O ฉันทะดำเนิน .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
08 ตุลาคม 2024, 04:52:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O ฉันทะดำเนิน .. O  (อ่าน 4734 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
26 กันยายน 2018, 06:59:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 26 กันยายน 2018, 06:59:PM »
ชุมชนชุมชน



O .. คืนแห่งจันทร์ .. O







บุรุษที่หนึ่งริมน้ำ ณ โคนพฤกษ์
อีทิสังฉันท์ ๒๐
O ย้อนอดีตะกาละผ่านผจญ-
ผจัญกะเยาวะเขลานุสน-
ธิ-เมามาย

O จินตนาภวังคะยังสยาย
ประนังประเล่หะเพทุบาย
จะกลายกล

O แผ่วพระพายพะพลิ้วระริ้วสุคน-
ธะกลิ่นพะยอมก็ล้อมก็ลน
กระวนมา

O เงียบสงบสงัดพนัส, สภา-
วะธรรมะย่อมประนอมสถา-
ปนานัย

O หนึ่งดนูสมาธิพาฤทัย
กระวนพิจารณาพิจัย
พิสัยนั้น

O งามสงบสง่าสภาวะบรร-
ลุฌานประภาพ ณ คาบผจัญ
ผจญมาร

บุรุษที่สอง ริมใจ ณ ในกาย

สัทธราฉันท์ ๒๑
O หนึ่งตั้งหยั่งลง ณ สงสาร
อุบัติพิริยะญาณ
เพลินเจริญนาน
ตระการกล

O แตกดอกออกช่อพะนอผล
สมรรถะภวะกมล
มุ่งจะปรุงปรน
สกลกาย

O แผ่หวานผ่านชื่นระรื่นปลาย
ศักยะพละสยาย
งามละลามสาย
ขจายตอน

O ดำรงคงอยู่บ่รู้มรณ์
สถิตะรตินิวรณ์
เมาหะเว้าวอน
บ่ผ่อนผลาญ

O จำรัสจำเริญเผชิญกาล
รัถยะมละตระการ
นำชอ่ำมาร
ผสานมนต์

O แล่นเลื่อนเคลื่อนชาติพิฆาตชนม์
สถิตะทุระทุรน
รัดกระหวัดลน
กมลหมอง

อาคันตุกะราตรี

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
O ใครหนอนั่น-บ-ริ-บทเพราะยศ-ด-ละ-ผยอง
ตัวตนสิหล่นนอง - - - ไฉน

O คอนฐานัน-ด-ระ-ศักดิหนัก-ระ-ดะ-ไผท
คล้อยเคลื่อนจะเลื่อนไหล - - - ทะลาย

O หยัดตนเยี่ยง-ท-ระ-นงจะคง-ภ-วะ-บ่-กลาย
ภพชาติคาดหมาย - - - บ มรณ์

O ภาคหนึ่งนั่น-คุ-รุ-ศัพทะจับ-บ-ละ-บ-ถอน
ภาษสรรพกระชับคอน - - - สิขรม

O เสียงยอศี-ละ-ประ-นังสิดัง-ก-ละ-ระดม-
เรี่ยวแรงจะแข่งพรหม - - - ะดาล

O ใครหนอนั่น-นิ-ระ-หวั่นผจัญ-กะ-วิ-ญ-ญาณ
เย้ยหยันจะบั่นมาร - - - เผชิญ

โฉมสะคราญสุดแดนดิน

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
O กลางน้ำทิฆัมพระสะท้อน-
ศศิธร-ก็พิศเพลิน
พร้อมลมระห่ม, นัยน์สะเทิ้น-
ฤ จะเขินเพราะแววตา ?

O จันทร์ภาสพิลาส ณ คคนานต์
สิริปานจะปันปรา-
กฎมอบ ณ ขอบทิพะปุรา
กระจะฟ้าขจ่างฝัน

O ลมล้อชลาลัยะกระเพื่อม
บทะเหลื่อมรุจีจันทร์
พลัน..!.โฉมประโลมอุระถวัล-
ยะประชันจะรอชม

O ล้ำสรรพะอัปสระสวรรค์
จิตะนั้นก็จ่อมจม
ด้วยลักษณ์ฉลักรติภิรม-
ยะ ฤ ข่ม ฤ ขับหาย

O โดยเลศและเนตระสมร
ดุจะอ้อนจะเอียงอาย
ช้อยร่างระหว่างนัยนะชาย
ดุจะฉายประทับโฉม

O แนบอยู่ก็ภูษิตะพะพลิ้ว
ระดะริ้วพระพายโลม
ยิ้มเยื้อนและเคลื่อนรมยะโหม-
ภวะโสมนัสสนอง

O เนตรฉายสยายรหัสะเลศ
ประจุเจตะจับจอง
แผ่อิทธิฤทธิ์รชะตระกอง
ตละจ้องก็จับใจ

เงาดำจากบาดาล

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
O ครืนครั่นสนั่นสรวง
ชุติช่วงก็ชอนไช
ส่ายเส้นและเต้นไหว
กละใกล้จะถึงกาล-

O เปลวไฟประลัยล้อม
ชิวะหลอมปลาตลาญ
โศกศัลยะบรรสาร-
ทรมานและมืดมน

O เงาภาพะรูปพิมพ์
แสยะยิ้มก็เมื่อยล
แววเนตรและเลศฉล
ดละกลประกอบการณ์

O ราวเรื่อง ณ เบื้องหลัง
ตละครั้งก็คืบคลาน-
สร้างภาพะโวหาร
พิสดาระลวกลน

O ยึดโลกะรายรอบ
ดละกรอบประกันตน
ถ้วนพิศะติดกล
อัตะดละเหนี่ยวดึง

O เมาโมหะโลภหลง
กุธะองคะอื้ออึง
น้อมนำ ณ คำนึง
เฉพาะซึ่งมโนสรรค์

O ครบถ้วนกระบวนถ้อย
ก็ประดอยประดิษฐ์พัน-
ผูกล้อมและย้อมขวัญ
ระบุชั้นกะเชื้อชน

ดับกล .. อนธการ

ภุชงค์ปยาตฉันท์ ๑๒
O ประหนึ่งหมอกระลอกมัว
จะล้าตัวละลายตน
เพราะเรื้องแสงและแรงสน-
ธิอำพนกมลพร้อม

O ระบิลบทะงดงาม
พยายามและยินยอม-
พิจัยเรื่องและหล่อหลอม-
กมลน้อมประนังนัย

O นิวรณ์ล้อมตะล่อมร่าง
ก็รู้วางและรู้ไว
สะคราญรูปะวูบไหว
ก็รู้ใจ บ รู้จน

O อุฬารอัตตะขัดออก
จะหลุดลอก บ ลวกลน
อหังการะแกร่งกล
ขจัดผละเผาผลาญ

O ประคองธรรมะนำทิศ
กระบวนพิศะพ้องพาน,
กระบวนทัศน์ปทัสถาน
เหมาะควรการณ์และควรกรรม

O พิจัยความ บ ฟุ้งเฟื่อง
และรูปเรื่องก็ควรนำ-
ประกอบถ้อยและคอยทำ-
นุ หนุนค้ำและย้ำคิด

O ประดาสรรพะจับจ้อง
จะครอบครองและปองสิทธิ์
เพราะไตร่ตรองและมองพิศ
ก็แจ้งจิตเพราะปัญญา

สยบนงคราญ

วสันตวงศ์ฉันท์ ๑๕
O บัดดลพิมลศศินะแสง
กระจะแจ้งประโลมนภา
บัดนั้นก็พลันวุฒิสถา-
ปนะภาวะโลมฤทัย

O เผยงาม ณ ยามระยะเหยาะย่าง
สรพางคะงามประไพ
วงพักตร์ประจักษ์เฉพาะจะไหว-
หฤทัยถวิละหวัง

O งามพิศก็จิตพิริยะพร้อม-
จะถนอมประนอมประนัง
ช้อยรูปะลูบบทะภวัง-
คะประดัง ณ ห้วงฤดี

O โหยหาเพราะอาลัยะกระหวัด
ปฏิพัทธะพร้อมจะพลี-
ชาติภพะจบสุภะสรี-
ระสตรีทุรนทุราย

O ใคร่ครวญะล้วนสมระรูป
จิตะวูบ บ เว้น บ วาย
วรรณาเพราะกาละจะสลาย
สิริกลายสภาพะการณ์

O ร่วงโรยจะโบยสรรพะสรีร์
นิระที่จะทนจะทาน
เหี่ยวย่นจะวนสมะสมาน-
วรรณะคราญระคนระคาย

O วันชื่น ฤ ฝืนยุคะสมัย
ก็เพราะขัยจะกร่อนจะกลาย
น้ำนวลจะหวนบทะ ฤ หมาย ?
พิศะชายจะเฉื่อยจะช้า

เอกะยุทธกระบวน

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
O โอ้..ราตรีขณะจันทร์ถวัลยะนภา
งันเงียบยะเยียบพา - - - สะพรึง

O โอ้..ราตรีสรรพะสิ่งนะนิ่งกละจะพึง-
คอยผัสสะรัดรึง - - - ระรัว

O รูปพักตร์งามก็สะอาง ณ กลางนิละสลัว
แนบขวัญและพันพัว - - - ฤทัย

O เนตรต่อเนตรขณะสบก็ครบทิฐิวิสัย
แจ้งเภทและเลศนัย - - - ะนั้น

O ริมฝั่งชลทุขะปวงละช่วงนิระประจัน-
จิตผู้เสาะรู้, บรร - - - ลุนัย

O แขเพ็ญดวงขณะชาติพินาศ, ภพะประลัย
ยึดมั่นก็สั่นไหว - - - บ เวียน

O น้ำค้างหยาดตั-ณ-หาละลาหทัยะเธียร
เวทน์ผัสสะตัดเตียน - - - เพราะตรอง

O กลางเงียบงันเฉพาะภาวะอายตนะผอง
หยุดเป็นและเว้นปอง - - - บ ปรน

O ปลิดปลงรูปะและนาม ณ ยามทิฐิพิมล
ห้าวหาญะลาญกล - - - ณ กาล

O ท่ามกลางจันทระภาสพิลาสะวิ-ญ-ญาณ-
หยุดยั้ง-เพราะสังขาร - - - ละคลาย

O จันทร์จางรูปและอวิชชะฤทธิก็สลาย
ตัวตนก็ป่นวาย - - - บ วน

O จบสิ้นอาสวะเหตุและเภททุระผจญ
หักสิ้นก็สิ้นมน - - - ตระมาร

จอมคนบนปฐพี

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
O จันทร์พร่างระหว่างภพะประลัย
นิระใดจะบันดาล-
ปรุงแต่ง-เพราะแรงทิฐิพิชาน
อุปการะบทกรรม

O แจ้งการณ์เพราะลาญมุหะ ณ ใน-
หฤทัยะด้วยธรรม
ดับฤทธิ์อวิชช์บทะกลัม-
พ-ระตำหนิในตน

O แจ้งใดจะดั่งอริยะญาณ
ประจุมาน-ละมืดมน
แจ้งนั้นเพราะสัทะและกมล
อนุสนธิกลางศศิน

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2013&date=20&group=2&gblog=77

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ระนาดเอก, victoria's secret, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
28 กันยายน 2018, 06:38:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #1 เมื่อ: 28 กันยายน 2018, 06:38:AM »
ชุมชนชุมชน



O รัตนโกสินทร์ .. O





00110 - - - 110102
00112 - - - 110103

1 .. ลหุ
นอกนั้น ครุ
เลขเดียวกัน .. สัมผัสสระ
(ตัวสุดท้ายวรรคแรก "ไม่จำเป็น"ต้องสัมผัสสระกับตัวที่ 3 วรรค 2 ในทุกฉันท์)


อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑

O องค์มณฑิระเล่า - - - ฉลุเหลาฉลักลาย
เครือวัลยะสาย - - - ก็ละม้ายจะแมกโฉม

O ช่อฟ้าดุจะเฟื้อย - - - ศิระเลื้อยกระหวัดโลม
เช่นอัคนิโหม - - - จะตระโบมโพยมบน

O บราลีก็จรูญ - - - นภศูละดำกล
เชิงปัทมะยล - - - อนุสนธิเสกสรรค์

O บัญชระเขบ็จ - - - มุขเด็จระเบียงบรรพ์
เพดานเฉพาะสรร- - - - คะสวรรคะจำลอง

O ดาษดารกะหมู่ - - - รุจิรู้จะเรืองรอง
พิศเพียงนภะผอง - - - ทิพะล่องระเริงไฟ

O สิงหาสนะที่ - - - ถิระวีระกรรมไพ-
บูลย์แสนยะสมัย - - - รณะภัยะเบียดเบียน

O ค้ำคูณจตุมุข - - - หัตะทุกขะกร่อนเกรียน
แผ่นภาพะระเมียร - - - ดุจะเขียนเพราะรำบาย-

O สรรค์ศิลปะฝัง - - - กะผนังระเรียงราย
พิศภาพะระบาย - - - ก็ละม้ายพิมานแมน

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2018&date=14&group=2&gblog=108

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ระนาดเอก, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
29 กันยายน 2018, 09:19:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #2 เมื่อ: 29 กันยายน 2018, 09:19:AM »
ชุมชนชุมชน







วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O ปีกบางระหว่างกุสุมะมาลย์
ดุจะผ่านเพราะลมพา
อวลกลิ่นประทิ่นมธุระผา-
นิตะดาละด่ำดอม
O ลมโชยก็โรยรสะกระทบ
อพยพ ฤ ยินยอม
เพรียกหวานเสาะหวานดุจะประนอม
อุระน้อมถนอมนวล
O ปีกลู่เสาะสู่ภวะระรึง
รสะตรึงประหนึ่งตรวน
ตฤปหวานเพราะหวานกระอุกระอวล
ผัสะจวนก็จู่โจม
O แทรกร่างระหว่างรสะประทิ่น
ภุมรินะลอบโลม
ดอกช่อ ฤ พอภวะกระโหม-
ก็เพราะโฉมนะบัญชา





O คือใจเพราะวัยยุวะกระหนาบ
กระแหนะภาพกระหนาบพา
หอมหวานเพราะหวานภวะสถา-
ปนะภาวะอาลัย
O รูปนามเหมาะงามประพฤติกรรม
เฉพาะคำก็ควรใคร-
ชื่นชมเหมาะสมอุปนิสัย-
อุปไมย ฤ เปรียบเหมือน


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
30 กันยายน 2018, 02:51:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #3 เมื่อ: 30 กันยายน 2018, 02:51:PM »
ชุมชนชุมชน



O เพ็ญเดือน ๖ .. O






ชมพูทวีป พศ.(-๔๕)
O งดงาม ณ ยามธรรมะประนอม-
สัตะหลอมประโลมลง-
แนบดำริทำนุอุปสง-
คะประจงขจิตใจ

