พิมพ์หน้านี้ - โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => เรื่องทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: saknun ที่ 07 พฤษภาคม 2013, 02:55:PM



หัวข้อ: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 07 พฤษภาคม 2013, 02:55:PM
บทกวีที่พร้อม       บันทึก
ยังไม่เคยสำนึก     อย่างแท้
ผิดถูกใช่ตรองตรึก  วางแน่
คำเลี่ยงคำจำแก้    หล่อเลี้ยงคมกานท์


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 08 พฤษภาคม 2013, 09:22:AM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_011.gif) (http://www.klonthaiclub.com)
๐จารกถาถ่องถ้อย             ทวีคูณ
พาทย์พจนสมบูรณ์            บทแจ้ง
แม่นในหลักจำรูญ            กวีเก่า
จึ่งขับโคลงบ่แย้ง             ยศหิ้งอย่างครู

๐พรั่งพรูเพียงศัพท์ซึ้ง         เศวตรสาร
งดบ่นคำอันพาล             เพ่งฟุ้ง
ย่อมค่อยพัฒน์กลอนกานท์   เกริกเกียรติ
สู่ศักดิ์วาทเวี่ยรุ้ง             เลิศแล้โคลงขลังฯ

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_011.gif) (http://www.klonthaiclub.com)


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 08 พฤษภาคม 2013, 10:29:AM
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_020.gif)
 
Saknun ตั้งชื่อไว้             วางโคลง
คือสี่สุภาพโยง                  เยี่ยงนี้
ฤาหมายจักจรรโลง            เลบงแบบ บรรพ์พ่อ
ไร้น่วม-ไร้หนามชี้              เช่นให้ชนเห็น

จำเป็นขอโทษแล้              ไร้หนาม ฯ  ท่านเอย
ที่เอ่ยอ้างออกนาม              อย่างนั้น
นับถือทุกกระทงความ        ท่านกล่าว ไว้แฮ
สี่สุภาพใช่ดั้น                    เด่นเน้นเอกโท  ถ้วนนอ

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_020.gif)

ด้วยจิตคารวะ
สายใย


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 08 พฤษภาคม 2013, 11:35:AM
กลอนเจ็ดแปดอย่างนี้    มีเห็น
จำไม่จำคำเป็น           ว่าไว้
เอกโทนี่ประเด็น         จำถี่
ควรที่จดไปใช้         ท่องย้ำมานาน

ผมเพิ่งหัดอย่างไรแล้วช่วยติชมนะครับ
แต่พอเอาเข้าจริงผมผิดบ่อยแหะครับ


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 08 พฤษภาคม 2013, 01:57:PM
๐หวังโคลงหวานวับไว้          นิรันดร์วาร
ค่อยย่างอย่างครุจารย์         โจทย์ให้
ผิดถูกกลับแก้กานท์            เป็นเอก
อรรถอ่อนบวรได้              ลับดั้นเดี๋ยวคม

๐บ่มมะม่วงเร่งเร้า            สุกไว
รสชาติฤๅไฉน                กล่อมลิ้น
จากห่ามค่อยสุกใส           ซาบรส
ก้าวก่อต่อขั้นชิ้น-            เอกแผ้วพร้องเผย

๐เฉยเมยม่อยหมกด้าม       เก็บคม
ดาบว่าปาดเหล็กสม          ปาดกล้วย
บ่ถอดลับสนิมถม             ทับทื่อ
ด้ายเล็กเรียวสับด้วย          มีดนั้นช่างเหนียว

๐เช่นเชี่ยวชาญชุบช้อย      เชิงกลอน  โคลงนา
เพียรร่อยผันอักษร           เสน่ห์ซ้น
ขยันปรับแต่งขจร           แจมแจ่ม
ย่อมยกกลอนเข้มข้น        ค่าคล้อยความขยันฯ


             emo_126


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 08 พฤษภาคม 2013, 03:56:PM
เอกเจ็ดโทสี่นี้           บังคับ
จำเคร่งคำให้นับ         ถี่ถ้วน
เรียงวางว่างตอบรับ     คำแน่น
จดร่ายแบบแผนม้วน    เพ่งรู้ดูมา

