หัวข้อ: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 08 มีนาคม 2014, 06:13:PM หรือเป็นการรอไปอย่างไร้หวัง
สักเพียงครั้งฤๅจะย้อนอาทรถึง กอปรเก็บความตามคำที่รำพึง ย้อนคำนึงหนึ่งใครผู้ไกลตา จักชายตาเข้าแนบนัยแอบแฝง หรือจะแหนงหน่ายคำที่พร่ำหา หรือร่วมใจหักเหกาลเวลา เอื้อคุณค่าตราตรึงส่งถึงกัน รู้แต่เมื่อห่างไกลแล้วใจหาย เหมือนสุดสายเยื่อใยที่ใฝ่ฝัน รู้แต่เมื่อเหินห่างระหว่างกัน อาวรณ์นั้นท่วมใครจนไข้ซม ถวิลให้ใจหวนคร่ำครวญหา ปรารถนามิรู้ชื่นฤๅขื่นขม รู้แต่เพียงคุณค่าที่ปรารมภ์ นั้นสั่งสมน้อมสู่เพียงผู้เดียว กับบางช่วงน้ำใจที่ไหลหลั่ง เพียงคิดหวังเผื่อแผ่การแลเหลียว กับบางห้วงใจเข็ญบิดเป็นเกลียว หวังก้อยเรียวเหนี่ยวก้อย เฝ้าคอยประโลม หัวข้อ: Re: หวัง เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 09 มีนาคม 2014, 06:50:AM รอเจ้าราวสรวงรอช่วงแสง
กำจายแบ่งบริบทความสดใส หวังให้รู้ความคิดอันจิตใคร เพียรขับไขถ้อยคำแฝงอำพราง เอิบอกอุ่นสุนทรีย์ในทีท่า ดังขอบฟ้าโลมเรื่อเอาเมื่อสาง แม้นเรื่อรอยแสงเหมือนยังเลือนราง หวังจักพร่างพรายเพ็ญดั่งเช่นรอ วานลมล่องผ่องความไปตามนึก ผ่านรำลึกตอบความกลับตามขอ หนึ่งนัยคำย้อนเคียงย่อมเพียงพอ จักอาจก่อฤทธิภาพเข้าอาบทรวง ไกลห่างระหว่างหมายเฉกปลายฝัน จากต่างชั้นแดนดินและถิ่นสรวง ลมเอ๋ยรำเพยเจ้าหรือเปล่าปวง จักเหนี่ยวหน่วงพวงพะยอมให้น้อมลง เผยยอดสูงยูงยางท่ามกลางไม้ บ่งบอกความลิบไกลควรให้หลง มองเพื่อเพียงเลี้ยงหวังให้ยังคง แล้วปลิดปลงปลดหวังลงทั้งเป็น รอเจ้าราวกระต่ายที่หมายแข เวียนชะแง้งดงามทุกยามเห็น จน..แผ่นน้ำลมถากโลมภาคเพ็ญ ก่อริ้วเต้นย้อนเงาจึงเข้าใจ หัวข้อ: Re: หวัง เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 09 มีนาคม 2014, 06:48:PM O ตัวน้อยเอย .. 1 O
O ลมหนาว .. เลื่อนระลอกโลมหมอกเช้า ผ่านรุมเร้าเถาวัลย์ .. จนสั่นไหว หยาดน้ำค้างเกลือกกลิ้งที่กิ่งใบ- ก็ค่อยไหลเป็นหยดลงรดริน O เพียงเพื่อ .. รอบอุทัยพิไลพิลาส ผ่านโอภาสเกลือกกลั้วไปทั่วถิ่น ฟ้าบนปีกวิหคย่อมผกบิน เพชรบนตฤณวาบวามกับยามเช้า O ระริกความอ่อนไหวของใบหญ้า หนาวลมพาย่ำเหยียบ-ความเงียบเหงา แตะตื่นความอ่อนไหวของวัยเยาว์ รับรู้เงาร่างหนึ่ง .. ผู้ตรึงใจ O แล้วรอบความอ่อนหวาน .. ค่อยผ่านสู่ พารับรู้อาวรณ์แสนอ่อนไหว อ้อมอบอุ่นโอบเนื้อด้วยเยื่อใย จากรอบแรงอาลัย .. แห่งใจนี้ O รู้หรือไม่คำนึงชั่วหนึ่งคาบ ก็แต่ภาพตัวน้อยเฝ้าคอยพี่ เสน่หาอาลัยและไมตรี ราวคลายคลี่คลุมครองทุกห้องใจ O ถวิลพรทิพแถนทั้งแดนฟ้า จงผ่านรอบรมยาให้อาศัย สุจริตมั่นคงจำนงนัย พระ-เสกใส่ฤดีน้อย .. เฝ้าคอยวัน O โอบอุ้มเนื้อเนียนผิวจากริ้วหนาว ข้ามหนหาวรายล้อมเข้ากล่อมขวัญ โอนอบอุ่นข้ามช่วงแสงดวงวัน ลงแฝงฝันปรารถนาทั้งราตรี O บรรจถรณ์หมอนม่านจงผ่านถ้อย ให้โสตน้อยจดจำแต่คำพี่ ในทุกนึกคิดขวัญ .. กอปรอัญชลี เพียงท่วงทีถวิลชู้อย่ารู้คลาย O แพรเพลาะที่ห่มคลุมป้องนุ่มเนื้อ แทนอุ่นเอื้อโอบเจ้า .. ดั่งเฝ้าหมาย ถนอมรูปน้อยไว้ทั้งใจกาย ก็โดยสายใยกระหวัดเข้ารัดรึง O เมื่อสนิทนิทรา .. ในคราค่ำ จงดื่มด่ำด้วยนิมิตแรงคิดถึง ทั้งปวงรอบปรารถนา .. จักตราตรึง ให้ซาบซึ้งเสน่หาทั้งราตรี O