O แขเพ็ญ ฤ เร้น สิริพิลาส
ขณะภาสะอำไพ
ฟ้านิลและจินตนะไฉน-
อุปไมยจะเปรียบเหมือน

O บนฟ้า .. วลาหกะกระหยับ
รวิดับ, และขับเดือน-
ลอยดวง ณ สรวง, ภวะสะเทื้อน-
ดุจะเคลื่อน ณ ใจคน

O ลมเห่ และเจตนะขจ่าง-
ปะทุกลางประเล่ห์กล
เพิกเหตุและเภทะทุระพล
ปะทะรณและทำลาย

สุวรรณภูมิ พศ.๒๕๕๖
O ท่ามกลางพยางคะบริภาษ
วิปลาสะกำจาย
เลือนรางระหว่างรัถยะหมาย
พิเคราะห์คล้าย บ่ ใกล้เคียง

O เขาว่า .. เพราะว่า - ผิวะสดับ
เสนาะศัพทะสำเนียง
ปานว่าจะพาทิพยะเสียง
ปะเหลาะเคียงประโลมขวัญ

O ยินว่า .. เพราะว่า - คติวิจิตร
ผิวะคิดก็คมครัน
จึงว่า .. เพราะกว่าอรรถะสวรรค์
กละคันถะควรขวาย

O ยากแต่จะแปรศิระชะเง้อ
ผิวะเพ้อเพราะบรรยาย
ยากเข็ญจะเร้นอัตะสยาย
ธิระผ้ายและเพียรเผย

O เกินกาลจะผ่านอริยะวาท
อธิชาติชมเชย
ล้ำบทและพจน์ชินะเฉลย
สัจะเกยมโนกรรม

O จึง-ภาษประหลาดระบุระบือ
มุหะถือผิว์คือธรรม
จึงพาละผ่านบทะกลัม-
พระซ้ำกระหน่ำเสริม

O อักโขมโนทัศนะอ้าง
นยะต่าง มุ แต่งเติม
ผ่านวาทะอาตมะเฉลิม
จิตะเหิมบ่เคยหาย

O ดั่งโลมและโหมวตะสะบัด
ชะธวัชะปลิวปลาย
อวดอยู่ก็ภูษิตะสยาย
สิละม้ายจะง่ายเห็น

O เฉดรงคะบ่งรัฐะประจักษ์
บริรักษะร่มเย็น
บอกผู้ศัตรูสุขุมะเพ็ญ
ผิวะเร้นจะรุกราน

O ลมฤทธิ์อวิชช์ผิวะกระชั้น
ฤจะทันจะทัดทาน
เห็นแต่จะแปรมุหะผสาน
อวตาระรูปหลง

O มิจฉาประดาขณะกระหวัด
ปริวัตระเวียนวง
ฤๅรู้จะสู่มรรคะประสงค์
ชินะองคะสืบสอน

O อวดอยู่ก็ภูษิตะประหลาด
วิปลาสะอาภรณ์
แรงฤทธิ์อวิชช์ขณะสะท้อน
ฤ จะผ่อนสะพัดผืน

O หลงศรัทธ์ระบัดทิฐิพิลาป
บุญะบาปะกลบกลืน
เว้นผู้เพราะรู้ธรรมะจะขืน
ประลุตื่น ณ ในตน

O เศร้านั้นเพราะนันทิวิปลาส
คติทาสะจำนน
สิ้นหวัง ฤ ดั่งอุตริฉล
ทุพพละปล้นธรรม

O งดงามก็ยามทิฐิวิพุธ
บริสุทธิเนื่องนำ
นัยแท้จะแผ่ศักยะล้ำ
สัทะค้ำบ่คลายคลอน

O อัญชลิตพระพุทธน้อม - - - นำใจ
ต่างประทีปชวาลไข - - - ขจ่างเรื้อง
ปลิดป่นมืดหม่นใน - - - สำนึก สิ้นนา
ครวญใคร่หมายปลิดเปลื้อง - - - เท็จถ้อยเดียรถีย์ ฯ


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2013&date=24&group=2&gblog=76

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 ตุลาคม 2018, 04:04:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #4 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2018, 04:04:PM »
ชุมชนชุมชน



O ยุวะไผท .. O



เห็นสีที่แตกต่าง - - - เห็นบนล่างที่แตกตัว


O ปัง ! -ค้อนขจร, รหัสะเลศ-
ก็ลุ-เจตะแจ้งใจ
โดยกฏและบท, ยุวะไผท-
อุปไมยจะเปรียบเหมือน
O กล่อมเห่และเล่หะก็สยาย
เพาะอุบายะบิดเบือน
พร้องคุณ-อดุลยะเสมือน-
รวิเลื่อนประภาพล้อม
O ไพศาลประการคุณะประดา
บ ระอาจะอด-ออม
เสียงแว่ว บ แล้วดุจะจะหลอม-
คุณะย้อมกะวิญญาณ
O เลอเลิศประเสริฐะบริบท
ฤ ประพจน์จะเปรียบปาน
ล้ำแถน ฤ แมน, สิริพิศาล-
ก็ตระการะเกริกไกร
O ปานเทพ, วิเลปนะประทิ่น
รสะกลิ่นระโรยไกล
พลิ้วผ่าน, สุมาลยะไฉน-
มธุ-ใคร่จะเทียมเขา ?
O โหมเห่ประเล่หะทิพะคีต-
ะประณีตะกล่อมเกลา
ภาพซึ่งคะนึงฉลุเฉลา
ก็คละเคล้าประโลมขวัญ
O ภาพซึ้งระรึงยุคะสมัย-
ะประไพก็รำพัน
พร้อมเสียงระเรียง, ภวะสวรรค์-
ก็ถวัลยะวับวาม
O เพ่งปากและพากยะประเมิน
สรเสริญ สิ เกินงาม
พลิกยุคะปลุกบุรพะยาม
ฤ จะห้าม กะ ตามหา ?
O โอ-โสตอุโฆษปะเหลาะเพราะคัม-
ภิระคำ ผิ อ้อคา
เอนลู่จะบูรณะสถา-
นะสภาวะทาสตน
O ฉาบฉวย .. เพราะด้วยตรรกะประมวล
นยะจวนจะอับจน
ภาพสร้าง .. ระหว่างพฤติวิกล
ดุจะล้นเพราะแรงไหล
O เอาทารประสาระมธุรส
บริบทะเพี้ยงใบ-
ไม้หล่นระคนคติพิสัย-
ะจะไว้ประคองหวัง
O เพียบแพงเพราะแปลงธิระจริต-
ะกระบิดกระบวน, บัง-
ร่มเยาวะเมาหะคละประดัง
ฤดิคลั่ง ก็ ช่วยขาน
O เสียงค้อนขย้อนขยะแขยง
เพราะตะแบงนะเบ่งบาน
เสียงคลั่งประนังนยะผสาน
ก็สะท้านสะเทือนไท
O พลุกพล่านบุราณคตินิยม-
ะระดม, จะครื้นใด-
เทียบเทียม-เพราะเปี่ยมมุหะ ณ นัย-
ะนะใคร่จะอวดเขา
O โยงยึดประพฤติปทัสถาน
ก็ตระหง่าน สิ รูปเงา
ล้อมวงประจงฉลุเฉลา
คติเมาหะครอบเมือง
O ใช่ผู้จะชูทิฐิวิภาษ
บทะปราชญ์ นะ เปล่าเปลือง
ใช่ผู้จะรู้นยะยะเยื้อง
ฉละเปลื้อง มุ ปรักปรำ
O โหมเห่ ก็ เล่หะทุพพล
อนุสนธิด้วยธรรม
ปรุงบทเหมาะรส .. เฉพาะจะสัม-
ผัสะค้ำ กะ เคลือบแคลง
O ขรมโข สิ โมฆะกรรมะบท
อติพจนะเพียบแพง
พร้อมเพ็ญก็เป็นยุวะแขนง-
เหมาะตะแบง – จะแทงใบ
O ตั้งกองสนองคุรุมุหัน-
ตะผจัญก็ปวดใจ
หมอบคู้ บ รู้ฤตุ, อุทัย
ชละไหล ฤ หม่นหลัว
O โอ-เยาวะเคล้าพิษะขนบ
ดุจะกบ นะ หมอบกลัว
พู้นฟ้าวลาหกะ ฤ ถัว-
นิละทั่วกะลาตน ?
O เสียงค้อนสะท้อนพฤติวิกฤต
ตรรกะ, คิด, วิถีคน
ตอกย้ำกลัมพ-ระและฉล-
ะกระวน นะ ไป่เว้น
O เพียงค้อนขจรกฏะประหลาด
บริภาษ ก็ เพียบเพ็ญ
ฝุ่นฝนละหล่นนภะกระเซ็น
รณะเข่น จะ เร้นคอย !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2017&date=03&group=2&gblog=103


