พิมพ์หน้านี้ - " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนเพื่อน => ข้อความที่เริ่มโดย: ภู กวินท์ ที่ 10 สิงหาคม 2011, 09:30:PM



หัวข้อ: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: ภู กวินท์ ที่ 10 สิงหาคม 2011, 09:30:PM

" บทคารวะบ้านกลอนไทย "

.............................

จากถ้อยคำ ทำมะ ดา ผู้มาใหม่
ขออภัยทุกท่านหวั่นบัดสี
ด้วยเคารพนบนอบชอบวจี
จึงได้มีสำนวน, มาชวนชม

ไม่ได้มีดวงจิตคิดแอบแฝง
หรือกลั่นแกล้งศรัทธาเอามาข่ม
ด้วยถ้อยคำดื่นดึกนึกระทม
ตามอารมณ์ล้นหลาก, จนมากมาย

คารวะ บ้านกลอน ในตอนนี้
ด้วยวจีชื่นชมสุขสมหมาย
ถ้อยลำนำของตนที่หม่นดาย
อธิบายไม่ถูก, ความผูกพัน

คือแหล่งที่ประสานในการแรก
ต้อนรับแขกด้วยดีไม่มีหวั่น
ล้วนมากหน้าหลายตามาแบ่งปัน
ร่วมสร้างสรรค์งานกลอน, สะท้อนใจ

คารวะท่าน webmaster เสมอจิต
ใครทำผิดคิดจับปรับนิสัย
รู้จักมองมูลเหตุของเลศนัย
ทุกคนให้เป็นขาใหญ่, แต่ใจดี

คารวะท่าน มหาซัง ที่ยังอยู่
แปลกฤดูทำนองของวิถี
ไม่เคยลืมตัวบทรสกวี
ของไทยมีสาระ, ทุกประเด็น

คารวะท่าน นโม โตเป็นหนุ่ม
สาวมารุมหลายหลากฝากความเห็น
ช่างเก็บเนื้อเก็บตัวกลัวลำเค็ญ
ก่อนเคยเด่นงามพจน์, กำหนดกลอน

คารวะท่าน เกล็ดนาคา แววตาซ่อน
บางคำอ้อนอ่อนไหวเกินไถ่ถอน
ทุกสำเนียงเสียงจัดชัดอาวรณ์
ก่อนเข้านอนนั่งขับ, แล้วหลับตา

คารวะท่าน ดิษฐา เวลานี้
เป็นเจ้าที่เจ้าทางวางประหม่า
เป็นแม่หญิงเคร่งคร่ำประจำมา
เป็นคนที่รู้ว่า, น่าเอ็นดู

คารวะท่าน เพรางาย ทายปัญหา
คัดสรรมาคำดีที่มีอยู่
ลึกล้ำค่าสาระเต็มประตู
ประหนึ่งครูสอนฝาก, จากบทกลอน




หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: ภู กวินท์ ที่ 10 สิงหาคม 2011, 09:43:PM


คารวะท่าน victoriasecret เพชรน้ำหนึ่ง
หวานคะนึงถึงกล มนต์อักษร
แต่ละศัพท์จับมาพาอาวรณ์
ถ้อยสุนทรตอนคิด, สถิตใจ

คารวะท่าน ระนาดเอก, เอกบุรุษ
วจีสุดคมคายบรรยายไหว
เป็นทั้งครูผู้สอนตอนอยู่ไกล
เป็นผู้ให้ความรู้, แก่ผู้คน

คารวะท่าน สายใย ไมตรีดั่ง-
อีกฝากฝั่งสังเกตุมีเหตุผล
มีความคิดกล้าแกร่งแห่งตัวตน
อยู่นานจนเชี่ยวชาญ, งานกวี

คารวะลุง ปรางค์ สามยอด ตลอดมิตร
มีหัวจิตหัวใจในวิถี
ดำรงตนประจำคือทำดี
ลูกหลานมีแนวทาง, วางอย่างลุง

คารวะท่าน วฤก ผู้เกริกฤทธิ์
เนรมิตคำไว้ในใกล้รุ่ง
ทุกสำนวนชวนฝันอันจรุง
ไม่ต้องปรุงเสริมแต่ง, จากแหล่งใด

