นจะได้)
การฝึกกลอนนั้นผงผัง หรือผู้แนะนำไม่มีหรอก ก็เราไม่ได้ศึกษามาทางนี้  ไม่ว่าจะผัง  คู่มือแนะนำการแต่ง  ล้วนไม่มีทั้งนั้น
แม้แต่กลอนที่จะหามาเป็นแบบอย่างสักบทมันช่างยากเย็นเต็มที  กลอนที่หาได้ก็อาจจะเป็นตามหนังสือธรรมะ ที่พระท่านแต่งเป็นคติธรรมคำกลอนแจกบ้าง
จากหนังสืองานศพ ที่เขาพิมพ์กลอนคติธรรมแจกบ้าง   แหล่งกลอนที่ถือว่ามีกลอนเยอะพอสมควรก็เห็นจะเป็นหนังสือ ศาลาคนเศร้า ซึ่งต้องเสียเงินซื้อ(ซึ่งถือว่ามีกลอนมากหน่อย)
กับอีกเล่มหนึ่งที่ลงกลอนระดับคุณภาพแต่ลงแค่ฉะบับละสองบท นั่นก็คือ วารสารตราไปรษณียากร
ฉะนั้นการแต่งโคลง กาพย์  กลอน  จึงเป็นอะไรที่นับคำ ชนิดเทียบกันแบบคำต่อต่อคำกันเลยทีเดียว กว่าจะจับแนวทางได้ก็นานพอดู
อีกอย่างสมัยก่อนแต่งเองอ่านเอง จึงไม่ได้แต่งบ่อยเหมือนเดี๋ยวนี้  นานๆถ้ามีอารมณ์แต่งถึงจะแต่งขึ้นมาสักครั้ง  
แล้วเวลาที่แต่งแล้วจะไปให้ใครอ่านเขาก็มองว่าเป็นพวกบ้ากลอน  นอกจากไม่ได้แสดงความชื่นชมยินดี แล้วหนำซ้ำยังจะดูถูกอีกต่างหาก
นี่มันเป็นชีวิตจริง  มันเหมือนกระทิงหลงฝูง หรือไผ่นอกกอ  ข้าวนอกนาอะไรประมาณนั้นแหละ
ฉะนั้นพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ไอ้ที่แต่งๆนี่ไม่ว่าจะเป็นกลอน  กาพย์ โคลง  แกะมาเองทั้งนั้นแหละ  คล้ายๆพวกนักโบราณแกะศิลาจารึกอะไรประมาณนั้น
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ครูกลอนที่แท้จริงของอา เอ๊ย พี่ ก็คือ บทกลอนที่ใช้ศึกษานั่นเอง หรือถ้าจะนับเป็นบุคคลก็ได้แก่ตัวผู้แต่งกลอนนั้นๆ
ฉะนั้นรุ่นหลังๆนี่จึงถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ที่มีแหล่งกลอนให้ศึกษา  มีผู้รู้คอยให้คำแนะนำ  มีแผนผัง  มีกลอนตัวอย่างให้อ่านให้ศึกษากันอย่างมากมาย
อะไรที่ไม่เข้าใจ ถามอากู๋ เดี๋ยวเดียวก็ได้

เคล็ดลับสำคัญสำหรับการแต่งบทกลอนให้ดีนอกจากจะอาศัยแค่แผนผังกับวิธีการแต่งอย่างเดียวไม่ได้
จำเป็นจะต้องมีบทกลอนบทใดบทหนึ่งหรือหลายๆบท ที่แต่งดี แต่งถูกต้องตามฉันทลักษณ์มาเป็นแบบอย่างสำหรับท่องจำให้รู้จักท่วงทำนอง จังหวะจะโคนเสียก่อน
ถ้าอาศัยดูแต่แผนผังอย่างเดียวมักจะอยู่ไม่นาน  พอปล่อยแผนผังก็เป๋  การดูแค่แผนแล้วแต่งได้นั้นเป็นเรื่องของผู้ที่เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น
ฉะนั้น  กลอนตัวอย่างหรือบทครูนั้นจะสำคัญมาก  ถ้าได้ตัวอย่างที่ดี เราก็จะดีตามไปด้วย  ถ้าได้ตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็จะพลอยแย่  คล้ายๆพ่อปูสอนลูกปูแบบนั้น