ฟังเถิดผู้ ปากยิ้ม .. ตาพริ้มหลับ จะพร้องศัพท์ละเมอถ้อย .. ว่าคอยพี่ บรรสารความปรารถนาในวาที ให้โสตที่เฝ้าถวิลพลอยดิ้นรน O ลมหนาว .. ผ่านระลอกยั่วหยอกฟ้า ผ่านเพ-ลาล้ำล่วงฝ่าห้วงหน มีใจความอ่อนหวานละลานปน- ความอึงอลสั่นระรัวแห่งหัวใจ O ลมหนาว .. ผ่านแล้วอย่างแผ่วโผย ราวผ่านโชยชื่นมาให้อาศัย คล้ายอ่อนหวานซาบซึ้งคำนึงใคร- แนบลมไหวผ่านศัพท์ให้รับรู้ O ลมหนาวคงเฉื่อยโชยอย่างโผยแผ่ว ไม่รู้แล้วรู้ร้างแต่สางตรู่ ยิ่ง-อารมณ์อาวรณ์ออดอ้อนชู้ ที่คุกคามใจอยู่ไม่รู้วาย O จนเข้าสายสายหยุดนั้นหยุดหอม หากละม่อมรูปพักตร์สุดหักหาย คงพาดผ่านแววตาจนพร่าพราย ด้วยชม้ายเหลือบชม้อย .. เฝ้าคอยมอง O รู้หรือไม่ใจคนอีกคน .. หนาว ร่ำรอดาวสองดวง .. เลื่อนช่วง .. ส่อง โน้มดวงลงพริ้มพรับ .. ให้รับรอง- ความผุดผ่องล้ำดาว .. ทุกดาวนั้น ! หัวข้อ: Re: หวัง เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 10 มีนาคม 2014, 06:30:AM O ตัวน้อยเอย .. 2 O
.. รมยา O หลัง .. เสียงแผ่วแว่วหวานพลิ้วผ่านโสต แรงปราโมทย์ในอก .. ก็ผกโผน กระซิบความอาวรณ์แสนอ่อนโยน- ค่อยผ่านโอนโอบขวัญนั้น - ขวัญเดียว .. สัญญา O บรรยากาศเคลื่อนคล้อย .. อย่างอ้อยอิ่ง ตากลับยิ่ง .. สื่อตอบ .. หลบ .. ลอบเหลียว เมื่อหวานหอม - วนว่าย .. เริ่มคลายเกลียว ใจย่อมเหนี่ยวหวานหอม .. เข้าล้อมลน O หลัง-ความหมายแฝงนัย .. ผ่านให้คว้า ความเหว่ว้าทั้งปวง .. ก็ร่วงป่น ดั่งคิมหันตะกาลแรก .. ที่แทรกปน- ด้วยสุคนธะประทิ่นล้อมถิ่นทาง O บรรยากาศกรุ่นกลิ่นประทิ่นรส เริ่มอวลบทบาทพร้อมเข้าล้อมขวาง โดย-เนตร, พักตร์ .. เหลือบเบือนที่เหมือนวาง- บ่วง .. ให้ย่างก้าวลง .. กลาง-วงนั้น ! O ลมเหมือนแผ่วผ่านไล้ลูบไอแดด เมื่องามแวดล้อมให้ .. ความไหวหวั่น- แทรกบทเข้าคุกคาม .. เกินห้ามทัน กับแววสั่นไหวช่วงของดวงตา ? O หรือ-เพื่อเผยเอางามผูกล่าม .. จิต ให้แต่พิศรูปองค์ที่ตรงหน้า แล้วแนบรูปงามซึ้งลงตรึงตรา ให้คอยหาละห้อยเห็นไม่เว้นยาม ? O เสียงคีตครวญ .. พ้นผ่านไปนานเนิ่น เมื่อ-ขัดเขินสะเทิ้นอยู่ .. สุด-รู้ห้าม ทุก-แววตาพริ้มพรับ .. เมื่อ-วับวาม ก็รัดล่ามทุกครั้ง .. ให้ฝังใจ O รูปธรรม .. ก้ำเกิน .. จำเริญรอบ ค่อยเคลื่อนกรอบวัฏฏะวง .. หมุนวงให้- อุปาทาน-ก่อเกื้อ .. ทอเยื่อใย- เพรียกอาลัยพิสวาดิ .. รองชาติภพ ! O แต่แววตา .. สบพักตร์ จำหลักรู้ อาวรณ์ชู้หวานหอมก็ล้อมตระหลบ จริตรูปอ่อนหวาน .. เคยผ่านพบ- ราวถูกกลบเกลื่อนสิ้นจากจินตนา O ยุติธรรมแล้วหรือ .. การยื้อยุด- ด้วยงามผุดผ่องให้ .. อาลัยหา ยุติธรรมเยี่ยงไร .. รูปในตา- แม้ติดนานนักหนา .. ยังตราตรึง ! O แต่เมื่อรูปรอยพักตร์ .. กุมกักให้- ทั้งความคิดจิตใจเฝ้าใฝถึง ก็รับรู้หวานล้ำในคำนึง- และหวานซึ้งวาบไหวทั้งใจกาย .. เสน่หา O จนเมื่อแววตาชม้ายนั้นชายเหลือบ หวานก็เคลือบอารมณ์เกินข่มหาย ทั้งอ่อนไหว, อ่อนละมุน .. ทั้งวุ่นวาย- เปล่งจากสายตานั้น .. ล่าม-พันธนา O ปรุง-วิญญาณจักขุ .. บรรลุรู้- ว่า-งามผู้เผยรอย - ให้คอยหา ค่อยล่มงามทุกงาม .. เคยงามตา- จนเหลืองามเบื้องหน้า .. เพียงหน้าเดียว ! หัวข้อ: Re: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 10 มีนาคม 2014, 02:22:PM O อาวรณ์..ที่ซ่อนเร้น...? O
