พิมพ์หน้านี้ - ลา...

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนธรรมะ+กลอนสอนใจ+กลอนธรรมชาติ+กลอนปรัชญา => ข้อความที่เริ่มโดย: ภูต พเนจร ที่ 07 พฤษภาคม 2014, 12:55:PM



หัวข้อ: ลา...
เริ่มหัวข้อโดย: ภูต พเนจร ที่ 07 พฤษภาคม 2014, 12:55:PM
๏ลาแล้วล่วงลับให้ดับสูญ
อาดูรโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงา
โอ้หนอ!สงสารสังขารเรา
ถูกเผามอดดับไปกับไฟ

๏คืนหนึ่งวันหนึ่งจนถึงฆาต
สายขาดชีวันหยุดสั่นไหว
วันนี้ล่วงแล้วแคล้วจากไกล
อาลัยสุดแสนในแผ่นดิน

๏วันหนึ่งคืนหนึ่งทนฝืนมา
โหยหาหมองหม่นปนถวิล
จุดเพลิงอัคคีเผาชีวิน
มอดสิ้นสังขารตามกาลเวลา

๏หมดแล้ววันนี้ที่มีอยู่
เฝ้าดูอินทรีย์ที่ห่วงหา
บัดนี้มิเหลือแม้กายา
วิญญาณสัญญานั้นลาไกล

๏พิโธ่เอย!เคยเดินเคยเพลินจิต
เคยคิดเคยมองเคยผ่องใส
เคยรับเคยรู้กับคู่ใจ
บัดนี้ลาไกลให้ช้ำทรวง

๏ลาแล้วลาลับไม่กลับมา
ดวงจิตชีวาหาห่วงหวง
คืนกลับลับลาสิ่งทั้งปวง
คืนล่วงวันลับกลับจากไกล

๏เปลวเพลิงเริงเล่นเห็นสนุก
โศกทุกข์บิดพริ้วระริ้วไหว
เจ็บช้ำอำลาแสนอาลัย
ฝากไว้ในเถ้า"ธุลีดิน"

ภูต พเนจร



(ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
มือใหม่หัดแต่งกลอนครับผม)


หัวข้อ: Re: ลา...
เริ่มหัวข้อโดย: ภูต พเนจร ที่ 07 พฤษภาคม 2014, 08:45:PM
ขลุ่ยเอ๋ยขลุ่ยไผ่
เสียงเจ้าเคล้าไปในไพรสณฑ์
กระซิปแว่วแผ่วมาในกานน
ข้างสกลหม่นหมองพาลองจินต์

เสียงเพรียกค่ำย่ำเช้าพาเหงาหงอย
เพลงขลุ่ยพลอยลอยล่องดั่งท่องสินธุ์
หวลสู่ป่าลาจากจรฤๅห่อนยิน
ขลุ่ยคืนถิ่นสิ้นเสียงแว่วแผ่วเสียงเอย


จาก "The sound of the flute has returned to the bamboo forest."


(ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
มือใหม่หัดแต่งกลอนครับผม)

 emo_126 emo_126 emo_126


หัวข้อ: Re: ลา...
เริ่มหัวข้อโดย: ภูต พเนจร ที่ 10 พฤษภาคม 2014, 10:08:AM
เมื่อเจ้ามามีอะไรมากับเจ้า
สิ่งอื่นเล่าเจ้าจะเอามาจากไหน
มาตัวเปล่าแล้วจะเอาอะไรไป
แม้ร่างกายเล่าไซร์ยังไม่เอา


ภูต พเนจร


(ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
มือใหม่หัดแต่งกลอนครับผม)

 emo_126 emo_126 emo_126


หัวข้อ: Re: ลา...
เริ่มหัวข้อโดย: นายสำเริง ที่ 10 พฤษภาคม 2014, 11:10:AM
อันเรือนร่างครั้งคราเมื่อลาโลก
อย่าเศร้าโศกมากล้นคนรอเผา
เมื่อยังอยู่คนคว้าได้เร่งสาวเอา
อย่างมัวเมาในมั่งมีสุขขีจริง

วิทยาศาสตร์เรียนไว้ให้รู้ล้วน
เหมือนเชื้อชวนให้เรารู้ในทุกสิ่ง
หลักพิสิกสะท้อนให้เห็นความจริง
ไว้อ้างอิงถูกต้องมิหมองมัว

ด้วยหลักการเหล่่านี้ที่เที่ยงแท้
สังคมเราจึงย่ำแย่ได้ถ้วนทั่ว
ตกนรกหมกไหม้ใครไม่กลัว
ด้วยเพราะชัวร์ในหลักเกญท์ความเป็นไป

เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเล่า
ถ้าไม่เข้าโกงกินจะอิ่มไหม
เมื่อสาวได้จะนั่งท้อเพื่อรอใคร
มาสาวแย่งคืนไปไม่กลับมา

จึงหลักการง่ายๆไว้อ้างอิง
ว่าทุกสิ่งนี้หาใช่ของใครหนา
ย่อมเป็นของผู้สาวได้ไม่ระอา
มีแล้วจึงเริงร่าคือหลักการ

