พิมพ์หน้านี้ - ขวานทองร้องทุกข์

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนธรรมะ+กลอนสอนใจ+กลอนธรรมชาติ+กลอนปรัชญา => ข้อความที่เริ่มโดย: deja ที่ 16 มิถุนายน 2011, 12:37:PM



หัวข้อ: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 16 มิถุนายน 2011, 12:37:PM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๑

ขวานเล่มนี้เคยมีสีทองสวย
เคยร่ำรวยสามัคคีมีสุขสันต์
เป็นหนึ่งเดียวเกลียวกลมสมโจษจัน
สยามมั่นชาติศาสน์กษัตรา

ขวานเล่มนี้เคยเป็นแดนแห่งรอยยิ้ม
เคยเอมอิ่มพริ้มสุขทุกทิศา
ชาวฝรั่งต่างชาติประหลาดตา
ตั้งฉายาน่าภูมิใจไร้เปรียบปาน

ขวานเล่มนี้เคยรุ่งเรืองเป็นเมืองพุทธ
คนรู้หยุดรู้ละกิเลสผลาญ
บรรดาโลภโกรธหลงพงศ์เผ่ามาร
ถูกต่อต้านตีตายพ่ายแพ้ไป

ขวานเล่มนี้เคยกินอยู่อย่างพอเพียง
ไม่เอาเยี่ยงเอาอย่างทางชาติไหน
ไม่คลั่งไคล้เพลิดเพลินเกินปัจจัย
ไม่หลงใหล “แบรนด์เนม” เกษมเกิน

เวลาผ่านขวานทองมีสองสี
แบ่งฤดีแบ่งไทยใจห่างเหิน
รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยวเป็นหมางเมิน
ไร้ขัดเขินขัดแย้งแบ่งแยกทาง

เวลาผ่านขวานทองยิ่งหมองหม่น
คนพิกลป่นศีลธรรมทำขัดขวาง
คนเห็นคนเป็นเหยื่อเสือล่ากวาง
ขวานกระด่างกระดำไปได้อย่างไร

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 23 กรกฎาคม 2011, 08:48:PM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๒ “โกงรับได้”

ผลสำรวจอวดอายผีปู่ย่า
ลูกหลานบ้าเงินตราว่าสุขี
โกงรับได้หากเห่อเหิมเติมธานี
“จีดีพี” ฟูเฟื่องเรืองปัจจัย

ลูกหลานไทยใจกระด่างเป็นอย่างนี้
ด้วยฤดีไหวหวามตามเงื่อนไข
พวกฝรั่งมังค่าบ้ากำไร
นำเงื่อนไขทุนนิยมข่มความอาย

โทษผู้อื่นโทษไปไร้ประโยชน์
ด้วยตัวโจทก์ผู้ใหญ่ไทยใจกระหาย
ทำแนวทางสร้างตำรามามอมมาย
ล้วนทำลายหิริแห่งสังคม

ยิ่งมีมากยิ่งอยากได้ยิ่งไม่พอ
ยิ่งหาต่อยิ่งหาไว้ยิ่งสะสม
ยิ่งอยู่นานยิ่งผลาญพร่ายิ่งติดลม
ยิ่งอุดมยิ่งหิวโหยยิ่งโกยเกิน

เยาวชนเด็กไทยไปผิดทาง
ด้วยตัวอย่างคนเกิดก่อนอ่อนขัดเขิน
ด้วยคนแก่แก่วิชาหาแต่เงิน
นำหน้าเดินด้วยใจเหลือบใจเคลือบไคล

สะสมโลภสะสมไว้ให้ลูกหลาน
คือสืบสานผ่านกิเลสให้เชื้อไข
คือการสร้างสังคมอุดมภัย
ผู้คนไร้ละอายบาปหยาบย่ำกัน
   
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: ด้ามขวานขอประท้วง
เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 24 กรกฎาคม 2011, 01:23:AM
ด้ามขวานขอประท้วง

เอ็ม ๓๕ แล่นผ่าน เสียง ตู้ม ต้าม !
สนั่นลั่นเขตคามถิ่นสถาน
เอาอีกแล้ว Car Bom กล่อมเพรงกาล
เหล่าทหารประชาเหน็บเจ็บระนาว

ด้ามขวานทองหลายแหล่งเป็นแอ่งบ่อ
เหตุใครก่อการณ์ร้ายในแดนด้าว
ทำผองชนเจ็บปวดแสนรวดร้าว
ตั้งหลายครั้งหลายคราว ยาวนานเกิน

จะประท้วง ข้าน้อยจะประท้วง
ขอมาทวงสิทธิ อย่าหนีเหิน
บ้านเคยอยู่อู่เคยนอน ขอคืนเทอญ
ช้ำทุกคราว...ที่เอิ้นเกริ่นท้วงฟ้า

.....................................................

แหงนมองฟ้าคราใดก็ไร้เสียง
แววตาเพียงสบเห็นความปวดปร่า
ของผองชนคนล้นท้นน้ำตา
ยากเยียวยารักษาแผลที่แช่นาน



หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 24 กรกฎาคม 2011, 08:03:AM
ช่วยๆกันร้องทุกข์

เผื่อร้อยกรองจะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้าง


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 24 กรกฎาคม 2011, 08:05:AM
(http://www.ohzeed.com/bar_051.gif) (http://www.ohzeed.com)

ประมวลภาพอาบล้นบนวิโยค
หลายหลากโรครุมเร้าเข้าสยาม
หลายหลากจิตคิดต่างสร้างนิยาม
หลายหลากความอัปรีย์ที่คนมอง

หนึ่งสังคมมีมากล้นคนประหลาด
ที่ไม่อาจคาดเดา เค้าความหมอง
วิปริตจากตนคนลำพอง
วิปริตจากสมองของผู้นำ

บ้างก็อยากรวยล้นเกินขนเก็บ
บ้างก็เจ็บใจแค้นเสียแน่นหนำ
บ้างก็บ้ายศฐาพาจดจำ
บ้างถลำทำชั่วมั่วอบาย

คล้ายบ้านเมืองใกล้แตกแยกเป็นเสี่ยง
คล้ายสำเนียงเข่นฆ่าหาเป้าหมาย
คล้ายหมดแล้วคนดีที่เรียงราย
คล้ายวอดวายใกล้ถึงซึ่งคนเมือง

แต่ไม่ใช่เช่นนั้นในวันนี้
เมื่อถึงที่ต่ำสุดก็หยุดเรื่อง
เมื่อเลวชาติขาดสติริขัดเคือง
กลับเมลืองเดื่องเด่นคืนเช่นเดิม

สังคมไทยได้รู้ใครคู่ควร
สังคมไทยปั่นป่วนล้วนใครเสริม
เศรษฐกิจแย่ยับใครขับเติม
หมายหัวเพิ่ม..อย่าให้มัน..หันหน้ามา.

"บ้านริมโขง"

(http://www.ohzeed.com/bar_073.gif) (http://www.ohzeed.com)


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 24 กรกฎาคม 2011, 09:22:AM
ด้ามขวานทองเรื่องเก่าเน่าสะสม
แต่โบร่มโบราณนานนักหนา
ชนกลุ่มหนึ่งเหมือนถูกทิ้งยิ่งระอา
แบ่งชั้นมาเป็นปมด้อยต้อยต่ำไป

นักการเมืองส่วนกลางวางอำนาจ
ทิ้งบทบาทข่มขู่ตูเป็นใหญ่
สามจังหวัดชายแดนเขตแคว้นไทย
ทางภาคใต้เขามองผ่านการปกครอง

*พระราชหัตถเลขามี ร.ที่หก
ทรงหยิบยกการแก้ปัญหาว่าทั้งผอง
ข้าราชการกลับเมินไปไม่เหลียวมอง
กลายเรื่องหองระแหงแฝงตามมา

แต่ด้ามขวานเรื่องภายในของประเทศ
มีขอบเขตเก่าอยู่รู้ถ้วนหน้า
แต่คมขวานอีกด้านบูรพา
มีปัญหาตัดสินอย่าบิ่นเลย

นิทานอีสปเก่าเขาเล่าไว้
คนตัดไม้ขวานตกคลองนั่งร้องเฉย
เทพารักษ์งมให้ไม่เหมือนเคย
เขาก็เอ่ยปฏิเสธไปไม่หวังปอง

ด้วยขวานเล่มใหม่นี้มีปัญหา
แสงเจิดจ้าสะท้อนสีไม่มีหมอง
เหลืองอร่ามงามเด่นเป็นขวานทอง
มิใช่ของของเขาไม่เอาไป

แต่ขวานทองของเราเขาคอยจ้อง
นำขึ้นฟ้องศาลโลกวางยกใหม่
อย่ามีบิ่นเชียวหนอขอร้องไง
ต้องร่วมใจปกปักษ์สามัคคี.
...................................
* พระราชหัตถเลขา ร.6
ที่ 3/78 ลงวันที่ 6 ก.ค.2466
เป็นแนวนโยบายการปฏิบัติราชการ
ในมณฑลปัตตานี.

นพ
24 ก.ค.54


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 07 สิงหาคม 2011, 07:53:AM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๓ “ปืนครองเมือง”

สถิติปริหน้าแหกแตกแยกยับ
จัดอันดับยิงกันตายอยู่ที่สาม
เมืองยิ้มง่ายขายขี้หน้าน่าประณาม
เมืองสยามแดนพุทโธโอ่บาปบุญ

สองหมื่นกว่าต่อปีที่เป็นผี
สิ้นฤดีด้วยลูกปืนลูกกระสุน
บ้างเป็นเหยื่ออารมณ์เหยื่อใจจุล
บ้างนายทุนสะสางก้างขวางคอ

ผลประโยชน์ขัดกันก็สั่งยิง
แย่งผู้หญิงก็ลั่นไกใจเหลือขอ
แย่งจอดรถก็กดเปรี้ยงจึงเพียงพอ
ใครแข็งข้อก็ขึ้นลำนำลงโลง

กี่คนกล้าถูกส่องต้องเป็นผี
กี่คนดีพลีกายต้องตายโหง
กี่คนเยี่ยมเปี่ยมยศหมดชั่วโมง
กี่ไข้โป้งจากไข้ใจไร้ควบคุม

คนถือปืนคือถือดีมีอำนาจ
คือถือธาตุอาชญาอาฆาตสุม
คือถือโกรธโฉดเขลาเข้าเร้ารุม
คือผู้กุมอัตตาบ้าประจัญ