เสริมอีกข้อ เป็นข้อ ๕  คือ  แต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะ  การแต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะก็คือการแต่งกลอนด้วยใจรักในศิลปะนั่นเอง
ดังนั้น กลอนที่สื่อออกมาจึงเป็นบทกลอนที่มีคุณภาพ  มีความละเอียดอ่อน ตามความตั้งใจของผู้แต่ง



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : sunthornvit, กังวาน, สะเลเต, พี.พูนสุข, รัตนาวดี, ลมหนาว, รพีกาญจน์, amika29, ยามพระอาทิตย์อัสดง, อริญชย์, Charlie, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, ดาว อาชาไนย, --ณัชชา--, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, กามนิต, ดุลย์ ละมุน, จารุทัส

ข้อความนี้ มี 22 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กุมภาพันธ์ 2012, 10:12:PM
รัตนาวดี
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 977
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 3,130


❤ ลองล้มลงดูบ้าง แล้วจะรู้ว่าใครยังอยู่ข้างๆเรา*¨♥


bai.bun.1
« ตอบ #8 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 10:12:PM »
ชุมชนชุมชน



รัตน์เหรอ...ทหารจอมเก๊ก เขียนแล้วมีความเป็นสุขใจ
เขียนเพื่อระบายจ่ะ!  แต่ไม่ได้หมายถึงระบายสีนะจ๊ะ แว่นตาดำยิ้มแก๊ก

ปล.เขียนเพื่อตัวเองจะได้ไม่ลืมภาษาไทยจ้า ยิ้มหน้าใส
 ส่งจูบจ้ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, amika29, sunthornvit, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Charlie, อริญชย์, สิงขร, ลมหนาว, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, ดาว อาชาไนย, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, Prapacarn ❀, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน

ข้อความนี้ มี 22 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

..อสงไขย..ใน..ใจ..คุณ...❤... สาวน้อยเซย์ ฮาโหล.....
☆★*•.¸All You Need Is  ℒƠѵℯ ✫*¸.•*¨♥¸.•*★☆
14 กุมภาพันธ์ 2012, 10:35:PM
amika29
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 341
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 593


~ยังเป็นโลกใบเก่า..แค่ไม่มีเขาเท่านั้นเอง~


« ตอบ #9 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 10:35:PM »
ชุมชนชุมชน

1. เขียนเพราะอยากผ่อนคลายความเป็นระเบียบของชีวิต

บริษัทที่อยู่เป็นของญี่ปุ่นค่ะ...เจ้าระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว

ชีวิตการทำงานจึงอยู่ในกรอบตลอดเวลาต้องรักษากฏ..เป็นตัวอย่างที่ดี

พอมีเวลาส่วนตัวจึงขอผ่อนคลายด้วยการเขียนสิ่งที่ตัวเองชอบค่ะ

..........เลยกลายเป็นกลอนประเภทแหกกฎอย่างที่เห็นค่ะ..หุหุ.... ขำแบบกระแดะหน่อยๆ

2. เพื่อรักษามิตรภาพและประครองความผูกพันให้มันยาวนานและสม่ำเสมอค่ะ

..........พยายามที่จะรวมเพื่อน ๆ ทุกคนไว้ ใครหายไปก็จะพยายามตามกลับมา

ถ้าเป็นเพื่อนเรา...เค้าจะรู้เลยว่า....ถ้าเค้าหายไปนาน ๆ อย่างน้อยจะมีคนหนึ่ง

ที่ไม่เคยลืมเค้าและรอให้เค้ากลับมาเสมอค่ะ สาวน้อยหัวเราะ


3. สำคัญที่สุดคือ....การได้"กล้าและลงมือที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ..."

......บางคนอยากเขียนแต่ได้แค่คิด...บางคนได้แต่คิดกลับไม่กล้าลงมือทำ...

คนที่กล้าลงมือทำตามความต้องการของตัวเอง ดีมั่ง พลาดมั่ง...น่าชื่นชมค่ะ

เพราะคนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย หัวเราะยิ้มๆ

น่าจะเป็นเหตุผลทำนองนี้ค่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, ยามพระอาทิตย์อัสดง, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, Charlie, อริญชย์, ช่วงนี้ไม่ว่าง, สิงขร, ลมหนาว, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, ดาว อาชาไนย, sunthornvit, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, Prapacarn ❀, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน

ข้อความนี้ มี 22 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

อย่า..."อิจฉาชีวิตคนอื่น"
แต่จง....ใช้ชีวิตให้สดชื่น
แล้วให้...."คนอื่นอิจฉา"
14 กุมภาพันธ์ 2012, 10:53:PM
my smile
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 333
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,183


รอยยิ้มที่จริงใจ มองทีไรก็รู้สึกดี. ..