O เผยออกมาสักทีจะดีไหม ซ่อนเร้นอยู่ทำไม .. หนอ-ใจนั่น ? เมื่อต่างก็มีใจมอบให้กัน พร้อมใฝ่ฝันเฝ้าอยู่ .. อย่างรู้คอย O คิดถึง .. ละห้อยเห็นเมื่อเร้นหน้า กับแววตาว่างเปล่า-แสนเศร้าสร้อย เพียงภาพเคยจับจอง .. ที่ล่องลอย- สร้างรูปรอยแล่นเลื่อนขึ้นเตือนใจ O ไย-ถึงต้องแฝงเร้นอยู่เช่นนั้น กดข่มความผูกพัน .. ห้าม-สั่นไหว ก็เมื่อแววในตา .. แสนอาลัย นึกหรือว่าความนัย .. ปิดได้พ้น ? O วาบวามความอ่อนหวาน-เมื่อผ่านช่วง ก็รับรู้แหนหวงที่ร่วงหล่น- ลงในการร่ายรำ .. แววจำนน- ที่เอ่อล้นเผยล่วงผ่านดวงตา O กี่ครั้งแล้วแววตา-เกินกว่าซ่อน เผลอ-เผยความอาวรณ์ออดอ้อนหา รับรู้แววอ่อนหวานส่งผ่านมา ย่อมรู้ว่าเกินคิดจะปิดบัง O เพียงแววตาฉายทอจะพอหรือ ว่านั่นคือรูปรอยให้คอยหวัง แล้วหัวใจเต้นแผ่วจะแว่วดัง- ให้รับฟังเสียงสั่น .. เอาวันใด ? O เพียงแววตาฉายทอ .. ไม่พอหรอก จะพูดบอกความถวิล .. จนสิ้นได้ หากต้องมีพจน์พากย์คอยฝากนัย จึงอาจรู้อาลัยที่ในทรวง O ซ่อนเร้นด้วยขัดเขินมาเนิ่นนาน จน-รับรู้อ่อนหวาน .. เมื่อผ่านช่วง โดยพจีงดงาม, ถ้อยความปวง- ย่อมลามล่วงสู่ใจผู้ใฝ่คอย O คล้ายเนิ่นนานหนักหนากับท่าที- แฝงไมตรีปรุงเปรียบ .. อย่างเงียบหงอย จนความหมายสืบสร้าง .. ไม่พรางรอย- แล้ว-จึงค่อยนำวาง .. ลงกลางใจ O เมื่อท่าที, บทบาท-ไม่ขาดช่วง ย่อมยากล่วงเลือนกัน .. จากกันได้ ด้วยต่างคอยรับรู้ .. ว่าผู้ใด- ส่งรับแรงอาลัย .. มีให้กัน O หยุดเถิด-ความอาวรณ์ที่ซ่อนเร้น หยุดบีบเค้นหัวใจ, ความใฝ่ฝัน ด้วยว่าความทรมาน .. จากนานวัน จักค่อยผันผ่านช่วง .. จนล่วงพ้น O หยุดเถิด-รอบดวงใจที่ไหวสั่น ด้วยว่านั่นเป็นช่วงการร่วงหล่น- ของอาวรณ์อาลัยที่ในตน อย่างจำนน, รอพร้อม-อุ่นอ้อมทรวง ! O หรือจะให้คำนึงมีถึงกัน ต้องถูกกั้นกีดชาติจนขาดช่วง หรือจะให้แรงกรรมเคยบำบวง ต้องเลือนล่วงสูญเปล่า .. ไม่เข้าที O ก็แค่เผยความนัย .. ออกให้รู้ เป็นนัยชู้พร้อมสรรพสำหรับที่- จะใช้เป็นสายใยแห่งไมตรี โอบรัดชีวิตสองมาพ้องกัน O คอยเถิด .. วงแขนโลภ .. รอโอบกอด เมื่อร่างทอดลงทับ-การรับขวัญ อกอุ่น, แรงปราโมช คือโทษทัณฑ์- ไว้กักกันอาวรณ์ .. เคย-ซ่อนเร้น ! O หรือจะให้คำนึง .. แม้หนึ่งช่วง- จังหวะดวงใจคอยละห้อยเห็น- ต้องแกว่งไกวรอเฝ้า ทั้งเช้าเย็น เพราะถูกรักซ่อนเร้น .. บีบเค้นเอา ? หัวข้อ: Re: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 11 มีนาคม 2014, 06:26:AM O น้องสาว .. ที่แสนดี O
.. 1 O โลกวันนี้ .. จึงสวยงาม แต่เนตรหนึ่งวับวามด้วยความหมาย เคียงร่มเงาดวงฤดี .. ของพี่ชาย บังตะวันโชนฉายรำบาย .. ร้อน .. 2 O งดงามความสัมพันธ์ในวันผ่าน ก็ตระการใจอยู่ไม่รู้ผ่อน ละเมียดละมุนทรวงทุกช่วงตอน- นั้นสะท้อนเยื่อใย .. แห่งใจคน O ค่อยถักทอ .. ม้วนสายเป็นปลายบ่วง แทนเงื่อนห่วงใยวางที่กลางหน งามก็คล้ายปีกวิหคไหววกวน กระพือให้อึงอลสับสนนัก O โชนช่วงปวงฤทธิ์อย่างผิดแปลก สอดแทรกปริศนา .. เกินฝ่าหัก เร่งร้นรีบรุด .. ไม่หยุดพัก จำหลักงามจับลงกับทรวง O คือน้องสาวที่แสนดี .. คือคนที่พี่ชาย .. ยากคลายห่วง- จากผองลิ้นลมร่ำและคำลวง อีกมีหวงเผลอบ้างเป็นบางครั้ง O ฟังนะ .. คนดีของพี่ชาย หากอยากคลาย .. ความนัยที่ใจสั่ง จงกระซิบผ่านถวิล .. พอยิน-ฟัง แล้วหยุดยั้งอย่าไถลนะใจเอย O ฟังเถิด .. คำพี่ชาย อย่าผ่อนคลายความนัย .. ที่ใคร่เผย อย่าได้ออกจากปาก .. ให้ยากเลย เกรงหากเอ่ย .. จะยากอ้างว่าต่างกัน ! O สายเอยสายใยนี้ .. จักแผ่คลี่ออกขวาง .. เพื่อกางกั้น- ความเหินห่าง, เงื่อนงำในสัมพันธ์ ให้มุ่งมั่นจดจ่อ .. แต่รอคอย O ใจเอยหัวใจสาว .. แม้เหน็บหนาว, เย็นเยียบและเงียบหงอย อุ่นจะฝากฝ่าพลบเข้ากลบรอย พร้อมคำถ้อยออดอ้อน ..ให้อ่อนใจ O ใจแข็งสักนิด .. นะคนดี แม้ท่วงทีรำพัน .. ทำหวั่นไหว นั่น - เพียงความแฝงเร้นให้เห็นนัย เผยออกให้รับรู้ .. ช่วยดูแล O อย่าใส่ใจจนเกินเลย คำความเอ่ยร้อยเรียงก็เพียงแค่- หมายฝากดินฟ้าเวียนร่วมเปลี่ยนแปร- ให้อีกสายตาเหลือบแล .. เฝ้าแต่คอย O คอยคำปลอบโยนจากพี่ชาย หวังเพียงสายสวาดิเจ้า .. สิ้นเหงาหงอย ความ, คำกล่อมเกลาขวัญ-เพื่อขวัญพลอย- ห่วงละห้อยพี่ชาย .. สุดคลายคลอน O น้องสาวที่แสนดี .. แม้นใจพี่ดูจะสาย .. เกินถ่ายถอน เถิด .. จะเก็บเงียบงำทุกคำวอน จะไม่อ้อนออดความออกตามใจ .. 3 O ดึกแล้วนะคนดี แว่วคำพี่รำพัน .. หากหวั่นไหว- จงรู้เถิด .. ที่หวั่นยิ่ง .. กว่าสิ่งใด- คือดวงใจดวงนี้ .. ของพี่ชาย หัวข้อ: Re: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 12 มีนาคม 2014, 07:48:PM O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O ค่อยค่อยก่อรูปวาง .. ก่อนสางหม่น- จะเคลื่อนพ้นผ่านล่วง .. เมื่อดวงสูรย์- ลอยเลื่อนขึ้นโชนช่วงเป็นดวงกูณฑ์ ผ่านจำรูญจำรัสโลมปัถวี O เงียบงันทั้งเหน็บหนาว .. ที่พราวหยาด พร้อมโอภาสดวงศศินใกล้สิ้นสี จบสิ้นแล้วรมยาแห่งราตรี จักเลือนลี้มืดดำ .. เคยรำบาย O วารีหยดหยาดรอ .. จะล้อแสง เพื่อแต้มแต่งงามระยับก่อนลับหาย อย่างยินยอมแสงพลอดตราบวอดวาย ก่อนเวียนว่ายหยาดซ้ำ .. อีกค่ำคืน O เพียงเพื่อจะระเหิดระเหยร่าง อยู่ท่ามกลางเรื่อแดงของแสงคลื่น ให้แผดเผาผ่าวร้อนได้ย้อนกลืน กลบหยาดรื่นเลือนเร้น .. เปลี่ยนเป็นไอ O กลั่นหยาดพิลาสร่วงเป็นดวงประดับ เรียงหยดรอแสงระยับ .. มาขับไข กระทบโลมเม็ดน้ำ .. อยู่ร่ำไร ก่อนมอดไหม้ระเหยช่วง .. จนล่วงรอย O ที่บรรจบแห่งศิวาและราตรี หยดวารีหยาดแล้ว .. จากแผ่วค่อย- ตราบเติมงามเต็มพื้น-ด้วยผืนพลอย เพื่อจักลอยระยับยวง .. ล้อดวงวัน O เผาเถิดให้ระเหิดระเหยแห้ง ทอดทอแสงงามระยับ .. ลงรับขวัญ จะยอมรูปแหลกร่าง .. เป็นรางวัล การกีดกั้นแววระยับ .. ที่ลับเลือน O จะหยาดให้เผาอยู่ทุกตรู่สาง พลอยผืนจะแผ่วางทั่วทางเถื่อน และจะรอร้อนเกรียมทุกเยี่ยมเยือน เถอะ .. อย่าเคลื่อนผ่านพ้น .. ให้ทนรอ O ที่-สิ้นรูปแหลกร่าง .. อยู่กลางแสง นั้น-ฝากแฝงอุ่นไว้ .. ที่ใดหนอ หรือจะเช่นรูปเงาพะเน้าพะนอ ฝากอุ่นออแอบร่างอยู่กลางทรวง ? -2- O เมื่อ-อกหนึ่ง .. อาจเอื้อมจะโอบเจ้า อุ่นนิ่มเนื้อรูปเยาว์ .. ผู้เฝ้าหวง- หวังกุมกอดนวลละมุน .. แอบอุ่นดวง- ฤดีผู้ห่วงละห้อย .. เถิด-คอยรอ O ครั้นสังคีตผ่านเสียง .. แต่เพียงแว่ว จะยินแผ่วเสียงย้ำ .. นั้นพร่ำขอ- ถนอมเนื้อรูปเยาว์พะเน้าพะนอ สองแขนออโอบงาม .. เกินห้ามใจ O ใช่ไหมว่า .. มีคนนั้นรออยู่ รอรอบชู้ออดอ้อน .. ด้วยอ่อนไหว แก้มอิ่มเนียนแนบทรวง .. รับห่วงใย โอบกอดไว้ตราบสนิทในนิทรา O จนทอดตัวสองแขน .. เอาแทนหมอน เพื่อหนุนนอนเบียดกาย .. กอดก่ายหา หน้าผากแก้มคิ้วคาง .. จักร้างลา- ปรารถนาแห่งใจ .. เยี่ยงไรพ้น O โอม-รูปเยาว์โสมนัส .. รำบัดย้อม- เยี่ยมละม่อมรูปหน้าอีกคราหน กอปรความหมายด้านในคอยไหววน จากหัวใจดิ้นรน .. เกินด้นดึง O ครรลองโลกหมองหม่น..