กฎหมายปืนมีไว้ใช้บังหน้า
เพื่อขายค้าอาวุธโฉดโทษมหันต์
ทำเมืองไทยเป็นเมืองโหดจนโจษจัน
ทำทุกวันบนขวานทองนองเลือดแดง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 20 สิงหาคม 2011, 02:28:PM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๔ ตลาดยาบ้า

เร่เข้ามาค้าเขื่องเมืองยาบ้า
เปิดอ้าซ่าทุกชนิดเม็ดพิษสง
เฮโรอินฝิ่นไอซ์กัญชาดง
เชิญขายตรงขายอ้อมพร้อมรับรอง

ตลาดนี้มีลูกค้าคณานับ
พวกอยากอั๊ปอยากลองอยากเล่นของ
วัยรุ่นไทยใจง่ายใจละออง
เข้าทำนองเห็นผิดเป็นถูกควร

ตลาดนี้มีพ่อแม่ไม่แลเหลียว
ทิ้งลูกเดี่ยวเดียวดายพ่ายผันผวน
เลี้ยงด้วยเงินไร้ใจไร้คำนวณ
ไร้ฉนวนไร้ฟักฟูมภูมิคุ้มกัน

ตลาดนี้มีผู้ใหญ่ไม่สำนึก
ไม่ตรองตรึกเด็กไทยล้วนลูกฉัน
ไม่ใส่ใจวันหน้าของชาติพันธุ์
ช่างหัวมันขอกำไรในกำมือ
 
ตลาดนี้จึงเจริญเพลินพาณิชย์
กี่ชีวิตสังเวยให้ไร้หาหือ
กี่สูญเสียสิ้นไปไร้อื้อฮือ
จนเลื่องลือขวานทองซ่องเสพย์ยา

เร่เข้ามาหาประโยชน์ในแดนนี้
ถิ่นเสรีมีเจ้าบ้านเจ้าปัญหา
มัวแตกแยกแดกกินถิ่นพารา
เหล่ามิจฉาฉวยโอกาสฟาดฟันเอา


ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 20 สิงหาคม 2011, 06:05:PM
(http://www.ohzeed.com/bar_174.gif) (http://www.ohzeed.com)

(http://www.ohzeed.com/bar_164.gif) (http://www.ohzeed.com)

๐- คล้ายไม่มีความดีที่ให้ชื่น
คล้ายดาษดื่นความชั่วมั่วโง่เขลา
คล้ายบ้านเมืองไร้สุขทุกข์มอมเมา
คล้ายตัวเราเกลือกกลั้วขั้วเลวทราม

๐- หนึ่งสังคมปนเปรอะเลอะทุกอย่าง
ผู้คนต่างแดนดินถิ่นสยาม
ต่างเชื้อชาติ,ภาษา ค่าความงาม
ต่างมากความมากคิดมากบิดเบือน

๐- อาจต้องเลือกส่วนดีที่มองเห็น
กำหนดเป็นตัวอย่างวางเสมือน
ตุ๊กตานำร่องส่องดาวเดือน
ไว้คอยเตือนคอยตามถามความนัย

๐- เลือกผู้ใหญ่ที่ยลผลงานเลิศ
จิตประเสริฐสูงค่าน่าฝักใฝ่
เป็นตัวอย่างนำวางทางเป็นไป
เลือกจัญไร..มาด้วยช่วยเปรียบกัน

๐- เลือกศีลธรรมนำทางสว่างชี้
เพื่อให้มีสิ่งเร้าเข้าถึงฝัน
เลือกอาชีพสุจริตจิตผูกพัน
เชิดชูชั้น คนซื่อ คือคนดี

๐- จึงยังเหลือความจริงยิ่งมากหลาย
ได้ผ่อนคลายสลายท้อหนอศักดิ์ศรี
อย่าท้อแท้ ถดถอย ปล่อยชีวี
ข้างหน้ามีทางใฝ่...ให้ก้าวเดิน.

"บ้านริมโขง"
๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๔

(http://www.ohzeed.com/bar_162.gif) (http://www.ohzeed.com)


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 03 กันยายน 2011, 02:31:PM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๕ ผู้แทนนักแสดง

เลือกผู้แทนราษฎรเหมือนหลอนหลอก
พวกกลับกลอกออกลายในภายหลัง
พวกปลิ้นปล้อนอ้อนคะแนนแสนน่าฟัง
รู้พลาดพลั้งนั่งสภาเปลี่ยนท่าที

เลือกคนนี้ว่าดีมีลูกบ้า
ฝีปากกล้าวาจาท้าวิถี
เหมาะตรวจสอบรัฐบาลงานธานี
กลับเปลี่ยนสีแสดงบทมดเท็จลวง

เลือกคนนั้นขวัญใจชาวจังหวัด
คงเจนจัดเชี่ยวชาญงานเงินหลวง
บริหารงบประมาณสานผลพวง
กลับตักตวงเข้ากระเป๋าเอาไปเอง

เลือกคนเก่งได้รางวัลที่ยิ่งใหญ่
เลือกชาวไร่ชาวนาน่าเหมาะเหม็ง
เลือกผู้ดีมีตระกูลน่ายำเกรง
เลือกนักเลงนักร้องดาราดัง

