พิมพ์หน้านี้ - O อตีตา .. O

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนประวัติศาสตร์ => ข้อความที่เริ่มโดย: aasdang ที่ 11 มีนาคม 2014, 09:17:PM



หัวข้อ: O อตีตา .. O
เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 11 มีนาคม 2014, 09:17:PM
โคลงโอบฉันท์
ผลจากการไปเที่ยว
อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา

๔.
๑. อยุธยาร่วงจากฟ้า..........สู่ดิน นานเนอ
ยังซากปูนอิฐหิน................หักกลิ้ง
ม่านล่มเกียรติพังภินท์.........ภายก่อน
ปล่อยรกร้างทอดทิ้ง...........ท่ามยิ้มชาวสยาม

๒. ยอดปรางค์เคยปลาบเรื้อง...สุริยัน
ทองประกายเฉิดฉัน............ช่อฟ้า
หอไตร,โบสถ์เรื้องพรร-.......โณภาส
ธรรมจักรหมุนเหวี่ยงหล้า......เลื่อนคล้อยมิจฉะสมัย

๑๔.
๓. เพ่งพิศก็ฤทธิ์วิตกะย้อน
เพราะสะท้อนอดีตไทย
เพ่งภาพก็ภาพบุพะไสว
เฉพาะให้คะนึงหา

๔. โน่น..วัง ณ ครั้งบุพะกษัตริย์
ดละรัฐะสีมา
รวมไทยฤทัยสหะสถา-
ปนะราชะธานี

๕. เวียงวังประดังดุริยะศัพท์
เสนาะกรับมโหรี
เริงร่ายสยายวระสรี-
ระสตรีชม้ายตา

๖. อาวาสพระศาสนะสถาน
สิริปานจะปันปรา-
กฎธรรมะย้ำปฏิปทา
ทะนุภาวะอารมณ์

๗. เกริกกิตติอิสริยะยศ
พิเราะพจน์ก็พร่างพรม
เพียบเตชะเมตต์คุณะผสม
ธรรมะบ่มหทัยไทย

๘. ไพร่ฟ้าประชาอุระเขษม
ดละเขมะถ้วนใคร
เลื่องนามสยามสุขะไผท
ปุระไกลก็กล่าวขาน

๙. แดดทอดตลอดตละผนัง
ชะภวังคะล่วงวาร
อิฐก้อนสะท้อนอัคระสถาน
พิสดารก็บันดล

๑๐. โน่น...แถวทะแกล้วพระจักรพรรดิ
ทะนุรัฐะมณฑล
ช้างม้าพลาสมรรถะพล
ระดะหนสิห้าวหาญ

๑๑. ปลิวปัดสะบัดธวัชะผืน
กละคลื่นอุทกธาร
แห่ห้อมตะล่อมอัศวะ, สาร
อภิบาละคู่เมือง

๑๒. โอ่อ่าพระบารมิและคัม-
ภิรภาพะรุ่งเรือง
เผ่าพิษะริษยะก็เคือง
มุหะเนื่องและอุดหนุน

๑๓. กลองศึกผนึกมุหะจริต
อริคิดจะชมกุญ-
ชรเพศเศวตสถิตะสุน-
ทริ-ยะบุญะราชันย์

๑๔. แสนยาพลาลุชนบท
ทุรพจน์ก็รำพัน
ไมตรีบ่มีก็จะผจัญ
รณะมั่นจะเอาเมือง

๑๕. พลม่านทะยานลุนคเรศ
ระบุเลศะขุ่นเคือง
สิบทิศประสิทธิ์กิติเมลือง
พละเขื่องประโคมขาน

๑๖. ครั้งนั้นตะวันนิระระรอง
ดุจะหมองเพราะผองมาร
ดั่งรอจะทอรุจะผสาน-
ชิวะลาญประโลมดิน

