มาแต่งกลอนกันให้ถูกกันเถอะ
ท้องฟ้าสีชมพู:
งืมๆ
รู้สึกว่มันจะไม่คอ่ยเหมือนที่ได้จำมาจากที่ครูสอนเท่าไหร่นะคะ
แต่ว่ายังก็ขอบคุณมากๆนะคะ
สำหรับความรู้นี้
ท้องฟ้าน้อยๆนี้จะจดจำและนำไปใช้ค่ะ
emo_54 emo_28
ข้าน้อยขอฝากตัว:
ลักษณะบังคับทั่วไปของคำประพันธ์
1. ลักษณะบังคับทั่วไป หมายถึง ลักษณะบังคับที่คำประพันธ์ทุกชนิดต้องมี ได้แก่ คณะ กับ สัมผัส
1.1 คณะ มี 2 ความหมาย ความหมายที่เป็นในลักษณะบังคับเฉพาะชนิดของ "ฉันท์" เรียกว่า "คณะฉันท์" ได้แก่เสียงครุลหุเรียงกัน 3 เสียง ในฉันท์วรรณพฤติ และเสียง ครุ-ลหุ เรียงกัน 4-5 มาตรา ในฉันท์ มาตราพฤติ โดยนับครุ = 2 มาตรา ลหุ = 1 มาตรา ซึ่งไทยรับมาจากอินเดีย แต่ในคำประพันธ์เลือกใช้เฉพาะฉันท์วรรณพฤติเท่านั้น เพราะ ฉันท์มตราพฤติค่อนข้างจะยุ่งยาก
ส่วนในความหมายที่ของลักษณะบังคับทั่วไป คณะ คือ ลักษณะบังคับของคำประพันธ์ 1 บท ที่ประกอบด้วยส่วนย่อยดังนี้
- บท
- บาท
- วรรค
- คำ
"บท" ได้แก่คำประพันธ์ที่ลงความตอนหนึ่ง ๆ เช่น โคลงสี่สุภาพ 4 บาท เป็น 1 บท (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 : 453) กล่าวอีกนัยหนึ่ง "บท" ก็คือ คำประพันธ์ 1 ตอน ที่มีองค์ประกอบของฉันทลักษณ์ครบถ้วน เช่น
โคลงสี่สุภาพ 1 บท ประกอบด้วย 4 บาท 30 คำ มีวรรณยุกต์เอก 7 แห่ง วรรณยุกต์โท 4 แห่ง ส่ง-รับสัมผัส 3แห่ง ตามตำแหน่งที่บังคับ อาจมีคำสร้อยได้ 2 แห่ง คือ ท้ายบาทแรก และ ท้ายบาทที่สาม
กลอนแปด 1 บท ประกอบด้วย 2 บาท 4 วรรค วรรคละ 8 คำ ส่ง - รับสัมผัส 4 แห่ง ตามตำแหน่งที่บังคับ
สักวา 1 บท ประกอบด้วย 4 บาท 8 วรรค วรรคละ 7-9 คำ ส่ง - รับสัมผัส 7 แห่ง ตามตำแหน่งที่บังคับ ขึ้นต้นบทด้วยคำว่า "สักวา" ลงท้ายด้วยคำว่า "เอย"
ฯลฯ
[/font][/size]
ข้าน้อยขอฝากตัว:
"บาท" พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2525 : 469) ให้ความหมายว่า บาท น. ส่วนหนึ่งของบทแห่งคำประพันธ์... คำประพันธ์ที่มีลักษณะบังคับย่อยเป็นบาท ได้แก่ กลอน โคลงสี่ โคลงห้า กาพย์ยานี และฉันท์ที่บังคับบรรทัดละ 2 วรรค ดังนั้น ลักษณะสำคัญของบาทก็คือ คำ ประพันธ์ 2 วรรค ซึ่งอาจมีจำนวนคำในวรรคเท่ากันหรือไม่ก็ได้ เช่น
โคลงสี่ 1 บาท มี 2 วรรค แบ่งเป็น 5 - 2 และ 5 - 4
"กาจับกาฝากต้น ตุมกา
กาลอดกาลากา ร่อนร้อง
เพกาหมู่กามา จับอยู่
กาม่ายมัดกาซ้อง กิ่งก้านกาหลง"
(ลิลิตพระลอ)
กาพย์ยานี 1 บาท มี 2 วรรค แบ่งเป็น 5 - 6
" เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ำ
สนธยาจะใกล้ค่ำ คำนึงหน้าเจ้าตาตรู"
(กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร)
วสันตดิลกฉันท์ 14 1 บาท มี 2 วรรค แบ่ง เป็น 8 - 6
"บราลีพิลาสศุภจรูญ นภศูลประภัสสร
หางหงส์ผจงพิจิตรงอน ดุจกวักนภาลัย"
(สามัคคีเภทคำฉันท์)
กลอนหก 1 บาท มี 2 วรรค แบ่งเป็น 6 - 6
"เห็นนางนวลศรีมีโฉม ดั่งโสมส่องหล้าราศรี
เนาเรือเหนือสรัทปัทมี ตรณีจันทร์นวลชวนชม"
(กนกนคร)
ข้อควรสังเกตประการหนึ่ง คือ คำประพันธ์ที่แบ่งย่อยเป็นบาท เป็นคำประพันธ์ชนิดที่ 1 บท บังคับจำนวนวรรคคู่ เช่น 4 วรรค 8 วรรค เป็นต้น และวางรูปคำประพันธ์บรรทักละ 2 วรรค
สำหรับคำประพันธ์ประเภทกลอน "บาท" มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "คำกลอน" หรือ "คำ"
อนึงคำประพันธ์ที่กำหนด 2 บาท เป็น 1 บท เช่น กลอน และกาพย์ยานี บาทแรกเรียกว่า "บาทเอก" บาทที่สอง เรียกว่า "บาทโท"
ข้าน้อยขอฝากตัว:
ส่วนเรื่อง ของ วรรค กับ คำ คงไม่ต้องอธิบาย อะไรนะ เอาสักนิดและกัน
- วรรค เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "กลอน" อย่าสับสนนะจำดีๆ เห็นใครเรียกกลอนแทนวรรคก็อย่าไปงง
นอกจาก "กลอน" แล้ว "วรรค" ยังใช้ว่า "บ่อน" ได้อีกคำหนึงเช่นกัน ดังตัวอย่าง ในประชุมลำนำ หน้า 59 และ 63 ลองหาอ่านดูนะถ้าสนใจ
กลอนสุภาพแปดคำประจำบ่อน อ่านสามตอนทุกวรรคประจักษ์แถลง
ตอนต้นสามตอนสองสองแสดง ตอนสามแจ้งสามคำครบจำนวน
กำหนดบทกะระยะกะสัมผัส ให้ฟาดฟัดชัดความตามกระสวน
วางจังหวะกะทำนองต้องกระบวน จึงจะชวนฟังเสนาะเพราะจับใจ
----------------------------------------
กลอน 8
บัญญิต 8 อักษร เป็นกลอน 2กลอนเป็นคำ 2คำเป็นบท <<<<< ไม่งงนะตามที่อธิบายไว้ข้างต้น
กลอนแปดเป็นบัญญัติพิกัดไว้ กำหนดในบ่อนบาทไม่ขาดเขิน
วรรคละแปดอักษรไม่หย่อนเกิน อย่าให้เยิ่นเย้อไปฟังไม่ดี
บทหนึ่งนั้นสี่กลอนผ่อนจำกัด มีบัญญัติจัดนามไว้ตามที่
คือสดับรับรองส่งจำนงมี จงแจ้งใจในคดีวิธีกลอน
ในวรรคทุกวรรคจักกำหนด คือเทียมรถเทียมแอกแซกอักษร **เทียมรถ เทียมแอก คู่เคียง พวกนี้คือรูปแบบการเล่นสัมผัสใน*
อีกคู่เคียงเรียงคำร่ำสุนทร ทบเทียมทวนทับซ้อนอักษรกัน
เป็นคำล้อเลียนคำเล่นสัมผัส แบบบัญญัติยอกย้อนดูผ่อนผัน
ให้คล่องต้องจังหวะคณะกัน อ่านให้ครั่นครวญฟังวังเวงใจ
ขวด:
มีอีกกลอนถ้าจะแต่งให้ถูกมิต้องมีสัมผัส
ลืมครุ-ลหุเอกโทเสียให้สิ้น
มิต้องมีคำเป็นคำตายหน่ายกบาล
แค่แต่งไปตามใจใครจะว่าอะไร
(แต่งตามฉันทลักษณ์บ้างก็ดีนะครับอนุรักษ์ไว้ก็ดี)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว