พิมพ์หน้านี้ - >>>เรื่องสั้น "เวลา ของความทรงจำ"

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => เรื่องซึ้งๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Design with love ᵔᴥᵔ ที่ 28 ธันวาคม 2011, 03:28:PM



หัวข้อ: >>>เรื่องสั้น "เวลา ของความทรงจำ"
เริ่มหัวข้อโดย: Design with love ᵔᴥᵔ ที่ 28 ธันวาคม 2011, 03:28:PM

>>> "เวลา ของความทรงจำ" <<< เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่ with love แต่งขึ้น ต้องขอคำแนะนำด้วยนะคะ^^"



(http://upic.me/i/p8/44-30.jpg) (http://upic.me/show/17618112)
(http://upic.me/i/ku/1132865870.gif) (http://upic.me/show/1527658)


            ฉันเคยสงสัยว่า ฉันทนมีชีวิตอยู่อย่างทุกวันนี้เพื่ออะไรกัน  ทั้งๆที่รอบตัวของฉันมันว่างเปล่าแทบจะไม่เหลือใคร แม้แต่คนที่ฉันรักมากที่สุด  เขาก็กำลังจะจากฉันไปแล้ว  ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโลกนี้ถึงได้โหดร้ายกับฉันนัก  กับคนที่รักกันมาเจ็ดปี  กับความรักที่กำลังจะผลิบาน มาวันนี้กลับพังลงไม่เป็นท่า  อนาคตที่เคยวาดหวังไว้ ก็พังไปไม่มีชิ้นดี  ฉันผิดมากอย่างนั้นหรือ จึงสมควรที่จะได้รับสิ่งที่ทำร้ายจิตใจฉันขนาดนี้  ฉันผิดมากหรือ..
“คุณคะ คุณหมอเชิญพบที่ห้องค่ะ” ฉันชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดประตู มองตามเสียงเรียกของหญิงคนหนึ่ง
“ค่ะ” เพียงคำตอบเบา เบาหลุดออกมาจากปากของฉัน ฉันเดินตามหญิงคนนั้นมาเรื่อยๆ คำถามมากมายเกิดขึ้นภายในใจ ‘หมอมีอะไรจะพูดกับฉันนะ’ ‘เขาเป็นอะไรอย่างนั้นหรือ’ ฉันกลัวความจริง  กลัวทุกสิ่งอย่างที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ฉัน..
“คุณคะ คุณ  เป็นอะไรรึเปล่าคะ” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือของเธอจับที่แขน ฉันยิ้มบางๆ พร้อมกับส่ายหน้าให้เธอเบาๆ
“เชิญค่ะ คุณหมอรออยู่ข้างใน” เธอเคาะประตูสองสามครั้ง พร้อมกับเปิดมันออกให้ฉัน ภายในห้องสีฟ้าขาวสะอาดตา ให้ความรู้สึกเย็นแปลกๆสำหรับฉัน หมอกำลังก้มหน้าก้มตาดูแผ่น x-ray สีหน้าเคร่งเครียด ฉันยืนมองอย่างไม่รู้จะทำยังไร  แม้อาทิตย์นี้ฉันจะเข้ามาที่นี่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้ฉันรู้สึกชิน หรือสบายใจ
“เชิญนั่งก่อนครับ” หมอเงยหน้าขึ้นบอก  ฉันเลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง  รอฟังสิ่งที่หมอกำลังจะพูดต่อ  หมอยังเงียบมองหน้าฉันสลับกับแผ่น x-ray ฉันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“หมอมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ” ...“ฉัน รับได้” ท้ายประโยคดังแผ่วแต่กลับย้ำแน่นหนักภายในใจ ‘ฉันจะต้องยอมรับมันให้ได้’
“หมออยากให้คุณตั้งสติ และฟังหมอก่อนนะครับ” หมอพูดพร้อมมองหน้าฉันอย่างไม่แน่ใจ 
 “ค่ะ” เสียงตอบรับเบาหวิวที่เต็มไปด้วยความไหวหวั่น 'ทำไมฉันถึงได้รู้สึกกลัวกับคำพูดของหมอขาดนี้นะ'   
หมอจับแผ่นx-ray ยกขึ้นเข้าหาแสง ชี้ให้ฉันเห็นส่วนสีดำทึบพร้อมทั้งอธิบายไปเรื่อยๆ ฉันเงียบฟังอย่างไม่รู้จะพูดอะไร  ใช่! ฉันไม่อยากรับรับรู้อะไร เพราะฉันเริ่มจะทนรับมันไม่ได้เสียแล้ว.. ..