๑๗. นั่น.!..ง้าวสกาวรัศมิแสง
ประลุแล่งก็เลือดริน
ซบร่างเพราะขวางอริ..อรินทร์
ธรณินก็กันแสง

๑๘. ศรีศรี..พระศรีพระสุริโย-
ทยะโผก็เพียบแพง
โปรยโปรย..ประโปรยลุหิตะแดง
ฤจะแห้งจะเหือดหาย

๑๙. ครวญคร่ำระส่ำทุขะเทวษ
ขณะเกศะกำจาย
โอ้แก้ว..ละแล้วชิวะมลาย
เฉพาะหมายจะป้องเมือง

๒๐. ร่วงหล่น ณ บนอุระสยาม
ขณะนามะนองเนือง
โลมแหล่งผิว์แสงสุริยะเรื้อง
เลาะประเทืองหทัยไท

๒๑. ศรีศรี..สตรีศิระประเทศ
ระบุเพศะเกริกไกร
งามล้วนเหมาะควรนคระไกล
ปุระใกล้ชุลีกร

๑๙.
๒๒. โอ้ชายชาญ..หัตะผู้บ่รู้ผิวะสมร
อดสูบ่รู้รอน..........อรินทร์

๑๑
๒๓. ฟ้าส่องประกายเศร้า
ชละเล่าบ่ไหลริน
ฝูงนกบ่ผกผิน
ธรณินก็หม่นเทา

๒๔. ลำลมบ่โลมพัด
คณะสัตว์ก็เร้นเงา
ตฤณสรรพะอับเฉา
ดุจะเศร้าบ่สร่างซา

๑๔
๒๕. โอ้..งามสง่ารัฐะประเทศ
พระนเรศกษัตรา
องอาจพระราชะจริยา
ดุจะฟ้านะฝากฝัง

๒๖. ห้าวหาญ ณ กาลรณะประยุทธ
ปิยะบุตร ณ บัลลังก์
เด็ดขาดก็อาชญะประนัง
ตละครั้งก็ควรขาน

๒๗. กร้าวแกร่งผิว์แรงรัศมิรัง-
สิมะปลั่งประโลมกาล
ดังเหยี่ยวเลาะเลี้ยวหัตะปหาร
ทวิลาญ ณ ยามเหิน

๒๘. แว่วเพียงแสะเสียงพยุหยาตร
อริชาติก็ยับเยิน
ปราบสิ้นอรินทร์ผิวะเผชิญ
สรเสริญก็ไพศาล

๒๙. หวั่นไหวกระไรพระอุปราช
เพราะขยาดสินับนาน
กริ่งเกรงเตลงอุระสะท้าน
ทรมานและหม่นหมอง

๓๐. ถ้อยยกชนกก็เยาะและเย้ย
ตละเผยก็แผดพอง
ชายชาติขยาดรณะสยอง
เหมาะจะครองกำไลแขน

๓๑. อดสูบ่รู้จะละจะล้าง
จิตะคว้างและคลอนแคลน
หน่วงหนักก็ศักยะจะแหงน
ประลุแกนวิบากกรรม

๓๒. ครั้งนั้นสวรรคะนิรมิต
ขณะนิทระองค์ดำ
สัตว์ร้ายเพราะหมายประทุษะทำ
พระก็ห้ำชิวาวาย

๓๓. โหราพยากรณะสอบ
ศิระนอบและทำนาย
ไพรินทร์จะสิ้นชิวะสลาย
รณะพ่ายพระภูบาล

๓๔. จึ่งแถวทะแกล้วคณะก็เคลื่อน
ทะลุเถื่อนและถิ่นธาร
ล่วงลำสุพรรณทกะละหาน
รณะการณ์ก็จำนง

๓๕. ธงม่านสะท้านวตะสะบัด
ปะทะฉัตระหักลง
ลางร้ายฤหมายชิวะจะปลง
ฤ-ประสงคะจากสรวง ?

