หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)

หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)

(1/17) > >>

webmaster:
ห้องแต่งกลอนตามฉันทลักษณ์มีกติกาไม่เหมือนห้องอื่น...รบกวนอ่านก่อนนะครับ โดยคลิ๊กที่นี่

กลอนสุภาพ
       เป็นคำประพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทั่วไป เพราะเป็นร้อยกรองชนิดที่มีความเรียบเรียงง่ายต่อการสื่อความหมาย และสามารถสื่อได้อย่างไพเราะ ซึ่งกลอนแปดมีการกำหนดพยางค์และสัมผัส มีหลายชนิดแต่ที่นิยมคือ กลอนสุภาพ

        กลอนสุภาพนับเป็นกลอนหลักของก่อนทุกชนิด ซึ่งจำแนกเป็นกลอน ๖ กลอน ๗ กลอน ๘ และกลอน ๙ ซึ่งมีหลักของการแต่งคล้ายคลึงกัน ในที่นี้จะกล่าวถึงหลักการแต่งกลอน ๘ ซึ่งเป็นกลอนที่นิยม ดังนี้

1. จำนวนคำของกลอนแต่ละวรรคมี 8 คำ หรือ 9 คำ , 2 วรรคเป็นหนึ่งบาท , สองบาทเป็นหนึ่งบท
2. คำสุดท้ายของวรรคหน้า (วรรคที่ 1) ต้องสัมผัสกับ คำที่ 3 หรือคำที่ 5 ของวรรคหลัง(วรรคที่2)
3. คำสุดท้ายของวรรคที่ 2 ต้องสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 3
4. คำสุดท้ายของวรรคที่ 3 ต้องสัมผัสกับ คำที่3 หรือคำที่ 5 ของ วรรคที่ 4 ( แต่งครบ 4 วรรค หรือ สองบาท เป็น หนึ่งบท )
ถ้าจะขึ้นบทใหม่ ต้องให้คำสุดท้ายของวรรคที่ 4 ของบทที่หนึ่ง สัมผัสกับคำสุดท้ายของ วรรคที่ 2 ของบทใหม่ คล้องจองอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ดังแผนผังข้างล่าง



สัมผัสในกลอนแปด
กลอนแปดจะมีลักษณะการสัมผัส 4 ลักษณะ ดังนี้
1. สัมผัสสระ
เป็นสัมผัสระหว่างคำที่ใช้สระเสียงเดียวกัน ถ้าเป็นคำที่มีตัวสะกดก็ต้องอยู่ในมาตราเดียวกันด้วย เช่น รบ พบ จบ คบ แต่มีข้อควรระวัง คือ ห้ามใช้สระเสียงสั้นกับสระเสียงยาวมาสัมผัสกัน เช่น คำ กับ คร้าม เป็นต้น
2. สัมผัสอักษร (สัมผัสพยัญชนะ) 
เป็นสัมผัสระหว่างคำที่ใช้พยัญชนะต้นตัวเดียวกันหรือเสียงพยัญชนะพ้องกัน โดยไม่จำกัดสระและวรรณยุกต์ เช่น กก กอ กิ่ง แก้ว เป็นต้น
3. สัมผัสนอก 
เป็นสัมผัสบังคับที่ส่งและรับสัมผัสจากวรรคหนึ่งไปยังอีกวรรคหนึ่งในบทเดียวกัน รวมทั้งสัมผัสระหว่างบทด้วยกัน ถือว่าเป็นสัมผัสบังคับของร้อยกรองทุกประเภท แต่ต้องจำให้ดีว่าสัมผัสนอกจะใช้สัมผัสสระเท่านั้น
ภาพความหลัง ยังตราตรึง คะนึงคิด ในดวงจิต เปี่ยมรัก แม่หนักหนา
สุดซาบซึ้ง ถึงความรัก ความเมตตา ดวงอุรา ที่งดงาม มิเคยเลือน …………จบบทที่ 1
เฝ้าถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูบุตร ลออสุด น้ำใจ หาใครเหมือน
เฝ้าอบรม บ่มนิสัย เฝ้าตักเตือน แม่เหมือนเพื่อน เฝ้าปลอบใจ ยามลูกตรม………….จบบทที่ 2
4. สัมผัสใน 
เป็นสัมผัสที่ส่งและรับภายในวรรค ใช้ได้ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร เพราะสัมผัสในไม่ใช่สัมผัสบังคับ แต่เป็นสัมผัสที่ช่วยให้ร้อยกรองมีความไพเราะมากยิ่งขึ้น และเป็นการแสดงฝีมือของผู้แต่งด้วย
ภาพความหลัง ยังตราตรึง คะนึงคิด ในดวงจิต เปี่ยมรัก แม่หนักหนา
สุดซาบซึ้ง ถึงความรัก ความเมตตา ดวงอุรา ที่งดงาม มิเคยเลือน …………จบบทที่ 1
เฝ้าถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูบุตร ลออสุด น้ำใจ หาใครเหมือน
เฝ้าอบรม บ่มนิสัย เฝ้าตักเตือน แม่เหมือนเพื่อน เฝ้าปลอบใจ ยามลูกตรม………….จบบทที่ 2

