O แด่ .. อริยะภาวะ .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
16 เมษายน 2024, 09:37:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O แด่ .. อริยะภาวะ .. O  (อ่าน 2119 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
04 กันยายน 2018, 06:52:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 04 กันยายน 2018, 06:52:PM »
ชุมชนชุมชน







O แล้วดวงดาวอีกดวงก็ร่วงหล่น
ร่วงลงบน .. อนิจจังแห่งสังขาร
ให้ผู้คนจดจำเป็นตำนาน-
ผู้ล่มลาญวงวัฏฏ์ .. ล้างอัตตา

O อีกภาพการหล่นร่วง ..ใต้ดวงสูรย์
เพรียกโอดอื้นอาดูร .. เพียบพูนหน้า
ละภาพผ่านเลื่อนลั่นในสัญญา
ล้วนคุณค่าแนบในหัวใจชน

O สิ้นภพชาติ .. บรรดาเคยปรากฎ
เพียงกำสรดโศกปวง ..ค่อยร่วงหล่น-
ลงทับถมอาลัย .. ของใจคน-
ผู้ยังวนเวียนว่าย .. เมื่อปลายวัน

O ภาพรูปองค์บรรทมกลางร่มไม้-
พร้อมอาลัยอาดูรเพียบพูนขวัญ-
ผู้แวดล้อมโหยไห้กลางไพรวัลย์-
ก็ฉับพลัน .. วาบสู่ให้รู้คิด

O ว่า .. ย่อมคืออนิจจังแห่งสังขาร
ที่ล่มลาญดับล่วง .. พร้อมดวงจิต
ตามกฎเกณฑ์ท่วงทีของชีวิต
ด้วยเกินบิดเบือนเบี่ยง .. หรือเลี่ยงพ้น

O จึง .. ภาพธรรมในกาลเมื่อผ่านช่วง
คือภาพยามชีพปวง .. นั้นร่วงป่น
ภาพ .. ใบไม้ร่วงตกพลิ้ว .. วก-วน
ต่างฤๅภาพตัวตน .. เมื่อหล่นคว้าง ?

O ใบไม้หล่นคว้างปลิว .. พลิก .. พลิ้วรูป
ลมผ่านวูบ .. เรียวใบร่อนไปห่าง
กลางแวดล้อมเปล่าเปลี่ยว .. ในเที่ยวทาง
กลาดเกลื่อนใบไม้บาง .. ก็วางตน

O กลางรูปธรรมเงียบเหงา .. ความเปล่าเปลี่ยว-
ย่อมกรากเชี่ยวกำลัง .. ทุกครั้งหน
ใบไม้ร่วงทับถม .. สายลมบน-
ก็พาวนเวียนไหวอยู่ในยาม

O นั่น .. หล่นพลิ้วพลิกคว้าง .. อีกบางใบ
หล่นรูปให้น้อมนำสู่คำถาม
ที่ .. รอบกาลโหมรุก .. เข้าคุกคาม
ใครเล่าอาจหักห้าม .. ได้ตามใจ

O อีกแล้ว-อีกบางใบ .. ร่วงในที่
ด้วยท่วงทีเฉกกัน .. เช่นนั้นได้
อีกหนึ่ง-รอบ .. หล่นคว้าง .. ของบางใบ
ทุกหนึ่งนั้น .. เช่นในหัวใจเรา

O หล่นรูปร่วงแผ่ราบ .. ระนาบดิน
เพื่อยอกลิ่นสร้อยโศก .. สุมโลกเหงา
สิ้นสุดปลายเส้นทาง .. เพียงร่างเงา-
เหลืออยู่เฝ้าดินต่ำ .. เป็นธรรมดา

O หล่นร่วงแห่งดวงแก้ว .. ครั้งแล้ว-เล่า
จนความเปล่าเปลี่ยวห้อม .. เข้าล้อมหา
นานแค่ไหน-หล่นคว้าง .. อาจร้างลา
หรือ-กี่กาละจะพ้น .. การหล่นลง ?

O ชั่วเพียงสิ้นโบกบ่ม .. จากลมร่ำ
ก็ตอกย้ำ .. ลำดับ .. การรับส่ง
มองเห็นไหม .. ช่องว่างที่กลาง-วง
หรือมั่นคงก้านขั้ว .. ของตัว-ใบ ?

