พิมพ์หน้านี้ - สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี - การปลูกเรือนสร้างบ้าน

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนประวัติศาสตร์ => ข้อความที่เริ่มโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2014, 05:08:PM



หัวข้อ: สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี - การปลูกเรือนสร้างบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2014, 05:08:PM

(http://www.weekendhobby.com/camp/webboard/picture2010%5C106255322570.JPG)
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตครับ


๐๐ สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๐๐

รัฐบาล ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้จัดให้มีงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดในรอบ ๒๐๐ ปี สมัยพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานจัดงานสำคัญระดับชาติ จัดพิมพ์หนังสือประชุมบทพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนสุดา สยามบรมราชกุมารีและบทร้อยกรองของนักกวีผู้มีชื่อเสียงในปัจจุบันอีก ๔๒ ท่าน ในการนี้ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้ร่วมเขียนด้วย กำหนดให้เขียนเรื่องราวเมื่อ ๒๐๐ ปีก่อน ข้าพเจ้าจึงเขียนเรื่องการปลูกเรือนสร้างบ้านไว้ดังนี้

๐๐ ศิลป์เรือนไทยสูงเด่นเน้นเอกลักษณ์.....ซึ้งตระหนักใจยิ่งเป็นมิ่งขวัญ
ผนวกเอาประเพณีที่ดีครัน.........................คือพรอันเสริมศรีเพื่อชีวิต
สรุปรวมทฤษฏีมีหลายอย่าง......................แลสล้างล้วนสรรค์อันวิจิตร
มรดกวัฒนธรรมนำความคิด......................เนรมิตคุณค่าน่าอนุรักษ์

๐๐ การปลูกสร้างเรือนไทยสมัยก่อน..........ถอยหลังย้อนสองร้อยปีเขามีหลัก
เป็นความเชื่อโบราณมานานนัก.................ซึ่งประจักษ์ใจคือถือโชคลาง
กลัวเกิดทุกข์ยากไร้กลัวให้โทษ................กลัวเทพโกรธสารพัดแกล้งขัดขวาง
ความเชื่อจึงสิงใจอยู่ไม่จาง.......................กลัวผีสางนางไม้ให้กาลี

๐๐ ก่อนปลูกเรือนท่านจึงคำนึงว่า..............ต้องตรวจหาฤกษ์ยามความเป็นศรี
เสาร์ อาทิตย์ อังคาร วันไม่ดี......................วันศุกร์ชี้ให้เห็นเป็นกลางกลาง
วันจันทร์ พุธ พฤหัส จัดว่าเยี่ยม..................หลุมควรจะตระเตรียมเอาไว้บ้าง
ถ้าได้ฤกษ์เบิกเสาเข้าไปวาง......................ปิดกระดานด้านข้างเข้าด้วยพรึง
อยู่นอกเสาทุกต้นบนคานไม้......................เพื่อแน่ใจวัดระดับจับเชือกขึง
กะตัวเรือนตรงไหนให้คำนึง.......................จวนปลูกจึงรีบจัดเครื่องบัตรพลี

๐๐ อันเรือนไทยสมัยเก่าเราใช้ไม้...............เพราะหาได้ดั่งปองหลายท้องที่
อุดมพรรณพฤกษาบรรดามี........................ชนิดดีเลวคละคณนา
เดือนอ้ายถึงเดือนสี่เดือนดีนัก....................ญาติมิตรจักร่วมใจไปในป่า
ช่วยตัดไม้ได้เสาแบกเอามา.......................ถือกันว่าเต็ง รัง ช่างดีแท้
ทำเสาเรือนจึงเหมาะเพราะเนื้อแกร่ง..........แสนแข็งแรงทนทานนานดีแน่
ถึงจะผุกร่อนไปไม่อ่อนแอ.........................คงผุแค่คอดินมิกินกลาง
ไม้ต่างป่าอย่าเอาคนเขาถือ.......................จะเป็นสื่อวิวาทถึงบาดหมาง
ว่าเทพแยกตำบลคนละทาง.......................กลายเป็นต่างพรรคไปไม่สมจินต์