เมื่อมั่งมีดีล้วนในมวลมิตร
ยามสถิตแห่งหนบนสถาน
ใครยกย่องมากมีให้ชื่นบาน
จนยอมคลานให้หมาเห่าแสนเศร้าใจ

อย่าเศร้าโศกเลยสหายจงวายเว้น
ยุทธภพล้วนลำเค็ญทั้งไกลใกล้
ใครคือมิตรคือศัตรูอยู่ที่ใจ
ใครต้องการอะไร...มันบอกเอง










หัวข้อ: Re: ลา...
เริ่มหัวข้อโดย: ภูต พเนจร ที่ 11 พฤษภาคม 2014, 07:51:PM
สูงสุดอยู่เสียดฟ้า...........................หงษ์เหิน
ธรรมะหาใครเกิน............................ต่อแก้
สามัญใช่หมางเมิน..........................คืนกลับ
สู่จิตเดิมอันแท้..............................ว่าไว้ธรรมา




สูงสุดสูงเสียดฟ้า..........................เขาเขิน
ธรรมะใครกล่าวเกิน........................ต่อแก้
สามัญกลับหมางเมิน.......................ห่อนกลับ
ห่างจิตเดิมอันแท้...........................ห่อนพ้นธรรมา


ภูต พเนจร

(ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
มือใหม่หัดแต่งกลอนครับผม)

 emo_126 emo_126 emo_126


หัวข้อ: Re: ลา...
เริ่มหัวข้อโดย: ภูต พเนจร ที่ 14 พฤษภาคม 2014, 05:06:PM



โคลงกระทู้

๏มี...เงินยศมากล้น....................หลายสถาน
เงิน...ทองหากเปรียบปาน............ชีพข้า
ยศ...ศักดิ์ยั่งยืนนาน..................ยิ่งกว่า
มาก...เหล่ามิตรนับหน้า..............เช่นนี้พึงมี

๏   นัก...บวช – ชีว่าโอ้..................อนิจจัง
สิ่ง...เหล่านี้บ่มิยัง......................อยู่พร้อม
ประ...จวบหักพึงพัง....................พบอยู่
จัก...ประสบทุกข์ล้อม..................ว่าไว้ธรรมา

๏   มัก...ว่าคนหมู่นี้.......................โง่นัก
ไม่...มุ่งมองประจักษ์....................สิ่งแท้
สน...แต่สิ่งลวงชัก......................สู่ที่   ต่ำนา
ไหน...ว่าเป็นมนุษย์แล้.................ว่านี้ฤๅเคย

๏เลย...วัยเลยล่วงแล้ว.................ผ่านกาล
ค่า...หน่อยน้อยหนึ่งพาน...............เก็บไว้
ของ...เก่าเล่าตำนาน...................เห็นอยู่
คน...เก่าเล่าแก่ไข้......................ห่อนรู้วันตาย

๏   เหลือ...หลายผู้หนุ่มเหน้า.............เริงสนุก
มาก...ประสบพบสุข.....................ยิ่งล้น
ล้น...มากหากบ่เห็นทุกข์................สถิตอยู่
จน...เมื่อคราวสุขพ้น....................ทุกนั้นจึงกลัว

๏   ปล่อย...ตัวดั่งดอกไม้..................กลีบปลิว
ตัว...กลีบละล่องลิ่ว.....................สู่ฟ้า
ไว้...หวังว่ายลผิว........................พิภพโลก
กับ...สิ่งบดบังหน้า......................ใช่พ้นความจริง

๏   สิ่ง...ยึดถือมั่นไว้.......................หลอกลวง
ลวง...ว่าสิ่งทั้งปวง......................เที่ยงแท้
หลอก...คนพาห่วงหวง..................ยึดติด
ให้...จิตหลงเกินแก้......................ไขว่คว้ามาครอง

๏   กลับ...กลายปองว่านี้...................จีรัง
กลอก...กลับว่าตนยัง....................เก่งกล้า
คิด...ว่าจักมรณัง.........................นานอยู่
มืด...มิดทั่วแหล่งหล้า...................หลอกเหล้นชีวัน

๏   มัว...พากันรื่นเหล้น....................ในสถาน
จด...จ่อรอล่วงกาล.......................ผ่านพ้น
กรรม...ทำสั่งสมนาน.....................วิบาก   ผลนา
นำ...ส่งต่อตั้งต้น.........................สู่ห้วงแต่กรรม

๏   ส่ง...กรรมนำส่งแล้ว....................ตามธรรม์
ทั่ว...ถิ่นสถานพัน........................หมื่นล้าน
จำ...กรรมว่าตนอัน.......................เคยก่อ   ยากนา
เมื่อ...ก่อนยศเงินบ้าน....................แต่นี้ฤๅมี

๏   จร...เทียวดูถี่ถ้วน.......................อาดูร
จาก...ก่อนเคยมั่งมูล.....................มากล้น
ลา...โลกลับหายสูญ.....................แม้ร่าง   ตนนา
กาล...เปลี่ยนเวียนเริ่มต้น...............ห่อนพ้นสงสาร


ภูต พเนจร

(ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
มือใหม่หัดแต่งกลอนครับผม)

 emo_126 emo_126 emo_126