คารวะท่าน พรายม่าน จากงานกล่อม
ขอนบน้อมด้วยจิตสถิตไว้
ด้วยบทกลอนระบิลอยู่ถิ่นไกล
อยากฝากใจเป็นศิษย์, คอยติดตาม

คารวะท่าน Hort39 หนาวหรือสุข
กลอนสนุกครื้นเครงบรรเลงถาม
เพื่อชีวิตเชื่อมโยงกี่โมงยาม
ช่างงดงามความเด่น, ชื่นเย็นทรวง

คารวะท่าน ดาว อาชาไนย
ฉ่ำดวงใจหวงแหนจากแดนสรวง
มธุรสพจน์คล่องผ่องทั้งปวง
บริสุทธิ์ดุจร่วง, สู่ดวงใจ

คารวะท่าน รพีกาญจน์59 เกินกล่าวถึง
เสียงซอซึงถึงดาววับวาวใส
บรรจงร้อยถ้อยคำเด่นอำไพ
จนฝันใฝ่ได้อ่าน, บนลานคำ

คารวะ ป้ากันนา บูชายิ่ง
เป็นทุกสิ่งเป็นครูดูอิ่มหน่ำ
ช่วยลูกศิษย์ลูกหาตาดำดำ
มาชี้นำตัวบท, พจน์กวี

คารวะท่าน เมฆา ศรัทธาเปี่ยม
ไม่มีเหลี่ยม เล่ห์กล บนศักดิ์ศรี
ทุกสำเนียงเสียงดังฟังชัดดี
ต่างก็มีหวานขม, น่าชมเชย

คารวะท่าน จ้อง เจรียงคำ
ให้จดจำสติที่ผลิเผย
หอมไออุ่นกรุ่นรักจักรำเพย
รับรู้เลยตอนจบ, พบความจริง

คารวะท่าน…สียะตรา…อุษาผ่อง
ท่วงทำนองของหลักประจักษ์ยิ่ง
นิมิตคำดำเนินเกินประวิง
ประสิทธิ์สิ่งสื่อสาร, ละลานคำ

คารวะท่าน ทอฝัน ในวันนี้
ด้วยฤดีที่ตื่นของคืนค่ำ
ทุกสำเนียงเสียงบทต้องจดจำ
หลงดื่มด่ำฉ่ำเพลิน, มาเนิ่นนาน

คารวะท่าน กามนิต ลิขิตถ้อย
บรรจงร้อยเรื่องเก่าเขาเล่าขาน
ชื่นสุขสันต์บันเทิงในเชิงกานท์
สุขสำราญงานกลอน, อันอ่อนโยน

คารวะท่าน กายวิน ได้ยินเสียง
เป็นสำเนียงข้างในอันไกลโพ้น
ทุกจังหวะซ่อนซุกเข้าลุกโชน
กวีพจน์รสกระโจน, เข้าโหนฝัน

คารวะท่าน  Masapaer แน่วแน่จิต
ด้วยชีวิตสุจริตไม่ไหวหวั่น
ใช้ธรรมะขัดเกลารู้เท่าทัน
พจน์อนันต์พิสุทธิ์, ดุจเมตตา

คารวะท่าน กชนันท์ ลาวัณย์ส่อง
ประทุมคลองสว่างกระจ่างหล้า
ขาวผุดผ่องเด่นดวงพวงมาลา
พจนาปราศรัย, ด้วยไมตรี

คารวะท่าน ตะวันฉาย พร่างพรายเพริศ
งามล้ำเลิศความหวังแผ่รังสี
ไร้มายามาอยู่คู่ราตรี
อย่างมณีล้ำค่า, คราทะนง

คารวะท่าน ปรางทิพย์ โรจน์ลิบฟ้า
สุริยาเพริศแพร้วดั่งแววหงส์
จากกิ่งฟ้าไล่เรียงสำเนียงลง
ให้ใหลหลงภาษา, จนอาวรณ์



หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: ภู กวินท์ ที่ 10 สิงหาคม 2011, 09:52:PM



คารวะท่าน บอมซองดุ๊ก
กลอนปลอบปลุกรุกเร้นเด่นอักษร
คมวาทะไร้สิทธิ์คิดต่อกร
เฝ้าอาทรกลอนผูก, เหมือนถูกคน

