มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
19 เมษายน 2024, 09:03:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 ... 6 7 8 9 [10] 11
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มหาภรตะนิทาน เรื่องพระนลคำกลอน  (อ่าน 63056 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
11 ธันวาคม 2018, 09:33:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #180 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2018, 09:33:AM »
ชุมชนชุมชน

-๓-



คำนิยม
 

(อินทรวิเชียรฉํนท์ ๑๑)

      ปัญญาสชาดก      “ธนุ”ยกขยายสรรค์
   แววศรีกวีวรรณ      ณ วิจิตรพิพิธสาร์

      เรื่องเอกอเนกผล   “พระสุธน มโนราห์”
   ลึกซึ้งคะนึงหา         หฤหรรษบรรยาย

      ผู้เขียนก็เรียนรู้      พิรชูวิเชียรฉาย
   ใช่ว่าจะท้าทาย         ตะละท่านสิอ่านเทอญ

มังกร  แพ่งต่าย
นายกสมาคมกวีร่วมสมัย
๓  มกราคม  ๒๕๕๙


 


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 ธันวาคม 2018, 09:34:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #181 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2018, 09:34:AM »
ชุมชนชุมชน

-๔-
คำนำ
******
เริ่ม “แม่ศรีวรรณทอง” แห่งท้องถิ่น
ที่ได้ยินแต่เยาว์..ก่อนเก่านั่น
แล้วต่อด้วยเรื่องแสนมหัศจรรย์
“แดนคนธรรพ์” ลึกลับและซับซ้อน

สองเล่มนี้มีล้น “กลบท”
จึ่งหลากรส “ฉันทลักษณ์” งานอักษร
“ธนุ” (ค้น)คว้ามาใส่ไว้หลายตอน
เพราะรักกลอน..กล้าเขียนเพียรฝึกปรือ

“นิทานพระนล” หนุนเนื่องประเทืองจิต
แทรก “ข้อคิด-คำคม” ..สมเป็นสื่อ
ส่วน “พระสุธน มโนราห์” น่าเลื่องลือ
ฟังเพียงชื่อ...ก็ชวนใจให้ติดตาม

สุวัฒน์  ไวจรรยา
ศิลปินดีเด่นจังหวัดนนทบุรี สาขาวรรณศิลป์
บรรณาธิการ
๒๙  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๙

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 ธันวาคม 2018, 09:35:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #182 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2018, 09:35:AM »
ชุมชนชุมชน

-๕-
   ปฐมบท
(๑)
                  เรื่องพระสุธน  มโนราห์    เค้าความเดิมเป็นนิทานโบราณของ
   อินเดีย  แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกที่เมืองนครศรีธรรมราช
   เมื่อไปถึงเมืองเชียงใหม่มีพระภิกษุรูปหนึ่งได้แต่ง“ปัญญาสชาดก”  ขึ้น

              “พระสุธนชาดก”   เป็นนิทานชาดกหนึ่งใน   ๔๘  เรื่อง    ของ
   “ปัญญาสชาดก”  นั้น  ต้นฉบับเดิมขึ้นต้นเป็นภาษาบาลี  แล้วขยายความ
    ด้วยร้อยแก้วแต่ละบทไป  การนำเสนอมีเพียงเนื้อหาหลักเท่านั้น มิได้มี
    บทการแสดง การเจรจา อารมณ์และข้อปลีกย่อยในการดำเนินเรื่องของ
    ตัวละคร
             
                                                        ทั้งมี  “พระสุธนกลอนสวด”  หลายฉบับ  ซึ่งแต่งเป็นกาพย์ชนิด
    ต่างๆ   โดยจะมี กาพย์ยานี ๑๑  กาพย์ฉบัง ๑๖  กาพย์สุรางคนางค์  ๒๘
    คละกันไปเป็นส่วนใหญ่  และมี “พระสุธนคำฉันท์” อันเป็นผลงานการ
    ประพันธ์ของ พระยาอิสรานุภพ  (อ้น)   ในสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    รัชกาลที่ ๔  ส่วนที่แพร่หลายที่สุดเป็นนิทานมุขปาฐะ ที่เล่าปากต่อปาก
    สืบต่อกันมา แต่มักจะแปลกพิสดารแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องที่
    และโวหารของผู้เล่า