มีต่อค่ะ^^



หัวข้อ: Re: >>>เรื่องสั้น "เวลา ของความทรงจำ"
เริ่มหัวข้อโดย: Design with love ᵔᴥᵔ ที่ 28 ธันวาคม 2011, 03:31:PM
ต่อจากข้างบนค่ะ ^^
           
27 มกราคม   2553; 16:23น. นี่ก็บ่ายแล้วฉันเดินออกมาจากห้องด้วยความสับสนวุ่นวายใจ  ฉันรู้สึกเหนื่อยเหมือนกับเรี่ยวแรงของฉันมันหมดสิ้น  น้ำตาของฉันรินไหลออกมาอย่างไม่อายใคร ทุกคำพูดของหมอยังดังอยู่ในหัวฉัน ‘ตอนนี้เนื้อร้ายในตัวของเขามันเพิ่มขึ้นมากเลยครับ หมอคิดว่าการฉายแสงอาจจะไม่ได้ผลอีกแล้ว’ ‘หมอไม่อยากรับปากว่าจะเยื้อเขาไว้ได้นานแค่ไหน หากได้กำลังใจที่ดีอาจจะอยู่ได้นานหลายเดือน แต่ถ้าไม่..’  ‘หมออยากให้คุณทำใจดีๆไว้ก่อน’ ‘หมอจะพยามทำให้ดีที่สุดครับ’ ฉันคิดทวนประโยคซ้ำไปซ้ำมา จนเท้ามาหยุดที่หน้าห้องเก่า ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้อง  แสงแดดตอนบ่ายส่องผ่านม่านสีฟ้า ทุกอย่างภายในห้องหยุดนิ่ง ไร้การเคลื่อนไหว ฉันมองร่างบนเตียงด้วยความรู้สึกไหวหวั่น คำพูดของหมอยังวนเวียนอยู่ในหัวของฉันอย่างไม่ลดละ ฉันเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆเตียง จ้องมองหน้าคนที่ฉันรักสุดหัวใจ  ลมหายใจของเขาดังสม่ำเสมอ  ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะฟังเสียงลมหายใจของเขา อยากมองหน้าเขาแบบนี้ จับมือเขาแบบนี้ อยากอยู่ข้างเขาแบบนี้ตลอดไป ... ..แต่ทั้งที่ฉันเองก็รู้คำตอบของมันดีอยู่แล้ว ว่าถึงอย่างไรมันก็ไม่มีวันเป็นไปได้  น้ำตาที่เริ่มแห้งไปกลับไหลรินอีกครั้ง ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูว่าเปล่าไปหมด  เหมือนมีฉันยืนอยู่คนเดียว ท่ามกลางความมืดที่ไร้ทางออก  ฉันจะทำอย่างไร ฉันจะอยู่อย่างไรหากไม่มีเขา ยิ่งคิดน้ำตามันก็ยิ่งไหล ‘ทำไมฉันมันอ่อนแออย่างนี้นะ แบบนี้จะดูแลคุณได้อย่างไรกัน’ ฉันมองหน้าเขาและซบหน้าตัวเองลงกับขอบเตียง ...มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ กับน้ำตาที่ยังไหลอยู่ไม่หยุด
“ร้องไห้ทำไมครับ” เสียงของเขา ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมามอง  มือของเขาพยามเอื้อมาซับน้ำตาให้   ฉันรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสแบบนี้  เขายังใจดี และอ่อนโยนสำหรับฉันเสมอ
“ไม่ได้ร้องสักหน่อย  แค่ฝุ่นเข้าตาน่า” ฉันพยามฝืนยิ้มออกมาให้กว้างที่สุดเพื่อบอกกับเขาว่าฉันไม่เป็นไร  เขาเลื่อนมือลงมาจับมือของฉันที่วางอยู่บนเตียง รู้สึกถึงแรงที่บีบมือฉันเบาๆ ไร้คำพูดใดๆหลุดออกมาจากปาก ฉันจ้องตาเขาเหมือนพยามหาบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างใน
“กลับบ้านกันเถอะนะครับ ผมอยากนอนที่บ้านเรามากกว่า”ฉันมองหน้าเขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ในเมื่อเขายังนอนซมอยู่แบบนี้แล้วหมออีกล่ะ จะว่ายังไง
“นะครับ นะ” สายตา และท่าทางออดอ้อนเหมือนเด็กๆ ทำให้ฉันอดอมยิ้มไปด้วยไม่ได้
“ก็อ้อนซะขนาดนี้แล้ว ใครจะใจร้ายลงล่ะค่ะ แต่ต้องบอกคุณหมอก่อนนะ”ฉันมองรอยยิ้มนั้นอย่างสุขใจ แล้วแบบนี้ฉันจะลืมคุณได้อย่างไรกัน  ความรู้สึกเจ็บในใจก็รุมเร้าเข้ามาอีก 
“แค่หมอ คุยแป๊บเดียว  ก็เปลี่ยนชุดกลับบ้านได้แล้ว” คำพูดแสดงความมั่นใจกับร้อยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก เขาไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด ยังดูแข็งแรง และยังมีร้อยยิ้มให้ฉันเห็นอยู่เสมอ  นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ฉันยิ้มได้หลังจากคราบน้ำตา..

 21:32 น. ภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้งมีเพียงแสงไฟสีนวลสลัวที่ยังสาดแสงอ่อนๆอยู่มุมห้อง เขาหลับไปนานแล้วหลังจากที่ได้คำตอบอนุญาตจากหมอ ให้กลับบ้าน  ผิดกับฉันที่คิดถึงวันพรุ่งนี้กลับทำให้รู้สึกนอนไม่หลับ ทุกอย่างมันเวียนซ้ำอยู่ในหัวของฉัน ยิ่งนึกถึงเรื่องเก่าๆ ฉันยิ่งหวั่นใจ ‘มันต้องนานกว่านี้ ฉันจะเยื้อเขาเอาไว้ให้นานที่สุด’ ความรู้สึกจุกๆที่คอ ร้อนๆที่ตาเริ่มเกิดอีกครั้ง ‘ฉันจะไม่ร้องไห้ ฉันต้องไม่ร้องไห้’ ‘ฉันจะดูแลเขาเอง ฉันจะต้องเข้มแข็ง’  ฉันทอดสายตามองออกไปที่หน้าต่าง ผ่านม่านสีฟ้า แสงไฟในยามราตรีของเมืองมหานคร ฉันคงต้องลาแล้วในคืนนี้ ฉันปิดเปลือกตาลงพร้อมความอ่อนล้า ฟังเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังดังแผ่ว..


