พิมพ์หน้านี้ - ตำนานวังสามหมอ (บ้านเกิดกระผมเอง)

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนประวัติศาสตร์ => ข้อความที่เริ่มโดย: ไร้นวล^^ ที่ 18 ตุลาคม 2012, 06:43:PM



หัวข้อ: ตำนานวังสามหมอ (บ้านเกิดกระผมเอง)
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 18 ตุลาคม 2012, 06:43:PM
(http://imagehost.thaibuzz.com/il/1308293080.jpg) (http://imagehost.thaibuzz.com/show.php?id=4f2226327963d052db2545bdff1392b4)

(http://www.qzub.com/bar_004.gif) (http://www.qzub.com)
ขอสืบสานเล่าแล้           ตำนาน
ท้องถิ่นทุ่งอีสาน            แห่งนี้
ดินแดนเกิดเล่าขาน       นานเนื่อง
สำนึกบุญคุณชี้            ว่านี้บ้านเฮาฯ

(http://www.qzub.com/bar_004.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: ตำนานวังสามหมอ (บ้านเกิดกระผมเอง)
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 18 ตุลาคม 2012, 08:02:PM
(http://www.qzub.com/bar_111.gif) (http://www.qzub.com)
สองหัตถ์พร้อมนบน้อม         บรรพชน
ปู่ย่าตายายคน                  ชุบเชื้อ
ตั้งบ้านก่อเรือนชนม์            เฉลิมเผ่า
เครือว่านก่อกานท์เกื้อ         กู่ก้องสรรเสริญฯ

เชิญผองเพื่อนระรื่นฟื้น        ตำนาน
นคเรศเขตอีสาน               สืบสร้าง
นับร้อยศกเล่าขาน             ขจายทั่ว   อุดรเฮย
เป็นที่มาซึ่งอ้าง                ถิ่นกว้างวังสามหมอ

ขอกล่าวถึงบุระล้ำ            ณ ลำปาว
นามท่าขอนยางยาว          ขนาบน้ำ
ฟูเฟื่องเลื่องลือสาว           ประไพผ่อง
คือลูกเจ้าเมืองค้ำ            เขตแคว้นแดนบุรี

อินถวาที่ประเสริฐด้วย       เมตตา-  ธรรมเฮย
เหล่าสัตว์เสน่หา              แน่งน้อย
คำบางชื่อชาวประชา         ชอบเรียก
งามหมดจดหยดย้อย         เพียบพร้อมกายใจ

ยามเยาว์วัยนุชได้          เกลอเคียง
เป็นเพื่อนแท้ผู้เพียง        รักษ์เจ้า
กุมภีล์ใหญ่ก้องเกรียง-     ไกรกาจ
นามบักฮ้าวฮึกเฝ้า           ชิดใกล้สายสมร

พาบังอรว่ายน้ำ              เก็บกระมุช
สำหรับบูชาพระพุทธ        เพริศแพร้ว
บักฮ้าวและนุชประดุช       มิตรแห่ง  กุศลเฮย
บริสุทธิ์ผุดผ่องแผ้ว          คู่คล้องบารมี

นทีกระเพื่อมคลื่นคล้าย     คะนองหนัก
ปรากฎเป็นจระเข้ยักษ์       แยกเขี้ยว
พาลพฤติผิดคิดจัก           กินนุช- นาฏนอ
ชื่อบักนนลัดเลี้ยว            อยากเคี้ยวเยาวมาลย์

ฮ้าวฮึกหาญปกป้อง         ภัยพาล
"เจ้าอย่ามาระราน            เร่งลี้"
"ข้าอาจงับวายปราณ        พึงหลีก"
"นงนุชพิสุทธิ์นี้               อย่าได้ปรารถนา"

"อะฮ้าเจ้าอย่าย้ำ            เยาะยวน"
"เจ้าน่ั่นแหละที่ควร          หลบหน้า"
"บักนนชื่อก้องหวน          คืนถิ่น"
"เลิศรสยศยิ่งฟ้า             แด่ข้าพญาตะโขง"

หางเขื่องโค้งฟาดเปรี้ยง    ประจัญกัน
ฮ้าวกัดนนโรมรัน            ร่ายห้าว
นนแข็งแกร่งฟาดฟัน       ฟองฟ่อง
ฮ้าวห่วงนงลักษณ์ร้าว      สุดท้ายถอยหนี

คาบนารีแหวกน้ำ           หลบนน
ขึ้นฝั่งอีกฟากจน             หลีกพ้น
วางเยาวลักษณ์ไว้บน       ริมรหัท
ร่างกลับไร้ลมต้น-           เหตุฮ้าวโหยหวน

คร่ำครวญไห้มิตรแท้         คืนมา
โปรดเถิดเทพเทวา           ช่วยฟื้น
เพียงคาบแผ่วเบาพา        นงนุช   หนีนอ
เผลองับดับชนม์สะอื้น       โอดร้องขื่นขม

อารมณ์เศร้าคละเคล้า       เกรงอา-  ญาเฮย
กลืนร่างไร้วิญญาณ์          สู่ท้อง
ใช่ไม่รักกานดา              ดังเก่า
หากเหตุเจ้าเมืองต้อง       ประกาศก้องร้องหา