เชิดครูบาว่าไว้          ทำตาม
เรียนค่ำสยามนาม       ถ่องแท้
ลักจดจำอย่างงาม       นะพี่
โคลงสี่สุพาพแท้         ผ่องแ้ผ้วแลดี

ขอขอบคุณพี่ไร้หนาม ไร้น่วมด้วยครับที่ช่วยต่อ


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 12:01:AM
   กรุ่นพจน์โคลงร่ายครื้น      บ้านกลอน
ถาถั่งดุจสาคร                     ฉ่ำชื้น
ลืมตาตื่นฤานอน                  หลับท่าน
เร็วเร่งพลันลุกฟื้น                   ว่องฟ้อนแป้นพิมพ์ฯ

   งัวเงียยังพ่ายล้า            ละเมอ
จ้องนิ่งคอมพิวเตอร์         เอื่อยช้า
ขืนตนนั่งทั้งเบลอ            ฟื้นง่วง ท่านนา
เมียบ่นหนักว่าบ้า            ลั่นห้องฟังไฉนฯ

สนอง เสาทอง
8 พฤษภาคม 56



หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 12:44:AM

๐ไร้หนามนี้อ่อนอ้อน       อัมพา  นาพ่อ
ท่านพี่ศักดิ์นันท์วจา        นอบน้อม
ผมเยาว์พรรษควรมา       ประณต  พี่นา
โปรดเถิดอย่าก้มค้อม      นบน้องอีกเลย

๐โคลงเอ่ยโดยต่างตั้ง      สัมพันธ์
ผ่านอักษรบวรอัน          ร่วมร้อย
แสนโยชน์ห่างสกนธ์กัน    ดังสนิท  ฤทัยนอ
จึงต่อตอบติดต้อย         แต่งแต้มเติมตาม

๐ความผิดพลาดพล่ามเพ้อ    เพียงใด
ท่านพี่รีบกล่าวนัย           แนะน้อง
น้องบังอาจอ่านไข           โคลงพี่
เห็นเหตุให้เพริศพร้อง       ดนุน้องแนะคืนฯ

          emo_126 emo_126 emo_126


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 04:15:PM
               เรียงความตามเพื่อนพ้อง        คืบคลาน โคลงเฮย
               รอรับเกี่ยวใส่พาน         ส่งคล้อง
               สำเริงเล่นสำราญ         คลอกล่าว เพลินนอ
               ขาดบ่มคมยังข้อง         พี่น้องจงอภัย

               ขึ้นเขาลงหล่มบ้าง        เจรจา
               เติมต่อตามเพลงพา        ลดเลี้ยว
               เปรียบชลท่องธารา         โค้งคด แท้นอ
               รอผ่านรสฝาดเปรี้ยว         สู่ห้วงสุกงอม

                                 เนิน จำราย







หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 11:01:PM

 emo_62    emo_62    emo_62

นารีมีฤทธิ์ร้อย................. กะลาวน
คบเพื่อนชายมากคน................บ่นกลุ้ม
รีรอก่อยินยล................ต่อไต่ ไปนอ
ยังบ่พอห่อหุ้ม..............หล่อเลี้ยงเพียงสนอง

เคียงครองปองหล่อนแล้ว.............จริงใจ
ทูนเทิดบรรเจิดใน.................จิตเจ้า
วอนเธออย่าหวั่นไหว................ไกลกู่ กันนา
จงอย่าครวญรุมเร้า...............จิตพี่พังสลาย

“ไพร พนาวัลย์”


 emo_82  emo_82


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 11:42:PM

   ลุงไพรออกร่ายแล้ว      เงียบเงียบ
ได้ชื่นโคลงคมเฉียบ         ค่าแก้ว
ถูกเมียล่ามระเบียบ         หักโซ่ ฤาท่าน
จึงเยี่ยมกรานเจื้อยแจ้ว    ผ่องแพร้วเพ็ญบรรณฯ

   ขาดไร้หนามเปรื่องแท้      เก็จกานท์
เมียงม่านบ่เห็นนาน            ห่มเศร้า
ผิยังอยู่เร่งขาน                  ฟุ้งร่าย เฮยนอ
รออ่านโคลงท่านเคล้า         ก่องถ้อยมณีกรองฯ