  22 มีนาคม 2552 ; 20:45 น. ค่ำคืนที่ฉันมีความสุขมากที่สุดในชีวิต  ..ชุดลูกไม้สีขาวยาวสะอาดตาที่อยู่บนร่าง  เคียงข้างฉันร่างสูงเพรียวที่วันนี้แต่ตัวได้หล่อที่สุดเท่าที่เคยรู้จักกันมา มืออุ่นๆที่จับมือฉันไม่ยอมปล่อย เสียงเพลงบรรเลงหวาน บรรยากาศโรแมนติกน่าหลงใหล ท่ามกลางรอยยิ้มและคำอวยพรของญาติสนิทที่มาร่วมงาน ...นี่เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเรา หลังการคบยาวนานถึง 7 ปี ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ผู้ชายเรียบง่าย ดูมีโลกส่วนตัว อยู่กับความฝัน และจินตนาการ กลับหมุนมาเจอกับฉันผู้หญิงที่มองโลกด้วยทฤษฎีและเหตุผล  เราไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิดแต่แปลกที่เราสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว เขาไม่เคยขัดใจฉันเลยสักครั้ง เราแทบจะไม่เคยมีปากเสียงกันเลย ทุกๆวันที่เราอยู่ร่วมช่างสวยงามและเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ฉันคบกับเขามา 7 ปี จนวันนี้ตกลงที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน ความรักเริ่มผลิบานเรื่อยๆ ลมหายใจที่ฉันใช่อยู่ทุกวันก็เพื่อเขา เราอยู่เพื่อกันและกัน  อนาคตครอบครัวถูกวาดไว้อย่างสวยงามด้วยฝีมือของสถาปนิกมือหนึ่ง และอาจารย์มหาลัยกระจอกๆแบบฉัน  'เราจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ' มือของเขาบีบแน่นขึ้นเรียกฉันกลับมาจากอดีต
“เหนื่อยรึป่าวครับ ไหวไหม ดูเหม่อๆนะ” เขาถามฉันด้วยสีหน้าห่วงใย
“เปล่าค่ะ แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย” ฉันยิ้มให้เค้า “ไปห้องน้ำนะคะ” ฉันแกะมืออุ่นๆที่มือของฉันออก
“ให้ไปเป็นเพื่อนรึเปล่า ไหวแน่นะครับ”เค้ายังเป็นห่วงอยู่ไม่หยุด
“คุณอยู่ดูแลแขกเถอะค่ะ  เดี๋ยวมานะ” ฉันเดินหลบหลีกผู้คนภายในงานมาที่ประตูด้านข้างของโรงแรม เดินเรื่อยๆ สายตาของฉันสะดุดที่หญิงสูงวัยคนหนึ่งเธอนั่งก้มหน้าอยู่เงียบๆ ‘ใครกันนะ’ฉันนึกในใจ และจ้องมองเธอด้วยความด้วยสงสัย ในมือเธอมีบัตรเชิญร่วมงาน ‘คงจะเป็นแขกคนหนึ่งเป็นแน่’ฉันคิดและสรุปอย่างมั่นใจ  ก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอและเอ่ยปากถาม
“ทำไมไม่เข้าไปในงานละคะ”เงียบ เธอเพียงส่ายหน้าช้าๆ “งานไม่สนุกหรือเปล่า” ฉันยังไม่ละความพยาม เธอยังไม่ตอบเพียงแต่ยื่นซองสีชมพูหวานและกระดาษสีม่วงใส่ในมือของฉัน   ฉันมองบัตรเชิญและการ์ดสีม่วงเข้มอย่าง งงๆ  ลายมือที่ตวัดไปมา ฉันยืนเพ่งพยายามจับใจความ ‘เมื่อดอกไม้ดอกสุดท้ายผลิบาน  เพลงแห่งรักกังวานหวานไหว ขอสองร่างผสานรวมเป็นหนึ่งใจ  รักยิ่งใหญ่ซึ้งใจชั่วนิรันดร์’ คิ้วของฉันขมวดปมเข้าหากันเล็กน้อย นี่มันอะไรกัน  คำอวยพรอย่างนั้นหรือฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมาก่อนเงยหน้าขึ้นมองหญิงชรา  ‘หายไปไหนแล้วนะ’ ความสงสัยกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉันตะโกนเรียกหญิงคนนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเพียงความเงียบและความว่างเปล่าไร้เสียงตอบกลับ..
  ‘เปรี้ยง ง’ ฉันสะดุ้งเล็กน้อยมองไปรอบๆห้องที่ยังมีแสงนวลของโคมไฟ ฉันทอดสายตาไปที่หน้าต่าง ‘ตกอะไรตอนนี้นะ’ ฉันลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ ‘ว่าแต่ฝันถึงวันแต่งงานหรือนี่’ ฉันเอาน้ำลูบหน้าเบาๆ นึกทบทวนเรื่องในความฝัน ‘ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน’ คิดอย่างไรมันก็คิดไม่ออก  ฉันซับหน้าตัวเองเบาๆ ขับไล่คำถามทั้งหมด  ฉันออกมาจากห้องน้ำเดินไปที่เตียง เขายังคงหลับสนิท ฉันดึงผ้าห่มขึ้นเล็กน้อยและกลับมาล้มตัวลงนอนที่โซฟาตามเดิม เสียงฟ้าฝนยังดังกระหน่ำอยู่ไม่หยุด ‘ฝนหน้าหนาว’  ฉันมองนาฬิกาที่สะท้อนแสงไฟอยู่มุมห้อง ‘ตีสองครึ่ง’ ฉันข่มตาตัวเองให้หลับลงไปอีกครั้ง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้กลับบ้านแล้วสินะ... . .