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กิติราช ทับทิม, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 ตุลาคม 2018, 09:29:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #5 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2018, 09:29:AM »
ชุมชนชุมชน



O ภุมรินและพินทุรส .. O





วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O ลมรื่นแตะตื่นมธุระเก-
สระเรณุกาไพร
พาหอม ลุ ล้อม, ยุคะสมัย-
ก็พิไลพิลาสรอ
O งดงาม ณ ยามรุจะกระหนาบ-
นภะภาพก็พร่างพอ-
กำจายสยายบทะลออ
กระแหนะช่อสุมาลย์สี
O ฝั่งฟ้าประภา, และ ธรณิน
ภุมรินะเริ่มลี-
ลาศ-หาผการสะเพราะมี
ดุษฎีกะหอมหวาน
O โลกกว้างระหว่างวตะอรุณ
ดุจะหมุนประกอบการณ์
โผนผกวิหค ณ คคนานต์
ก็ผสานผสมเสียง
O เริ่มกาลประสารรหัสะเลศ
ทุระเภทะพร้อมเพรียง-
กล่อมเมาหะเขลา, มุสะประเดียง-
ก็ระเรียงประโลมร้อย
O เผยภาพละภาพ ณ บุพะภพ-
ระบุครบ .. ระบัดคอย
ราวเรื่องก็เปลื้องบทะทะยอย
สุขะ-สร้อย .. ผสานเสริม
O เยี่ยงหวานสุมาลยะประนัง
รสะตั้งจะเตรียบเติม-
คลื่นหอมตะล่อมบทะกระเหิม
ระอุเพิ่ม .. ณ กลีบกรอง
O ทิพเทพวิเลปนะกระวน
สติคน ก็ ถูกครอง
เพียงรสประพจนะสนอง
ผัสะต้อง ก็ เจียนตาย
O ผึ้งภู่เสาะสู่มธุระรส
ระบุกฏ บ อาจกลาย
แสงสูรยะพูนพละสยาย
ก็จะผ้ายและแผดเผา
O อำนาจและอาชญะประภาพ
ขณะทาบ ฤ บรรเทา
ถ้วนกฏและพจนะเฉลา
ก็คละเคล้าระคนความ
O หยาดพินทุรินมธุ-ละออง
ผัสะต้องก็ตื่นตาม
หยาดคำเพราะคัมภิระ-ละลาม
อุระหวาม ฤ ข้ามไหว
O ภาพพจน์จรดกะนัยนา
คุณะค่า ฤ ควรใคร-
เทียมทัศน์และวัตระอดิศัย-
ะประไพประพิณพร้อม
O เทียบ-ภาพก็ภาพมธุกุสุม
กระแหนะนุ่มระรุมดอม
เปรียบ-บทสุพจนะประนอม
ก็ลุล้อมระรายเรียง
O สามารถเพราะอาชญะผสาน-
อุปการ .. ก็เกริกเกรียง
แซ่ศัพทะรับดุจะจะเอียง-
ธรณินะล่มสูญ
O สามารถเหมาะอาชวะสมรรถ
ก็ขจัด บ เพิ่มพูน
พ้องความกะทราม, ก็บริบูรณ์-
ภวะกูณฑะสุมเมือง
O พร้อมพินทุสิ้นภวะจะหยด
จิตะคดก็แค้นเคือง
โดยพิษะริษยะเมลือง
ทะนุเนื่องและน้อมนำ
O ริ้ววาตะพารสะประทิ่น
ภุมรินก็เริงรำ
ปีกลู่เสาะสู่มธุระสัม-
ผัสะย้ำกะหยาดหวาน
O ริ้ววาทะพามุสะประนอม
ผัสะย้อม กะ วิญญาณ
เจตจินตะสิ้น, สติพิชาน-
ดุจะลาญ บ เหลือรอย
O หวาน, วาตะ, อาชญะประนัง
ฤดิคลั่ง ก็ หมอบคอย
เสพลิ้มกระหยิ่ม บ ละ บ ถอย
สติด้อย สิ ดึงดัน
O เลศวาทะ, อาชวะรหัส
อวิภัชะรำพัน
เกณฑ์กรอบระบอบมุหะมหัน-
ตะกระนั้นก็เนื่องหนุน
O สูงค่าสุภาษิตะประกอบ-
คละระบอบ .. ระเบียบบุญ
สูงส่งเพราะมงคละเหมาะสุน-
ทริยะดุลยะภาพพร้อม
O ภาพงามละลามยุคะสมัย
มธุ-ไพรก็สุดออม-
แอบกลิ่นประทิ่น, กฏะพะยอม-
ก็ ลุ ล้อมประนอมกรรม
O แฉกลิ้น มุ ภินทนะสมา-
คมะชาติด้วยชำ-
นาญ..บท .. และพจนะกลัม-
พ-ระพร่ำ ก็ เป็นผล
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
ก็ขจัดซะอับจน
จารีตและคีตะอนุสน-
ธิ ก็ขนประโคมคอย
O หอมหวานสุมาลยะก็ภิน-
ทนะสิ้นและสุดรอย
หยาดพินทุสิ้น, มธุระพลอย-
รสะถ่อย .. ผิ เอาทาร !