                นอกจากนี้ยังมีบทละครอีกส่วนหนึ่ง  ทว่าเป็นการนำเอามาเพียง
    เค้าเรื่อง  แต่งบทบาทการแสดงให้มีความสนุกสนานเป็นสำคัญ  พบแต่
    เพียงบางตอนที่รู้จักกันแพร่หลาย  เช่นตอน “พรานบุญจับนางมโนราห์”

                 อนึ่งพระสุธน มโนราห์ ที่แต่งเป็นคำกลอนมีข้อเขียนว่าเคยมีคน
    แต่งไว้ก่อน พ.ศ. ๒๔๕๙  แต่จะสมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องหรือไม่นั้น ไม่มี
    หลักฐานยืนยัน    >>>>>>>

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 ธันวาคม 2018, 09:36:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #183 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2018, 09:36:AM »
ชุมชนชุมชน

-๖-
ปฐมบท
(๒)
    ด้วยปัจจุบันนี้ได้ค้นหาในหอสมุดแห่งชาติแล้วยังไม่พบ  จึงมี
    ความตั้งใจที่จะแต่ง “พระสุธน มโนราห์คำกลอน”  เล่มนี้เพื่อฝากไว้แก่
    อนุชนผู้สนใจสืบไป 

                    ลักษณะการแต่ง  “พระสุธน มโนราห์คำกลอน”  นี้     เป็นการ
    ประมวลความตามนัยแห่งชาดก เข้ากับบทพรรณนาความในกลอนสวด
    ต่าง ๆ    ความพิสดารในมุขปาฐะเรื่องเล่าของชาวบ้านจากท้องถิ่นต่างๆ
    เอามาผสมผสานเข้าด้วยกัน  เพื่อให้เกิดอรรถรส  มีความสนุกสนานตื่น
    เต้น  รัก  เศร้าเคล้ากันไป  ทั้งมีสาระ  ธรรมะ  ปรัชญาสอดแทรกไว้บ้าง
    ตามสมควร

                  ท้ายที่สุดนี้ผู้แต่งคิดว่าหาก“พระสุธน มโนราห์คำกลอน” เล่มนี้   
    มีการตอบรับจากผู้อ่านพอเป็นกำลังใจให้บ้าง   ก็จะพยายามแต่งนิทาน
    ชาดกเป็นคำกลอนเรื่องต่อๆ ไปในโอกาสหน้า

ขอขอบพระคุณทุกท่านครับ
ธนุ  เสนสิงห์
๒๙   กุมภาพันธ์  ๒๕๕๙

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 ธันวาคม 2018, 04:24:PM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #184 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2018, 04:24:PM »
ชุมชนชุมชน

-๗-
                                                        อารัมภบท
(๑)
             ขอฝากคำปรารภถึงเนื้อเรื่องใน “พระสุธน มโนราห์ คำกลอน”  คำว่า  “นิทานชาดก”   คือโครงเรื่อง    แต่รายละเอียดมักแปลกแยกออกไปต่างๆ นานา    เล่มนี้ก็มีที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่ หรือผิดแผกแตกต่างจากต้นฉบับอื่น ๆ  และมุขปาฐะที่ได้ยินได้ฟังมาทั้งหลาย ในส่วนนั้นขอชี้แจงหลักการ และเหตุผลประกอบไว้พอสังเขปดังนี้ –


๑.เพิ่มตอนพระสุธนออกไปศึกษาวิชากับฤๅษี   และได้ศรศิลป์ชัย
 (ต้นฉบับอื่น ๆ ไม่มีรายละเอียดนี้  เหตุผล อยากจะกล่าวถึงที่มาให้ชัดเจน)


             ๒. เพิ่มเรื่องพระสุธนได้พบกับพรานบุญเมื่อศึกษาจบจนตกลงนับถือเป็นพี่เป็นน้องกัน (ต้นฉบับอื่นๆไม่มี เหตุผลอยากจะกล่าวถึงความเป็น มาเพราะการที่พรานบุญตั้งใจจับนางมโนราห์เพื่อถวาย โดยหวังลาภสักกา ระ แต่เพียงอย่างเดียวนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูน้ำหนักของเหตุผลจะอ่อนไป)