เลือกคนไหนเลือกไปก็เสียเปล่า
ไม่รู้เท่ารู้ทันรู้เบื้องหลัง
ไม่ทันเล่ห์ทันเหลี่ยมทันระวัง
ไม่อาจหยั่งรู้เท่าเหล่าหนอนไช

ขวานทองนี้ใช่เวทีฉากละคร
มีทุกข์ร้อนทุกข์ท้อรอแก้ไข
ทุกเลือกตั้งหวังพ้นทุกเภทภัย
ไม่จริงใจไปให้พ้นอย่าปนปลอม

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 03 กันยายน 2011, 07:54:PM
emo_111

โน่นไม่ดีนี่ไม่ได้ดั่งหมายมั่น
เหมือนหลอกกันเติมไฟใส่เตาหลอม
ไม่อยากเลือกเปลือกนอกหลอกพะยอม
ต่างก็ย้อมสีมาพาชื่นทรวง

รักประชาธิปไตยไทยต้องเลือก
จะได้เปลือกหรือแก่นหรือแดนสรวง
ดีกว่าให้ใครข่มขมแดดวง...
ปฏิวัติยัดกลลวง...ฆ่าปวงชน.

"บ้านริมโขง"

emo_33 emo_48 emo_33


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษการกลอน ที่ 03 กันยายน 2011, 08:35:PM
"ทำนาย"

กระเบื้อง เฟื่องฟูลอย
น้ำเต้าน้อย จะถอยจม
กลียุค ทุกข์ระทม
ของสังคม ที่หยาบคาย

วจี ทุจริต
ลิ้นเบือนบิด ข้อกฎหมาย
ด่าฟ้า หมาไม่อาย
ฤายังได้ เข้าสภา

ขวานทอง ต้องคำสาป
มารกำซาบ ทุกหย่อมหญ้า
คอรัป-ชั่น กันมา
ช่างชั่วช้า กว่าชิงชัง

รากหญ้า ผู้อดหยาก
มีอยู่มาก เป็นกำลัง
เขาใช้ เป็นพลัง
ก่อนหักหลัง สร้างทรัพย์สิน

ผู้รู้ อยู่เมืองหลวง
แต่ผู้ลวง ชอบโบยบิน
รากหญ้า โปรดได้ยิน
ใช่ติฉิน นินทาลอย

พาดพิง ไม่ควรกล่าว
ขวานทองร้าว เราละห้อย
ทำใหม่ ไม่ซ้ำรอย
ก็จะคอย ลงคะแนน.

....คนตรงกลาง...
[/size]
 emo_89 emo_28



หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 02 ตุลาคม 2011, 12:29:PM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๖ น้ำตาขวาน

น้ำตาฟ้าหลั่งมาไม่ขาดสาย
มีคนตายคนยากลำบากแสน
มีคนอดคนอนาถคนขาดแคลน
คนข้นแค้นขัดข้องกว่าเคยมา

หรือนภาโกรธเคืองคนเบื้องล่าง
ทำลายล้างโลกสวยด้วยมิจฉา
ทำโลกร้อนรุมเร้าเหล่าชีวา
ทำพฤกษาป่าไม้ให้วอดวาย
   
น้ำตาคนบนเมืองนี้มีคำถาม
คำนิยามชลประทานท่านมุ่งหมาย
คือสร้างเขื่อนเกลื่อนกินหินปูนทราย
หรือผ่อนคลายภัยพิฆาตราษฎร

ควรขุดลอกคูคลองช่องน้ำไหล
อีกอ่างใหญ่ “แก้มลิง” สิ่งทรงสอน
อีกพนังไม่พังง่ายไม่แคลนคลอน
เพิ่มวงจรระบายน้ำทำโดยพลัน

เมื่อพิรุณท่านพิเรนทร์มีพิรุธ
ราวประทุษให้ร้ายทำลายขวัญ
แต่มนุษย์สุดเงื่อนงำซ้ำเติมกัน
กลับลงทัณฑ์คนชั้นล่างให้วางวาย

น้ำตาขวานผ่านตากว่าน้ำฝน
หลั่งเอ่อล้นท้นใจไม่ขาดสาย
สุดระกำช้ำชอกยอกใจตาย
ด้วยแพ้พ่ายภัยตนคนกินคน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 24 ธันวาคม 2011, 08:05:AM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๗ เมืองฉ้อราษฎร์

เราเลือกคุณเป็นผู้แทนราษฎร
พึงสังวรในเกียรติและศักดิ์ศรี
ใช่เป็นโจรใส่สูทพูดจาดี
ทรพีโกงแผ่นดินถิ่นกล่อมเกลา

รัฐเลือกคุณเป็นใหญ่ในกระทรวง
พึงห่วงหวงประโยชน์ชาติไม่ขลาดเขลา
ใช่เป็นข้ารับใช้พวกใจเบา
เป็นมือเท้าเหล่าส.ส.ขอเศษเงิน

เหล่าชาวบ้านเลือกคุณเป็นหัวหน้า
พึงรักษาชุมชนคนสรรเสริญ
ใช่ก้มหัวให้พ่อค้าหาส่วนเกิน
เป็นทางเดินให้มิจฉามากอบกิน