๐๐ อนึ่งสามเดือนนี้ สี่ ห้า หก.....................นาคหันส่วนท้องตกทิศทักษิณ
หลุมแรกขุดทิศใต้ไม่ราคิน.........................เอาก้อนดินโยนขว้างทางอาคเนย์
ก่อนตอกเสาตั้งศาลเพียงตาเสร็จ...............ไหว้พระภูมิเอาเคล็ดไม่ห่างเห
ไหว้นางไม้มิให้ซ้ำทำเสเพล.......................ไหว้ผีเรือนอย่ารวนเรจงเรียบร้อย
เสาผ้าแดงขาวพันลงยันต์เสก.....................ที่เสาเอกผูกด้วยหน่อกล้วยอ้อย
และแขวนเครื่องประดับกับแหวนพลอย........เอาผ้าห้อยหุ้มห่อลออตา
ถ้าข้างแรมแรมไร้ไม่ยกเสา.........................ได้ฤกษ์เอาปลายเบี่่ยงเลี่ยงทิศา
วันฤกษ์อยู่ตะวันตกวกโรยรา........................ตะวันออกท่านว่าวันฤกษ์ดี

๐๐ อนึ่งเรือนขวางตะวันนั้นไม่ปลูก..............เคราะห์จะถูกผู้อาศัยไม่สุขศรี
ตะวันชอนเสียตามีราคี...............................ถ้าเนื้อที่แคบไปให้เฉียงตะวัน
เพราะว่าหากนอนหันศีรษะหก....................ไปทางทิศตะวันตกไม่สุขสันต์
เหมือนศพนอนเขายึดประพฤติกัน................ถ้านอนหันตะวันออกบอกว่าร้าย
เป็นประตูออกเข้าเขากรายหัว......................แม้นนอนตัวตามเรือนเหมือนสิ่งง่าย
ก็จะเป็นผีอำซ้ำแทบตาย.............................คติหมายถือผีมีมานาน
แต่ความจริงโบราณท่านฉลาด.....................ความสามารถซาบซึ้งถึงลูกหลาน
เพื่อเรือนเย็นเป็นยอดตลอดกาล..................ลมพัดผ่านทุกฤดูอยู่สุขใจ

๐๐ ก่อนปลูกตรวจพื้นที่ที่ปลูกก่อน..............ว่ามีขอนตอหลักปักคล่อมไหม
ฝังรูปรอยอาถรรพ์สิ่งอันใด..........................จะทำผู้อยู่อาศัยให้เดือดร้อน
ชิมดินถ้าเปรี้ยวไม่ดีเรียกที่ส้ม.......................จะทุกข์์ถมลำบากยากถ่ายถอน
รสหวานพออยู่ได้อาศัยนอน.........................รสเค็มค่อนข้างร้ายไร้มงคล
รสจืดดีว่าเด่นเป็นยิ่งนัก................................แล้วให้ตักดมกลิ่นดินอีกหน
ถ้าหอมชื่นประทิ่นกลิ่นอุบล..........................เหมือนมีมนต์อุดมดีเรียกที่พราหมณ์
ถ้าดินร้ายอยู่ไปจะได้เข็ญ.............................มีกลิ่นเหม็น เค็ม เผ็ด จงเข็ดขาม
ถ้าหอมกลิ่นพิกุลกรุ่นทุกยาม........................จะเกิดความสุขเจริญมีเงินทอง

๐๐ ถ้าพื้นที่หน้าจั่วช่างชั่วโฉด......................อยู่ไม่ดีมีโทษทนทุกข์หมอง
รูปชายธงบ่งร้ายอย่าหมายปอง......................รูปสี่เหลี่ยมเอี่ยมอ่องเลิศพื้นดิน