มีต่อค่ะ^^


หัวข้อ: Re: >>>เรื่องสั้น "เวลา ของความทรงจำ"
เริ่มหัวข้อโดย: Design with love ᵔᴥᵔ ที่ 28 ธันวาคม 2011, 03:34:PM
ต่อจากข้างบนค่ะ ^^

28 มกราคม  2553 ; 18:25น. ณ บ้านพักริมหาด บ้านไม้สองชั้นถูกทาด้วยสีฟ้า รับกับสีน้ำทะเลที่สาดซัดอยู่ไม่ไกล ทุกอย่างรอบบ้านดูคุ้นตา ที่นี่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ความรัก และความทรงจำที่ดีๆ ฉันค่อยๆประคองร่างของเขาเข้ามาภายในบ้านอย่างทุลักทุเล   เมื่อถึงชั้นสองฉันเอนร่างเขาให้ราบลงกับพื้นเตียง ใบหน้าเขาดูซีดเซียวเล็กน้อย 
“เหนื่อยไหมคะ”มือฉันยังลูบอยู่ที่หน้าของเขาอย่างเป็นห่วง เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มบางๆให้ฉันซึ่งก็พอสรุปได้ว่าเหนื่อยนั่นเอง “นี่ก็เย็นมากแล้ว หิวรึยังคะ”  ฉันถามอีกครั้งเมื่อได้เวลาอาหารเย็น “งั้น..เดี๋ยวมานะ”  ไม่รอคำตอบ ฉันกดจมูกลงที่แก้มของเค้า ดึงผ้าห่มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินลงข้างล่าง  บ้านหลังนี้ที่ฉันคุยเคยอยู่ทุกซอกทุกมุม ไม่เปลี่ยนเลยสักนิดตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้  ...ฉันเดินเข้าห้องครัวก่อนจะลงมือทำอาหารเย็น

21:24 น. เขาหลับไปแล้ว ฉันเอนตัวล้มลงนอนข้างๆเขา กี่วันมาแล้วนะที่นอนโดยไม่มีเขาเคียงข้าง ฉันโอบแขนไปที่ตัวของเขา ลมหายใจสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเขาคงเข้าสู้ห่วงนินทรา  ฉันคลายอ้อมกอดเล็กน้อยเพื่อให้เขาได้หลับสบายขึ้น “ราตรีสวัสดิ์นะคะ”คำพูดที่ออกมาเพียงแผ่วเบา ฉันปิดเปลือกตา หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนของวันนี้

29 มกราคม  2553 ; 07:18 น. ภายในห้องยังมืดสนิท ฉันวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะ  เดินเลี่ยงไปเปิดม่านที่มุมห้อง แสงแดดสีทองยามเช้าที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ฉันยืนนิ่งทอดสายตามองไปข้างล่าง กุหลาบหลากหลายสีสันแบ่งบานแข่งกันเต็มสวน ตั้งแต่เขาไม่สบายฉันก็แทบจะไม่ได้มีเวลาหยุดมองอะไรเลย
แค๊ก แค๊ก เสียงไอแหบแห้งของเขาทำให้ฉันละจากภาพตรงหน้า
“ตื่นแล้วเหรอคะ หิวไหม เช็ดตัวก่อนดีไหมคะ” ฉันมองร่างที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง แววตาเขามีแววล้าเล็กน้อย ฉันเพียงแต่ยิ้มให้แววตานั้น
ฉันเดินกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับอุปกรณ์เช็ดตัว  ฉันวางมันลงข้างๆเตียง เริ่มซับที่หน้าเขาเบาๆ เขายกมือขึ้นมาจับที่มือของฉัน
“เหนื่อยไหมครับ ขอโทษนะ” มืออีกข้างของฉัน บีบอีกมือที่วางราบกับเตียง
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ขอโทษอะไรกัน”ฉันไม่ชอบเลยสักนิด ในเมื่อฉันเต็มใจดูแล จะมาขอโทษทำไมกัน
“ผมรักคุณนะ”คำพูดที่หลุดออกมาจากปากเขา ทำให้ฉันร้อนที่ใบหน้าเล็กน้อย ทั้งที่ได้ฟังประโยคนี้หลายครั้งแต่ทำไมมันยังไม่ชินนะ
“แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย”ฉันอมยิ้มเล็กน้อย และก้มหน้าเช็ดตัวต่อ ..ความรักเบ่งบานเมื่อไหร่ฉันชักจะไม่แน่ใจ แต่ที่รู้มันกลับเพิ่มมากขึ้นในหัวใจของฉัน  ฉันไม่รู้ว่าเมื่อคนอื่นเขามีความรักกันเห็นโลกเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่เท่าที่ฉันรู้‘ความรัก’มันทำให้ฉันมีพลังที่จะหันมองโลก ฉันมีความสุขที่ได้รัก แม้รู้ดีว่าอีกไม่นานนักที่ฉันจะได้ซึมซับความรักเหล่านี้