========================================

คำศัพท์บางคำ
(ที่มา .. https://www.chatchawan.net/2014/05/vibhajyavada/)

วิภัชชวาที ..
แปลว่า การพูดแยกแยะ การพูดจำแนก หรือพูดแจกแจง หรือการพูดเชิงวิเคราะห์ ลักษณะสำคัญของการคิดและการพูดแบบนี้คือ การมองและแสดงความจริง โดยแยกแยะออกให้เห็นแต่ละแง่แต่ละด้าน แต่ละประเด็นครบทุกแง่ทุกด้าน ทุกประเด็น ไม่ใช่จับเอาประเด็นใดประเด็นหนึ่งมาคิดวิเคราะห์แล้วสรุปครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด

วิภัชชวาท ..
เป็นชื่อเรียกอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนา หรือเป็นคำหนึ่งที่แสดงระบบความคิดของพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธเจ้าทรงเรียกพระองค์เองว่าเป็น วิภัชชวาท หรือ วิภัชชวาที และคำว่า วิภัชชวาท หรือวิภัชชวาทีนั้น ก็ได้เป็นคำเรียกพระพุทธศาสนา หรือคำเรียกพระนามของพระพุทธเจ้าซึ่งได้ใช้อ้างกันมาในประวัติการณ์แห่งพระพุทธศาสนา เช่น ในคราวสังคายนาครั้งที่ 3 พระเจ้าอโศกมหาราชตรัสถามพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ประธานสงฆ์ในการสังคายนาว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีวาทะอย่างไร พระเถระทูลตอบว่า “มหาบพิตร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นวิภัชชวาที”

อ .. แปลว่า ไม่

อวิภัชชวาที .. จึงแปลตรงกันข้ามกับ .. วิภัชชวาที
หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายก็หมายถึง การพูด (การกล่าวหา) แบบ "เหมารวม" ไม่จำแนกแยกแยะด้วยเหตุผล .. อันจะพบเห็นได้มากในทางการเมืองในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา

ปกติเมื่อเป็นภาษาไทยจะลดรูป "ช" ออกตัวหนึ่ง

========================================

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=03&group=2&gblog=101

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 ตุลาคม 2018, 06:47:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #6 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2018, 06:47:AM »
ชุมชนชุมชน



O มุสาสมัย .. O






๑๙
O เรื่อทองทาบ-ช-ละ-พร่างระหว่าง-ติ-ณะ-ล-ดา-
วัลย์ - ย้ำจะอำลา - - - อรุณ
O พ่างเก็จแก้ว-ประ-ประกายละม้าย-รั-ศ-มิ-กุณ-
ฑล-พราววะวาวจุน - - - รุจี
O ฟากฟ้านั่น-ท-วิ-ผวนกระบวน -จ-ร-จะลี-
ลาศมุ่งอำรุงชี - - - วะชนม์

๑๔
O แผ่วพลิ้วระริ้วกุสุมะชาติ
ขณะวาตะผ่านวน
พู้นภาสะอาทิตยะพล
กระอุผละพร่างเพ็ญ
O ลมร่ำพะสัมผัสะกะเถา-
วัลย์เย้ากะรื่นเย็น
ฉาบหล้า, ชลาลัยะ, ก็ เห็น-
รุจะเต้นกระเพื่อมตาม
O ศัพท์ส่ำ ก็ สัมผัสะกะโสต
ะอุโฆษและคุกคาม
ผล, เหตุ, เภท, นยะปณาม
ระบุทราม – นะสร้างสม
O ไป่รู้จะชูธรรมะ ฤ โทษ
ก็ประโมทย์กะโสมม
เพียงรู้จะสู่รติภิรมย์
อธิคม ก็ ขวนขวาย
O ปีกกาง, ระหว่างรหัสะพจน์
พิเราะบทะรำบาย
ฟ้าแผ้ว, และแววนัยนะผาย-
นยะฉายะสั่งชี้
O ฝั่งฟ้า, วลาหกะเขยื้อน
พฤติเถื่อน ก็ เหมือนธีร
โวหาระปานประพิณะคี-
ตะกวีประจงกรอง
O ค้อนคำกระหน่ำสุภะประภาษ
ทุรชาติช่ำชอง
อำนาจและอาชญะผยอง
พิเราะร้อง จะสิ้นหรือ ?
O กี่ตรองจะมองกะเทาะกระทั้น-
ตละขั้น ผิ นั่นคือ-
คันธงนะบ่งระบุ, เถอะถือ-
นยะสื่อเสมอสาส์น
O เพ่งภาพ .. ก็ภาพศิระยะยอบ
ระยะนอบ สิ นิ่งนาน
เปือกบงกะปลงปทัสถาน
อปการะกอปรกิน !
O ฟ้าสูง สิ ฝูงสกุณะร่อน
วตะร้อนก็รวยริน
โลกต่ำกลัมพ-ระประทิน-
ก็ประพิณประไพพร้อม
O ค้อนคำกระหน่ำพละกระทบ
เถอะสยบ, เถอะพึงยอม
เอียงเท, ประเล่หะจะประนอม-
กฏะล้อม .. ขจัดเหลิง
O ฤาวาระอาวุธะพลัง
จะสะพรั่งประกายเพลิง ?
ปลื้มเปรม, เขษม, สุขะระเริง-
และประเทิง ฤ เทียบถึง
O เร้ารุมผชุมอัคนิเชื้อ
ฤ เพราะเพื่อจะพรั่นพรึง ?
ฤาเมาหะเขลาพิเคราะหะ, พึง-
กรรมะซึ้งจะตรึงสรวง ?
O ลมร่ำ, เพราะคัมภิระประพจน์,
ประจุบทะบำบวง
คล้อยเคลื่อนจะเตือนสุริยะดวง
เถอะนะล่วง .. เถอะรีบเลือน !
O ลมเห่ประเล่หะบริกรรม
สัทะธรรมะย้ำเตือน
กล่อมให้พิสัยทรรศนะเหมือน-
จะเขยื้อนขยับตอน
O เหลื่อมแสงเพราะแรงวตะกระหนาบ
และประภาพะอัมพร
ริ้วคลื่นและพื้นชละสะท้อน
ตละตอน ก็ สู่ตา
O เรื่องกล่าวจะป่าวและปริภาษ
ทุรชาติและบัญชา
เกลียวกลมผสม – ทะนุมุสา
กระแหนะหน้า สิ นับนาน !
O ใช่ปราชญ์ ก็ ปราดกระแดะแนะนำ
ปะเหลาะกรรม ก็ นำการณ์
ใช่เทียน ฤ เธียรวุฒิพิศาล
ฤ ประมาณประเมินรู้ ?
O ใช่ผู้จะสู่มติวิภาษ
ตรรกะศาสตระเชิดชู
รมย์เพียงเพราะเสียง .. ปะเหลาะเจาะหู-
กระแดะอยู่ นะ เช้าเย็น !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=29&group=212&gblog=2

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 พฤศจิกายน 2018, 04:18:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #7 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2018, 04:18:PM »
ชุมชนชุมชน