« ตอบ #10 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 10:53:PM »
ชุมชนชุมชน



อยากแต่ง

ของแบบนี้มันอยู่ที่อารมณ์ว่าไหม.?? กิ้ว ๆ


เธอนั่นแหละจ้ะ

MY SMILE

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, Charlie, อริญชย์, ช่วงนี้ไม่ว่าง, amika29, สิงขร, ลมหนาว, รัตนาวดี, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, ดาว อาชาไนย, sunthornvit, เฮยอิง, ..กุสุมา.., แป้งน้ำ, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 21 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:02:PM
Charlie
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 54
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 97


ชื่อนิดหน่อยค่ะ


« ตอบ #11 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:02:PM »
ชุมชนชุมชน



หนูแต่งกลอนเพราะใจชอบค่ะ  ตรงกับข้อ 1
แต่อนาคตก็อยากจะมีแบบข้อ 3
เพราะในส่วนลึกๆแล้วก็แอบหวังจะเป็นแบบข้อ 2 ค่ะ  เต้นบัลเลย์



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, ช่วงนี้ไม่ว่าง, พี.พูนสุข, สิงขร, ลมหนาว, รัตนาวดี, amika29, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, Prapacarn ❀, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 21 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เพียงหนึ่งในฝัน
กลอน ๑๒  อีกหนึ่งนวัตกรรมผลงานที่ภูมิใจนำเสนอ
 
14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:06:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #12 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:06:PM »
ชุมชนชุมชน

รักการแต่งกลอนเป็นชีวิตจิตใจ คิดอะไรก็เป็นกลอน แม้จะแต่งได้ไม่ดีนัก
แต่ก็พยายามทำให้คนอ่านบรรเทิงใจมีความสุขมากที่สุดฮะ หาความรู้เพิ่มเติมจากงานกลอนเก่า ๆ และความรู้รอบตัวอื่น ๆ ไปด้วย ก็สนุกดี มีความสุขที่ได้คิดกลอน
 




 สาวน้อยเซย์ ฮาโหล อายจัง สาวน้อยเซย์ ฮาโหล

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สิงขร, ช่วงนี้ไม่ว่าง, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รัตนาวดี, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, Prapacarn ❀, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน, amika29, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 20 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:17:PM
ช่วงนี้ไม่ว่าง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 358
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 792



« ตอบ #13 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:17:PM »
ชุมชนชุมชน



หนูแต่งกลอนเพราะใจชอบค่ะ  ตรงกับข้อ 1
แต่อนาคตก็อยากจะมีแบบข้อ 3
เพราะในส่วนลึกๆแล้วก็แอบหวังจะเป็นแบบข้อ 2 ค่ะ  เต้นบัลเลย์





โฮะๆๆๆๆ  หนูนิดหน่อยนี่คิดอะไรเหมือนกับป๋า เอ๊ย น้าเป๊ะ  แสดงว่าเราสองคนนี่ใจตรงกัน..... หลงรักแบบลามก



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, ลมหนาว, รัตนาวดี, พี.พูนสุข, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน, amika29, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 18 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:25:PM
สิงขร
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 95
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 172



« ตอบ #14 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:25:PM »
ชุมชนชุมชน







สิงขรเขียนเพราะว่า

คนหนึ่งคน  ย่อมให้ ข้อคิดอะไรหลายอย่าง

ทักษะ  ย่อมแตกต่าง ความประสงค์ย่อมต่าง

เพราะนี่คือ  คน

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง, อริญชย์, ลมหนาว, รัตนาวดี, พี.พูนสุข, amika29, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, Prapacarn ❀, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 20 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:32:PM
Prapacarn ❀
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1148
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,439


♥ แกร่งกล้า..ประภาคาร.. ตระหง่านตั้ง.. ณ ฝั่งคอย ♥


« ตอบ #15 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:32:PM »
ชุมชนชุมชน

 
ลับสมอง...
ลองปัญญา (ของตัวเอง..)
แซมจากเมืองไทยไปนาน..เมื่อได้ทำอะไรที่..ไทยๆ..แล้ว จะภูมิใจมากค่ะ...
แซมจะไม่เขียนโพมภาษาอังกฤษ....ทั้งๆ ที่ไม่มีฉันทลักษณ์ที่เข้มงวดอย่างของเรา..
รู้สึกเหมือน...มันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในใจแซม....