28 กุมภาพันธ์  2553 ; 13:27 น. ฉันยืนจ้องปฏิทิน รอยขีดกากระบาดทับทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหว ‘ทำไมเวลามันเดินเร็วขนาดนี้นะ ฉันยังไม่พร้อมเลย กับการจากลาที่กำลังจะมาถึง’ทุกๆครั้งที่ขีดทับฉันรู้เสียดายวันเวลา เรื่องเก่าๆจะกลับย้อนมาในหัวฉันเสมอ ความทรงจำที่หวานไหวของเรา ภาพเก่าจะถูกฉายซ้ำๆ ฉันละจากปฏิทินลงมามองที่ชั้นหนังสือด้านล่าง สมุดโน้ตเล่มเล็กๆ ตกลงมาจากชั้นที่วางอยู่ ‘ไดอารี่’กี่ปีแล้วนะที่ไม่มีเวลาเขียน ไม่มีเวลาเปิดอ่าน ฉันหยิบสมุดปกแข็งนั้นขึ้นมาเปิดดู กระดาษภายในสีซีดเซียวบ่งบอกถึงเวลาที่ยาวนานของมัน เปิดๆไปน้ำตามันก็จะไหล ฉันเปิดผ่านมาที่หน้าแรกๆ หัวกระดาษ บอกวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2546  วันแรกที่เราได้พบกัน

8 มิถุนายน พ.ศ. 2546 ; 10:45 น. ฉันยืนอยู่หน้าตึกคณะสถาปัตย์อย่างไม่รู้จะเริ่มไปทางไหนดี ทุกๆอย่างดูแปลกและแตกต่างกับคณะวิทย์ที่ฉันใช้เรียนมาเมื่อสองวันก่อน ฉันก้มหน้าดูตารางเรียนเป็นรอบที่สอง ‘ศิลปะกับการดำรงชีวิต AR1-132’ ฉันถอนหายใจยาวๆ ‘แล้วมันอยู่ตรงไหนเนี่ย’สายตาฉันจับจ้องหาผู้คนที่เดินผ่าน ‘แทบจะไม่มีใคร’ ฉันถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะหยุดสายตาที่ใครคนหนึ่งที่มุมห้อง ฉันรีบตรงดิ่งไปหาเขาทันที ฉันสูดลมหายใจลึกๆพยามรวบรวมความกล้า
“เออ.. ขอโทษนะคะ พอจะรู้ไหม ห้องเออาร์หนึ่ง หนึ่งสามสอง อยู่ตรงไหนคะ” ฉันยืนรอคำตอบจากร่างที่หลับตานิ่งอยู่ตรงหน้า
“..........”เงียบ คือคำตอบที่ฉันได้รับ  ฉันเอื้อมมือไปสะกิดที่ไหล่ของเขาเบาๆพร้อมกับเอ่ยถามประโยคเก่าอีกครั้ง แต่ก็มีเพียงความเงียบเช่นเดิม
“หลับรึป่าวเนี่ย แล้งน้ำใจจริงหัวฟูเอ้ย” ฉันบ่นเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับ แล้วฉันก็ต้องหน้าชาเมื่อพบว่าห้อง AR1-132 มันอยู่ตรงหน้าฉันนี่เอง ‘รีบวิ่งมาถามจนลืมดูเหรอเนี่ย’ฉันหมุนตัวกลับไปขอโทษบุคคลที่ด่าไปเมื่อกี้ ‘หลับมั้ง  คงไม่ได้ยินที่เราพูด’ ยังไม่ทันที่จะหมุนตัวกลับก็ต้องชงักกับเสียงของเขา
“ก่อนจะถามก็ช่วยดูอะไรให้มันดีๆหน่อยสิครับ ..เอ้อ แล้วที่ด่าเมื่อกี้” ฉันยิ้มเจือนๆให้เขา
“เออ.. ขอโทษค่ะ”เป็นคำที่พูดยากจนรู้สึกฝืดคอ ฉันเข้าไปในห้องเรียน สรุปว่า ‘หน้าแตกยับสินะ’ ฉันถอยหายใจเบาๆก่อนยกมือขึ้นปัดเหงื่อ ...

