Re: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
06 ธันวาคม 2024, 05:50:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 1291 ครั้ง)
kapheetam
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:05:PM »

ให้ไปตาม  ควานหา  เสนาใหญ่
รีบเร็วไว  ขืนช้าได้  หวายลงหลัง
บอกเทวี  มีเรื่องมอบ  ให้ลอบทำ
รับคำสั่ง  เร่งพลัน  จรัลมา

เหล่าบังอร  นอนงีบ  รีบผลุนผลัน
พัลวัล  ฟังดำรัส  ตรัสเรียกหา
ตื่นรีบลุก  ฉุกละหุก  ปลุกเพื่อนยา
เร่งกันหา  เสนาไป  ในทันที

จนประสบ  พบอำมาตย์  เอ่ยปากเล่า
บอกรีบเข้า  เฝ้าพักตร์  มเหสี
มีบัญชา  ตรัสเรียกหา  มหามนตรี
อย่ารอรี  จรลี  ในบัดดล

ถึงตำหนัก  อัครชายา  บัญชาตรัส
ให้รีบจัด  ขบวนพลัน  อันเหมาะสม
นำรูปหลอม  ล้อมม่านมิด  ปิดผู้คน
ท่องถนน  ชุมชนแหล่ง  ทุกแห่งไป

ถึงเมืองใด  ให้ยกนง  องค์รูปหล่อ
ขึ้นตั้งวอ  รอสิ้นวัน  กันสงสัย
พลบวางนาง  ทางลงท่า  ชลาลัย
แล้วหลบใน  ไม้พุ่ม  ซุ่มเฝ้าฟัง

หากใครเอ่ย  ภิเปรยเปรียบ  เทียบรูปหล่อ
ไม่ลออ  พอเทียมนาง  งามเฉิดฉัน
แห่งแว่นแคว้น  แดนใด  ให้ท่านพลัน
ออกซุ่มถาม  ความผู้นั้น  ในทันใด

ถึงหลักแหล่ง  แห่งหน  ตำบลอยู่
นางโฉมตรู  ผู้พักตร์เพริศ  งามเฉิดฉาย
เป็นลูกเต้า  เผ่าประยูร  ตระกูลใด
องค์จอมไท้  ใคร่เชิญไป  เข้าในวัง

เป็นสะใภ้  ราชา  โอกกากราช
ให้ทายาท  สืบชาติไท  ไอศวรรย์
พร้อมแจ้งหมาย  กำหนดงาน  ประมาณวัน
จักยกขัน  หมากมาขอ  ลออนาง

ตรัสจบคำ  เจ้านางพลัน  เห็นอำมาตย์
หน้าประหลาด  ปากอ้า  ตาเบิกค้าง
ด้วยสับสน  งุนงงหนัก  ดำรัสความ
หันรีขวาง  พลางสะดุด  ผุดผ่องอนงค์

จึงตระหนก  หกคะมำ  ถลันกราบ
โฉมพิลาส  ผุดผาดเด่น  เช่นนางหงส์
รูปหล่อนาง  ตั้งเยื้องห่าง  ตั่งบรรทม
ท้าวสนม  พระองค์ใด  ไม่คุ้นเคย

องค์ชายา  ทอดตาขัน  ท่านอำมาต์
ลนลานกราบ  มาศถี  ที่นิ่งเฉย
เห็นรูปหล่อ  ลออนัก  ทึกทักเลย
จึงทรงเผย  เฉลยไป  ในทันใด

หลังรับทราบ  อมาตฟัง  ยังขัดข้อง
แท้รูปทอง  หลอมขึ้นมา  พาสงสัย
จึงคลานเข่า  เข้าไปจับ  หัตถ์ทรามวัย
พอรู้ให้  ตกใจ  ไหวผละพลัน

เอ่ยสำเนียง  เสียงสั่น  อัศจรรย์ยิ่ง
ช่างเหมือนจริง  สิ้นสรรพางค์  นางสวรรค์
นารีใด  ไหนจักเปรียบ  จักเทียบทัน
คงหนีหัน  ไม่จังหน้า  ลาหลบไป

ช่างล้ำเลิศ  ประเสริฐล้น  องค์รัชทายาท
แสนเก่งกาจ  มากเหลือ  น่าเลื่อมใส
เหล่าพสก  หมดแคว้น  แดนไผท
ต่างเทิดให้  เป็นมิ่งใน  ดวงใจประชา

แล้วหันมา  ทูลชายา  อย่าพรั่นจิต
เกล้าอุทิศ  ชีวิตตน  ท่องค้นหา
แม้ไม่พบ  ประสบนาง  ตามบัญชา
จักไม่หวนพารา  กุสาวดี

จบคำมั่น  ท่านเสนา  ทูลลากลับ
เร่งรีบจัด  สัมภาระคน  ออกค้นถี
ทรัพย์เสบียง  เตรียมไว้เหลือ  เผื่อนานปี
เสร็จสรรพดี  จรลี  ราตรีกาล



ถึงชุมชน  นิคมคาม  คาราวานพัก
โพล้เพล้จัด  ประดับอนงค์  คนแบกหาม
นั่งแคร่ทอง  มองผาดไป  วิไลงาม
วางแคร่ข้าง  ทางลงท่า  ชลาลัย

แล้วหลบพุ่ม  ไม้บัง  ฟังคำอ้าง
คำวิจารณ์  นางรูปหล่อ ลออใส
หากยินว่า  งามน้อยกว่า  นารีใด 
สูงเพียงไหน  ต่ำเพียงใด  ไม่เลือกวรรณ

ก็จักพลัน  ถลันออก  สอบปากถาม
นามหญิงงาม  ตระการเนตร  ปานเสกสรร
ถิ่นพำนัก  สำนักใด  อยู่ไหนกัน
ประยูรวรรณ  พันธุ์พงศ์ วงศ์วานใด

แต่จนแล้ว  จนเล่า  เพียงเฝ้าซุ่ม
ไม่เคยพุ่ง  ออกมา  พาสงสัย
ฤาพิภพ  หมดนาง  งามอำไพ
ถึงจึงได้  ไม่กรายใกล้  ให้แปลกจริง

ท่องธราดล  เที่ยวค้นอร  ค่อนผืนหล้า
ผ่านนครา  พาราหลาก  มากแม่หญิง
ไม่ปะนาง  งามหยาดฟ้า  มาสู่ดิน
ไม่สูญสิ้น  ความหวัง  ฟันฝ่าไป



จนมาถึง  นครงาม  นามสาคละ
เจ้ามัททะ  กษัตรา  ประชาเลื่อมใส
ไม่เหี้ยมหาญ  ชำนาญทัพ  สักเท่าใด
แต่มีใจ  รักชาติ  มากคุณธรรม

ภูบดี  มีธิดา  สง่าแสน
เฉิดแฉล่ม  แจ่มงาม  ปานเสกสรร
ถึงแปดนาง  สะคราญโฉม  เด่นโนมพรรณ
เลื่องลือลั่น   สนั่นไกล  ไปทั่วแดน

ยิ่งเทวี  ศรีสุดา  ธิดาใหญ่
งามไฉไล  กว่าหญิงใด  ไท้หวงแหน
ผิวผุดผ่อง  ส่องประกาย  เลื่อมพรายแกม
วาววับแสง  ยามค่ำ  ช่างอัศจรรย์

เหลืองอร่าม  วามนวล  ชวนให้พิศ
ห้องมืดมิด  ยังสว่าง  กระจ่างสีสัน
เมื่อนางอยู่  ภายใน  สดใสพลัน
ดุจสวรรค์  บันดาล  งามเหนือใคร

ประภาวดี  ศรีนงราม  นามไพเราะ
ตั้งได้เหมาะ  เสนาะฟัง  คำความหมาย
หญิงผิวงาม  ตระการเด่น  เปล่งประกาย
พักตร์เฉิดฉาย  ชายใดจ้อง  ดั่งต้องมนต์

องค์เทวี  มีทาสี  สตรีค่อม
เป็นต้นห้อง  คล่องวาจา  พาเคลิ้มหลง
ชื่อขุชชา  ข้ารับใช้  ใกล้พระองค์
อีกอนงค์  แปดนาง  ข้างกายา

ทุกสายัณห์  ตะวันหลบ  หมดแสงสี
แปดนารี  มีภาระ  ต้องจัดหา
น้ำอาบสรง  องค์เทวี  ศรีสุดา
ได้เวลา  พากันจร  คอนครุไป

ผ่านเวรยาม  ทวารวัง  พลันเริงร่า
ต่างพูดจา  พาที  สีหน้าใส
บ้างเอ่ยหลอก  หยอกเย้า กระเซ้าไป
บ้างสนใจ  ใคร่รู้  ดูผู้คน

จนใกล้ท่า  ชลาลัย  ไม่ไกลห่าง
มีนงคราญ  งามนวล  ชวนลุ่มหลง
นั่งตะคุ่ม  ข้างพุ่มไม้  คล้ายอนงค์
ริมถนน  บนแคร่ทอง  มองแปลกใจ

นางรับใช้  ผู้ใคร่รู้  หันดูเห็น
ให้ตื่นเต้น  เพ่งจ้อง  ต้องสงสัย
ฤาพระธิดา  ลอบมา  ชลาลัย
ช่างกระไร  ไหนทรงตอบ  บอกสรงวัง

จึงหันขวับ  กลับมา  พี่ยาใหญ่
กล่าวถ้อยไป  ดูซิใคร  ไยหุนหัน
แอบหนีออก  นอกเวียง  เพียงลำพัง
ซ้ำยังนั่ง  ประชันกล้า  ท้าตาชน

ขณะกล่าว  เล่าความ  มือพลางชี้
ยังเทวี  ที่ริมทาง  ข้างถนน
เหล่ากำนัล  หันไปมอง  ตาพองยล
เห็นระหง  นงลักษณ์  คลับคล้ายคลับคลา

สำคัญว่า  ประภาวดี  นารีรัตน์
ไยดื้อนัก  แอบปะคน  ซนนักหนา
ซ้ำเผยพักตร์  ประจักษ์กัน  ทั้งพารา
ไม่ไว้หน้า  พระบิดา  กล้าเกินองค์

จึงเหล่านาง  กำนัล  พลันเยื้องย่าง
ตรงหานาง  งามตา  พาใหลหลง
พอเข้าใกล้  พี่ยาใหญ่  เอ่ยทักองค์
ไหนบอกสรง  ในห้องหับ  กลับเปลี่ยนใจ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

masapaer

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ตุลาคม 2024, 06:42:AM โดย kapheetam » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s