พิมพ์หน้านี้ - O หนาวแรก .. O

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนบอกรัก => ข้อความที่เริ่มโดย: สดายุ ที่ 10 กันยายน 2018, 08:46:AM



หัวข้อ: O หนาวแรก .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 10 กันยายน 2018, 08:46:AM


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1511661082.jpg)



O หนาวลมร่ำโลมริ้วผ่านผิวเนื้อ
เหมือนร่วมเชื้อเชิญอรุณให้หมุนหา
สูรย์ลอยช่วงโอภาสขึ้นสาดทา
พร้อมดวงตาพรับพริ้ม, เหมือนยิ้ม .. รอ
O นับคาบความคำนึง .. ส่งถึงอยู่
ก็ถึงรู้ .. บริบท-ความจดจ่อ
และถึงรู้ .. รุมเร้าพะเน้าพะนอ-
ของรูปผู้เพ็ญลออเฝ้ารอเคียง
O พร้อมลมหนาวแผ่ผ่าน .. อยู่นานนับ
ละห้อยหาค่อยผ่านศัพท์ขึ้นขับเสียง
ในเจตจินต์ถวิลเห็นเหมือนเต้นเรียง-
รายรอบมาเกินเลี่ยงหรือเบี่ยงพ้น
O กระซิบคำคำนั้นเสียงสั่นแว่ว
ยังเจื้อยแจ้วในจิตเกินปลิดป่น
แววในตาหวานซึ้งยังอึงอล-
กับความนัยหวามล้นที่ล้นใจ
O กระซิบคำคำนั้นยังสั่นอยู่
เหมือนสั่นให้รับรู้ .. ว่ารู้ไหม-
ที่ทำให้สั่นอยู่คือผู้ใด ?
และต้องคอยสั่นไว้ .. อย่าได้ลืม
O รู้หรือไม่ความคำที่ย้ำสู่
เพื่อรับรู้รับทราบแรงปลาบปลื้ม
แววสะท้อนวามระยิบขอหยิบยืม-
แกล้มฝันดื่มด่ำหาทั้งราตรี
O หอมอาวรณ์เยี่ยงกุสุมเร้ารุมกลิ่น
ยามร่ำโรยรสประทิ่นล้อมถิ่นที่
หวานเกสรภุมรินย่อมบินลี-
ลาศ .. หาทั้งกลิ่นสีในที่นั้น
O จักต่างฤาหอมเจ้ารูปเยาว์เอ๋ย
แต่รูปเผยสบนัยน์ .. ที่ไหวสั่น-
ใช่ภมรเร่งรุดดอมบุษบัน
แต่เป็นขวัญแห่งชายผู้หมายชม
O กระนั้นแล้วลมหนาวแห่งเช้านี้
พึงวาดวีหวานหอมเข้าล้อมห่ม-
ใจผู้ซึ่งละห้อยหา .. เฝ้าปรารมภ์-
หวานที่ถมทับทรวงอย่าล่วงเลือน
O เสียงกระซิบแผ่วค่อย .. เถิดคอยสดับ
ฝากลมแผ่วแทรกศัพท์เข้าขับเคลื่อน-
ความในอกห่วงละห้อยเพื่อคอยเตือน-
ห่วงที่เหมือนรอกระหวัดโอบรัดใจ
O แผ่วกระซิบพากย์พจีจักมีสู่