คารวะท่าน ดาวระดา นภาโชติ
แสงรุ่งโรจน์จากตัวไม่มัวหม่น
ส่องประกายหนุนเนื่องอยู่เบื้องบน
ขยายค้นด้วยหัตถ์, ที่จัดเจน

คารวะท่าน ปภัสร์ จำรัสหล้า
งดงามค่าวจีที่ดีเด่น
เหมือนรุ้งทอ บริบทของกฎเกณฑ์
ไม่โอนเอนลิขิต, สนิทใจ

คารวะท่าน ยามพระอาทิตย์อัสดง
ยังผุดผ่องและมั่นคงอยู่ตรงไหน
ตราบตะวันทอแสงแรงวิไล
ทั้งใกล้ไกลอบอุ่น, ด้วยสุนทร

คารวะท่าน (ฟ้า)มารสุรา
ผันผ่านมาเนิ่นนานในกาลก่อน
ได้เห็นมิตรภาพอาบอาวรณ์
บริสุทธิ์ดุจกลอน, ตอนได้ยิน

คารวะท่าน ไม่รู้ใจ เป็นไงมั่ง
หอมประดังหวนโหยได้โชยกลิ่น
ความหวังดีมีไว้ให้โบยบิน
เมื่อได้ยินถ้อยคำ, ล้ำสำนวน

คารวะท่าน สล่าผิน อยู่ถิ่นเหนือ
ความเอื้อเฟื้อบรรทุกสนุกถ้วน
วลีทิพย์กำซาบอาบอบอวล
เมื่อชักชวนมวลมิตร, ลิขิตคำ

คารวะท่าน เจียว ผู้เกี่ยวข้อง
ท่วงทำนองลองลิ้มต้องอิ่มหน่ำ
สุดสรรหาสาระมาประจำ
รู้จักนำชีวิต, มาพลิกแพลง

คารวะท่าน นพ เกินพบหน้า
ด้วยวาจานำพามาแถลง
หวานน้ำคำกุหลาบอาบแก้มแดง
จำรัสแสงแรงเนื่อง, อยู่เบื้องบน

คารวะท่าน สายลมสีขาว
กับเรื่องราวทำนองอันหมองหม่น
ทั้งหวานซึ้ง ปนเศร้า เหงาในตน
อ่านแล้วจนขานรับ, ถึงกับครวญ

คารวะท่าน ฉันเอง บทเพลงเศร้า
กวีเหงา กลอนหม่น บนลานสวน
มีดอกไม้มามอบปลอบทั้งมวล
แลก็ล้วนหวานขม, อารมณ์ดี

คารวะท่าน กาแฟดำ ประจำถิ่น
ได้เสพย์ศิลป์กลิ่นคำนำวิถี
รสกาแฟหอมหวลชวนวจี
คือสิ่งที่มีค่า, น่านิยม

คารวะท่าน บัณฑิตเมืองสิงห์
งดงามยิ่งไพเราะความเหมาะสม
ด้วยทำนองพลิ้วไหวในอารมณ์
ทั้งหวาน-ขมชมชื่น, เหนืออื่นใด

คารวะท่าน แม่ค้าหน้าหวาน
สุขสำราญกานท์กลอนอันอ่อนไหว
ลืมทุกสิ่งหลงเกี้ยวจนเปลี่ยวใจ
อบอุ่นในเอื้อเฟื้อ, มาเชื้อเชิญ

คารวะท่าน รุ่งอรุณ อุ่นบ้างไหม
ด้วยหัวใจสะอาดไม่ขาดเขิน
คงจะได้ประสบพบทางเดิน
อย่างเพลิดเพลินไม่น้อย, จากร้อยกรอง

คารวะท่าน Kanthita ผู้น่ารัก
ได้ประจักษ์วลีไม่มีสอง
บริสุทธิ์ดุจฝันอันรังรอง
ท่วงทำนองสอนฝาก, เมื่อจากกัน

คารวะท่าน สุวรรณ ผูกพันมิตร
คือชีวิตคิดหาน่าไหวหวั่น
ตราบที่เราคงเหงาด้วยเงาจันทร์
บทประพันธ์ยืนหยัด, ยังชัดเจน