๓๖. ครั้งนั้นประจันอนุชะ-เชษฐ์
นิระเลศะเร้นลวง
กลางแกล้วคชาอัศวะปวง
พจนัตถ์ก็แว่ว..ท้า

๓๗. ห้าวหาญประการะพจนารถ
อุปราชก็มองมา
ยินหยันก็พลันขัต์ติยะมา-
นะสภาวะเพียบพาน

๓๘. เราสองประลองยุทธ์หัตถี
บ่จะมี ณ ชั่วกาล
ชนช้างมล้างยศะสะท้าน
ฤ จะผ่านจะพบเห็น

๓๙. จึง..!..ง้าววะวาวสุริยะแสง
ประลุแล่งก็ลำเค็ญ
แดงโร่ก็โลหิตะกระเซ็น
ระดะเส้นบ่เร้นสาย....

๔๐. แก้วเอย..จะเลยจะละจะลา
ก็เพราะวาระวอดวาย
ขวัญพี่..ฤดีผิวะจะหมาย
นิระคลายถวิลถึง

๔๑. สิ้นชาติจะมาดอธิษฐาน
ผิวะพานจะตราตรึง
เพียงเห็น..บ่เว้น..พิษะคะนึง
จะระรึง ณ ดวงมาน

๔๒. โอ้..ภาวะอาดุระดรง-
คะก็ทรงลุซมซาน
ห่างแล้ว..เพราะแนวภพะขนาน
อวสานและเลือนสูญ

๔๓. ชาติใดหทัยก็จะกระหวัด
ปฏิพัทธะเพียบพูน
เห็นพลันถวัลย์รติวิบูลย์
อนุกูละเกื้อกัน

๑๑.
๔๔. เจื้อยปี่ชวาแจ้ว
เสนาะแว่ว ณ ไพรวัลย์
กล่อมผู้บ่รู้ผัน
จะจรัลจรดรอย

๔๕. สิ้นอาชญาการณ์
อวสาน ณ ดงดอย
โศกถ้วนก็นวลน้อย
จะละห้อยระโหยเห็น

๔๖. สิ้นรัศมีสู-
ริยะผู้ประภาพเพ็ญ
สิ้นดับสำหรับเข็ญ
จะละเล่นระเริงล้อ

๒๐.
๔๗. ผึ้ง-พบูคละเคล้าพะเน้าพะนอ
ณรงคะที่สุรียะทอ
ลออไข

๔๘. ต่างฤเกียรติศักดิ์ฉลักฤทัย
ประยุทธะการณ์สะท้านไผท
สมัยนั้น

๑๔
๔๙. ลือเลื่อง ลุ เมืองอริวิเทศ
อนุ-เชษฐะโรมรัน
อำนาจและอาชญะถวัลย์
ระบุวันทนากร

๕๐. กลางเถื่อนเสมือนมยุระยาตร
อธิราช ณ นาคร
กลางฟ้าสถานะรวิวรณ์
ศศิธร ณ ค่ำคืน

๕๑. รอบด้านบ่ทานยุคละบาท
ยุรยาตระเหยียบยืน
เขตใดฤทัยขบถะขืน
รณะฝืนบ่อาจฝัน

๕๒. เยี่ยงสูรย์พิบูลยะจรัส
ระอุรัดระรุมวัน
ย่อมแม้นกะแสนยะพละนั้น
ระบุมั่น ณ ใจเมือง

๕๓. นั่น..!..ปรางค์ระหว่างธรรมะสถาน
ดุจะคานกะขุ่นเคือง
ปลาบปนพระมณฑิระเมลือง
รุจะเยื้องระยับสี

๕๔. เพียบภาวะอารยะประเทศ
ประลุเวทย์และวาที
เพียบศักดิอักขระกวี
เสนาะมีระเมียรหมาย