พร้อมห่วงหาเอ็นดู .. จนรู้ได้
ว่า .. อีกหนาวลมร่ำแสนร่ำไร
ด้วยว่าอีกอกใจเคยได้อิง
O กระนั้นแล้วลมหนาวแห่งหนาวแรก
อกเมื่อเหน็บหนาวแทรกกลับแปลกยิ่ง
อกที่เนื้ออุ่นอ่อนเคยผ่อนพิง-
ต้องเกลือกกลิ้งหนาวล้ำ .. เพียงลำพัง
O ถวิลความอาวรณ์ออดอ้อนเจ้า
จักแทรกโสตรุมเร้าให้เฝ้าหวัง
ด้วยอาวรณ์ลึกล้ำเป็นกำลัง
เข้าหลอมหลั่งลงจิตจนติดตรึง
O หวังถึงลมหนาวแรกจักแทรกอก
แล้วยอยกดวงจิตเฝ้าคิดถึง-
ละห้อยเห็นความคำพี่รำพึง
สัมผัสหอมหวานซึ้งที่ตรึงใจ
O กระซิบความอาวรณ์ออดอ้อนอยู่
ด้วยอารมณ์แรงชู้ร่วมสู่สมัย
ผ่านศัพท์เสียงเสน่หาแสนอาลัย
กระซิบให้พี่สดับคอยรับรอง
O แผ่วแผ่วสายวาโยเมื่อโผผ่าน
คันธารสหอมหวานพึงผ่านต้อง-
โลมนิ่มเนื้อละม่อมน้อยให้คอยตรอง-
ความกลั่นกรองเพรียกคะนึงทุกกึ่งยาม
O แทนอกแขนอ้อมกอด, ความพลอดพร่ำ
หวังโน้มนำจินตภาพให้วาบหวาม
กระทั่งแววเนตรระยับนั้นวับวาม
ร่วมหลอมรวมรูปนามเนื้อความเดียว !
O ฝาก .. ลมร่ำหวีดหวิวผ่านริ้วแก้ม
ให้เรื่อแต้มนวลเนื้อ .. ก็เพื่อเหลียว-
สบสัมผัสเปล่งปลั่งแล้วดั่งเคียว-
โน้มเข้าเหนี่ยวจิตใจ .. เฝ้าไขว่คว้า
O นับคาบคิดคำนึง .. ส่งถึงอยู่
ก็ถึงรู้ .. ผูกพันให้ฟันฝ่า
และถึงรู้ .. รูปธรรมที่ค้ำคา-
อกใจผู้เสน่หา แสนอาวรณ์
O อุ่นรูปกายจะแทรกหนาวจนร้าวร้าง
พร้อมความอ้างว้างโลกถูกโยกถอน
พาอกใจผ่านล่วงทุกช่วงตอน-
ด้วยเสียงอ้อนออดชู้ .. เกินรู้-กัน !
O กระนั้นแล้วคลื่นหนาวย่อมผ่าวร้อน
ด้วยอาวรณ์เพียบพร้อมรอกล่อมขวัญ
ลมหนาวร่ำผ่านอยู่ย่อมรู้ทัน-
ว่าหนาวนั่น - จะไกลลิบชั่วพริบตา !
.
.
ลมหนาวร่ำผ่านสู่ .. ย่อมรู้พลัน-
ว่าหนาวนั่น - จะย่อยยับอยู่กับทรวง !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2017&date=26&group=11&gblog=686 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2017&date=26&group=11&gblog=686)



หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 16 กันยายน 2018, 09:49:AM


O ฉันทาสมัย .. O


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1468458846.jpg)



O ดูเถิด .. หมอก, น้ำค้าง .. ตอนสางตรู่
แดดทอดสู่โลมต้อง .. ก็มองเห็น-
หยดหยาดเพชรเรียงระเบียบ .. กลางเยียบเย็น
ย่อมจักเร้นเลือนสลาย .. กับสายลม
O เยี่ยงแววตาเขินอายชม้ายสบ
ยอชาติภพตอบตื่น .. ทิ้ง-ขื่นขม
รูปวัยเยาว์, ชม้อยหา, แววตาคม-
จึงผูกปมซ่อนเงื่อนเกินเคลื่อนคลาย
O ภาพ-บนฟ้าปีกนกเริ่มโบกบิน
แวดล้อมถิ่นโลกต่ำ .. ลมร่ำสาย
หยาดน้ำค้างระยับตอบอยู่รอบราย
อีกแววขัดเขินอาย .. ชม้ายคอย
O ดูเถิด .. แวววับวามเมื่อยามสาง
เหมือนน้ำค้างพรมโลก-ลบโศกสร้อย
พาหวานหอมเยือน-อกจนยกลอย
รอบละห้อยถวิลเห็น ฤา-เว้นวาง ?
O รูปธรรมวัยเยาว์แห่งเช้านี้-
จึงช่วงชี้บีบเค้นไม่เว้นว่าง
หยัดรูปนามโลมรุกไปทุกทาง
โถมทับความอ้างว้างจนร้างเลือน
O ชั่วตรู่สางล่มลับ, ระยับแดด-
ก็ค่อยแวดล้อมรับ เข้าขับเคลื่อน
หมุนโลกหมุนรูปนามคอยตามเตือน
ทุกเขยื้อนทุกขยับ – เฝ้าจับจอง
O สิ้นสาง .. เข้าสายแดดสายสว่าง
แววขนางในขนบยังสบต้อง
รูปธรรมอุ้มขวัญสู่ครรลอง-
แรงหมายปองกระอุฤทธิ์ในจิตคน
O และชั่วเพียงพยับแดดเริ่มแผดเผา
ความรุมเร้าก็เติบเต็มอย่างเข้มข้น
จวบหอมหวานเบิกบทปรากฎตน
จึงหวานล้นทั่วแล้วทั้งแววตา
O สวยปีกผีเสื้อบินในถิ่นที่
ลวดลายคลี่โบกลอย, ละห้อยหา-
ก็ส่งผ่านห้อมเห่กาลเวลา
เมื่อแสงฟ้าเคยระยับ .. คล้ายลับเลือน
O ด้วยแววตาแฝงเร้น .. สุดเร้นซ่อน
แววออดอ้อนรอคอย .. ก็คล้อยเคลื่อน-
ขึ้นแขวนรูปขวางรอย เพื่อคอยเตือน-
แรงสะเทื้อนระทึกทรวงในช่วงวัน
O หมอก .. น้ำค้างทุกหยาดบำราศแล้ว
เหลือเพียงแววตาคอยร่วมร้อยฝัน
นามธรรม, รูปภพ .. ก็ครบครัน-
ความผูกพันละห้อยห่วงฝ่าช่วงยาม
O ปีกนกคลี่ร่อนคว้างที่กลางหาว
เมื่อวับวาวแววตาเกินฝ่าข้าม
ความอ่อนโยนอ่อนไหวเริ่มไหลลาม
เข้าแวดล้อมรูปนามที่งามพร้อม
O ปรารมภ์ว่า .. แววระยับยามพรับพริ้ม
จักซ่อนยิ้มตอบรับการขับกล่อม
หรือยังคงสืบบทการอดออม-
งำหวานหอม .. เผยสู่ให้รู้ชัด ?
O ปรารมภ์ว่า .. ยามชม้อยชม้ายสบ
การเสหลบ ควรพ้องหรือต้อง-ตัด ?
กับแววตาวับวามที่ล่ามรัด
การกำจัดให้สิ้น .. เกินยินยอม !
O สร้อยเกสรพวงบุหงา คันธามาศ
เริ่มบทบาทรวยรินด้วยกลิ่นหอม
ให้โลกผู้ห่วงรส .. สุดอดออม-
หวานแวดล้อมที่ประดังใจทั้งดวง
O ปาริชาติหอมรื่น .. ในคืนค่ำ
คลายกลิ่นร่ำรมแถน .. ทั้งแดนสรวง
โอนเถิดกลิ่นหอมล้ำ .. ขอ-บำบวง-
แนบทับทรวงข้างใจของใครนั้น
O อินทร์ .. พรหม .. ปวงทิพแถนถ้วนแดนฟ้า
โปรดบัญชาชี้ให้ .. ความไหวหวั่น-
ที่เบิกบทแสนประณีต .. เกินกีดกัน
ช่วยแบ่งปันบริบท .. คืน-ทดแทน
O ถ้วนทั้งสิ้นทั้งปวง .. ความห่วงหา
ปรารถนา, ยินยอม .. และอ้อมแขน
แรงอาวรณ์, รอบถวิล .. ทั้งดินแดน
ฤๅ-อาจแม้นอาลัย .. หัวใจมี ?
O ภาพ-ข่มยิ้มขัดเขิน .. ทำเมินหน้า
ก็-แทรกฝ่าแก้มเนื้อ .. เนียน .. เรื่อสี
คล้ายเผลอเผยเลศชู้ .. ให้รู้ที-
รู้ท่า-ความใยดี .. ว่า-มีใจ
O จากนั้น .. ลมแห่งโลกจึงโบกบ่าย
โรยร่ำสายล้อมรับ .. การหลับใหล
จังหวะเต้นทุกช่วง จากทรวงใคร-
ควรสั่นไหวรอถนอม .. อย่างยอมตน
O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น-
แสนอ่อนโยนคอยประนัง .. เพื่อหวังผล-
ให้อาวรณ์อาลัย .. ค่อยไหววน-
พาใจหล่นลิ่วพัน .. บ่วงฉันทา !
O รู้บ้างไหม .. ความคำที่พร่ำสู่-
เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา
เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา
และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน !
O จงรู้เถิด .. กระซิบคำในค่ำดึก
เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น
จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์-
กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=14&group=11&gblog=665 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=14&group=11&gblog=665)



หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 17 กันยายน 2018, 06:37:AM


O ตราบชั่วนิรันดร .. O


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1409369633.jpg)


O ยอมรับแล้วใช่ไหม .. หัวใจนั้น-
ว่าผูกพัน, อาวรณ์ .. เกินซ่อนไหว
ทุกการเต้นสั่นรัว .. ของหัวใจ
เหมือนมือใครบางคนคอยด้นดึง
O รู้แต่เมื่อหวานระยับพริ้มพรับ .. ตอบ
ที่การลอบเหลือบชม้าย ย่อมหมายถึง-
ใจที่ถูกเสน่หาเข้าตราตรึง-
แววหวานซึ้งลึกล้ำจึงรำบาย
O ใกล้กาล .. ฝนล่วงลาพรากฟ้าหม่น
เพื่อปลิดป่นมืดอับให้ลับหาย
ถึงเพ-ลาลมล่อง .. สูรย์ผ่องพราย-
แสงกำจายโลมโลก .. เลือนโศกตรม
O ทานตะวันช้อยช่อ .. ร่ำรอแดด-
ทอลงแวดล้อมอยู่ .. เพื่อสู่สม-
เมื่อผึ้งภู่รายล้อมลงจ่อมจม-
รสรื่นฉมฉ่ำหวานแห่งกาลนี้
O ต้อง-ลมหนาวล่องสายรำบายผ่าน
หอมดอกมาลย์, ภุมรินก็บินปรี่-
หมายเสพหวานเรณูอย่างรู้ที-
เกสรรูป .. กลีบสี .. อย่างที่เคย
O เมื่อปีกนกโบกบ่ายสู่ปลายฟ้า
แววนัยน์ตาห่วงละห้อยก็ค่อยเผย-
อิริยา .. รูป .. จริต .. ลงชิดเชย-
หยอก .. ยั่ว .. เย้ย - ปรารถนาแรงอาวรณ์
O คำนึงในอารมณ์ .. กลางลมร่ำ
ภาพแก้มก่ำ .. อ้อนออด, พาทอดถอน-
สะท้านห้วงหัวใจเหมือนไฟฟอน-
คอยรุมร้อนเร้าอยู่ ไม่รู้วาย
O ดูเถิด .. รูปผ่องแผ้วในแววตา-
นั้น-เกินกว่าพรับเบือนให้เลือนหาย
ล้อ-อารมณ์ .. อาลัย .. หัวใจชาย-
ให้แต่หมายมุ่งงาม .. อย่าคร้ามเกรง
O สกุณาป่าฝน .. บินพ้นผ่าน
เมื่อหอมหวานเร้ารุม .. เข้ากุมเหง
ขอบฟ้าเลื่อนล่มล้าง .. ความวังเวง
กอปรบทเพลงกล่อมเกล้า .. ผู้เยาว์วัย
O วันลอยดวงเลื่อนคว้างขึ้นกลางหาว
หากแสงวาววับนั้น .. กลับสั่นไหว
โดย-อารมณ์อาวรณ์ .. สุมซ้อนนัย
เผยออกให้รับรู้ .. ร่วมดูแล
O ปลายปีกนกบ่ายโบกสู่โลกไกล
หากที่ใกล้ชิดอยู่ .. ย่อมรู้แน่-
ว่า-สายใยผูกมัด .. ยากตัด .. แปร-
เปลี่ยน, แกะแก้คลายเคลื่อน .. บ่วงเงื่อนตาย
O ปีกนกกาง .. เสียงขรม .. เย้ยลมร่ำ
ยังคลาคล่ำรูปเงาจนเข้าสาย
พร้อมหวานซึ้งดื่มด่ำ .. ช่วยรำบาย-
ความมุ่งหมายด้านในหัวใจคน
O เมื่อฟ้าเปิด .. เมฆขาว .. ลมหนาวล่อง
ก็เมื่อต้องหวานประดังอีกครั้งหน
เบาบางปลายปีกนก .. ห้วงอกตน-
คล้ายวกวนเวียนอยู่ .. ไม่รู้วาง
O ฤดูนี้ลมร่ำ .. อยู่ค่ำเช้า
ปีกบางเบา .. ก็ร่อนอยู่แต่ตรู่สาง
ลมเอย .. แว่วลมหวนเสียงครวญคราง
เหมือนใจบางเสี้ยวส่วน .. คร่ำครวญคอย
O โหยหาคอยบีบเค้นไม่เว้นว่าง
ในที่ทางเย็นเยียบ .. แสนเงียบหงอย
ในเที่ยวทางเหยียบย่ำ .. ซ้ำซ้ำรอย
เพียงละห้อยห่วงเห็น .. ที่-เป็น .. มี
O สายหยุด .. กลีบดอกบาน .. ย่อมลาญร่วง
ดั่งแสงช่วง .. กาลเวียน .. ย่อมเปลี่ยนสี
เหลืองแสดมาลย์หมดกลิ่น .. ก็สิ้นดี
เหลือไมตรีพี่นั้น .. ยังมั่นคอย
O ปีกบางยังลอยล่องเต็มท้องฟ้า
เมื่อเหว่ว้าแตกดับจนยับย่อย
หัวใจเคยมืดมน .. ก็หล่นลอย
กับร่องรอยนัยชู้ .. ฤดูลม
O ที่-เสพรับความคำ .. ตอกย้ำอยู่
พึงรับรู้ .. แรงหวัง .. ที่สั่งสม-
ความรู้สึกเสน่หาในอารมณ์
เบิกบทบ่มหวานหอม .. รายล้อมทรวง
O เสพรับความสื่อสู่ .. จงรู้ว่า-
มีคุณค่าสอดซุก .. ไปทุกช่วง-
เพียงร่ำรอ .. ความคำเคยบำบวง-
ให้เริ่มช่วงกำลัง .. เข้าสั่งการ
O เสพรับความนัยชู้ .. จงรู้ว่า-
เสน่หาพรั่งพร้อมรสหอมหวาน
มีไว้เพื่อโลมลูบ .. ใจรูปคราญ
จน-สุดต้านทานรส .. แม้-บทเดียว !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=30&group=11&gblog=576 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=30&group=11&gblog=576)


หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 20 กันยายน 2018, 10:47:AM


O รื่นลมร่ำ .. O


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1469068501.jpg)