O ฤๅจะยังหล่นคว้าง .. ณ กลางหน
ที่ว่างจน .. ลับล่ม .. แรงลมไหว
ที่อาจหล่นร่วมวิถี .. จะมีใด
ก็เพียงใจ .. ว่าง-วนของตนเอง

O พญาโศกคร่ำครวญ .. เสียงหวนไห้
แทนอาลัยเศร้าสร้อยที่ค่อยเบ่ง-
บานภาวะสุมสั่ง .. กลางวังเวง
เพื่อฉุดเร่งอารมณ์ .. สู่ตรมตรอม

O ศัพท์เสียงความคร่ำครวญ .. ก็ล้วนแต่-
ตอบรับความผันแปร .. ที่แห่ห้อม
กลางสายลมโรยริน .. ผู้ยินยอม-
เข้าแวดล้อมอาดูร .. เพียบพูนแล้ว !

O แล้วอีกดาวแสงช่วงกลางห้วงหน-
ก็ร่วงหล่นลับล่มกลางลมแผ่ว
ตรึงวาท, วัตรผ่องใสอยู่ในแวว-
ตาคู่วามผ่องแผ้ว .. ทุกแววตา

O ร้างสิ้นโบสถ์เจดีย์ .. ในที่นั้น-
จักเสกสรรค์ปั้นแต่งสำแดงค่า
ยินแต่ถ้อย .. แห่งธรรมผู้สัมมา-
ประพฤติ .. ปฏิปทา .. ค้ำคาใจ

O แทนเชิงชั้นงามลออ .. ของช่อฟ้า
คือศรัทธาปวงชนค่อยล้นไหล-
ลงแวดล้อมกาลลา .. ด้วยอาลัย-
ครั้งสมัยรูปขันธ์ .. จักอันตรธาน

O ล้วนคือหลักแห่งธรรม .. ชี้นำทาง
ให้ยกย่างเหยียบก้าว .. อย่างห้าวหาญ
คือองค์ธรรมรั้งฉุด .. แต่พุทธกาล-
ฉุดวิญญาณตื่นรู้ .. น้อมสู่ธรรม !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2011&date=04&group=41&gblog=21

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, @free, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 กันยายน 2018, 06:48:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #1 เมื่อ: 14 กันยายน 2018, 06:48:PM »
ชุมชนชุมชน



O แด่..เธอผู้พายเรือ...O





บทนี้เขียนให้กับผู้มี"จิตวิญญาณความเป็นครู"ทุกคน


O แว่วยินคลื่นน้ำฟาดเสียงกราดเกรี้ยว
กลางค่ำคืนเปล่าเปลี่ยว..กรากเชี่ยวไหล
เห็นแผ่นผืนน้ำพลิ้วเป็นริ้วไป
ล้อลมไหววาดคลื่นอยู่ครื้นเครง
O เกลื่อนฟ้านั้น..จันทร์ดาวแสงพราวพร่าง
แสนไกลห่างมีสิทธิ์เพียงพิศเพ่ง
เสียงฟองคลื่นโถมถั่ง..ล้อวังเวง
แทนพาทย์เพลงกล่อมคืนให้ตื่นตัว
O โครมครืนเสียงคลื่นน้ำในค่ำดึก
โหมแรงฮึกเหิมบนความหม่นหลัว
เรือลำน้อยหนึ่งลำในค่ำมัว
คลื่นทิ่มแทงสั่นรัวไปทั่วลำ
O ฝ่าไปบนคลื่นน้ำ, เสียงจ้ำพาย-
พาเรือว่ายแหวกคลื่นผ่านคืนค่ำ
จึงเห็นสองมือเรียว..ถูกเคี่ยวกรำ-
กลางสายน้ำวาดพาย..อยู่ท้ายเรือ
O เห็นเธอทอดสายตา..มองหาฝั่ง
เกลียวคลื่นคลั่งโถมแทง..ก็แรงเหลือ
พาย..คัด..วาด..ค้ำ..หนุน..คอยจุนเจือ
ด้วยหยาดเหงื่อ..ใจแกร่งสู้แรงน้ำ
O วาดลำเรือลอยฝ่า..ถึงท่าเทียบ
ก้าวก็เหยียบย่างหาอยู่คลาคล่ำ
เท้าคู่น้อยหนีบนอบอยู่รอบลำ
รอพายจ้ำจ้วงอยู่เสียงกรูเกรียว
O พาเรือน้อยลอยลำ..พายจ้ำจ้วง
ผ่านทุกช่วงจังหวะ..น้ำชะเชี่ยว
เห็นเธอวาด..พายค้ำ..เรือลำเรียว
อยู่กลางสายชลเปลี่ยว..อย่างเดียวดาย
O จนเรือโยนลำยก..แล้ววกต่ำ
ก่อนวูบด่ำดิ่งไปน่าใจหาย
ฝ่าน้ำเชี่ยวคลื่นซัด..มือคัดพาย-
อยู่ที่ท้ายเรือนั้นอย่างมั่นคง
O มือน้อยน้อยเกาะเกร็ง..ตาเพ่งพิศ
มองสู่ทิศสำหรับการรับส่ง
มองมือวาดพาย..คัด..ก่อนงัดลง
แววตาบ่งบอกรู้..มือ-ผู้ใด
O โอ..แววตาวับวาว..แสน-กร้าวแกร่ง
รอจ้วงพายทิ่มแทงสู้แรงไหล-
อันกรากเชี่ยวของน้ำอยู่ร่ำไป
หวังเพียงได้พาคน..ข้ามพ้นน้ำ
O งามยิ่งงาม..ก็ระยับอยู่กับโลก
ปรุงปรนหอมบ่ายโบกโลมโลกต่ำ
เมื่อปรารมภ์งดงาม, ทุกความ..คำ-
ย่อมยกงามขึ้นย้ำเป็นธรรมดา
O มือเรียววาดพาย-วนกลางชลเปลี่ยว
ทุกส่วนเสี้ยวใจรู้..ย่อมรู้ว่า-
คลื่นสาดซัดโหมหนัก..กลางมรรคา
ต้องหัวใจแกร่งกล้าไม่ล้าโรย
O ร่างน้อยน้อยนั่งมองตาจ้อง-เพ่ง
ใจคร่ำเคร่งเรี่ยวแรง..ก็แห้งโหย
แม้นคลื่นน้ำลมโลก..คอยโบกโบย
ผ่านพ้นโดยมือเรียว..คอยเคี่ยวกรำ
O ปีแล้ว..และปีเล่า..ที่เจ้าเป็น
ฝ่าร้อยเข็ญ..พันโศกแห่งโลกต่ำ
ด้วยจิตด้วยสำนึก..งามลึกล้ำ
พาย..งัด..ค้ำ..เรือน้อยล่องลอยไป
O ละเที่ยวพาย..จ้วงจ้ำ..ฝ่าน้ำเชี่ยว
ค่อยค่อยเคี่ยวกรำสอน..อาทรให้-
ลูกศิษย์น้อยคล้อยหลัง..สู่ฝั่งไกล
ด้วยน้ำใจไหลเชี่ยว..ด้วยเรี่ยวแรง
O พายเรือน้อยลอยล่อง..ฝ่าฟองคลื่น
เสียงโครมครืนก้องรัว..อยู่ทั่วแหล่ง
ด้วยสองมือคัดท้าย-วาดพาย..ทะแยง
พาหัวเรือทิ่มแทง..ถ้วนแหล่งน้ำ
O คัดท้ายพายเรืออยู่..เพื่อผู้อื่น
ฝ่ากระแสลมตื่น..เกลียวคลื่นคร่ำ-
ครวญระงมห่มห้อม..อยู่ล้อมลำ-
เรือน้อยคอยพลิกคว่ำ..จมลำเรือ
O ภาพเด็กน้อยจำพราก..พ้นฟากฝั่ง
มือเรียววาดพายยัง..อีกฝั่งเพื่อ –
รับส่งอีกทุกรุ่น..ช่วยจุนเจือ-
ภาพงดงามให้หลงเหลือ...ในแผ่นดิน..!


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2010&date=05&group=41&gblog=11

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
18 กันยายน 2018, 12:40:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #2 เมื่อ: 18 กันยายน 2018, 12:40:PM »
ชุมชนชุมชน