คารวะท่าน แป้งน้ำ ในยามเช้า
กับเรื่องเล่างดงามตามความเห็น
จากความหมายสายลมพรมพัดเย็น
ประหนึ่งเป็นทุกสิ่ง, อย่างจริงจัง

คารวะท่าน บ้านริมโขง ผู้โยงโลก
สุข-ทุกข์โศกปรากฏไม่หมดหวัง
ทุกสำนวนชวนเห็นเป็นพลัง
ขึงและขลังดั่งว่า, น่าท้าทาย

คารวะท่าน ณัชชา แววตาโศก
จะเปลี่ยนโลกให้ดีมีความหมาย
ด้วยถ้อยคำสำเนียงมาเรียงราย
วิจิตรพรายลายคำ, เด่นล้ำทรวง

คารวะท่าน Music บุคลิกมั่น
งานประพันธ์ปั้นแต่งจากแหล่งสรวง
แสงกำเนิดเพริศพราวจากดาวดวง
ลงสู่ห้วงหัวใจ, เมื่อได้ยิน

คารวะท่าน มานพ เกินหลบเร้น
เมื่อตอนเย็นรันทดจนหมดสิ้น
หวานกวีที่โปรยมาโรยริน
ดั่งเพลงพิณเร่งรุด, ฉุดให้ยืน

คารวะท่าน My smile ผู้หลายหลาก
บรรจงฝากจากมานตระการตื่น
ให้กำหนดจดจำของค่ำคืน
เป็นเกลียวคลื่นอิสระ, จังหวะคำ



หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: ภู กวินท์ ที่ 10 สิงหาคม 2011, 09:58:PM


คารวะท่าน ช่ออักษราลี
ราวมณีมีไว้ให้ดื่มด่ำ
พจน์อ่าองค์ทรงเสียงเพียงลำนำ
ก็เพ้อพร่ำฉ่ำชื่น, สะอื้นตาม

คารวะท่าน ตุลาทิตย์ สถิตเสียง
ภาษาเรียงจนชุ่มไม่บุ่มบ่าม
เย็นถ้อยคำพอเพียงจำเรียงงาม
ทุกโมงยามเอิบอิ่ม, เมื่อลิ้มลอง

คารวะท่าน ปัญจ์-นารา ผู้อาทร
ด้วยสุนทรอิ่มโอษฐ์โสตสนอง
เก็บซ่อนสุขทุกคำท่วงทำนอง
ดั่งครอบครองอารมณ์, จากคมเคียว

คารวะท่าน ธาตรีรติกานท์
พจมานเงียบเหงาดูเปล่าเปลี่ยว
แต่อารมณ์ไม่นิ่งเสียจริงเชียว
ฝากคมเขี้ยวหยดหยาด, วาดกวี

คารวะท่าน sunanya อุราร้าว
กลอนของสาวเจ้าหม่นบ่นอยากหนี
กลัวใจชายมากมายหมายย่ำยี
รสวจีเศร้าทุกข์, สนุกปน

คารวะท่าน Dewada บนฟ้าใส
แกร่งกล้าในทำนองที่หมองหม่น
ด้วยจิตใจไม่กลัวในตัวตน
สร้างสรรค์ชนบนงาน, ผ่านความจริง

คารวะท่าน amika29
ลบความเศร้าเข้าปลุกอยู่ทุกสิ่ง
เล่าเรื่องราวมาแนบให้แอบอิง
ได้พิ่งพิงสาระ, งานประพันธ์

คารวะท่าน คันไถ อยู่ในสวน
การชี้ชวนตรงโน้นกระโจนฝัน
ถ้อยลีลาสามารถเข้าฟาดฟัน
สุขไหนกันก็ไม่เท่า, เคล้ากวี

คารวะท่าน จ.รัตติกาล ประมาณอยู่
ไม่หดหู่ผ่านพบการหลบหนี
ได้พบเห็นคุณค่าทุกนาที
จากงานที่ลิขิต, คอยติดตาม

คารวะท่าน ปุถุชน ฅนธรรมดา
ปรารถนาสิ่งใดขอไถ่ถาม
ทุกสำเนียงเชื่อมโยงถึงโมงยาม
จนวาบหวามดื่มด่ำ, ชื่นฉ่ำใจ

