พิมพ์หน้านี้ - “ลุใบหญ้า”

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => เรื่องทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: อริญชย์ ที่ 05 มีนาคม 2012, 02:18:PM



หัวข้อ: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 05 มีนาคม 2012, 02:18:PM
                 “ลุใบหญ้า”
                   (๑)
อรุณแจ้ง    แสงสีทอง  สาดส่องแล้ว
เสียงเจื้อยแจ้ว หมู่นกกา  ร้องปราศรัย
กล่อมทุ่งทอง  ท้องนที     อันวิไล
พฤกษ์พงไพร  ไสวเพชร  รุ้งเม็ดพราว
                   (๒)
ตื่นเถิดหนอ  โอ้ชาวนา   ผู้กล้าแกร่ง
จงเข้มแข็ง     ทอแสงช่วง สู่ห้วงหาว
ศรัทธาใน       วิถีถิ่น       ถวิลดาว
พร้อมจะก้าว   เผชิญโลก  โชคชะตา
                    (๓)
ยืนเพื่อหวัง   นั่งเพื่อคอย  น้อยเพื่อใหญ่
ทุกข์ร้าวไล่   ทนไว้เถิด   เพื่อเจิดจ้า
หวยเล่นบ้าง  ห่างเล่นไพ่  ไกลสุรา
แน่ะ! เชิญมา  ร่วมเกี่ยวข้าว อย่าร้าวรอน
                  (๔)
โหวดแคนซึง  ตรึงฤดี   ดนตรีบ้าน
เพลงขับขาน  จารสลัก   เป็นอักษร
เติมไฟฝัน   รักเป็นทุน   อิ่มสุนทร
ร้องรำฟ้อน     เถอะหมู่เฮา   ศักดิ์ชาวไพร
                     (๕)
ยืมเพราะไร้   ได้เพราะก่อ  พ่อเพาะเห็ด
หัวใจเด็ด       เหน็ดเหนื่อยอยู่   ยังสู้ไหว
หินทับหญ้า  ยกหินออก  หญ้างอกใบ
เจ็บแค่ไหน  ใครจะเหน็บ  ทนเจ็บเอา
                     (๖)
เหล้าไม่ดื่ม   ปลื้มทำไม   เสียดายทรัพย์
เดี๋ยวโรคตับ  มาขับเคลื่อน เป็นเพื่อนเข้า
อีกบุหรี่      เพื่อนยื่นให้    ยังไม่เอา
วะ! แช่งเรา     จะรับไป   ทำไมกัน
                     (๗)
เลี้ยงเป็ดไก่    ในบ้านทุ่ง   ผดุงถิ่น
สืบศาสตร์ศิลป์  ความเป็นไทย  มิไหวหวั่น
สานสุ่ม แห  ข้อง เข่ง ไซ  ใจผูกพัน
หนองน้ำนั่น!  ปูปลาว่าย     มากมายมี…

                               อริญชย์
                                   ๕/๓/๒๕๕๕

ปล. “ลุใบหญ้า” คำเลียนแบบ “รุไบยาท” ของ โอมาร์ ขัยยัม (ใช้ ค.แทน ข. อ่านว่า ไค-ยำ) นักกวีชื่อดังชาวเปอร์เซีย  ส่วนผู้ที่แต่งเป็นสำนวนไทยอันลือลั่นคือ
“แคน สังคีต”  ขอนำมาลงไว้ข้างล่างนี้ซัก ๗ บทเน๊าะทุกท่าน
อ่านเล่น ๆ กัน เน้อ ตามนี้   



(รุไบยาท:สำนวน แคน สังคีต)

                      (1)
ตื่นขึ้นเถิด   เพื่อรับแสง แห่งสูรย์ส่อง
เมื่อดาวล่อง  เดือนลับ  ไปกลับฝัน
ขับราตรี    หนีเตลิด    เพื่อเปิดวัน
เชิญร่วมกัน  ฟังดนตรี  แห่งชีวา
                     (2)
ไปเสียเถิด   เจ้าภูตพราย   แห่งสายหมอก
ไม่ช้าหรอก   เสียงร้านเหล้า  เรียกเข้าหา
ประตูเปิด      ไยพวกเจ้า     ไม่เข้ามา
มัวก้มหน้า      หดหู่           อยู่ทำไม
                    (3)
ฟังสิฟัง        เสียงไก่ขัน    กระชั้นขาน
เป็นสัญญาณ   เปิดร้านค้า    ช้าไฉน
รู้เถิดว่า    เวลานั้น     สั้นเกินไป
อดีตใด     หากเลื่อนลับ   มิกลับคืน   
                    (4)
ช่วงปีใหม่   ชวนให้นึก   รำลึกคิด
ทั้งวิญญาณ  และชีวิต     นิจจาเอ๋ย
มัวคอยโชค   คอยชัย   ทำไมเลย
อย่ามัวเฉย   เร่มาหา    สุราบาน
                  (5)
เมื่อยามตาย   ได้อะไร  ติดไปบ้าง
เพียงเรือนร่าง  ฝังซาก  ฝากสุสาน
ยังชีพอยู่    ดูโลกไป   ให้สำราญ
ดอกไม้บาน  ในแก้วเหล้า  เราเริงใจ
                (6)
ปากของเจ้า  สงบนิ่ง  จริงจริงนะ
“เพื่อหัวใจ  ชัยชนะ” มะ!เติมใหม่
ดื่มเถิดเพื่อน   ดื่มเถิดเรา  ดื่มเข้าไป
ให้หัวใจ  และวิญญาณ   ประสานกัน
                (7)
จำเพื่อลืม   ดื่มเพื่อเมา  เหล้าเพื่อโลก
สุขเพื่อโศก  หนาวเพื่อร้อน  นอนเพื่อฝัน
ชีวิตนี้      มีค่านัก    ควรรักกัน
รวมความฝัน  กับความจริง  เป็นสิ่งเดียว ฯลฯ





ปล.จากหนังสือ “รุไบยาท” สำนวนอันลือลั่นของ “แคน สังคีต”

ความจริงมีจำนวนมาก (101)  แต่ขอนำมาลงให้อ่านกันเท่านี้แหละทุกท่าน  ขี้เกียจพิมพ์ ฮา

ส่วน “ลุใบหญ้า” ข้างบนน่ะ อริญชย์แต่งเอง อ่านเล่น ๆ ทุกท่าน อย่าได้ถือสาหาความ แต่งสนุกเฉย ๆ กลอนพาไป อิอิ
   