(http://www.qzub.com/bar_111.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: ตำนานวังสามหมอ (บ้านเกิดกระผมเอง)
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 18 ตุลาคม 2012, 08:10:PM
(http://www.qzub.com/bar_179.gif) (http://www.qzub.com)
พญากุมภิลซึ่งสิ้น            ดวงใจ
แหวกว่ายหนีเภทภัย        พรั่นพร้า
เจ้าเมืองเมื่อข่าวไป          ถึงโสต
ความโกรธย่อมขึ้นหน้า      ล่าล้างสังหาร

บักฮ้าวผ่านแม่น้ำ          "ลำพัน- ชาติ"เฮย
มุดสู่ห้วงน้ำอัน               ลึกล้น
เป็น"วังใหญ่"ไพรสัณฑ์      รกรอบ
ทหารกับเหล่าราษฎร์ค้น     พบน้ำผุดฟอง

ผองหมอปราบจระเข้        นามอุโฆษ
ต่างตระเตรียมกระโดด     พรึบพร้อม
หนึ่งคือหนุ่มผู้โจษ-          จันว่า    ยอดนอ
กลับพ่ายแพ้ตะเข้อ้อม      งับท้องขาดกลาง

ตละคนต่างขยาดเขี้ยว      คมตะโขง
พลั้งพลาดอาจตายโหง     เหยื่อฮ้าว
พลางถอยห่างจากโพรง    วังใหญ่
ป่าวประกาศกึกกร้าว       เฉพาะผู้ผจญขลัง

ชายชราทั้งเก่งกล้า         อาสา
ขอต่อกรกุมภา-            พยศเหย้า
พ่นมนตร์เสกคาถา        ฤทธิเดช
กลับพบจบด้วยเศร้า      บักฮ้าวผลาญชนม์

หมอสองคนพ่ายแพ้         ชีพวาย
ฮ้าวสุดแสนอันตราย        สุดต้าน
เจ้าเมืองกลัดกลุ้มหลาย    ฤทัยยอก
ฤๅหมดหวังทั้งบ้าน         บ่สู้ดิรัจฉาน

โฉมสะคราญหนึ่งนั้น        แสดงตน
บ่งบอกนี่คือคน             ปราบได้
อาสาสู่น้ำวน                  "วังใหญ่"
ผจญพักตร์กับฮ้าวไซร้       เพ่งพร้อมต่อกร

บังอรความคิดข้น             คมคาย
เตรียมเชือกจากหนังควาย   ขมวดกล้า
พันรอบพฤกษ์ใหญ่หมาย     มัดแน่น
เชือกฝั่งปลายใช้ผ้า            ผูกรั้งฉมวกฉมัง

แล้วนั่งแพหยวกกล้วย        ลอยวน
พลางพร่ำมนตร์กลางชล     เรียกฮ้าว
เชือกพร้อมฉมวกหย่อนจน   จมอุทก
ร่างเร่าร้อนร่ายกร้าว          โอษฐ์อ้าเขมือบแพ

กุมภีล์แย่พลาดพลั้ง          เขมือบฉมวก
ที่หย่อนพ้นแพหยวก         ยอกลิ้น
แทงทะลุปากผนวก          บนและล่าง
ฮ้าวปวดรวดร้าวดิ้น         เสี่ยงสิ้นชีวา

"เร็วเรามาจับแล้ว           ดึงเชือก"
"ช่วงที่ฮ้าวกลิ้งเกลือก      กระอักอึ้ง"
ต่างแรงต่างเร็วเลือก        จุดเหมาะ
คนร่วมร้อยร่วมขึ้ง          ลากตะเข้แข็งขัน

บักฮ้าวกลั้นเจ็บต้าน        แรงดึง
เลือดกบปากกายจึง        อ่อนล้า
เหลือฤทธิ์สุดท้ายขึง        เชือกอยู่
พลันพิศพักตร์หนึ่งจ้า      นั่นหน้าเจ้าเมือง

คะนึงถึงเรื่องอ่อนไท้        ทันที
ระลึกนบคุณบุรี               แหล่งเลี้ยง
ฮ้าวน้ำเนตรนองพลี-         ชีพดับ
เหล่าราษฎร์เร่งรุมเขวี้ยง     มีดพร้าหอกขวาน

นงคราญหมอปราบตะเข้     ตาหวาน
มีดแหวกท้องฮ้าวปาน        ปาดกล้วย
พบเพียงเศรษฐ์สังวาล        วาววับ
ไร้ร่างคำบางด้วย             มอดม้วยดับสลาย

จัดงานถวายนุชให้           สมเกียรติ์
สมโภชสว่างไสว,เทียน      พลุระย้า
อินถวาดอกฟ้าเถียร          เคียงถิ่น
กาลต่อมาเกิดกล้า           พุดซ้อนเฉิดฉัน

พลางคืนวันผ่านพ้น        คนคะนึง
รู้เหตุฮ้าวภักดิ์จึง           โศกเศร้า
บำเพ็ญกุศลถึง             ฮ้าวสัตย์
ณ รหัทแห่งพงศ์เผ้า       ยอดเหย้าวังสามหมอ

(http://www.qzub.com/bar_179.gif) (http://www.qzub.com)