 เสียงหัวเราดังออกมาเบาๆ ทั้งที่คราบน้ำตาก็ยังไม่ได้เหือดแห้ง ‘เป็นการเจอกันที่น่าประทับใจจริงๆ’ ฉันปิดสมุดไดอารี่ เก็บเข้าที่ชั้นตามเดิม

มีต่ออีกค่ะ(จะจบล่ะ) ^^



หัวข้อ: Re: >>>เรื่องสั้น "เวลา ของความทรงจำ"
เริ่มหัวข้อโดย: Design with love ᵔᴥᵔ ที่ 28 ธันวาคม 2011, 03:50:PM

ต่อจากข้างบนค่ะ ^^

1 มีนาคม  2553 ; 20:45 น. ฟ้าปลอดโปร่งของคืนนี้  มีลมพัดแผ่วบรรยากาศช่างเป็นใจในการดูดาวยิ่งนัก  ฉันนิ่งมองท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองร่างที่นั่งเตรียมพร้อมรออยู่บนเตียง
“หนาวรึเปล่าคะ”ฉันถามพลางกระชับเสื้อกันหนาวเขาให้กระชับตัวเขามากขึ้น เขาเพียงแต่ส่ายหัวเล็กน้อยและเลื่อนมือมาจับที่มือของฉัน
“ผมรักคุณจัง” สิ้นคำพูดปากนั้นก็เลื่อนมาจูบที่มือของฉัน ฉันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที อึ้งเล็กน้อยที่อยู่ๆก็ถูกอ้อนแบบนี้
“เป็น อะ ไร รึป่าวคะ”เขาเพียงแต่ขบขันกับท่าทางทีฉันแสดงออก ฉันยังคงจ้องหน้าเขาอยู่นานอย่างหาคำตอบ
“เราออกไปดูดาวกันเถอะครับ”ฉันพยุงร่างเขาให้ลุกตาม  ระเบียงไม้ที่หันหน้าเข้าหายหาด ฉันพาร่างเขานั่งลงบนพื้นพรมที่ปูราบเป็นแนวยาว
ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืน ท้องฟ้าโปร่ง เห็นดาวระยิบระยับนับล้านดวง กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้จากแปลงข้างๆลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ  เสียงคลื่นที่ยังดังกระทบฝั่งอยู่เป็นจังหวะ ฉันยังพร่ำเรื่องเก่าๆอยู่ไม่หยุดหย่อน เพราะทุกภาพมันยังฉาบทับอยู่ในหัวของฉันเหมือนกลับว่ามันพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ‘คุณจำได้ไหม...’ ประโยคนี้เฝ้าเกริ่นเรื่องราวอยู่ไม่หยุด ฉันพูดไปด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา ไม่ใช่เพราะเสียใจแต่เพราะดีใจมากต่างหาก การที่เราได้พบกัน ได้รักกัน มันถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ความรักกลับมีแต่เพิ่มขึ้น ไม่มีท่าทีว่าจะลดน้อยถอยไปเลย ‘เราเกิดมาเพื่อกันและกัน’
“ไม่ เคย มีใจ ให้ใครมาก่อน  ไม่เคยอ่อนให้ ความ รักเลย…” เสียงแหบห้าวที่ออกจากปากเขาทำให้ฉันต้องหันกลับมามอง เพลงนี้ที่เขาเคยร้องตอนที่จีบฉันตอนแรก เพลงแห่งความหลัง เพลงที่ฉันชอบ เพลงของเรา นานแล้วสินะที่ฉันไม่ได้ฟังมันเลย ฉันยิ้มและนิ่งฟังเงียบๆ
“จะมี ใคร ใคร มากมาย คุ้นเคย แต่ไม่เคย มีใครอย่าง เธอ” สายตาเขาที่มองมามันทำให้ตาของฉันมันเริ่มร้อนๆ ใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าว
“ฉัน เคยบอก กับ เธอหรือยัง… ว่า เธอมีความหมาย เพียงใด กับคนที่ใจ มัน ด้านชา”เขาเลื่อนมือที่โอบเอวมาจับที่มือของฉัน ตายังจ้องหน้าฉันไม่กระพริบ ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มเติมเต็มในหัวใจ ภาพความหลังเก่าๆ ย้อนมาในหัวของฉัน
“ฉะ ฉัน เคยบอก กับเธอ หรือยัง…จากวันนี้และทุกเวลา  จะมีแต่คำ ว่า รั ก เธอ” ตาที่ยังสบประสานตาฉันอยู่ มันลึกซึ้งและยากเกินที่จะอธิบาย น้ำหยดใส่ๆไหลออกมาอย่างสุขล้น ฉันบีบมือที่จับอยู่บนมือของฉัน มืออีกข้างของเขาเลื่อนมาลูบที่หน้าของฉัน ไล่คราบน้ำตาที่มันกำลังรินหลั่ง เขาลูบ ที่แก้มฉันเบาๆ เรื่อยมาจนถึงใบหู ฝ่ามือนั้นที่ประคองใบหน้าของฉันอย่างแผ่วเบาและถนุถนอม
