@...ตำนานรักอันลือลั่น ในล้นเกล้าฯร.๕ กับ ม.ล.เจ้าจอมสดับ ลดาวัลย์...@
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
20 เมษายน 2024, 05:23:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: @...ตำนานรักอันลือลั่น ในล้นเกล้าฯร.๕ กับ ม.ล.เจ้าจอมสดับ ลดาวัลย์...@  (อ่าน 3860 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
30 กรกฎาคม 2014, 01:27:PM
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2014, 01:27:PM »
ชุมชนชุมชน

"..กำไลมาศชาตินพคุณแท้        ไม่ปรวนแปรเป็นอื่นย่อมยืนสี
เหมือนใจจงตรงคำร่ำพาที          จะร้ายดีขอให้เห็นเป็นเสี่ยงทาย
ตาปูทองสองดอกตอกสลัก         ตรึงความรักรัดไว้อย่าให้หาย
แม้นรักร่วมสวมไว้ให้ติดกาย        เมื่อใดวายสวาสดิ์วอดจึงถอดเอย"

...พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯ ร.๕...


(เจ้าจอมสดับ ลดาวัลย์ พ.ศ.2433 - พ.ศ.2526...93 ปี)

ตอนที่ ๑..(มี ๓ ตอน)

กำไลมาศชาตินี้พี่มอบเจ้า
วอนนงเยาว์อย่าถอดกอดความหมาย
เมื่อรักร่วมสวมชิดไว้ติดกาย
เมื่อรักคลายสวาทวอดจึงถอดวาง

..................

ตำนานรักเจ้าจอมหม่อมสดับ
ผู้อาภัพรักสั้นถูกคั่นขวาง
เมื่อราชันสวรรคตหมดหนทาง
ปล่อยหม่อมนางเดียวดายสลายจินต์

กับองค์พ่อปิยะมหาราช
บรมนาถลือนามสยามถิ่น
ทรงสลักอักษรท่อนกวินท์
ประทับผินบนกำไลให้เจ้าจอม

ผู้เลอโฉมที่สุดในยุคนั้น
นามว่า"สั้น"นงนุชสุดถนอม
อายุเพียงสิบเจ็ดพระเด็ดดอม
ดุจแรกหอมโกสุมกุมพระทัย

หลังเปลี่ยนนามเป็น"สดับ"รับตำแหน่ง
คอยจัดแจงจาริกาเวลาไหน
แทบยุคลบาทเคียงอยู่เวียงใน
"นางร้องไห้"คนสุดท้ายผู้วายชนม์

เป็นเจ้าจอมรองสุดท้ายปลายสมัย
ขวัญพระทัยจักรีนารีผล
รองจากราชินีศรีปพน
นันธมนโสภากว่านางใด..

ต่อตอนที่ ๒..
ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..
30 กรกฎาคม 2014, 01:53:PM
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« ตอบ #1 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2014, 01:53:PM »
ชุมชนชุมชน


(ขอบคุณภาพประกอบจากเนต)

..ตอนที่ ๒..


ผู้คิดสูตร"พริกลงเรือ"เมื่อครานั้น
ตราบทุกวันนิยมสมสมัย
จากตำรับชาววังโด่งดังไกล
น้ำพริกไทยเลิศรสคนจดจำ

ก่อนประพาสยุโรปครั้งที่สอง
ประทานทองวลัยให้งามขำ
สลักกลอนอ่อนหวานขานลำนำ
ดุจจะย้ำคำรักปักใจนาง

มิอาจตามเสด็จไปเตร็ดเตร่
โอ้ละเห่ใจน้องต้องหม่นหมาง
พระลิขิตจดหมายส่งปลายทาง
ยามแรมร้างห่างจอมตรอมพระทัย

หลังนิวัติเขตคามสยามถิ่น
ประทานสิ้นจินดาค่าสมัย
เป็นทุนทรัพย์เลี้ยงตนตราบพ้นภัย
ดุจบอกใบ้ภูมินทร์จะสิ้นชนม์

อีกสามปีให้หลังดังวิโยค
สยามโศกทั้งชาติอนาถผล
เมื่อปิยะราชานิราตน
ทิ้งสกนธ์ครรไลสู่ไตรตรึงษ์

*ปล่อยเจ้าจอมหม่อมน้องต้องร่ำหา
หลั่งน้ำตาเป็นโลหิตเพราะคิดถึง
ด้วยความรักภักดีที่สุดซึ้ง
หม่อมนางจึงครองโสดมิโปรดใคร

ถวายคืนเครื่องเพชรมิเด็ดหวง
กันทั้งปวงครหาว่าเหตุไหน
เหลือสิ่งเดียวที่หวงดั่งดวงใจ
คือกำไลมาศทองคล้องใจนวล

..ต่อตอนที่ ๓(สุดท้าย)

(* แต่งถึงตรงนี้ ผู้เขียนเผลอซึ้งไปกับเจ้าจอมเธอ ต้องหยุดพักจึงเขียนต่อไปได้ น้ำตาไหล พรากๆ ยิ้มแฉ่งฟันหลอ)
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..
30 กรกฎาคม 2014, 02:11:PM
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« ตอบ #2 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2014, 02:11:PM »
ชุมชนชุมชน


(ขอบคุณภาพประกอบจากเนต)

...ตอนที่ ๓ (อวสาน)...

มิลาออกจากตำแหน่งแต่งงานใหม่
ด้วยหัวใจคงมั่นกระสันหวน
เพื่อรักษาพระเกียรติละเมียดควร
มิเรรวนป่วนใจให้สงกา

ด้วยรักแท้คงมั่นมิหวั่นไหว
มอบกายใจในศาสน์ปรารถนา
ถือศีลแปดดำรงคงกายา
น้อมบูชากุศลส่งองค์บดินทร์

ทั้งในหลวงราชินีมีพระเมตต์
ให้เนาเขตวังหลวงห่วงโฉมฉิน
เมื่อชราภาพลงประสงค์ยิน
ทรงรับสิ้นอุปการ์ดุจย่าน้อย

ปีสองห้าสองหกตกวิโยค
นางลาโลกโศกตรมระทมหงอย
ทิ้งตำนานรักแท้ไว้แค่รอย
หวังเจ้ากลอยพบภูมินทร์สิ้นเดียวดาย

เจ้าจอมสวมกำไลจนใจขาด
ดังโอวาทสวามีฤดีหมาย
"แม้นรักร่วมสวมไว้ให้ติดกาย"
ตราบสุดท้ายลมปราณมานพลี*

ตำนานรักเจ้าจอมหม่อมสดับ
แสนประทับใจยิ่งมิ่งอิตถี
หากใจหญิงซื่อตรงคงโสภี
แต่ชาตินี้คงไม่เห็นผู้เช่นนาง

 เคารพรัก

"มุนีน้อย"

(*คำนี้ให้อ่าน"พะลี"..ถ้าอ่านควบกล้ำว่า "พฺลี" จะเป็นอีกความหมายแต่ก็ใกล้เคียงกัน...ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนจบ ตบมือให้)
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..
30 กรกฎาคม 2014, 05:01:PM
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,472



poem.archanai?fref=ts
« ตอบ #3 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2014, 05:01:PM »
ชุมชนชุมชน



เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ สดับ ในรัชกาลที่ ๕ ได้เขียนคำประพันธ์ชื่อ ปกิรณกภาษิต เขียนคำนำเป็นโคลง คัดมาบทหนึ่งว่า

๐ ผู้เรียบเรียงชื่อเจ้า.......จอมสดับ
หม่อมราชวงศ์รับ............ศักดิ์ตั้ง
สกุลลดาวัลย์ศัพท์..........นามปู่  ดนุนา
สตรีเพศใช่ปราชญ์ทั้ง......อ่อนแท้แก่เรียน
ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง
คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย
แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย
ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
30 กรกฎาคม 2014, 05:23:PM
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,472



poem.archanai?fref=ts
« ตอบ #4 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2014, 05:23:PM »
ชุมชนชุมชน


เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ สดับ ในรัชกาลที่ ๕ ประพันธ์โคลงและกาพย์เกี่ยวแก่ธัมมะไว้รวม ๑๓๕ บท ที่ยกมานี้เป็นบทสุดท้าย

๐ ทุกคนครองทุกข์ทั้ง.....ครองหลง
งมโง่งอมแงมงง.............ไม่รู้
เหตุระเบิดเปิดผลตรง......จึ่งเอะ  ใจเฮย
อ้า, โลกวิจิตรอู้...............อบอ้าวมายา
ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง
คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย
แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย
ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
30 กรกฎาคม 2014, 10:23:PM
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,472



poem.archanai?fref=ts
« ตอบ #5 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2014, 10:23:PM »
ชุมชนชุมชน

พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ สดับ ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรป  เมื่อ ร.ศ.๑๒๕-๑๒๖ (พ.ศ.๒๔๔๙-๒๔๕๐)

อกช้ำ
ถึงยามค่ำจำเข้าแคบินหาย
เก้าอี้แคบแนบเขนยพอเกยกาย
จักรระบายลมรินถวิลวัง

ที่เคยอยู่เคยเห็นอยู่เป็นนิจ
ต้องปลดปลิดละวางไว้ข้างหลัง
มานอนเดียวเปลี่ยวแดแต่ลำพัง
ขาดคนนั่งปฏิบัติพัดวีเอย
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง
คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย
แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย
ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s