ตั้งแต่แซมเริ่มเขียนกลอนนี่...ทำงานได้ดีขึ้นกว่าเก่า
คล้ายๆ ว่า จิตมีสมาธิขึ้น...

สิ่งที่สำคัญ..ดีใจจัง  ที่ได้อ่าน ได้เขียน ภาษาแม่ ที่แซมได้ยินได้ฟังมาแต่เกิด..
(ที่ชอบมากๆคือ..คราวนี้ได้เขียนเองอีกซะด้วย...)

ท้ายที่สุด  แซมขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่อ่านกลอนของแซมนะคะ...
นั่นคือแรงใจที่จะช่วยให้แซมมีงานเขียนต่อไปค่ะ...

และอย่าลืมติ..ตักเตือน..เมื่อแซมผิดพลาด...
ก็ในแต่ละวัน คุยภาษาไทยอยู่กับตัวเองคนเดียวนี่แหละ..

 เคารพรัก เคารพรัก เคารพรัก
แซมค่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, ช่วงนี้ไม่ว่าง, ลมหนาว, รัตนาวดี, พี.พูนสุข, amika29, ยามพระอาทิตย์อัสดง, สิงขร, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, เฮยอิง, ..กุสุมา.., addy, แป้งน้ำ, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 20 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Take my love, take my land
Take me where I cannot stand
I don't care, I'm still free
You can't take the sky from me..
14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:43:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #16 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2012, 11:43:PM »
ชุมชนชุมชน


                เขียนกลอนเพื่อ..

                                  1. ให้คนอื่นอ่าน  จะมีความสุขมาก

                                  2. แสดงความสามารถ ว่าแต่งได้หรือไม่ได้ ยอมเสียเวลาเพราะหลงใหลเสียแล้ว

                                  3. อ่านเองค่ะ  ไม่เคยอายตัวเอง แก้ไขไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแก้ไม่ได้ หัวเราะยิ้มๆ

                                                     พี.พูนสุข  

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง, amika29, ยามพระอาทิตย์อัสดง, รัตนาวดี, Thammada, สิงขร, บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, --ณัชชา--, เฮยอิง, ..กุสุมา.., แป้งน้ำ, addy, สุนันยา, Prapacarn ❀, D, กามนิต, กังวาน, ดุลย์ ละมุน, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 21 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 05:12:AM
TAKA
LV4 นักเลงประจำหมู่บ้าน
****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 47



« ตอบ #17 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 05:12:AM »
ชุมชนชุมชน

เขียนเพราะ

1.ผ่อนคลายปล่อยอารมณ์ไปกับจินตนาการ เขียนไม่ค่อยสู้ดีนักแต่รักที่จะเขียน
2.คลายเหงายามว่างเว้นจากงานประจำ ได้ทำอะไรอีกหนึ่งรูปแบบมีความสุขดีครับ

นายเล

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, amika29, sunthornvit, เฮยอิง, พี.พูนสุข, ..กุสุมา.., แป้งน้ำ, addy, สุนันยา, Prapacarn ❀, D, กามนิต, ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 18 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 07:55:AM
--ณัชชา--
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2081
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,304


เวลาเปลี่ยนไปใจไม่เคยเปลี่ยนแปลง


pim
« ตอบ #18 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 07:55:AM »
ชุมชนชุมชน