๕๕. โคลงกานท์ประสารบทะประดิษฐ์
นิรมิตะมากมาย
เพียบภาษะปราชญะสยาย
อภิปรายะเปรมปรีดิ์

๕๖. งามคำเพราะคัมภิระประพจน์
มธุรสะวาที
หญิงชายละลายศักยะลี-
ละประนีประนอมนัย

๕๗. ศรีศรี..กวีลิขิตะภาษ
นยะปราชญะเกริกไกร
พากย์กล่อมตะล่อมยุคะสมัย
พิเราะให้คระโหยหา

๕๘. ศรีศรี..วจีเสนาะสนอง
อุระต้องก็ตรึงตรา
ซ่านซึ้งระรึงสุขะสถา-
ปนะภาวะอาวรณ์

๕๙. บรรโลมกะโสมนัสภาค
อภิวากยาทร
บรรสมภิรมยะประอร
ก็สะท้อน ณ ท่วงที

๖๐. สมดังพลังอรรถะแถลง
ระบุแจ้ง ณ ธาตรี
ถ้วนเมืองกระเดื่องสุภะพจี
ระบุชี้ระบัดชม.....

.
.

add complete
by Klonthaiclub fb
(https://www.facebook.com/poemwebboard)


หัวข้อ: Re: O อตีตา .. O
เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 11 มีนาคม 2014, 09:18:PM
๔.
...อยุทธยายศยิ่งด้าว.........ใดปูน เปรียบฤๅ
เทียมเทพสฤษดิไอสูรย์......เศกสร้าง
ไตรรัตน์รุ่งเรืองจรูญ...........เจรอญสาส นานา
เกรอกพระเกียรติราชอ้าง....หน่อเนื้อพุทธภูมิ ฯ

...ปราสาทสูงเทริดฟ้า.........ฟูโพยม
จรูญรัตน์จำรัสโสม.............สุกแพร้ว
พ่างไพชยนต์ประโลม.........จิตรโลกย์ เล็งเฮย
สิงหาสน์มาศกอบแก้ว.........ก่องหล้าเลอสวรรค์ ฯ

...สมบูรณ์สมบัติอ้าง............ไอศวรรย์ อินทร์เอย
ร้อยโอษฐฤๅรำพรรณ...........พร่ำถ้วน
สิบสองพระคลังอนันต์..........อเนกราช ทรัพย์แฮ
สรรพสิ่งศฤงฆารล้วน............เลอศพื้นแผ่นภู ฯ.....

๑๔.
๖๑. ภิญโญสโมสระกวินทร์
ธรณินก็รื่นรมย์
พริ้งพรายสยายทิฐิวิกรม
เสนาะพรมฤทัยผอง

๖๒. รื่นเริงเถลิงยุคะสมัย
ปุระไกลก็เกี่ยวดอง
ร่วมภาวะพานิชะสนอง
ธนะ-ทองก็ไพศาล

๖๓. การยุทธประดุจจะละจะเลือน
และเสมือนจะหย่อนยาน
พากย์พร่ำก็คำเสนาะสนาน
รณะการณ์ก็เกรงกลัว

๖๔. นารีวจีปะเหลาะฉะอ้อน
ดนุร้อนอุรารัว
เนตรฉายละม้ายจะเยาะจะยั่ว
ระอุทั่ว ณ ถิ่นฐาน

๑๑.
...ตอบรสพจน์วาที
ตัวเจ้านี้อหังการ
ไม่เกรงพระภูบาล
ทั้งภัยพาลในอบาย

ถึงเป็นชายชาญสกา
ไม่เจตนาอย่าพักหมาย
ฝ่ายเจ้าก็เลิศชาย
สายสุริยวงศ์พงศ์เทวัญ

เสวยทิพยพิมานทอง
ฝูงนางน้องล้วนสาวสวรรค์
ไม่ควรมาผูกพัน
จะพากันตกนรกกานต์...