(http://www.saengdao.com/images/pic_product/015.jpg)


ภาพจาก
http://www.saengdao.com/images/pic_product/015.jpg (http://www.saengdao.com/images/pic_product/015.jpg)


 emo_107 emo_60 emo_107


ข้อมูลเพิ่มเติม

http://www.saengdao.com/view.php?menu=menu2&body=detail2&tid=69&type=1 (http://www.saengdao.com/view.php?menu=menu2&body=detail2&tid=69&type=1)




“รุไบยาท” เป็นคำในภาษาเปอร์เซีย ความหมายคือ บทกวีชนิดหนึ่ง โอมาร์ ใครยัม กวีเอกชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน บรรจงรจนาบทร้อยกรองที่โลกไม่ลืมนี้ขึ้นมา พวกเราอ่านภาษาเปอร์เซียไม่ออก จึงคงไม่ซาบซึ้งกับบทกวี “รุไบยาท” อย่างแน่นอน ดังนั้น จึงต้องขอขอบคุณ เอ็ดเวิร์ด ฟิตซเจอรรัลด์ ผู้ซึ่งแปล “รุไบยาท” เป็นภาษาอังกฤษ และ “แคน สังคีต” ค้นพบเข้า เขาจึงแปลบทกวีของโอมาร์ ใครยัมขึ้นเป็นภาษาไทยที่ซาบซึ้งตรึงตรา

         “รุไบยาท” ฉบับ แคน สังคีต ได้บอกเล่าอารมณ์ ความรู้สึก ความรักและความฝัน และเหนือสิ่งอื่นใด คือการต่อสู้ชีวิตของผู้แปล จะมีบทกวีของใครสักกี่คนที่เราอ่านแล้วบางครั้งหัวใจก็อบอุ่น บางครั้งก็ว่างโหวง และก็ไม่น้อยครั้งที่เราฮึกเหิมกับชีวิต “รุไบยาท” ของ แคน สังคีต ให้เราได้เช่นนั้นแน่นอน ถ้าชีวิตของแคน สังคีต ไม่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านหลากหลายเรื่องราวจนมีต้นทุนของชีวิตมากมายขนาดนี้ เชื่อว่าบทกวี “รุไบยาท” ฉบับ แคน สังคีต คงไม่สามารถครองหัวใจผู้เสพบทกวีได้ยาวนานเช่นนี้แน่นอน



     ลำนำ...รุไบยาท (1)
ตื่นขึ้นเถิด เพื่อรับแสง แห่งสูรย์ส่อง
เมื่อดาวล่อง เดือนลับ ไปกับฝัน
ขับราตรี หนีเตลิด เพื่อเปิดวัน
เชิญร่วมกัน ฟังดนตรี แห่งชีวา

     ลำนำ...รุไบยาท (2)
ไปเสียเถิด เจ้าภูตพราย แห่งสายหมอก
ไม่ช้าหรอก เสียงร้านเหล้า เขาเรียกหา
ประตูเปิด ไยพวกเจ้า ไม่เข้ามา
มัวก้มหน้า หดหู่ อยู่ทำไม

    ลำนำ...รุไบยาท (3)
ฟังสิฟัง เสียงไก่ขัน กระชั้นขาน
เป็นสัญญาณ เปิดร้านค้า ช้าไฉน
รู้เถิดว่า เวลานั้น สั้นเกินไป
อดีตใด หากเลื่อนลับ มิกลับคืน

   ลำนำ...รุไบยาท (4)
ช่วงปีใหม่ ชวนให้นึก รำลึกคิด
ทั้งวิญญาณ และชีวิต นิจจาเอ๋ย
มัวคอยโชค คอยชัย ทำไมเลย
อย่ามัวเฉย เร่มาหา สุราบาน

    ลำนำ...รุไบยาท (5)
เมื่อยามตาย ได้อะไร ติดไปบ้าง
เพียงเรือนร่าง ฝังซาก ฝากสุสาน
ยังชีพอยู่ ดูโลกไป ให้สำราญ
ดอกไม้บาน ในแก้วเหล้า เราเริงใจ

   ลำนำ...รุไบยาท (6)
ปากของเจ้า สงบนิ่ง จริงจริงนะ
"เพื่อหัวใจ ชัยชนะ" มะ! เติมใหม่
ดื่มเถิดเพื่อน ดื่มเถิดเรา ดื่มเข้าไป
ให้หัวใจ และวิญญาณ ประสานกัน

    ลำนำ...รุไบยาท (7)
จำเพื่อลืม ดื่มเพื่อเมา เหล้าเพื่อโลก
สุขเพื่อโศก หนาวเพื่อร้อน นอนเพื่อฝัน
ชีวิตนี้ มีค่านัก ควรรักกัน
รวมความฝัน กับความจริง เป็นสิ่งเดียว

    ลำนำ...รุไบยาท (8)
ไม่ว่าเป็น นครใหญ่ ไพศาลสุด
พระสมุทร พื้นสุธา ภูผาเขียว
แต่ละหยด รสเหล้าหลั่ง ดุจดั่งเกลียว
จักโน้มเหนี่ยว นำโลก สู่โชคชัย
 
    ลำนำ...รุไบยาท (9)
เริ่มวันใหม่ ดอกไม้ฉ่ำ ด้วยน้ำค้าง
กลีบสล้าง ดอกสลอน อ่อนไสว
หมอกเช้าพรม ลมพัด สะบัดใบ
แต่สิ่งใด หล่อชีวิต ช่วยคิดที

    ลำนำ...รุไบยาท (10)
โปรดเชื่อเถิด เกิดเป็นคน ไม่พ้นบาป
ละม้ายภาพ ฉลุลาย ระบายสี
หิวหรืออิ่ม ยิ้มหรือหัว ชั่วหรือดี
ต่างก็มี กำไร ไม่เหมือนกัน

     ลำนำ...รุไบยาท (11)
มาสิมา มากับเรา ไม่เศร้าสร้อย
ถ้ำหินย้อย ทะเลทราย เร่งผายผัน
หนุ่มหรือสาว บ่าวหรือนาย ไม่สำคัญ
ณ ที่นั้น ร่มรื่น ชื่นฉ่ำทรวง