อบต. อมทุกบาททุกสตางค์
ทำตามอย่างท่านปลัดยัดทรัพย์สิน
รมต. รับเม้มเงินเป็นอาจิณ
ริบหมดสิ้นทั้งใต้โต๊ะใต้ตู้เตียง

นักโกงเมืองเนืองแน่นแดนขวานทอง
กลายเป็นซ่องโจรผู้ร้ายเพราะขายเสียง
เมื่อลงทุนก็ต้องถอนให้เกินเพียง
เมื่อมีเลี้ยงต้องมีลาภมีตอบแทน

เมืองฉ้อราษฎร์บังหลวงจึงกลวงโบ๋
ผู้คนโซทุกข์ยากลำบากแสน
ด้วยช่องว่างห่างกันราวสุดแดน
คนแร้นแค้นคนมั่งมีหลีกลี้กัน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: บูรพาท่าพระจันทร์ ที่ 24 ธันวาคม 2011, 08:34:AM










อันขวานทอง ของไทย ไม่เคยร้อง
รวมพี่น้อง เนิ่นจำเนียร เพียรสร้างสรรค์
ต่างถูกเชือด เลือดโซม เข้าโรมรัน
ร่วมบีฑา ฟ่าฟัน ประจัญจญ

ขวานจะบิ่น สิ้นไทย เพราะใครเล่า ?
พวกลืมเหง้า เผ่าไทย ใจฉ้อฉล
ทุจริต มิจฉา เกินค่าคน
แม้รวยล้น มิสนใจ อยากไม่พอ!.../

บูรพาท่าพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 21 มกราคม 2012, 06:45:PM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๘ เด็กขวานทอง

เด็กเอ๋ยเด็กขวานทองนองน้ำตา
ถูกผลาญพร่าข่มกดวัยสดใส
ถูกมอมเมาหมกมุ่นมืดหม่นใจ
ด้วยผู้ใหญ่จอมละโมบโฉบไปกิน

“เน็ตคาเฟ่” คาใจความบังอาจ
เกมพิฆาตปีศาจร้ายทำใจหิน
เกมสวาทอุจาดตาบ้าราคิน
ดื่มเมาปลิ้นชินหูตาท้ากฎเกณฑ์

ซื้อกามเด็กราวซื้อของข้างถนน
ไร้กังวลปนเปื้อนให้หลานเหลน
เยาวชนใจแตกแหลกเป็นเดน
เป็นของเล่นของเช่าเหล่าหัวงู

ขายยาบ้าในสถานการศึกษา
ไม่นำพาอนาคตของพวกหนู
ไม่สนใจใช่เลือดเนื้อเอื้อเอ็นดู
เพียงตัวกูอู้ฟู่อยู่สบาย

ล่วงละเมิดตัณหากับทายาท
กามอุบาทว์ดาษดื่นขืนเชื้อสาย
โลกสวยใสใจผุดผ่องต้องมลาย
จวบจนตายแผลใจไม่ลบเลือน

อีกสินค้าเห่อเหิมเติมโลภหลง
เป็นทางลงทางเลวทางเชือดเฉือน
เป็นหน้าตาในหมู่มิตรยากบิดเบือน
ไม่แชเชือนทำทุกอย่างเพื่อได้มา

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012, 09:40:AM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๙ แยงกี้ยุแยง

พวกผมทองล่าเมืองขึ้นมาแต่ไหน
ก่อนเคยใช้กำลังหวังหักหาญ
ปัจจุบันกลยุทธ์สุดเปรียบปาน
สร้างร้าวรานก่อนรุกล้ำซ้ำฟาดฟัน

พวกแยงกี้บ้าอำนาจทาสวัตถุ
มายั่วยุคนไทยให้เปลี่ยนผัน
เคยรู้ต่ำรู้สูงรู้สามัญ
รู้ราชันย์รู้ประชารู้บังคม

กลับคิดแปลกแตกต่างห่างปู่ย่า
คิดดึงฟ้าลงต่ำลงทับถม
คิดทำลายจารีตจิตนิยม
คิดชื่นชมฝรั่งถ่อยด้อยวันทา

พวกแยงกี้แย่งกินทุกถิ่นฐาน
เพิ่งยึดบ้านเมืองน้ำมันเป็นทาสา
เข้ากอบโกยเหยียบย่ำห้ำพารา
ไม่นำพาน้ำตานองของชาติพันธุ์

ภูมิภาคหลากหลายทรัพย์ในดิน
อุดมสินแร่ธาตุก๊าซมหันต์
เป็นครัวโลกโภคทรัพย์นับอนันต์
ขวานทองนั้นเป็นเป้าหมายรายต่อไป

ขออย่าเป็นเครื่องมือชาวต่างชาติ
ขออย่าพลาดเรื่องลำบากยากแก้ไข
ขอให้คิดตรึกตรองมองการณ์ไกล
ขอรวมใจเป็นหนึ่งเดียวสู้เหยี่ยวมาร


ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 11 มีนาคม 2012, 11:54:AM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๑๐ ขวานเคยเขียว

ขวานเคยเขียวชอุ่มชุ่มชื้นชาติ
ดารดาษรุกขชาติวาดไพรสณฑ์
ดารากรแห่งโลกสวยแห่งบันดล
เกิดมณฑลล้นเหลือเครือพืชพันธุ์