สนอง เสาทอง
9 พฤษภาคม 56



หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 05:09:PM
                       emo_73
๐ลอยละล่องหลีกลี้          ลับเลวง
เพียงประเดี๋ยวประเลง      เลียบย้อน
ศิลปินโปรดพิณเพลง       เพียงชีพ
คนรักโคลงเร่าร้อน         หากเร้นอักษรา

๐เมื่อมามานมาตรแม้น     เมียงเมลือง
โคลงขับคล้องรองเรือง     รติแล้
ระยิบระยับเนือง             นาฏศัพท์
พราวพร่างดาราแพ้         แด่ด้ายลายศิลป์

๐กลุ่มกวินทร์กวัดแย้ม      ยุบลยวน
หมู่มนุษย์มิหยุดชวน         ชื่นซ้อน
อิ่มกายครู่กลับครวญ        หิวใหม่
เอมจิตจากปราชญป้อน     อิ่มอ้อนอนันต์วารฯ

                 emo_126


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 09:10:PM

หลังไมค์ไปบอกน้อง................คนดี
เพียงสี่ห้านาที....................หลบจ้อย
ใจจะขาดปาดวารี...............อาบแก้ม แล้วนอ
บ่สงสารโตข้อย................สักน้อยหรือไร? emo_52

ไปบ่ลามาบ่ไหว้....................เลยเชียว
ไหนบอกว่าดายเดียว.................ออดอ้อน
มาคอยแต่แลเหลียว..................บ่เจอะ เลยนา
อ่านแต่กลอนคลายฮ้อน...............อ้ายนี้อกขม emo_33

“ไพร พนาวัลย์”

 emo_82


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 10:12:AM
หลงรักโคลงสี่แล้ว     ดวงใจ
คำยั่วคำหลงใหล       เท่านั้น
สุขเรียงร่ายพจน์ใส     ในนี่
กลัวที่เขียนโคลงสั้น    หวั่นใช้มิดี

หัดจรดจารที่นี้         หลายหน
จำพร่ำคำกมล          แค่เสี้ยว
หลงรักใคร่ก็ทน       โดดเดี่ยว
เป็นหนึ่งบทคตเคี้ยว      หลีกลี้ร้อยกรอง


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 10:26:AM


#๑๓๙

-๐-๐-๐-

หลงใหลของท่านนี้     เหมือนเรา จริงเอย
สนุกเขียนโคลงเอา     แน่นเนื้อ
วางกลเพื่อทายเขา   คำตอบ
ใจมุ่นคิดคำเชื้อ     แต่งถ้อยกรองกานท์

-๐-๐-๐-

งานใดใจบ่งแล้ว    ชอบมา
ใจยิ่งเกิดจินตนา     เพริศแพร้ว
ชวนผองเพื่อนเสาะหา    ความสนุก
แวะท่องชมกันแล้ว    อิ่มอ้างคำคม

-๐-๐-๐-


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 10:53:AM
ขออภัยท่านด้วย       ติชม
กลอนไม่สวยอารมณ์  ต่อต้าน
คิดยอมไม่ยอมตรม    ยังอยู่
กับที่ไม่หนีร้าน        นั่งซ้านเหมือนเคย



หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 11:13:AM


#๑๔๐

-๐-๐-๐-

ไยเอยใครเก่งกล้า    เกิดมา
ตนต่างเรียนวิชา     เพิ่มรู้
กระผมอ่านพรรณา     ของท่าน
ชิมอร่อยความสมผู้     หมั่นตั้งความเพียร

-๐-๐-๐-

เจียรจารดูคลับคล้าย     วรรณดี พี่เอย
เคยต่อกลอนกานท์มี     แน่แท้
แนวทางบ่งวจี   ชอบแต่ง   
เป็นเพื่อนกันถึงแม้     ไม่คุ้นพักตร์กัน

-๐-๐-๐-


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 11:57:AM
ชะตากรรมกระจอกน้อย
(ถูกนกเอี้ยงพาลแย่งรัง)