    ลำนำ...รุไบยาท (12)
ฟังเถิดฟัง เสียงไพเราะ เสนาะซึ้ง
บรรยายถึง ความสดใส ในแดนสรวง
คุณแห่งฟ้า ค่าแห่งดิน สิ้นทั้งปวง
เปรียบดั่งดวง ประทีปทอง ส่องนำทาง  


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 05 มีนาคม 2012, 03:43:PM



 emo_47





หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 05 มีนาคม 2012, 07:08:PM
ช่วงนี้ที่สนามหลวง มีจัดงานเกี่ยวกับวันมาฆบูชา มีหนังสือวางขายหลายอย่าง หนังสือธรรมะและอื่น ๆ มีหนังสือเก่า ๆ แต่ยังดี ๆ อยู่เลยนะ ราคาปก 100-150  แต่เขาจริงแค่เล่มละ 20 บาท  อยู่  2 เจ้า
เมื่อวานซื้อมาหลายเล่ม รวมทั้ง "รุไบยาท" ของ แคน สังคีต ด้วย เล่มละ 20 บาทเหมือนกัน  ใครผ่านแถวสนามหลวง แวะเดินดูก็ดีนะ   แล้วอย่าลืมเข้าไปซื้อดอกไม้เพื่อเดินเวียนรอบ กราบบูชาพระบรมสารีริกธาตุด้วยเน้อ ช่วงนี้มีประดิษฐานที่สนามหลวง  ได้ทั้งหนังสือดี ๆ ได้ทั้งกราบพระบรมสารีริกธาตุด้วยนะทุกท่าน แจ้งมาให้ทราบเน้อ




 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 05 มีนาคม 2012, 07:53:PM

อยากได้หนังสือ "รุไบยาท" เนี่ยะ....
แซมจะมาทันไม๊นะ...
 emo_79
กราบขอบคุณสำหรับข่าวสารนะคะ พี่อริฯ...

 emo_126 emo_126 emo_126
แซมค่ะ


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 06 มีนาคม 2012, 08:54:AM
            (๘)
ดื่มน้ำส้ม   อมน้ำค้าง  ล้างน้ำเขื่อน
คนไร้เพื่อน  เดือนไร้ดาว  หนาวไหมนี่
เอี้ยงไร้ทุย   ลุยลำเนา  เหงาฤดี
ฟ้าเปลี่ยนสี  แสงคลี่หมอก  ดอกไม้บาน
            (๙)
เป็ดร่ำร้อง  ก้องผสาน เสียงห่านร้อง
มุดลำคลอง  จ้องหอยปลา เป็นอาหาร
แสงสูรย์ส่อง  แวววาววับ ระยับธาร
ปลาว่ายผ่าน ซ่านกระเซ็น กระเต็นวน
          (๑๐)
โอ้ชีวิต   คิดดูเถิด   มีเกิด แก่
เจ็บ ตายแน่ ฟื้นไม่มี  หนีไม่พ้น
เมาแล้วขับ ตอนกลับตาย ไปหลายคน
สมเหตุผล หลับไม่ตื่น  ฟื้นไม่มี
          (๑๒)
ยาสีฟัน    นั้นก็มี   หลายยี่ห้อ
มีทั้งซอล  ฟลูโอคา-  ริล ดาร์ลี่
อีกคอลเกต เซนโซดายน์ ใกล้ชิดดี
แปรงทั้งปี   ฟันของเรา  เหลืองเท่าเดิม
          (๑๓)
น้ำอัดลม    ซ่ากัดเซาะ  กระเพาะได้
ไม่มีบอก   อันตราย   ติดป้ายเสริม
คิดแต่เอา    เงินเราหนอ  ไปต่อเติม
คนเห่อเหิม   ดื่มเข้าเฉาะ  กระเพาะพัง…

                   อริญชย์
                     ๖/๓/๒๕๕๕

ปล. “ลุใบหญ้า” กลอนพาไป ทุกท่านอย่าถือสาหาความเน้อ




 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 06 มีนาคม 2012, 08:57:PM
ปล.ใครจะแต่งต่อก็ใส่เลข ๑๔ ๑๕ ฯลฯ ต่อไปได้เลยนะฮะ ไม่ว่ากัน  กลอนพาไป ร่วมสนุก ๆ กัน ทุกท่าน แลกเปลี่ยนความคิด เผื่อใครมีเรื่องราวดี ๆ      เพียงแต่อยากขอสัมผัสต่อจากวรรคสุดท้ายด้วยนะฮะ   เป็นกลอนเก้าก็จะดี



             (๑๔)
ล้มแล้วลุก  ปลุกใจฝัน  เพื่อวันใหม่


 



emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 06 มีนาคม 2012, 11:32:PM
  (๑๔)
ล้มแล้วลุก  ปลุกใจฝัน  เพื่อวันใหม่
เถิด..เติมไฟ ให้ลุกโชน บนความหวัง
สู้ยิบตา ฝ่าหนทาง อย่างจริงจัง
สุดกำลัง ของแรงใจ อย่าได้ท้อ
   (๑๕)
วันนี้อาจจักสมหวังอยู่เพียงน้อย
หรือวันหน้าอาจต้องคอยหวังอีกหนอ
แต่สักวันคงยิ้มได้ กับ คำว่า"รอ"
ด้วยดวงใจที่คิดต่อก่อฝันงาม


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า” "เดินทางสู่ดวงตะวัน"
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 07 มีนาคม 2012, 09:51:PM
           (๑๖)
ทางสองแพร่ง  ดี-ชั่วไซร้  มีให้ก้าว
อยากเป็นดาว  สูรย์จันทร์พราย ประกายหวาม
ก็ต้องเดิน     สู่วิถี   ความดีตาม
หรืออยากทราม  ก็ทำชั่ว  มั่วอบาย
          (๑๗)
ขายยาบ้า    เค้าแล้วสิทธิ์   คิดแล้วเศร้า 
เสพยาเข้า   เพียงแค่หยิบ  พาฉิบหาย
ไม่นานต้อง    ประสบทุกข์ ติดคุก-ตาย
เป็นทางสาย   เสื่อมฉาวโฉ่  แสนโศกา 
          (๑๘)
ยาเสพย์ติด  โทษมากมี  ภัยชีวิต
อีกเป็นพิษ  ต่อสังคม    ตกจมค่า
พ่อฆ่าลูก  ลูกฆ่าพ่อ  ตาต่อตา
ร้ายยิ่งกว่า  จื้งจอก เสือ ล่าเหยื่อกิน
           (๑๙)
หลงทำบาป  เลวเช้าสาย  ชีพตายเปล่า
ไม่เห็นดาว   ไม่เห็นเดือน  สูรย์เลือนสิ้น
เพียงหายใจ   เข้าออกหนา  รวยระริน
รอยราคิน    ชีวิตหม่น      โอ้!คนพาล
           (๒๐)
ทำพูดคิด   สิ่งดีๆ     เป็นศรีศักดิ์
ย่อมประจักษ์  ธรรมคุณค่า มหาศาล
เป็นนักปราชญ์  บัณฑิต   พิชิตมาร
คนทั่วบ้าน   ทั่วเมืองนั้น  กล่าวพรรณนา