แหล่งที่มา : www.panyathai.or.th]

ระนาดเอก:



~"เคล็ดลับการเขียนกลอนแปด?"~



๐ กำหนดจิตสู่ธรรมนำประทีป
บานเป็นกลีบบัวรับกานท์อักษร
อัญเชิญจิตบรมคุณท่านสุนทร
พร่างคำกลอนดุจคล้ายสายธารา

๐ เป็นไอเย็นอ่อนอุ่นละมุนถ้อย
ใครยินคล้อยหลงใหลไอภาษา
ดั่งปี่แก้วพระอภัยฯร่ายมนตรา
เชิญท่านมาดื่มด่ำทิพย์คำกลอน..

๐ แต่งให้บ่อยน้องพี่ดีที่สุด
เพราะคือจุดสำคัญกว่าการสอน
ยิ่งจะคิดเขียนงานกานท์บวร
ถ้านิ่งนอนที่ไหนใครจะเป็น

๐ เขียนเยอะเยอะเขียนไว้มันไม่เสีย
ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงแจ้งให้เห็น
เพียงเขียนกลอนรู้ไว้ใจเย็นเย็น
ลองเคี่ยวเข็ญความเก่งเบ่งบานมา

๐ เพียงแต่เราปล่อยอารมณ์จะสมจิต
มิยึดติดคำใดเอาไว้หนา
หากเช่นนั้นจะเวียนเศียรทันตา
เพราะรอท่าแก้คำแค่คำเดียว

๐ การเล่นคำมีมากอยู่หลากหลาย
แต่ความหมายต่างกันพลันเฉลียว
หากงงงันเปิดตำราอย่าช้าเชียว
อย่าได้เที่ยวใช้คำนอกตำรา

๐ สื่อกฎเกณฑ์ความหมายจะได้รู้
มิให้ใครหยามหลู่สู่ภาษา
สรรพนามครั้งใดใช้ทุกครา
ทั้งขึ้นหน้าลงท้ายต้องคล้ายกัน

๐ เพราะบางคนขึ้นฉันลงท้ายผม
ใส่ผสมเขียนมาช่างน่าขัน
ควรสังเกตให้ดีชี้ให้ครัน
เวลาสรรค์งานได้ไม่อายคน

๐ เวลาแต่งคิดเรื่องให้หลากหลาย
แต่งบรรยายเรื่องราวเคล้าเหตุผล
ควรสร้างงานเป็นเอกเฉกของตน
อย่าไปสนลอกใครนั้นไม่ดี

๐ หากได้ดูผลงานของท่านอื่น
มาปรับฟื้นงานตนจะถูกที่
ดูเป็นแนวพัฒนาอย่ารอรี
จะทวีฝีมือระบือไกล

๐ ถ้าหากย่ำรอยเท้าเก่ากับที่
เหมือนชีวีมิก้าวเข้าใจไหม
แต่งก็วนเรื่องก็วนทนอ่านไป
เดี๋ยวก็ได้ปิดฉากจากบทกลอน

๐ ด้วยจะเป็นกวีนี้ควรคิด
เพียงอยู่ติดเรื่องฝันนั้นไว้ก่อน
หากกวีขาดฝันพลันม้วยมรณ์
แต่งทุกตอนจะกร่อยด้อยค่าลง

๐ เหมือนครูกลอนสุนทรภู่ดูเป็นหลัก
คิดผูกยักษ์รักคนชนใหลหลง
แนวกวีมีวิญญาณงานบรรจง
เยี่ยมที่ตรงคิดได้แล้วร่ายกานท์

๐ แต่งไปเถอะมานะจะสนุก
น้องจะสุขในทิพย์หยิบความหวาน
หนึ่งในร้อยน้อยใครได้พบพาน
แต่ผู้จารงานกลอนพบก่อนใคร?"

ระนาดเอก

emo_25



..ระนาด..ที่ไหลอย่างสายน้ำ..                      ..สื่อทำนอง..ท่องห้วงทิพย์..



"เทคนิคการเขียนกลอน ๖ บทครับ?"