ขวานเคยมีผ้าผวยรวยเนื้อหนา
มีวนาซับน้ำรอบขอบขัณฑ์
มีเฌอช่วยชะลอชลพ้นโรมรัน
เทพลงทัณฑ์กลั่นเมฆเสกทุกข์ภัย

ขวานเคยมีผู้รู้ผู้เห็นค่า
อรัญวายืนยงอสงไขย
ไม้ทุกต้นเปรียบทุกลมหายใจ
ของชาวไทยชาวนาชาวฟ้าดิน

ขวานกลับมีพวกฉิบหายนายทุนใหญ่
พวกจัญไรกินป่าหาทรัพย์สิน
ทำลายป่าเพื่อปากท้องเพื่อเกินกิน
บุญคุณถิ่นเกิดเติบใหญ่ไม่นำพา

ป่าต้นน้ำต้นชีวิตถูกลิดรอน
ถูกโค่นถอนเหี้ยนเตียนเปลี่ยนพฤกษา
เป็นดินแดงแห้งแตกแยกออกมา
เป็นสัญญาอุบาทว์เข้าครอบครองแดน

ป่าต้นน้ำต้นชีวิตคิดห่วงหวง
เช่นมะม่วงมีมดแดงแจ้งหวงแหน
เช่นผู้ใหญ่รักษาทรัพย์นับเป็นแกน
เก็บแก้วแหวนให้ลูกหลานสานชีวี

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 01 พฤษภาคม 2012, 12:42:PM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๑๑ แรงงานแรงงอม

แรงงานไทยคือแรงงอมยอมก้มหัว
ให้เจ้าสัวให้นายทุนหมุนซ้ายขวา
ผลงานดีมีเศษแบงค์แบ่งให้มา
มีปัญหาเท่าไข่มดพร้อมปลดคน

แรงงานไทยคือแรงเง่าถูกเอาเปรียบ
กำไรเทียบเงินเดือนเหมือนฉ้อฉล
ได้มาร้อยจ่ายเพียงสิบยิบแยบยล
ต้องจำทนคนลูกจ้างทางเลือกบาง

แรงงานไทยคือแรงง่อยน้อยปากเสียง
ใครกล้าเถียงกล้าฮึดฮัดกล้าขัดขวาง
กี่ผู้นำกรรมการเขี่ยพ้นทาง
กี่นายนางที่อ้างสิทธิ์ถูกลิดรอน

แรงงานไทยแรงแงๆน้ำตาตก
เจอนรกในที่งานภัยหลอกหลอน
สารมีพิษเครื่องจักรเก่าอุปกรณ์
ล้วนสั่นคลอนสั่นชีวิตสั่นจิตใจ

แรงงานงานไทยคือแรงงมก้มเก็บหน้า
ไปเสียนามาเสียเมียเสียรู้ไผ
ซ้ำหน่วยงานท่านร่วมมือโจรจัญไร
ไทยกินไทยได้รสแซบแสบลิ้นดี

แรงงานไทยในสังคมเอาตัวรอด
คนชั้นยอดคือเหยียบหัวขึ้นสุขี
คนชั้นแย่ไร้เดียงสาถูกย่ำยี
คนเมืองนี้มีกอบโกยกับกล้ำกลืน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 07 กรกฎาคม 2012, 08:11:AM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๑๓ หลังสู้ผา หน้าสู้เหว

หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินคำยินฟัง
เปรียบกำลังชาวนาชาวขยัน
เปรียบกระดูกสันหลังแห่งเผ่าพันธุ์
คนสำคัญพื้นฐานชาติองอาจงาม

หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินกินอยู่ง่าย
เพทุบายหลายกระทู้ไม่รู้ถาม
ไม่รู้เท่ารู้ทันรู้ป้องปราม
เหล่าฉลามนอกวารีมีบานเบือ

หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินถูกกินโกง
เจ้าของโรงสีข้าวชาวสิงห์เสือ
กดราคากดวิญญาณกดว่านเครือ
กฎชาวเกลือกดชาวนาลงต่ำตม

หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินรินน้ำตา
เหล่าพ่อค้าคนกลางคนใจขม
ล้วนทำนาบนหลังคนบนระงม
ปล้นสะดมหยาดเหงื่อคนพอเพียง

หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินถิ่นรุ่งเรือง
นักการเมืองหลอกใช้ให้ลงเสียง
สารพัดโครงการบานตะเกียง
เดินขึ้นเขียงผู้แทนแสนเล่ห์กล
 
หลังสู้ผาหน้าสู้เหวคือความจริง
ไร้พึ่งพิงเพื่อนแท้ไร้สถล
ก้มไถหว่านบนขอบเขาเราจำทน
เราจำจนจำนนใจไร้เหลียวแล

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 19 กรกฎาคม 2012, 11:24:AM
ขวานทองร้องทุกข์บทที่ ๑๔ เมืองลุยถั่ว

ประเทศนี้มีบางกลุ่มทุ่มลุยถั่ว
ขยันมั่วขยันซั่วทั่วแห่งหน
ในสภามหา’ลัยในชุมชน
ล้วนชอบกลดันทุรังเรื่องบังควร