                               อริญชย์
                            ๗/๓/๒๕๕๕

ปล. “ลุใบหญ้า” กลอนพาไป อย่าได้ถือสาหาความเน้อ  ทุกท่าน
*ใครจะแต่งต่อก็ เลข ๒๑ ไปเลยนะฮะ  เป็นกลอนเก้าก็จะดี




 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 07 มีนาคม 2012, 10:50:PM
        (๒๑)
สิบห้าค่ำ.เดือนสาม.จึงตามเขียน
ไปเวียนเทียน.ตามหลัก.ศาสนา
การสวดมนต์.วนโบสถ์.ลดอัตตา
ศาสดา.ที่เคารพ.ครบพระองค์
        (๒๑)
ออกจากสังสารวัฏ.ตัดโลภะ
ลดโกรธะ.วิบาก.ทั้งรากหลง
ยึดสงบ.พบธรรม.เจตน์จำนงค์
รู้จักปลง.ว่างเปล่า.ท่านกล่าวนำ
        (๒๓)
ฝากบุญถึง.พี่น้อง.ร่วมพ้องญาติ
เพื่อนร่วมชาติ.คุ้นเคย.ก็เอ่ยพร่ำ
นามปากกา.นักกวี.ที่จดจำ
ได้น้อมนำ.จิตเผื่อ.ผู้เอื้อกลอน
        (๒๔)
ขอจงเป็น.กัลยาณมิตร.สัมฤทธิ์ผล
อยู่แห่งหน.บนโลก.โชคสังหรณ์
ไร้โรคา.อารมณ์.นิยมพร
เกียรติขจร.ฟูเฟื่อง.รุ่งเรืองนาม
        (๒๕)
เป็นที่รัก.ของที่รัก.ร่วมพรรคพร้อม
รู้นอบน้อม.ต่อเบื้อง.เมืองสยาม
อายุ.สุขขะ.พละ.ช่างงดงาม
เป็นไปตาม.ตั้งจิต.ประดิษฐ์เทอญ

 emo_126  emo_126  emo_126





หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า” "เส้นทางสู่ดวงตะวัน"
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 07 มีนาคม 2012, 10:51:PM


                  (๒๕.๑)
เรียนต้องจด  รถต้องเจิม  เริ่มต้องแจ๋ว
เรือต้องแจว   รักต้องใจ   อย่าได้เขิน
เกิดเป็นคน  ต้องฟันฝ่า   กล้าเผชิญ
ไม่หมางเมิน  สักวันจัก  ถึงมรรคา…

                       อริญชย์
                          ๗/๓/๒๕๕๕



ปล.ไม่เป็นไร  ศรีเชื่อมกลอนได้ อิอิ







 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 07 มีนาคม 2012, 11:03:PM



อันชั่วดีที่ได้ทำกรรมทั้งหลาย
ไม่สูญหายย่อมตามไปต่อภายหน้า
ย่อมส่งผลแก่ตนชัดเป็นสัจจา
ทั้งส่งผลแก่ประชาบรรดามี(๒๖)
กายวาจาประพฤติดีมีศีลสัตย์
ช่วยขจัดซึ่งความชั่วตัวบัดสี
โลภโกรธหลงนั้นร้ายนักหนักเต็มที
ทำโลกนี้อลวนปนวุ่นวาย(๒๗)
อันศีลสัตย์สุจริตเป็นมิตรแท้
ถึงกายแก่หรือชีพดับไม่ลับหาย
ย่อมยืนยงคงกระพันไม่ผันกลาย
สิ่งสุดท้ายอันงดงามตามเราไป(๒๘)
ทำสิ่งดีมีประโยชน์โสตถิผล
ให้ปวงชนชาติประเทศเหตุสดใส
ศีลธรรมนำชีวิตนำจิตใจ
คือหลักชัยแห่งมนุษย์พิสุทธิ์แล้ว(๒๙)
ดำรงมั่นในความดีมีคุณธรรม
ย่อมน้อมนำดีสนองอย่างผ่องแผ้ว
อนุชนคนรุ่นหลังยังเห็นแนว
จักส่อแววเป็นแบบอย่างทางเจริญ(๓๐)
               emo_95

เหอะๆ  มาทีหลัง สัมผัสไม่รับ ไม่แก้ล่ะ









หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า” "เส้นทางสู่ดวงตะวัน"
เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 08 มีนาคม 2012, 01:50:AM


              (๓๑)
เรียนต้องจด  รถต้องเจิม  เริ่มต้องแจ๋ว
เรือต้องแจว   รักต้องใจ   อย่าได้เขิน
เกิดเป็นคน  ต้องฟันฝ่า   กล้าเผชิญ
ไม่หมางเมิน  สักวันจัก  ถึงมรรคา…

              อริญชย์
           ๗/๓/๒๕๕๕
emo_126

          (๓๒)
ใจต้องจอง ลองต้องพัก รักต้องสู้
หวังครองคู่ อยู่จนแก่ ต้องแลหา
ใครจะซื่อ ถือไม้เท้า เฒ่าชรา
เป็นสามี และภรรยา จนคลาไคล
          (๓๓)
เจอแต่เพียง คารมลวง ช่วงโปรโมท
ทำแกล้งโกรธ เบื่อหน่ายกัน เมื่อหมั่นไส้
มิถนอม พร้อมจะอยู่ เป็นคู่ใจ
จะหาใคร? รักตลอดชีพ ให้รีบจอง


 emo_107 พอและ!!...ง่วงแล้วค่ะ ราตรีสวัสดิ์... emo_62



หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: Thammada ที่ 08 มีนาคม 2012, 11:46:AM
(http://farm2.static.flickr.com/1390/560908511_58c2fef30c.jpg)

