Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 เมษายน 2024, 04:37:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O  (อ่าน 8119 ครั้ง)
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 29 ธันวาคม 2019, 08:30:AM »



O ลมหนาวและดาวเดือน .. O





O ปีกนกคลี่แผ่กาง .. ร่อนกลางหาว
เมื่อเดือนดาวเลื่อนดวงจนล่วงหาย
ลมรุ่งสางรินร่ำ .. หอมกำจาย
พาปีบคลายหอมรส .. เป็นบทเดียว
O ดอกสีขาวพราวลออ .. ร่ำรอสมัย-
เลื่อนดวงไฟขึ้นส่อง .. ให้มองเหลียว-
มาเสพรูปแดดทอ .. กลีบช่อเรียว-
กลางพุ่มใบขาบเขียว .. ทุกเรียวใบ
O ลมอ่อยเอื่อยเฉื่อยโชย .. ร่ำโรยสู่
อารมณ์ผู้เพ็ญถวิล .. ก็รินไหล
เหิมระลอกวนว่าย .. อยู่ภายใน-
ห้องหัวใจ .. เจตจินต์ทั้งสิ้นแล้ว
O สิ้นวรรษาฟ้าหม่น .. สิ้นฝนพรำ
เหลือลมร่ำสายโรยอยู่โผยแผ่ว
เลื่อนดวงตาคู่ระยับ .. พริ้มพรับแวว-
เลศผ่องแผ้วแนบช่วง .. อีกดวงตา
O ปีกนกยังคลี่กาง .. อยู่กลางหน
พร้อมอีกใจดิ้นรนเฝ้าค้นหา
ความงดงามอ่าลออ .. ที่รอมา-
แต่ครั้งครา .. ชาติภพเลือนลบกัน
O ปีกแห่งรัก .. ห้อมห่มสายลมร่ำ
โดยเสียงคร่ำครวญพร้อม .. รอกล่อมขวัญ
กรุ่นหอมปีบฟายฟุ้ง ยามรุ่งวัน-
พึงล้อมพันธนาอยู่ .. อย่ารู้คลาย
O ให้รื่นเหมือนลมริน .. หอบกลิ่นชู้
รอบล้อมอยู่ให้ถวิล .. แต่สิ้นสาย
รูปแพงเอย .. อาลัยแห่งใจชาย
จักทอนถ่ายถ้วนบทได้หมดฤๅ ?
O แถบรุ้งบนโค้งฟ้า .. ย่อมลารอย
เหลือเพียงเนตรปริบปรอย .. เฝ้าคอยสื่อ
แฝงฝากลมอุ่นนั้นให้บรรลือ-
เสียงอึงอื้อสั่นไหวอยู่ในทรวง
O พร้อมกับความออดอ้อน .. นัยซ่อนเร้น-
ราวไฟเต้นเปลวลุกไปทุกช่วง
เผยผ่านร้อนรุมไหม้อยู่ในดวง-
ตาคู่หวงแหนงาม .. แห่งยามนี้
O ปีบเลือนกลิ่น .. สายหยุดก็หยุดหอม
รอแวดล้อมคุณค่ารูปราศี
เริ่มบทกลางโอภาส .. ลมวาดวี
ให้ภาคพื้นธาตรี .. รู้ปรีดา
O ริ้วลมหนาวแผ่วผ่าน, ความหวานหอม-
ก็เหมือนคอยแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า
เพียงเลศนัยเผยช่วงผ่านดวงตา-
ก็รับรู้เสน่หา .. ผ่านท่าที
O เพียงแววหวานอ่อนโยน .. เริ่มโชนช่วง
ก็รับรู้แหนหวงในทรวงที่-
แรงอาวรณ์อาลัย, ความใยดี-
หลั่งล้นปรี่ออกแล้ว .. ที่แววตา
O เลศนัยเคยซ่อนเร้น .. เมื่อเต้น .. ตื่น
ความแช่มชื่นห้วงใจผู้ใฝ่หา-
ก็โหมตอนหวานล้ำขึ้นค้ำคา-
ปรารถนาอาลัยที่ในดวง
O ผ่านลูบโลมเนื้อผิว .. คือ-ริ้วลม-
เข้าห้อมห่มแทรกแฝง .. ให้แรงหวง-
เข้าลูบโลมสั่นไหวอยู่ในทรวง
กี่คาบช่วงผ่านแล้ว .. อย่า-แล้วเลือน !
O เข้าเหมันตะฤดู .. ลมวู่ไหว
แรงอาลัยพูนเพียบ .. ฤๅ-เปรียบเหมือน
ดูเอาเถิด .. ตาชม้อยเฝ้าคอยเตือน-
ให้สบแล้วสุดเขยื้อนขยับพ้น
O เมื่อแววตางามระยับ .. ไม่ลับล่วง
ความเงียบเหงาในทรวงก็ร่วงป่น
แววออดอ้อนอ้อยสร้อยก็คอย-วน-
เวียนวกปรนเปรอใจคอยไขว่คว้า
O ปลายปีกนกยกโบก .. ผ่านโลกกว้าง
ยังคลี่ค้างเช่นนั้น .. เพื่อฟันฝ่า-
วงรอบความเป็นมีแห่งชีวา
ไกลสุดตาลิบโลก .. ยังโบกบิน
O ก็เช่นความละห้อยหา .. แรงอาวรณ์-
จักเวียนย้อนวนอยู่ไม่รู้สิ้น
ไกลสุดตารูปแล้ว .. ยังแว่วยิน-
ความถวิลอาลัย .. ที่ในทรวง
O ปลายปีกนก, อกคนผู้วนคิด-
ย่อมทรงสิทธิ์ทรงศักดิ์ทั้ง .. รัก .. หวง
ฤๅ .. รูปการณ์เวียนย้ำ .. เช่นคำบวง-
แนบความห่วงใยเหลือทุกเนื้อความ
O ปลายปีกนกเหยียดกางที่กลางหาว
เมื่อ-วับวาวเนตรนั้น .. คล้าย-หวั่น .. หวาม
ลมเลื่อนริ้วโลมลูบ .. จบจูบงาม-
ย่อมเลื่อนตามหัวใจ .. ผู้ไขว่คว้า
O ตราบที่ปลายปีกนก .. ยังยกโบก-
โล้ลมโลก .. แสงสรวง, ความห่วงหา-
ย่อมติดตรึงลงมั่นในสัญญา
เพียงหนึ่งรูปหนึ่งหน้า .. จนกว่าวาย
O มองดูเถิดแสงระยิบ .. จากลิบโพ้น
ฤๅ-เทียบความอ่อนโยนที่โชนฉาย ?
พร้อมอกอุ่นอาลัย .. ของใจชาย
ร่ำรอถ่ายโอนสู่ .. เจ้าผู้เดียว !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=18&group=11&gblog=593&fbclid=IwAR0svbq4i57rl-4YUP17hmHJkvK5tz9b_9KNPStTAZtbk2dDeQBW1mvmKbk

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

@free

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s