๔. เขียนเพื่อเอาชนะตนเอง เอาชนะความไม่รู้ของตนโดยหัดเขียนกลอนกระนั้นพอเราเขียนกลอนได้ก็จะมี โคลง,กาพย์,กลอน,ฉันท์ มาให้เรียนรู้อีก พิมพ์วาสขายหน้าเมื่อคราวันสุนทรภู่ตอนประถม ๕ เลยหันมาเขียนกลอนตอนนั้นเข้ามาในบ้านกลอนใหม่ๆ ครามาครั้งแรกก็โดนท่านสมาชิคติชมกลอนขอยอมรับนะคะว่าเขียนกลอนไม่ได้ไม่เป็นจริงๆในขณะนั้นขนาดผังก็ยังต้องเอามาดูเลยสัมผัสระหว่างบทก็ยังไม่รู้จัก หรือแม้แต่สัมผัสใน สัมผัสสระเป็นอย่างไร สัมผัสอักษรเป็นอย่างไรยังไม่ทราบเลค่ะ ถึงว่าไปย้อนอ่านกลอนตัวเองดูถึงรู้ว่าตลก หรือจะพูดได้ว่าเขียนไม่เป็นเลย เขียนไม่ได้เลยก็ว่าได้ค่ะ ประมาณกระทู้ที่ ๓๐๐ กว่าๆถึงจะรู้ตัวว่าเขียนไม่ได้เรื่องเลยข้อความแต่ละขอความที่ส่งมาพิมพ์วาสขอยอมรับนะคะว่าอ่วมใจเลยจนเต็มไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องกราบขอบพระคุณค่ะ พิมพ์วาสว่า พิมพ์วาสไม่ได้เขียนเพื่อะไรทั้งนั้นหละคะเขียนเพราะมันติดมากกว่ากระมังคะ เพราะว่าพอเขียนบ่อยๆแล้วมันจะจำได้จากนั้นสิ่งที่เรารู้เราก็จะรู้มากขึ้นจากนั้นก็จะแผ่ขยายความรู้แตกออกไปอีก แล้วพอเราหยุดทำมันก็จะลืม ที่ว่าติดนี่หมายถึงว่าเมื่อคราไม่ได้เขียนแล้วมันจะ รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะเขียนขึ้นมาเฉยๆก็ประมาณนี้ค่ะ เขียนเพราะว่าเราชอบค่ะเรามีความสุขกับมันก็เขียนไปเถอะค่ะ ประมาณนั้นกระมังคะ

กาพย์กลอนฉันลิลิตรวิจิตรบท
งามถ้อยรสพจน์คำแสนล้ำศิลป์
เจรียงความงามถ้อยนำร้อยสิ้น
ให้เป็นถิ่นรินกลอนอักษรไทย

หนูพิมพ์วาสจ๋า  ช่วงหลังๆนี่อา  เอ๊ย  พี่สังเกตว่าฝีมือหนูพัฒนามากขึ้นทีเดียว  จะว่าไปมันเป็นสิ่งที่ดี ในการที่เราได้ครูหรือบุคคลที่มีความรู้มาเป็นผู้แนะนำนั้น
ตลอดถึงมีตัวอย่างหลากหลายให้ศึกษา ช่วยให้ฝีมือเราก้าวหน้าขึ้นเยอะ   ผิดกับอา อ๊ยพี่  สมัยที่แต่งกลอนใหม่ๆนั้น(นานมากแล้ว ราวยี่สิบปีเห็นจะได้)
การฝึกกลอนนั้นผงผัง หรือผู้แนะนำไม่มีหรอก ก็เราไม่ได้ศึกษามาทางนี้  ไม่ว่าจะผัง  คู่มือแนะนำการแต่ง  ล้วนไม่มีทั้งนั้น
แม้แต่กลอนที่จะหามาเป็นแบบอย่างสักบทมันช่างยากเย็นเต็มที  กลอนที่หาได้ก็อาจจะเป็นตามหนังสือธรรมะ ที่พระท่านแต่งเป็นคติธรรมคำกลอนแจกบ้าง
จากหนังสืองานศพ ที่เขาพิมพ์กลอนคติธรรมแจกบ้าง   แหล่งกลอนที่ถือว่ามีกลอนเยอะพอสมควรก็เห็นจะเป็นหนังสือ ศาลาคนเศร้า ซึ่งต้องเสียเงินซื้อ(ซึ่งถือว่ามีกลอนมากหน่อย)
กับอีกเล่มหนึ่งที่ลงกลอนระดับคุณภาพแต่ลงแค่ฉะบับละสองบท นั่นก็คือ วารสารตราไปรษณียากร
ฉะนั้นการแต่งโคลง กาพย์  กลอน  จึงเป็นอะไรที่นับคำ ชนิดเทียบกันแบบคำต่อต่อคำกันเลยทีเดียว กว่าจะจับแนวทางได้ก็นานพอดู
อีกอย่างสมัยก่อนแต่งเองอ่านเอง จึงไม่ได้แต่งบ่อยเหมือนเดี๋ยวนี้  นานๆถ้ามีอารมณ์แต่งถึงจะแต่งขึ้นมาสักครั้ง  
แล้วเวลาที่แต่งแล้วจะไปให้ใครอ่านเขาก็มองว่าเป็นพวกบ้ากลอน  นอกจากไม่ได้แสดงความชื่นชมยินดี แล้วหนำซ้ำยังจะดูถูกอีกต่างหาก
นี่มันเป็นชีวิตจริง  มันเหมือนกระทิงหลงฝูง หรือไผ่นอกกอ  ข้าวนอกนาอะไรประมาณนั้นแหละ
ฉะนั้นพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ไอ้ที่แต่งๆนี่ไม่ว่าจะเป็นกลอน  กาพย์ โคลง  แกะมาเองทั้งนั้นแหละ  คล้ายๆพวกนักโบราณแกะศิลาจารึกอะไรประมาณนั้น
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ครูกลอนที่แท้จริงของอา เอ๊ย พี่ ก็คือ บทกลอนที่ใช้ศึกษานั่นเอง หรือถ้าจะนับเป็นบุคคลก็ได้แก่ตัวผู้แต่งกลอนนั้นๆ
ฉะนั้นรุ่นหลังๆนี่จึงถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ที่มีแหล่งกลอนให้ศึกษา  มีผู้รู้คอยให้คำแนะนำ  มีแผนผัง  มีกลอนตัวอย่างให้อ่านให้ศึกษากันอย่างมากมาย
อะไรที่ไม่เข้าใจ ถามอากู๋ เดี๋ยวเดียวก็ได้

