Re: ตลุยยุทธภพ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
20 เมษายน 2024, 08:48:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ตลุยยุทธภพ  (อ่าน 36232 ครั้ง)
ดอกกระเจียว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 317
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,264


จินตนาการในความว่างเปล่า


« เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2011, 06:21:PM »

มาอ่านนิยายต่อครับ..



หลูอันได้หลับงีบหนึ่งก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิม มีรอยยิ้มแต้มที่มุมปากของเขาพร้อมเรื่องเล่าขานของการกำเนิดโลก ต้นไม้ยืนอวดต้นอยู่รายทาง ต้องแดดยามคล้อยค่ำแลดูเศร้าสร้อย ให้อารมณ์ว้าเหว่และเงียบเหงา หลูอันมีเรื่องเล่ามิขาดปากเหมือนสรรพสิ่งที่รายรอบอยู่ รอการมาเยือนของเขาและเขาเป็นคนมอบคุณค่าอันงดงามให้พวกมัน อ่องอุ้นมองหลูอันประหนึ่งโรงงิ้วหลังตลาดที่บางครั้งก็ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขัน แต่ไม่ถึงกับเศร้าโศกเสียใจคล้อยตามไปเสียทุกอย่าง เหมือนเหล่าคุณยายที่นั่งอยู่หน้าเวที จนต้องคอยซับน้ำตาตัวเองเวลาตัวแสดงแสดงบทโศกเศร้า

ชาวไร่เก็บดอกฝ้ายเห็นอยู่ไกลๆในไร่ ชายแก่ๆคนหนึ่งในกลุ่มนั้นคือท่านผู้เฒ่าเยี่ยกุ้ยสามีของนางจูหมง ชาวไร่แต่ละคนมีตะกร้าใบเขื่องคล้องไหล่อยู่ด้านหลัง พวกเขาเก็บดอกฝ้ายหย่อนลงในนั้นจนเต็มตะกร้าแล้วจึงนำไปเทใส่กระทอเกวียนที่เทียมด้วยวัวสองตัว จนเต็มกระทอเกวียนจึงลากเข้าโรงปั่นฝ้ายที่ๆเขาทั้งสองเพิ่งจากมา

เส้นทางที่เริ่มสูงชันขึ้นเรื่อยๆทำให้หลูอันเลิกเล่าเรื่องสนุกสนานมาเป็นเรื่องยากลำบากของชีวิตที่เผชิญอยู่ บางครั้งเขาก็หุบปากลงได้ เมื่อความเงียบเข้าแทนที่อ่องอุ้นรู้สึกโหวงเหวงอย่างแปลกประหลาดจนต้องส่ายตามองมาที่เพื่อนของเขา และแน่ใจว่าเขาไม่ได้เผลอกลิ้งตกผา หากแต่ความเหนื่อยล้าจึงเงียบ

สองหนุ่มเดินตามถนนที่เลี้ยวเลาะไปตามสันเขาท่ามสายลมพัดไหวอ่อนโยนในยามเย็น หลูอันก็เผลอปากพูดออกมาท่างกลางบรรยากาศนั้น

“เจ้ากลัวโจรดักปล้นไหมอ๋องอุ้น” เขาถาม

“เจ้านี่ปากเสียจริง..กลางป่ากลางดงยังถามหาเสืออีก” อ่องอุ้นจ้องหน้าเขา

“งั้นข้าไม่พูดก็ได้” หลูอันตอบ

“แต่” หลูอันพูดอีกจนได้ “ถ้ามันมาหลายๆคนแล้วรุมเราสองคนล่ะ..เราจะทำยังไงอ๋องอุ้น”

“หุบปากเจ้าเถอะ..ดีที่สุด” อ่องอุ้นพูดเท่านั้นแล้วเงียบ

คล้อยลงจากสันเขาที่ที่สามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของหุบเขาเหลียงฟานได้ถนัดตา แต่ในเวลาจวนค่ำเช่นนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะเริงรมณ์ของคนทั้งสอง พวกเขาเดินมาจนถึงพื้นราบมีต้นไม้ขึ้นรายทางทั้งสองฝั่ง กิ่งก้านของมันแผ่ปกคลุมเหนือพื้นทรายอันราบเรียบสองหนุ่มก้าวเท้าฉับๆอย่างเร่งรีบ..
ฉับพลันนั้นเอง เมื่อฝูงนกแตกตื่นและบินจากไปอย่างผิดปกติ ทำให้ทั้งสองหยุดกึกอยู่กับที่ส่งสายตาจับสังเกตุเยี่ยงสัตว์ระวังภัย หลูอันกำลังจะอ้าปากพล่ามอะไรบางอย่างออกมาแต่ถูกอ๋องอุ้นส่งสัญาญมือปรามเขาไว้

“ชู่วว..” เขาชี้มือนิ้วชี้ที่ริมฝีปากบอกให้เงียบ

นกที่กำลังจับคอนแตกตื่นและบินจากไปอีกครั้งฝูงใหญ่ หลูอันใจคอไม่สู้ดีสีหน้าปรากฏแววหวาดกลัว อ่องอุ้นอยู่ในภาวะเงียบนิ่งจับการเคลื่อนไหวที่อยูรายรอบ เขารู้สึกได้แม้กระทั่งใบไม้ที่ล่วงจากต้นใบหนึ่ง