O ตรู่เช้าเดือน ๑๒...O






O ตรู่เช้าหนึ่ง
แสงแรกซึ่งอ่อนโยนเริ่มโชนฉาย
เห็นปีกบางโบกพลิ้ว..อวดริ้วลาย
อยู่ทักทายลมหนาวของเช้าวัน
O ช่อมาลย์เคยช้อยชู..กลับลู่ล้ม
ด้วยแรงลมลูบไล้..จนไหวสั่น-
พาน้ำค้างยามเช้าบนเถาวัลย์
เลื่อนลดหลั่นกลิ้งหยด..ลงรดริน
O ปีกเบาบางกางร่อนออดอ้อนลม
เหมือนจ่อมจมหอมอยู่ไม่รู้สิ้น
จึงเห็นปีกเลื่อมลายค่อยบ่ายบิน
ให้รสกลิ่นกำจายเข้ารายล้อม
O ชื่นลมเช้าอ่อยเอื่อย, ปีกเรื่อยเร่-
ก็ร่อนรอลมเท..มาเห่กล่อม
แสงแรกวัน, หยาดน้ำ, การด่ำดอม-
ก็พรั่งพร้อมให้เห็นความเป็นไป
O แผ่วลม..พลิ้วระลอกราวหยอกยั่ว
ล้างหมอกมัว..เบิกบททุกบทให้-
ค่อยเลื่อนรูปเลาะเลี้ยวผ่านเรียวใบ
พร้อมปีกไหวโบกลายกลางสายลม
O คอยไหวโบก..บ่ายบินล้อมถิ่นที่
ปีก-วาดวีตอบตื่นรสรื่นฉม
เลื่อนล้อมผ่านมาลย์ช่อ..แอบออ..ชม
ด้วยสุดข่มขับหอมที่น้อมรับ
O รูป-รสหวานรับรู้..เมื่อตรู่สาง
ปีกบอบบางกลีบพะยอม..ก็พร้อมสรรพ
แสงดวงวันไกลลิบระยิบระยับ
การขยับการเขยื้อนก็เลื่อนรอ
O กลีบดอกนั้นดอกนี้..ในที่นั้น
ค่อยไหวสั่นจนสะท้านทั้งก้านช่อ
เกสรรูปกลั่นน้ำ..หวานล้ำพอ
การแอบออหวานหอม..ก็ย่อมมี
O เลื่อนผ่านช่อบุปผา..เพ-ลานั้น
เมื่อแสงวันโลมสิ้นทั่วถิ่นที่
การสมยอมผ่านช่วงเผยท่วงที
เมื่อลมวีวาดผ่าน..ช่อมาลย์นั้น
O รูปปีกบางกางแผ่อยู่แค่เอื้อม
แสงเรื่อเหลื่อมรูปลาย..ก็พรายสั่น
ให้มองเห็นภาพงามแห่งยามวัน
บรรโลมฝันแฝงเร้นไม่เว้นวาย
O ลวดลายปีกคลี่โฉบรอโอบกอด-
การพร่ำพลอด..งดงามและความหมาย
รสเรณูรื่นฉมเมื่อลมชาย
ที่ขวนขวาย..รอหอมหรือยอมร้าง ?
O สิ้นแล้วหยดน้ำค้างที่กลางช่อ
เหลือแอบออหวานอยู่ไม่รู้ห่าง
ลมผ่านไล้แผ่วเบา..ปีกเบาบาง-
หรุบรูปค้างคาหอมอย่างยอมตน
O ลมโลกคร่ำครวญสายรำบายล้อม
การหลั่งหลอมเติมเต็มก็เข้มข้น
สีสันปีกลวดลายยังบ่าย-วน
รอหวานปรนเปรออยู่ไม่รู้วาง
O ตามกลิ่นเกสรหอมไม่ยอมล้า
ที่เหมือนว่าหอมจรุงแต่รุ่งสาง
สีสันปีกผีเสื้อก็เหลือพราง-
ลอยเคว้งคว้างล้อแดด..ให้แผดลน
O เหมือนโบกแกว่งรออวด..สี..ลวดลาย
เมื่อแดดฉายแสงช่วงจากห้วงหน
เรื่อยเร่โลมเลาะกลิ่น..จึงบินวน-
เรณูหวานหอมล้น..เฝ้าวนเวียน
O โอ..ปีกสีสวยงาม-แดดวามส่อง
โล้ลมล่องลิ่วลอยแล้วค่อยเปลี่ยน-
ไปลิ้มเล็มหวานรสเฝ้าบดเบียน-
กลีบนุ่มเนียนโกสุม..คอยรุมเร้า
O ลมแผ่วยังโรยตัว..อยู่ทั่วแหล่ง
พาไม้แกว่งกวัดเรียวกลางเปลี่ยวเปล่า
จนปีกน้อยบินคว้างลับร่างเงา
หอมเคยเฝ้าใฝ่อยู่ก็รู้ร้าง
O ปีกลวดลายเคยงามก็ทรามสิ้น
เลือนจากกลิ่นหอมไป..จนไกลห่าง
คงเหงาเงียบเปล่าเปลี่ยว..ในเที่ยวทาง
เมื่อปีกบางเร้นหายจากสายตา
O ภาพงดงามผ่านวาบ..กำซาบรส-
การณ์ปรากฏ..คอยหนุนให้คุณค่า
ปีกเลื่อมลายสลับสี..พ้องลีลา-
ภาพอันเป็นธรรมดา..บรรดามี
.
.
.
O ไม่เห็น..ปีกผีเสื้อที่เหนือลม
เห็นเพียงปมด้อยหงาย..อวดลาย-สี
พร่ำพรรณนางดงาม..คุณความดี
ให้โลกนี้ถ้วนถิ่นได้ยิน..ฟัง
O ต้องสายตามองวาบ..กำซาบรส
หวานทั่วบทถ้วนนัยก็ไหลหลั่ง
ลมโรยสายผ่านแล้ว, ที่แว่วดัง-
ล้วนเสียงคลั่งไคล้ชอบ..อยู่รอบตัว
O ปีกลวดลายงอกพลันขึ้นทันใด
แล้วกางให้คลี่ออก..ทำหยอก..ยั่ว
ลิ่มลมหอมโอบขวัญ..ปีกสั่นรัว-
หรุบ..หู..หัวเกลือกหอม..อย่างยอมตาย !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2010&date=11&group=41&gblog=12

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : @free, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
23 กันยายน 2018, 08:27:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #3 เมื่อ: 23 กันยายน 2018, 08:27:AM »
ชุมชนชุมชน



O ระยะเปลี่ยนผ่าน .. O





O มองเห็นไหม .. ต่างช่วงของห้วงคิด
ใช่ว่าคือถูกผิด-ในจิตเขา
หรือว่าคือถูกผิด-ในจิตเรา
หรือมัวเมา ยึดติดกับจิตใคร ?
.
O หัว-ก้าวหน้า, ล้าหลัง แว่วดังอยู่
ฟัง-รับรู้ คุณค่าที่อาศัย
คือต่างช่วงความคิดที่ผิดไป
คือสายตายาวไกลที่ผิดกัน
.
O เที่ยวทางทอดเบื้องหน้าต่อตาเห็น
เปลวแดดเต้นลอยเลื่อนเฝ้าเตือนฝัน
ทางคดโค้งหลืบเลี้ยวมือเกี่ยว-พัน
ร่วมมุ่งมั่นสู่ปลาย .. จุดหมายเดียว
.
O ถูกผิด - ใช่ก้าวย่างที่ต่างช่วง
หากต้องห่วงกันบ้างระหว่างเที่ยว
ทุกรอยแยกห่างกันต้องขันเกลียว
นิ้วทุกเรียวเกี่ยวพันผูกกันไป
.
O ขณะดุ่มเดินย่างไปข้างหน้า
ทั้งเร็ว, ช้าก้าวย่างย่อมต่างได้
อาจผ่อน-เร่งแตกต่างด้วยทางไกล
แต่ว่าใช่แตกต่างปลายทางจร
.
O ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวพึงเหลียวหลัง
เพื่อหยุดฟังเสียงผู้ช้าดูก่อน
เสียงโหยจากเหนื่อยล้า-ช่วยอาทร
ก้าวพึงผ่อนยกย่างเป็นบางครั้ง
.
O ย่อมเป็นเพียงก้าวย่างที่ต่างช่วง
ใช่ตุ้มถ่วงล่ามลากพ้นฟากฝั่ง
คือแตกต่างคุกคาม-ใช่ความชัง
หากเป็นความคาดหวังพ้นวังวน
.
O ชะลอเท้ารอบ้างในทางเที่ยว
ผ่านโค้งเลี้ยวเหลียวหลังสักครั้ง-หน
ให้รู้ว่าช่องว่างระหว่างคน
มีรอบรู้, สับสน .. อยู่อลเวง
.
O ที่จุดหมายปลายทางอาจต่างอยู่
ด้วยรับรู้ทีละจุดยามรุดเร่ง
ฟังเสียงนกกำหนดเป็นบทเพลง
มองพิศเพ่งเพียงไม้แกว่งใต้ลม
.
O จึงระหว่างหัวแถวถึงแนวท้าย
ความซัดส่ายต้องปรับคอยขับข่ม
พ้นไปจากอัตตาขับคารม
ต่างเพียงร่ม, ลมเห่, ช่วงเวลา
.
O อาจจำต้องผ่อนผันรอกันบ้าง
กลบช่วงต่าง, จำนง-ทุกองศา
ปิดเส้นทางยืนหยัดแรงอัตตา
ด้วยหัวใจแกร่งกล้าไม่ล้าโรย
.
O ประคับประคองรั้งฉุด - เร่งรุดเถิด
ร่วมกันเปิดศึกกล้าไม่ล้า-โหย
ข่มกลั้นหยดน้ำตาจากปร่าโปรย
ให้ลมโชยเฉื่อยช้ารับปรารมภ์
.
O จึงระหว่างความเขา-ความเราว่า
เพียงเวลาแตกต่างที่สร้างสม
ระหว่างถ้อยคำโขกสับและรับชม
คือช่วงล่มหลากฝันเหลือฝันเดียว
.
O จึงระหว่างความเขา-ความเราว่า
ดี-ชั่วช้า ในพากย์จึงกรากเชี่ยว
เก็บอัตตาเอาฝันมาฟั่นเกลียว
ร่วมรั้งเหนี่ยวสังคมอุดมธรรม !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=13&group=41&gblog=53


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
31 มีนาคม 2019, 12:59:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #4 เมื่อ: 31 มีนาคม 2019, 12:59:PM »
ชุมชนชุมชน



O ปฐมะลีลา .. O





O เมื่อหน่ออ่อนเหยียดแยงขึ้นแทงยอด
เรียวใบค่อยค่อยทอดขึ้นพลอดแสง
นาทีนั้นรูปธรรมย่อมสำแดง-
นัยที่แฝงฝากโลกเกินโยกคลอน
O ว่าจำเริญจำรัสจากบัดนี้
ย่อมต้องมี .. ต้องเป็น .. เกินเร้นซ่อน
ย่อมต้องเสพ .. ต้องสร้าง .. ในต่างตอน
ย่อมต้องวอน .. ต้องหวัง .. กันทั้งนั้น
O จากยอดจนเป็นกิ่งแล้วทิ้งใบ
ต้องลมร่ำแกว่งไกวและไหวสั่น
แทงรากและยกต้นอยู่บนวัน
แวดล้อมนั่น, ใบร่วง-แสงสรวงระยับ
O เหยียดลำต้นหยั่งรากลงฝากพื้น
ท้าทายสายลมตื่นโลมรื่นประดับ
เรียวใบต้องแรงลม-หล่น-ถม-ทับ
เติมเต็มตามลำดับบนพื้นดิน
O หลังโยกไกวแกว่งกิ่ง-ที่ทิ้งหล่น-
รูปย่อมเปื่อยเน่าป่นเสียจนสิ้น
เพื่อสอดบทเสียดใบรับไหลริน-
ของหยาดชื้นที่จะผินจะพร่างลง
O กระนั้นแล้วแวดล้อมที่พร้อมอยู่
ทั้งยกชูจับจูงจนสูงส่ง
ทั้งเหนี่ยวรั้งร่วงคว้างที่กลางวง
รูปธรรมการปลิดปลง .. ย่อมคงไว้
O ที่เสียดยอดทอดใบเพื่อได้แสง
แล้วปรับแปลงร้อนระรุมที่สุมใส่
ตราบเย็นรื่นเฉื่อยโชย .. ก็โดยนัย-
ความรื่นเย็นแห่งใจย่อมได้มา
O จนจำรูญจำรัสโลมปถวี
ถ้วนปวงแห่งศักดิ์ศรีก็ลี้หน้า
บริบทแห่งชั่วดีเริ่มลีลา
คดเคี้ยวในมรคาก็ทอดรอ
O รุ่งเรื้องดวงรพี ณ ที่นั้น
บุษบันคอยอยู่ .. เพื่อชูช่อ
กลีบเชิดเรียว .. โลกล่างก็พร่างพอ
การสืบต่อรูปธรรมให้สัมพันธ์
O แวดล้อมนั่น, ใบร่วง-แสงสรวงระยับ
ลีลาอันสับปลับก็ดับฝัน
ขณะแสงวอดวายที่ปลายวัน
ภาพพจน์ดีงามนั่นก็บรรลัย

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2019&date=29&group=212&gblog=16
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s