กฎหมายดีมีไว้คุมคนปากพล่อย
กลับมุ่งสอยมุ่งดึงลงพื้นสวน
มุ่งทำลายมัตตัญญูรู้ใคร่ครวญ
เปรียบลำดวนถูกปลิดดอกลงซอกดิน

กฎหมายสูงปรับแก้มาอย่างประณีต
กลับมุ่งขีดเขียนใหม่ใจกังฉิน
เพื่อพวกพ้องเพื่อเจ้านายนามราคิน
นาย “กั๊กสิน” กั๊กทุกอย่างขวางหน้าตน

ศาลชั้นสูงควบคุมคนคิดชั่ว
มุ่งลุยถั่วคิดลิดรอนดั่งถอนขน
ใช่ของเล่นของสนุกของทุกคน
ราวเด็กซนดึงโน่นนี่น่าตีตาย

หากเป็นเด็กขอจงอยู่ส่วนของเจ้า
อย่ารบเร้าเรียกร้องเรื่องหลากหลาย
อย่างอแงแม่พ่องานมากมาย
ลูกฉิบหายชอบหาเรื่องเปลืองอารมณ์

ประเทศนี้มีคู่แข่งแบ่งหลายด้าน
ขายข้าวสารการท่องเที่ยวเป็นปฐม
เราต้องการงานสร้างสรรค์การเกลียวกลม
ไม่นิยมพวกบั่นทอนสั่นคลอนเมือง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 05 สิงหาคม 2012, 12:40:PM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๑๕ โรคสะใจ

โรคระบาดวาดลีลาคนแดนขวาน
เป็นโรคกาฬทำใจมืดมิดสลัว
เป็นโรคจากเชื้อร้ายในตนตัว
เป็นโรคชั่วกว่าไวรัสจัดถึงตาย

โรคสะใจสะสมจากเก็บกด
ถูกสะกดสะกิดใจให้มุ่งหมาย
สะเปะปะสะพรั่งพร้อมยอมวางวาย
หลงอุบายปลุกระดมอารมณ์คน

ทุกกำเนิดเกิดมาล้วนทุกข์เข็ญ
แต่ใช่เป็นข้ออ้างเป็นเหตุผล
ทำสะใจถือทิฐิทำพิกล
จลาจลป่นบ้านเมืองเคืองสังคม

เกิดมาจนใช่จนสิ้นทุกโอกาส
เกิดมาขาดใช่ไม่อาจเติมเต็มสม
เกิดมาต่ำใช่ต้องต่ำราวโคลนตม
เกิดมาจมใช่ดักดานนานชีวี

ลูกชาวไร่ได้เป็นหนึ่งในสภา
ลูกชาวนาบ่าติดยศติดศักดิ์ศรี
ลูกชาวสวนเป็นอำมาตย์มุขมนตรี
ประชาชีล้วนเป็นลูกของพระองค์

ประเทศนี้มีช่องทางให้เติบใหญ่
อย่าให้โรคสะใจทำลุ่มหลง
อย่าคิดได้เมื่อสายไปเข้ารกพง
ในป่าดงมีเสือบ้าเสือพลัดเมือง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 08 กันยายน 2012, 10:24:AM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๑๒ กับดักหนู

รัฐหลอกล่อลวงราษฎร์วาดโลกสวย
ฉากฉาบฉวยช่วยชาวบ้านผู้ขัดสน
ฉากฉกฉวยคะแนนเสียงประชาชน
ฉากฉ้อฉลฉาบน้ำตาลหวานซ่อนเกลือ

โน่นก็ฟรีนั่นก็ฟรีมีที่ไหน
สร้างนิสัยชอบขอรอช่วยเหลือ
แจกโน่นนี่มีตั้งแต่สากกะเบือ
ยันลำเรือยันรถยนต์คนทุกวัย

คนฮือฮาอามิสติดเบ็ดง่าย
คนมุ่งหมายของแพงก็ให้ไหว
คนอยากได้ไม่รู้พอก็จัดไป
คนได้ใจรัฐได้ชื่อลือมณฑล

เปรียบกับดักกักหนูให้ติดกาว
กลิ่นของคาวยั่วเย้าให้สับสน
ก้าวเข้าสู่บ่วงกิเลสเขตสินบน
เห็นแก่ตนเห็นแก่ได้เป็นสำคัญ

ทั้งประเทศมีแต่คนงอมือเท้า
ทุกวันเฝ้ารอโปรยทานท่านจัดสรร
ทุกวันคิดซาบซึ้งตรึงใจกัน
ไม่เท่าทันการตลาดวาดแต่งเติม

ขอคิดใหม่คืนศักดิ์ศรีให้พี่น้อง
คืนลำพองคนไทยใจฮึกเหิม
มุ่งทำงานหาเงินเกินกว่าเดิม
ขอส่งเสริมนิสัยบวกให้พวกเรา

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 03 ตุลาคม 2012, 10:31:AM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๑๖ คนดีไร้ที่ยืน

ปฏิญาณสาบานตนรับใช้ชาติ
อย่างองอาจภาคภูมิใจในเงื่อนไข
บริสุทธิ์ยุติธรรมนำชาติไทย
เจริญไกลไร้โกงกินสิ้นเกี่ยวดอง

ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างแน่วแน่
ไม่พ่ายแพ้สินบนคนเล่นของ
ไม่รับเงินใต้โต๊ะไม่รับซอง
มุ่งครรลององค์ภูมินทร์ทรงกล่อมเกลา