ไม่มีสิ่งใด..นอกจากความหวาดระแวงของคนทั้งสอง 

พวกเขาสาวเท้าออกจากที่แห่งนั้นจนถึงลานโล่ง มีต้นต้นไม้ขึ้นเป็นหย่อมๆรายรอบอยู่ ทั้งสองต้องตกตลึงเบิ่งตากว้างต่อภาพเบื้องหน้า เมื่อมีร่างสองชายปลิวละลิ่วตีลังกาออกจากชายป่าด้วยวิชาตัวเบา และจรดฝ่าเท้าลงพื้นดินห่างออกไปจากพวกเขาไม่ไกลนัก อ้ายหนึ่งผอมสูงอ้ายหนึ่งตัวอ้วนอยู่ในชุดสีไข่มอซอรุ่งริ่ง ท่าทางอดโซ ในมือของพวกมันกุมดาบคมวาวข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งประคองเก้าอี้หวายตัวงาม มันปล่อยเก้าอี้ที่จับไว้คนละข้างของพวกมันลงบนพื้นอย่างนิ่มนวล แล้วถอยไปข้างหลังคนละก้าว อ้ายตัวผอมสะแหยะยิ้มมาที่อ๋องอุ้นละหลูอัน ประหนึ่งราชสีห์พบเหยื่ออันโอชะ ปากมันตะโกนก้องในทันใด

“ ลูกพี่..” 

ชายหัวเลี่ยนเตียนลอยละลิ่วตามมาอีกจากชายป่าและกระแทกก้นของมันลงบนเก้าอี้หวาย ยกขาขึ้นไกว่ห้าง ดูดบุหรี่ควันโขมงส่งสายตาดุดันมาจับจ้องมาที่สองหนุ่ม

“พวกเจ้าต้องการอะไร” อ๋องอุ้นถามพร้อมกระชับกระบี่คู่ชีพ

พวกมันพร้อมใจกันหัวเราะ อ้ายตัวผอมสืบเท้ามาเบื้องหน้า พร้อมประกาศกร้าว

“ปล้น”

พวกมันส่งเสียงหัวเราะข่มขวัญคนทั้งสองอีกครั้ง

 “สมบัติในตัวของพวกเจ้าทุกอย่าง จะต้องตกเป็นของพวกข้าโดยไร้ข้อแม้ใดทั้งสิ้น...ฮ่าๆๆ แม้แต่ชีวิตของพวกเจ้า ถ้ากลัวตายก็ไสหัวไป ทิ้งสมบัติของพวกเจ้าไว้ แม้แต่ผ้าชิ้นเดียวก็จงอย่านำติดตัวไป”

พวกมันสามหนังพร้อมใจกันหัวเราะอีกครั้ง
อ่องอุ้นสีบเท้าอย่างระมัดระวัง ถอยหลังมาที่หลูอัน เขาสั่งให้หลูอันหลบไปหลังต้นไม้ หลุอันรีบวิ่งไปที่นั่น

“นับว่าพวกเจ้าเป็นโจรที่กระจอกมาก..ถ้าพวกเจ้ามั่นใจก็เข้ามาเอาเลย”

ใบหน้าอ้ายตัวผอมกับอ้ายตัวอ้วนเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นฉุนเฉียวและเดือดดานพวกมันกระชับกระบี่แน่นและพุ่งตัวมาที่อ่องอุ้น

“งั้นก็เตรียมตัวเป็นผีเฝ้าป่าได้แล้ว..ย๊ากกกก”

อ๋องอุ้นสับเท้าจับจังหวะการโจมตีอย่างว่องไว ถอยพอได้ระยะจึงชักกระบี่ออกจากฝักและถีบตัวลอยขึ้นกลางอากาศตวัดกระบี่ดักการโจมตีอย่างเร็วไว ร่างของเขาหมุนเกลียวอยู่กลางอากาศสามรอบ ปลายกระบี่ของเขาปะทะการโจมตีของโจรอ้วนผองเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เขาจรดฝ่าเท้าลงบนพื้นดินอีกครั้ง ส่งสายตาอันดุดันมาที่โจรอ้วนผอม จับจ้องอย่างแน่วนิ่ง

โจรอ้วนผอมนั้นรุกเข้าโจมตีอย่างประมาทในชั้นแรก จังหวะที่อ๋องอุ้นกระโดดถอยรับ ได้เตะเอาทรายจำนวนมากพุ่งมาที่พวกเขาทั้งสอง และทรายเหล่านั้นก็กระเด็นเข้าเต็มเบ้าตาของพวกมัน ทำให้จังหวะการถอยรับของโจรอ้วนผอมดูไร้กระบวน พวกมันกวัดแกว่งกระบี่อยู่ชั่วครู่ จนแน่ใจว่าไร้การรุกตีจากอีกฝ่าย จึงป้ายมือสีตาอย่างเคืองแค้น

“มันเล่นทราย..เต็มเบ้าตากูเลย” อ้ายคนหนึ่งว่า
 

ทหารจอมเก๊ก ทหารจอมเก๊ก ขำแบบกระแดะหน่อยๆ



ปล: มีอะไรขาดตกบกพร่องก็เชฺยชี้แนะได้นะครับ..แบบว่าหัดเขียน..เพื่อที่จะเล่าเรื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด..คือจุดมุ่งหมาย

ดอกกระเจียว





 











       

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

--ณัชชา--, รพีกาญจน์, Music, Thammada

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กันยายน 2018, 02:22:PM โดย ดอกกระเจียว » บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s