O ตราบชั่วนิรันดร .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
19 เมษายน 2024, 01:29:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: O ตราบชั่วนิรันดร .. O  (อ่าน 3413 ครั้ง)
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 08 มิถุนายน 2019, 09:52:AM »






O ยอมรับแล้วใช่ไหม .. หัวใจนั้น-
ว่าผูกพัน, อาวรณ์ .. เกินซ่อนไหว
ทุกการเต้นสั่นรัว .. ของหัวใจ
เหมือนมือใครบางคนคอยด้นดึง
O รู้แต่เมื่อหวานระยับพริ้มพรับ .. ตอบ
ที่การลอบเหลือบชม้าย ย่อมหมายถึง-
ใจที่ถูกเสน่หาเข้าตราตรึง-
แววหวานซึ้งลึกล้ำจึงรำบาย
O ใกล้กาล .. ฝนล่วงลาพรากฟ้าหม่น
เพื่อปลิดป่นมืดอับให้ลับหาย
ถึงเพ-ลาลมล่อง .. สูรย์ผ่องพราย-
แสงกำจายโลมโลก .. เลือนโศกตรม
O ทานตะวันช้อยช่อ .. ร่ำรอแดด-
ทอลงแวดล้อมอยู่ .. เพื่อสู่สม-
เมื่อผึ้งภู่รายล้อมลงจ่อมจม-
รสรื่นฉมฉ่ำหวานแห่งกาลนี้
O ต้อง-ลมหนาวล่องสายรำบายผ่าน
หอมดอกมาลย์, ภุมรินก็บินปรี่-
หมายเสพหวานเรณูอย่างรู้ที-
เกสรรูป .. กลีบสี .. อย่างที่เคย
O เมื่อปีกนกโบกบ่ายสู่ปลายฟ้า
แววนัยน์ตาห่วงละห้อยก็ค่อยเผย-
อิริยา .. รูป .. จริต .. ลงชิดเชย-
หยอก .. ยั่ว .. เย้ย - ปรารถนาแรงอาวรณ์
O คำนึงในอารมณ์ .. กลางลมร่ำ
ภาพแก้มก่ำ .. อ้อนออด, พาทอดถอน-
สะท้านห้วงหัวใจเหมือนไฟฟอน-
คอยรุมร้อนเร้าอยู่ ไม่รู้วาย
O ดูเถิด .. รูปผ่องแผ้วในแววตา-
นั้น-เกินกว่าพรับเบือนให้เลือนหาย
ล้อ-อารมณ์ .. อาลัย .. หัวใจชาย-
ให้แต่หมายมุ่งงาม .. อย่าคร้ามเกรง
O สกุณาป่าฝน .. บินพ้นผ่าน
เมื่อหอมหวานเร้ารุม .. เข้ากุมเหง
ขอบฟ้าเลื่อนล่มล้าง .. ความวังเวง
กอปรบทเพลงกล่อมเกล้า .. ผู้เยาว์วัย
O วันลอยดวงเลื่อนคว้างขึ้นกลางหาว
หากแสงวาววับนั้น .. กลับสั่นไหว
โดย-อารมณ์อาวรณ์ .. สุมซ้อนนัย
เผยออกให้รับรู้ .. ร่วมดูแล
O ปลายปีกนกบ่ายโบกสู่โลกไกล
หากที่ใกล้ชิดอยู่ .. ย่อมรู้แน่-
ว่า-สายใยผูกมัด .. ยากตัด .. แปร-
เปลี่ยน, แกะแก้คลายเคลื่อน .. บ่วงเงื่อนตาย
O ปีกนกกาง .. เสียงขรม .. เย้ยลมร่ำ
ยังคลาคล่ำรูปเงาจนเข้าสาย
พร้อมหวานซึ้งดื่มด่ำ .. ช่วยรำบาย-
ความมุ่งหมายด้านในหัวใจคน
O เมื่อฟ้าเปิด .. เมฆขาว .. ลมหนาวล่อง
ก็เมื่อต้องหวานประดังอีกครั้งหน
เบาบางปลายปีกนก .. ห้วงอกตน-
คล้ายวกวนเวียนอยู่ .. ไม่รู้วาง
O ฤดูนี้ลมร่ำ .. อยู่ค่ำเช้า
ปีกบางเบา .. ก็ร่อนอยู่แต่ตรู่สาง
ลมเอย .. แว่วลมหวนเสียงครวญคราง
เหมือนใจบางเสี้ยวส่วน .. คร่ำครวญคอย
O โหยหาคอยบีบเค้นไม่เว้นว่าง
ในที่ทางเย็นเยียบ .. แสนเงียบหงอย
ในเที่ยวทางเหยียบย่ำ .. ซ้ำซ้ำรอย
เพียงละห้อยห่วงเห็น .. ที่-เป็น .. มี
O สายหยุด .. กลีบดอกบาน .. ย่อมลาญร่วง
ดั่งแสงช่วง .. กาลเวียน .. ย่อมเปลี่ยนสี
เหลืองแสดมาลย์หมดกลิ่น .. ก็สิ้นดี
เหลือไมตรีพี่นั้น .. ยังมั่นคอย
O ปีกบางยังลอยล่องเต็มท้องฟ้า
เมื่อเหว่ว้าแตกดับจนยับย่อย
หัวใจเคยมืดมน .. ก็หล่นลอย
กับร่องรอยนัยชู้ .. ฤดูลม
O ที่-เสพรับความคำ .. ตอกย้ำอยู่
พึงรับรู้ .. แรงหวัง .. ที่สั่งสม-
ความรู้สึกเสน่หาในอารมณ์
เบิกบทบ่มหวานหอม .. รายล้อมทรวง
O เสพรับความสื่อสู่ .. จงรู้ว่า-
มีคุณค่าสอดซุก .. ไปทุกช่วง-
เพียงร่ำรอ .. ความคำเคยบำบวง-
ให้เริ่มช่วงกำลัง .. เข้าสั่งการ
O เสพรับความนัยชู้ .. จงรู้ว่า-
เสน่หาพรั่งพร้อมรสหอมหวาน
มีไว้เพื่อโลมลูบ .. ใจรูปคราญ
จน-สุดต้านทานรส .. แม้-บทเดียว !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=30&group=11&gblog=576

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

@free, เนิน จำราย, พี.พูนสุข, ไผ่เดียวดาย

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 มกราคม 2020, 05:37:PM โดย สดายุ » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s