เพลานั้น วังทวาร บานเปิดอ้า
เสียงพูดจา พาเงียบพลัน หันมองเห็น
องค์นงลักษณ์ พักตร์หม่นเมิน เดินโคลงเคลง
แอบซ่อนเร้น ทุกข์เข็ญทน ระบมใน
ผ่านบุรุษ มากมาย ลายตาสบ
ยังมิพบ สบใจ ชายคนไหน
ทั้งสูงต่ำ ดำด่าง แตกต่างวัย
ทั้งหล่องาม ทรามคละไป เรียงรายปน
วาสพเฒ่า เฝ้ามอง ใจตรองตริ
ตนมาติด ปิดหลัง ช่างไม่สม
ต้องยืนหน้า ฉุดพานาง ห่างผู้คน
ถึงจักพ้น คนรู้ นางอยู่ใด
จึงพินิจ คิดการ พานางหนี
เยี่ยงไรดี ที่คน ไม่สงสัย
นึกได้พลัน ตะโกนดัง ไปทันใด
เปิดทางให้ ขรัวเฒ่าไป ในบัดดล
สิ้นตะโกน เฒ่าทโมน ก็โจนฝ่า
ดุจอาชา แรงกล้านัก ทัพพหล
เหล่าบุรุษ กระจุกออ พอถูกชน
กระเด็นพ้น ล้มคลุก ฟุบหมอบดิน
ส่งเสียงคราง ลานตา หน้าแผลเกลื่อน
เหล่าผองเพื่อน เบือนหัน กลับหลังสิ้น
ตกใจเสียง สำเนียงร้อง ก้องได้ยิน
เห็นเพื่อนกลิ้ง นอนดินคราง พลางงงงัน
ฝ่ายชรา พริบตาผึง ถึงแถวหน้า
ทันเวลา อ่าอนงค์ องค์เฉิดฉัน
ย่างมาสบ พบพันตา ประหม่าพลัน
เฒ่าผลุนผลัน คว้าหัตถ์ ผละจากจร
เหล่าฉกรรจ์ มัวหันดู หมู่คนเจ็บ
ไม่ทันเอะ ใจมอง จ้องสมร
พอรู้ตัว ขรัวเฒ่าพา สุดาจร
จึงก้องร้อง โกรธา ดุด่าไป
โอ้กระไร ชราวัย ไยมากเล่ห์
ช่างเสเพล เสแสร้ง แกล้งเหลวไหล
ทำงกเงิ่น เดินสั่น นั่นปะไร
ฉุดนางได้ ลวดลายออก ลอบจากจร
เพียงประเดี๋ยว เดียวเผ่น ไม่เห็นหลัง
องค์ร้อยชั่ง ช่างกระไร ไม่ทุบถอง
กลับตามชิด ติดไป ใจสมยอม
ทิ้งฉกรรจ์ ทั้งผอง คับข้องใจ
กล่าวถึงเฒ่า เครายาว สาวเท้าย่าง
จูงนงคราญ พรางหลีก ปลีกลับหาย
ถึงสำนัก พักพิง สิ้นหวั่นใจ
เชิญอ่อนไท้ คลายอึดอัด ขึ้นพักบน
องค์ชายา หน้าตรอม ใจหมองเฉา
ยินผู้เฒ่า กล่าวคำ ฟังฉงน
นึกแปลกใจ เรือนผู้ใด ใหญ่ชอบกล
ช่างสวยสม ภิรมย์รื่น ชื่นฤทัย
จึงเอ่ยถาม ความไป ใครเจ้าบ้าน
ช่างโอฬาร งามเขื่อง กว่าเรือนไหน
เฒ่าจำแลง แถลงพลัน ในทันใด
ขอกลอยใจ คลายฟุ้งซ่าน บ้านพี่เอง
พี่อยู่เดียว เปลี่ยวกาย มาหลายหนาว
ขาดคนเคล้า เศร้าตรม ทนทุกข์เข็ญ
ราตรีค่ำ ระกำฝืน ตื่นลำเค็ญ
หวังจักเป็น เช่นเขาอื่น ชื่นคู่คลอ
ฟ้าเบื้องบน คงรู้ ให้คู่พี่
เป็นเทวี ศรีบังอร พร้อมห้องหอ
หวังให้ไท้ ได้พงศ์เผ่า สืบเหล่ากอ
นวลลออ อย่าแคลง แหนงหน่ายเลย
หลังขึ้นบน เชิญอนงค์ นั่งบนแท่น
พญาแถน แสดงท่า โอ่อ่าเผย
บอกบังอร นอนพัก หลับได้เลย
อย่าเอื้อนเอ่ย ถ้อยใด ให้ใจตรอม
จบวาจา ชราพลาง มือวางจับ
แผ่วสัมผัส หัตถ์พธู ทั้งคู่สอง
องค์นงนาฏ คาดไม่ถึง ตะลึงมอง
ไม่ทันร้อง ล้มนอนพับ หลับทันใด
บัดนั้น เฒ่าจำแลง แปลงร่างกลับ
กลายรูปลักษณ์ เรืองรอง ผิวผ่องใส
เป็นราชา สุรารักษ์ งามจับใจ
อุ้มนงโพธ โอบอกไว้ เหาะไคลคลา
