พิมพ์หน้านี้ - สำนึกหนึ่งของความคิด

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนธรรมะ+กลอนสอนใจ+กลอนธรรมชาติ+กลอนปรัชญา => ข้อความที่เริ่มโดย: พ.พิมพา ที่ 30 มกราคม 2014, 06:06:PM



หัวข้อ: สำนึกหนึ่งของความคิด
เริ่มหัวข้อโดย: พ.พิมพา ที่ 30 มกราคม 2014, 06:06:PM
สำนึกหนึ่งของความคิด

@ละสายตาจากงานการที่ทำ
ทอดลงต่ำเพียงครู่ดูเพียงผ่าน
จากมุมหนึ่งซอกตึกนิ่งนึกนาน
ทวนถามวิญญาณการเป็นคน

@มุ่งมั่นขะมักเขม้นดั่งเช่นทาส
สืบชาติสืบตนจนสับสน
แต่ละวันพากเพียรอยู่เวียนวน
อุทิศตนหยาดเหงื่อเพียงเพื่องาน

@กักขังช่างน่ากลัวตัวเราเอง
จนวังเวงหมดวันจะฝันหวาน
หลับและตื่นแต่ละครั้งยังดักดาน
กับวัยที่ล่วงผ่านด้านชาชิน

@เราค้นคว้าหาอะไรในชีวิต
เนรมิตหลายหลากไม่อยากสิ้น
ต่างดิ้นรนตั้งหน้ามุ่งหากิน
เพียงเพื่อเลี้ยงชีวินไปวันวัน

@เหมือนเป็นเพียงเศษเกล็ดของเม็ดดิน
รอแตกดิ้นกระจายให้หวาดหวั่น
เป็นผงฝุ่นปลิวคว้างไม่ต่างกัน
เธอและฉันค่าเท่ากัน ณ วันนี้

@ตะวันรอนอ่อนล้าจะลาแล้ว
สะท้อนแววเงาวาบทาบที่นี่
ขอบฟ้ากว้างห่างไกลไปทุกที
รอราตรีกล่อมหล้ากลับมาเยือน

***************
๓๐,๑,๕๗


หัวข้อ: Re: สำนึกหนึ่งของความคิด
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 30 มกราคม 2014, 07:36:PM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_032.gif) (http://www.klonthaiclub.com)


แม้เพียงเกล็ดธุลีก็ชีวิต
ซึ่งทรงสิทธิ์สูงค่าด้วยหน้าที่
ไร้เม็ดดินย่อมปราศจากผืนปฐพี
โลกก็คงไม่มีให้ใครครอง

เพราะตระหนักภาระสะบักล้า
แบกท่วมวันเวลาจนหม่นหมอง
ก็ธุลีแหละรู้จักประคับประคอง
เอื้อตระกองพยุงยุดฉุดกันไป

มาแบ่งสรรปั้นเสกอเนกอนันต์
แต้มสีวันธรรมดาจนยิ่งใหญ่
ประจุธรรมนำทิศลิขิตใจ
ก็เชิดหน้าอวดใครได้ทุกคน



(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_090.gif) (http://www.klonthaiclub.com)



หัวข้อ: Re: สำนึกหนึ่งของความคิด
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 30 มกราคม 2014, 08:18:PM
บนโลกใหญ่ใบโต...โอ่โถงนี้
ช่างมากมีเรื่องคิด...จิตสับสน
สุขและเศร้าเหงาเปลี่ยน...ผลัดเวียนวน
เกาะกมล...ตราบสิ้น...ชีวินวาย

เราเกิดมาทำไม...ก็ไม่รู้
เกิด,ตั้งอยู่...แล้วดับ...ลับสลาย
มาก็เดี่ยว...กลับก็เดี่ยว...สุดเดียวดาย
ทั้งร่างกาย...ทุกสิ่ง...ถูกทิ้งไว้

เพียงกุศล...ผลบุญ...เป็นทุนเก็บ
ยามหนาวเหน็บ...ทดท้อ...ก็พอได้
เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทรวงดวงหทัย
ภาคภูมิใจ...ว่าประเสริฐ...ที่เกิดมา

ศรีเปรื่อง
๓๐ ม.ค. ๒๕๕๗







หัวข้อ: Re: สำนึกหนึ่งของความคิด
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าโย ที่ 30 มกราคม 2014, 08:24:PM


ความสุขที่ขอบฝัน

ฉันเดินทางมาไกลเกินขอบฝัน
ผ่านตะวันจันทราดาราใส
ข้ามผืนน้ำข้ามป่ามาแสนไกล
หวังจะได้ประสบพบสุขจริง

ยิ่งเดินทางยิ่งล้าพาล้มเหลว
ผ่านดีเลวรวยจนปนชายหญิง
รักโลภหลงปลงเสร็จข้อเท็จจริง
จิตจึงดิ่งลงปลักตักตะกอน

ยิ่งค้นหายิ่งหายกลายเป็นฝุ่น
ร้อนเย็นอุ่นกลับกลอกคอยหลอกหลอน
กระทบจิตคิดได้ในทุกตอน
จึงค่อยผ่อนเบาลอยนิ่งยิ่งผ่อนคลาย