O รำพันพิลาป .. O





วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O แว่วเสียง ก็ เพียง-นิยมะศัพท์
เพราะ-สดับก็จับใจ
เสพสมภิรมยะ, ไฉน-
อุปไมยจะเปรียบเหมือน
O ต้อง'ความ' ฤ ห้ามสุขะ ณ ใจ
ขณะไหน บ อาจเลือน
ต้อง'คำ'เพราะคัมภิระสะเทื้อน
ฤ เขยื้อนขยับพ้น
O โสตนั้นเพราะนันทะสดุดี
ภวะปรีดิ์ก็ปรุงปรน
สัมผัสกระหวัดนยะกระวน
จิตะคน ฤ อาจขืน
O ปวงผู้เหมาะชูวิสัยะทัศน์
ก็ขจัด บ อาจยืน-
หยัดเงา-เพราะเงานิละทะมื่น-
แสยะยืนและขืนไว้
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
อัตคัด บ เห็นใคร
เจตจินต์ถวิล-ก-ละจะไร้-
บทะให้กระจ่างเห็น
O สามารถเหมาะชาติจะวัฒนา
พิศะหา ก็ ยากเย็น
ปวงผู้เหมาะรู้ .. ประพิณะเพ็ญ
ดุจะเร้นจะเลือนสูญ
O ขลาดเขลาและเมาหะพฤติกรรม
อุปถัมภะเพิ่มพูน
ภาพสร้างและร่างทิฐิวิทูร-
ก็พิบูลยะทั่วหน
O พลุ่งฤทธิ์อวิชชะคุกระเหิม
ทุขะเติมก็เตรียบตน
โพลง-พิษะริษยะระคน
จิตะฉล ก็ โฉ่ฉาว
O ปมด้อยประดอยบทะกระหนาบ
ทุระภาพก็พร่างพราว
กรวดเกร็ด ฤ เพชระอะคร้าว
รุจะวาว สิ วาดหวัง
O เนื่องหนุนกะสุนทริยะภาพ
บุญะบาปะบดบัง
องค์รู้เหมาะผู้ธิระจะฟัง
ดุจะตั้ง บ เป็นตัว
O เบื้องบทสุพจนะประพิมพ์
สัตะปิ่มจะมืดมัว
เสียงแจ้ว ฤ แล้ว ภวะสลัว-
บทะกลั้วประกายแสง
O แล้วเล่า ก็ เมาหะพฤติจิต
วิปริตะรุนแรง
อำนาจและอาชญะแสดง
ก็แสลงสลอนตา
O เบื้องบทสุพจนะประจัญ
กระแหนะนันทิพรรณนา
ภาพสร้างระหว่างนิยมะสา-
ธกะฝ่าประโลมฝัน
O ภาพผู้จะชูวิสัยะทัศน์
ปฏิบัติร่วมบัญ-
ชาการประสารคุณะอนัน-
ตะกระนั้น ฤ เคยเห็น ?
O เรียวปากและพากยะกลัม-
พ-ระพร่ำ ก็ เพียบเพ็ญ
สอนสั่งประดังสุตะ บ เว้น
สัทะเค้นประโลมคน
O เรียวลิ้น บ สิ้นระยะตวัด
ระบุอรรถะอึงอล
ภาพพจน์และรสะอนุสน-
ธิพิมละยากเหมือน
O แซ่ศัพทะรับคุณะประโคม
สุขะโลม บ อาจเลือน
ใจ, ปาก .. และพากยะสะเทื้อน
ก็เขยื้อนขยับรอ
O แซ่ศัพทะขับประเหลาะประโลม
ดุจะโคม นะ ทอดทอ-
ครอบเมืองและเปลื้องรุจะลออ
มุสะส่อ บ ขาดเสียง
O ล้วนศัพทะขับคุณะประพนธ์
อนุสนธิสำเนียง
ความ-คำเพราะคัมภิระเผดียง
เฉพาะเพียงจะชูผล
O สู่โสต, ประโมทยะระบัด
พฤติ, วัตระหมุนวน
อวลพิษะริษยะระคน
จิตะฉลก็แผดเผา
O ภาพผู้เพราะรู้สุขะและโศก
อุปโลกนะแต่เยาว์
ไพศาลประการคุณะเฉลา
นิระเนา .. บ แนบใจ
O โลกหมุนก็หมุน .. มุสะมุสา
กระจะตากระจ่างนัย
ยากแค้น สิ แน่นระยะไผท
ฤ ไฉน บ สร่างซา ?
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
อัตคัด สิ ต่อตา
ถ้อยแถก็แผ่บทะสถา-
ปนะภาวะดุจควัน-
O ครอบเคลื่อนเสมือน-ทกะกระฉอก
คละ-ระลอกประโลมกัน
อำนาจและอาชญะถวัล-
ยะตะบันกะบาปบุญ
O โลกเคลื่อน .. จะเคลื่อนรุจะตะวัน
ประลุพรรณะเจือจุน
อำนาจและอาชวะจะหนุน-
เหมาะกะดุลยะภาพแสดง
O ปวงหมู่วิทูพิเคราะหะวา-
ทะและจาคะจักแจง
ขอบเขตและเจตนะ บ แฝง
ประลุแจ้งกระจ่างตา
O ศัพท์แสงแสดงนยะประจบ
ก็จะลบและลับลา
เยี่ยงพลบประจบบทะอุษา
อุปมาจะเปรียบเหมือน !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2015&date=24&group=2&gblog=85

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 พฤศจิกายน 2018, 08:34:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #8 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2018, 08:34:AM »
ชุมชนชุมชน



O ลมรำเพย .. O






วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O แซ่ศัพทะรับคุณะประพจน์
ระบุบทะรำบาย
เสียงรับก็รับเฉพาะจะหมาย-
อธิบายกะหมู่เขลา
O ทวยเทพ, วิเลปนะประนอม-
จิตะน้อมและแนบเนา
พร้อมสรรพะอัปสระเฉลา-
ทะนุ-เฝ้าประคองฝัน !
O ปวงวรรคและอักษระประดิษฐ์
นฤมิตะเมามัน
สรรค์ศัพทะรับมุหะมหัน-
ตะกระนั้น สิ หนักหนา
O คีตพร้องตระกองยุคะสมัย
อุปไมยะไปมา
ไท-ทาส ก็พาดบทะ, สถา-
ปนะภาวะพร้อมเพ็ญ
O โอ .. โสตอุโฆษสรรพะประภาษ
ทะนุฆาตและลำเค็ญ
ดี-ชั่ว, เหมาะ-มั่ว, พิศะก็เห็น-
มุสะเต้นกระจ่างตา
O โอ .. โสตอุโฆษบุญะและบาป
สุรภาพะพึ่งพา
เทียนธูป .. วะวูบ, สติวิสา-
มัญะคว้า-ก็เพียงควัน
O ปรารมภะสมมุติวิกฤติ
กระอุอิทธิฤทธิ์ .. อัน-
ยื้อยุดจะฉุด-ยุคะและผัน-
บุพะบรรลุรำบาย
O โวหาระผ่านคตินิมิต
ตละคิด ก็ คมคาย
เกลี่ยชั่วเกรอะกลั้ว-บุญะละม้าย-
อธิบายะบิดเบือน
O ไป่รู้จะชู-ธรรมะ ฤ โทษ
พฤติโฉด-ก็แชเชือน
เพียงรู้จะชู-ฉละและเหมือน-
จะเลอะเลือนเพราะความหลง
O สามัญะนันทิพิสมัย
ระบุไว้กะว่านวงศ์
เว้นปากและพากยะประสง-
คะผจงจะ-จับ"ใจ" !
O แววตาวิสามัญะประเล่-
หะคะเนคะนึงนัย
ปรุงแต่งแสดงคติพิสัย-
ะประไพประพิณเหลือ
O อวลอรรถและปรัชญะประดัง
ตละครั้งก็คลุมเครือ
เลือกจับและรับบทะอะเคื้อ
อรรถะเพรื่อ สิ พร่ำเผย
O ศรัทธาเกาะบารมินิมิต-
กระอุพิษะรำเพย
สื่อสู่ ก็รู้ บทะเฉลย
ตละเปรย สิ ปลอมปน
O โมหันตะบันดละสมา-
คมะวาทะวกวน
ปรุงศัพทะรับรหัสะฉล
อนุสนธิสื่อสาร
O พิมพ์พันธุอันมุสะมุสา
กระแหนะหน้า สิ นับนาน
เท็จแถก็แปรบทะผสาน
อุปการะเกื้อกูล
O ตามอง, สมองพิเคราะหะตาม-
นยะพล่าม, ก็ไพบูลย์
จากชอบเพราะครอบคติวิทูร-
อนุกูละนำการณ์
O เชื่องเชื่อ .. เพราะเชื้อบุรพะผู้-
ศิระคู้และหมอบคลาน
ปราศรู้ ก็ชู ปทัสถาน-
อปการะกอปรกิน
O ทั้งมวลและถ้วนมรรคะพระผู้-
ประลุ-รู้, .. ก็พังภินท์
ผลเหตุเภท .. ระบุระบิล
ดุจะสิ้นกะสงสาร
O ใช่เพียง-เพราะเสียง, ตรรกะประกอบ-
ศิระนอบก็ชำนาญ
ทั้งฉวย-และช่วยมุสะประสาร
พิเราะซ่านหทัยชน
O โอวาทเพราะอาชวะประคอง
ดุจะกลองกระหน่ำกล
เคลือบทรามกะงามและอนุสน-
ธิพิมลกะมัวหมอง !
O มืดมัวสลัวยุคะสมัย
อุปไมยะเมื่อมอง
แฉก-ลิ้น .. แดะดิ้น, มุสะสนอง
สุตะพ้อง .. วิหคไพร !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2017&date=28&group=2&gblog=97