O พร้อมเมฆหม่นครอบขัง .. อยู่ยังหน้า
คือครั่นครื้นมหิทธาแห่งฟ้าฝน
เส้นไฟเลื้อยวกต่ำ .. ก่อนคำรน-
กึกก้องทั้งภูวดล .. ให้ยล-ยิน
O พร้อมหยาดฝน-ลมร่ายรำบายโบก
ทอนทุกข์โศกข่มร้อน .. ให้ผ่อนสิ้น
เพื่อเม็ดฝนหมาดใหม่ .. กรุ่นไอดิน-
ได้อวลกลิ่น .. ตอกย้ำความธรรมดา
O ไฟบนสรวง .. วนวิ่ง .. งามยิ่งแล้ว
เนตรผ่องแผ้วเหลือบชม้าย .. ลอบชายหา-
ช่างวนวิ่งความหมาย .. สู่สายตา
หรือเพื่อกร่อนเหว่ว้า .. ด้วยอาวรณ์ ?
O แม้นแวบเดียว .. วูบดับจนลับล่วง
กลับโชนช่วงความหมาย .. เกินถ่ายถอน
ไฟเฟื้อยเส้นฟาดกระหน่ำทั้งอัมพร
เมื่อหัวใจสั่นคลอน .. ทั่วตอน-ตน
O เมื่อแววในสายตา .. เกินกว่าซ่อน
แฝงเว้าวอนรำบาย .. ฝ่าสายฝน
กลางลมร่ำเม็ดน้ำ .. ฟ้าคำรน
หัวใจคน .. ครวญคร่ำ-เฝ้าคำนึง
O สื่อความหมายอบอุ่น .. กลางฝุ่นฝน
ที่หลั่งบนหัวใจ .. ฝันใฝ่ถึง
แผ่รูปรอยปฏิพัทธ์ .. เข้ารัดรึง
หวาน, ซาบซึ้งวาบหวาม .. ด้วยความนัย
O หมดสิ้นแล้ว .. เมฆทึมเคยครึ้มฟ้า
เปิดเวหารับรอง .. ความผ่องใส
แทนฝุ่นฝนจากสรวง .. ด้วยห่วงใย-
จากรูปการณ์ภายใน .. แววนัยน์ตา
O จนอ่อนหวานผ่านสู่ .. ให้รู้สึก
นัยเร้นลึกแฝงรอยละห้อยหา
ค่อยโยกใจไหวสั่น ..แล้ว บัญชา-
ให้แรงอาวรณ์ช่วง .. เกินหน่วงแล้ว
O รูป, แววตา-อบอุ่นละมุนละม่อม
กลางแวดล้อมรื่นริ้ว .. ลมพลิ้วแผ่ว
เติมแต่งนัยน์ตาชาย .. ให้ฉายแวว-
วามผ่องแผ้วด้วยถวิล .. ที่-ดิ้นรน !
O โอ .. งามที่คุกคามลุกลามล้อม
หรือเพื่อหลอมรวมจิตเฝ้าคิด .. ขวน-
ขวาย .. ความครุ่นคำนึงในหนึ่งคน-
ให้แต่อลเวงอยู่ไม่รู้วาง
O เอกภพเคลื่อนผ่านสู่ด้านไหน
ย่อม-สดใสวับวาวทุกก้าวย่าง
ยิ่ง-ดวงวันเรื่อรองคอยส่องทาง
คือ-ร่วมสร้าง .. รติภพจนอบอวล
O แม้นว่าโลกทั้งโลก .. สุมโศกใส่
นอกจากไม่ครวญคร่ำ .. ไม่กำสรวล
จัก .. โรมรันบั่นคอด้วย .. ขอ-ทวน
ขอเพียงนวลหยัดร่าง .. เคียงข้างกาย
O เสน่หาฝ่าข้ามไปสามภพ
ดวงวันลบ .. จันทร์เลือน .. ดาวเคลื่อนหาย
ความอาลัยอาวรณ์ .. ฤา-คลอนคลาย
เมื่อเส้นสายใยนั้น .. ผูก-มั่นคง
O เกินวิญญาณเมื่ออุบัติ .. อาจทัดทาน
หรือต่อต้าน, ควบคุม-ความลุ่มหลง
แม้นจนเงื่อนเหตุกรรม .. เคยดำรง-
จัก .. ขาด-วง .. ด้วยซึ้งคำนึงนวล
O งามพิสุทธิ์น้อมนำ .. กรองคำถ้อย
สำหรับร้อยเรียงความ .. ให้งามถ้วน
เปล่งความหมายสื่อสู่ให้คู่ควร-
รักที่หวน .. โชนช่วงกลางห้วงใจ !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=21&group=11&gblog=667 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=21&group=11&gblog=667)



หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 09 ตุลาคม 2018, 10:53:AM


O กลางลมหนาว .. O


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1417824990.jpg)