๐๐ เรือนโบราณแบ่งห้องเป็นสอง สาม...........หลังคางามสะบัดงอนอ่อนช้อยศิลป์
เรือนฝากรุ ฝากระดานฝานเข้าลิ้น..................นิยมยินดีหนักหนาฝาปะกน
ระเบียงลดระดับกับตัวพื้น..............................กันสาดยื่นเพิงใหญ่ใช้กันฝน
ไม้เท้าแขนแอ่นระทวยช่วยให้ทน..................ชานแล่นชนหอรีที่หอกลาง
ตรงข้ามเรือนนั่งเล่นเป็นหอนั่ง.......................อยู่ถัดหลังหอรีมีหอขวาง
หอนกจัดให้ดีเป็นที่ทาง................................ครัวอยู่ห่างออกไปเพื่อไกลควัน
หลังหอนั่งตั้งเป็นร้านต้นไม้...........................หอมชื่นใจเปรียบแม้นแดนสวรรค์
ปลูกขจรเถาเลี้ยวขึ้นเกี่ยวพัน.........................หน้าจั่วนั้นรูปพนมเรียกพรหมพักตร์
ใต้ถุนสูงเหมือนกันชั้นเดียวหมด.....................ถือเป็นกฎอยู่สบายหมายเป็นหลัก
เสาเรือนตกน้ำมันนั้นร้ายนัก...........................เจ้าของจักรื้อย้ายถวายวัด

ต่อจากนี้เป็นการบรรยายบ้านปัจจุบันจึงขอห้ามไปและนำมาลงตอนจบ

๐๐ เหลียวแลหาเรือนไทยสมัยเก่า................ชวนให้เศร้าคิดไปใจหดหู่
ปัจจุบันอาศัยได้มองดู.............่.....................มักเห็นอยู่แต่อารามตามกุฎี
ค่าปลูกแพงเหลือรับจับไม่ติด........................ผูกขาดไว้ให้สิทธิ์แต่เศรษฐี
รสนิยมตามฝรั่งพวกมั่งมี...............................บ้างชอบสร้างอย่างที่ทรงสเปน
ส่วนยังเหลืออยู่ล้วนควรตระหนัก....................อนุรักษ์ยืนนานลูกหลานเหลน
ชะลอการเสื่อมทรามตามกฎเกณฑ์................งดงามเด่นคงค่าว่าศิลป์ไทย
เพราะโลกแคบคำนึงจึงสับสน........................อิทธิพลต่างชาติดาษหลั่งไหล
ประเพณีนมนานโบราณไป.............................พวกหัวใหม่หมุนหาค่านิยม
เรือนเลียนแบบอารยะตะวันตก.......................ถูกหยิบยกนิยามความเหมาะสม
เอกสิทธิ์พิษคลั่งของสังคม............................จะทับถมเช่นนี้ทวีคูณ
ศิลป์เกิดขึ้นตั้งอยู่ย่อมรู้ดับ.............................ทุกสิ่งสรรพวนเวียนเปลี่ยนและสูญ
วัฒนธรรมประยุกต์รุกเพิ่มพูน..........................ความจำรูญจึงแปรไม่แน่นอน
สุดแต่ทาสความคิดจิตมนุษย์.........................รูปแบบเดินหน้ารุดมิหยุดหย่อน
เอกลักษณ์ล้ำค่าเลิกอาทร.............................คือจุดอ่อนเกิดในหัวใจคน

ดาว อาชาไนย
แห่งเสี้ยวอารมณ์กลอน












หัวข้อ: Re: สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี - การปลูกเรือนสร้างบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2014, 06:30:AM

(http://www.myfirstbrain.com/thaidata/image.asp?ID=1624148)
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตค่ะ


...กรุงฯสืบทอด นานนำ ใจรำลึก
ถ้อยบันทึก ยืนยัน วันเสริมส่ง
สมโภชกรุงฯ ฉลองราช ชาติยืนยง
ด้วยมั่นคง เอกราช ชาติไทยครอง...

...อนุรักษ์ สื่อสาน สู่หลานเหลน
ความดีเด่น สวยศิลป์ ถิ่นงามผ่อง
กรุงรัตนโกสินทร์ นามถิ่นทอง
โลกยกย่อง "สยาม" นามเกรียงไกร...

...เอกลักษณ์ แต่นาน โบราณสร้าง
มิแอบอ้าง ผูกขาด ชาติยิ่งใหญ่
หลายชาติเลียน แบบเกลื่อน สร้างเรือนไทย
เราภูมิใจ เด่นชัด งามวัฒนธรรม...

รัตนาวดี
 emo_116 emo_126

เพิ่งได้สังเกตว่าไม่ร้อยสัมผัสขออภัยด้วยค่ะ