๑.
เกกมะเหรกคู่เอี้ยง         โมเม
คิดแย่งรังฉลเล่ห์               เบ่งท้า
กระจอกพล่านเต้นเร่า            สร้องแซ่ ท่านนา
จึงค่อยปลงก้มหน้า            ปริ่มน้ำตาคลอฯ

   ๒.
กระจอกรังแต่งน้อย         แต่พอตัว
เอี้ยงชั่วคิดพันพัว            แย่งยื้อ
ถือตัวใหญ่บ่กลัว               กรรโชกขู่
ผิว่าสู้แพ่งดื้อ                จิกเจ้าม้วยวายฯ

   ๓.
   จิ๊บจิ๊บจิ๊บแผ่วเศร้า            เสียงกระจอก
คบกิ่งเขียวมะกอก            เจ่าร้อง
พาลเอี้ยงข่มตะคอก            กรีดเร่ง เจ้านา
ผิร่ำไรช้าต้อง               เซ่นเท้าสังเวย (ทีน)ฯ

   ๔.
   นกเมืองไร้หมู่ไม้            แปงรัง
มวลหมู่มนุษย์คลั่ง            วัตถุบ้า
ไม้เมืองโค่นบ่ยั้ง               ผลาญคร่า เหี้ยนแฮ
พงศ์แซ่สกุณต่างล้า            ป่าร้างไร้รังเรือนฯ

   ๕.
   กระจอกเอี้ยงแย่งต้น         เสาไฟ
เกาะเจ่าคอนไฟสาย            ต่างก้าน
กระจอกวุ่นหญ้าใย            ฟ้อนว่อน ทำรัง
เอี้ยงน่าชังเกียจคร้าน            แก่งเจ้าแย่งครองฯ

   ๖.
   ดูสกุณเฝ้าอยู่เหย้า         เงียบงัน
นึกแต่กระจอกนั้น            จ่อมเศร้า
เพียรอุตส่าห์แข่งขยัน            แท้นั่น ท่านเฮย
เอี้ยงแย่งรังเย้ยเจ้า            หม่นร้าวโศกาลัยฯ

สนอง เสาทอง
11 พ.ค. 56


***เสียงนกจิกตีกันวุ่นวายเมื่อเช้า ลุกออกมาดูหน้าระเบียงบ้าน เห็นนกเอี้ยงคู่หนึ่งบินไล่จิกตีผัวเมียนกกระจอกที่สร้างรังอยู่ต้นเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน (ทำรังระหว่างสายไฟที่ร้อยมายังเสาเป็นสามทาง) นกกระจอกสู้ไม่ได้หนีไปเจ่าต้นมะกอกข้างบ้านส่งเสียงโวยวายลั่น

***ปกตินกกระจอกจะทำรังที่เสาไฟนี้แบบถาวร แต่พอใกล้ฤดูฝน นกเอี้ยงซึ่งปกติไม่สร้างรังนอน ก็จะมาไล่นกกระจอกเพื่ออาศัยรังออกลูก เมื่อลูกโตก็จะบินหนีไปจากรังทั้งหมด นกกระจอกก็จะกลับมาอาศัยที่รังเดิม เป็นเช่นนี้ทุกๆ ปี (อาจเป็นนิสัยเฉพาะตัวของนกเอี้ยงสุรินทร์)



หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 04:10:PM
ฝนตกมาอ่อนช้อย       เย็นกาย
โลกใส่ความสบาย      ทั่วหล้า
ลมโกรกฉ่ำสหาย        ดีทั่ว
อร่ามเหลืองบนฟ้า      แจ่มแจ้งเห็นงาม

นกกระจอกเล่นล้อ      เจื่อยแจว เสียงนา
สว่างกระจางแล้ว       พี่น้อง
ออกจากม่านสีแพรว    สวยเด่น
สง่าเบิกบานท้อง       ทั่วฟ้าแดนไกล


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ ร.รำพัน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 08:29:PM

๐ กลางสัปดาห์ใส่น้ำ           ลำไย
สามสี่วันถัดไป                  เริ่มเช้า
จนถึงทุ่มเมื่อใด                 จึงหยุด
อิดอ่อนคิดถึงเจ้า                เหนื่อยนั้นพลันหาย

๐ ฝนตกเพียงห่าน้อย           บ่นาน
ลงร่องซึมดินดาน                หมดสิ้น
เหมืองบ่อฝายลำธาร            แห้งขอด
สาวหน่ายคงดับดิ้น              ร่างม้วยนอนกอง

๐ ลำไยถูกแดดร้อน              เปลือกแดง
ฝนสาดต้องลมแรง               แตกอ้า
หวังจำหน่ายจะแพง             สูญเปล่า
สูญอัฐหากสูญหล้า              หลบลี้ฤดีสูญ

๐ หวังขายมะม่วงได้              เก็บตุน
ออมต่อทอทำทุน                 สืบสร้าง
โกดังกดว่าคุณ-                  ภาพต่ำ
สุกเน่าเหลือตกค้่าง              ปอกตั้งไฟกวน

๐ เกษตรกรเถื่อนถ้ำ              ไกลกรุง
ขาดเครื่องมือเงินถุง              จ่ายจ้าง
ออกแรงแบกกระบุง               เดินเดี่ยว
หญิงคู่เคียงเลือนร้าง              หม่นเศร้าหมองศรี

                 emo_62

               รพีกาญจน์

 


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 10:00:PM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_020.gif)
 
โคลงสี่สุภาพนั้น              ฉันใด
มีเอกโทตรงไหน              เล่าอ้าง
โคลงเราแต่งผิดไหม         ตามแบบ
ขอโทษหากโกรธบ้าง       อยากให้เป็นโคลง

จรรโลงหมายมุ่งสร้าง       สวรรค์กวี      ท่านเอย
แต่งเสร็จตรวจอีกที           ทั่วถ้วน
ถ้าถูกอย่ารอรี                  เร่งตอบ
ใครชอบใครชังล้วน           เหล่านี้โลกธรรม.                       

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_020.gif)



หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 15 พฤษภาคม 2013, 10:02:AM
๐น้อมนำธรรมทิพย์ถ้อย      พระชินสีห์
ชื่อว่าโลกธรรม์มี             คู่หล้า
ศาสน์วิเศษสุธี             ควรสดับ
พอประทังทุกข์ท้า            ถิรด้วยธรรมธร

๐ลาภพรเกิดแก่เกล้า        เพียงใด
ความเสื่อมลาภย่อมใย     แยบพร้อม
ยศฐาศักดิ์สุกไสว          วิภาส
เสื่อมยศไร้คนห้อม        ห่อนซ้องแซมหลัง

๐ดังด้วยเดชดั่งได้         สรรเสริญ
ดีเด่นด้วยเจริญ            จรัสร้อง
ลับหลังพล่ามเพลิดเพลิน    เพียงผิด
สองสิ่งเทียบเคียงคล้อง     คู่หล้าเลบงวิถี

๐ยามสุขมีร่วนยิ้ม          ยวนยล
สักประเดี๋ยวทุกข์ทน       ถากกล้ำ
สุขครู่กลับทุกข์ปน       ประชิด
ล้วนอัฐธรรม์เลิศล้ำ       พระพุทธ์เจ้าเทศนาฯ



หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 06 มิถุนายน 2013, 02:37:PM
ระบำยุคร่ายฟ้อน      เฆี่ยนโบย
ใครมุ่งเพียรกอบโกย      วัตถุบ้า
บีฑาคลั่งหิวโหย         ยื้อแย่ง
โลภแก่งเกียติกามคว้า      ถ่มบ้วนจริยธรรมฯ

อวยเงินตราค่าแพร้ว      มโนทูน
ยื้อแย่งเสพปฏิกูล      ว่ารุ้ง
กิเลสสิ่งคูถมูล         ข้องดื่ม
ต่ำเสื่อมสิ้นเหม็นคลุ้ง      เน่าเรื้อนนรกานต์ฯ

งายงมเสพร่ายฟุ้ง      คีตกานท์
ครั้งแต่ละอ่อนปาน      หนุ่มน้อย
จำเริญล่วงสังขาร      น้อยหนุ่ม เหลือนา
ไส้กิ่วตาชะม้อย         เพ่งคล้องวจีกรองฯ