“จาก ฉัน คนเดิม จากรักไม่เป็น จะขอเป็นคนที่รักเธอยิ่งกว่าคน ไหน ไหน จากนี้คือเธอ... จากนี้จนวันตาย.. เธอคือสุดท้าย ของทั้งชีวิต และหัวใจ” เพลงที่ร้องครั้งนี้ดูติดๆขัดๆแต่กลับเป็นครั้งที่ฉันรู้สึกว่ามันเพราะที่สุดเท่าที่ได้ฟังมา เพราะที่สุดสำหรับฉัน  เสียงเขาเงียบไป พร้อมกับลมหายใจที่ดูหอบถี่  ฉันจับมือที่จับอยู่บนหน้า เลื่อนมาตรงที่หัวใจของฉัน
“ไม่ว่าวันไหน... ไม่ว่าเมื่อไร... ฉันรักเธอ...” ฉันพยามเน้นทุกถ้อยคำให้แน่นหนัก พยามไม่หลุดเสียงสะอื่นใดๆ แต่มันก็ยากเต็มที รอยยิ้มบางๆฉาบที่ใบหน้าของเขา มือที่จับอยู่กระชับแน่นขึ้น
“ร้องอีกได้ไหมครับ อยากฟังอีกจัง” ฉันสูดลมหายใจลึกๆ ไล่ความหวั่นไหว และคราบน้ำตา  เสียงบทเพลงดังลอดมาจากปากของฉัน เพลงที่เต็มไปด้วยความรัก ปากฉันพร่ำร้องไม่หยุดไม่ต่างกับใจที่ยังคิดไปไม่หยุดหย่อน หัวของเขาเริ่มมาซบที่ไหล่ของฉัน เสียงลมหายใจที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ฉันรู้สึกชาๆ “ร้องจนจบเลยนะครับ” เสียงนั้นยังดังอยู่ข้างหูของฉัน ฉันร้องเพลงอยู่เรื่อยๆ เหมือนว่าบทเพลงนี้มันยาวนานเกินกว่าทุกครั้ง  ลมหายใจหนักๆยังกระทบที่ต้นคอของฉัน ฉันกระชับผ้าที่คลุมไหล่ให้เข้าหากันมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้คลายความหนาวเหน็บในหัวใจของฉันได้เลย มีเพียงเสียงเพลงที่ขาดช่วง และน้ำใสๆที่ตาที่ยังไหลออกมาอย่างไม่หยุด
“ไม่ว่าวันไหน.......... ไม่ว่าเมื่อไร....... ฉัน รั ก เธอ”เพลงท่อนสุดท้าย พร้อมกับหยดน้ำตาของฉัน
“ผมรักคุณนะ อย่าร้องไห้เลยนะครับ”คำบอกรักแสนหวานไหวจากเสียงแหบห้าว ยังดังอยู่ข้างหูของฉัน
“ขอเถอะ ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ฉันสัญญา”ลมหายใจถี่ที่ดังขึ้นเรื่อยๆข้างหูฉัน  เริ่มหอบขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั่งขาดหายไป 
ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมทุกอณู  มีเพียงเสียงคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝั่ง ดาวที่ลอยพร่างพราวอยู่บนฟ้า  กลิ่นดอกไม้อ่อนๆที่ลอยมาตามสายลม ความรู้สึกหนาวเย็นจับใจฉัน มือเขาที่กุมอยู่เริ่มคลายออกเล็กน้อย ฉันบีบมือแน่นกระชับ  หยดน้ำใสๆร้อนๆยังไหลอยู่ไม่หยุด  ฉันโน้มใบหน้าเข้าหาเขา พร้อมกับกดจมูกลงบนเส้นผม “หลับเถอะนะคนดีของฉัน” ในความเงียบของคืนนี้มีเพียงฉันที่ยังนั่งจ่อมจมไม่ลุกหนีไปไหน มีเพียงความว่างเปล่าภายในหัวสมองของฉัน ทั้งที่ทำใจมาตลอดว่าอีกไม่นานวันนี้จะมาถึง ทั้งที่รู้ดีว่ามันต้องมาถึง แต่ใครกันที่จะรับได้ เสียงสะอื้นที่ดังออกมาจากปากของฉัน ภาพอดีตเริ่มเล่าเรื่องราวของมันทีละฉาก ‘เมื่อดอกไม้ดอกสุดท้ายผลิบาน เพลงแห่งรักกังวานหวานไหว ขอสองร่างผสานรวมเป็นหนึ่งใจ รักยิ่งใหญ่ซึ้งใจชั่วนิรันดร์’ ข้อความในกระดาษสีม่วงยังลอยเข้ามาในความคิดของฉัน ‘ชั่วนิรันดร์’อย่างนั้นหรือ ฉันปาดน้ำตา โอบกอดเขาทอดสายตามองไปเบื้องหน้า... ‘เมื่อไหร่จะเช้านะฉันอยากจะดูพระอาทิตย์ขึ้นเต็มที’