เคล็ดลับสำคัญสำหรับการแต่งบทกลอนให้ดีนอกจากจะอาศัยแค่แผนผังกับวิธีการแต่งอย่างเดียวไม่ได้
จำเป็นจะต้องมีบทกลอนบทใดบทหนึ่งหรือหลายๆบท ที่แต่งดี แต่งถูกต้องตามฉันทลักษณ์มาเป็นแบบอย่างสำหรับท่องจำให้รู้จักท่วงทำนอง จังหวะจะโคนเสียก่อน
ถ้าอาศัยดูแต่แผนผังอย่างเดียวมักจะอยู่ไม่นาน  พอปล่อยแผนผังก็เป๋  การดูแค่แผนแล้วแต่งได้นั้นเป็นเรื่องของผู้ที่เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น
ฉะนั้น  กลอนตัวอย่างหรือบทครูนั้นจะสำคัญมาก  ถ้าได้ตัวอย่างที่ดี เราก็จะดีตามไปด้วย  ถ้าได้ตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็จะพลอยแย่  คล้ายๆพ่อปูสอนลูกปูแบบนั้น

เสริมอีกข้อ เป็นข้อ ๕  คือ  แต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะ  การแต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะก็คือการแต่งกลอนด้วยใจรักในศิลปะนั่นเอง
ดังนั้น กลอนที่สื่อออกมาจึงเป็นบทกลอนที่มีคุณภาพ  มีความละเอียดอ่อน ตามความตั้งใจของผู้แต่ง



จะพี่หรือจะอา เอาให้แน่

สับสนทางวัยหรือไงลุง

--ณัชชา--


 งง....

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : เฮยอิง, บูรพาท่าพระจันทร์, พี.พูนสุข, ..กุสุมา.., แป้งน้ำ, addy, สุนันยา, D, hort39, กามนิต, ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, amika29, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

15 กุมภาพันธ์ 2012, 08:05:AM
บูรพาท่าพระจันทร์
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 848
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,717


ผู้นิยม..ชมรส..บทกานท์กลอน./


« ตอบ #19 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 08:05:AM »
ชุมชนชุมชน