สมาทานสิ่งแก้ว         มโนกวี
บวงเซ่นกตัญชลี         ท่วมไหว้
หินกรวดแร่อัญมณี      สิ้นค่า ธาตุแล
ฤาชื่นแท้เสมอได้         อิ่มถ้อยรุ้งกวินทร์ฯ


**เอาแบบเคร่ง 7 เอก 5 โท
***ช่วงนี้ ไม่ค่อยเห็นมีโคลง และกลบทต่างๆ เลย มันเหมือนกับขาดอะไรไปก็ไม่รู้ ใครคล่องโคลงหรือกลบทเร่งไว มีคนคอยอ่านอยู่

สนอง เสาทอง
6 มิถุนายน 56



หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 08 มิถุนายน 2013, 03:39:PM
ตาเบบูญ่าขึ้น      YouTube
คูณร่วงกลีบหลุบ      พ่ายแพ้
เมืองช้างถิ่นไม่หุบ      ยิ้มแฉ่ง
คูณนิ่งแสลงใจแท้      ห่มเศร้าใครเมินฯ

ริมกำแพงเก่าชั้น      แนวคู
งามเฟื่องตาเบบู      ญ่าสล้าง
เหลืองดอกอร่ามช่อชู   แย้มสะพรั่ง
ใครชั่งคิดยอสร้าง      ค่าไม้แปลกเมืองฯ

คูณเคยสะพรั่งแล้ง      เหลืองเรือง
คุณค่าสิ้นเขาเปลือง   ปลูกแล้ว
ไม้ต่างถิ่นเบ่งเขื่อง      เข้าข่ม เจ้านา
คูณบ่งามเสมอแก้ว      มิ่งไม้นำเข้าฯ

เหิมเห่อไม้ต่างบ้าน      แปลกไกล
ไม้ถิ่นมุ่งทำลาย      โค่นร้าง
ดอกคูณระย้าไหว      สิ้นค่า
‘บูญ่า’ อร่ามเหลืองสล้าง   ทั่วทั้งเมืองสุรินทร์ฯ


***เห็นคนสุรินทร์ถ่ายรูปดอก “ตาเบบูญ่า” ที่ปลูกมากตามฟุตบาทถนน และเลียบแนวคูเมืองเก่าของจังหวัดสุรินทร์ไปโพสต์ขึ้น YouTube แล้วพากันชื่นชมราวบุปผาสวรรค์ อดเศร้าใจลึกๆ ไม่ได้ คนสุรินทร์คงลืมไปแล้วว่าดอกไม้ประจำจังหวัดคือดอก “กัญเกรา” (อ่านว่า กัน-เกรา ไม่ใช่ กัน-เก-รา) หรือชื่อพื้นถิ่นเรียกว่า ”ดอกมันปลา”
***ตาเบบูญ่า เป็นไม้นำเข้าจากอเมริกากลาง (ที่เรียกว่าโซนคอนคาเคฟ)
***สงสารแต่ดอกคูณซึ่งเป็นไม้ถิ่นพื้นเมืองไทยที่ขึ้นอยู่ทุกภาค แต่ก่อนมีมากมายในแถบสุรินทร์ ปลูกริมถนน ฟุตบาท และในสถานที่ราชการ ฯลฯ เดี๋ยวนี้เขาปลูกตาเบบูญ่าแทนเต็มไปหมด


สนอง เสาทอง
8มิถุนา 56


หัวข้อ: Re: โคลงสี่สุภาพ มาอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 08 มิถุนายน 2013, 04:02:PM
ปลูกเป็นดอกไม้ใหม่  มักชม ดูแล
บานไม่นานก็ตรม     หม่นเศร้า
สวยหรูร่วงนิยม        แตกซ่าน
ดอกใหม่บานตอนเช้า  บ่ฟื้น คงทน

คูณสวยเหลืองหยดย้อย    ชื่นใจ
อร่ามเหลืองแลไกล         ยิ่งต้อง
รักษาไม่เอาใจ               นาแม่
สะพรั่งงามมาคล้อง         พ่วงสร้อยมาลัย