พิมพ์หน้านี้ - ทางกวี

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนเปล่า => ข้อความที่เริ่มโดย: พ.พิมพา ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 01:04:AM



หัวข้อ: ทางกวี
เริ่มหัวข้อโดย: พ.พิมพา ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 01:04:AM


                              ทางกวี
                            
                             @กวีวาดหวาดไหวอยู่ในหล้า
                          เพราะคนกล้าเขียนคำนำเสนอ
                         ได้เรียนรู้เส้นทางต่างพบเจอ
                         ไม่กลัวเก้อกลัวร้างเจอทางตัน

                            @บ้างรู้ดอกบอกได้ดอกไม้สวย
                           ที่ริมห้วยหนองบึงถึงความฝัน
                           บนภูเขาเงาไม้กอดก่ายกัน
                           มารำพันระทวยทดเป็นบทกลอน

                             @บ้างเห็นดวงสุริยาจะลาลับ
                           ใจกลับนึกฝันเห็นเป็นอักษร
                           ว่าสงสารสุริยาจะลาจร
                           ยังอาวรณ์เป็นห่วงดวงสุริยา

                            @เมฆสีขาวพราวเปรื่องเมืองสวรรค์
                           รอคืนวันเทพธิดามาพบหน้า
                           เหล่าคนธรรพ์อยู่ใกล้กันกับชั้นฟ้า
                           หิมวาสัตบรรณยอดบรรณพต

                             @ในสระน้ำกินรีลงมาเล่น
                            อโนดาษกระซ่านเซ็นเย็นทุกหยด
                            มณฑาทิพย์โรยรินไม่สิ้นรส
                            จวบจนจบห้วงทิวาไม่ราโรย

                              @กวีวาดหวาดไหวเพียงใจน้อม
                            แม้คำกล่อมคร่ำครวญไม่หวลโหย
                            เพียงรอฝนปรายฟ้าลงมาโปรย
                            จะฉ่ำโชยทุกลำนำคำกวี

                                     ๘/๕/๕๖

                               "ขอเป็นกำลังแด่ใจทุกบทกวีครับ"




















หัวข้อ: Re: ทางกวี
เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 06:36:AM
emo_126 emo_126 emo_111

เป็นนักกลอน อ่อนหัด วัดไม่ได้
กับบางใคร ที่เก่ง เจ๋งเรียกพี่
แต่งงูงู ปลาปลา มาข้ามปี
ในฤดี ยังเหงา เศร้าอย่างเคย

เอาบทกลอน นำทาง อ้างว้างจิต
ยามชีวิต ระทม ก้มหน้าเผย
อยู่กับโลก อักษร ค่อนคืนเอย
ยังเสบย กว่าอยู่ สู้ช้ำใจ

นอนไม่หลับ ขยับนั่ง ฟังแป้นจิ้ม
นิ้วก็ทิ่ม สมองคิด ลิขิตไข
จินตนา ผ่านออก บอกความใน
สุขทุกข์ใด ใส่เข้า เฝ้ารำพึง

แสนสงสาร ตัวเอง ยามเคว้งคว้าง
หมดหนทาง เดินต่อ พอก้ำกึ่ง
มองเบิ้องหน้า ล้าเหลือ เมื่อคำนึง
รักคนซึ่ง เขาไม่ซึ้ง จึงตรอมตรม
พันทอง
๙/๐๕/๕๖
 emo_116 emo_111 emo_111


หัวข้อ: Re: ทางกวี
เริ่มหัวข้อโดย: เฮยอิง ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 08:09:AM
สุดหนทางกว้างยาวต่างเล่าเรื่อง

เก็บทุกเบื้องบทบาทวาดผสม

ที่ใดร้อนผ่อนเย็นเป็นอารมณ์

ดังว่าคมคำความนั้นตามใจ

เถิดเรียงร้อยถ้อยคำลำนำเถิด

หวังเพียงเกิดก่อกานท์ร่วมขานไข

อาจมิโดดดูเด่นดังเช่นใคร

แต่ดังใฝ่ดังฝันที่กลั่นกรอง. . .