ข้าเติบโต ตามป่า มานานนัก
ใจประจักษ์ ลำเนา เพียงเผ่าผอง
สราญรมย์ เลิศล้ำ ในทำนอง
นทีท้อง ธารทุ่ง จรุงเรือง (๓๔)

เพลงไพรใส สายลม..แล้ว..โลมหล้า
ซื่อประสา สันติ มิปราดเปรื่อง
ภราดร ใดอุ่น ไอหนุนเนือง
นอนฝันเฟื่อง ฝากฟ้า ยามราตรี (๓๕)

ดอกไม้ป่า ฐานันดร สะท้อนทบ
มิบรรจบ จากฟากฝัน จนวันนี้
เก่ากลีบก้าน กาลเวลา ล่วงวารี
ซากวิถี ถมทับ...แล้ว...ลับตา (๓๖)

ดอกไม้เมือง เรืองสี อยู่ดีไหม
ศิวิไลซ์ ลานฝัน สู้ฟันฝ่า
หลับฝันดี ศรีสุข ทุกเวลา
หรือร่ำหา หัวใจ...แต่ไม่เจอ...(๓๗)

             emo_116



หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า” (เดินทางสู่ดวงตะวัน)
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 09 มีนาคม 2012, 09:59:PM
           (๓๘)
กินแล้วนอน  ตอนแล้วหมู  ดูแล้วหมี
โรคมากมี  พร้อมจะมา  ล้อมเสมอ
ออกกำลัง   กายบ้างเถิด  ดีเลิศเลอ
เพราะหากเจอ เบาหวานเข้า จะร้าวราน
          (๓๙)
อันพืชผัก  ผลไม้  ทานไว้ด้วย
มันจะช่วย  คล่องขับถ่าย ระบายผ่าน
ไม่สะสม   ต่อมไขมัน  ประจัญบาน
เค็ม ขม หวาน ทานมากไป ไตเสื่อมทรุด...
   

                      อริญชย์
               ๙/๓/๒๕๕๕





 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: สุนันยา ที่ 10 มีนาคม 2012, 09:19:AM
อยู่บ้านนา ป่าไพร ไรเขตขอบ
ความสุขมอบ มากมายไม่สิ้นสุด
เก็บผักบุ้ง ผักกระถิน ถิ่นเยี่ยมยุทธ
เดินสะดุด คันนา จนตาลาย... emo_33(๔๐)

เคยเก็บหอย โคนข้าว เอามาจี่
ผักแว่นมี จิ้มน้ำพริก อุ๊ยแซ่บหลาย
จับปูมาต้มแกง แบ่งเรียงราย
เปิบข้าวกินสบาย ที่ปลายนา... emo_20(๔๑)
 emo_126
"สุนันยา"


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”(เดินทางสู่ดวงตะวัน)
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 26 มีนาคม 2012, 07:01:PM
            ๐ทุ่งรัก๐
               ๔๒
ดอกรักขาว  แย้มพราวพร่าง  อยู่ข้างสวน
กลิ่นหอมหวน  ชวนให้   ฝันใฝ่หา
ดอกแคขาว  หวานซึ้ง  ยั่วนึ่งปลา
ไหวเริงร่า  ลมหยอกเย้า ทุกเช้า-เย็น
               ๔๓
ข้าวเต็มนา ปลาเต็มหนอง คลองเต็มน้ำ
ทิวเขางาม  พฤกษ์ไพร  มองไกลเด่น
จิ้งหรีด   ขับเพลงกวี   เท่าที่เป็น
ริมคลองเห็น กบเขียดมา เอื้ออาทร
                ๔๔
ควายเขาเล เลาะเล็มหญ้า เวลาเช้า
น้ำค้างพราว พร่างตา ใบหญ้าอ่อน
นกเอี้ยงบิน  ชุลมุน  กล่อมสุนทร
ถลาร่อน  เกาะหลังทุย  เที่ยวลุยไพร
               ๔๕
ลมกรากตาล  กราดเกรี้ยว  เสียงเฟี้ยวฟ้าว
ไก่เกรียวกราว  เป็ดรายเรียง  สำเนียงใส
แว่วรำพัน  จากตุ๊กแก   มาแต่ไกล
ดลฤทัย  ให้เคลิ้มหลง  พะวงงงงัน
                ๔๖
ทะเลหญ้า  ไหวโอนเอน  พลิ้วเป็นคลื่น
พระพายชื่น เย็นพัดพา  ทุ่งสวรรค์
ตั๊กแตน  บินเริงร่า   รับตะวัน
ผีเสื้อพลัน  บินสยาย ปีกลายพราง
              ๔๗
ทุ่งรวงทอง  พริ้งเพริศ  เรืองเฉิดฉัน
แจ่มลาวัณย์  ฟ้าคราม งามกระจ่าง
ดุจแดนสรวง ห้วงหาว ดาวส่องทาง
ทุกคนต่าง แสนปลื้มใจ เมื่อได้ยล!ฯ

                      อริญชย์
                   ๒๖/๓/๒๕๕๕






ปล.เชิญต่อกลอน"ลุใบหญ้า" ไปให้ถึง 120 บท(แล้วจบ) ทุกท่าน



 emo_107 emo_60 emo_107


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 27 มีนาคม 2012, 07:40:AM

                                     



                                           (๔๘)
                       พรมข้าวเขียว เรียวใบ ไหวเยิบยาบ
                       กลิ่นกำซาบ หอมระรวย เอื้ออวยผล
                        หวังสร้างหลัก สักครั้ง พอตั้งตน
                     รินเหงื่อท้น  หยาดไหล  ไม่เหือดโรย 
                                          (๔๙)                 
                     พรมข้าวเหลือง  เมลืองตา  รวงกล้าแกร่ง
                          มานะแรง  พลัดวิบาก  พรากหิวโหย   
                        พระเมตตา  สู่ผืนหล้า  ฉ่ำฟ้าโปรย
                         เลี้ยงชีพโดย  เปรมปรีดิ์  ต่อนี้ไป   
                                           (๕๐)
                         พรมรากหญ้า  หญ้าชุ่ม  คลุมแห่งหน
                          ดับมืดมน  แล้งลบ  กลบคลอนไหว
                       ทุกหยาดหยด  ดั่งทิพย์มนต์  พ้นทุกข์ภัย 
                                พรมต้นใบ รู้รัก สามัคคี
                (http://image.ohozaa.com/i/b31/XCeZq.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/2uA) 
                                          พี.พูนสุข
                                    ๒๗   มีนาคม   ๒๕๕๕