ปฏิคมก้มหัวให้เพียงคนดี
คนมุ่งพลีกายใจไม่ขลาดเขลา
คนคำนึงถึงส่วนรวมร่วมแบ่งเบา
คนบรรเทาทุกข์เข็ญปวงประชา

ปฏิปักษ์พวกฉ้อฉลกลโกงชาติ
พวกหมดขาดยางอายใจมิจฉา
ปราบอธรรมย่ำอบายปรามพาลา
มุ่งผลาญพร่าสมถะรู้พอเพียง

ปฏิเสธอำนาจอันอำอวม
ใช้กำกวมเกื้อกูลคะแนนเสียง
ไม่ยอมรับอิทธิพลคนลำเอียง
ไม่เลียบเคียงคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย

ปฏิบทสวนทางกลับเกิดขึ้น
เงาทะมึนสัญลักษณ์แห่งฉิบหาย
คนเก่งดีถูกย้ายเล่นเป็นวัวควาย
ตามอุบายทำลายคนชาติเดียวกัน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2013, 08:50:AM
ขวานทองร้องทุกข์ บทที่ ๒๖ ขวานขายถูก

เร่เข้ามาซื้อของลดกระหน่ำ
ของไทยทำไทยขายไม่อายหมา
ทั้งขายสิทธิ์ขายเสียงขายสัญญา
ขายวาจาขายยศศักดิ์ขายภักดี

ถูกที่สุดเสียงชาวบ้านหว่านซื้อง่าย
ยกทะลายยกทั้งพวงยกยวงหวี
ยกตำบลยกอำเภอยกธานี
ร่วมภาคีแบกะดินสิ้นเกียรติตน

แพงอีกนิดคนของรัฐจอมลัดเลี้ยว
ขอมีเอี่ยวขายตำแหน่งแบ่งปันผล
ปลัดขิกปลัดขอล่อสินบน
ใช่ขัดสนใช่จนยากแต่อยากรวย

แพงอีกหน่อยคนเครื่องแบบแสบคูณสอง
ไร้ลำพองไร้สำนึกไร้เขินขวย
ดาวบนบ่าคำสาบานเอื้ออำนวย
ท่านฉกฉวยขายคล่องราวของตัว

แพงที่สุดนักการเมืองผู้เปรื่องปราด
ผู้วางมาดสร้างราคาค่าขายหัว
ค่ายกมือค่าย้ายพรรคค่าพันพัว
ค่าร่วมฮั้วฮุบเงินหลวงเงินปวงชน

เทียบประวัติความเป็นมาอารยะ
อุตสาหะเหล่ากษัตริย์ทรงสร้างผล
กลับขายง่ายขายถูกขายพิกล
ด้วยต้องมนต์ผีละโมบมันโฉบใจ

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


หัวข้อ: Re: ขวานทองร้องทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: deja ที่ 25 เมษายน 2013, 10:10:AM
ขวานทองร้องทุกข์รวมเล่มเป็น e-book แล้วครับ

ดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้

http://book.truelife.com/truebook/store-detail?12731&detail (http://book.truelife.com/truebook/store-detail?12731&detail)

คำนำผู้เขียน

ภาพประกอบร้อยกรองนี้ผมถ่ายจากห้องนอนเกือบทั้งหมด
ส่วนใหญ่ถ่ายในปี ๒๕๕๔ หรือปีน้ำท่วมใหญ่ เห็นเมฆฝนเกรี้ยวกราด
จนไม่อาจปล่อยให้ผ่านไป ทุกเย็นจะเฝ้ารอคอยว่าวันนี้ท้องฟ้าอารมณ์
แรงแค่ไหน ระบายอารมณ์ใส่เมฆเพียงใด แสงอาทิตย์กระหน่ำซ้ำเติมอย่างไร

ผมทำเช่นนี้จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ทั้งไม่เบื่อและ
ไม่อยากเชื่อว่าความสุขอยู่ใกล้แสนใกล้กว่าที่คิด

การเฝ้ารอแสงสีบนท้องฟ้าคงเหมือนคนที่ชอบตกปลา ความสุข
ไม่ได้อยู่ที่การได้ปลา แต่อยู่ที่ตอนรอปลาติดเบ็ด

ช่างภาพอย่างผมก็เช่นกัน ความสุขอยู่ที่การเฝ้ารอจนท้องฟ้า
ใจดีให้ได้ภาพสวยๆมาถ่ายเก็บไว้ แถมยังทำให้ผมคิดเล่นๆว่า หาก
ชีวิตที่เหลืออยู่ผมไม่ทำอะไรเลย เฝ้ามองท้องฟ้าแต่ละวัน จะมีวันที่ผม
เบื่อหรือไม่
คำตอบคือไม่
ทำไม
เหตุผลคือที่มาของร้อยกรองเรื่องนี้ “ขวานทองร้องทุกข์”
เมื่อถึงเวลาบ้านเมืองเปลี่ยนไปจากที่เคยเห็นมาแต่เด็ก
ในสภาพแย่ลงๆ
ผมเอาเวลาไปเฝ้ามองท้องฟ้าดีกว่าครับ

เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๑ เมษายน ๒๕๕๖