๔. เขียนเพื่อเอาชนะตนเอง เอาชนะความไม่รู้ของตนโดยหัดเขียนกลอนกระนั้นพอเราเขียนกลอนได้ก็จะมี โคลง,กาพย์,กลอน,ฉันท์ มาให้เรียนรู้อีก พิมพ์วาสขายหน้าเมื่อคราวันสุนทรภู่ตอนประถม ๕ เลยหันมาเขียนกลอนตอนนั้นเข้ามาในบ้านกลอนใหม่ๆ ครามาครั้งแรกก็โดนท่านสมาชิคติชมกลอนขอยอมรับนะคะว่าเขียนกลอนไม่ได้ไม่เป็นจริงๆในขณะนั้นขนาดผังก็ยังต้องเอามาดูเลยสัมผัสระหว่างบทก็ยังไม่รู้จัก หรือแม้แต่สัมผัสใน สัมผัสสระเป็นอย่างไร สัมผัสอักษรเป็นอย่างไรยังไม่ทราบเลค่ะ ถึงว่าไปย้อนอ่านกลอนตัวเองดูถึงรู้ว่าตลก หรือจะพูดได้ว่าเขียนไม่เป็นเลย เขียนไม่ได้เลยก็ว่าได้ค่ะ ประมาณกระทู้ที่ ๓๐๐ กว่าๆถึงจะรู้ตัวว่าเขียนไม่ได้เรื่องเลยข้อความแต่ละขอความที่ส่งมาพิมพ์วาสขอยอมรับนะคะว่าอ่วมใจเลยจนเต็มไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องกราบขอบพระคุณค่ะ พิมพ์วาสว่า พิมพ์วาสไม่ได้เขียนเพื่อะไรทั้งนั้นหละคะเขียนเพราะมันติดมากกว่ากระมังคะ เพราะว่าพอเขียนบ่อยๆแล้วมันจะจำได้จากนั้นสิ่งที่เรารู้เราก็จะรู้มากขึ้นจากนั้นก็จะแผ่ขยายความรู้แตกออกไปอีก แล้วพอเราหยุดทำมันก็จะลืม ที่ว่าติดนี่หมายถึงว่าเมื่อคราไม่ได้เขียนแล้วมันจะ รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะเขียนขึ้นมาเฉยๆก็ประมาณนี้ค่ะ เขียนเพราะว่าเราชอบค่ะเรามีความสุขกับมันก็เขียนไปเถอะค่ะ ประมาณนั้นกระมังคะ

กาพย์กลอนฉันลิลิตรวิจิตรบท
งามถ้อยรสพจน์คำแสนล้ำศิลป์
เจรียงความงามถ้อยนำร้อยสิ้น
ให้เป็นถิ่นรินกลอนอักษรไทย

หนูพิมพ์วาสจ๋า  ช่วงหลังๆนี่อา  เอ๊ย  พี่สังเกตว่าฝีมือหนูพัฒนามากขึ้นทีเดียว  จะว่าไปมันเป็นสิ่งที่ดี ในการที่เราได้ครูหรือบุคคลที่มีความรู้มาเป็นผู้แนะนำนั้น
ตลอดถึงมีตัวอย่างหลากหลายให้ศึกษา ช่วยให้ฝีมือเราก้าวหน้าขึ้นเยอะ   ผิดกับอา อ๊ยพี่  สมัยที่แต่งกลอนใหม่ๆนั้น(นานมากแล้ว ราวยี่สิบปีเห็นจะได้)
การฝึกกลอนนั้นผงผัง หรือผู้แนะนำไม่มีหรอก ก็เราไม่ได้ศึกษามาทางนี้  ไม่ว่าจะผัง  คู่มือแนะนำการแต่ง  ล้วนไม่มีทั้งนั้น
แม้แต่กลอนที่จะหามาเป็นแบบอย่างสักบทมันช่างยากเย็นเต็มที  กลอนที่หาได้ก็อาจจะเป็นตามหนังสือธรรมะ ที่พระท่านแต่งเป็นคติธรรมคำกลอนแจกบ้าง
จากหนังสืองานศพ ที่เขาพิมพ์กลอนคติธรรมแจกบ้าง   แหล่งกลอนที่ถือว่ามีกลอนเยอะพอสมควรก็เห็นจะเป็นหนังสือ ศาลาคนเศร้า ซึ่งต้องเสียเงินซื้อ(ซึ่งถือว่ามีกลอนมากหน่อย)
กับอีกเล่มหนึ่งที่ลงกลอนระดับคุณภาพแต่ลงแค่ฉะบับละสองบท นั่นก็คือ วารสารตราไปรษณียากร
ฉะนั้นการแต่งโคลง กาพย์  กลอน  จึงเป็นอะไรที่นับคำ ชนิดเทียบกันแบบคำต่อต่อคำกันเลยทีเดียว กว่าจะจับแนวทางได้ก็นานพอดู
อีกอย่างสมัยก่อนแต่งเองอ่านเอง จึงไม่ได้แต่งบ่อยเหมือนเดี๋ยวนี้  นานๆถ้ามีอารมณ์แต่งถึงจะแต่งขึ้นมาสักครั้ง  
แล้วเวลาที่แต่งแล้วจะไปให้ใครอ่านเขาก็มองว่าเป็นพวกบ้ากลอน  นอกจากไม่ได้แสดงความชื่นชมยินดี แล้วหนำซ้ำยังจะดูถูกอีกต่างหาก
นี่มันเป็นชีวิตจริง  มันเหมือนกระทิงหลงฝูง หรือไผ่นอกกอ  ข้าวนอกนาอะไรประมาณนั้นแหละ
ฉะนั้นพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ไอ้ที่แต่งๆนี่ไม่ว่าจะเป็นกลอน  กาพย์ โคลง  แกะมาเองทั้งนั้นแหละ  คล้ายๆพวกนักโบราณแกะศิลาจารึกอะไรประมาณนั้น
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ครูกลอนที่แท้จริงของอา เอ๊ย พี่ ก็คือ บทกลอนที่ใช้ศึกษานั่นเอง หรือถ้าจะนับเป็นบุคคลก็ได้แก่ตัวผู้แต่งกลอนนั้นๆ
ฉะนั้นรุ่นหลังๆนี่จึงถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ที่มีแหล่งกลอนให้ศึกษา  มีผู้รู้คอยให้คำแนะนำ  มีแผนผัง  มีกลอนตัวอย่างให้อ่านให้ศึกษากันอย่างมากมาย
อะไรที่ไม่เข้าใจ ถามอากู๋ เดี๋ยวเดียวก็ได้

เคล็ดลับสำคัญสำหรับการแต่งบทกลอนให้ดีนอกจากจะอาศัยแค่แผนผังกับวิธีการแต่งอย่างเดียวไม่ได้
จำเป็นจะต้องมีบทกลอนบทใดบทหนึ่งหรือหลายๆบท ที่แต่งดี แต่งถูกต้องตามฉันทลักษณ์มาเป็นแบบอย่างสำหรับท่องจำให้รู้จักท่วงทำนอง จังหวะจะโคนเสียก่อน
ถ้าอาศัยดูแต่แผนผังอย่างเดียวมักจะอยู่ไม่นาน  พอปล่อยแผนผังก็เป๋  การดูแค่แผนแล้วแต่งได้นั้นเป็นเรื่องของผู้ที่เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น
ฉะนั้น  กลอนตัวอย่างหรือบทครูนั้นจะสำคัญมาก  ถ้าได้ตัวอย่างที่ดี เราก็จะดีตามไปด้วย  ถ้าได้ตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็จะพลอยแย่  คล้ายๆพ่อปูสอนลูกปูแบบนั้น

เสริมอีกข้อ เป็นข้อ ๕  คือ  แต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะ  การแต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะก็คือการแต่งกลอนด้วยใจรักในศิลปะนั่นเอง
ดังนั้น กลอนที่สื่อออกมาจึงเป็นบทกลอนที่มีคุณภาพ  มีความละเอียดอ่อน ตามความตั้งใจของผู้แต่ง



จะพี่หรือจะอา เอาให้แน่

สับสนทางวัยหรือไงลุง

--ณัชชา--


 งง....


ไม่สับสนหรอกจ้าคุณหมอ...สับขามากกว่า..สับขาหลอกน่ะ..อิ..อิ. ยิ้มแฉ่งฟันหลอ

รู้น่า..ว่าคิดอาราย? หัวเราะยิ้มๆ (ล้อเล่นเน้อ)

บูรพาท่าพระจันทร์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, ♥หทัยกาญจน์♥, ..กุสุมา.., แป้งน้ำ, addy, สุนันยา, D, กามนิต, --ณัชชา--, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, amika29, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

"สั้น-ตรงเป้า-เร้าใจ"
หน้า: [1] 2
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s