ผ่านสัตต บริภัณฑ์ เจ็ดบรรพต
เขาวงกต วกวน ยากค้นหา
สีทันดร ละอองพลิ้ว ริ้วงามตา
ข้ามสิเนรุ ทะลุฟ้า ลับตาไป
ถึงอัมพร นครหาว วาวปราสาท
งามพิลาส วาบเพชร เม็ดวาวใส
ศักรพุ่งตรง วางนางลง ในทันใด
เหนือแท่นใหญ่ วิไลงาม กลางไพชยนต์
หลังวางเสร็จ เสด็จออก นอกปราสาท
เทวราช อิ่มอาบใจ ให้สุขสม
ประทับตั่ง นั่งสุข บัณฑุกัมพล
เหล่านางฟ้า ล้อมวง องค์สุเรนทร์
เมื่อนั้น สีลวดี นรีรัตน์
หลังฟื้นหลับ พักตื่น ขึ้นมองเห็น
ห้องโกสีย์ ที่งามเหลือ เหนือกฎเกณฑ์
วิจิตรเด่น เปล่งประกาย ลายแปลกตา
จึงตรองตรึก นึกพินิจ คิดเรื่องผ่าน
ถึงเรื่องบ้าน กว้างใหญ่ ให้กังขา
มาห้องหอ ห้องหับ งามจับตา
ทั่วแผ่นหล้า หาใดเทียบ จักเปรียบดัง
หรือชรา สวมผ้าเก่า ผู้เฒ่านี้
เป็นโกสีย์ เทวราช จากสวรรค์
มาช่วยเรา พ้นชายเขลา เหล่าฉกรรจ์
จึงงามขำ ถลันทาง ทวารา
พ้นทวาร บานเปิด องค์เฉิดโฉม
ให้งุนงง พิกลเห็น เป็นนักหนา
สิ่งรอบข้าง ช่างประหลาด งามแปลกตา
ทั้งแผ่นดิน แผ่นฟ้า พาแปลกใจ
มวลไม้ดอก รอบตระการ งามพิลาส
สวยผุดผาด พาดคบ งดงามไฉน
ยืนต้นซุ้ม พุ่มกอ ลออวิไล
บานสดใส ไกวตาม ยามต้องลม
ฟ้าสดใส เลื่อมแปลก แดดไม่จัด
เย็นลมพัด เพลินนักสบาย กายสุขสม
หอมบุปผา ผกาชื่น รื่นกมล
ทุกแห่งหน ชมละลาน ไม่วางตา
ถัดวิมาน ใกล้ติด ทิศอีสาน
มีหญิงงาม ล้นหลามห้อม ล้อมแน่นหนา
ใต้ไม้ใหญ่ ใบตระการ อร่ามตา
นั่งสง่า อ่าองค์เห็น เช่นราชัน
โฉมบังอร มองวงพักตร์ รัศมี
เทพบดี สีเขียววาม งามเฉิดฉัน
จึงมั่นใจ ใช่องค์อินทร์ มิ่งเทวัญ
จึงงามขำ พลันก้าว เดินเข้าไป
ได้ระยะ พอประมาณ นงคราญหยุด
ย่อกายคุก บังคม องค์ฤาสาย
เจ้าชั้นหาว ดาวดึงส์ หวังพึ่งภัย
วอนจอมไท้ ได้สงสาร ประทานพร
บัดนั้น...ศักรินทร์ ผินมา สบตาถี
องค์เทวี สีลวดี ศรีสมร
พลางเอื้อนโอษฐ์ โปรดตรัส ทักบังอร
อรชร น้องยา อย่าทุกข์ใจ
น้องคงรู้ ผู้ชรา พามานี่
คือตัวพี่ มัฆวา เทวาใหญ่
หวังโฉมฉิน ศีลพิสุทธิ์ เป็นสุขใจ
น้องอยากได้ สิ่งใด ให้บอกมา
พี่เต็มใจ ให้พร น้องหนึ่งข้อ
หวังเจ้าพอ ฤทัย ในปรารถนา
ได้สมมาด ปราศทุกข์ สุขอุรา
ตัวพี่ยา ก็พา ผาสุกใจ
นงพะงา รื้นน้ำตา อุราสะอื้น
ให้ชื่นมื่น ฟังคำ พลันสดใส
บอกองค์อินทร์ ปิ่นสวรรค์ ไปทันใด
ขอโอรส หนึ่งองค์ให้ ไท้ราชา
เป็นทายาท สืบชาติพงศ์ วงศ์กษัตริย์
ราษฏร์ประจักษ์ อึดอัดคลาย หายกังขา
ประเทศแดน แคว้นรัฐ วัฒนา
ปวงประชา หน้าใส ใจเบิกบาน
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
06 ธันวาคม 2024, 05:38:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย (อ่าน 1291 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: