พิมพ์หน้านี้ - กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => ห้องนั่งเล่น => ข้อความที่เริ่มโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 19 ตุลาคม 2011, 04:58:PM



หัวข้อ: กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 19 ตุลาคม 2011, 04:58:PM
เนื่องจากบัณฑิตเมืองสิงห์ไม่มีอะไรทำ คิดกลอนไม่ออก
ครั้นจะรออ่านกลอนของท่านอื่นก็ไม่ทันใจวัยรุ่น  emo_26
จึงคิดเกมง่ายๆให้สมาชิกในบ้านกลอนไทยเล่น เวลาไม่มีอะไรทำครับ แหะๆ

เกมนี้มีชื่อว่า "นิทานปรัมปรา"
ซึ่งผมคงไม่ต้องอธิบายความหมายของคำว่า "นิทาน" นะครับ มาดูกติกากันเลยดีกว่า

กติกา
๑. ผมจะเป็นคนเริ่มเรื่องของนิทาน
๒. ให้คนถัดไปเล่านิทานต่อ โดยต้องมีสัมผัสระหว่างบทกับบทก่อนหน้านี้
๓. บังคับให้ใช้ฉันทลักษณ์เฉพาะกลอนสุภาพ (กลอนแปด) เท่านั้น
๔. จำกัดคนละ ๑-๒ บท ต่อการโพส ๑ ครั้ง
๕. เนื้อเรื่องต้องต่อจากตอนก่อนหน้านี้

มาเริ่มกันเลยดีกว่า  emo_12


กาลครั้งหนึ่งนานผ่านหลายศก
มีคางคกตัวใหญ่อยู่ในบ่อ
ตะปุ่มตะป่ำผิวสากมากชูคอ
เพียงเพื่อรอแมลงบินจ้องกินมัน

กระโดดขึ้นเหนือใบบัวกลางน้ำ
นอนอิ่มหนำสำราญอาหารนั่น
อยู่เต็มท้องพุงกางนอนกลางวัน
แล้วหลับฝันฟุบไปบนใบบัว


หัวข้อ: Re: กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: ♥หทัยกาญจน์♥ ที่ 19 ตุลาคม 2011, 05:17:PM

เจ้าค้างคกตื่นตระหนกตกดั่งโครม
รีบเร่งโหมตะกายหันส่ายหัว
เหม่อมองไกลไฉนเลยเอยเรียกวัว
ว่า “เจ้าสัว(ชั่ว)” ช่วยข้าที ที่ธารา

วัวครุ่นคิดจิตคร่ำเคร่งเร่งขวนขวาย
ว่า “เจ้าสาย (ควาย)”ตกน้ำขำเป็นบ้า
นอนกลิ้งเกลือกเลือกวิ่งดิ่งคงคา
แล้วให้ข้าช่วยอย่างไรใครบอกที

หทัยกาญจน์


หัวข้อ: Re: กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำผึ้ง ที่ 19 ตุลาคม 2011, 05:39:PM
เจ้าคางคกกริ้วโกรธตดดังลั่น
เอ๊ะใครกันดันหล่นมาที่นี่
ตัวดำใหญ่ใคร่ถองลองฤทธี
ว่าแล้วรี่ขี่โหนบนดอกบัว
อุเหม่อ้ายหมายแก่งแย่งที่ข้า
ชะชะช่ากล้านักจักตัดหัว
มาซิมากะข้าตัวต่อตัว
รึว่ากลัวข้าถีบจงรีบไป

payamao


หัวข้อ: Re: กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 19 ตุลาคม 2011, 06:16:PM
ควายยังตื่นตระหนกเพราะตกน้ำ
คางคกหยามซ้ำสอง ยิ่งหมองไหม้
ปล่อยแก๊สเข้าจมูกกันเหม็นบรรลัย
พร้อมขับไส เสียงดัง ตามหลังมา..
                       (อริญชย์
)


หัวข้อ: Re: กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 19 ตุลาคม 2011, 09:07:PM
ควายตกน้ำไม่มีใครเห็นใจช่วย
เจ้าเต่าป่วยลอยคอมาต่อว่า
เจ้ากระบือทือถึกนึกระอา
เจ้าโดดน้ำลงมาหาอะไร

กะบือน้อยน้ำตาคลอพะนอกล่าว
ไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่เอาไหน
โคลนแล่นลื่นตัวกลมจมลงไป
ลื่นไถลลื่นล้มจมลงมา


กระรอกขาว(แวะมาทักทาย)


หัวข้อ: Re: กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 20 ตุลาคม 2011, 08:57:PM
ครั้นใช้ตีนปีนป่ายก็ส่ายหัว
ตกทั้งตัวกลัวพรานสังหารฆ่า
อยู่ในโคลนคลุมร่างครวญครางมา
กระบือบ้าบึกบึนจ้องขึ้นโคลน

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)

บัณฑิตเมืองสิงห์


หัวข้อ: Re: กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: ♥หทัยกาญจน์♥ ที่ 20 ตุลาคม 2011, 09:22:PM
เรียกกระบือคือควายคล้ายจมปรัก
ตกหลุมรักหลุมพรางทางที่โน้น
ค้างคกกบพบเต่าเฝ้าตะโกน
ควายควรโหนมวลหมู่ไม้ขึ้นมา

เจ้าควายโง่โมโหโกรธค้างคก
ว่าควายบกไร้ปีกฉีกบินหนา
จะโอนกิ่งก้านใบไร้ปัญญา
เพียงควายควายในท้องนาข้ายินดี

 emo_95
หทัยกาญจน์
๕๕๕


หัวข้อ: Re: กวีเอย.. มาเล่านิทานกันไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำผึ้ง ที่ 21 ตุลาคม 2011, 12:17:AM
คางคกบ้องสองข้างกลางรูหู
ดูดู๊ดูอ้ายกระบือกระสือผี
โคลนปรักลึกแค่เข่าเอ้าเบิ่งซี
โถเองนี่สมค่าว่าเป็นควาย

ควายโมโหโกรธาหน้าแดงฉาน
เจ้าริอ่านพาลนักจักฉิบอ๋าย
ว่าแล้วก้าวกระโจนโลดโผนกาย
ด้วยใจหมายสั่งสอนมันอ้อนทีน


payamao