๑๔.
๖๕. รำพันกระสันรสะสวาดิ
ระอุพาดหทัยพาล
วาบหวามเพราะกามบทะสะท้าน
ประลุผ่านและแผดเผา

๖๖. ลิ่วคว้างระหว่างรตินิวรณ์
ฤจะถอนจะบรรเทา
ร่วงร่าง ณ กลางรสะเฉลา
ระอุเร้าฤดีหลง

๑๙.
๖๗. บัดดลเสียงเสนาะศัพทะรับชละดรงค์
พร้องพายจะคล้ายลง..........วลี

๒๐.
๖๘. ครั้งเสด็จประพาสพระราชพิธี
ณ เรือประทับวะวับรวี.........รุจีสาย

๖๙. โก่งกนกะงอนจะอ้อนพระพาย
อุทัยะทอละออสยาย..........ผกายแสง

๗๐. เรือขนัดนะแน่นลุแล่นจะแซง
และรูปะสัตว์ก็ผลัดก็แผลง.........แสดงแสนย์

๗๑. แถวธวัชะพลิ้วระริ้วณแดน
อุทกะโหมกระโจมเหาะแหน.........ละแล่นฟอง

๗๒. เรือสุบรรณะชาติปราดคะนอง
พลังพลาถลาผยอง.........ละล่องสินธุ์

๗๓. ร้องและโห่และเห่ระเร่สิยิน
กระหึ่มกระหายมลายอรินทร์.........ณ ถิ่นฐาน

๗๔. แต่งประดับประยุกตะมุขประธาน
ประจงวิจิตรผิว์พิศจะขาน.............พิมานผาย

๗๕. ม่านระลมสะบัดขจัดขจาย
ระยับเพราะทองระรองประกาย.........ระร่ายหา

๗๖. บังสุรียะโชติวิโรจนา
สะท้อนระยับประดับทิวา..........ประภาวัน

๗๗. นามสมรรถะชัยะไคลจรัล
กระหึ่มเพราะร้องสิก้องสวรรค์...........สนั่นไหว

๗๘. เรือสุพรรณหงสะรงค์พิไล
ระย้าก็ย้อยณรอยคระไล..............ไสวชล

๗๙. หงสะงอนผงาดจะยาตรสกล
ขยับจะโผจะโล้เลาะหน...........สถลฟ้า

๘๐. ปีกก็กางขยับจะลับจะลา
ขยับจะเหินดำเนินถลา..........นภาสรวง

๘๑. เรือพิชัยประเปรียวก็เฉี่ยวทะลวง
ละลิ่วผิว่าชลาจะล่วง...........ทะลวงสาย

๘๒. คชสีหะผาดผงาดจะกราย
อุราสิยกจะผกจะผาย...............ละม้ายเหิน

๘๓. ราชสีหะเกร็งเขย่งเผชิญ
ประชันริปูบ่รู้ดำเนิน............สิเนิ่นนาน

๘๔. อัศวาก็ผกอุทกสะท้าน
ระลอกชลาถลาทะยาน...........ละลานฟอง

๘๕. สิงหชาติโผนก็โจนคะนอง
ทะลวงสุชละข้นคระลอง............ละอองขาว

๘๖. นาคราชะพักตระศักดิพราว
เขม้นและมองละอองสกาว.............อะคร้าวสาย

๘๗. แล่นละลิ่วและรุดประดุจพระพาย
ทะลวงถลาชลากระจาย.............ขยายแถว

๘๘. จ้าววิหคะโผเพราะโล้เพราะแจว
ทะยานเขยื้อนก็เคลื่อนลุแนว...............บ่แผ่วพาย

๘๙. คีตะซ้องก็อึงคะนึงกระจาย
ทะแกล้วก็ร้องผยองผิว์หมาย.............มลายอรินทร์

๙๐. เรือกระบวนละล่องคะนอง ณ สินธุ์
เพาะเกียรติยศะจดธรณินทร์.............ลุสิ้นกาล