เก็บบันทึกลึกเลือนที่เกลื่อนกลาด

ธรรมชาติชื่นฉ่ำมิคล้ำหมอง

วางขนาบทาบทามตามทำนอง

อาจมิคล้องคลาดเคลื่อนพลาดเลือนไป

แต่จงเพียรเขียนร้อยประดอยจัด

วางบรรทัดต่อบรรทัดระบัดไหว

เถิดเก็บเกี่ยวกล่าวคำอันรำไร

แม้มิใช่ ไกลห่าง. . .ทางกวี


หัวข้อ: Re: ทางกวีของฉันในวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 02:34:PM

รู้สึกตัวก่อนสางร่างเคลื่อนไหว
ยังหายใจไม่ตายกลายเป็นผี
ปฏิบัติกิจกรรมทำทันที
เริ่มต้นมีส่วนตัวงานทั่วไป

ชงกาแฟจิบอ่านกลอนกานท์กาพย์
รู้รับทราบติติงพาดพิงไหม
แต่งต่อตอบขอบคุณอบอุ่นไอ
เตรียมของไว้มิขาดตักบาตรภัต

รีบเร่งร่วมชุมนุมประชุมใหญ่
วัฒนธรรมไทยในจังหวัด
พอพักครึ่งถึงคอมพ์จ่อมรวบรัด
บ้าชะมัดคิดคอยเรียงถ้อยคำ

ทางอักษรกลอนฉันทุกวันนี้
หยิบโน่นนี่มาใช้ไม่เป็นส่ำ
บางทีเค้นจากองค์ความทรงจำ
บางทีดำน้ำดินบินพิมาน

เวลาเศร้าเหงาใจใส่หนักหนัก
เวลารักซึ้งใจใส่หวานหวาน
เพื่อนชิงชังหลังหลบหนีกบดาน
มีพ้องพานการเมืองเรื่องเบาเบา

อยากจะแต่งเชิญวางตามทางเถิด
แต่ควรเปิดหัวใจให้ว่างเปล่า
ยินดีรับนิยมชื่นชมเรา
อดกลั้นเขาติฉินเอ่ยนินทา

 emo_126

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ทางกวี
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 05:04:PM
ด้วยอาชีพขีดเขียนคนทำสื่อ
ต้องนอนดึกค้นรื้อเสพดื่มข่าว
สะลืมสะลือตื่นเช้าทนฝืนเอา
นั่งขัดเกลางานค้างแต่ครั้งคืน

ครั้นสายหน่อยรีบจรห้องรังหนู
ก้มหน้าสู้ปั้นยิ้มป้ายหน้าชื่น
มอ’ไซค์วินเร็วฉิวกว่าลูกปืน
ปาดซ้ายขวาแซงฝืนเสียวทุกที

ถึงออฟฟิศเหนื่อยนักขอพักหน่อย
จิบกาแฟค่อยค่อยละเลียดบุหรี่
เช็กข่าวสารนานาประดามี
อนาถแท้ข่าวดีถูกตัดตอน

จ่อมก้นนั่งเก้าอี้จ้องหน้าคอมพ์
เปิดเข้า goo ดอมกลิ่นเรื่องฉาวร้อน
เกาะประเด็นเคาะแป้นตะลุมบอน
ใดยอกย้อนคลี่ปมให้ชัดเจน

หากวันไหนมีโฆษณาเข้า
ต้องจมเจ่าคิดคำนั่งบีบเค้น
กว่าเขียนจบได้เรื่องช่างยากเย็น
ลุกนั่งยืนเดินเล่นรีดคำคม

เขียนบทความคอลัมน์รับผิดชอบ
ต้องรอบคอบคนอ่านเตรียมขย่ม
ไม่มีมูลนั่งเทียนเขียนแล้งลม
หูระบมด่าขรมกันทั้งเมือง

เพื่อนฝูงถามเขียนกวีเวลาไหน
ตอบซื่อใสทุกที่ได้ต่อเนื่อง
พกกระดาษปากกาไม่มากเปลือง
เจอใดเรื่องบันทึกเป็น theme โครง

จดวุ่นวายหลายหน้าสมุดกระดาษ
ลายมือหวัดแกะอ่านยากชิบโผง
อารมณ์เคลิ้มหยิบขึ้นมาต่อโคลง
ร้อยเกี่ยวโยงเรื่องราวตามครรลอง

กาพย์กลอนฉันท์ซึมซ่านเต็มสายเลือด
มันปะทุคุเดือดสี่ใจห้อง
กลั่นเรียงร้อยวลีท่วงทำนอง
กู่ตะโกนร้องก้องจากข้างใน

ทางของกวีแบบฉบับของข้าน้อย
ก็เป็นเช่นฟุ้งฝอยพอกระสาย
เขียนทุกที่ทุกเวลาไม่เว้นวาย
ใจสี่ห้องดิ้นส่ายจังหวะกลอนฯ

สนอง เสาทอง
9 พฤษภาคม 56


***คำเตือน
หากใครก๊อปปี้ไปต้องก๊อปให้หมดทั้งบท หากมีอักษร สระ และวรรณยุกต์ใดหล่นหาย ถือว่าไม่ใช่มืออาชีพ แนะนำให้หาอาชีพอื่นใหม่ทำ