                       


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 27 มีนาคม 2012, 05:34:PM
               ๕๑
สายลมเย็น  พัดพลิ้ว  ผ่านทิวเขา
ฟ้าสีเทา พราวพราย ระบายสี
บุปผาสวย ตระการตา  ริมนที
สิงขรมี สัตว์กู่ร้อง   ดังก้องไกล
             ๕๒
แมลงปอ  โผผิน  โฉบบินเล่น
นกกระเต็น  บินตาม  ลำน้ำใส
นกกาเหว่า  กาฮัง  ระวังไพร
นกเขาไฟ  ขันกู่   หาคู่เคียง
            ๕๓
ต้นตะเคียน  ต้นพะยูง  สูงสง่า
เรไรป่า  ครื้นเครง  บรรเลงเสียง
เสริมวิถี ชาวบ้านหนอ รู้พอเพียง
หากินเลี้ยง ชีวิต  ไม่ผิดคลอง!ฯ

                          อริญชย์ 
                     ๒๗/๓/๒๕๕๕




 ใครจะร่วมแต่งต่อก็แต่งได้เลยจ้ะ


ดอกกระเจียว-ครูสลา คุณวุฒิ



http://www.youtube.com/watch?v=Cn6w6AkS-DY


emo_60 emo_107 emo_60


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: ยามพระอาทิตย์อัสดง ที่ 02 เมษายน 2012, 11:40:PM
(http://4.bp.blogspot.com/-cDGGsFG6g1c/T31GqFSW0MI/AAAAAAAABg0/29QTO-PLeug/s1600/01%2520Chiang%2520Saen.jpg)

ขอโทษที่ไม่ได้แต่งต่อนะคะ แต่งเสร็จแล้วต้องการเอามาแจ่มกับคุณอริญฯ นะคะ


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 03 เมษายน 2012, 04:38:AM
(http://img1.thaicomment.com/tc/028/001.gif) (http://www.thaicomment.com)

๕๔
กลางสวนป่า นานาเสียง สำเนียงใส
กล่อมป่าให้ ไม่เงียบงัน ร่วมกันฉลอง
ทั้งหริ่งหรีด กรีดสำเนียง เข้าเรียงรอง
กับเสียงของ น้องไก่ป่า ครั้งคราคราว

๕๕
เสียงระงม กลมกลืนก้อง ในท้องสวน
ช่างอบอวล อาบกลิ่นไอ ดุจใกล้สาว
ฟังเสียงขับ กับลมไล่ ใบไม้กราว
น้ำค้างพราว ราวแสงเพชร เก็จมณี

๕๖
แต่หัวใจ ไร้เสียงหวาน ออกขานสู้
ยังเต้นอยู่  คู่ร่างกาย ไม่หน่ายหนี
แม้นตัวตน หม่นซึมเศร้า ร้าวฤดี
ยังนำชี้ ว่าต้องสู้ คู่กันไป

๕๗
ลมรำเพย เชยโลมร่าง บางคราครั้ง
ราวป่ายัง ฟังเจื้อยแจ้ว แนวสดใส
สรรพสิ่ง หานิ่งอยู่  เริ่มสู้ไป
ตามวิสัย แต่ละทาง ที่สร้างมา.

"บ้านริมโขง"

(http://img1.thaicomment.com/tc/089/006.gif) (http://www.thaicomment.com)


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: บูรพาท่าพระจันทร์ ที่ 03 เมษายน 2012, 06:15:AM

พรมรากหญ้า  หญ้าชุ่ม  คลุมแห่งหน
ดับมืดมน  แล้งลบ  กลบคลอนไหว
ทุกหยาดหยด  ดั่งทิพย์มนต์  พ้นทุกข์ภัย
พรมต้นใบ รู้รัก สามัคคี
                 

พี.พูนสุข

emo_89

รื่นลีลานาเขียวเรียวระบัด
โยกสะพัดบ่ายเบนจะเอนหนี
ระลอกซ้อนลอนคลื่นชื่นฤดี
ข้าวขจีสีสดแสนงดงาม (58)

ริมเคียงอยู่คู่โยงประโดงชิด
ล้วนสถิตมิตรมากเห็นหลากหลาม
มีทั้งครึ่งกึ่งมัจฉานานานาม
โจนตูมตามยามเสียงสำเนียงยิน (59)

สัตตบุษย์ผุดผาดสะอาดใส
มากล้วนไปไม้อยู่คู่ชลสินธุ์
ทั้งจอกแหนแลกระจายชายวาริน
หึ่งหึ่งบินชินหูหมู่ภมร (60)

ชีวิตชื่นรื่นวิญญาณ์ทุ่งฟ้ากว้าง
เป็นแบบอย่างสร้างฝึกสำนึกสอน
ให้ตรองตรึกนึกคิดพิศสังวร
เอื้ออาทรวอนรู้ร่วมอยู่เคียง (61)


 emo_126

บูรพาท่าพระจันทร์


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 03 เมษายน 2012, 06:39:AM
(http://www.qzub.com/bar_030.gif) (http://www.qzub.com)
ตื่นขึ้นมา ฟ้ามืดมัว สลัวแสง
ขอบฟ้าแดง สีเลือด เผือดด้วยเสียง
ฝูงนกกา บินถลา มาเคียงเรียง
ได้ยินเพียง เปรี้ยงฟัง ชั่งน่ากลัว (๖๒)

ตื่นตระหนก อกสั่น  แสนหวั่นไหว
มองออกไป ลมแรง แหยงไปทั่ว
โอ้อากาศ เช้านี้ ฝนตกชัวร์
ต้องขอตัว รีบร้อน ไปก่อนนา (๖๓)
พันทอง
(http://www.qzub.com/bar_030.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 03 เมษายน 2012, 07:07:AM

(http://whengreenmeetspink.files.wordpress.com/2011/05/i-miss-you.gif)


หากไปแล้ว เธอจ๋า อย่าไปลับ
ไปแล้วให้ รีบกลับ มารับหน้า
บ้านกลอนไทย เปิดรอ หมอเยียวยา
ด้วยบทกลอน อ้อนพา ค่าคู่เคียง  (๖๔)

มาร่วมเริง ลีลา ม่านหญ้าลุ
เข้าบรรจุ รักใส่ อย่างไร้เสียง
ด้วยรักป้อน ย้อนถัก อักษราเรียง
ร่ายโอมเพี้ยง เป่าหา พาอุ่นทรวง (๖๕)