O ถวิล .. ความอาวรณ์ออดอ้อนเจ้า
จักใฝเฝ้ารออยู่แต่ตรู่สาง
พร้อม .. หนาวรื่นโรยตัวอยู่ทั่วทาง
คือ-เรียวร่างอุ่นรอ .. แอบ-ออ..ทรวง
O ดอกไม้หอมรวยรินล้อมถิ่น .. นั้น-
แทนผูกพันอาลัย .. อันใหญ่หลวง
เสียงวิหคพร้องพร่ำ แทนคำบวง-
บอกความหวงแหนชู้ .. ให้รู้นัย
O เห็นม่านหมอกหม่นมัวอยู่ทั่วแหล่ง
ห่วง-รูปแพงทองน้อยจะพลอยไหว-
หวั่นด้วยแรงเสน่หา .. ความอาลัย-
ที่จักไหลหลั่งรุมลงสุมทรวง !
O แดดปลายฝนต้นหนาว .. ทอวาววับ
นึก-แววตาเหม่อพรับ .. ลำดับช่วง
ใครนั่นหนอ .. ยอภาพลงทาบทวง-
จนความหวงเผยแล้ว .. บนแววตา ?
O มือกบก้มกราบลงหน้าองค์พระ
ตั้งฉันทะมุ่งมาด .. ยอวาสนา-
เข้าปรุงเปรียบเทียบขวัญ .. ร่วมบัญชา-
เสน่หาอาลัย .. อย่าได้เลือน
O นิ่งนึกด้วยเอ็นดู .. ไม่รู้แล้ว
ทองพระแผ้วเหลื่อมสู่ .. ยิ่งดูเหมือน-
ย้ำจิตให้บริสุทธิ์ และดุจเตือน-
ให้วกย้อนมาเยือนอย่าเลือนลับ
O นิ่งนึกผ่านภพชาติ, แรงปรารถนา-
ก็เหมือนว่าลึกล้ำเป็นลำดับ
ต่อหน้ารูปพระแผ้ว .. ยิ่งแวววับ-
คือแววตาพริ้มพรับ .. ตอบ-รับรู้ !
O รอบองค์พระธาตุลำปางหลวง
ความบำบวง .. วอนเว้า .. กลางเช้าตรู่
มีรูปพักตร์งามเพ็ญ, ความเอ็นดู-
ก่อภาวะตั้งอยู่ .. สุดรู้คลาย
O รอบองค์พระธาตุลำปางหลวง
ใจหนึ่งดวง .. วกวนเฝ้าขวนขวาย
มีอาวรณ์อ่อนละมุน .. ไหว-วุ่นวาย-
กับความหมายในตาส่อท่าที
O ถวิลความอ่อนไหว .. ดวงใจนั้น
จักพลิ้วสั่นละห้อยหา, แววตาที่-
หวานซึ้งแฝงอาลัยรอบไมตรี
จักเผยเยื่อใยดีออกคลี่พัน
O คิดถึงถวิลอยู่แต่ตรู่สาง
จนน้ำค้างจางรอย-จึงถ้อยขวัญ-
เหมือนมอบวางความคำมอบจำนรรจ์
เป็นกรอบกั้นเจตจินต์ให้ยินยอม
O หมอกหม่นสลัวลางจืดจางแล้ว
กระซิบแผ่วพลิ้วผ่าน .. ช่างหวานหอม
ว่า-คิดถึงถวิลอยู่เกินรู้ออม
จึงต้องน้อมลงมอบให้ตอบรับ
O แดดใส .. แผ่นฟ้าคราม .. ในยามสาย
มีความหมาย .. ส่งมอบ .. รับ-ตอบกลับ
หน้าผากเนียน, แก้มอิ่ม .. ตาพริ้มพรับ
ย่อมผุดเผยพร้อมสรรพลำดับนั้น
O แดดจ้า .. แผ่นฟ้าคราม .. ครอบยามสมัย
เมื่อสองขั้วหัวใจ .. พลิ้ว .. ไหวสั่น
กลางรำเพยลมร่ำ .. มีรำพัน-
ฝากกล่อมเกล้าถนอมขวัญ .. ว่าขวัญเอย-
O –คะเนนึกคะนึงพี่ .. ย่อมมีอยู่
แต่รูปผู้เพ็ญลักษณ์ .. ที่-มักเผย-
กรรมบทแห่งจริตให้ชิดเชย
หยอกยั่วเย้ยเสน่หา เร่งอาวรณ์
O นิ่งนึกผ่านมุ่งมาดแห่งปรารถนา
ภาพแววตาตอบเต้นเกินเร้นซ่อน
มีเยื่อใยลามรุกไปทุกตอน
ผ่านแววตาออดอ้อนเกินผ่อนปรน
O แดดใส แผ่นฟ้าคราม .. คาบยามมี-
เยื่อใยดี .. อบอุ่นแทนฝุ่นฝน
แววในตาสองดวง ย่อมช่วงจน-
แรงอำพนบนสรวง .. ต้องล่วงลับ !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2014&date=06&group=11&gblog=606 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2014&date=06&group=11&gblog=606)


หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 02 ธันวาคม 2018, 08:38:AM


O เพียงคำเดียว (เพื่อคนเดียว ..) O


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1458476959.jpg)