สุขทุกข์เกิดในใจใครปรุงแต่ง
กิเลสแบ่งหลงระงนให้ขวนขวาย
หยุดความคิดจิตจึงหยุดสุดสบาย
ได้เอนกายโอนอ่อนผ่อนละมุน

พุทธเจ้ารู้ทุกสิ่งจริงจริงด้วย
พระธรรมช่วยบริสุทธิ์คอยอุดหนุน
ดับที่ใจสงบได้ใต้เงาบุญ
ขอบพระคุณได้รู้แจ้งแห่งปัญญา

หากทุกคนเข้าถึงนี้คงดีแน่
กุศลแผ่ปกปักคอยรักษา
ที่ทุกข์หลายคลายปัดเป่าบรรเทาทา
มีค่ากว่าทรัพย์ทั้งหมดปลดละวาง





หัวข้อ: Re: สำนึกหนึ่งของความคิด
เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 30 มกราคม 2014, 08:25:PM
emo_116 emo_126
ขืนไม่ทำ ช้ำหนัก สะบักสะบั้น
ขืนนอนฝัน หวานวุ่น จักขุ่นข้น
ขืนท้อทด หมดหวัง พลังตน
ค่าของคน ผลงาน ผ่านมาเชย

ไม่ทำงาน พาลว่า ไร้ค่านัก
คนเคยทัก ชักสีหน้า ไม่กล้าเอ่ย
แถมซุบซิบ นินทา ด่าเปรียบเปรย
ไฉนเลย จักสุข ยิ่งทุกข์ใจ

จะหันหน้า หาญาติ ขาดที่พึ่ง
บ่นรำพึง ถึงถาม ถูกหยามไล่
ยิ่งกว่าหมา ขี้เรื้อน เฉือนฤทัย
จนใครใคร ไม่นับญาติ อนาถแท้
พันทอง
๓๐/๑/๕๗
โดนปาดซึ่งๆหน้าจ้า
 emo_116 emo_126


หัวข้อ: Re: สำนึกหนึ่งของความคิด
เริ่มหัวข้อโดย: กังวาน ที่ 30 มกราคม 2014, 08:42:PM
สิ่งที่ทำย้ำไว้ใช่ใครอื่น
เพื่อหยิบยื่นลูกหลานใช่หว่านแห
อนาคตของเขาเราต้องแล
มอบดวงแดจนตายมิอายใคร

นอนกลางดินกินริมทางวางชีวิต
ขอเถิดสิทธิของฉันอย่าหวั่นไหว
ปล่อยเอ็งโกงกินชาติพินาศไป
ทนทำไมชีวินอยู่มิสู้ตาย

สำนึกนี้แน่นอนมิผ่อนผัน
ฟ้าลงทัณฑ์คงช้าไปใจสลาย
สองมือเราร่วมสู้อย่ารู้คลาย
ถ้าไม่อายไม่ออกขอบอกพัง

บ้านชำรุดทรุดลงจงเร่งรื้อ
แล้วใช้มือสร้างใหม่ให้สมหวัง
รากฐานดีมีธรรมช่วยค้ำยัง
แล้วค่อยตั้งคนดูแลจึงแน่นอน

คือสำนึกของกังวานจึงขานขับ
จะยอมรับหรือด่าใช่มาสอน
เพราะรักชาติศาสน์กษัตริย์อย่าตัดรอน
แค่วิงวอนให้ลาลับอย่ากลับมา

---กังวาน---
 emo_126


หัวข้อ: Re: สำนึกหนึ่งของความคิด
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าโย ที่ 30 มกราคม 2014, 09:07:PM

คนเรา ย่อมต่างกัน

เพราะต่างชั้น บรรณภูมิ ในปูมหลัง
คนที่ยัง ทำงานต่อ ท้อไม่ไหว
ทุ่มแรงกาย ขายแรงงาน สานแรงใจ
คงเจ็บไข้ ใช้แรงแทรก มาแลกแทน

คนอีกชั้น ใช้เงินต่อ ล่อทรัพย์อื่น
จากสิบหมื่น เป็นสิบโกฎิ โคตรสิบแสน
นอนสบาย กระจายทรัพย์ นับคะแนน
เพราะวางแผน จัดการทรัพย์ ไม่นับแรง

เปลี่ยนสกุล ทุนที่ออก คือดอกเบี้ย
ภาษีเสีย บังคับจ่าย ไม่หน่ายแหนง
ที่ตอบผล กำไรน้อย ค่อยพลิกแพลง
แล้วจึงแบ่ง มาปลูกฝัง ที่ยั่งยืน

คนทำงาน สานมาก่อน ผ่อนดีหลัง
ใช้กำลัง ย่อมย่ำแย่ ไม่แพ้ฝืน
ใช้สมอง ลองวิชา จึงกล้ายืน
มีทุนอื่น งานจึงหมด ปลดระวาง


(http://image.ohozaa.com/i/a96/83p87g.jpg)

Solar Power Plant, Topray Solar, ShenZhen, GuangDong, China PR
ป้าโย ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๕