แล้วส่งฝัน ปันใฝ่ ไว้ด้วยรัก
ทุกวันปัก สลักใจ ให้ด้วยห่วง
กลางใบหญ้า พาฉลุ กรุ รูปดวง
เขียนคำอ้อน ป้อนพ่วง แนบดวงใจ (๖๖)

รัตนาวดี
 emo_116



หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 03 เมษายน 2012, 03:14:PM
(http://www.oknation.net/blog/home/album_data/6/6/album/46499/images/419520.jpg)

แม้นเดินทาง หว่างไพรสณฑ์ พ้นสิงห์เสือ
แม้นลงเรือ ให้ลอยลำ ล่องน้ำใส
แม้นพบปะ สารพันคน ให้พ้นภัย
แม้นรถไฟ วิ่งไปลับ ขอพี่กลับคืน (67)
(http://www.qzub.com/bar_141.gif) (http://www.qzub.com)
แซมค่ะ
 emo_107
แซมต้องลุกะเค้ามั่ง..ใบหญ้าเนี่ยะ...  emo_55


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: สล่าผิน ที่ 03 เมษายน 2012, 08:14:PM

อยู่บ้านป่าตอนหน้าแล้งแสนแห้งนัก
เห็นบวบฟักก็มักแห้งสุดแย่งฝืน
ธารเคยหลากน้ำจากไปไร้ความชื้น
มีแต่ฟืนยืนต้นตายอยู่ปลายดอย(68)

เห็นพื้นป่าหญ้าตายแห้งเพราะแล้งจัด
ลมแล้งซัดพัดหญ้าปลิวเป็นริ้วฝอย
เห็นใบไผ่ไหวโยกจัดลมพัดลอย
ชะนีพลอยปล่อยเสียงร้องก้องพนา(69)

ไฟป่าลามตามพงไพรน่าใจหาย
ไม้วอดวายหลายล้านไร่ใครเผาป่า
สัตว์น้อยใหญ่ในพงพีสิ้นชีวา
บ้างกำพร้าแม่มาสิ้นต้องดิ้นรน(70)

แหล่งมีรูงูหลบหนีรักชีวิต
ไฟตามติดต้องคิดซ่อนสอนให้ร่น
เห็นรูมีหนีเข้าไปหวังให้พ้น
เพื่อชีพตนจนแต้มสู้มุดรูไป(71)

ที่รูมีงูสี่ตัวต่างกลัวร้อน
ตัวเข้าก่อนต้อนให้เห็นตนเป็นใหญ่
บอกเสียงดังจงฟังข้าฯอย่าขัดใจ
แต่นี้ให้สามัคคีดีต่อกัน(72)

ส่วนมดแดงในแล้งนี้หนีไฟป่า
ต่างเหนื่อยล้าพาฝูงไต่ปลายไม้นั่น
หวังเปลวไฟไม่รนถึงจึงฝ่าฟัน
สร้างรังฝันปลายยอดไม้พ้นภัยพาน(73)

สล่าผิน


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: เปรียว ที่ 03 เมษายน 2012, 08:38:PM
มีมดแดงอีกฝูงมุ่งไม้ใหญ่
มันตอมไต่ที่พวงมะม่วงหวาน
มันเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นอยู่เป็นนาน
จนเลยกาลพวกมดอดตามเคย (๗๔)

เปรียว

 emo_107


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: yaguza ที่ 03 เมษายน 2012, 09:05:PM


มีมดแดง อีกตัว มัวต้วมเตี้ยม
ไม่ตระเตรียม แต่งตัว มัวยืนเฉย
เขากินกัน มันกินด้วย ช่วยไม่เคย
พิโธ่เอ๋ย มดแดง กินแรงกัน
(๗๕)

.....ยา......


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: กังวาน ที่ 03 เมษายน 2012, 10:08:PM
และอีกตัวกลัวความสูงแตกฝูงหนี
ไปไต่ที่ปลายหญ้าหาความฝัน
เจอคางคกตกใจอะไรกัน
ตัวของมันเป๋ปะไป(ทะ)ลุใบหญ้า
         (๗๖)


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: ดุลย์ ละมุน ที่ 17 เมษายน 2012, 10:01:PM
ละอองใยใบหญ้าระย้าไหว
หริ่งเรไรร่ำร้องก้องพฤกษา
พลิ้วแผ่วลมคมปีกสกุณา
แสงทิวาแยงย่องส่องพงไพร (๗๗)

ชื่นชมวิวทิวเถื่อนเป็นเพื่อนพัก
โบกสลักทักฟ้านภาใส
เสียงธารแผ่วแว่วฟังกังวานใจ
กล่อมฤทัยใหลหลงดงพนา (๗๘)

กลิ่นยอดหญ้ายวนเย้ากระเซ้าปัก
ขับขานรักรุ่งรางสางอุษา
ธรรมชาติวาดฝันกลั่นชีวา
จินตนาพราวพัดจรัสวาว (๗๙)


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 18 เมษายน 2012, 06:42:AM
(http://www.berrytheme.com/wallpapers/4000-5000/4115/file/4115.jpg)


ดุจแสงทองส่องหล้า..ดอกหญ้าชื่น
น้ำค้างคืนเหือดหายก็คลายหนาว
โลกสลับกลับข้างทุกครั้งคราว
แสงสุรีย์ส่องสกาว...ดับดาวเดือน.......(๘๐)

ช่วยนำพาชั่วร้ายที่คล้ายฝัน
นั่นคือคนที่กระสัน..จะเชือดเฉือน
ต้องแพ้ภัยในธรรมที่ย้ำเตือน
ยิ่งแชเชือนยิ่งช่วยให้อวยชัย............(๘๑)

จึงอยู่อย่างสว่างจิตได้ปลิดทุกข์
มิต้องซุกต้องซ่อนความอ่อนไหว
ลดเรื่องหลงพะวงหาห่วงอาลัย
ให้กับใครก็ไม่รู้อยู่ลำพัง...................(๘๒)


 emo_79







หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 28 เมษายน 2012, 09:00:PM
           เดินตามฝัน