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
20 พฤศจิกายน 2018, 07:16:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #9 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2018, 07:16:PM »
ชุมชนชุมชน



O เพลงซอ ที่ รอสี...O






วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O ศัพท์แสงแสดง-ทิ-ฐิ-วิ-กฤต
ระ-บุ-มิจฉะมากมาย
ลูบคลำพระธรร-มะ-อ-ภิ-ปราย-
ระ-บุ-คล้ายจะเคยเห็น

O กาลามะสู-ต-ระ-ประ-การ
พระ-ประ-ทานเสมอเป็น -
หลัดยึดประพฤติ-ท-ศะ-ประ-เด็น
ฤ-จะ-เร้นจะเลือนสูญ

O "เขาว่า".. เพาะสา-ว-กะ-ส-ภาพ
ประ-ลุ-คาบทวีคูณ
เหนี่ยวรั้งพลัง-ฐิ-ติ-วิ-ทูร
ก-ละ-กูณฑะมอดเชื้อ

O เกรงว่าจะหา-ย-นะ-พระ-ศาสน์
เพราะ-ประ-ภาษะคลุมเครือ
ลุ่มหลงพะวง-ภ-พะ-อะ-เคื้อ
อรร-ถะ-เพรื่อสิพร่ำเผย

O ไพศาลประการ-อ-ริ-ยะ-วาท
จะ-ป-ลาตะล่วงเลย
เกรงเขลาคละเคล้า-บ-ทะ-เฉลย
น-ยะ-เปรยจะปลอมปน

O ยากเย็นประเด็น-อ-ริ-ยะ-สัจจ์
ภ-วะ-วัฏฏะเวียนวน
เสกสรรคะคัน-ถะ-อ-นุ-สน-
ธิ-วิ-กลวิการเขียน

O กำจายสยายอุ-บั-ติ-จิต
ระ-บุ-ทิศะดุจเธียร
รอบกรรมะนำ-ภ-วะ-เสถียร
นิ-ระ-เปลี่ยนกระทั่งปลาย

O เห็นไกลกระไร-นั-ย-นะ-ทิพย์
กระ-แดะ-หยิบมุบรรยาย
เกรงว่าจะพา-ข-ยะ-ข-จาย
มรร-คะ-ปลายจะเปล่าเปลือง

O เหตุต้น .. เพาะผล-กรร-มะ-กระ-ทบ
ด-ละ-ภพะรองเรือง
สัมผัสกระหวัด-ร-สะ-เมลือง
ทะ-นุ-เนื่องเขษมสันต์

O การณ์เหตุและเจ-ต-นะ-ผ-จง
อุ-ป-สงคะร่วมกัน
ก่อกรรมะนำ-ทุ-ก-ระ-ทัณ-
ฑะ-ผ-ชันเผชิญชนม์

O กรรมเหตุและเด-ชะ-จะ-ส-ลาย
ก็-เพราะ-คลายระดับ..ตน..
รู้วัตรขจัด-อ-ดุ-ระ-ผล
ละ-ก-มละพ้นหมอง

O เพียงคุมผชุม-จิ-ตะ-ส-มา-
ธิ-ส-ภาวะตามตรอง
ใคร่ครวญชนวน-มุ-หะ-ละ-ออง
เฉพาะต้องจะตัดเตียน

O ติดหล่มเพราะสม-มุ-ติ-พิ-การ
วิ-ญ-ญาณะจำเนียร
สิ้นร่าง บ่ ร้าง-ภ-วะ-เสถียร
จะ-ผละ-เปลี่ยนและเวียนไป

O ดวงเดียวจะเหนี่ยว-อ-ม-ระ-ภาค
กระ-แหนะ-พากย์เพราะอำไพ
ลอยลิบกระพริบ-บ-ทะ-ไสว
ภ-พะ-ใหม่ตะบึงมอง

O แห่ตามเพราะพราห-ม-ณะ-ประ-สิทธิ์
นิ-ร-มิตะรับรอง
อวลอรรถเพาะปรั-ช-ญะ-ส-นอง
ผิ-วะ-ต้องก็เป็นตาย

O กาลล่วงก็ห่วง-ทิ-ฐิ-พิ-สุทธิ์
ธรร-มะ-พุทธจะเปล่าดาย
แผกผันเพาะคัน-ถะ-อ-ภิ-ปราย
อ-ธิ-บายะเบี่ยงเบน

O หลงมุขะยุค-อุ-ป-นิ-ษัท
พิ-เคราะห์-อรรถะโอนเอน
หลงรสประพจน์-อุ-ต-ริ-เถร
ด-ละ-เวระแฝงไว้

O แยบคายอุบาย-มุ-สะ-ประ-โยค
ระ-บุ-โลกะครรไล
พรางปมเพาะสม-มุ-ติ-พิ-สัย
ระ-บุ-ให้พิกลเห็น

O แปลกตอนสะท้อน-ร-หั-สะ-วา-
ก-ยะ-พาหะแผกเพ็ญ
ข้ามภพบ่จบ-ประ-ทุ-ษะ-เข็ญ
ต-ละ-"เป็น"เพราะกรรมปรุง

O เหตุนำเพราะคัม-ภิ-ระ-ก-ถา
อรร-ถะ-ราชะอำรุง
ภาษปวงพระร่วง-ลิ-ขิ-ตะ-ฟุ้ง
ก-ละ-รุ้งจรัสเหลือ

O ต้นเงื่อนเสมือน….วิ-สุ-ทธิ์-มรรค
เพราะ-ประ-จักษะจุนเจือ -
คลี่คลายสยาย-ภ-พะ-อะ-เคื้อ
ต-ละ-เหยื่อก็พร้อมยิน

O เหตุร้อน ณ ก่อน-ม-ร-ณะ-กาล
ฤ-จะ-ผ่านทลายภินท์
ย้อนสางมล้าง-ภ-วะ-อ-จิน-
ต-ยะ-สิ้นจะได้หรือ ?

O เมื่อเหตุเภท-ด-ละ-ประ-ภพ
ฤ-จะ-กลบซะด้วยมือ
รูปนาม ฤ ข้าม-ภ-พะ-กระ-พือ
ประ-ลุ-รื้ออดีตกรรม

O การณ์ใดกระไร-ด-ละ-เพราะเหตุ
บ-ริ-เฉทะเนื่องนำ -
ส่งผลทุรน-อ-ดุ-ระ-ล้ำ
ฤ-จะ-ห้ำประหัตหาย

O ความดับระงับ-ฤ-จะ-ประ-สบ
ผิ-วะ-ภพะวอดวาย
หนทางจะล้าง-ทุ-ระ-ส-ลาย
ฤ-จะ-หมายจะมองไหน ?