๐ การร่ายพจน์รดใจมีหลายหลาก
ควรเริ่มจากเรื่องราวเตรียมกล่าวอ้อน
คิดพล็อตเรื่องซึ้งซึ้งตรึงสุนทร
บทแรกก่อนขึ้นให้ใคร่ติดตาม

๐ คิดพยางค์คำคมอารมณ์ใส่
คนอ่านไซร้เพลิดเพลินเกินหักห้าม
ฝึกหัดเขียนหกบทสร้างพจน์ความ
คล้ายในนามเรื่องสั้นบรรยายไป

๐ ปูท้องเรื่องสองบทสะกดจิต
แต่งแต้มนิดเติมหน่อยปล่อยคำไข
บทสาม,สี่ผูกปมกลมเกลียวใย
ชักชวนให้ใครอ่านพานติดลม

๐ บทที่ห้าพาทีที่เร่งเร้า
เตรียมส่งเข้าบทท้ายคล้ายเพาะบ่ม
พอเข้าสู่บทหกฉกฉวยปม
เร่งระดมปิดฉากกระชากใจ

๐ เสร็จแล้วตรวจเนื้อเรื่องอย่าเคืองขัด
ถ้อยอึดอัดแย้งกันอย่าพลันใส่
ดูสัมผัสฉันทลักษณ์หลักกลอนไทย
เสียงที่ใช้ไล่ทวนถ้วนต้น,ปลาย

๐ ชิงสัมผัสหรือซ้ำย้ำอย่าใช้
เรื่องถูกใจแต่คำทำเสียหาย
แล้วอย่าลืมตั้งชื่อสื่อคมคาย
คนอ่านดูก็ฉายลายคำกลอน..

ระนาดเอก

emo_25



..ระนาด..ที่ไหลอย่างสายน้ำ..                      ..สื่อทำนอง..ท่องห้วงทิพย์..

แมวเหมียว:
ลองแต่งดูนะคะ

กลอนสุภาพแปดคำจำต่อวรรค
ฝึกรู้จักถักทอก่อภาษา
ได้ลองแต่งกลอนรักปักอุรา
ไว้ครั้งหน้ามาอ่านสำราญใจ

แต่บางครั้งทั้งเจ็ดและก็เก้า
ยังนำเอามาต่อให้พอไหว
แบ่งวรรคอ่านให้เหมาะไพเราะไป
ไม่ว่าใครฝึกบ่อยจะค่อยดี

เพรางาย:
คุณงายชอบกลอนเจ็ด
ขอเอามาใส่ไว้ด้วยนะคะ  ถือว่าอยู่ในประเภทกลอนเช่นเดียวกัน
กลอนเจ็ดจะรับส่งสัมผัสเช่นเดียวกับกลอนแปด  ต่างตรงที่จำนวนพยางค์ในวรรคจะมีแค่เจ็ดพยางค์ 
ถ้าแบ่งพยางค์ในวรรคของกลอนแปดเป็น
000/00/000
กลอนเจ็ดจะออกมาเป็น
00/00/000

ซึ่งคุณงายจะชอบเพราะรู้สึกว่ามันกระชับกว่า  ถ้าเป็นกลอนบทละครหรือบทร้องเพลงไทยเดิม  ใช้กลอนเจ็ดจะร้องได้ง่ายกว่าด้วย
ส่วนนี้เป็นเรื่องของนานาจิตตังค่ะ
แต่อยากเอามาเพิ่มเติมให้รู้เพิ่ม  เผื่อมีใครสงสัยบางงานของคุณงายว่าทำไมไม่ครบแปด

กลอนไม่ได้มีแค่กลอนแปดหรอกค่ะ
ที่คุณงายชอบมีกลอนเจ็ด  กลอนหก  กลอนสี่  ตามลำดับ  จะเลือกแต่งตามอารมณ์กลอนที่เจ้าตัวคิดว่าน่าจะเหมาะที่สุด

ลองแต่งกลอนเพื่อเป็นตัวอย่างกลอนเจ็ด  ให้สองบทค่ะ

ที่ใดไม่มีรอยชีวิต
คาดคิดสิทธิ์สู่ประตูหวัง
ย่อมไร้ใครลอบมอบพลัง
คนตั้งใจวาดยังขาดคน

ที่ไหนใดที่มีชีวิต
ดวงจิตคิดได้ไม่สับสน
บากบั่นฝันพร้อมยอมอดทน
ดึงตนสู่หวังสมตั้งใจ

ระนาดเอก:
๐ ที่นี่ พร่างพรม อารมณ์ฝัน
ล้วนกลั่น อักษร อย่างอ่อนไหว
พลิ้วพลิ้ว ริ้วลม ห่มฤทัย
งามใส ยามล่วง หลงบ่วงกลอน

๐ คุณงาย ฉายอ้อน ถึงกลอนเจ็ด
แววเพชร เลอค่า กล้ากระฉ่อน
ถ้อยกวิน แห่งฟ้า จะขจร
สะท้อน วิถี กวีไทย..

emo_12

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป