Re: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
29 เมษายน 2025, 09:58:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 16966 ครั้ง)
kapheetam
LV3 นักกลอนประจำบ้าน
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:05:PM »

สั่งเร่งตาม  ควานหา  เสนาใหญ่
รีบเร็วไว  ช้าได้  หวายลงหลัง
บอกเทวี  มีเรื่อง  มอบ ให้ทำ
เมื่อทราบคำ  เร่งพลัน  จรัลมา

เหล่าบังอร  นอนฝัน  ผลุนผลันลุก
ฉุกละหุก  สะดุดกัน  ลั่นผวา
ตื่นตาแจ้น  แล่นควาน  ตามบัญชา
เร่งกันหา  เสนาไป  ในทันที

จนเสาะพบ  อำมาตย์  เอ่ยปากเล่า
บอกรีบเข้า  เฝ้าพักตร์  มเหสี
มีบัญชา  เรียกหา  มหามนตรี
อย่ารอรี  จรลี  ในทันใด

อมาตฟัง  พลันย่าง  ลนลานก้าว
ไม่เอ่ยกล่าว  เท้าความ  ให้นานสาย
รีบดำเนิน  เดินตาม  นางข้าไป
ถึงอ่อนไท้  เข้ากราบ  บาทยุยล

องค์นงนุช  ผุดลุก  แลผุดนั่ง
พอเห็นท่าน  อมาตย์  ปราศทุกข์ถม
ตรัสเร็วไว  เร่งไป  จัดผู้คน
พร้อมแบกขน  สัมภาระ  เครื่องพักกาย

เตรียมเครื่องบรรณาการ  ให้เพรียบพร้อม
ยกรูปทอง  หลอมงาม  นางเฉิดฉาย
ขี้นรถม้า  ผ้ากั้น  กันกล้ำกราย
ท่องเที่ยวไป  ในหล้า  ธราดล

ค้นหานาง  งามตา  กว่ารูปหลอม
ตามนคร  รอนแรม  ทั่วแห่งหน
ย่านนิคม  ทุกแห่ง  แหล่งชุมชน
ท่าอาบสรง  คนหลาก  มากย่างกราย

ถึงท่าน้ำ  นำนง  องค์รูปหล่อ
ตั้งวอรอ  สิ้นวัน  กันสงสัย
พลบวางนาง  ทางลงท่า  ชลาลัย
แล้วหลบใน  ไม้พุ่ม  ซุ่มเฝ้าฟัง

หากใครเอ่ย  เปรยเปรียบ  เทียบรูปหล่อ
ไม่ลออ  พอนาง  งามเฉิดฉัน
แห่งแว่นแคว้น  แดนใด  ให้ท่านพลัน
ออกซุ่มถาม  นามหญิงนั้น  ในทันใด

ถึงหลักแหล่ง  แห่งหน  ตำบลอยู่
นางโฉมตรู  พักตร์เพริศ  งามเฉิดฉาย
เป็นหน่อเนื้อ  เชื้อพงศ์  วงศ์วานใด
บอกไท้ใคร่  เชิญไป  เข้าในวัง

เป็นสะใภ้  ราชา  โอกกากราช
สืบทายาท  ชาติไท  ไอศวรรย์
พร้อมแจ้งหมาย  โมงยาม  ประมาณวัน
จักยกขัน  หมากมาขอ  ลออนาง

ตรัสจบลง  องค์เกน  เห็นอำมาตย์
หน้าประหลาด  ปากอ้า   ตาเบิกค้าง
มนตรีใหญ่  ให้งงเหลือ  ในเนื้อความ
หันรีขวาง  พลางสะดุด  ผุดผ่องอนงค์

พลันตระหนก  หกคะมำ  ถลันกราบ
องค์ผุดผาด  พิลาสเด่น  เช่นนางหงส์
รูปหล่อนาง  ตั้งข้าง  ตั่งบรรทม
ท้าวสนม  องค์ใด  ไม่คุ้นเคย

องค์ชายา  พาขัน  ท่านอำมาต์
ลนลานกราบ  มาศถี  ที่นิ่งเฉย
เห็นรูปหล่อ  ลออนัก  ทึกทักเลย
จึงทรงเผย  เฉลยไป  ในทันใด

อมาตฟัง  ความนัย  ใจขัดข้อง
แท้รูปทอง  หลอมมา  พาสงสัย
จึงคลานเข่า  เข้าจับ  หัตถ์ทรามวัย
พอรู้ให้  ตกใจ  ไหวผละพลัน

เอ่ยสำเนียง  เสียงสั่น  อัศจรรย์ยิ่ง
ช่างเหมือนจริง  สิ้นองค์  นงสวรรค์
นารีใด  ไหนเปรียบ  จักเทียบทัน
คงหนีหัน  อายหน้า  ลาหลบไป

ช่างประเสริฐ  เลิศนัก  รัชทายาท
แสนเก่งกาจ  มากเหลือ  น่าเลื่อมใส
เหล่าพสก  หมดแคว้น  แดนไผท
ต่างเทิดให้  เป็นมิ่งใน  ดวงใจประชา

แล้วทูลองค์  อ่อนไท้  คลายหวั่นคิด
เกล้าอุทิศ  ชีวิตตน  ท่องค้นหา
แม้ไม่พบ  สบนาง  ตามบัญชา
จักไม่หวนพารา  กุสาวดี

จบสัญญา  ท่านเสนา  ทูลลากลับ
เร่งรีบจัด  พรรคพล  ออกค้นถี
ทรัพย์เสบียง  เตรียมเหลือ  เผื่อนานปี
เสร็จสรรพดี  จรลี  ราตรีกาล



ถึงชุมชน  นิคมคาม  คาราวานพัก
จัดประดับ  นางทอง  มองวาบหวาม
ยกนั่งแคร่  แลผาด  พิลาสงาม
พลบวางข้าง  ทางท่า  ชลาลัย

แล้วหลบพุ่ม  ไม้บัง  ฟังคำอ้าง
คำวิจารณ์  นางทอง  ผิวผ่องใส
หากด้อยกว่า  อัมพา  นารีใด
สูงเพียงไหน  ต่ำเพียงใด  ไม่เลือกวรรณ

ก็จักพลัน  ถลันออก  สอบปากถาม
นามหญิงงาม  ตระการเนตร  ปานเสกสรร
ถิ่นพำนัก  พักใด  อยู่ไหนกัน
ประยูรวรรณ  พันธุ์เผ่า  เหล่ากอใด

แต่จนแล้ว  จนเล่า  เพียงเฝ้าซุ่ม
ไม่เคยพุ่ง  ออกมา  พาสงสัย
ฤาพิภพ  หมดนาง  งามอำไพ
จึงไม่กราย  ชายใกล้  ให้แปลกจริง

ท่องเที่ยวดั้น  ด้นไป  ในผืนหล้า
ผ่านนครา  พาราหลาก  มากแม่หญิง
ถ้วนทุกนาง  พานพบ  ไม่สบจินต์
ไม่สูญสิ้น  ความหวัง  ฟันฝ่าไป



จนมาถึง  เมืองงาม  นามสาคละ
เจ้ามัททะ  อธิราช  ราษฎร์เลื่อมใส
ไม่เหี้ยมหาญ  กร้านทัพ  สักเท่าใด
แต่มีใจ  รักชาติ  มากคุณธรรม

ภูบดี  มีธิดา  สง่าแสน
เฉิดแฉล่ม  แจ่มงาม  ปานเสกสรร
ถึงแปดนาง  สะคราญโฉม  เด่นโนมพรรณ
เลื่องลือลั่น   สนั่นไกล  ไปทั่วแดน

ยิ่งเทวี  ศรีสุดา  ธิดาใหญ่
งามไฉไล  กว่าใคร  ไท้หวงแหน
ผิวผุดผ่อง  ส่องประกาย  เลื่อมพรายแกม
วาววับแสง  ยามค่ำ  ช่างอัศจรรย์

เหลืองอร่าม  วามนวล  ชวนให้พิศ
ห้องมืดมิด  ยังสว่าง  พร่างสีสัน
เมื่อนางอยู่  ภายใน  สดใสพลัน
ดุจสวรรค์  บันดาล  งามเหนือใคร

ประภาวดี  นงราม  นามไพเราะ
ตั้งได้เหมาะ  เสนาะฟัง  คำความหมาย
หญิงผิวผ่อง  ใสเด่น  เปล่งประกาย
พักตร์เฉิดฉาย  ชายจ้อง  ดั่งต้องมนต์

เทวีมี  ทาสี  สตรีค่อม
เป็นต้นห้อง  คล่องการ  ตามประสงค์
ชื่อขุชชา  ข้าใน  ใกล้พระองค์
อีกอนงค์  แปดนาง  ข้างกายา

ยามสายัณห์  ตะวันหลบ  หมดแสงสี
แปดนารี  มีภาระ  ต้องจัดหา
น้ำอาบสรง  เทวี  ศรีสุดา
จึงเร่งพา  กันจร  คอนครุไป

พอพ้นยาม  ทวารวัง  พลันเริงร่า
ต่างพูดจา  พาที  สีหน้าใส
บ้างเอ่ยหลอก  หยอกเย้า กระเซ้าไป
บ้างสนใจ  ใคร่รู้  ดูผู้คน

จนใกล้ท่า  ชลาลัย  ไม่ไกลห่าง
มีนงคราญ  งามนวล  ชวนลุ่มหลง
นั่งตะคุ่ม  พุ่มไม้  คล้ายอนงค์
ริมถนน  บนวอ  ลออวิไล

กำนัลหนึ่ง  ทึ่งมอง  จ้องเขม็ง
ให้ตื่นเต้น  เพ่งพิศ  คิดสงสัย
ฤาพระธิดา  ลอบมา  ชลาลัย
เหตุไฉน  ไม่เกรง  คนเห็นกัน

จึงหันขวับ  กลับมา  พี่ยาใหญ่
บอกมองไป  นั่นใคร  ไยหุนหัน
แอบหนีออก  นอกเวียง  เพียงลำพัง
ไม่คร้ามพรั่น  นั่งกล้า  ท้าตาชน

ขณะกล่าว  เล่าความ  มือพลางชี้
ยังเทวี  ที่นั่งข้าง  ทางถนน
เหล่ากำนัล  หันมอง  ตาพองยล
เห็นระหง  นงลักษณ์  คลับคล้ายคลับคลา

สำคัญว่า  ประภาวดี  นารีรัตน์
หนีตำหนัก  ปะคน  ซนนักหนา
ซ้ำเผยพักตร์  ประจักษ์กัน  ทั้งพารา
ไม่ไว้หน้า  พระบิดา  กล้าเกินองค์

จึงเหล่านาง  กำนัล  พลันเยื้องย่าง
ตรงหานาง  งามตา  พาใหลหลง
ถึงนางข้า  พี่สาว  กล่าวทักองค์
ไหนบอกทรง  สรงวัง  ช่างกระไร

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

masapaer, ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 เมษายน 2025, 09:23:AM โดย kapheetam » บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s