พึงป่น-ปลิด- สิ้นทั้งปวงด้วยฤทธิ์แรงคิดถึง ละห้อยเห็น .. ปฏิพัทธ์จงรัดรึง แรงซาบซึ้งให้ตรึงอยู่ไม่รู้ลบ O ทั้งสิ้นและ .. ทั้งปวงความห่วงหา พึงโหมฝ่าทรวงขวัญเข้าบรรจบ อำนวยจิตพิสวาททุกชาติภพ สุดเกลี่ยกลบอาวรณ์ให้ผ่อนคลาย O คะเนนึกคะนึงอยู่อย่ารู้สิ้น แรงถวิลถวัลย์อยู่อย่ารู้หาย ให้อกเจ้าตราตรึงเพียงหนึ่งชาย คอยเถิดสายสวาดิเรียมเจ้าเตรียมใจ O ฝากลำลมเรื่อยรี้ .. ได้วีวาด ผ่านโอภาสให้ระยับแรงขับไข อันหวานหอมสุมาลี ณ ที่ใด จะเช่นใครยามนี้ .. ไม่มีเลย O หอมนั้นหอมจากหวาน .. เจ้าผ่านหา จนคุณค่าในอก .. นั้นผกเผย ผ่านรูปรอยนิรมิต .. เข้าชิดเชย หยอก-ยั่วเย้ยปรารถนาแรงอาลัย O ละม่อมพักตร์อิริยาและท่าที- เมื่อเข้าชี้นำการณ์ .. ฤๅต้านไหว รอบละมุนอุ่นเอื้อแห่งเยื่อใย คล้ายรอให้คล้องเกี่ยวด้วยเรียวมือ O เมื่อ-อก, แขน, ใจ-โลภ .. จะโอบเจ้า เนื้อรูปเยาว์ .. จะรอดได้อย่างไรหรือ ความวาดหวังเพียบเพ็ญ .. จักเป็น-คือ- เรียวแขนยื้อยุดไว้ .. โดยไม่คลาย ! หัวข้อ: Re: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 13 มีนาคม 2014, 06:06:AM O คันธาแห่งมาลี .. O
O คำ ความ ร้อยเพียงเพื่อแม่เนื้ออุ่น เสพรับสุนทรีภาพแล้ววาบหวาม เสน่หาอาลัยจักไหลลาม ดั่งเส้นไฟงดงามในยามมัว O ประจุจลน์วนแล่นเหนือแผ่นหล้า อวดวิโรจน์เรขากลางฟ้าหลัว เช่นประกายตานั้นที่สั่นรัว จากเย้ายั่วคำพจน์ในบทกลอน O เอ็นดูความอ่อนเยาว์ .. ถูกเร้าเร่ง จนแก้มเปล่งปลั่งอยู่เกินรู้ซ่อน เมื่อเสพความคำเย้า..ยั่ว-เว้าวอน ใจนั้นจะทอดถอนสะท้อนสะท้าน O ในท่ามกลางหวานซึ้ง .. คำนึงสู่ ย้อนรับรู้ผูกพันในวันผ่าน ละภาพความสัมพันธ์แห่งวันวาน ย่อมบรรสารโลมรุกขึ้นทุกนัย O และชั่วที่อาวรณ์ .. ออดอ้อนเสียง ฤๅอาจเลี่ยงหลบผล-ผ่านพ้นได้ ? เหลือแต่ต้องน้อมรับแนบกับใจ สานสายใยผูกพันให้มั่นคง O เอ็นดูความ .. ขัดเขินเหลือเกินแล้ว ดูเถิด .. แววตาละห้อยเหมือนพลอยสง- สัย .. ในความลึกล้ำแห่งจำนง ที่หยั่งลงแนบทรวงทุกท่วงที O มองเห็นความขัดเขิน .. หยอกเอินเจ้า ก็เหมือนเย้ายั่วให้ .. หัวใจพี่- อ่อนโยนตอบอ่อนเยาว์ .. ตัวเจ้ามี- เดียงสาที่ควรวัย .. ดวงใจนั้น O ดูเถิดแก้มอิ่มเรื่อ .. เนียนเนื้อนวล ซับเลือดฝาดเรื่อล้วน .. ให้ชวนหวั่น- ว่า .. แววหวงแหนชู้สุดรู้ .. กัน จะพร่าสั่นนัยออกเพื่อบอกความ O ดูเถิดแก้มอิ่มเรื่อ .. ราวเชื้อเชิญ- ให้เลือดฝาดหยอกเอินจนเกินห้าม ขึ้นแต้มริ้วซ่านรส .. แสนงดงาม- ให้พิศตามติดอยู่ .. เกินรู้เบือน O รอยยิ้มวับวามแล้วในแววตา และเหมือนว่ารอระยับ .. เพื่อขับเคลื่อน- เอาท่วงทีรูปจริตเข้าติดเตือน ทุกขยับหรือเขยื้อน ฤๅ-เคลื่อนพ้น ? O ในความหมายเผยออก .. เหมือนดอกไม้- ต้องลมไหวเอนช่อ .. ใช่-รอหล่น หากเพื่อโปรยกลิ่นหอมออกล้อมลน ให้แห่งหนรมยา .. รสมาลี O ในแววตาสื่อผ่าน .. รูปคราญเอ๋ย ราวผ่านเย้ยหยอกยั่วให้ตัวพี่- เข้าโอบอุ้มถนอมลักษณ์ดูสักที อย่าได้มีลังเลสักเวลา O ด้วยแววตาส่งผ่าน .. รูปคราญเจ้า ช่างรุมเร้ากุมกักอยู่หนักหนา ดูเถิดนั่น .. ท่วงทีกอปรลีลา เหมือนแววสาแก่ใจ .. วาบไหวล้อ ! O โอ งามเหมือนจะตามเข้าลามล่วง ลงแทรกทรวงเว้าวอน .. ออดอ้อนขอ- แนบติดตรึงรุมเร้าพะเน้าพะนอ อยู่ร่ำรอปรารถนาแรงอาลัย O โอ งามเหมือนติดตามเกินห้าม .. หัก ค่อยรายล้อมรูปพักตร์จำหลักให้- ตรึงในแววตาผู้รับรู้นัย เพื่อมอบใจสู่มือ .. ให้ถือครอง ! หัวข้อ: Re: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 14 มีนาคม 2014, 09:04:PM O เชิญขวัญ .. O
O วาบวามแววปลั่งช่วงในดวงตา คล้ายดั่งว่า .. รอพร้อมการกล่อมขวัญ ผุด .. เผย .. ขึ้นปักปลูกความผูกพัน จดรอบฝัน .. จำนง .. เป็นวงเดียว O ตราบจนเมื่อ .. สองแขนหนุนแทนหมอน นัยออดอ้อนแฝงฝาก-ยังกรากเชี่ยว ดั่งเยื่อใยยืดยาว .. เริ่มสาวเกลียว ล้อมรัดเหนี่ยวบีบเค้นอยู่เช่นนั้น ! O ภาพ- ขัดเขิน เบือนหน้า .. สายตาหลบ ย่อมบรรจบ-ตา, ใจ .. จนไหวสั่น เพ่งรูปหน้า .. แก้มเนื้อ-กลับเรื่อพลัน- ที่รูปฝัน .. พาดช่วงในดวงตา O งามรูปองค์อิริยา .. เบื้องหน้านี้ เหมือนคอยเพรียกใยดี รับทีท่า สื่อจริตรำบาย .. ล้อมสายตา- ร่วมแตะตื่นรมยา .. เริ่มท่าที O ในช่วงยาม-สบตอบ .. เหลือบ .. ลอบ .. เหลียว ราวคล้อง .. เหนี่ยว .. อารมณ์ - เกินข่ม .. หนี กับชั่วเบือนสบนิ่ง .. เหมือนยิ่งมี- รื่นรมย์ที่ลามล่วง .. ถมห้วงใจ O เยี่ยงเกสรสร้อยสุมาลย์ละลานกลิ่น ภู่ผึ้งบินโผผ่าน .. ฤๅต้านไหว ? ย่อมเพียงรสหอมหวาน .. เคียงก้านใบ- รอการไต่ตฤปน้อม .. หวานหอมนั้น ! O กาแฟรสหอมกรุ่น .. ยังอุ่นอยู่ ชั่วเลศชู้เผยให้ .. ความไหวหวั่น- เผลอโชนแวววาบสู่ ให้รู้กัน- ว่า - ความสั่นในอก .. เกินยกพ้น O ขณะความอ่อนหวาน นั้นปานว่า- เพรียกห่วงหาจากทรวงให้ร่วงหล่น- คอย-รูปนามจู่ล้อม .. อย่างยอมตน- อย่างไม่คิดดิ้นรน .. ให้พ้นมือ ! O ชั่วกาแฟรวยริน .. อวลกลิ่นผ่าน คือ .. ชั่วหวานล้อมกัก .. อาจหักหรือ ? ก็เมื่อสิ่งที่เห็น .. ที่เป็น – คือ- งาม-ยุดยื้ออาวรณ์ .. เกินผ่อนแล้ว O ฤๅ-หัตถ์พรหมจับวางลงขวางไว้ สอบว่า-ห้วงจิตใจ .. เคยไหวแผ่ว- หลังต้องรูปโจมจับ .. จะพรับแวว- รับรองความผ่องแผ้ว .. ฤๅ-แล้วเลือน ? O บัดนี้คงรับรู้ .. ว่าผู้ใด ต้องอาลัยรำบายลงป่ายเปื้อน ทั้งสำทับลงจิต .. คอยติดเตือน- การเหลือบ .. เบือน .. ชม้อยชม้ายแห่งสายตา O บัดนี้คงรับรู้ .. ว่าผู้ใด- พร้อมหัวใจเฝ้าคอยละห้อยหา ทุกช่วงลมโหมเห่กาลเวลา แววในตาจะเห่โหม .. อยู่โครมครืน ! O ในความเงียบ, ความงามค่อยลามล้อม เพรียกใจห้อมแหนรับทั้งหลับตื่น เมื่อเหน็บหนาวลมร่ำ .. ฝ่าค่ำคืน งามย่อมขืนเข้าขับให้อับจน O เมื่อความเงียบ .. ยอมงามเข้าลามล่วง ถ้วนเหน็บหนาวในทรวงย่อมร่วงป่น ตราบเมื่องามลามล้อม .. ให้ยอมตน จักฝ่าพ้นงดงาม .. เอายามใด ? O ท่ามกลางห้วงคำนึง .. หวานซึ้งนั้น แวววาบสั่นในยาม .. ยังวามไหว วางรูปตรึงสัญญาเกินฝ่าไป- พ้นอาลัย .. หน่วงเหนี่ยว .. แม้เสี้ยวยาม O ใช่ไหมว่า .. ต้องคิดรับผิดชอบ- การ-หลบ, ลอบเหลือบ, ชม้อย .. เหมือนคอยล่าม- รัด .. อารมณ์แห่งชาย .. วุ่นวายตาม- แวววับวามสั่นช่วง .. ในดวงตา ! O ใช่ไหมที่ .. ต้องคิดรับผิดชอบ- การสบตอบหวานซึ้งอยู่ซึ่งหน้า การข่มยิ้มแสร้งเมินขัดเขินอา- รมณ์ .. ให้ชายเสน่หาในอาการ O วาบวามแววปลั่งช่วงในดวงตา พร้อมแก้มหน้าเนียนเนื้อแดงเรื่อ .. ซ่าน แปลว่า .. ตาสบกันเมื่อวันวาน จดสงสารทุกวง .. เป็นวงเดียว ! O นับคาบเพื่อทวงสิทธิ์รับผิดชอบ แต่-ตาสบ, หลบ, ตอบ คอยลอบเหลียว จนสายใยแฝงเร้นฟั่นเป็นเกลียว- ยอมแล้ว-ใจถูกเหนี่ยว .. ด้วยเรียวมือ ! http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2012&date=25&group=11&gblog=413 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2012&date=25&group=11&gblog=413) add complete by klonthaiclub fb หัวข้อ: Re: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 18 มีนาคม 2014, 08:48:PM O พี่รักเจ้า .. O
O เช้ายันค่ำจำนรรจ์ .. สัมพันธ์พร้อม ค่อยหล่อหลอมจำนง .. รับส่งถึง รอบอารมณ์ทุกเสี้ยวคอยเหนี่ยวดึง- ความซาบซึ้งเชิงชู้ .. มอบสู่กัน O คำใครหนอ .. อาวรณ์ออดอ้อนอยู่ เพรียกอารมณ์เอ็นดูอุ้มชูขวัญ แผ่วผ่านโสตพลอดพร่ำ .. ถ้อยรำพัน- รับรองฝันปรารถนา .. ทุกท่าที O โอ .. รูปลักษณ์อ่อนน้อย .. หรือคอยย้ำ- แววดื่มด่ำแนบคานัยน์ตาพี่ ทุกช่วงความคำนึง .. อันพึงมี- ก็เพียงรูปราศี .. เต็มปรี่แล้ว O รู้บ้างไหม .. ใจหนึ่ง .. รำพึงผ่าน- สายใยรักอ่อนหวานให้ซ่านแผ่ว- ไปกับสายลมอุ่นที่หนุนแนว- หวังเพรียกแววตาเคลิ้ม .. ร่วมเติมเต็ม O แผ่วแผ่วสายวาโย .. เมื่อโผผ่าน ละห้อยหาทรมานก็ปานเข็ม- คอยทิ่มแทงอารมณ์ให้ .. ขม-เค็ม พาเลาะเล็มโศกสร้อย .. ที่คอยรอ O โผย-ลมแผ่วผ่านริ้ว .. โลมผิวเนื้อ พร้อมแก้มเรื่อเนตรชม้อย .. คล้ายลอยล่อ อยู่ในห้วงคำนึง .. ใจหนึ่ง, พอ- ได้เติมต่อละห้อยเห็นอยู่เช่นนั้น O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. ก็เหมือนว่า- แววในตาเขินอาย .. ค่อยส่าย-สั่น ความอ่อนหวานอ่อนไหวของใครกัน ที่แทรกขวัญลงฝัง .. อีกครั้งคราว O พี่-ทำให้ความหมาย .. รำบายออก แทนถ้อยบอกผ่านรู้ .. เชิงชู้สาว เมื่อนัยคำปลดเปลื้อง .. ฝากเรื่องราว ทรวงย่อมผ่าวร้อนรุมดั่งสุมไฟ O พี่-ฝากความถวิลหา .. ทุกคราครั้ง หมายเสกสั่งใจขวัญ .. จนสั่นไหว เพื่อรองรับปรารถนาแรงอาลัย เก็บกักไว้แนบทรวงอย่าล่วงเลือน O ถ้อยกระซิบกระซาบย้ำ .. แห่งค่ำนี้- จักวาดวีความหมายลงป่ายเปื้อน- บนดวงใจอ่อนเยาว์ .. คอยเฝ้าเตือน- ว่าอย่าคิดจะเขยื้อนขยับพ้น O แผ่วแผ่วสายวาโย .. ยังโผผ่าน เมื่อหอมหวานทั้งปวง .. เริ่มร่วงหล่น- ลงรอบล้อมอาลัย-แนบใจคน งามก็วนเวียนรอบ .. คอยตอบคำ O อ้อยอิ่งกับคาบยาม .. อยู่ท่ามกลาง- ดวงวันพร่าง, รูปภพ .. การอบร่ำ- ความอ่อนโยน, อบอุ่น .. ใครหนุนนำ- ย่อมดื่มด่ำ .. ถ้วนในหัวใจชาย O คืองามที่แทรกงาม .. เข้าลามโลก ทอนเศร้าโศกทั้งปวงให้ล่วงหาย ยอภพชาติอันประณีต .. ขึ้นกรีดกราย- รองรับสายเยื่อใย .. จากใจนั้น O จึง-งามที่รุมลามทั้งสามโลก ค่อยค่อยโยกจิตใจจนไหวสั่น คล้ายว่าบทพร้องพร่ำ .. แห่งรำพัน- จะสอดศัพท์รับกัน .. แต่วันนี้ O เช้ายันค่ำจำนรรจ์ .. ผูกพันพร้อม ค่อยหล่อหลอมรูปลักษณ์ แห่งศักดิ์ศรี แฝงเร้นความแหนหวง .. ผ่านท่วงที- การวาดวี .. ไหวช่วง .. สองดวงใจ O จะกุมกักเก็บไว้ .. หัวใจนั้น แล้วค่อยโยกค่อยสั่น .. ให้หวั่นไหว จนเผยรอบเสน่หา .. แรงอาลัย ออกขับไขผ่องแผ้ว .. ที่แววตา O จะกุมกักผ่องแผ้ว .. ที่แววเนตร ให้โชนเลศนัยละห้อยแต่คอยหา- อกอุ่น, อ้อมแขนโลภ .. เพื่อโอบมา ให้ซบหน้าแนบอยู่ .. ไม่รู้คลาย O จะกุมกักเรียวร่างไว้กลางทรวง อย่างแหนหวงรูปน้อย .. อาจลอยหาย ฟังคำเถิด .. แม้นสะเทิ้นด้วยเขินอาย- หากให้คลายร่างนี้ .. ไม่มีวัน ! http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2012&date=19&group=11&gblog=429 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2012&date=19&group=11&gblog=429) หัวข้อ: Re: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 25 มีนาคม 2014, 11:34:AM O ลมร่ำ .. ฝนโรย .. O
O พร้อมเมฆหม่นครอบขัง .. อยู่ยังหน้า คือครั่นครื้นมหิทธาแห่งฟ้าฝน เส้นไฟเลื้อยวกต่ำ .. ก่อนคำรน- กึกก้องทั้งภูวดล .. ให้ยล-ยิน O แล้วหยาดฝนหล่นสายรำบายโศก ทอนทุกข์โลกข่มร้อน .. ให้ผ่อนสิ้น ก่อนเม็ดฝนหมาดใหม่ .. กรุ่นไอดิน ค่อยอวลกลิ่น .. ตอกย้ำความธรรมดา O ไฟสรวงบน .. วนวิ่ง .. งามยิ่งแล้ว นึก-เพริดแพร้วเนตรผกาย .. ใครชายหา นั้นวนวิ่งความหมาย .. สู่สายตา เพียงจะกร่อนเหว่ว้า .. ด้วยอาวรณ์ O แม้นแวบเดียว .. วูบดับจนลับล่วง ก็โชนช่วงความหมาย .. เกินถ่ายถอน เส้นไฟสรวงเฟื้อยระส่ำทั้งอัมพร เมื่อใจหนึ่งสั่นคลอน .. ทุกตอน-ตน O เมื่อแววในสายตา .. เกินกว่าซ่อน ฝากเว้าวอนวกว่าย .. ฝ่าสายฝน กลางลมร่ำเม็ดน้ำ .. ฟ้าคำรน หัวใจคน .. กลับคร่ำ-ครวญคำนึง O สื่อความหมายฉายทอ .. พร้อมช่อน้ำ ผ่านมืดดำโดยฤทธิ์ .. แรงคิดถึง สืบรูปรอยเสน่หา .. อันตราตรึง เพื่อซาบซึ้งผ่านเจือ .. สู่เนื้อใจ O สิ้นเมฆหม่นครอบขัง .. อยู่ยังหน้า จึงเวหาเรื่อรอง .. ความผ่องใส เริ่มเถิดฤๅรอบพิมล .. จากคนไกล เพื่อโอบไว้ขับกล่อม .. กลางอ้อมทรวง O จนอ่อนหวานผ่านสู่ .. ให้รู้สึก ดำดิ่งลึกเกินการณ์ .. จักต้านหน่วง ด้วยอาวรณ์โหมประดังใจทั้งดวง ย่อมสุดใจจะผ่านล่วง .. จากบ่วงแล้ว O ค่อยเผยผ่านฝนล่อง .. เข้าป้องหนาว ทอนปวดร้าวครั้งเก่า เหลือ .. เบาแผ่ว เติมแต่งนัยน์ตาชาย .. ให้ฉายแวว- วามผ่องแผ้วด้วยถวิล .. ที่-ดิ้นรน ! O จักรภพเคลื่อนผ่านสู่ด้านไหน คงขับไขม่านแสงโลมแห่งหน ยิ่ง-ดวงวันครองฟ้าส่องสากล คือ-ใจคน .. ถวิลผู้ .. ที่คู่ควร O แม้นว่าโลกทั้งโลก .. สุมโศกให้ นอกจากไม่ .. ครวญคร่ำ .. ด้วยกำสรวล จัก .. โรมรันบั่นคอด้วย .. ขอ-ทวน ขอเพียงนวลหยัดร่าง .. เคียงข้างกาย O เสน่หาฝ่าข้ามไปสามภพ ตราบสรวงลบ .. สูรย์เลือน .. ดาวเคลื่อนหาย รักจักคงเคียงอยู่ .. ไม่รู้คลาย ทอดทอสายใยพัน .. อย่างมั่นคง O เกินวิญญาณเมื่ออุบัติ .. อาจทัดทาน หรือต่อต้านควบคุมความลุ่มหลง แม้นจนเงื่อนเหตุกรรม .. เคยดำรง- จัก .. ขาด-วง .. ด้วยซึ้งคำนึงนวล O เลิศพิสุทธิ์ยุดย้ำ .. มาทำถ้อย สำหรับร้อยเรียงความ .. ให้งามถ้วน เปล่งความหมายหยัดอยู่อย่างคู่ควร เพื่อรักหวน .. โชติช่วงกลางห้วงใจ ! http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2014&date=25&group=11&gblog=526 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2014&date=25&group=11&gblog=526) add complete by Klonthaiclub fb หัวข้อ: Re: O นารีปราโมช O เริ่มหัวข้อโดย: Parichart ที่ 08 เมษายน 2014, 06:12:AM emo_115 emo_115 emo_115 emo_115 laoya Island |