O เมื่ออกใจล้อมห่มด้วยลมหนาว
บางเรื่องราวแฝงเร้นก็เต้นไหว
จากรูปนามต้นเหตุ .. ถึงเภทภัย-
ผู้ก่อแววเลศนัย .. ท่วมนัยน์ตา
O เริ่มดวงวันแย้มเยือน, ลมเลื่อนไหล
หนาวนักแล้วอกใจ .. ผู้ใฝ่หา
ที่เหมือนคอยอบอุ่นเนื่องหนุนมา
ที่เหมือนแสงสุริยา - แววตานั้น
O ริ้วลมร่ำเหน็บหนาว, วับวาวคู่-
ลอบเหลือบสู่ชม้อยให้ .. ก็ไหวสั่น
โลกเบื้องหน้าวูบวับขึ้นฉับพลัน
ที่แววหวั่นสะทกสะเทิ้นจำเริญรอย
O รับรู้เถิด .. ถึงหนาวอีกคราวแล้ว
เมื่อกรุ่นกลิ่นหอมแก้ว .. พลิ้ว-แผ่วค่อย
ด้วยหอมนั้นรุมเร้า .. ผู้เฝ้าคอย-
ห่วง, ละห้อย, ถวิลอยู่ไม่รู้วาง
O ฝากความหมายเข้าล้อม .. ด้วยหอมแก้ว
แฝงลมแผ่วพลิ้วจรุง .. แต่รุ่งสาง
เข้าแวดล้อมรูปนามอยู่ท่ามกลาง-
หยาดน้ำค้างพรมประดับให้รับรอง
O แนบความคิดคำนึง .. รำพึงผ่าน
ว่าหอมหวานเวียนรอบให้ตอบสนอง
ทั้งแววตาพริ้มพรับ .. ขอจับจอง-
ให้เฝ้ามองพิศอยู่แต่ผู้เดียว
O ขอพรเทพนฤมิตสัมฤทธิ์ถ้อย
เพรียกตาใจแต่ละห้อยเฝ้าคอยเหลียว
ทอเยื่อใยทบเส้น .. ฟั่นเป็นเกลียว
คล้องรัดเหนี่ยวบางใจ .. จนไหวรับ
O สอดแทรกความเดียงสา .. ด้วยอาวรณ์
สุมออดอ้อนแทรกซ้ำเป็นลำดับ
เพื่อเนียนแก้มเอิบอิ่ม .. เนตรพริ้มพรับ
ไว้เพียงเพื่อสำหรับ .. ผู้จับจอง
O กลางเหน็บหนาวลมร่ำ, ถ้อยคำนี้-
พึงวาดวีพลิ้วพรมผ่านลมล่อง
กระซิบสื่อความร้อยในถ้อยกรอง
เพื่อรับรองเสน่หาด้วยอาลัย
O พร่ำเพรียกความออดอ้อน .. ให้ย้อนกลับ
แววเนตรพรับพริ้มนั้น .. พึงสั่นไหว
กระทั่งสั่นจนทั่วเนื้อหัวใจ
กระทั่งรับรู้ได้ทั้งใจความ
O คำนึงกลาง .. สายลมที่พรมผ่าน
หลังอ่อนหวานเริ่มระบัด .. เข้ารัด-ล่าม
มีหรือ ? บางหัวใจจะไหวตาม
ล่องลอยข้ามโค้งฟ้า .. ผ่านมารู้
O อ้อยสร้อยกลางรื่นรมย์ .. แห่งลมหนาว
เมื่อเนตรวาววามคล้าย .. ลอบชายอยู่
แลกคำนึงแฝงเร้น .. ด้วยเอ็นดู-
ที่สื่อสู่ปัดป่าย .. กลางสายลม
O รอรับเถิด .. แรงถวิล-ผู้ยินยอม
ฝากอบอุ่นหวานหอมเข้าห้อมห่ม
ทุกคาบยามละห้อยหา .. แห่งอารมณ์
อุ่นจะข่มหนาวร้าง .. จนห่างไกล
O โชนช่วงแห่งความนัย-ห้วงใจสาว
แม้นเหน็บหนาวจากลม .. อาจข่มไหว
แต่เหน็บหนาวทรมา-ด้วยอาลัย
ย่อมโลมไล้อารมณ์ .. เกินข่ม-ล้าง
O รับรู้เถิด .. อกใจผู้ใฝ่ถึง
ว่าใจหนึ่งคะนึงอยู่ไม่รู้สร่าง
คะเนนึกรูปนามในท่ามกลาง-
เงียบงันอ้างว้างสิ้นทั้งดินแดน
O ลมเอย-การพร่ำพลอด .. ความออดอ้อน
ย่อมทับซ้อนทับทรวงด้วยหวงแหน
ถ้วนรูปนาม, ภพชาติหรืออาจแทน-
รูปที่แสนถวิลถึง .. เพียงหนึ่งเดียว ?

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2016&date=14&group=11&gblog=645&fbclid=IwAR0Hv_2zpWNlYbIy2tPrwWCNOYGV5tcRygwU5tCuZMzRagS7iZ0Zhpm8ae4 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2016&date=14&group=11&gblog=645&fbclid=IwAR0Hv_2zpWNlYbIy2tPrwWCNOYGV5tcRygwU5tCuZMzRagS7iZ0Zhpm8ae4)


หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 16 ธันวาคม 2018, 05:40:PM


O หอมกลิ่นแก้ว .. O


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1450271115.jpg)



O รื่นเย็นวรรษกาล .. โลมผ่านผิว
สายลมพลิ้วโปรยปรายพร้อมสายฝน
ขณะความห่วงหา .. ในตาคน-
คล้ายเวียนว่าย-วกวน .. คลุมบนแวว
O พร้อมริ้วลม .. หยาดฝนที่หล่นไหล-
แรงถวิล, อาลัย .. ก็ไหว .. แว่ว
เมื่อหยาดน้ำโลมพลอดตลอดแนว
รูปในแก้วตาวามก็ลามล้อ
O แก้วดอกขาวหอมอ่อน .. กำจรกลิ่น
เมื่อฝนรินหลั่งบท, ความจดจ่อ-
ถึงรูปนาม .. สรรพเสียงก็เพียงพอ-
ให้อยู่รอคอยรับแนบกับใจ
O เจื้อยแจ้วนั้น .. เสียงวิหคเคยผกร้อง
บัดนี้ก้องเสียงว่า .. อยู่ป่าไหน
อาวรณ์ .. รูปแหนหวง .. ความห่วงใย-
ก็ก่อรูปขับไข .. แจ้งนัยน์ตา
O เพราะขอบฟ้าเวิ้งกว้างมาขวางคั่น
ให้ต่างฝันเฝ้าคอยละห้อยหา
มีแสงดาวแสงจันทร์ .. แทนสัญญา-
แห่งฉันทารอบชู้ .. มอบสู่กัน
O ป่านนี้จักละห้อย .. รอคอยพี่-
ให้ราตรีโอบล้อมเข้ากล่อมขวัญ
หรือคอย-อก .. อ้อมแขน .. ห้อมแหน .. บรร-
ณาการรูปนามฝัน .. เจ้าขวัญน้อย ?
O ฝนหลั่งหล่นหยาดลง .. ที่ตรงหน้า
เหมือนบอกว่า .. ฟ้าเศร้า .. คืนเหงาหงอย-
บนฟ้าไร้ดาวเดือนเคยเลื่อนลอย
ใจรอคอย .. เหงาแท้ .. ไม่แพ้กัน
O อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน .. พร้อมจันทร์หนึ่ง
แปลกสุดซึ้งเยี่ยงไร .. ช่างไกลขวัญ
ฟ้าบน .. เคยแจ่มแจ้งด้วยแสงจันทร์
บัดนี้พลันเลื่อนดวงจนล่วงลับ
O หรือว่าด้วยดวงจิตอธิษฐาน
ถึงรูปคราญเจ้าเอย .. ไม่เคยดับ
หวังยิ่งกว่าจันทร์ดาว .. แสงวาววับ-
คือแววตาเจ้าพรับ .. ตอบรับรู้ ?
O ฝนหล่นเม็ดเช่นนั้น .. เย็นยันค่ำ
หนาวลมร่ำผ่านริ้ว .. โลมผิวอยู่
สบนัยน์ตาลอบเร้น .. ก็เอ็นดู-
ความขัดเขินรอบชู้ .. เมื่อจู่โจม
O ดูเอาเถิด .. รูปนามผู้ทรามสวาท-
เหนี่ยวภพชาติจบจูบด้วยรูปโฉม
กี่จักขุวิญญาณเมื่อผ่านโลม
อาจหยุดโสมนัสช่วง .. กลางห้วงใจ ?
O หรือเพื่อมาบรรจบด้วยภพชาติ
ตามคำภาษสัตย์ปวงเคยบวงไหว้
จึงเลื่อนล้อมรอยร่างทุกย่างไป
เฝ้าแต่คอยอาลัย .. อยู่ไม่วาง
O หรือคำมั่นสัญญาแต่ครานั้น
จักสำทับลงมั่น .. เกินกั้นขวาง-
ให้ความเหงาโดดเดี่ยวในเที่ยวทาง-
หลีกลี้ห่างรูปเงา .. ทุกก้าวเดิน
O จึงพารูปนามฝันมาผันร่าง
ย่ำรอยทางปฏิพัทธ .. อย่างขัดเขิน
จนเมื่อสบความ .. คำ .. ก็จำเริญ-
การหยอกเอินอาลัยที่ในทรวง
O วิชชุแล่นเลื่อนสาย .. ที่ปลายฟ้า
แววในตา .. รูปเอยหรือเคยล่วง-
ลับเช่นฟ้าครวญคร่ำ .. เมื่อคำบวง-
นั้นคอยหน่วงเหนี่ยวคำ .. ลงนำทาง
O หรือคำบนบอกสรวง .. เคยบวงเซ่น
คอยบีบคั้นบีบเค้นไม่เว้นว่าง
ให้แต่คอยละห้อยเห็นไม่เว้นวาง
ขอรูปคราญเคียงข้างอย่าห่างเลย
O ฝนร้างหยาดสิ้นหยดไปหมดฟ้า
ลมผ่านมาเย็นเยียบ, แววเรียบเฉย-
ของนัยน์ตาหวงชู้ .. ก็รู้เชย-
ชม .. รูปนามยั่วเย้ยอย่างเคยตัว
O เผยรูปนามบรรจบด้วยภพชาติ
ยอสวาดิโหมระลอกขึ้นหยอกยั่ว
แล้วหัวใจใครกัน .. ที่สั่นรัว-
กับเพียงชั่วครู่ยาม .. วาบหวามนั้น
O รู้หรือไม่ใครกัน .. เจ้าขวัญน้อย
ที่ต้องคอยอาลัย .. คอยไหวหวั่น
ทุกพจน์พากย์ความคำ .. ร้อยรำพัน-
เพื่อครอบขวัญเจ้าไว้ .. อยู่ในมือ !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=10&group=11&gblog=545&fbclid=IwAR0sQDsrzZer5upfURhrf4Qi4RAhe0bi3RXvHWt4Cir9xdNuUIdHoHarYaA (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=10&group=11&gblog=545&fbclid=IwAR0sQDsrzZer5upfURhrf4Qi4RAhe0bi3RXvHWt4Cir9xdNuUIdHoHarYaA)