              ๓. เนื้อหาเดิม ที่พรานบุญเป็นคนกักขฬะ ใจร้ายกับนางมโนราห์ สารพัดตามต้นฉบับอื่นๆ  เชื่อว่าที่แต่งเช่นนี้เพื่อสร้างอารมณ์ให้คนสงสารมโนราห์  แต่เหตุผลจะแย้งกันในข้อที่พรานบุญย่อมรู้ว่าการนำมโนราห์ไปถวายแก่พระสุธนนั้น  มโนราห์จะต้องได้เป็นราชินีในภายหน้า   อย่างน้อยคงจะไม่ทำร้ายคนที่หมายจะนำไปถวายเจ้านายให้บอบช้ำเป็นแน่
                ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้วนั้น   จึงปรับเรื่องใน พระสุธน มโนราห์คำกลอน ให้พรานบุญเป็นคนดี มีความเมตตาอารี  อีกอย่างหนึ่ง พรานบุญเมื่อกลับชาติเกิดเป็นพระอานนท์ ผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ย่อมต้องสร้างสม บุญบารมีไว้มากเช่นกัน


              ๔. เนื้อหาเดิม ตอนมโนราห์ขอใส่ปีกหางร่ายรำหน้ากองเพลิงแล้ว

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 ธันวาคม 2018, 04:25:PM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #185 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2018, 04:25:PM »
ชุมชนชุมชน

-๘-
อารัมภบท
(๒)
บินหนีไป   ตามเหตุผลปุโรหิตผู้ถืออำนาจย่อมรู้เท่าทันการณ์ คงมิยินยอม
ง่าย ๆ เป็นแน่  และหากเป็นการหลอกลวงองค์พระแม่ด้วย ยิ่งมิบังควร  จึงปรับเปลี่ยนใหม่

              ๕. เรื่องราวบางเรื่องที่กล่าวถึง สัตว์หิมพานต์  ภูตผี  นารีผล  เรื่องอัศจรรย์ต่าง ๆ ในป่าหิมพานต์นั้น  มีการเสริมเติมแต่งในลักษณะที่ให้เป็น   ไปตามตำนานหิมพานต์ และทัศนะของผู้แต่งเองส่วนหนึ่ง
 
                หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับความสุข  ความสนุกสนาน  และพบสิ่งที่เป็นสาระ เป็นประโยชน์จาก “พระสุธน มโนราห์ คำกลอน”เล่มนี้บ้างตามสมควร

ธนุ  เสนสิงห์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 ธันวาคม 2018, 04:27:PM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #186 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2018, 04:27:PM »
ชุมชนชุมชน

-๙-

นมัสการกถา
**********
(โคลงสี่สุภาพ)
๏ เป็นพันปีล่วงแล้ว      พุทธศก       
                   กินรีชาดก                          เด่นฟ้า
                   ชนในโลกยอยก                อรรถเอก  ยิ่งแฮ
                   เผยแผ่ไปในหล้า                สดับซึ้งตรึงฤดี
(กาพย์ยานี ๑๑)
                ๏ ชนชมชื่นนานมา      มโนราห์กินรี
       อินเดีย-นครศรีฯ                 แล้วแพร่หลายกระจายไป
                ๏ ทุกภาคถึงทั่วกัน             ที่สำคัญเมืองเชียงใหม่
       ภิกษุหนึ่งประพันธ์ไว้                      “ปัญญาสชาดก” บรรณ
                ๏ พระโพธิสัตว์ชนม์               “พระสุธนชาดก”สรรค์
        เป็นหลักฐานสำคัญ                 ให้ยืนยงอยู่คงกาล
                ๏ กลอนสวดกาพย์ทั้งหลาย   แพร่กระจายหลายถิ่นฐาน
        วิจิตรพิสดาร                            อรรถรสบทภาษา
                ๏ เรื่องเล่ามุขปาฐะ                 แปลกวาทะไปนานา
        จากปากต่อปากมา                       โดยชาวบ้านสืบสานศิลป์
                ๏ นิทานอันระดา                    ทุกลีลาข้าฯ เคยยิน
        ประมวลถ้วนระบิล                   ร้อยคำกลอนทุ่มใจกรอง
>>>>>>>>>

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 ธันวาคม 2018, 04:28:PM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #187 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2018, 04:28:PM »
ชุมชนชุมชน

-๑๐-

มนัสการกถา
**********
                 ๏ กราบครูครั้งโบราณ        ที่สืบสานกานท์สนอง
         กาพย์ ฉันท์ ทุกครรลอง                 ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม
                 ๏ บิดามารดาเล่า              ทุกผู้เฒ่าขับลำนำ
         ครูพักลักจดจำ                           น้อมบำบวงดวงวิญญาณ
                 ๏ ครูต้นแบบบทกลอน       ท่านสุนทรภู่อาจารย์
         จิตมั่นหมายสืบสาน                 วรรณศิลป์ปิ่นบรรยง
                 ๏ “กวีร่วมสมัย”                 ครูผู้ให้รักดำรง
         สิบนิ้วก้มกราบลง                     แด่คุณครูที่บูชา
                 ๏ ข้อคิดจิตกุศล                 พระสุธน มโนราห์
         หมายบุญคุณธรรมา                ดลสุขศานต์ทุกท่านเทอญ     

ด้วยจิตคารวะ
ธนุ  เสนสิงห์                                                             

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 ธันวาคม 2018, 12:48:PM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #188 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2018, 12:48:PM »
ชุมชนชุมชน

-๑๒-
พระสุธน มโนราห์

             ๏ ตั้งต้นความตามนิทานนานนักหนา
      อตีเต “นครอุดรปัญจาล์”                                     
      มีนามาลือเลื่องประเทืองไผท


                 ๏ ทั่วทุกแหล่งแห่งหนชนผาสุก                         
      นิรทุกข์เนิ่นนานกาลสมัย
      ดินอุดมน้ำดีกว่าที่ใด                                       
      พืชพรรณไม้ดอกผลมีบริบูรณ์


               ๏ “ท้าวอาทิตยวงศ์” องค์กษัตริย์                     
      ครองสมบัติกรุงไกรเลิศไอศูรย์
      ทศพิธราชธรรมเรืองจำรูญ                                   
      ทรงเกื้อกูลถึงร้อยเอ็ดนครา


                ๏ คู่องค์เอกอัครมเหสี                                           
     “นางจันทราเทวี” ศรีสง่า
      น้ำพระทัยใฝ่ธรรมล้ำเมตตา                                   
      ปวงประชาเชิดชูคู่ราชัน


                ๏ จิรกาลนานมาพารานี้                                 
      ปราจีนทิศสถิตที่สระสวรรค์
      สีสายน้ำงามตระการปานอำพัน                               
      นับอนันต์โกสุมปทุมมาลย์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 ธันวาคม 2018, 12:50:PM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #189 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2018, 12:50:PM »
ชุมชนชุมชน

-๑๓-
ธนุ เสนสิงห์

               ๏ รายรอบสระสวรรค์มากพันธุ์ไม้                 
     ร่มรื่นแท้แลวิไลยิ่งไพศาล 
     ใจกลางสระเป็นประตูสู่บาดาล                           
     จึงพบพานจอมนาคาผู้อารี                                                                   


               ๏ นาคฉายาว่า “ท้าวชมพูจิต”                     
     ไร้เดชฤทธิ์แต่นำหนุนบุญวิถี
     บำเพ็ญศีลอวยทานด้านความดี                             
     จึงเป็นศรีแห่งสระประจำเมือง


               ๏ มักจำศีลสงบกายใต้หว้าใหญ่                           
     ชนทั่วไปสักการมานานเนื่อง
     อำนวยพรนคร รัช ราษฎร์รุ่งเรือง                         
     บุญประเทืองด้วยนาคาบารมี


              ๏ ยามน้ำแล้งพญานาคปากให้น้ำ                     
     ชลชื่นฉ่ำทั่วแดนดินทุกถิ่นที่
     น้ำมากพลันผันธาราเมืองนาคี                             
     ชั่วตาปีมิวิตกอุทกภัย


               ๏ ประจำปีมีงานการบวงสรวง                         
     กิจทั้งปวงเสริมกุศลดลสุกใส
     เพิ่มพระเกียรติกษัตราลือชาไกล                           
     ชาวเวียงชัยวัฒนาสถาวร

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 ธันวาคม 2018, 12:53:PM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #190 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2018, 12:53:PM »
ชุมชนชุมชน

-๑๔-
พระสุธน มโนราห์

                 ๏ คืนหนึ่งพระมเหสีมีนิมิต                               
       ชวนให้คิดแปลกมิเคยเลยแต่ก่อน
       ว่าเทวามาอุ้มองค์เอมอร                                     
       เหินฟ้าจรสู่วนหิมวันต์
 

                 ๏ วางพระองค์ให้ทรงคชสารศิลป์                     
       เที่ยวชมถิ่นพิไลกลางไพรสัณฑ์
       ผ่านสระใหญ่ช้างถวายบุษบัน                               
       อัศจรรย์สุบินสิ้นราตรี


                ๏ อุษาสางปรึกษาพระฤๅสาย                             
       อยากทราบคำทำนายให้ถ้วนถี่
       ด้วยครุ่นคิดจิตวุ่นวายร้ายหรือดี                             
       จอมธานีสั่งหาโหราจารย์


                 ๏ โหราเฝ้าจึงเล่าความตามที่ฝัน                         
       ฤกษ์ยามอันทรงสุบินสิ้นโวหาร
       เมื่อโหรรับพระราชโองการ                                           
       ทูลภูบาลถ้อยความตามตำรา


                 ๏ “คำทำนายถวายไท้ในการณ์นี้           
       พระองค์มีโชคอนันต์อันเลอค่า
       ดั่งจำนงทรงครรภ์พระราชบุตรา                                   
       จุติตรงลงจากฟ้าสุราลัย

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : toshare, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 ธันวาคม 2018, 11:12:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #191 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2018, 11:12:AM »
ชุมชนชุมชน

-๑๕-
ธนุ เสนสิงห์

                ๏ ทรงบุญญาธิการปานโกสินทร์                         
       ครองแผ่นดินสืบสายปลายสมัย”
       พอจบคำทำนายพระภูวไนย                                     
       ดวงฤทัยแช่มชื่นรื่นสราญ   


                ๏ ทรงถนอมกล่อมขวัญพระครรภ์อ่อน               
       งดเผ็ดร้อนเสวยพระกระยาหาร
       ทศมาสมาถึงซึ่งวันวาร                                           
       พระประสูติกาลมานอานันท์           


                 ๏ พร้อมธนสมบัติพิพัฒน์เลิศ                             
       การณ์บังเกิดขุมทองผ่องสีสัน
       ทั้งสี่มุมปราสาทพิลาสสุพรรณ                               
       ดุจเทวัญประทานกาญจนา 


                 ๏ ยังปีติยินดีที่ยิ่งล้น                                           
       ถึงปวงชนญาติพงศ์ร่วมวงศา
       องค์ทรงธรรม์รับขวัญพระลูกยา                             
       ให้นามว่า “สุธนราชกุมาร”


                 ๏ ศุภลักษณ์วิไลเลิศในภพ                                   
       ทรงคุณครบบุญฤทธิ์พิสิฐพิศาล
       เจริญวัยราชัยหาพระอาจารย์                                     
       ผู้เชี่ยวชาญวิชามาเป็นครู

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 ธันวาคม 2018, 11:14:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #192 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2018, 11:14:AM »
ชุมชนชุมชน

-๑๖-
พระสุธน มโนราห์

              ๏ สอน“ไตรเพท”“คัมภีร์พระเวท”ศาสตร์                   
    พระสามารถเรียนไวใครมิสู้
    ผู้สอนสั่งทั้งมวลล้วนเชิดชู                                       
    เป็นวิญญูองค์เอกอเนกอนันต์


              ๏ ทั่วธานินทร์สิ้นครูผู้ใดสอน                               
    ลาบิดามารดรจรไพรสัณฑ์
    หมายทิศาปาโมกข์โลกอภิวันท์                                 
     คือยุคันต์* อาจารย์ชาญวิชา


              ๏ เอกาองค์บุกพงไพรใจหาญฮึก                                         
    ธนูศาสตร์ล้ำลึกหมายศึกษา
    แล้วสมหวังดั่งคิดด้วยกฤษฎา                                       
    พบมหาโยคีที่เกริกไกร


              ๏ จึงฝากตัวเป็นศิษย์เรียนศรศิลป์                           
    สมดั่งจินต์มุ่งมั่นแลฝันใฝ่
    ทรงศึกษาจริงจังอย่างตั้งใจ                                           
    สำเร็จได้ดังปองเพียงสองปี


             ๏ วันกราบลาพระอาจารย์ท่านกล่าวว่า                   
    “จะนำพาขึ้นยอดคีรีศรี
    สู่อาศรมศรศักดิ์สิทธิ์เลิศฤทธี                                       
    ในนั้นมีศาสตร์อมร “ศรศิลป์ชัย”

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 ธันวาคม 2018, 11:16:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #193 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2018, 11:16:AM »
ชุมชนชุมชน

๑๗-
ธนุ เสนสิงห์

   
         ๏ ผู้เรียนจบการศึกษามาก่อนก่อน                           
   ต่างหมายปองครองศรที่ยิ่งใหญ่
   แต่ผันผ่านนานปีมิมีใคร                                             
   น้าวคันศรนี้ให้โก่งได้เลย

             ๏ สายศรแกร่งปานเหล็กกล้าหนักกว่าหิน”             
   พระสุธนได้ยินโยคีเอ่ย
   จึงตั้งจิตพิษฐานกาลก่อนเคย                                       
   สร้างบุญไว้ขอได้เชยชมฤทธา

             ๏ หยิบคันศรขึ้นจับกระชับมั่น                                 
   แล้วน้าวคันศรสมมาดปรารถนา
   แผลงศรศิลป์บินไปในเมฆา                                         
   แผดเสียงก้องท้องวนาผาสะท้าน   

             ๏ แล้วลูกศรย้อนคืนแหล่งสำแดงฤทธิ์                         
   เป็นนิมิตคู่บุญญามาสมาน
   องค์โยคีมีวาจาสาธุการ                                       
   “เทพประทานจงน้อมนำประจำกาย
   
          ๏ พิชิตมารสานคุณธรรมนำชาวโลก                       
   พ้นทุกข์โศกสุขสันต์กันทั้งหลาย
   ศาสตราหรือคืออำนาจฉกาจร้าย
   พึงมีจิตคิดหมายใช้ด้านดี

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 ธันวาคม 2018, 09:35:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #194 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2018, 09:35:AM »
ชุมชนชุมชน

-๑๙-
ธนุ เสนสิงห์

 
    ๏ อำนาจอยู่กับผู้ที่มีธรรมะ
      ธรรมย่อมจะนำมงคลดลสุขี
      ถ้าอธรรมดำรงไว้ให้ราคี
      อันหลักนี้พึงดำริซึ้งนิยาม

                ๏ พระบุตราได้มาครองต้องมีจิต
      สุจริตประจักษ์ไปในโลกสาม
      เทพบันดาลประทานให้ผู้ใจงาม”
      พอจบความกราบลาคืนธานี

                ๏ มิทันพลบพบพรานไพรแปลกใจนัก                   
      มานั่งดักหนทางกลางไพรศรี
      เมื่อประจันพลันพรานอัญชลี                                     
      พระจึงมีพจนาปุจฉาไป                                                             
   
             ๏ “ทำธุระอะไรที่ในป่า                                     
      เป็นนักล่ามิเห็นมีเนื้อที่ไหน
      หรือเพียงหาพวกยาสมุนไพร                             
               แล้วเหตุใดที่มานั่งท่ากัน”
 
              ๏ “กระหม่อม พรานบุญฑริก ขอรับ                   
      หากินกับไพรสาณฑ์นานเหลือนั่น
      สารพัดสัตว์ตื่นหนีทุกชีวัน                                             
      ด้วยเสียงลั่นเมฆาศรนารายณ์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 ธันวาคม 2018, 09:37:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #195 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2018, 09:37:AM »
ชุมชนชุมชน

-๒๐-
พระสุธน มโนราห์

              ๏ ปู่เล่าเรื่องศรศิลป์ชัยไว้นานมาก                           
    ใจจึงอยากอภิวันท์ดังมั่นหมาย
    กระหม่อมนี้มีธนูเคียงคู่กาย
    ลูกผู้ชายสายเลือดพรานชาญพนา

              ๏ เมื่อรู้องค์ทรงชัยได้ศรศิลป์                                       
    คู่กายินสมศักดิ์อนรรฆค่า
    ที่กระทำด้วยดำริมุทิตา                                                 
    มิได้คิดริษยาใจอาธรรม์”

              ๏ พระสุธนยลท่าทีวจีขาน                                 
    จึงตอบพรานด้วยวาทะสมานฉันท์
   “ทำสัตว์ตื่นก็ขอให้อภัยกัน                                         
    มิหมายเป็นเช่นนั้นด้วยฉันทา
 
              ๏ แม้นเรารักธนูมั่นกันทั้งสอง                                       
    ควรปรองดองผูกสัมพันธ์กันเถิดหนา
    อาวุโสท่านแน่นอนเกิดก่อนมา                                               
    ละยศถาฯ ขอเรียกขานพี่พรานบุญ

              ๏ มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในภายหน้า                                   
    ร่วมสัญญากันไว้หมายเกื้อหนุน
    เดือดร้อนใดให้ช่วยเหลืออยากเจือจุน”                           
    มอบการุณย์แล้วเอ่ยลาคืนนาคร


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 ธันวาคม 2018, 09:38:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #196 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2018, 09:38:AM »
ชุมชนชุมชน

-๒๑-
ธนุ เสนสิงห์

             ๏ พรานบุญแสนซาบซึ้งตราตรึงจิต                         
   ด้วยมิคิดได้รับเกียรติมาแต่ก่อน
   จึงหมอบราบกราบก้มพนมกร                                     
   กล่าวสุนทรตอบไปใจตื้นตัน

             ๏ “ขอร่วมทางกลับเคหาในครานี้                             
   ต่อไมตรีมิตรใหม่ให้คงมั่น”
   พระสุธนมิขัดตัดสัมพันธ์                                             
   จึงชวนกันคืนนครอุดรปัญจาล์

             ๏ ร่วมกินร่วมค้างหว่างไพรพฤกษ์                                 
   เรื่องใดนึกข้องจิตคิดปุจฉา
   พรานเล่า “มีลูกเมียพร้อมหน้าพร้อมตา                         
   อยู่ชายป่าฐานะก็พออยู่ดี

              ๏ แต่หม่อมฉันนั้นนิสัยติดไพรสัณฑ์                   
   อยู่เคหาถ้านานวันปานไฟจี้
   เมื่อเข้าป่าผาสุกทุกข์มิมี                                               
   ใช้ชีวีจัดเจนตระเวนไพร”

             ๏ ถามถึงองค์ชายาพระสุธน                                     
   “คงมากมายหลายคนด้วยหาได้
   สาวร้อยเอ็ดนครามิว่าใคร                                                   
   ปลงฤทัยอยู่ใต้เบื้องพระบาทา”

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
18 ธันวาคม 2018, 06:29:PM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #197 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2018, 06:29:PM »
ชุมชนชุมชน

พระสุธน มโนราห์

 

 
           ๏ พรานบุญแสนซาบซึ้งตราตรึงจิต                         
   ด้วยมิคิดได้รับเกียรติมาแต่ก่อน
   จึงหมอบราบกราบก้มพนมกร                                     
   กล่าวสุนทรตอบไปใจตื้นตัน

             ๏ “ขอร่วมทางกลับเคหาในครานี้                             
   ต่อไมตรีมิตรใหม่ให้คงมั่น”
   พระสุธนมิขัดตัดสัมพันธ์                                             
   จึงชวนกันคืนนครอุดรปัญจาล์

             ๏ ร่วมกินร่วมค้างหว่างไพรพฤกษ์                                 
   เรื่องใดนึกข้องจิตคิดปุจฉา
   พรานเล่า “มีลูกเมียพร้อมหน้าพร้อมตา                         
   อยู่ชายป่าฐานะก็พออยู่ดี

              ๏ แต่หม่อมฉันนั้นนิสัยติดไพรสัณฑ์                   
   อยู่เคหาถ้านานวันปานไฟจี้
   เมื่อเข้าป่าผาสุกทุกข์มิมี                                               
   ใช้ชีวีจัดเจนตระเวนไพร”

             ๏ ถามถึงองค์ชายาพระสุธน                                     
   “คงมากมายหลายคนด้วยหาได้
   สาวร้อยเอ็ดนครามิว่าใคร                                                   
   ปลงฤทัยอยู่ใต้เบื้องพระบาทา”

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
20 ธันวาคม 2018, 09:44:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #198 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2018, 09:44:AM »
ชุมชนชุมชน

ธนุ เสนสิงห์

             ๏ พรานบุญแสนซาบซึ้งตราตรึงจิต                         
   ด้วยมิคิดได้รับเกียรติมาแต่ก่อน
   จึงหมอบราบกราบก้มพนมกร                                     
   กล่าวสุนทรตอบไปใจตื้นตัน

             ๏ “ขอร่วมทางกลับเคหาในครานี้                             
   ต่อไมตรีมิตรใหม่ให้คงมั่น”
   พระสุธนมิขัดตัดสัมพันธ์                                             
   จึงชวนกันคืนนครอุดรปัญจาล์

             ๏ ร่วมกินร่วมค้างหว่างไพรพฤกษ์                                 
   เรื่องใดนึกข้องจิตคิดปุจฉา
   พรานเล่า “มีลูกเมียพร้อมหน้าพร้อมตา                         
   อยู่ชายป่าฐานะก็พออยู่ดี

              ๏ แต่หม่อมฉันนั้นนิสัยติดไพรสัณฑ์                   
   อยู่เคหาถ้านานวันปานไฟจี้
   เมื่อเข้าป่าผาสุกทุกข์มิมี                                               
   ใช้ชีวีจัดเจนตระเวนไพร”

             ๏ ถามถึงองค์ชายาพระสุธน                                     
   “คงมากมายหลายคนด้วยหาได้
   สาวร้อยเอ็ดนครามิว่าใคร                                                   
   ปลงฤทัยอยู่ใต้เบื้องพระบาทา”

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
20 ธันวาคม 2018, 09:49:AM
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207



« ตอบ #199 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2018, 09:49:AM »
ชุมชนชุมชน

พระสุธน มโนราห์

     
  ๏ พระสุธนจึงมีวาทีตอบ                                         
       “มิชื่นชอบหญิงใดในโลกหล้า
        แม้จำนงคงไม่ถึงซึ่งเวลา
        มิต้องตาต้องจิตเหมือนปิดใจ

                  ๏ สักวันคงพบเนื้อคู่ชื่นชูชิด
        ฉันมิใช่ไร้ดวงจิตพิสมัย”
        เหมือนเปิดอกคุยกันพร้อมครรไล
        เผยความนัยแก่มิตรมิปิดบัง

                 ๏ จนมาถึงซึ่งนิเวศเขตไพรสณฑ์
        ทางสองแพร่งแห่งหนคนละฝั่ง
        กล่าวอำลาพาทีไมตรียั้ง
        พระสุธนมุ่งสู่วังเมืองปัญจาล์

                  ๏ ขึ้นเฝ้าพระชนก ชนนีท่าน
        รื่นสราญเชิดศักดิ์ยิ่งนักหนา
        เป็นเอกองค์มงกุฎราชบุตรา
        ทรงเดชาประเทืองเลื่องไผท
 
                  ๏ กาลภายหน้าปกไพร่ฟ้าประชารัฐ
        เป็นกษัตริย์โลกเชิดชูผู้ยิ่งใหญ่
        สืบสันตติวงศ์องค์ราชัย               
        คือนิรัติศัยแห่งวงศ์วาน
   

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 8 9 [10] 11
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s