O เหตุ-ผล ณ บน-ระ-ยะ-ระ-หว่าง
ภ-พะ-ต่างจะอย่างไร ?
หรือเพียงจะเบี่ยง-ทิ-ฐิ-พิ-สัย
ระ-บุ-ไว้เพราะสับสน

O มืดมัวสลัว-รั-ฐะ-ไผท
ม-ติ-ไหนก็จำนน
แซ่ศัพท์สดับ-จิ-ตะ-ฉ-งน
เสนาะพ้นวิหคไพร !

O แม้นห้วงอรรณพนั้น - - - ไพศาล
ใช่กักทุกข์ทรมาน - - - หมดสิ้น
แต่อบายจดพรหมสถาน - - - ถ้วนหมู่
นับเนื่องเพียงกระผีกริ้น - - - รอด, พร้อม-นฤพาน !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2005&date=23&group=10&gblog=9

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
22 พฤศจิกายน 2018, 05:51:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #10 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2018, 05:51:PM »
ชุมชนชุมชน



O เชิญจันทร์ .. O







วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O พรึบพร่างระหว่างระยะชโล-
ทระโชติเพรียกชม
สรวมสิทธิ์นิมิตฤดิภิรม-
ยะผสมกระแสสาย

O บาปปวงละล่วงประทุษะชาติ
และปลาตะทำลาย
ยอบุญะหนุนบทะสยาย
ทะนุกายและใจนี้

O เชิญจันทร์ถวัลยะ ณ สรวง
รุจะช่วงประคอง ชี-
วิต .. ครวญประมวลมิติพิถี
เฉพาะที่ .. เหมาะ .. เที่ยงธรรม

O จีบตองละล่องชละกระแส
พิเคราะห์แก้มโนกรรม
วิญญาณทะยานเฉพาะเพราะสัม-
ผัสะค้ำ จะ คอยขืน

O ไฟช่วง ฤ ดวงมนัสะโช-
ติเพราะโมหะกลบกลืน
ฤๅต่าง .. ระหว่างจิตะ, ทะมืน-
นิละคืนนะครอบลง

O เวิ้งกว้างระหว่างระยะชโล-
ทระ - โมหะเมา .. มง-
คล .. กรรมะทำนุอุปสงค์
ยุติสงเคราะห์เลือนสูญ !

O อัมพรโอภาสแจ้ง - - - จันทร์ฉาย
ประทีปอธิษฐานราย - - - รอบน้ำ
เพ่งไฟ, จิตรำบาย - - - ความบอก
ยอสุข, ถ่วงโศก-ช้ำ - - - ชอก-สิ้นสูญสลาย

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2012&date=28&group=2&gblog=75&fbclid=IwAR1kOQbN7L6VAQHfHmK6C0x5OSp4xXtr-iv7MPOQn_Yo4PbsxYecFsyCNiw

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 เมษายน 2019, 06:11:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #11 เมื่อ: 03 เมษายน 2019, 06:11:PM »
ชุมชนชุมชน



O ทุรยุค .. O





วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O กลบโสตเพราะโฆษณะประดัง
ตละครั้งก็คืบคลาน
กล่อมหัวระรัวบทะผสาน
ฤ จะต้านจะทานไหว
O เปลื้องบทสุพจนะประพิมพ์
สัตะปริ่มจะปราชัย
โดยเมาหะเขลาพฤติพิสัย
ทะนุไว้ประโลมหวัง
O เท็จแถ ก็ แผ่บทะประกอบ
ระกะรอบ สิ รุงรัง
แฉกลิ้น ฤ สิ้นมุสะพลัง
ตละครั้ง บ ขัดเขิน
O โอ .. โสตอุโฆษสรรพะประกาศ
ทุรชาติชวนเชิญ
เพรียกบทและพจนะประเมิน
สรเสริญ จะ แซ่เสียง
O จึง-เมืองกระเดื่องมุสะพจี
ดุษณีกะสำเนียง
โลกล่างระหว่างกรรมะประเดียง
ดุจะเอียงจะโยกไหว
O ใช่ปราชญ์ .. ก็ปราดระบุระบบ
มุหะภพก็อำไพ
ใช่เธียร .. ฤ เทียน, ยุคะสมัย-
จะไสวสว่างฤา ?
O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์
เพราะสมรรถะด้วยมือ
ใช่ปากและพากยะกระพือ
บทะสื่อจะเสกสรรค์
O ผลลัพธะนับคุณะดนู
สรรพะผู้จะรำพัน
ปรารมภะชมสมรรถะบัน-
ดละฉันทะในชน
O งมโง่และโมหะวิปริต
ปะทุฤทธิบันดล
เปลื้องชาติและภาษะอนุสน-
ธิวิกลวิการเผย
O จาก-ฉละป่นอริยะชาติ
พิเราะภาษะรำเพย
จวบ-พิษะริษยะเฉลย
บทะเคยก็เผยความ
O หวังวาทะคารวะและชม
ตฤณะตมจะเชื่อตาม
วิญญูเพราะรู้ก็เยาะและหยาม
นยะพล่ามก็ข้ามเสีย
O สื่อสู่ก็รู้ประพฤติกรรม
สุขะล้ำกะแลบเลีย
ลิ้นแลบก็แลบ บ ผละ บ เพลีย
บ ละเหี่ย, ก็เผยเห็น
O สบโสตประโมทยะระบัด
อวิภัชชะพร้อมเพ็ญ
เพียบภาวะทารกะกระเซ็น
ตรรกะเห็นจะเร้นสูญ
O อำนาจและอาชญะเพาะเหตุ
ทุระเภทะเพิ่มพูน
หลักคิดประสิทธิ์คติวิทูร-
บริบูรณ์ .. ก็ไม่เอา
O ศัพท์เสียงเผดียงปะทะกะโสต
กุธะโฉด สิ ใช่เบา
เสียงส่ำเพราะสัมผัสะกะเขลา
นยะเร้าก็ลวกลน
O หาผู้เหมาะรู้จะอภิวัฒน์
ทะนุรัฐะมณฑล
หาผู้เหมาะรู้จะอนุสนธิ์
คณะชนและเดชา
O ใช่ผู้เพราะรู้จะรณรงค์
ระบุบ่ง ก็ ศอก-วา
ไป่รู้จะชูสุขะสถา-
ปนะภาวะสู่ชน
O เสริมสร้างระหว่างยุคะสมัย
เฉพาะนัยะจำนน
เสกสร้างธุมางคะปฏิสน-
ธิกะตนก็เป็นตัว
O โลกทึ่งตะลึงวัตระไฉน-
พิสมัยกะมืดมัว
โลกเห็นก็เป็นตรรกะนะถัว-
บทะทั่วมุสาทาง
O นับช่วงทะลวงสุตะและโฆ-
ษณะโว บ เว้นวาง
ล้วนคำเพราะคัมภิระพยางค์
มุสะสร้างก็เป็นทรง
O โอ้ – ลวงทะลวงนิกระโสต
ขณะโกรธะหยั่งลง
โอ้ .. กา ฤ ว่า .. ผิวะจะหงส์ ?
พิศะรงคะย่อมรู้ !
.
.
กุธะ .. แผลงจาก โกรธะ
มุหะ .. แผลงจาก โมหะ
มุสะ .. แผลงจาก มุสา
สุตะ .. แผลงจาก โสตะ
.
.
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=11&group=2&gblog=92&fbclid=IwAR1vRazHW_WJ-SLUnkikVwUc9KR7fNuJA3sWnzFVdKbpbRUM9_AvCpo8eR0

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s