คารวะท่าน คนกันเอง ในเพลงซึ้ง
หวานคะนึงถึงทรวงห่วงหวั่นไหว
เวลาเศร้าเฝ้าปลงหลงคิดไป
เกิดขึ้นในมโณภาพ, จนอาบทรวง

คารวะท่าน ต้นก้ามปู ผู้สรรค์สร้าง
เข้าจัดวางถ้อยถักที่หนักหน่วง
ในคืนค่ำดาวเด่นเห็นเป็นดวง
ท้าทายห้วงรู้สึก, สำนึกตน

คารวะท่าน คอนพูทน คนภูธร
เสกสรรกลอนล้ำเลิศประเสริฐล้น
เอ่ยก้องกาพย์อาบเดชดั่งเวทมนต์
กล่อมบันดล กลบท, กำหนดมา

คารวะท่าน ..สะเลเต..เวลาเหงา
บทกลอนเศร้าพร่ำเพ้อละเมอหา
เวลาสุขสนุกทุกอุรา
สมศักดาเพชรพลอย, เรื่องร้อยกรอง

คารวะท่าน วลีลักษณา ภาษาสวย
งดงามด้วยพิสุทธิ์อันผุดผ่อง
แสงวับวาวพราวโชติโรจน์เรืองรอง
ท่วงทำนองพลิ้วไหว, ในสายลม

คารวะท่าน คนเผาถ่าน จากงานเขียน
มาติเตียนให้ตื่นอย่าขื่นขม
ด้วยสำเนียงเสียงเพราะเหมาะอารมณ์
ที่ตรอมตรมถมทับ, ได้กลับคืน

คารวะท่าน กัลมลี* วจีเด่น
ดั่งเดือนเพ็ญอาวรณ์เมื่อตอนตื่น
คอยทักทายหายช้ำระกำกลืน
ฟังแล้วรื่นชื่นจิต, สนิททรวง

คารวะท่าน กระต่าย ที่ปลายฟ้า
บนจันทราราตรีฤดีห่วง
ซึ้งในบทพจน์หลั่งจากทั้งปวง
เข้าสู่ห้วงคืนหลับ, รับอรุณ

คารวะท่าน พิกุลแก้ว แน่วแน่จิต
คมความคิดพลิกแพลงเป็นแรงหนุน
ถ้อยประเสริฐเลิศล้ำเข้าค้ำจุน
ยังหอมกรุ่นอุ่นรัก, เมื่อทักทาย

คารวะท่าน จะไม่เด็ด
ดั่งหยาดเพชรเก็จมณีมีความหมาย
ฉายสะท้อนย้อนยุคปลุกประกาย
เป็นเส้นสายรายรอบ, มาปลอบกัน

คารวะท่าน Tina เคยปราศรัย
ผ่องอำไพในกลอนอมรสรรค์
เป็นน้ำทิพย์อัมฤตชิดคืนวัน
พร่ำรำพันถึงอยู่, ไม่รู้ตัว

คารวะท่าน ไผ่เดียวดาย หมายสดับ
เมื่อตอนหลับกลับตื่นคืนสลัว
ยินกลอนมั่นพรั่นประหลาดหายหวาดกลัว
ซาบซ่านทั่วอณู, สู่นิทรา

คารวะท่าน ใบชา…ที่ไร้หนอน
เหมือนท่วงเพลงอาวรณ์อันอ่อนล้า
จินตนาการถ้อยคำธรรมดา
ก็นำพาไหวหวั่น, จนพรั่นพรึง

คารวะท่าน ดวงไฟ อยู่ในนี้
หลากหลายมีศรัทธาจะมาถึง
จากถ้อยความลำนำให้คำนึง
ติดตราตรึงยิ่งนัก, กล่าวทักทาย

คารวะท่าน นันท์ เมื่อวันเหงา
บทเพลงเก่าเศร้าสร้อยร้อยความหมาย
ได้พบพานงานกลอนตอนอธิบาย
จวบอักษรตัวสุดท้าย, เหมือนร่ายมนต์


หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: ภู กวินท์ ที่ 10 สิงหาคม 2011, 10:02:PM