มีต่ออีกค่ะ(จะจบล่ะ) ^^




หัวข้อ: Re: >>>เรื่องสั้น "เวลา ของความทรงจำ"
เริ่มหัวข้อโดย: Design with love ᵔᴥᵔ ที่ 28 ธันวาคม 2011, 03:52:PM
ต่อจากข้างบนค่ะ ^^

22 มีนาคม 2553 ; 09:15 น. ฉันยืนมองรูปถ่ายที่ติดอยู่ห้อง ‘ภาพวันแต่งงาน’ใบหน้าของทุกๆคนฉาบทับไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และความอิ่มเอมใจ ‘วันนี้ก็ครบรอบหนึ่งปีแล้วสินะ’ ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ ยืนซึมซับภาพแห่งความสุขนั้นอยู่นาน ก่อนจะเดินขึ้นสู่ชั้นบนของตัวบ้าน ฉันเดินไปเปิดม่านและหน้าต่าง สายลมที่พัดเข้ามาภายในห้องให้ความรู้สึกเย็นสบาย ฉันมองออกภายนอก แปลงดอกกุหลาบ ที่ดอกของมันเริ่มจะโรยราตามวันและเวลา ฉันเดินมายังเตียงนอนทุกๆอย่างที่เป็นเขายังแจ่มชัดอยู่ภายในหัวของฉัน ..ฉันไม่สามารถลืมมันลงได้แม้แต่วินาทีเดียว   ฉันมองไปรอบห้องและก็ต้องสะดุดตากับสมุดข้างหัวเตียง ฉันหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างสงสัย ข้อความถูกเขียนด้วยดินสอดำ ลายมือที่ฉันคุ้นตาเป็นอย่างดี ฉันทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ค่อยๆ เปิดมันอ่านทีละหน้า ทีหน้า อย่างช้าๆ...
‘ผมขอโทษนะครับที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ ...ขอโทษนะที่ดูแลคุณได้ไม่ดี ...ขอโทษที่ทำให้คุณต้องทุกข์ใจ ...ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมไม่แน่ใจว่าผมดีพอที่จะอยู่เคียงข้างคุณรึเปล่า ผมเสียใจทุกครั้งที่เห็นคุณต้องแอบร้องไห้ เสียใจที่ผมมันอ่อนแอเหลือเกิน.. แม้ยืนกอดคุณ ปลอบคุณผมยังไม่สามารถจะทำได้ คุณเสียใจไหมที่เราได้พบกัน เสียใจไหมครับที่ต้องมาจมอยู่กับผม ...แต่ผมไม่เคยเลยสักนิด การที่มีคุณอยู่เคียงข้าง แม้เพียงเสี้ยวนาทีมันกลับทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมรักคุณนะครับ ไม่ว่าจะอีกนานขนาดไหน ผมก็จะยังรักคุณ ยิ้มเถอะนะคนดีของผม ยิ้มให้กับวันพรุ่งนี้ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ’  
“ฉันรักคุณนะคะ ฉัน รัก คุณ”ฉันปิดสมุดลงเบาๆ น้ำใสๆเริ่มไหลออกมาจากตา “ฉันไม่เคยเสียใจเลยนะที่ได้มารู้จักกับคุณ คุณคือคนพิเศษของฉันเสมอ ขอบคุณนะคะสำหรับทุกๆสิ่ง ฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อคุณ อยู่เพื่อคิดถึงคุณเสมอไป”ฉันปาดน้ำตาออกจากแก้ม ยิ้มให้กับรูปของเขา

18:17 น. ฉันนั่งอยู่ที่พื้นทรายเงียบๆ คิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฉันพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองว่าฉันจะอยู่เพื่ออะไร หากไร้คนที่รัก ...ฉันเฝ้าหาคำตอบจนเกือบลืมว่าการมีชีวิตอยู่เพื่อนคนที่รักเรา มันสำคัญมากขนาดไหน การเสียใจมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา ถึงอย่างไรฉันก็จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่เพื่อใครสักคนที่อาจจะกำลังมองดูฉันอยู่บนฟ้านั้น อยู่เพื่อทำบางสิ่งที่บางคน ไม่มีโอกาสได้ทำ...  ฉันไม่รู้ว่าฉันเข้าใจคำว่ารักมากขนาดไหน แต่ฉันมั่นใจว่าฉันสามารถรักใครได้โดยไม่ต้องเข้าใจทฤษฏีและเหตุผล ...ฉันไม่เคยเสียใจหากว่าเรื่องมันจะจบลงแบบนี้ หากย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็ยังอยากให้มันเป็นแบบนี้ ได้พบกับเขา และได้รักเขาอย่างหมดหัวใจ  ฉันรู้ว่าเมื่อมีพบมันย่อมมีการจากลาเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ฉันพยายามทำใจให้ชิน ถึงมันจะยากนักในความเป็นจริง แม้เวลาผ่านไปอีกสิบปี ยี่สิบปี หรืออาจจะมากกว่านั้นแต่ความทรงจำของฉันจะยังมีเขาอยู่ด้วยเสมอ  ฉันทอดสายตาไปยังน้ำทะเลเบื้องหน้า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบาๆ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู ‘อธิการบดี’ ฉันโดดสอนมากี่เดือนแล้วนะ หมดเวลาพักร้อนของฉันแล้วสิ ฉันคงต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่า แม้เขาคนนั้นจะขาดหายไป แต่ภายในใจของฉันมันจะมีเพียงแค่เขาเท่านั้น  ...ฉันสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด เงยหน้ามองท้องยามเย็น  'ยิ้ม' ให้กับใครบางคนที่อยู่บนนั้น... 

^^ จบแล้วค่ะ ^^

http://www.youtube.com/watch?v=xBSJ3efRTww
(http://upic.me/i/0t/5hq22.gif) (http://upic.me/show/12472567)

*พยายามทำให้กระทู้มันน้อยลงแล้วนะคะ แต่จำนวนคำมันเกิน^^
**นี่เป็นการเขียนเรื่องสั้นครั้งแรก หากไม่มากเกินไปขอคำติชม ด้วยได้ไหมคะ ^^
*** เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงเหตุการณ์ที่สมมุติขึ้นมา with love ขอบคุณแรงบันดาลใจที่เคยผ่าน ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ทนอ่านเรื่องเพ้อเจ้อจนจบ ขอบคุณค่ะ ^^