                      ๘๓
นักเดินทาง  อย่าท้อแท้  ยอมแพ้พ่าย
จงมั่นหมาย   ก้าวเดินไป ตามใจหวัง
สู่หนทาง  อันเสรี  อย่างจีรัง
ไม่หยุดยั้ง   ไม่เลิกรา  ไม่ปราชัย
                    ๘๔
ล้มแล้วลุก  ปลุกแล้วตื่น ยืนแล้วสู้
ให้โลกรู้  คนล่าฝัน  มิหวั่นไหว
อุปสรรค ร้อนหรือหนาว จะก้าวไป
ไม่ถอดใจ  ไม่อ่อนแอ  อย่างแน่นอน
                ๘๕
สิ่งที่หวัง  อยู่ไม่ไกล  หากไปต่อ
ไม่นานหนอ จะผ่อนหนัก นั่งพักผ่อน
ได้ฟังเสียง  นกเริงร่า   ทั่วป่าดอน
คนแรมรอน  คงสดชื่น  ทุกคืนวัน
               ๘๖
ดื่มน้ำเย็น  จากธารใส อันไหลหลั่ง
สดชื่นดั่ง  สายธารา  สรวงสวรรค์
สูดกลิ่นหอม  มวลบุปผา แห่งอรัญ
เดินตามฝัน อีกหนึ่งคราว คงพราวพราย!ฯ

                            อริญชย์
                       ๒๘/๔/๒๕๕๕




 emo_60 emo_107 emo_60









หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 01 พฤษภาคม 2012, 10:35:AM

87
เป็นแรงใจ ให้แก่กัน ยามขวัญหม่น
แม้นสู้ทน สักวันหนึ่ง ถึงที่หมาย
จะเคียงข้าง อย่างภักดี ไม่มีคลาย
คือความหมาย สายสัมพันธ์ ฝันร่วมทาง
(http://sl.glitter-graphics.net/pub/250/250298hh6s5repug.gif)
แซมค่ะ
(http://sl.glitter-graphics.net/pub/1057/1057791mrtq6iu67z.gif)


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 01 พฤษภาคม 2012, 11:27:AM
88
สุรีย์ร้อนเผาผลาญสะท้านสะทก   
ในหัวอกสุดทนให้หม่นให้หมาง
เข่นแสงกล้าต้องกายจะวายจะวาง
เพื่อนร่วมทางส่งลิขิตน้ำจิตน้ำใจ
89
ดั่งน้ำทิพย์ชโลมคลายโทมนัส   
สุขสัมผัสสายสัมพันธ์ในวันใหม่
มองสายทางยืดยาวก้าวต่อไป   
ฝันให้ไกลไปให้ถึงซึ่งวันรอ

เนิน จำราย


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 01 พฤษภาคม 2012, 12:49:PM
   

         
ร้อนระอุ ทะลุใบ 
      

                          ๙๐                             
 แดดเปรี้ยงเปรี้ยง เผาใจ ดั่งไฟร้อน      เรียวใบอ่อน เหี่ยวแห้ง แล้งจริงหนอ
 ความหงุดหงิด ฤทธิ์รด ระทดท้อ          ต้นฝดฝ่อ ร้อนผ่าว..ราวสุมไฟ
 
 ๙๑
 บ้านร่มเย็น ที่เคยเห็น กลับเป็นร้อน      ใต้ดินดอน กระอุ คุหมกไหม้
 กิเลสเป็น ไฟรุม สุมพิษภัย                        ไม้พงไพร เหยื่อมาร ผลาญแผ่นดิน
 
 ๙๒
 บ้านเป็นสุข ทุกข์หลีกเร้น เย็นดับร้อน         ต้น ยืน นอน แผ่ก้านใบ ไม่หมดสิ้น
 เปิดใจรับ ดับเกิดก่อ ต่อชีวิน                   ธารไหลริน.. มวลพฤกษา ตื่นตาพลัน.

                           (http://image.ohozaa.com/i/728/vafCi.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/qnp) (http://image.ohozaa.com/i/728/vafCi.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/qnp)
                               พี.พูนสุข
                           ๑  พฤษภาคม  ๒๕๕๕   


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: ดุลย์ ละมุน ที่ 04 พฤษภาคม 2012, 11:16:AM
ลมละลิ่วปลิวไล้ละไมผิว
พลิ้วไผ่ทิวริ้วรายระบายฝัน
ดาราส่องผ่องจรัสสะบัดจันทร์
อาบสีสันจันทร์นวลชวนนิทรา (๙๓)

กระท่อมฟางกลางทุ่งฟุ้งไออุ่น
หวานละมุนดุนใฝ่ละไมหา
แว่วเสียงธารผ่านแนวแจ้วพนา
กลิ่นพฤกษาคละเคล้าเล้าอารมณ์ (๙๔)

กล่อมเนื้อนวลครวญคร่ำรำพันรัก
โอบสลักภักดิ์พลีฤดีสม
รัญจวนจิตพิศมัยใฝ่ภิรมย์
รวมใจห่มบ่มซ่านผ่านวิญญา (๙๕)

อันพฤกษานานาพรรณสวรรค์สร้าง
เคล้ากลิ่นนางกลางทุ่งรุ่งอุษา
ซบอกเอ๋ยเกยทาบอาบทิวา
สุขอุราสาสมห่มไพรี (๙๖)


หัวข้อ: Re: “ลุใบหญ้า”
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 06 พฤษภาคม 2012, 05:29:PM
97
อาทิตย์สาด กวาดแสงส่อง ท้องนากว้าง   
ไม่เว้นว่างล่วงลำเนาคีรีศรี
มวลหมู่ไม้ยอดประเปรียวเขียวขจี      
แม่วารีปล่อยน้ำใสไม่รู้สิ้น
98
พระพิรุณหลั่งน้ำฟ้าลงมาโปรด      
ยังประโยชน์มหาศาลทั่วฐานถิ่น
พงไพรตื่นพืชไร่สวนอวลไอดิน      
ระรื่นกลิ่นดอกไม้ป่าลืมหน้าแล้ง
99
กลุ่มชาวนาตระเตรียมการเรื่องหว่านไถ   
หญ้าแตกใบทุกแนวทั่วหัวระแหง
ป่ารกชัฏคลายข้องขุ่นฝุ่นสีแดง      
คราวเปลี่ยนแปลงเป็นสีเขียวสีเดียวทั่ว
100
ธรรมชาติกำหนดวันวสันต์ย่าง         
ฟ้าครืนครางเมฆพยับสลับหลัว
สีเทาดำลอยต่ำคล้อยค่อยก่อตัว      
หลั่งไปทั่วดินผืนงามสยามไทย

เนิน จำราย