คารวะท่าน Greenmonkey
ไร้ตำหนิติเตียนงานเขียนข้น
ภาษาสื่อถือใจในตัวตน
งดงามล้นในจิต, มิตรภาพ

คารวะท่าน อักษรศิลป์ ถวิลหา
ด้วยภาษาอารมณ์เหมือนคมดาบ
ความรู้สึกนึกคำเข้ากำซาบ
ให้เราอิ่มเอิบอาบ, ตราบนิรันดร์

คารวะท่าน Hathaichanok
หวั่นวิตกได้เจอจนเพ้อสั่น
ถ้อยสำเนียงขับขานบนลานจันทร์
เฝ้ารำพันฝันเฟื่อง, อยู่เบื้องบน

คารวะท่าน ฌลา ผ่านมาพบ
อ่านจนจบทบทวนชวนเห็นผล
สดุดคำมากมายมาร่ายมนต์
หายหมองหม่นปนสุข, สนุกใจ

คารวะท่าน Ploy pim อิ่มความฝัน
ร่วมแบ่งปันทุกสิ่งอันยิ่งใหญ่
ทุกสำเนียงเสียงฝากมาจากใจ
ก็สุขล้นอยู่ข้างใน, เกินได้ยิน

คารวะท่าน Peepoonsuk สนุกยิ่ง
กับความจริงหยิบยกไม่ผกผิน
ความรู้สึกอบอุ่นกรุ่นไอดิน
มารวยรินกลิ่นกาพย์, กำซาบกลอน

คารวะท่าน อัศจรรย์จิต ลิขิตข้น
อิ่มหนำจนผ่อนคลายให้หายร้อน
อ่านแล้วเกิดเตลิดหลงในดงดอน
ด้วยอาทรอ่อนแสง, สร้างแรงใจ

คารวะท่าน Chaipan1999
สุขหรือเศร้าเฝ้าถามวาบหวามไหว
บรรจงถ้อยร้อยจิตลิขิตไป
เพราะห่วงใยในจิต, ลิขิตตาม

คารวะท่าน ตัวฉัน* วันฟ้าสวย
ยังอยู่ด้วยบทกลอนเฝ้าวอนถาม
มีคำตอบปลอบปลุกทุกโมงยาม
อยู่ในนามปรากฏ, บทประพันธ์

คารวะท่าน [Love] อิ่มเอิบสุข
บทกลอนรุกปลุกใจในความฝัน
ในวันที่อ่อนล้าแสนจาบัลย์
คอยแบ่งปันทุกสิ่ง, อย่างจริงใจ

คารวะท่าน นิวาตะ
ด้วยสาระชี้นำจดจำใส่
เหมือนสายฝนหล่นร่วงซึ้งทรวงใน
คอยขับไล่ความเศร้า, อย่าเข้ามา

คารวะท่าน ฉันมันก็แค่นี้
ด้วยวจีแห่งคำล้ำคุณค่า
ความสัมพันธ์ผันผูกถูกชะตา
ด้วยศรัทธาซึ้งทรวง,จากดวงมาน

คารวะท่าน With love มาเสิร์ฟรัก
สุนทรถักทำพามาประสาน
ด้วยศรัทธาสารพันจะบันดาล
ชั้นเชิงกานท์ผ่านมา, น้ำตาริน

คารวะท่าน แงซาย อย่าหายหน้า
ประกายตาจดจำย้ำถวิล
ชื่นชวนชมลมโชยมาโบยบิน
เหนือพื้นดินยินเสียง, สำเนียงเดิม

คารวะท่าน กริชอักษร อาวรณ์ฝาก
จนหลายหลากมากมายประกายเสริม
ให้สิ้นสุดหยุดท้อมาต่อเติม
แสนเคลิบเคลิ้มเพิ่มไว้, ให้เบิกบาน

คารวะท่าน น้ำหวาน กล่าวขานถึง
ว่าลึกซึ้งหนึ่งหญิงอิงสงสาร
ส่งสำเนียงเคียงคลอพอประมาณ
ก็ซาบซ่านปานแสง, ทิ่มแทงใจ

คารวะท่าน คนรักษ์ถิ่น
ดอกกระถิ่นกลิ่นลำดวนชวนหลงไหล
เก็บเกี่ยวรักถักทอพอส่งไป
อบอุ่นในถ้อยคำ, ทุกค่ำคืน