๑๔.
๙๑. ฟ้าไชยเชษฐ์สุริยะวงศ์
พระประสงคะสำราญ
สูงศักดิอัครสถาน
ตละคราญก็รอคอย

๙๒. เชิงเล่ห์เสน่หะอุปราช
พิเราะภาษะพราวพลอย
เชิงชู้พธูบ่ละบ่ถอย
นยะถ้อยก็ทอดถึง

๙๓. ใจงามก็หวามบรรณะขบวน
กละตรวนนะล่ามตรึง
ลมชายสยายนยะระรึง
ขณะหนึ่งก็หนักหนา

๙๔. ตราบชนมะป่นจุติพินาศ
เพราะพระราชะอาชญา
สิ้นบุญสกุลยศะสถา-
วระภาวะเทพินทร์

๙๕. สังวาลย์สะคราญอุตมะศักดิ์
ก็ประจักษะแก่จินต์
ย่อมรักฉลักบ่ละถวิล
ชิวะสิ้นก็ยอมสูญ

๙๖. เจ้าฟ้ามหาธรรมะธิเบศ
ยุติเดชะเพียบพูน
พลีร่าง ณ กลางวรรณะประยูร
ก็อดูระทั่วแดน

๙๗. แซ่ศัพท์..!..เพราะทัพอริวิเทศ
ทะลุเขตะหมิ่นแคลน
ล่วงล้ำกระหน่ำศักยะแหน
รณะแคว้นไผทไทย

๙๘. อึงเอิกเกริกพละสมร
อุระร้อนประหวั่นใจ
อ่อนเอียงเพราะเสียงนุชะไฉน
ปะเหลาะให้ละห้าวหาญ

๙๙. เพียงอึกทึกศักยะอา-
วุธะกล้าก็กรมการณ์
ร่ำขอชะลอรณะสะท้าน
กระแสะซ่านกระเส่าเสียง

๑๐๐. เสี้ยนศึกผนึกรหัสะกรรม
ระบุนำกะสำเนียง
สับพลระคนมุสะเผดียง
พละเกรียงก็กร่อนหาย

๑๐๑. เกินการณ์จะทานวิบัติหา-
ยนะวาระวอดวาย
ศักดิ์ชาติพินาศะละสลาย
ทุขะสายก็บรรสาร

๑๐๒. เร้ารุมผชุมอัคนิเชื้อ
ระอุเหลือจะทนทาน
ท่ามทัณฑ์กระชั้นหัตะปหาร
ชิวะลาญลุบรรลัย

๑๐๓. กำแพงบ่แกร่งปะทะทะแกล้ว
หัตะแล้วณกลางไฟ
พลม่านก็ผ่านอุระไผท
ขณะไห้น่ะโหยหวน

๑๐๔. ผ่านเห็นก็เข่นประทุษะทา-
รุณะคร่าลุคร่ำครวญ
ขมขื่นผิว์คืนอสุระผวน
หัตะนวลและย่ำยี

๑๐๕. เพลิงป่นพระมณฑิระทลาย
เพราะพระพายนะพัดวี
โหมไหม้ฤทัยทุขะทวี
นัยน์นีระนองเนือง

๑๐๖. ทอดร่างระหว่างกิติวิบัติ
เพราะสมรรถะหมดเมือง
สิ้นบุญและสุนทริยะก็เรื้อง
เพราะกระเบื้องนะฟูลอย

๑๐๗. เขตคามสยามสิริพิสุทธิ์
ก็ประดุจะสุดรอย
ธรรมอรรถพระรัตนะผละถอย
ก็ละห้อยระโหยเห็น

๑๐๘. นัยน์ตาก็พร่าชละสลด
ตละหยดสิเยียบเย็น
ห้วงอกวิตกอดุระเข็ญ
บ่จะเว้นประหวั่นไหว

๑๑.
๑๐๙. พล่านเพลิงพะพวยพลุ่ง
ขณะรุ่งระรำไร
ควันม้วนและป่วนไป
ระดะไหวเพราะลมวน

๑๑๐. ปลายดาบวะวาบแวว
สะบัดแล้วมลายชนม์
ร่วงร่างระหว่างหน
และร่วงป่นก็ศักดิ์ไท

๑๑๑. เสียงกรีดวะหวีดก้อง
ปะทุพ้องกะบรรลัย
อึงอวลกำสรวลไห้
กละไว้จะให้ยิน

๑๑๒. สูรย์เลื่อนเสมือนเศร้า
ทวิเล่าบ่โผบิน
ธารยั้งบ่หลั่งริน
ดุจะสิ้นสมัยกาล

๑๑๓. ครืนครืนสิคลื่นแค้น
ระอุแน่นให้ทนทาน
ศักดิ์สิ้นกะดินดาน
ทรมานและอดสู

๑๑๔. สิ้นแล้วบัลลังก์รัตน์
เพราะประหัตะศัตรู
สิ้นราชะอาชญ์หรู
บ่อาจชูให้ชื่นชม

๑๑๕. สิ้นปรัชญาการ
อวสานและล่มจม
สิ้นยุคะสุขสม
สละห่มอยู่บนแดน

๑๑๖. สรรพธรรมระส่ำโทษ
บ่อุโฆษแต่คลอนแคลน
สัตว์ส่ำระกำแสน
ทุขะแม้นจะม้วยลง

๑๑๗. ทวยแกล้วสิแผ่วพล
อริป่นก็ปลิดปลง
ทวยไทก็ไว้วงศ์
บ่ประสงค์จะร่วมใจ

๑๔.
๑๑๘. นั่น..!..ล้วนขบวนบุพะประภพ
อพยพ ลุแดนไกล
คร่ำครวญจะหวนปุระไผท
สุตะไห้คระโหยหา

๑๑๙. โอ..!..โสตอุโฆษสรรพะสำเนียง
ระบุเพียงจะพึ่งพา
เว้าวอนจะย้อนอยุธยา
บ่จะว่าจะสิ้นหวัง

๑๒๐. โอ..!..ศัพท์สดับนยะวะแว่ว
ปุระแก้วและบัลลังก์
สิ้นแล้วเพราะแผ่วพละพลัง
ฤจะยั้งนะยับเยิน

๑๒๑. เผาแผดเพราะแพศยะอธรรม
ทุระกรรมะก้ำเกิน
สิ้นชาติและวาสนะเผชิญ
สรเสริญก็สิ้นตาม

๔.
๑๒๒. โยธยายศหมดสิ้น........ตามกาล
เหลือซากเป็นตำนาน............นับอ้าง
ยศยิ่งใหญ่ไพศาล................สิ้นสุด
คงอิฐหักรกร้าง....................ร่วมพื้นดินสยาม

๑๒๓. โยธยาสิ้นจากสิ้น.........สามัคคี
ตระบัดสัตย์ป้ายสี.................ใส่ไคล้
ขายชาติร่วมไพรี..................รุมกร่อน พวกเวย
การยุทธ์อ่อนจึ่งได้................ดับสิ้นอวสาน

๑๔.
๑๒๔. เจ้า-ราษฎร์อำมาตยะสมรรถ
อภิวัฒน์เขตคาม
อำนาจและอาชญะสยาม
ก็จะคร้ามมิว่าใคร.


จบ


สำหรับผู้สนใจใคร่รู้

๔...คือ...โคลงสี่สุภาพ
๑๔..คือ..วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๑๙..คือ..สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
๑๑..คือ..อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ / กาพย์ยานี ๑๑
๒๐..คือ..อีทิสังฉันท์ ๒๐


ที่มา .. http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2011&date=03&group=41&gblog=23 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2011&date=03&group=41&gblog=23)