คารวะท่าน กระรอกขาว คราวว้าเหว่
ท้องทะเลคลื่นซัดไม่ขัดขืน
เป็นสำเนียงเสียงปลุกลุกขึ้นยืน
กลอนสะอื้นขื่นขับ, แทบหลับตา

คารวะท่าน BangPlaMa
ส่งสายตาสำเนียงเรียงภาษา
ยังชื่นชมพร่ำเพ้อเสมอมา
ด้วยศรัทธามาพบ, ไม่ลบเลือน

คารวะท่าน Panwat สัจธรรม
มาชี้นำความหมายมากมายเกลื่อน
อย่ายอมแพ้ อธรรมมาย้ำเตือน
อยู่เป็นเพื่อนคอยตอบ, เพื่อปลอบโยน

คารวะท่าน ธุลีฝัน ในวันนี้
บ้างครั้งมีฝันผูกหรือถูกโค่น
เกิดขึ้นมาตามเกณฑ์อย่าเอนโอน
อ่านแล้วโดนสาระ, แทบละลาย

คารวะท่าน Ape เก็บความฝัน
มาแบ่งปันชักชวนทุกส่วนสาย
ส่งสำเนียงเสียงจริงทั้งหญิงชาย
ฟังแล้วหายร้อนรน, จนบัดนี้

คารวะท่าน จิ๊กโก๋พม่า ในคราก่อน
ซึ้งบทกลอนยิ่งนักแห่งศักดิ์ศรี
ท่วงทำนองก้องกึกระทึกดี
ด้วยวลีเข้าวาด, ประกาศไป

คารวะท่าน ผู้ชายฯ รักในหลวง
ซาบซึ้งทรวงมั่นคงจนหลงไหล
เหมือนดอกไม้อ่อนหวานเบิกบานใจ
สว่างใสใฝ่หา, เมื่อมาเยือน

คารวะท่าน ปีศาจสุรา
กาลเวลาไม่จบค้นพบเพื่อน
อุดมการณ์สถิตไม่บิดเบือน
มาย้ำเตือนด้วยบท, พจน์กวี

ขออภัยนะครับ ท่านอื่นๆจะมาเพิ่มให้วันหลัง วันนี้ตาลายจริงๆ emo_115


หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 10 สิงหาคม 2011, 10:19:PM

๐ ขอคั่นด้วยโฆษณาปากกาน้อย
แค่เขียนถ้อยร้อยศิลป์กวินหว่าน
ตามประสาอารมณ์ชอบชมงาน
ใช่ชำนาญอวดโอ้เขียนโชว์ใคร

๐ ระนาดเอกจึงมาคารวะ
ชมวาทะกวีที่ใจใหญ่
ทำ มะดาพาทีศรีอำไพ
ชวนชาวบ้านกลอนไทยใคร่ชื่นชู..

ระนาดเอก

 emo_25


หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 10 สิงหาคม 2011, 11:21:PM

(http://www.ohzeed.com/bar_111.gif) (http://www.ohzeed.com)


คลับคล้ายตอนขงเบ้งเยือนสำนัก
จึงทายทักกันไปตามที่รู้
คาราววะหนึ่งจอกเช่นดั่งครู
จงเลิศหรูเสริมส่งดำรงค์คำ


 emo_54


(http://www.ohzeed.com/bar_111.gif) (http://www.ohzeed.com)




หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 11 สิงหาคม 2011, 12:56:AM
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_020.gif)

คงจะไม่ ใช่ “ทำ มะดา”แล้ว
คงเห็นแววตลกเราตกต่ำ
คงรู้เหตุเวทนา”ทามะดำ”
คงจะหนำ ใจจัง กลอนพรั่งพรู

คงไม่ใช่”ทำมะดา”ดั่งตาเห็น
คงจะเป็นกวีแก้วเพริศแพร้วหรู
มาหยอกล้อพอเห็นว่าเอ็นดู
แล้วอยุ่อยุ่ก็หายเหมือนหลายคน....มั้งครับ อิ อิ

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_020.gif)



หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 11 สิงหาคม 2011, 05:31:AM


emo_107

หนึ่งในร้อยคำชมที่พรมพร่าง
เธอเอ่ยอ้างคุ้นเคย...เลยส่งผล
นอนไม่หลับจับใจในตัวตน
เราแยบยลโอบเอื้อกันเมื่อใด?

ได้แต่ถามดาวดวง...ในห้วงฟ้า
ภาวนาทุกค่ำคงจำได้
ส่งเธอมาคู่บุญค้ำจุนใจ
กล่าวเยื่อใย Music น่าหยิกจัง

 emo_60


หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 11 สิงหาคม 2011, 09:18:AM
คารวะท่าน นพ เกินพบหน้า
ด้วยวาจานำพามาแถลง
หวานน้ำคำกุหลาบอาบแก้มแดง
จำรัสแสงแรงเนื่อง, อยู่เบื้องบน...ทำ มะดา

ขอขอบคุณครับท่านทำมะดา
ทักทายมาได้ฟังยังสับสน
ผมไม่ถึงชั้นเซียนยังเวียนวน
มาฝึกฝนฝึกหัดคัดเขียนกลอน

เจอบทนำของท่านในวันนี้
เหมือนผมมีครูใหม่ได้มาสอน
และหากมีพลาดพลั้งในบางตอน
ขอวิงวอนโปรดอภัยใช่ล่วงเกิน.

นพ
11 ส.ค.54


หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: ยามพระอาทิตย์อัสดง ที่ 11 สิงหาคม 2011, 11:32:AM

ไม่ทำมะดา อื้อฮื้อ ไม่ทำมะดา
ช่างเข้าท่าเข้าทางวางคำขลัง
คารวะคาระวามาประดัง
กามนิตนั่งไม่ติดคิดแล้วอาย

คารวะท่าน ทำมะดา คารวะท่าน
ผู้ผลงานยิ่งยงบรรจงหมาย
กามนิตกามหน่อยด้อยลวดลาย
อยู่แถวท้ายนะพ่ออย่ายอเกิน

กามนิต
๑๑ ส.ค.๕๔
 emo_85


ซะที่ไหน ทำมะดา ซะที่ไหน
ชั้นเซียนไง ใช่ดู เพียงผิวเผิน
ลงเป็นสิบ ยิบตา หานานเนิน
ส่งคำเชิญ เขินอาย หมายเรียกเซียน

ทำมะดา ที่ไหน ทำมะดา
ทรงคุณค่า ภาษา พาขีดเขียน
"อัสดง" หลงคำ จำพากเพียร
ขอมาเรียน เขียนอ่าน จารกลอนกานท์

พระอาทิตย์อัดสง

ปล . สุดยอดเลยค่ะ คารวะ สักจอกนะค่ะ  emo_76
ขอบคุณสำหรับกลอนที่ลงให้อัสดงนะค่ะ ไพเราะมากเลยค่ะชอบ
ขอเอาไปลงที่เฟดนะค่ะ ว่ามีหนุ่มๆแต่งให้ คริคริ


หัวข้อ: Re: " บทคารวะบ้านกลอนไทย" (ขออภัยที่พาดพิง)
เริ่มหัวข้อโดย: รุ่งอรุณ ที่ 12 สิงหาคม 2011, 03:48:PM


คารวะท่าน รุ่งอรุณ อุ่นบ้างไหม
ด้วยหัวใจสะอาดไม่ขาดเขิน
คงจะได้ประสบพบทางเดิน
อย่างเพลิดเพลินไม่น้อย, จากร้อยกรอง

(http://www.ohzeed.com/bar_007.gif) (http://www.ohzeed.com)

คารวะท่านทำมะดาก็หาไม่

อุ่นบ้างไหมไต่ถามมาสบตาจ้อง

มิแค่อุ่นแต่เจิดจ้าน่าทดลอง

แม้ไม่คล่องว่องไวเท่าจะเฝ้าเพียร



ขอบพระคุณที่เหลือบแลชะแง้เห็น

นับเข้าเป็นหนึ่งในบ้านกลอนกานท์เขียน

หาประสบการณ์สร้างเสริมเพิ่มบทเรียน

จะติเตียนสั่งสอนใดอย่าได้เกรง(ใจ)



๐รุ่งอรุณ๐


(http://www.ohzeed.com/bar_007.gif) (http://www.ohzeed.com)